ฉันเป็นดั่งนกไร้ขา บินไปบินมาไร้จุดหมาย โอกาสลงดินนั้นไซร้ ต่อเมื่อความตายมาเยือน
Group Blog
 
 
ธันวาคม 2549
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
31 ธันวาคม 2549
 
All Blogs
 
ม่วนซื่นเมืองลาว ตอน 1 เด้อ!

ม่วนซื่นเมืองลาว

บันทึกการเดินทางข้ามลำน้ำโขง สู่เวียงจันทน์-วังเวียง-หลวงพระบาง ตอนที่ 1





ในช่วงชีวิตนี้ คุณเคยไปเที่ยวต่างประเทศบ้างหรือเปล่าครับ

การไปต่างประเทศหรือไปเที่ยวเมืองนอกนั้น อาจจะเป็นคำพูดที่ฟังดูแล้วยิ่งใหญ่ คนพูดอาจจะถูกตีความหมายไปในเชิงโอ้อวดตน
เผลอๆ อาจจะโดนยันกลับมาด้วยซ้ำว่า
เมืองไทยน่ะเที่ยวหมดแล้วหรือยัง เที่ยวยังไม่หมดแล้วยังจะอยากไปเมืองนอกอีกเหรอ

ในทัศนคติของผม
ผมคิดว่าคนเราน่าจะไปต่างประเทศคนละอย่างน้อยหนึ่งครั้ง
ไม่เกี่ยวกับการโอ้อวดหรือพูดให้น่าหมั่นไส้
ไม่ใช่เหตุผลด้านความหรูหราหรือมีเงินเหลือใช้

แต่ผมคิดว่าการเที่ยวต่างประเทศมันเป็นการเปิดโลกทัศน์ใหม่
การที่อยู่ในสภาพแวดล้อมเดิมๆ ถึงเราจะคิดว่าเป็นที่ที่ดีแล้ว แต่ถ้าเราไม่เคยก้าวออกมาดูที่อื่น เราจะรู้ได้ไงว่ามันดีที่สุด

นอกจากจะได้เห็นแหล่งท่องเที่ยวแปลกหูแปลกตาแล้ว เรายังได้ศึกษาสภาพสังคมของประเทศนั้นๆ ว่าการใช้ชีวิตและความคิดความอ่าน วัฒนธรรม และเกร็ดข้อมูลแปลกๆของคนที่นั้นว่าเป็นอย่างไรเป็นผลพลอยได้อีกด้วย

ซึ่งไอ้เกร็ดข้อมูลบางสิ่งก็น่าตะลึงชวนให้อ้าปากค้างยิ่งกว่าการไปเห็นเจดีย์พันปีซะอีกนะครับ

อีกทั้งการที่คุณต้องไปใช้ชีวิตในบ้านเมืองอื่นที่คุณไม่คุ้นเคย อะไรๆ ก็ไม่ง่ายเหมือนเก่า ภาษาที่พูดก็ไม่ใช่ภาษาพ่อภาษาแม่ของเรา จะสื่อสารกันได้ต้องงัดเอาทักษะภาษาอังกฤษฟุดฟิดฟอไฟที่คุณพอมีไว้ออกมา (แต่ถ้าภาษาของคนนักท่องเที่ยวกับเจ้าบ้านห่วยพอกัน สุดท้ายการแบคทูเบสิคอย่างภาษามือเป็นวิธีที่ได้ผลที่สุด) เป็นฝึกทักษะเบื้องต้นวิชาการเอาตัวรอดและวิชามั่วศาสตร์ได้เป็นอย่างดี

แม้จะนับข้อดีได้ไม่ถึง 5 ข้อ แต่สำหรับเพื่อนชาวบล็อกที่รักความท้าทาย ถ้าอ่านแล้วคันเท้าจะมัวรอช้าอยู่ใย ใครยังไม่มีพาสปอร์ตก็รีบไปทำซะเลย

แต่ถ้าคุณไม่เคยไปต่างประเทศมาก่อนเลย แล้วอยากจะลองไปครั้งแรก ภาษาอังกฤษก็ยังงูๆปลาๆ สัญชาตญาณการเอาตัวรอดก็ยังหมาๆ หมูๆ จะให้มือใหม่ไปเล่นของหนัก 16 ดีกรีอย่างทิเบต อียิปต์ นอร์ทโพลเลยก็ใช่ที่
ผมมีที่แนะนำสำหรับมือใหม่หัดท่องโลกครับ


ประเทศแรกที่ผมอยากแนะนำให้ลองไปก็คือ ลาวครับ
ด้วยความเป็นบ้านพี่เมืองน้อง
การเดินทางที่ใกล้สะดวกรวดเร็ว
ค่าใช้จ่ายไม่แพง

วัฒนธรรมและสภาพบ้านเมืองที่ใกล้เคียงกับไทย จนไม่ต้องปรับตัวอะไรมากมายแต่ก็ไม่ถึงกับเหมือนกันเป๊ะจนไม่เหลืออะไรให้แปลกใจ

การสื่อสารก็หายห่วงครับ ภาษาลาวไม่ว่าจะพูดหรือเขียนมีความใกล้เคียงกับภาษาไทยมาก อ่านง่าย เขียนง่าย ฟังง่าย พูดไทยไปเขาก็ฟังรู้เรื่องเพราะที่นั่นเขาก็ดูทีวีช่องของไทย ฟังวิทยุคลื่นซี้ดดดดด….เนชั่นไวด์เหมือนหมู่เฮานี่แหล่ะ

พล่ามมาซะนาน ป่านนี้คุณคงทำพาสปอร์ตเสร็จแล้วใช่ไหม
งั้นมาซิ ผมจะพาคุณแบกเป้ไปเที่ยวลาวด้วยกัน…





แนะนำประเทศ
คิดไปแล้วก็ดูเป็นตลกร้ายที่ฟังแล้วหัวเราะไม่ค่อยจะออก
การที่โลกทุกวันนี้เล็กลง ทำให้เราสามารถรู้ข้อมูลข่าวสารทุกอย่างในโลกๆได้

เรารู้ว่าแฟชั่นคอลเล็คชั่นใหม่ทีปารีสเป็นอย่างไร หนังฮอลลีวู้ดอันดับหนึ่งบ็อกออฟฟิซคือเรื่องอะไร หรือเพลงอะไรขึ้นอันดับโอเรกอนชาร์ทที่ญี่ปุ่น

แต่ยิ่งเราหูตากว้างไกล อาจจะทำให้เราหลงลืมในสิ่งใกล้ๆ ตัว

เราเคยรู้ไหมว่า เกิดอะไรขึ้นกับอองซานซูจีที่พม่า
ชะตากรรมของคนยากจนที่กัมพูชา

หรือสถานการณ์ในประเทศลาวตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง

พูดถึงประเทศลาว คุณคิดถึงอะไรบ้างครับ
สะพานมิตรภาพ แม่น้ำโขง
เบียร์ลาว
ข้าวเหนียว ส้มตำ
วง Cells, L.O.G.
คำเอาไว้สำหรับว่าคนที่มีลักษณะมีรสนิยมไม่ตรงกับความคิดของคุณ
กรณีขัดแย้งเรื่องนิโคล เทริโอ
หรือล่าสุดก็กรณีขัดแย้งเรื่อง หมากเตะโลกตะลึง
กับคำกล่าวอ้างที่เราชอบพูดเสมอว่าบ้านพี่เมืองน้องนั้น
ที่จริงแล้วเรารู้จักน้องคนนี้ดีแค่ไหน
หรือคำนี้มีประโยชน์แค่เพียง เอาไว้ไกล่เกลี่ยเวลาเกิดข้อพิพาท

ก่อนจะไปลาว เราลองมาศึกษาข้อมูลของประเทศนี้กันดีกว่าครับ
ประเทศลาวมีชื่อเต็มๆ ว่าสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป. ลาว)
ประเทศลาวมีพื้นที่ใหญ่กว่าภาคอีสานแต่ประชากรน้อยกว่ากทม. เกือบครึ่ง (ประมาณ 6 ล้านคน)
อาณาเขตติดประเทศไทย จีน เวียดนาม พม่า กัมพูชา ไม่มีพื้นที่ติดทะเลเลย

ภูมิประเทศร้อยละ 90 เป็นภูเขาและที่ราบสูง ทำให้ตอนนั่งรถ การข้ามเขาเป็นลูกๆ นี่เป็นเรื่องปกติมาก
พื้นที่ส่วนใหญ่อุดมสมบูรณ์ยังเป็นป่าไม้อยู่
มีแม่น้ำโขง เป็นหัวใจหล่อเลี้ยงประเทศ
มีประธานประเทศคือ ฯพณฯ คำไต สีพันดอน และนายกรัฐมนตรีคือ ฯพณฯ บุนยัง วอละจิด
ผู้คนนับถือศาสนาพุทธร้อยละ 85 นอกนั้นก็นับถือศาสนาคริสต์ อิสลาม บูชาผีสาง/เทวดาและอื่นๆ ร้อยละ15


ระหว่างที่เขียนข้อมูลอยู่ ผมก็เอาพาสปอร์ตมานั่งนับๆ ดูว่าผมไปลาวมากี่ครั้งแล้ว
นับไปก็ตกใจตัวเอง ผมไปลาวมา 10 กว่าครั้งแล้วครับ! (และคิดว่าน่าจะเพิ่มขึ้นไปอีกเรื่อยๆ)
ถามว่า ลาวมีเสน่ห์มากมายจนคนที่เคยไปแล้วต้องหลงไหลซมซานกลับมาอีกขนาดนั้นเชียวหรือ
ผมคิดว่าไม่ถึงขั้นนั้น อย่าไปหวังอะไรมากมายครับ ผมว่าแม้กับบางคนที่ไม่หวังอะไรมาก อาจจะต้องกลับมาอย่างผิดหวังด้วยซ้ำ

เพราะอย่างที่เขาบอกแหละครับ ที่นี่บรรยากาศเหมือนกับเมืองไทยเมื่อ 50 ปีที่แล้วไม่มีผิด จนบางทีคุณอาจจะรู้สึกว่ามาบ้านอกมากกว่าเมืองนอก

ดูจากตึกรามบ้านช่องที่ยังมีไม่มาก รถราที่ยังไม่ขวักไขว่ วิถีชีวิตที่ไม่รีบร้อน (เรียกว่าเข้าขั้นเย็นชืดด้วยซ้ำ)
ที่นี่จึงไม่เหมาะกับคนที่ต้องการอะไรที่ตื่นตาตื่นใจ
แต่ถ้านักท่องเที่ยวที่ชอบความละเมียด สนใจในวิถีชีวิต ในสิ่งใกล้ๆตัว
คุณมาถูกที่แล้วครับ


ขั้นตอนการในการไปลาว
ลาวเป็นประเทศที่คุณไม่ต้องใช้วีซ่า ขอแค่มีพาสปอร์ตก็ข้ามไปได้เลย สามารถอยู่ที่นั่นได้ 1 เดือน

แต่ถ้าคุณไม่มีพาสปอร์ตแล้วใจรักอยากไปมาก ก็ไปได้ครับแต่ต้องทำบัตรขอผ่านแดนตรงที่ว่าการอำเภอบริเวณศูนย์ราชการจังหวัดหนองคาย (ขอแนะนำว่าไม่ต้องเดินหาเพราะอยู่ไกลลิบโลกมาก เหมาสามล้อไปเลยง่ายกว่า) เตรียมรูปถ่าย 1 นิ้ว 2 รูป สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนมาด้วย ราชการยุคใหม่ ใช้เวลาทำเรื่องแป๊บเดียวก็เสร็จครับ
แต่ถ้าคุณไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย มาแบบงงๆ มึนๆ ตามวิสัยคนไทย ก็ไม่ต้องกลัวเพราะเขาจะมีบริการรับถ่ายรูปถ่ายเอกสารรอบริการคุณตรงหน้าอำเภอเลย แต่แน่นอน คุณก็ต้องแลกระหว่างความสะดวกกับค่าถ่ายเอกสารและค่าถ่ายรูปที่แพงแสนแพง

นักท่องเที่ยวที่ใช้บัตรผ่านแดน จะต่างจากที่ใช้พาสปอร์ตตรงที่แบบแรกสามารถอยู่ในลาวได้แค่ 3 วัน 2 คืน และเข้าทางเมืองไหนต้องออกทางเมืองนั้น และอยู่แต่ในเมืองนั้นเท่านั้น จะแอบชิ่งหนีไปหลวงพระบาง วังเวียงไม่ได้เด็ดขาด ถ้าถูกจับได้ก็จะโดนปรับเป็นเงินหลายหมื่นบาท แต่เขาจะไม่มีด่านมาตรวจบัตรคุณหรอกครับ แค่อย่าไปก่อคดีอะไรให้เขาขอเรียกดูบัตรคุณแล้วกัน โดนขึ้นมาเดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน

ทำบัตรผ่านแดนเสร็จแล้วก็นั่งรถไปที่ด่านผ่านแดนไทย-ลาวได้เลย

เคยมีคนถามผมว่า จะไปเที่ยวเวียงจันทน์ ระหว่างไปเองกับจ้างทัวร์ไป แนะนำอย่างไหนมากกว่ากัน
ขอบอกอย่างมั่นใจว่า ตอบไม่ได้ครับ ต้องดูบริบทโดยรวมของคนเที่ยวก่อน

ถ้าคุณชอบสบาย อยากได้ความรู้ ประหยัดเวลา จ่ายแพงได้ มีประสบการณ์ในการแบคแพคกิ้งน้อยก็แนะนำให้เลือกทัวร์ครับ แต่แน่นอนว่าก็ต้องมีบางสิ่งที่คุณจะต้องแลกคือ ราคาที่ค่อนข้างแพง(ประมาณ 800 บาท) และจะต้องไปตามสถานที่ที่เขาพาไปเท่านั้น ไม่มีเวลามานั่งชมนกชมไม้ ชมเมืองชมสาวหรอกครับ

แต่ถ้าคุณเลือกนั่งรถไปเอง ก็จะมีข้อดีตรงที่อิสระเป็นของคุณ ไม่ต้องไปตามใคร ได้เห็นบ้านเมืองชีวิตความเป็นอยู่ที่แท้โดยรวมก็ทั้งสนุกกว่าและเหนื่อยกว่าครับ

ถ้าไม่รู้จะเลือกแบบไหน ผมอยากแนะนำทางสายกลางเพราะคิดว่ามันเป็นวิธีที่รวมข้อดีของทั้งสองแบบเอาไว้คือ ไปที่ชายแดนลาวก่อนแล้วหารถที่นั่นเหมาไปทั้งทริป แล้วให้เขาทำตัวเป็นไกด์พาเที่ยวตามที่ที่เราอยากไป ง่ายดีครับ

อยู่ลาวไม่ต้องห่วงเรื่องทำตัวไม่ถูกหรือกลัวคุยกับเขาไม่รู้เรื่องนะครับ เพราะภาษาเขาที่พูดกันก็พอฟังออกอยู่ ใครนินทาเรารู้หมดแหละครับถ้าคุณฟังภาษาอีสานรู้เรื่อง
แต่ที่คุณต้องระวังก็คือเรื่องวัฒนธรรมและการวางตัว เพราะที่นี่เขายังยึดมั่นในประเพณีอันดีงามอยู่ อย่าไปทำตัวก๋ากั่น เซ็กซี่อย่างเช่นใส่กระโปรงสั้นจุ๊ดจู๋ไปเที่ยววัด
อยู่นั่นต้องระวังอะไรบ้าง อ่านไปเรื่อยๆ แล้วกันครับ เดี๋ยวผมจะมาบอกอีกทีตอนหลัง



จุดผ่านแดนมีหลักฐานครบแล้วก็มาทำเรื่องที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองได้เลยครับ ซึ่งต้องทำทั้งสองฝั่ง คือทำที่ฝั่งไทยเสร็จแล้วก็นั่งรถโดยสารข้ามสะพานมิตรภาพไปทำเรื่องที่ฝั่งลาวด้วย
สะพานมิตรภาพสร้างเสร็จและเปิดให้ใช้เมื่อปีพ.ศ. 2537 ประโยชน์ของมันนอกจากเพื่อให้เกิดความสะดวกในการเดินทางข้ามไปมาระหว่าง 2 ประเทศแล้ว มันยังเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความสัมพันธ์ของบ้านพี่กับเมืองน้องที่กลับมารักใคร่กันเหมือนเดิมหลังจากขุ่นข้องหมองใจกันไปพักใหญ่อันเนื่องมาจากภาวะหวาดกลัวคอมมิวนิสต์ขึ้นสมอง

หลังจากปล่อยให้สะพานแห่งนี้ทำหน้าที่เชื่อมสัมพันธ์อย่างโดดเดี่ยวมานาน ในปลายปีนี้ สะพานมิตรภาพแห่งที่สองก็กำลังจะเปิดให้ใช้ โดยเชื่อมระหว่างจ.มุกดาหารกับแขวงสวันเขตของลาว คนที่ต้องการจะนั่งรถโดยสารไปยังแขวงสวันเขตหรือจะนั่งต่อไปลงที่เว้, ดานัง, ฮอยอันประเทศเวียดนามเลยก็จะสามารถทำได้ไปได้ด้วยความสะดวกรวดเร็วมากขึ้น

ระหว่างนั่งรถข้ามสะพาน สายตาก็หันไปมองแม่น้ำโขง แม่น้ำนี้กว้างกว่า 1 กิโลเมตรและยาวกว่า 1850 กิโลเมตร เป็นเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงหัวใจของประเทศลาว
เห็นแล้วก็ใจหาย น้ำโขงแห้งเหือดกว่าเดิมเยอะมาก ต้นเหตุมาจากการสร้างเขื่อนของประเทศจีนพร้อมกันหลายๆแห่ง จนปิดกั้นทางเดินน้ำ ทำให้สายน้ำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแดนอุษาคเนย์สายนี้ดูอ่อนล้าลงทุกทีๆ

ผมมักเดินทางมาด่านตรวจคนเข้าเมืองตอนเช้าวันเสาร์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาฮอตฮิต คนมาทำเรื่องข้ามแดนเยอะที่สุด เพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่แผนการมักจะคล้ายๆกันคือ ไปเที่ยวเวียงจันทน์ตอนเช้าวันเสาร์แล้วกลับตอนเย็นวันอาทิตย์ รวมถึงกรุ๊ปทัวร์ต่างๆ ก็พากันเอาทัวร์มาลงในช่วงเวลาเดียวกันด้วย ซึ่งถ้าท่านดวงซวย มาจ๊ะเอ๋กับกรุ๊ปทัวร์ที่ลงกันมาเยอะๆ พอดีล่ะก็เตรียมควักหนังสือมาอ่านเล่นฆ่าเวลาได้เลย

ระหว่างที่ผมรอ ก็ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ด้วยการหาเพื่อนร่วมชะตากรรมคุยด้วย คนข้างๆผมเป็นหนุ่มสาวคนไทย บอกว่าลางานมาหนึ่งอาทิตย์ตั้งใจจะแบ็กแพ็กไปตามเส้นทางเวียงจันทน์-วังเวียง-หลวงพระบาง ข้างหน้าเป็นฝรั่งหิ้วจักรยานมาเลย แถวอื่นเป็นกลุ่มคนลาว คาดว่าจะกลับบ้านพักผ่อนหลังจากมาทำงานที่เมืองไทย ดูท่าจะมีคนร่วมชะตากรรมหลายคน

ถ้าคุณเห็นคนที่ดูเป็นมิตรและคุยง่ายอยากให้คุณลองตีซี้ไว้ ไม่แน่ว่าช่วงนั้นพวกเขาอาจจะเดินทางไปเส้นทางเดียวกับคุณ เวลามีปัญหาหรืออยากหาคนหารค่ารถค่าเรือจะได้พึ่งพากันได้ เพราะส่วนใหญ่เวลาผมไปเที่ยวผมก็มักจะเจอแต่คนหน้าเดิมๆ ที่เคยเจอตรงด่าน เดินสวนไปสวนมาตรงที่เที่ยวนั่นแหละ

เห็นด่านตรวจเอกสารของเขาแล้วก็ทึ่ง ใจหวนคิดถึงข้าราชการไทยสมัยก่อน (ซึ่งตอนนี้บางที่ก็ยังเป็นอยู่) เพราะไม่ว่าคนจะต่อคิวยาวเป็นหางว่าวยาวเหยียดเท่าไร ความเร็วในการจัดการเอกสารของเขาก็ยังคงอัตราเต่าคลานเท่าเดิมได้อย่างน่าประหลาดใจ ด้วยช่วงตรวจที่มีอยู่ 2 ช่อง กับจำนวนคนเหยียบร้อย พวกเขาก็ยังคุยกันเฮฮา ทำงานไปดูทีวีไป ดูแล้วเป็นการทำงานแบบรื่นรมย์ไม่เลวทีเดียว จนนักท่องเที่ยวต่อให้รีบแค่ไหนก็ทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้นอกจากพยายามทำใจให้รื่นรมย์ตามพวกเขาไปด้วย





แง่คิดจากเงินลาว
ระหว่างที่รอตรวจเอกสาร ก็ขอแว่บไปแลกเงินซะหน่อย
อัตราแลกเปลี่ยนตอนนี้อยู่ที่ 266 กีบต่อ 1 บาทโดยเฉลี่ย พลิกผันไปตามกระแสเงินฝืดเงินเฟ้อ แต่ถ้าแลกแล้วขาดทุนไปร้อยสองร้อยกีบก็ไม่ต้องไปโวยวายหาว่าเขาโกงนะครับ เพราะที่นี่แบงค์ต่ำสุดของเขาเท่ากับ 500 กีบ ต่ำกว่านั้นแบบที่เป็นเหรียญสมัยก่อนก็เคยมีแต่เดี๋ยวนี้ไม่มีใช้สูญพันธ์ไปหมดแล้ว

แบงค์ที่ใช้ได้จะมีตั้งแต่ 500, 1000, 2000, 5000, 10000, 20000, 50000กีบ เรียกได้ว่าหลังจากแลกเงินเสร็จ ท่านจะกลายเป็นเศรษฐีเงินแสนภายในชั่วพริบตา แต่อย่าเพิ่งเคลิ้มฝันหวานเพราะเดี๋ยวเงินมันก็จะหมดไปในชั่วพริบตาเช่นกัน เนื่องจากดูเผินๆ แล้วเหมือนค่าครองชีพจะถูกแต่จริงๆ แล้วยกเว้นเหล้าบุหรี่และซีดี ของที่นี่ราคาแพงกว่าไทยทุกอย่างเฉลี่ยประมาณ 20% ข้าวราดแกงจานละ 35-40 บาท น้ำขวดละ 15 บาท


สาเหตุจากประเทศลาวไม่ติดทะเล ทำให้การขนส่งสินค้าจากต่างแดนโดยเรือทำได้ลำบาก ต้องเสียภาษีข้ามแดนสองต่อทั้งที่เวียดนามและลาว อ่านดูอาจจะคิดว่าโห! แค่ไม่ติดทะเลเสียภาษีเยอะแล้วมันจะส่งผลใหญ่โตได้ขนาดนี้เชียวหรือ

ความจริงมันก็ไม่ใหญ่โตอะไรมากมายหรอกครับ ถ้ามันจะไม่ไปเกี่ยวโยงกับเรื่องสำคัญเรื่องนึง
น้ำมันครับ!

ความยากลำบากในการขนส่งทำให้ราคาน้ำมันที่นั่นแพงลิบลิ่ว เบนซินตกลิตรละ 32 บาท ทำให้ราคาสินค้าหลายอย่างแพงตามราคาน้ำมันไปด้วย บวกกับปัจจัยเสริมที่ว่าลาวไม่ค่อยมีโรงงานผลิตสินค้า (เห็นโรงงานที่ใหญ่จริงๆ มีแต่โรงงานเบียร์ลาวกับเป๊ปซี่) จึงทำให้ข้าวของเครื่องใช้อย่างสบู่ ผงซักฟอก ก็เป็นของที่ต้องสั่งซื้อจากไทยแลนด์นี่แหละครับ ราคาต้นทุนก็เลยต้องบวกค่าขนส่งข้ามแดนไปด้วย

ถึงข้าวของราคาจะพุ่งปี๊ด แต่รายได้เฉลี่ยของคนลาวก็ไม่ได้ปี๊ดตามไปด้วยนะครับ ผมเคยถามคนลาวที่ทำงานราชการว่าเขาได้เงินเดือนเท่าไร เขาตอบว่าเดือนละ 2000 บาท (คุณอ่านไม่ผิดหรอกครับ) ถ้าเป็นหมอก็ดีหน่อยจะได้เดือนละ 6000 บาท

ผมถามต่อว่า แล้วเขาอยู่กันได้อย่างไร กินข้าวได้ไม่กี่จานก็หมดแล้ว
เขาตอบว่าต้องทำอาชีพเสริมไปด้วย หรือไม่ก็ต้องทำกับข้าวกินกันเอง จะไม่ต้องซื้อกินนอกบ้าน ซึ่งเท่าที่สังเกตก็จริงครับ คนลาวไม่ค่อยกินข้าวนอกบ้าน ร้านอาหารที่เห็นเลยน้อยกว่าเมืองไทยมาก
เขาบอกว่าอิจฉาคนไทยที่ระบบเศรษฐกิจสังคมภูมิประเทศทุกอย่างเอื้อให้หมดแล้ว ขอแค่ขยันและฉลาดก็มีโอกาสรวยได้
ส่วนคนลาวต่อให้ขยันแทบตาย คนที่จะรวยเป็นเศรษฐีได้นั้นมีน้อยยิ่งกว่าน้อย
ผมฟังแล้วคิดถึงคำพูดที่ชาติอื่นพูดว่า ประเทศไทยดีหมดทุกอย่าง ยกเว้นอยู่อย่างเดียวคือคนไทย!

เขาบอกว่า คนลาวส่วนใหญ่คนที่รวยก็จะรวยล้นฟ้า ส่วนคนจนก็มักจะจนกรอบจนแกรบไปเลย อันนี้ผมก็พออนุมานได้จากรถบนถนน ที่ซึ่งถ้าไม่เป็นรถเบนซ์บีเอ็ม ซีอาร์วี แพงระยับแบบที่คนไทยส่วนใหญ่ก็ยังซื้อไม่ได้ ก็จะเป็นแบบรถปุโรทั่งอายุการใช้งานเกิน 10 ปีขึ้นอย่างนั้นไปเลย ส่วนใหญ่คนที่รวยถ้าไม่เป็นราชการชั้นผู้ใหญ่ก็จะเป็นนักการเมือง ไม่ค่อยมีมาจากสายนักธุรกิจ เนื่องมาจากลาวยังปกครองด้วยระบบสังคมนิยมอยู่ ไม่ใช่ทุนนิยมเต็มตัวแบบบ้านเรา ทำให้ธุรกิจส่วนใหญ่ถ้าไม่ใช่รัฐบาลเป็นเจ้าของก็ต้องร่วมหุ้นด้วยเสมอ ผู้คุมเศรษฐกิจส่วนใหญ๋จึงเป็นรัฐบาลครับ
พี่เขาพูดกับผมตบท้ายว่า ประเทศเขาจะเป็นคอมมิวนิสต์หรือทุนนิยมก็เป็นไป อย่างน้อยขอให้พวกเราอยู่สบายไม่อดตายก็พอ

ใจผมหวนคิดถึงวิกฤตการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในบ้านเรา
บางทีเรามัวแต่มองว่าปัญหาคอขาดบาดตาย คือ การที่มีกลุ่มคนกระทำผิดรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระถูกแทรกแซง ใช้อำนาจในทางมิชอบ ซึ่งมันก็สำคัญล่ะนะ แต่ท่ามกลางการถกเถียงกันทางสังคม หัวข้อที่ไม่เคยมีใครเอ่ยถึงหรือถกแถลงเลยก็คือ เรื่องปากท้องของประชาชนกลุ่มล่าง
ต่อให้รัฐธรรมนูญที่คุณแก้ไขจะเจ๋งยิ่งกว่าเดชคัมภีร์เทวดา แต่ถ้าคุณไม่คิดแก้ไขเรื่องเศรษฐกิจและสภาพสังคมของคนรากหญ้า ปล่อยให้ช่องว่างระหว่างคนในเมืองกับคนชนบทยังเปิดอ้าขาถ่างขนาดนี้ ระบบอุปถัมน์พึ่งพิงผู้มีอำนาจก็จะยังไม่หายไปไหน
และต่อให้เราไล่ทักษิณออกไปได้ สุดท้ายพวกเราก็จะได้ทักษิณคนที่ 2 คนที่ 3 กลับมาเป็นนายก…เหมียนเดิม

แค่เดินไปแลกเงินยังคิดเพ้อเจ้อได้ขนาดนี้ กลับมาที่เรื่องแลกเงินเหมือนเดิมดีกว่านะครับ
ถ้าคุณไปแลกเงินที่ด่านไม่ทัน จะมีที่อื่นให้แลกอีกได้ไหม
มีหลายจุดเลยครับ ถ้าจะให้แฟร์ๆ ก็แลกที่ธนาคารหรือตามจุดแลกเงิน (จะมีบริเวณจุดสำคัญอย่างเช่น ตลาดเช้า) พวกนี้จะแลกได้อัตราเดียวกันหมด ตามร้านค้าทั่วไปถ้าขอเขาดีๆ ก็แลกได้ครับ แต่แน่นอนว่าจะต้องมีค่าน้ำร้อนน้ำชาให้เขานิดหน่อย
หรือถ้าแลกยากแลกเย็นนัก ไม่ต้องแลกเลยก็ได้ครับ
เพราะที่นี่เขารับเงินไทยเกือบทุกร้าน มีที่ไม่รับไม่ถึง 1%เองมั้งครับ
แต่แนะนำว่าถ้าจ่ายเงินไทยก็อย่าไปคิดเล็กคิดน้อยว่าจะขาดทุนหรือเปล่าเพราะขาดทุนแน่นอน
แม่ค้าแกจะคำนวณง่ายๆ ตามสูตร 250 กีบเป็น 1 บาท 10000 กีบเป็น 1 ดอลลาร์
แถมถ้าหารแล้วเหลือเศษแม่ค้าก็จะปัดขึ้นลูกเดียว อย่างเช่น 18 บาท ก็จะปัดขึ้นเป็น 20 บาท ตั้งแต่ประวัติศาสตร์การเที่ยวของผมมา ไม่เคยมีครั้งไหนที่จะมีการปัดลงเลยครับ
อีกอย่างที่อยากจะฝากก็คือ พยายามคำนวณค่าใช้จ่ายให้ดีว่าจะซื้อของอะไรเท่าไรมูลค่ากี่บาทบ้าง แล้วให้แลกตามที่ใช้ ถ้าหมดแล้วให้ไปแลกใหม่หรือจ่ายเงินไทยเอา อย่าแลกให้เวอร์เกินจริง ประเภทใช้จริง 1800 แลกไป 8000 เพราะแลกมาแล้วจะแลกคืนยาก ต้องเอาไปแลกคืนที่ร้านค้าซึ่งเขาก็ต้องคิดในอัตราของเขา ส่วนเราก็ขาดทุนตามระเบียบอีกแล้วครับท่าน (หากำไรยากครับ เรื่องท่องเที่ยวเนี่ย)


โลกของเราหมุนเร็วไม่เท่ากัน
เสร็จธุระที่ด่านเรียบร้อยแล้วก็มาถึงขั้นตอนออกมาหารถเข้าสู่เมืองเวียงจันทน์
พอเดินออกมาข้างนอก ก็รู้สึกเหมือนเรากลายเป็นซุปเปอร์สตาร์มาเอง เพราะจะมีแต่คนมารุมล้อมเราพร้อมหวังดีถามเราเสร็จสรรพว่า พี่จะไปไหนหรือครับ (คนที่เคยลงรถทัวร์ที่บขส.ต่างจังหวัดคงนึกภาพออก)

รถโดยสารมีหลายแบบให้เลือก ทั้งรถสกายแลป (คล้ายตุ๊กตุ๊ก) รถแท็กซี่ (รถเก่าประมาณ10ปีขึ้น ไม่หรูเหมือนบ้านเรา) รถตู้ (ส่วนอันนี้หรูจริง หรูกว่ารถตู้อนุสาวรีย์ชัยอีก) และรถสองแถว จะมีทั้งแบบให้ไปส่งตรงที่หมายอย่างเดียวกับแบบเหมา

ถ้าคุณมากันหลายคน ไม่คุ้นเส้นทาง เวลาน้อย ต้องการความสะดวกรวดเร็ว ขอแนะนำว่าให้เหมาคันเดียวพาเที่ยวตลอดทั้งทริปดีกว่าไปหาเอาดาบหน้าแล้วต่อเป็นทอดๆ เพราะรวมๆ กันแล้วราคาไม่ห่างกันเท่าไร ราคาก็สมน้ำสมเนื้อ ไม่แพงมาก
แต่แนะนำว่า ต้องต่อ!!!
เพราะราคาที่เขาบอกมาตอนแรกจะแพงมากจนอยากเดินไปเที่ยวเองดีกว่า แต่ถ้าเราใช้ความใจกล้าในการต่อ (ต่อแบบแบบหักคอไก่ไปเลยนะครับ) และใช้ความใจเย็นในการเจรจา อย่าวอกแวก อย่าหวั่นไหว อย่าทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวทำหน้าตาหลุกหลิกงงชีวิตเด็ดขาด ถ้าเขาไม่ยอมก็แปลว่าเขาให้ไม่ได้จริงๆ แต่ถ้าให้ได้เขาก็จะยอมเราเอง ส่วนจะได้ส่วนลดมากน้อยก็แล้วแต่ระเบียบวาทศิลป์ของแต่ละคน (ไม่อยากคุยเลยว่าสถิติสูงสุดที่ผมทำไว้คือ เคยต่อราคาเหมาจาก 700 เหลือ 250 บาทมาแล้ว ฮ่าๆๆ)
หรือถ้าคุณพอมีความคุ้นเคยในตัวเมืองเวียงจันทน์แล้ว จะมีรถสองแถวบริการอยู่ แต่ไปพร้อมคนอื่น ต้องรอให้รถเต็มจึงจะออกได้สนนราคาก็คนละ 40 บาทถ้วน จะหมดระยะที่บขส.แถวตลาดเช้า จากนั้นอยากไปไหนต่อก็ค่อยเดินไปหรือหารถต่อเป็นทอดๆ ไปอีกที แบบนี้เหมาะกับคนที่เคยมาแล้ว ต้องการชิวๆ ไม่รีบร้อนและอยากเห็นสภาพบ้านเมืองและผู้คนที่แท้จริงครับ

หรือถ้าคุณไม่อยากเสียเวลาต่อรถเข้าเวียงจันทน์ตรงจุดผ่านแดนผ่านแดน อยากให้รถไปส่งถึงในตัวเมืองเวียงจันทน์เลย ที่บขส.จะมีรถสายหนองคาย-เวียงจันทน์ และอุดร-เวียงจันทน์อยู่ แต่จะมีแค่วันละ 4 รอบ แถมมีแค่รอบละคันเท่านั้น พลาดแล้วพลาดเลย ยังกับกลัวว่าคนจะมาขึ้นเยอะอย่างนั้นล่ะ ถ้าจะไปแบบนี้ก็ให้รีบมาจองนะครับเพราะรถน้อยมาก (รถจากหนองคายมีรอบเวลา 7.30, 10.00, 15.30, 18.00) ต้องยื่นพาสปอร์ตและบัตรผ่านแดนมาให้เขาดูก่อนจึงจะสามารถซื้อได้
ผมไม่ทราบว่าทำไมรถจึงมีรอบน้อยทั้งๆ ที่ผมเชื่อว่าถึงเปิดเยอะๆ ก็มีคนนั่งเต็มอยู่ดี หรือว่ากลัวตุ๊กตุ๊ก แท็กซี่ที่ด่านไม่มีรายได้
ท่านผู้อ่านคนไหนทราบข้อมูลฝากชี้แจงมาหน่อยนะครับ





ระยะทาง 22 กม.จากหนองคายไปเวียงจันทน์นั้น ทำเอาผมแอบสงสัยว่า ทำไมเมืองหลวงของเขาจึงอยู่ใกล้ประเทศอื่นขนาดนี้ นี่ถ้าเป็นสมัยอโยธยา เมืองไทยระดมเรือรบมาจ่อยิงตรงชายแดนนี่ คงหนีไม่รอดแน่นอน
ระหว่างนั่งรถสองแถว ผมก็ได้ใช้เวลาว่างนั่งมองโน่นมองนี่ไปตามเรื่องตามราว
ถนนยังราดยางไม่ดีนัก ปริมาณรถยนต์น้อยกว่าจักรยานและมอเตอร์ไซค์ ข้างทางเป็นทุ่งนามากกว่าป่าคอนกรีต สาวๆ ใส่ผ้าถุงเยอะกว่าสาวใส่สายเดี่ยว เห็นควายข้างทางจำนวนมากกว่าที่เคยเห็นในเมืองไทยตลอดหลายปีมานี้ซะอีก
ผมเชื่อว่าถ้าคุณอยู่ในสภาวะเช่นเดียวกับผม คุณจะต้องอดถามตัวเองไม่ได้ว่า
นี่คือเมืองหลวงแล้วหรือ
ประเทศลาวไม่มีเซเว่น-อีเลเว่น แมคโดนัลด์ หรือสตาร์บัค
ประเทศลาวไม่มีตึกที่สูงเกิน 10 ชั้น จะหาที่เกิน 2 ชั้นก็ยังยากแล้ว
ประเทศลาวไม่มีผับ เธค บาร์ โรงหนัง ห้างสรรพสินค้าเกลื่อนเมือง

ถ้าเอามาตรฐานตามแบบพจนานุกรมของสังคมโลกาภิวัฒน์
นี่ต้องเป็นความล้มเหลวอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ถ้าเราคิดในอีกมุมนึงว่า
ประเทศเขาแทบไม่มีอาชญากรรม
อากาศดี รถไม่ติด การเดินทางสะดวก
ผู้คนไม่รีบร้อน ใช้ชีวิตไม่เครียด อยู่ไปเรื่อยๆ
บางทีในโลกที่มันวิ่งเร็วจนหายใจแทบไม่ทัน ที่จุดหมายข้างหน้าไม่รู้ว่าจะเป็นสวรรค์หรือเหว
ผมเริ่มคิดว่าการเดินให้ช้าลงก็ฟังดูน่ารื่นรมย์มิใช่น้อย

สำหรับคนที่ไม่เคยไปมาก่อน ถ้าถามรถที่เราเหมาว่าจะไปไหนบ้าง เขาจะแนะนำ 5 ที่ที่เด็ดดังต่อไปนี้ (อาจจะผิดไปบ้างซักที่ ถ้าเกินกว่านี้ท้าให้มาถีบแม่ยายคนเขียนได้เลย)
1.ธาตุหลวง
2.ประตูชัย
3.ตลาดเช้า
4.หอพระแก้ว
5.วัดศรีเมือง
ถ้าอยากไปเพิ่มจากนี้ก็ลองเจรจาดูนะครับ อาจจะมีเพิ่มเงินนิดหน่อย

กำลังคุยเพลิน ๆ หน้ากระดาษ(บล็อก) หมดเสียแล้ว เราจะมาต่อกันในตอนหน้า เนื้อหาจะพาเจาะลึกตัวเมืองนครหลวงเวียงจันทน์ทั้งด้านที่เที่ยว ที่กิน สังคม อย่าพลาดนะครับ




Create Date : 31 ธันวาคม 2549
Last Update : 2 มกราคม 2550 13:57:12 น. 11 comments
Counter : 817 Pageviews.

 
"เนื้อหาจะพาเจาะลึก"
เจาะลึกมากๆเข้า เดี๋ยวก็ได้เป็นเขยลาวหรอกเฟ้ย...


โดย: ~pie~doki_doki IP: 203.188.11.5 วันที่: 5 มกราคม 2550 เวลา:21:56:29 น.  

 
เฮ้ย มีเวลาว่างมากนักเหรอ
เขียนซะยาวเชียว
ขี้เกียจอ่านอ้ะ

คราวหลังเวลาว่างมากกว่านี้จะมาอ่านให้จบนะ


โดย: KeroJung IP: 125.24.27.202 วันที่: 11 มกราคม 2550 เวลา:22:07:27 น.  

 
นั่งอ่านตอนก่อนเลิกงาน มีจังหวะให้หัวเราะได้ตลอดเลย
...ถ้าจะไปอีกเป็นครั้งที่ 11ก็เรียกด้วยนะเฟ้ย...

จะไปช่วยต่อค่าเหมารถ


โดย: แหมบ IP: 203.157.185.2 วันที่: 12 มกราคม 2550 เวลา:16:04:54 น.  

 
ยาวจิงๆว่ะ



โดย: เล่งฮู้ IP: 58.9.173.32 วันที่: 21 มกราคม 2550 เวลา:23:44:28 น.  

 
รอตอนต่อไปอยู่เน้อ!


โดย: ทายาทอสูร IP: 61.90.246.19 วันที่: 31 มกราคม 2550 เวลา:13:10:07 น.  

 
ช่วงเวลาของการท่องเที่ยวสัมผัสวัฒนธรรมที่แตกต่าง ยังมาไม่ถึงผมซะทีครับ


โดย: พลทหารไรอัน วันที่: 3 เมษายน 2550 เวลา:1:27:45 น.  

 
เนื้อหาลึกมากมากขอบอกว่า..แต่ก้อมีประโยชน์สุดสุด..รอบหน้าจะตามเที่ยวด้วยเด้อ


โดย: เด็กหญิงวันพุธ IP: 203.157.185.2 วันที่: 2 พฤษภาคม 2550 เวลา:10:41:43 น.  

 
คุณคะ..เอ่อ..
ในชีวิตนี้ เคยทำอะไรเสร็จเป็นชิ้นเป็นอันบ้างอะคะ..แหะๆ (แซวเล่นนะ อย่าพึ่งโกรธ)

เพราะตามอ่านอะไร ต่อมิอะไร ก็อารมณ์ค้างไปซะทุกเรื่องเลยหง่า

เมื่อไหร่จะว่างมา upblog ต่อเนื่องให้จบๆ น๊อ รอทั้งเรื่องเว้ ดานัง ฮอยอัน แล้วก็เรื่องลาวอีก เหอะๆ


โดย: นอ กอ นกส์ (Sophisticated ) วันที่: 7 พฤษภาคม 2550 เวลา:22:44:13 น.  

 
จินตนาการเป็นภาพขึ้นมาเลยครับ เล่าได้ละเอียดจริงๆ ผมเคยไปลาวมาครั้งนึงกับครอบครัวแบบวันเดียวกลับ เลยยังไม่ได้เห็นอะไรมากนัก ถ้ามีโอกาสอีกว่าจะไปอยู่ซักสองสามอาทิตย์ ยังไงขออนุญาตเก็บบทความนี้นะครับ เป็นประโยชน์มากๆ


โดย: ต้น IP: 218.221.201.101 วันที่: 19 มกราคม 2552 เวลา:0:01:24 น.  

 
กลุ่มเพื่อน 5.63 โรงเรียนอุตรดิตถ์ ขอเชิญเพื่อนๆสมาชิกทุกมหาสาขาทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ร่วมทริปอีสานสัญจร “”ม่วนซื่นโฮแซว แอ่วแดนอีสาน 5.63 เบิกบาน ยามนำกันถิ่นดอกคูณ” ณ จังหวัดขอนแก่น วันที่ 23-24 ก.ค. 2554 สนใจเดินทางมาร่วมงานเชิญติดต่อได้ที่ เรืองวิทย์ ล้อศิริรัตน์ 081-5453575 วิชรัตน์ บุปผาพันธ์ 0892060812 กมนวรรณษ์ วัฒนศรีทานัง 0898559931 และ พ.ต.ท.เสฏฐวุฒิ รอดจันทร์ 0817862143


โดย: กลุ่มเพื่อน 5.63 อ.ต. IP: 210.246.186.4 วันที่: 7 กรกฎาคม 2554 เวลา:18:06:09 น.  

 
บรรยายได้ดีมากค่ะ ต้องการข้อมูลมากมายสำหรับการแบกเป้เที่ยวลาวครั้งแรก มีทุกคำตอบที่ต้องการเลยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ


โดย: โอม IP: 58.11.101.34 วันที่: 19 มีนาคม 2555 เวลา:15:24:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ฟ้าดิน
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




ความจำสั้น ความฝันยาว.....
Friends' blogs
[Add ฟ้าดิน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.