ฉันเป็นดั่งนกไร้ขา บินไปบินมาไร้จุดหมาย โอกาสลงดินนั้นไซร้ ต่อเมื่อความตายมาเยือน
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
2 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 
บทบันทึกการเที่ยวเขมรของผม ตีพิมพ์ครั้งแรกใน A Day เล่ม 108 - "นักเดิมพันระหว่างการเดินทาง"

-เนื่องจาก A Day เล่ม 109 เดือนกย. 2552 เพิ่งออกวางแผงเมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา (เกือบตกเดือนแล้ว เล่มใหม่นี้ เป็นฉบับเกี่ยวกับ D.I.Y. เนื้อหาดีมาก แนะนำให้ไปหามาอ่านกันโดยด่วน - พื้นที่โฆษณา ฮ่าๆๆ) จึงน่าจะเป็นโอกาสอันสมควรแล้ว ที่จะนำบทความเกี่ยวกับการเที่ยวเขมรของผมที่เคยลงตีพิมพ์ใน A Day ฉบับ 108 เอามาลงในบลอกนี้เสียที

-บทความที่นำมาลงในบลอกนี้ ไม่เหมือนกับบทความที่เอาลงในหนังสือเสียทีเดียว เนื่องจากในหนังสือมีการตัดทอนและเซนเซอร์คำหยาบบางคำออก ถือซะว่า บทความที่ลงในบลอกนี้เป็นฉบับ Director's Cut แล้วกัน

-แม้บทความนี้ สมาชิกทัวร์จะยังไปไม่ถึงเมืองเสียมเรียบ แต่ผมก็ขอใช้ภาพโลโม่ฝีมือของแต๊ก (หนึ่งในตัวละครหลักในบทความนี้) นำมาประกอบในบทความนี้ด้วย ขอบคุณแต๊กที่ให้ยืมภาพมาใช้

-ถ้าอ่านแล้วชอบ-ไม่ชอบตรงส่วนไหน ฝากติชมมาหน่อย เพื่อจะได้นำคำติชมเหล่านี้ไปปรับปรุงแก้ไขในงานเขียนครั้งต่อๆ ไป

-ขอให้สนุกกับการอ่านครับ


*****************************





นักเดิมพันระหว่างการเดินทาง


ตีพิมพ์ครั้งแรกใน A Day เล่ม 108 ฉบับเดือนสิงหาคม 2552 หน้า 148-149


ก่อนจะเริ่มต้นบทความนี้ ขออนุญาตทำตัวทันสมัยด้วยการขึ้นคำเตือนว่า มีพฤติกรรมของตัวละครในเรื่องบางอย่างที่ไม่เหมาะสมกับเด็กและเยาวชน ผู้ปกครองควรให้คำพิจารณา (และเอาลิควิดเปเปอร์มาเซ็นเซอร์ได้ตามต้องการ)

เคยมีบางคนหล่นคำพูดเอาไว้ว่า บางครั้งปลายทางก็ไม่สำคัญเท่าระหว่างทาง
สำหรับคนอื่น คำพูดนี้จะเป็นจริงแค่ไหนผมไม่ทราบ แต่สำหรับผม หลังจากที่ได้พบพานกับเหตุการณ์บางอย่างในกัมพูชา ผมพบว่า คำพูดนี้มีส่วนจริงไม่น้อยเลยทีเดียว

ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างถึงนครวัด จากคุณอาร์โนลด์ ทอลบี้ว่า See Angkor and Die- เมื่อคุณเห็นนครวัดแล้วก็สามารถนอนตายตาหลับได้ (ไม่ได้แปลว่า เห็นนครวัดแล้วไปตายซะ เหมือนที่หลายๆ คนแปลผิดไว้) ทีไร ก็ก่อให้เกิดอาการคันในง่ามเท้า อยากออกเดินทางไปนครวัดทุกที
แถมสิ่งมหัศจรรย์ของโลกแห่งนี้อยู่ไกลจากด่านอรัญประเทศไม่ถึง 200 กม. เมื่อเทียบความยิ่งใหญ่กับระยะทางที่ใกล้ขนาดนี้แล้ว ก็เหมือนกับว่ามีคนเอามรดกโลกมาป้อนให้ถึงหน้าปากซอยดีๆ นี่เอง

ด้วยเหตุนี้ เมื่อโอกาสอำนวย พวกเราสมาชิกชมรมคนชอบแบกเป้เที่ยว แต๊ก จ๊อบ หมิง ฤ และผมก็เลยบรรจุ นครวัด ไว้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวช่วงวันหยุดยาวปลายปี ทันที

จากการสอบถามคนที่เคยไปแล้ว เขาบอกมาว่า เป็นไปได้ควรไปถึงด่านให้เร็วที่สุด เพราะช่วงสายๆ เหล่าฝูงชนอันคับคั่งทั้งแรงงานเขมร นักท่องเที่ยว และนักพนันจะล้นทะลักเข้าไปในด่านเป็นจำนวนมาก เนื่องจากไม่อยากไปเบียดเสียดกับใคร พวกเราจึงตกลงกันว่า ควรจะไปตั๋วเที่ยวเช้าที่สุด ล้อหมุนสักตี 4 ตี 5 ยิ่งดี

ขณะที่ผมเตรียมจะไปซื้อตั๋วรถทัวร์กรุงเทพ-สระแก้วที่หมอชิต แต๊ก เพื่อนฝ่ายจัดหาข้อมูลก็โทรมาหาผมเพื่อเสนอไอเดียเด็ด
“เฮ้ย รถทัวร์ นั่งก็นาน จอดแวะตั้งหลายที่ กว่าจะไปถึงก็สาย คนเต็มด่านกันพอดี เรามีวิธีที่ดีกว่านั้น”
“วิธีอะไร”
”มันเสี่ยงหน่อยนะ แต่ใช้เวลาเดินทางแค่ชม.กว่าๆ เอง แถมค่ารถร้อยเดียวเอง ถูกกว่านั่งรถทัวร์ตั้งหลายเท่า”
“น่าสนอยู่ แต่มันฟังดูดีเกินไปจนน่ากลัวว่ะ แล้วตกลงเราจะไปกันยังไงหรือ”
“ป๊าบอกเรามา แถวสวนลุมมีจุดจอดรถทัวร์สำหรับลูกค้าที่จะไปเล่นคาสิโน แค่เราโทรไปจองเขา แล้ววันจริงทำตัวให้เหมือนอาเสี่ยกระเป๋าหนักซะหน่อย พอเขามาส่งที่คาสิโนปุ๊บ เราก็แอบหนีออกทางประตูหลังเลย ออกไปแบบเงียบๆ แค่นี้เขาก็จับไม่ได้แล้ว”
“แล้วถ้าเขาจับได้ล่ะ”
“อย่างมากก็แค่ด่า หรือไม่ก็จ่ายค่าปรับ เรื่องเล็กแค่นี้เขาคงไม่ทำถึงขั้นเรียกตำรวจมาจับหรอก หรือถ้ามีปัญหามากนัก เราก็เล่นจริง สักตาสองตาไปเลย”





แม้จะดูเป็นการขึ้นรถแนว Crime-Drama-Thriller ไปสักหน่อย แต่ด้วยความงกเป็นเหตุ เลยทำให้สมาชิกทุกคนลงมติอนุมัติเป็นเอกฉันท์
วันเดินทางจริง พวกเรามุ่งหน้าไปที่สวนลุมตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น
ใครที่อยู่บนรถคาสิโนวันนั้น ท่านจะได้เห็นหนุ่มสาว 5 ชีวิต ผู้ชายใส่เสื้อเชิร์ท กางเกงสแล็ครีดเรียบ ผมเรียบแปล้ ผู้หญิงใส่ชุดเรียบร้อยพองาม แต่แบกกระเป๋าสะพายใหญ่ยักษ์ เป็นแบ็คแพ็คเกอร์ ดูสับสนในตัวเองเป็นยิ่งนัก

พนักงานทยอยเดินมาถามผู้โดยสารทุกคนบนรถทันทีที่ล้อหมุน
“พวกน้องจะไปคาสิโนกันใช่ไหมคะ”
“ใช่ครับ จำหน้าผมไม่ได้หรือ เดือนก่อนก็เพิ่งมา คราวก่อนเสียไปเยอะเลย วันนี้เลยกะว่าจะไปเอาคืนสักหน่อย ฮ่าๆๆ” พวกเราตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เรื่องความพลิ้ว เราก็ไม่เป็นสองรองใครเหมือนกัน
“ยังงั้น เดี๋ยวพี่จะเก็บตังค์พวกคุณไปก่อน 300 บาทนะคะ พอถึงที่หมายแล้ว น้องค่อยไปเอาคืน 200 บาทในตัวคาสิโนนะคะ”
“ได้เลยครับ ไม่มีปัญหา”
เป็นว่า ตอนนี้เรามีปัญหาเพิ่มขึ้นมาอย่างนึง คือ แผนการหลบหนีออกทางประตูหลังใช้ไม่ได้แล้ว สรุปได้ว่า เราคงไม่ใช่กลุ่มบุคคลแรกที่คิดแผนนี้ขึ้นมาได้ คงมีคนใช้แผนแบบเรามาก่อนแล้ว แถมมีคนใช้เยอะมากจนพวกพี่ๆ เขาต้องใช้มาตรการแบบนี้เข้ามารับมือ
“ไม่เป็นไร เล่นสักตาสองตา พอขำๆ ก็แล้วกัน”

รถไปถึงด่านเร็วกว่าที่คิด แต่ถึงกระนั้นคนก็ยังล้นอยู่ดี เนื่องจากพวกเราทำวีซ่าเรียบร้อยแล้ว จึงใช้เวลายื่นเอกสาร ทำเรื่องออกจากด่านไทยเร็วกว่านักพนันที่มาพร้อมเราซึ่งต้องใช้บัตรผ่านแดน
พอหลุดมาจากด่านไทยมาได้แล้วโดยไม่เห็นร่วมคันรถคนอื่นออกมาด้วยเลย พวกเราเลยตกลงกันว่า ไปนั่งเล่น (พนัน) รอที่คาสิโนก่อนดีกว่า
เดินมาไม่นานก็พบรถกอล์ฟบริการรับส่งผู้โดยสารเข้าคาสิโนมากมาย
“เฮ้ย แต๊ก รถที่เราขึ้นมันเป็นของคาสิโนอะไรนะ จะได้ไปถูก” ผมถาม
“ลืมว่ะ” แต๊กตอบหน้าตาย
“…”
“มีคีย์เวิร์ดในชื่อที่คุ้นๆ ไหม เผื่อนึกออก” หมิงถาม
“จำไม่ได้เลยว่ะ ชื่อมันประมาณไดม่อนด์ สตาร์ แกรนด์ อะไรสักอย่างนี่แหละ”
“คาสิโนมันก็ชื่อแบบนี้แหละ มีอะไรที่ชี้ชัด เจาะจงกว่านี้ไหม” จ๊อบโวย
“ไม่มี”
“ย้อนกลับไปถามเขาที่ด่านไหม” หมิงบอก
“แค่นี้ตูก็จะเป็นลมตายแล้ว จะให้กลับไปอีกหรือ” จ๊อบโวยอีก

ทันใดนั้น มีรถของคาสิโนคันนึง วิ่งผ่านหน้าพวกเราไป แต๊ก พูดขึ้นมาว่า
“ชื่อมันประมาณนี้แหละ เราคุ้นๆ”
ถ้าเป็นในยามปกติ ถ้าใครบอกว่า คุ้นๆ เราคงยังไม่ตกลงปลงใจอะไรแน่นอน แต่อาจเป็นเพราะสูดฝุ่นแดงๆ ไปจนเต็มปอด จนทำให้ระบบประสาทแห่งการแยกแยะถูกผิดลดลงไปอย่างมาก รู้ตัวอีกทีพวกเราก็ขึ้นมานั่งเหยียดขาบนรถแล้ว

เข้ามาในตัวคาสิโนแล้วก็อดตกใจไม่ได้ เพราะข้างดูหรูหราไฮโซมาก แอร์เย็นเฉียบ ตกแต่งแบบมีระดับ พนักงานใส่ชุดเรียบร้อย เหมือนมีใครยกเอาลาสเวกัสมาไว้ที่ปอยเปต
ความจริง เราอาจจะไม่ตกใจขนาดนี้ ถ้าสภาพข้างนอกที่เราเพิ่งพบเจอ มันจะไม่ใช่ถนนดินแดง มีฝุ่นคลุ้งกระจาย คนแก่ในเสื้อเก่าๆ เดินลากรถเข็นไม้ เด็กขอทานตัวขะมุกขะมอมเดินมาขอเงินเราแบบนี้
ถ้าใครอยากสร้างหนังแนวความเหลื่อมล้ำในสังคม หรือ Slumdog Millionaire ฉบับเอเชียอาคเนย์ หรือถ้าคุณลาว คำหอมอยากเขียนฟ้าบ่กั้นภาค 2 แนะนำว่าให้มาที่นี่ รับรองว่าท่านจะได้แรงบันดาลใจกลับไปเป็นจำนวนมากเลยทีเดียว
ทำให้ปลงว่า สิ่งสวยงาม หรือความสบาย มันก็ช่วยอำพรางเราจากปัญหาสังคมหรือโลกแห่งความเป็นจริงอันโหดร้ายได้เหมือนกัน





เข้ามารอในคาสิโนสักพักนึงแล้ว ก็ยังไม่เจอใครที่คุ้นหน้าคุ้นตาเลย ไม่มีแม้สัญญาณที่บ่งบอกว่าจะมีทัวร์มาลง ทำให้เริ่มรู้สึกว่า อันพวกเราต้องมาผิดที่เป็นแน่แท้

“เอาไงดี”ฤ ถาม
“ไปเลยดีกว่า เงินแค่สองร้อยเอง” จ๊อบตอบ
“ห้าคนก็พันนึงแล้วนะ รอต่อดีกว่า”
“งั้นหาอะไรทำฆ่าเวลาดีกว่า”
“อะไร” แต๊กถาม
“จะให้เล่นตบแปะหรือไง มาถึงที่แล้วก็ต้องจัดหนักๆ ไปเลย เข้าไปเล่นกันเลยดีกว่า”
“งั้นเดี๋ยวเอาเงินกองกลางออกแล้วกัน ให้โควตาคนละร้อยพอนะ ตังค์หมดแล้วพอเลย ไม่มีอุทธรณ์” ฤ เหรัญญิกประจำกลุ่มยื่นกฎ
“ได้ครับ ไม่ต้องกลัว ความจริงเล่นแป๊บเดียวก็เบื่อแล้วแหละ”

จากนั้น พวกเราก็นำเงินกองกลางไปแลกชิป แล้วก็แจกจ่ายกันไปคนละเล็กละน้อย แยกย้ายกันไปหยอดตู้สล็อทแมชชีนคนละตู้
(หมายเหตุ -ถึงวันนี้ผมก็ยังไม่รู้เลยว่า การละเล่นที่เรียกว่า สล็อทแมชชีน มันมีกฎกติกามารยาทกลเม็ดเคล็ดลับอย่างไรบ้าง ทำได้แค่หยอดเสร็จก็โยกไปโยกมา แล้วก็เฝ้ารอความเมตตาจากฟ้าดินเท่านั้นเอง)

โยกไปไม่กี่ที ก็เกิดอาการที่เรียกว่า ชิปหาย (ใช้ได้ทั้งความหมายตรงและความหมายโดยนัย) เลยต้องเลิกเป็นนักเสี่ยงโชคไปโดยปริยาย ได้แต่ดูคนอื่นเขาเล่นอยู่ไกลๆ
“เฮ้ยๆ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว” แต๊กวิ่งมาหาพวกเราด้วยหน้าตาตื่น
“เกิดอะไรขึ้นวะ มีใครโดนเจ้าหน้าที่บ่อนจับไปหรือ” ผมคิดเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นได้เพียงอย่างเดียว
“เปล่า ไม่ใช่เหตุร้าย ดูสิ เราได้ชิปมาเต็มเลยว่ะ”
ชิปวางกองอยู่เต็มมือแต๊ก สีหน้าแต๊กดูงงๆ มากกว่าดีใจ
“เมื่อกี้เราไปหยอดตู้สล็อทแมชชีนมา หมุนมั่วๆ ดันชนะอีก ได้ชิปมาเต็มเลย”

ในวาบความคิด ผมแอบฟุ้งซ่านว่า ดีนะที่แต๊กได้ชิปคืนมาไม่เยอะมาก เพราะเงินที่เอาไปเล่นก็ไม่รู้ว่าเงินใครเป็นเงินใคร ปนกันมั่วไปหมด ถ้าได้มาสัก 100 ล้านนี่ ต่อไปพวกเราอาจจะมีการหักเหลี่ยมเฉือนคม ทำได้ทุกทางแม้กระทั่งฆ่าเพื่อนเพื่อให้เงินมาเป็นของเราเอง ตามแบบหนังอาชญากรรมฟิล์มนัวร์ก็ได้
“เอาไงต่อดี เลิกเลยดีไหม” เสียงแต๊กปลุกผมจากความคิดฟุ้งซ่าน
“เลิกได้ไง อุตส่าห์ได้เงินมาแล้ว โอกาสแบบนี้นานๆ มีทีนะ”ผมพูดโน้มน้าว “ฟ้าลิขิตไว้แล้วให้เราเล่นต่อ”
“เหรอ”
“เงินนี้มันไม่ใช่ของเรา ถึงเราเสียไปก็เสียแค่กลับไปเงินเท่าเดิม ไม่น่าเสียดายเท่าไร ลองเอาไปต่อทุนอีกสักครั้งดีกว่า คราวนี้ถ้าได้เงินอีกรอบค่อยเลิกจริง”
“อือ”
“และอีกอย่าง เงินนี้มันเป็นเงินสกปรกนะ พวกเอาไปก็คงไม่มีความสุขสักเท่าไร สู้ใช้มันให้หมดที่นี่เลยดีกว่า”
“อือ”
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลข้างๆ คูๆ ของผมฟังขึ้นหรือทุกคนขี้เกียจจะฟังผมโม้แล้ว คำเสนอของผมจึงถูกอนุมัติอย่างรวดเร็ว
“โอเค งั้นพวกเราเล่นแล้วต่อกัน ทัวร์อะไรช่างคุณแม่แล้ว”
“งั้นพวกชั้นขอถอนตัว เดี๋ยวไปช้อปปิ้งรอตรงร้านข้างนอกนะ” สองสาวขอแยกตัวออกไปทันที

สุดท้ายเหลือกันแค่สามหนุ่มสามมุม ความคิดที่จะไปนครวัดลอยหายไป จิตใจจดจ่อกับกับปฏิบัติการสู้แล้วรวย (ทางลัด) อย่างเดียวเท่านั้น
“ดูท่าสล็อทแมชชีนมันดูเล็กเกินไป ไม่เหมาะกับความฝันอันยิ่งใหญ่ของพวกเราสามคนซะแล้ว” ผมบอกกับเพื่อน ถึงตอนนี้ช่วยกรุณานึกภาพพวกผมสามคนกำลังคาบไปป์ ใส่สูทดำ ใส่หมวก มีผ้าคลุมไหล่ พูดกันด้วยเสียงแบบอาฉีเสียงหล่อ แบบในหนังเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ เพื่อให้ได้อรรถรสที่มากขึ้น
“โอเค งั้นพวกเราต่างคนต่างไปตามทางของตัวเอง ได้ดีเมื่อไรค่อยกลับมาเจอกันที่นี่อีกที ไม่เกินครึ่งชั่วยามนะท่าน” จ๊อบนัดหมายเพื่อนๆ เสร็จสรรพ
จากนั้นเพื่อนๆ แต่ละคนก็แยกย้ายไปตามมุมที่ตัวเองถนัด
จ๊อบเข้าไปร่วมวงเล่นป๊อกเด้ง (ซึ่งจ๊อบกลับมาบอกว่า เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต เพราะในวงเจ้ามือกินเรียบทุกตา) ส่วนแต๊กถูกกลืนหายไปในฝูงชน สำหรับผม มีจุดหมายที่แน่นอนแล้วตอนนี้

เนื่องจากตอนเด็ก เวลาดูหนังที่มีฉากในคาสิโน ผมสังเกตว่า การละเล่นหลักของพระเอกมักจะเป็นรูเล็ตต์ (นัยว่าเพื่อให้คนดูง่ายต่อการลุ้น เลือกสีเลือกสูงต่ำถูก ได้เงิน จบ ถ้าเปลี่ยนเป็นเล่นโป้กเกอร์หรือไพ่นกกระจอกอาจจะทำให้คนดูงงในการลุ้นมากกว่า) และมักจะมีสาวงามอยู่ข้างกาย ในมือพระเอกถือมาตินี่ ดูเท่มาก เลยกลายเป็นความฝังใจตอนโตว่า อยากเป็นแบบนี้บ้าง
แม้ตอนนี้จะไม่มีสาวนมใหญ่ในชุดราตรียืนอยู่ข้างๆ แต่ก็อยากจะลองสวมบทบาทพระเอกดูสักที
(เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ไม่ควรให้ลูกหลานที่ยังเล็กของท่านดูหนังที่มีอบายมุขแอบแฝงอยู่ มิฉะนั้นอาจจะเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีกับเขาตอนโตได้)

ผมเดินดุ่มๆ เข้ามาร่วมวง มือวางชิปเรียบร้อยแล้ว สายตาก็เหลือบมองไปยังคู่แข่งรอบข้าง
ผมรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในโลกใบใหม่
สมาชิกแต่ละคนมีหลากหลายแนว มีทั้งอาม่าที่กล้าได้กล้าเสีย ผู้ชายที่นั่งนิ่งๆ แต่กินทุกรอบ หญิงวัยกลางคนที่ชอบชวนทุกคนคุย ชายหนุ่มที่ชอบโวยวาย คนที่ชอบแทงตามคนอื่น คนที่แทงแต่จุดเดิมตำแหน่งเดิมทุกครั้งแต่ส่วนใหญ่มักจะแทงถูกมากกว่าผิด

ผมมาคิดอีกที มันไม่ใช่โลกใบใหม่หรอก แต่มันคือโลกใบเดิมที่ถูกย่อให้เล็กลงต่างหาก





ขึ้นชื่อว่า ในโลกใบนี้ สุดท้ายไม่มีสัตว์โลกใดเอาชนะความตายได้ฉันใด ก็ไม่มีนักพนันคนไหนชนะเจ้ามือได้ตลอดฉันนั้น
ทำไปทำมานอกจากเงินกินเปล่าจะหมดแล้ว เงินที่แอบไปแลกเพิ่มเติมโดยที่ไม่ให้เพื่อน (และคุณผู้อ่าน) รู้ก็เริ่มจะร่อยหรอลงทุกที
เสียแค่นี้พอรับได้ แต่ถ้ามากกว่านี้หมายถึง เสียเงินสำหรับใช้เที่ยวแล้ว

เวลาผ่านไปจนใกล้ถึงเวลานัด จ๊อบเดินออกจากโต๊ะป๊อกเด้งมาที่โต๊ะรูเล็ตเพื่อมาช่วยลุ้นเป็นเพื่อนผม
“ควักเนื้อไปเท่าไรแล้ว”
“เหลือชิปไว้ให้เล่นตาสุดท้ายแล้ว” ผมหยิบชิป พลาสติกเล็กที่มีมากกว่าแบงก์ร้อยให้แต๊กดู
“แทงแดงไปเลย เชื่อเรา”
จ๊อบเป็นที่พึ่งสำหรับผมเสมอ เมื่อจ๊อบผู้ไม่เคยมีโชคในการพนันพูดแบบนั้นทำให้ผมตัดสินใจได้ทันทีว่าควรแทงสีอะไร
พนักงานคาสิโนหมุนราง ลูกเหล็กหมุนกลิ้งด้วยความเร็วที่ช้าลง จนหยุดนิ่งในที่สุด
“กูบอกมึงแล้วให้แทงแดง” จ๊อบเซ็งอย่างเห็นได้ชัดเมื่อลูกเหล็กลงที่สีดำ
อย่างที่เขาว่า โชคดีของคนเรามักจะมาในจังหวะที่เราไม่ต้องการ

“จบแล้ว ไปดีกว่า” จ๊อบบอก
“เดี๋ยวก่อน จบแบบนี้มันค้างใจ”
“ยังไง”
“เมื่อกี้เรากะจะแทงสีแดง แต่เพราะจ๊อบบอกให้เราแทงสีแดง เราเลยแทงสีดำ อันนี้เข้าใจนะ ไม่รู้ว่าเราคิดไปเองหรือเปล่านะ แต่เซ้นส์เรื่องนี้เราค่อนข้างแรง”
“ยังไง”
“เรารู้สึกว่าเมื่อกี้เราใช้โชคร้ายไปหมดแล้ว ต่อไปจะเป็นโชคดีของเรา แต่ไม่ทันที่เราจะใช้โชคดีเลย เราก็ดันหยุดเอาดื้อๆ ซะงั้น อย่างนี้โชคดีก็จะไม่มีสิทธิ์ลืมตาอ้าปากน่ะสิ”
“เพ้อเจ้อจริงๆ”
“เราก็ว่าเพ้อเจ้อ แต่มันเป็นสัญชาตญาณ เรารู้สึกแค่ว่า ถ้ามีโอกาสอีกตา ตานี้เราจะชนะแน่นอน เคยมีคนบอกว่า สัญชาตญาณตัวเองมักจะแม่นยำกว่าที่เราคิดนะ เรารู้สึกว่าสัญชาตญาณในเรื่องนี้ของเราแรงมาก”
“เงินหมดแล้วไม่ใช่หรือ”
“กดเอทีเอ็มเอาก็ได้”
“เขมรมีเอทีเอ็มไทยที่ไหนเล่า ถ้ามีก็เสียค่ากดบานเลยนะ”
“แต่ถ้าเราออกไปอย่างนี้ ความรู้สึกมันจะค้างคาใจเราไปอีกนาน”
“คนที่เขาเสียพนันหมดตัว ก็คงเป็นเพราะไอ้เจ้าสัญชาตญาณอันนี้แหละ แต่เรื่องแบบนี้ชีวิตใครชีวิตมันเว้ย ห้ามไม่ได้ ขอให้โชคดีละกัน”
“ได้ๆ” ผมวิ่งไปแลกชิปทันที
“เท่าไรคะ” พนักงานคาสิโนถาม
ผมบอกตัวเลขเท่ากับจำนวนเงินที่ผมเสียไปในคาสิโนวันนี้ทั้งหมด

ผมกลับไปในวงอีกครั้ง
“มึงจะแทงอะไร” จ๊อบถาม
“นั่นน่ะสิ” ผมตอบ
สุดท้ายผมเอาชิปที่แลกมาทั้งหมด วางไว้ในจุดเดียวกันทั้งหมด
“เอาสีแดงแล้วกัน”
พนักงานคาสิโนหมุนรางเหมือนที่เธอเคยหมุนมาตลอด
ตาผมมองที่ลูกเหล็กนั้น รู้สึกว่าสายตาของตัวเองเป็นกล้องที่กำลังจับภาพช้า เหมือนผมโดนบังคับให้ดูในสิ่งที่ไม่อยากดู
ลูกเหล็กหมุนกลิ้งด้วยความเร็วที่ช้าลงเรื่อยๆ
ลูกเหล็กหยุดลงแล้ว




เราสองคน รีบวิ่งไปหาเพื่อนๆ คนอื่นหน้าจุดช้อปปิ้งของคาสิโน
“ทำไมมาเร็วจัง ต่ออีกสักชั่วโมงก็ได้นะ”หมิงมองค้อน
“ผิดไปแล้วครับ ติดลมไปหน่อย ขออภัยจริงๆ”ผมขอโทษขอโพย
“อย่างที่คุณคาลิล ยิบรานกล่าวไว้ว่า ความมันไม่เคยปราณีใคร” จ๊อบกระเซ้า
“เสียเวลาจริงๆ ถ้าฉันมารถทัวร์ ก็คงถึงที่ด่านเวลาประมาณนี้แหละ”
“งั้นเดี๋ยวเรารีบไปดีกว่า กลัวไปถึงเสียบเรียบตอนค่ำ เดี๋ยวหาที่พักไม่ได้” พูดเสร็จพวกเราก็แบกกระเป๋า รีบไปที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองของเขมรทันที
“เป็นไงบ้าง เมื่อกี้ ได้หรือเสีย เล่าให้ฟังหน่อย” ฤ ถาม
“What happens in Vegas stay in Vegas, so what happens in Poipet stay in Poipet” ผมตอบด้วยสำนวนสากล
“กระแดะ” ฤ สวนกลับมา
ครับ และนี่ก็เป็นการพิสูจน์ว่า ระหว่างทางมีอะไรให้จดจำยิ่งกว่าปลายทางจริงๆ





Create Date : 02 ตุลาคม 2552
Last Update : 2 ตุลาคม 2552 6:44:27 น. 14 comments
Counter : 1276 Pageviews.

 
หนังที่ได้ดูช่วงนี้

Adventureland[B+]:
Sweet Coming-of-Age Movie.
Kristen Stewart is the best heartthrob actress of this year so far...

Coco avant Channel[B-]:
Well-crafted movie but I still think the story is so simple and old-fashioned for Coco's real life. Her life is incredible and I hope for great artist's biograghy movie, not just gifted hat-maker's biography movie.

PS.ไปดู Coco ที่วิสต้ากาดสวนแก้วมา พบเรื่อง surreal ดังนี้ (ช่วงนี้เจอแต่เรื่อง surreal)

1.ไม่รู้เลยว่าหนังเรื่องนี้จะเข้าวิสต้า เพราะไม่มีการประชาสัมพันธ์อะไรทั้งสิ้น ผมมารู้ว่าหนังเรื่องนี้เข้าก็เพราะเช็ครอบ ฝันโคตรโคตร แล้วบังเอิญเจอหนังเรื่องนี้

2.ในขณะที่หนังที่ควรจะเข้าเรื่องอื่นอย่าง District 9, The Proposal, Whiteout ดันไม่เข้าที่นี่ซะงั้น (ที่นี่มี 7 โรง เป็น 5 แพร่งไป 3 โรง, ฝันโคตรโคตร 2 โรง, Final Destination 1 โรง และ Coco avant Channel 1 โรง)

3.ค่าตั๋ว 70 บาท ถูกมาก ในยุคที่เมเจอร์หน้าเลือดขึ้นราคาตั๋วหนังเป็น 140 บาทอย่างนี้

4.วันนี้ไปดูกับเพื่อนรวมผมด้วยเป็น 4 คน แล้วสุดท้ายทั้งโรงก็มีแค่ 4 คนนี่แหละ (ทั้งที่หนังรอบ 18.45 เวลา primetime) สรุปว่าถ้าพวกผมไม่ดู พวกพี่ก็คงไม่ได้ฉายใช่ไหมครับ

5.ดูไปค่อนเรื่อง จอภาพดับหายไปซะงั้น เหมือนลืมเปลี่ยนฟิล์ม จะตามหาพนักงานให้มาช่วยดู พนักงานแถวนั้นก็ไม่รู้หายไปไหนหมด จนต้องนั่งรออย่างหมดหวังไปพักนึงกว่าจะมีคนมาแก้ไขให้

สรุป เรื่องที่เจอสนุกกว่าหนังซะงั้น 555




โดย: ฟ้าดิน วันที่: 2 ตุลาคม 2552 เวลา:7:17:39 น.  

 
สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกก

ผมหา a day เล่มนี้ไม่ได้ ขอบคุณที่เอามาลงให้อ่านกันนะครับ

แต่อยากจะเดาอ้ะ ตกลงเสียใช่มั๊ย?...


โดย: แฟนผมฯ IP: 142.103.23.32, 202.134.119.218 วันที่: 2 ตุลาคม 2552 เวลา:12:39:38 น.  

 
แวะผ่านมาอ่าน ขอบคุณครับ


โดย: Zantha วันที่: 2 ตุลาคม 2552 เวลา:14:20:34 น.  

 
+ ตอนที่ผมเพิ่งอ่านจากหนังสือจบ อย่างที่เคยให้ทัศนะไว้ว่า คุณฟ้าดินช่างกล้าเอาด้านมืดของทริปมาตีแผ่จริงๆ ครับ (สมแล้วที่เป็นชาวอินดี้) ตอนเริ่มอ่านผมยังคิดว่าช่วงท้ายๆ เรื่องจะไปโผล่ที่เมืองอื่นต่อตามแพลน แต่ก็ไม่ใช่อย่างที่คาดเลย ... อ่านจบแล้วเหมือนดูหนังอินดี้พล็อตเจ๋งๆ สักเรื่องเลยอ่ะครับ

+ Adventureland เห็นชมกันหลายคนล่ะ น่าดูมากมายอ่ะครับ (แต่ผมคงได้ดูคริสเต็น จาก New moon ก่อนเป็นแน่แท้ )

+ เรื่อง Coco คิดเห็นคล้ายๆ กันเลยครับ เพราะผมรู้สึกว่านี่มันหนังโรแมนติคดราม่า ที่จะเป็นชีวิตของใคร (ก็ได้) ในยุคนั้นสักคน มากกว่าจะเป็นชีวิตของเจ้าแม่แฟชั่นชื่อก้องโลก ... จากฉาก "ความตาย" แล้วก็โผล่มาปิดด้วยฉากกระจกอันเก๋ไก๋เลย แต่กลับไม่เห็นว่าเธอสร้างตัวเธอและแบรนด์ของเธอขึ้นมาได้อย่างไรอ่ะครับ

+ เรื่องที่ยังไม่เข้านั่น ผมดูไป 2 ไม่ได้ดู Whiteout ... และขอนำเสนอ District9 ว่าถ้าเข้า ก็ไม่ควรพลาดอ่ะครับผม เจ๋งดีอ่า

+ คุณฟ้าดินโชคดีจังแฮะที่มีเพื่อนดูหนังที่ชอบดูแนวเดียวกันด้วย ของผมมีไม่กี่คนหรอกครับ (หมายถึงเพื่อนปกติที่ไม่ใช่เพื่อนในบล็อก) ที่จะชอบดูหนังแนวเดียวกับพวกเรา ... ไม่ต้องอะไรหรอก แค่คนที่ได้ดูหนังในโรงบ่อยๆ แถวนี้ยังไม่ค่อยจะมีเลยอ่า


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 2 ตุลาคม 2552 เวลา:14:31:43 น.  

 
พอดีมีเล่มนี้อยู่พอดีเลย
รีบเปิดตามทันที อิอิอิ



โดย: fonrin วันที่: 3 ตุลาคม 2552 เวลา:0:01:48 น.  

 
"what happens in Poipet stay in Poipet" ดูเหมือนว่าคุณฟ้าดินจะไม่ได้ทำตามที่เปรยไว้นะครับ ^^

เห็นด้วยจริงๆที่การเดินทาง บางที... ไม่สิทุกทีต่างหากที่มันสำคัญกว่าจุดหมายปลายทาง ผมว่าการผจญภัยในคาสิโนน่าจะเป็นที่จดจำของคุณ และเพื่อนร่วมชะตากรรมไปอีกแสนนานเลย

พูดถึงหนัง Adventureland สนุกจริงๆแหละครับ เพลงประกอบก็ประทับใจ แต่คิดต่างจากคุณฟ้าดินก็ตรงที่ ผมคิดว่า คริสเท็น เป็นองค์ประกอบที่ด้อยที่สุดของหนัง ผมไม่รู้นะว่าวันๆเธอต้องทำอะไรบ้าง แต่เมื่อเห็นเธอทำตาปรือๆเหมือนคนนอนไม่พอ และพูดบทด้วยเสียง mono tone สุดๆออกมา มันก็พาลทำให้ผมหมดอารมณ์ทุกที....


โดย: BdMd IP: 124.121.233.40 วันที่: 4 ตุลาคม 2552 เวลา:17:13:01 น.  

 
สวัสดีครับ ผมอ่านมาจาก Facebook นะครับ Tag จับแพะชนแกะ ฮาดีครับ ^^ ขออนุญาตแอดเป็นเพื่อนนะครับ


โดย: McMurphy วันที่: 4 ตุลาคม 2552 เวลา:17:25:39 น.  

 



วันนี้วันพระ ขึ้น 15ค่ำเดือน 11
ตรงกับวันออกพรรษา..
พรุ่งนี้อย่าลืมตักบาตรเทโวนะค่ะ

เป็นช่วงที่เริ่มเทศกาลบุญกฐินแล้วค่ะ
อยากชวนเพื่อนๆไปทำบุญกฐินร่วมกันค่ะ
ที่สวนผึ้ง..ราชบุรี

ขอให้เรามีความตั้งใจดัวยความบริสุทธิ์ใจ
มิได้แอบแฝง..หรือมีเจตนาไม่ดี..
อะไรก็ย่อมทำลายยาก
และผ่านอุปสรรคและเจอะเจอสิ่งดีดีแน่นอนค่ะ




งานกฐินปีนี้..ทางหลวงพ่อท่านได้แจ้งมา

โดยมีกำหนดการ ทอดกฐินสามัคคี


ในวันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เวลา 10.00 พระสงฆ์ เจริญพระพุทธมนต์
ฉลององค์กฐิน
เวลา 11.00 น.ถวายภัตราหารเพล แด่พระสงฆ์
พร้อมกันนี้เชิญ ทุกท่านรับประทานอาหาร
เวลา 12.30 น. เทศน์อานิสงฆ์ กฐิน 1 กัณฑ์
เวลา 13.00น. พิธีทอดกฐินสามัคคี

จะนำรถส่วนตัวไปร่วมด้วยก็ยินดีค่ะ..
ขับรถ 2ชมเองค่ะ..จาก..กทม..
หรือนั่งรถตู้ หน้าบิ๊กซีพระราม 2..ถึงวัดเลยค่ะ
ปีนี้เป็นปีที่ 3ท่านว่าบุญกุศลแรงนักแล


ถ้าเพื่อนๆท่านใดสนใจที่จะร่วมงานกฐินกับเรา
เราเต็มใจเสมอนะค่ะ..
หลวงพ่อท่านอยากให้ไปชมวัดท่านแยอะๆค่ะ
มีอาหารเลี้ยงเต็มที่ค่ะ..ฟรีค่ะ

ถ้าเพื่อนๆประสงค์จะร่วมทำบุญและทาน
ถึงน้อยนิดเพียงหยิบมือ
ขอบอกค่ะว่า

หลวงพ่อท่านสุดปลี้มใจเสมอกับทุกท่านที่บริจาคค่ะ
หลวงพ่อท่านฝาก..อนุโมทนาทุกท่านค่ะ



ถ้าสนใจร่วมทำบุญบริจาคทาน
เชิญบล็อกคุณอุ้มได้เลยค่ะ

คลิกเข้าไปที่ BLOG อุ้มสี
ได้ที่นี่ค่ะสำหรับงานกฐินปี 52


เจอกันงานบุญกฐินที่วัดหนองขามนะค่ะ
กัลยาณมิตรที่แสนดีเสมอ






ปล..แวะมาชวนไปเที่ยวงานบุญด้วยกันค่ะ

ยังไงจะนำบุญกฐินมาฝากนะค่ะ
ดูแลสุขภาพมีความสุขเสมอนะค่ะ




โดย: catt.&.cattleya.. วันที่: 4 ตุลาคม 2552 เวลา:23:54:22 น.  

 

คุณแฟนผมตัวดำ
-ขอตอบเป็นเพลงว่า The answers, my friends, is blowing in Poipet....

คุณ Zentra
-ขอบคุณครับ

คุณบลูยอชท์
-มีคนบอกว่า อ่านจบแล้วเหมือนดูหนังพี่น้องโคเอน (เวอร์ไปไหม)
-หนัง Coco นี่ ถ้าเปลี่ยนฉากเป็นประเทศไทยนี่ ละครหลังข่าวดีๆ นี่เองนะครับ ฮ่าๆๆ

คุณ fonrin
-แสดงว่า ตอนซื้อมาทีแรก อ่านข้ามใช่ไหมครับ ฮึ่มๆๆ

คุณ BdMd
-ผมชอบการแสดงของพระเอกน่ะครับ เลยได้สับสนตัวเองดี ส่วนน้องคริสเตนนี่ ผมว่าเธอเล่นได้ธรรมดาครับ ทำหน้าตาลอยไปลอยมาทั้งเรื่อง (เช่นเดียวกับไรอัน เรย์โนลด์) แต่ได้ความน่ารักช่วยไว้ เลยทำให้เธอออกฉากไหน สายตาก็อดจะจ้องมองแต่เธอไม่ได้ อิอิ

คุณ McMurphy
-ได้เลยครับ


โดย: ฟ้าดิน วันที่: 6 ตุลาคม 2552 เวลา:0:32:15 น.  

 
เอ่อ ไม่ทราบว่าบล็อกหน้าจะไปถึงเสียมเรียบหรือยังคะ


โดย: butbbj วันที่: 6 ตุลาคม 2552 เวลา:7:47:35 น.  

 
+ ผมก็ชอบ Fargo มากกว่า Before devil ครับ (เป็น 1 ในหนังบนหิ้งของผมไปแล้ว เกรด A++++ เพราะถึงแม้จะดูมานานแล้ว ก็ยังคงติดอยู่ในความรู้สึก เหมือนหนังมันจะเรียบๆ แต่ซ่อนคลื่นใต้น้ำไว้ข้างหน้าเพียบเลย กระแทกใจชะมัด)

+ ใช่ครับ มาริสา เธออาจคิดว่าตั้งแต่ชั้นได้ออสการ์ เล่นหนังธรรมดามาอีกตั้งหลายเรื่อง ก็โดนอาถรรพ์ออสการ์กลบทุกที ก็เลย "เปลื้อง" มันซะเลย แล้วก็ได้บทดีอย่างที่เราเห็นๆ กันในช่วงหลังๆ (Wrestler, Before devil ...) เจงๆ ด้วย


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 7 ตุลาคม 2552 เวลา:10:53:35 น.  

 
^
^
[แก้คำผิด] ตั้งใจจะพิมพ์ไว้ " ... ซ่อนคลื่นใต้น้ำไว้ข้างใต้เพียบเลย"


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 7 ตุลาคม 2552 เวลา:10:55:43 น.  

 
ถ้าเป็นผม คงปฏิเสธการขึ้นรถตู้ของบ่อนแล้วไปขึ้นรถทัวร์ตามเดิมตั้งแต่แรกแล้วอ่ะ 5555

เฮ้ ผมกลับชอบ Coco นะ เพราะมันเหนือคาดเป็นโรแมนติคดราม่านี่แหละ ซึ้ง


โดย: เอกเช้า IP: 124.120.193.143 วันที่: 7 ตุลาคม 2552 เวลา:23:40:39 น.  

 
- What happens in Vegas stay in Vegas, so what happens in Poipet stay in Poipet -

ช่างคิด ๆ

สองข้างทางระหว่างเดิน
น่าจดจำเสมอ
ไม่สำคัญ
ว่าปลายทางจะเจออย่างที่หวังไหม
เพราะบางที
ปลายทางก็ไม่ใช่คำตอบที่เราต้องการเสมอไป
ไม่งั้นเราจะเอาเรื่องราวที่ไหนมาเล่าให้กันฟังระหว่างที่เดินทาง...




เก็บเอามาเล่าให้กันฟังใหม่นะคะพี่


โดย: ladywrite วันที่: 1 พฤศจิกายน 2552 เวลา:21:37:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ฟ้าดิน
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




ความจำสั้น ความฝันยาว.....
Friends' blogs
[Add ฟ้าดิน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.