Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2551
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
28 มิถุนายน 2551
 
All Blogs
 

เพราะเธอ...เลอค่าอมตะ ตอนที่ 8 <เพราะฉันไม่อยากให้เขาเป็นเกย์>



บ้านริมน้ำในจังหวัดกรุงเก่าสมัยพระเจ้าตากของอาร์ทติสท์สาววันนี้ดูจะสี 'ชมพู' มากกว่าปกติไปโข ก็ไอ้บรรยากาศแห่งความรักของมันกับช่างภาพหนุ่มเมืองจันท์ในวันแต่งมันตลบอบอวลชวนเคลิ้มยังกับอะไรดี ไหนจะความชื่นมื่นของคู่บ่าวสาวที่น่าหมั่นไส้ เจ้าสาวในงานอย่างนังชุบฉันก็เห็นหน้าค่าตากันมาหลายปีดีดัก ไม่เห็นวันไหนมันดูมีความสุขล้นบานออกนอกหน้าอย่างนี้มาก่อน เจ้าบ่าวก็ลุกลี้ลุกลนตื่นเต้นจนเว่อร์ หนอย...จะมีเมียแค่เนี้ย ทำลน

"แกเป็นอะไรเนี่ยนังเพชร นั่งจ้องนังชุบกับสามีมันอยู่ได้ อย่าบอกนะว่าแกคิดจะไปแย่งสามีมันน่ะ นั่นมันของเพื่อนแกนะ" อาจารย์สุกระซิบข้างหูหาเรื่องปีนต้นงิ้วให้ฉันตอนบรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ต่อแถวหลั่งน้ำสังข์

"นังบ้า เอาไส้ติ่งคิดแทนสมองรึไงยะ ชั้นจะอยากได้สามีมันมาทำไม กวนตัวกวนใจตายชัก นี่ชั้นว่าจะรอดูว่าเมื่อไหร่นังชุบมันจะต้องไปหาหมอเพื่อบำรุงรักษาประสาทหูอยู่เลย แกไม่รู้อะไร คุณนทีสามีมันน่ะ มีความสามารถในการพูดด้วยอัตราเร็วคงที่สามสี่ชั่วโมงไม่มีตกเลยนะแก๊"

เป็นอย่างนั้น แค่ปะหน้ากันตอนแรกๆ ไม่กี่วันสามีมันคุยยังกับรู้จักกันมาสามชาติครึ่ง แถมดูท่าว่าชาติหน้ากลับมาเกิดก็คงคุยเก่งอย่างนี้อีก ไม่รู้ลูกชุบมันเห็นอะไรดีสิน่า วุ้ย...อิจฉา (อีกแล้ว)

"แล้วแกอยากได้อย่างไหน ขรึม เข้ม หล่อขาดใจ อะไรแบบนั้นเหรอไง" สุภาเอียงหน้าถาม

"อ๊ะ...สิยะ หล่อจัดๆ มาดเท่ห์ๆ รวยระเบิดเถิดเทิง เอาแบบสมน้ำสมเนื้อกับชั้นน่ะ" ตอบไปตามใจคิด

"งั้นมีอยู่คน หล่อ รวย เท่ห์ เซ็กซี่ ติดชาร์ท แถมมีชื่อเสียงโด่งดังด้วย"

เอ๊ะ...ใคร คุ้นๆ นะ

"ที่สำคัญ โรคจิตพอๆ กับแกเลย อีโก้สูงปรี๊ดปรอทแตกจนคานจะถามหา เหมือนแกเด๊ะ!"

ฉันเริ่มนึกออกรางๆ ละว่ามันหมายถึงใคร แต่ฉันเงียบไว้ดีกว่า

"เอ้า...นี่แกจะไม่ถามหน่อยเหรอว่าหมายถึงใคร" มันกำลังขุดหลุมดักควายอยู่ค่ะ

"ตกลงแกกับคุณพลมีอะไรกัน" นี่ เป็นไงเล่า ควายยุคไซเบอร์ นอกจากไม่ตกหลุมแล้วยังขุดเพิ่มดักคนดักควายอีกที

"วุ้ย...มีอะไรกันที่ไหน แกเอาอะไรมาพูด" นั่นๆ ลน ลน น้อยไปย่ะนังสุ ไอ้เรื่องอาการกลบเกลื่อนฉันได้สองดั้งสายดำย่ะ อย่างแกต้องมากราบกรานขอเป็นศิษย์ คิดจะมาปกปิดล่ะ ไม่มีทาง

"อย่ามาทำมึน ชั้นเห็นอาการแกก็รู้แล้ว บอกมา อย่าให้ต้องขู่..." จริงๆ แล้วก็ยังนึกไม่ออกว่าจะเอาอะไรมาขู่มัน ไม่รู้ อ้างเรื่องขู่ไว้ก่อน คนมันร้อนตัวต้องมีกลัวกันมั่ง

"แหม...ก็แค่คนรู้จักกัน มันก็ตกใจเป็นธรรมดา อีกอย่าง เขาก็เป็นคู่เกย์กับคุณแทนของแกไม่ใช่หรือไง ชั้นจะไปสนใจอาไร้" มันทำท่าเหมือนไม่ยี่หระ

"ไม่ใช่คุณแทนของชั้น พูดให้มันถูกด้วย แต่แกไม่สนเขาก็ดีแล้ว คิดดูสิยะ มันจะเสียเชิงหญิงแค่ไหน หลงใครไม่หลง ดันไปหลงเกย์อย่างนั้น ถ้าเป็นคนอย่างชั้นนะ ไม่มีทาง! ต่อให้ต้องรันทดไร้คู่อยู่คนเดียวก็ไม่ทางจะเหลียวมองเกย์ จำไว้นะแก!"

"อาฮะ...ชั้นจะจำไว้ให้ขึ้นใจ แต่เกิดแกพลาดเมื่อไหร่จะหัวเราะให้ฟันร่วง" สุภาทำหน้าเหมือนไม่เชื่อน้ำยา

"ขอโทษ...แกลืมไปแล้วเหรอว่ากำลังพูดอยู่กับใคร ชั้น เพชร นะยะ เคยพลาดท่าเสียทีใครที่ไหน พนันให้เอาเครื่องเพชรไปได้ชุดหนึ่งเลยเอ้า" ทันทีที่ฉันประกาศความเป็นวีรสตรีพร้อมยื่นข้อเสนอเชลยศึกนังสุก็ทำตาเป็นมันวาวในบัดดล

"อย่างนี้ก็มีเฮสิ...แกอย่าลืมแล้วกั๊น ว่าพูดอะไรไว้ สัญญาลูกผู้หญิง โอเค้?" มันยื่นมือมาข้างหน้ารอฉันทำสนธิสัญญา

ฉันยื่นมือขวาออกไปจับมือมันอย่างมั่นใจ

"โอเค...แล้วแกจะได้รู้ ว่าชั้นพูดอะไรไม่มีพลาดอยู่แล้ว"


............................................................................

เพิ่งกลับมาถึงบ้านได้ไม่ถึงชั่วโมงดีหลังจากงานแต่งอันครึกครื้นของนังลูกชุบที่มีชาวบ้านย่านริมน้ำมาในงานกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง แว่วๆ ว่าคู่บ่าวมันจะพาไปเข้าหอที่เมืองจันท์บ้านพ่อสามีตามที่ถูกร้องขออยู่ เอาเถอะ...คนมีฝั่งมีฝาอย่าไปยุ่งกับมันเลย ปล่อยคนสวย โสด เนื้อหอมอย่างฉันมานั่งรันทดเพราะไร้คู่อยู่ลำพังดีกว่า

'เอื้ออาทรฉันที คนจะมีรักใยขวางกั้น จะทำฉันใดเมื่อใจรักกัน...'

"ฮัลโหล อวิกาพูดค่ะ" ได้ยินเสียงโทรศัพท์เรียกเข้าของตัวเองแล้วยิ่งรันทดไปกันใหญ่ แถมเป็นเพลงโหยหาสามีคนอื่นอีกต่างหาก เดี๋ยววางสายนี้ต้องรีบเปลี่ยนริงโทนเสียทีแล้ว

"สวัสดีตอนค่ำครับคุณเพชร ผมปวริศนะครับ นึกว่าคุณเพชรจะไม่ยอมรับสายเสียแล้ว" เสียงออดอ้อนชวนสยองทำให้ฉันผงะมองหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง นี่มันไม่ใช่เบอร์ประจำที่เขาพากเพียรโทรมาหาฉันนี่ มิน่า...พลาดท่ารับสายจนได้

"มีอะไรด่วนหรือเปล่าคะ พอดีเพชรไม่ค่อยสะดวกน่ะค่ะ" ถึงสะดวกก็ไม่คุย

"แหม...คุณเพชรก็ทำเป็นคนอื่นคนไกลไปได้ ผมน่ะ เข้านอกออกในบ้านนี้เป็นประจำ ถามคุณแม่นิลดูก็ได้"

ต๊าย...อาจหาญเรียกมารดาฉันว่าแม่

"บังเอิญว่าเพชรไม่ค่อยอยู่ตอนคุณมาน่ะค่ะ ขอโทษทีนะคะ" ก็รู้ว่าแกจะมาไง ฉันก็แวบไปก่อนสิ

"สร้อยเพชรที่คุณเพชรลืมไว้เมื่อตอนงานวันเกิดผมอาทิตย์ที่แล้วน่ะครับ ถึงมือคุณเพชรหรือยัง ผมฝากคุณแม่นิลไว้หลายวันแล้ว จะโทรบอกคุณเพชรก็ปิดเครื่องตลอดเลย"

ฉันเหลือบไปมองกล่องที่เคยเห็นมาครั้งหนึ่งตรงโต๊ะข้างเตียง เป็นฝีมือแม่ฉันที่ยัดเยียดให้และบังคับวางไว้ตรงนี้ มันไม่เคลื่อนไหวมาหลายวันแล้วค่ะ แล้วไอ้ที่ปิดเครื่องมันก็เรื่องของฉัน คิดเอาเถอะว่าพอกลับมาเปิดเครื่องได้แวบเดียวพี่ก็โทรมาหาสายแรก แถมฉลาดใช้เบอร์ใหม่อีกแน่ะ

"เพชรปิดเครื่องเพราะมัวแต่ไปวุ่นวายช่วยงานแต่งเพื่อนมาน่ะค่ะ ไม่อยากให้มีโทรศัพท์มารบกวนเวลาช่วยงานเขา" มีความจริงครึ่งหนึ่งอีกครึ่งก็รู้กันอยู่

"เหรอครับ แล้วคุณเพชรรับช่อดอกไม้ได้รึเปล่าเอ่ย..."

"งานแต่งแบบไทยแท้ค่ะจะเอาช่อดอกไม้ที่ไหนมารับ" ฉันตอกกลับไปเบื่อๆ

"แหม...ผมก็แหย่เล่น เผื่อว่าคุณเพชรโชคดีได้ช่อดอกไม้ผมก็อยากรู้ว่าใครจะได้มาเป็นคนช่วยแชร์โชคกับคุณเพชรไงครับ ถ้าไม่มี ก็แล้วไป แสดงว่าผมยังมีโอกาส" หมาจะมาหยอกไก่ฟ้า เดี๋ยวจิกซะนี่

"ตกลงว่าเพชรได้สร้อยแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะ เพชรไม่รบกวนคุณแล้ว สวัสดีค่ะ" ตัดบทมึนๆ ก็วางสายทันควัน กว่าคุณปวริศจะรู้ทันฉันก็คงหนีไปอาบน้ำเรียบร้อย เป็นข้ออ้างที่ดีในการไม่รับโทรศัพท์อีกอย่างนอกจากกำลังปลดทุกข์ค่ะท่านผู้อ่าน

'เอื้ออาทร...'

บ๊ะ...อะไรกันนักหนา ฉันคว้าโทรศัพท์มาถอดแบตออกทันทีที่เห็นเบอร์ประหลาด หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้เพราะอิสตรีเกิดความรำคาญค่ะ

ยืนจ้องชิ้นส่วนโทรศัพท์อยู่พักหนึ่งด้วยความหลอนกลัวว่าเครื่องจะมีไฟสำรองอยู่ติ่งใดติ่งหนึ่งจนมันดังมาอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันที่อะไรจะสร้างความสยองจิตให้ โทรศัพท์สายตรงห้องนอนฉันก็ดังขึ้น

เหวย...นี่ถึงขั้นไปเสาะหาเบอร์ตรงฉันเลยหรือ ย้ำนักย้ำหนากับทุกคนในบ้านแล้วเชียวว่าเบอร์นี้เพชรขอ เข้าถึงแม่ฉันได้ขั้นล้วงลูก(สาว)เลยรึนี่ น่ากลัวมากๆ เอาไงดี รับ ไม่รับ เอาวะ...รับก็รับ

"อัลโหล อวิกาค่ะ" กรอกเสียงอย่างมั่นใจ เดี๋ยวค่อยวางสายหนี

"โอย...พี่เพชร ถึงตัวเสียที ทำไมยากอย่างนี้ ก้อยโทรเข้ามือถือพี่เพชรตั้งนาน ไม่ยักโทรติด พอโทรติดสายก็หลุด นี่ต้องโทรไปหาอาจารย์สุขอเบอร์สายตรงห้องพี่เพชรเนี่ย" เสียงเล็กๆ จากปลายสายโอดครวญแจ๋วๆ อ้าว...ใครจะไปรู้

"อ่า...โทษทีค่ะ พอดีนึกว่าสายต้องห้าม"

"เอ๋...สายต้องห้าม ยังไงคะ อย่างก้อยนี่ก็เป็นสายต้องห้ามหรือคะ" เสียงเหมือนน้อยใจ

"เปล่า...แต่พี่ไม่รู้นี่ว่าเบอร์นี้เป็นของก้อย เอางี้ พี่อนุญาตให้ก้อยโทรสายตรงเบอร์นี้ได้ยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย ดีมั๊ย"

"ดีค่ะพี่เพชร ขอบคุณมากๆ เอ่อ...จริงๆ แล้วก้อยโทรมามีเรื่องรบกวนพี่เพชรล่ะ" น้องสาวคุณแทนหยุดไปชั่วครู่

"พรุ่งนี้พี่เพชรมาบ้านก้อยได้ไหมคะ สักช่วงค่ำ ก้อยมีรายงานเกี่ยวกับเรื่องมูลนิธิกู้ภัย แล้วก้อยหาข้อมูลไม่ทันแล้ว ยังไงก็ต้องส่งอยู่วันสองวันนี้ พี่เพชรมาช่วยให้ข้อมูลแบบจากปากของจริง ช่วยรายงานก้อยหน่อยนะคะ นะคะ" อ้อนอีกแล้ว วันนี้เจออ้อนสองดอก ดอกแรกมาอย่างสยอง ดอกที่สองมาอย่างน่าเอ็นดู

"เอ่อ...อันที่จริงช่วงนี้พี่ก็ไม่ค่อยได้ไปช่วยมูลนิธิฯ เขานานแล้วล่ะ พอดีมันไม่ค่อยว่าง" พูดให้ตรงก็ว่างน้อยกว่าเดิม

"ไม่เป็นไรค่ะ ก้อยรู้ว่าพี่เพชรก็ลุยมาหลายงาน สืบข่าวพี่มาเยอะ"

"หือ...สืบข่าวพี่นี่นะ?" เกิดสะดุดใจในคำพูด

"ไม่ใช่ค่ะ ตามสืบข่าวกู้ภัย แล้วก็นะ พี่เพชรออกจะดังขนาดนี้ ทำไมไม่จะมีปรากฏในข่าวละคะ"

จริงดิ ทำไมไม่เห็นเคยรู้ว่าข่าวโศกนาฏกรรมจะมีชื่อฉันไปเอี่ยว

"สรุปว่าพรุ่งนี้จะให้ส่งคนไปรับที่ไหนดีคะ"

อ้าว เฮ้ย...นี่ฉันตอบตกลงไปตอนไหน

"อ่า...เอาเป็นว่าพี่จะขับรถไปเองดีกว่าไหม" ยื่นข้อเสนออย่างใจป้ำ

"ไม่ดีค่ะ ก้อยเกรงใจ ธุระก็ไม่ใช่แต่ต้องมาเปลืองน้ำมัน เอางี้...เดี๋ยวตอนก้อยกลับจากมหาวิทยาลัยก็จะไปรับพี่เพชรเลย เนาะ...เอางั้นเนาะ แล้วเดี๋ยวก็ให้คนรถที่บ้านไปส่ง เห็นไหม สบายจะตาย"

นี่ยังมีคนประเภทพูดเองเออเองที่เหนือไปกว่าฉันอีกหรือนี่

"งั้นพี่ไปรอที่ร้านดีกว่า น่าจะสะดวกเพราะเป็นทางผ่านจากมหาวิทยาลัยก้อยไปบ้านด้วย กี่โมงก็ได้ พี่จะเข้าร้านตั้งแต่บ่ายๆ"

"โอเค...ตามนั้น เจอกันนะคะพี่สาว" ก้อยทิ้งท้ายไว้อย่างน่ารัก พี่สาวอย่างนั้นหรือ แหม...อดคิดไปถึงพี่ชายไม่ได้ อย่างเขาจะว่ายังไงเกิดพรุ่งนี้พี่สาวอย่างฉันไปเกะกะระรานอยู่ที่บ้านอีกที ท่าทางเขาคงไม่ค่อยถูกกับชะนีเท่าไร เอ่อ...ถ้าไม่นับตอนที่เขาแกล้งฉันวันนั้น เขาต้องแกล้งฉันแน่ๆ ชิ ได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้นหรอก ต่อไปอย่าหวังเลย วันนั้นแค่เคลิ้มๆ หรอกน่า อ๋อ...ได้คำตอบแล้ว ที่ใจสั่นก็เพราะแอลกอฮอล์ในพันช์นั่นเอง

โธ่เอ๋ย...หลงคิดอยู่ตั้งนาน

....................................................

เมื่อไหร่น้องก้อยจะมาถึงเสียที อยากเจอน้องก้อยใจจะขาดอยู่แล้ว

"ว้า...เลือกยากจังครับ คุณเพชรช่วยผมเลือกหน่อยสิ อยากได้ไปฝากคุณแม่ครับ เซอร์ไพรซ์ท่านหน่อย นานๆ ทีลูกชายจะน่ารักบ้าง"

ตัวการความอยากของฉันมันมาอยู่ตรงหน้าแล้วค่ะ คุณปวริศ! ใครนะปากไวดีแท้ ย่างเข้ามาในร้านได้ไม่ทันถึงชั่วโมงดีพี่แกก็โผล่มาจากขุมไหนไม่รู้ ทำมาเลียบๆ เคียงๆ จะมาหาต่างหูให้แม่ซะอย่างนั้น เดี๋ยวจะโละพนักงานร้านนี้ให้หมดชุด เป็นหูเป็นตาให้คนนั้นคนนี้ไปเรื่อย นี่พวกหล่อนกินเงินเดือนฉันหรือกินใต้โต๊ะคนอื่นกันหือ

"อันทางซ้ายมือนั่นก็โอเคค่ะ จะให้เพชรใส่กล่องให้เลยไหมคะ" ให้เลือกก็เลือกให้ รวดเร็วทันใจอีกต่างหาก

"แหม...เดี๋ยวก่อนสิครับ ต้องดูอีกนิดนึง สวยๆ ทั้งนั้น เลือกยากครับ ของในร้านนี้มีแต่สวยๆ เหมือนเจ้าของร้าน อยากดูนานๆ"

อยากอ้วก วันหลังต้องแอบซุกกระโถนไว้หลังเคาท์เตอร์มั่งแล้ว แล้วทำไมทีนี้ลูกจ้างฉันไม่รู้หน้าที่ ทำเป็นไม่สนใจไปประจ๋อประแจ๋ลูกค้าอื่นกันหน้าตาเฉย สองคนตรงนั้นน่ะแบ่งมาทางนี้บ้างก็ได้

"พี่เพชร ก้อยมารับแล้วค่ะ อ๊ะ..." เสียงใสนำมาก่อนตัว สาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มในชุดนิสิตหยุดกึก เมื่อเห็นว่ามีใครอีกคนคุยอยู่กับฉัน

"เอ่อ...ขอโทษค่ะ พี่เพชรไม่สะดวกอยู่หรือเปล่าคะ" ชะลอฝีเท้าลงเล็กน้อยขณะที่ก้าวเข้ามาในร้าน สายตาคุณปวริศหันไปพินิจน้องก้อยอย่างสนอกสนใจ โธ่ ไอ้ชีกอ

"ไม่ค่ะ สะดวกมากๆ ไปกันเลยไหม" ฉันคว้ากระเป๋าสะพายทันทีแบบพร้อมดิลิเวอรี่

"เดี๋ยวสิครับ จะไปไหนกัน ผมยังเลือกต่างหูไม่ได้เลย... ว่าแต่ น้อง..." เขาทิ้งคำถามชื่อก้อย

"กุลธิดา น้องสาวพี่แทนธรรม์ คู่ควงพี่เพชรในงานเปิดตัวโรงแรมคุณปวริศเมื่ออาทิตย์ก่อนค่ะ" เป็นการแนะนำตัวที่หักหน้าคนถามอย่างจงใจจริงๆ ค่ะ สุดยอด ทั้งพี่ทั้งน้อง และแล้ว คุณปวริศก็ได้อึ้งกว่าเดิม เมื่อคนที่คาดว่าจะเป็นคนขับรถเดินตามน้องก้อยเข้ามาในร้าน

"สวัสดีครับคุณปวริศ เจอกันอีกแล้ว โรงแรมเป็นอย่างไรบ้างครับ เจริญรุ่งเรืองดีไหม" ทำไมว่างมาแถวนี้ เปล่าหรอกค่ะ คุณแทนเขาไม่ได้พูดประโยคที่ฉันเติมออกมา แต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นอย่างนั้น

"บุ๊คกิ้งกันไปถึงปลายเดือนหน้าแล้วครับ ขอบคุณที่ถามถึง แล้วกิจการส่งออกไวน์เป็นอย่างไรบ้างครับ ยังมีออร์เดอร์อยู่ไหม" ทำไมมาเจือกแถวนี้ นี่ก็ต่อให้ โอ้โห เมื่อหนุ่มหล่อตามโพลอันดับหนึ่งและสองมาเจอกัน ท่าทางจะมันกว่าบอลยูโรรอบชิงเสียอีก

"กำลังไปได้สวยเชียวครับ อีกไม่นานคงได้ขยายกิจการเพิ่ม หรือยังไง สนใจลงหุ้นก็ติดต่อมานะครับ ผมยินดีพิจารณา" คุณแทนก้มหัวนิดหนึ่งอย่างไว้ท่า ท่ามากๆ ที่เขามีนั่นแหล่ะ

"แล้วผมจะลองคิดดูนะครับ"

เปรี๊ยะ...กระแสไฟหมื่นโวลต์พุ่งปะทะกลางอากาศ นี่เขาเขม่นกันเพราะอะไรเนี่ย หรือแถวนี้มีแต่พวกหลงตัวเอง ใครดีใครเด่นกว่าเป็นไม่ได้

"อ่า...เพชรว่า ตอนนี้เพชรคงต้องขอตัวก่อนนะคะคุณปวริศ เดี๋ยวให้น้องเขามาช่วยดีกว่า" ฉันส่งสายตาพิฆาตตรงไปยังสองสาวพนักงานร้านที่ยืนจ้องมาทางนี้พร้อมการซุบซิบสนุกสนาน ใครคนหนึ่งรีบปรี่ถลามาอย่างรู้งาน

"เพชรไปละค่ะ พอดีว่ารับนัดคุณแทนไว้ตั้งแต่เมื่อวาน พ่อสอนไม่ไห้เพชรผิดนัดใครค่ะ" ตกหล่นคำว่าน้องสาวก่อนชื่อที่เป็นคีย์เวิร์ดว่าคุณแทนอย่างตั้งใจ พร้อมกับอ้างพ่อบังหน้าอีกดอก ให้มันรู้กันไปว่ายังจะหน้าด้านรั้งกันไว้อีก

"ครับ...แล้วไว้ผมโทรหานะครับ" ยัง ยังทิ้งท้ายให้ใครเขาเข้าใจผิดอีก

ฉันรีบคว้าน้องก้อยติดมือเดินออกไปให้พลขับเดินตามไปอย่างไม่หันไปมองข้างหลัง รู้สึกได้ถึงอาการคิ้วกระตุกของคนหล่อแวบหนึ่งตอนถูกฉันอ้างชื่อเรื่องนัดแนะ แต่โชคดีที่เขาไม่ว่าอะไรออกมา

"นี่คงเป็นปลิงอีกตัวที่มาเกาะพี่เพชรสินะคะ" น้องก้อยเอ่ยมาก่อนใครเมื่อเราลดระดับฝีเท้าได้สักพักจนมารอลิฟท์ไปยังชั้นจอดรถที่คุณแทนจอดรถไว้ก่อนเดินตามก้อยไปหาฉัน

"ก็...ไม่เชิงค่ะ อย่าไปพูดถึงดีกว่า" ไม่ได้จะรักษาหน้าใคร แต่ไม่อยากให้ร้ายลับหลัง เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำที่สุด มันเป็นสิ่งเดียวกับที่ใครๆ ชอบทำกันนักในวงสังคมที่ฉันจำเป็นต้องเอาตัวเองไปปะปนอย่างเสียไม่ได้

"พี่เพชรเอาชื่อพี่แทนไปใช้อ้างได้เสมอนะ จะบอกว่าคบพี่แทนอยู่เลยก็ได้ จะได้ไม่ต้องเบื่อคนพวกนี้ไง ใช่ไหมพี่แทน" จู่ๆ ก้อยก็เสนอเรื่องเป็นไปไม่ได้ให้ฉันอย่างใจป้ำ นี่เพิ่งคิดจะถามเจ้าของเครดิตหรือไง

"อือ...ใช่"

อ้าว...ไหงตกลงใจกันง่ายอย่างนั้น

"เห็นไหม...สบายๆ น่าพี่เพชร อีกอย่างพี่พลก็คงไม่ว่า เนอะ...พี่แทน"

"อะ...เอ้อ อือ"

เห...กินยาลืมเขย่าขวดหรือไงคะคุณ ทำไมจู่ๆ มายอมรับหน้าตายอย่างนั้น พี่พลของน้องก้อยเกี่ยวอะไร นี่เท่ากับว่าเขายอมรับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับนายหน้าตี๋นั่นแล้วรึ

"ไว้...ชั้นจะลองดูแล้วกันค่ะ ขอบคุณนะคะ" โอ้ว่าอนิจจา สุดท้ายก็มาเสียดุลทางเพศไปจริงๆ อีกคน
...............................................

เอาเข้าจริงเริ่มไม่แน่ใจว่าฉันมาทำอะไรที่นี่ พอหลุดออกจากซีรีย์เจ็ดคันเดิมที่เคยอาศัยติดสอยห้อยตามโดยไม่สนใจจะถามความสมัครใจของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของมาแล้วครั้งหนึ่ง ฉันก็ลงมานั่งหน้างงสงสัยว่าไหนฟะรายงานที่ว่า

ไม่ให้สงสัยยังไงไหว ก็กว่าจะมาถึงบ้านได้ก็แทบกลายเป็นคนในครอบครัวเขาเสียแล้ว เริ่มจากการเลี้ยวรถเข้าซุปเปอร์มาเก็ตแห่งหนึ่งหลังออกจากห้างได้ไม่นานด้วยการสรุปเชิงบังคับของคนที่อายุน้อยที่สุดในรถว่า

'เกิดเป็นมนุษย์ยังไงก็ต้องกินข้าว เพราะฉะนั้นเราควรเข้าไปหาอะไรน่าอร่อยมาทำกินกันดีกว่า"

แค่นั้นยังไม่สาแก่ใจในสาวก้อย คุณน้องบังคับพี่ชายให้เลื่อนรถเข็นตามหลังต้อยๆ แล้วตัวเองกลับหนีไปคุยโทรศัพท์หน้าตาเฉย ทิ้งฉันผู้ไม่เคยมีอันต้องมาเลือกซื้ออาหารกับหนุ่มหล่อมาดดีที่สามารถทำชะนีตาปรอยคล้อยหลังมองอยู่เพียงลำพัง

'สายนี้สำคัญ เพื่อข้อมูลส่วนหนึ่งในรายงานที่ต้องส่งอาจารย์เลยนะนี่ พี่เพชรกับพี่แทนไปช่วยกันซื้อของก็แล้วกัน ก้อยอยากกิน แกงเผ็ดเป็ดย่าง ยำเล็บมือนางอร่อยๆ ไข่เจียวหอยนางรม ผัดผักผสมปลอดสาร ปลาทับทิมอีกสักจานนึ่งบ๊วย เออ...เอาอันนี้ด้วย แกงจืดสาหร่ายไม่ใส่วุ้นเส้น ใส่แต่เต้าหู้ไข่ไก่กับเนื้อปลาหมึกยัดไส้ไก่สับกระเทียมโทน ผสมเห็ดหอมสด เอาแบบสดนะ ไม่เอาแบบอบแห้ง มันไม่ได้ใจ'

แม่เจ้าประคุณรุนช่องห้องครัวแตก ตัวเท่าแมวสั่งรายการอาหารยังกับยัดกระสอบ สมองไฮโซง่อยกินอย่างฉันจะเอาอะไรไปบรรเจิดนึกได้ว่าจะสรรหาอะไรมาประกอบพิธีกรรมให้เธอ หันไปมองหน้าคนพี่ชายกลับได้แต่สายตาว่างเปล่า และนั่นมันก็นำมาซึ่งบทสนทนาน่ารักน่าใคร่ระหว่างเราสองผู้พยายามจะปรองดองกันเต็มที

'ผมจะไปรู้ได้ยังไง เนื้ออะไรมันก็เหมือนกัน ไม่ได้มีหงอนกับกีบเท้าตัดมาวางโชว์นี่'

หลังใช้เวลาไม่น้อยไปกว่าครึ่งชั่วโมงกับการขบปรัชญาทางอาหารว่าอะไรบ้างที่ควรมาร่วมลงแขกกันในหม้อและกระทะกับรายการที่ก้อยพร่ำพรรณนา คุณแทนก็ช่วยได้เยอะมากๆ ตอนที่สั่งให้ไปเลือกเนื้อไก่แล้วได้เนื้อหมู แถมยังมีหน้ามาย้อนอีกตอนฉันบ่นใส่หน้า

'แล้วก็ไม่รู้จักใช้นิสัยของผู้หญิงให้ถูกวิธี เนี่ยๆ แทนที่จะไว้ไปพลอดรักกับคู่ขาก็น่าจะมาศึกษาตำราอาหารบ้าง เสน่ห์ปลายจวักน่ะ รู้จักไหม'

'แล้วคุณน่ะรู้ดีนักรึไง ไหนขอดูหน่อย กระเทียมโทนน่ะ'

เฮือก!

แล้วฉันจะเอาอะไรไปให้เขาดู กระเทียมโทน กระเทียมไทยแตกต่างกันยังไงไม่เห็นรู้จัก

'คุณบอกชั้นสิ เรื่องกระเทียม กระทงอะไรนี่น่าจะถนัดไม่ใช่หรือไง'

หนักๆ เข้าเถียงไม่ได้ก็ไปลงกับเรื่องส่วนตัวชาวบ้าน แหม...โครตจะพาลเลยฉัน ดูเขาทำตาลุกเหมือนจะอ้าปากสาดวาจาแต่ว่ากลับหุบปากไปดื้อๆ

'ไม่รู้ ปกติผมไม่เคยทำ มีคนทำให้ตลอด เขาคอยเอาใจผมน่ะ เข้าใจไหม'

อ๋อเหรอยะ 'เขา' ที่ว่าก็คงไม่ใช่ใครสินะ หึ...หมั่นไส้

สุดท้ายการเลือกซื้ออาหารสดเป็นรีวิวประกอบบทโต้ตอบแสดงความกลมเกลียวของฉันกับคุณแทนตลอดหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมาไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บัญชาการได้ พอเธอกลับมาเจอของในรถเข็นก็ถึงอึ้งมองหน้าฉันนิ่ง

'พี่เพชร นี่พี่เพชรไม่เคยทำอาหารหรอกหรือคะ'

ไม่รู้ว่าเทวดาท่านไหนมาปลอมตัวเป็นพรายกระซิบข้างหูน้องก้อย แต่ที่เธอถามมามันตรงประเด็นเพ๊ะๆ

'อย่าว่าแต่ทำเลย ไอ้ที่กินๆ เข้าไปบางทีเป็นอะไรก็ยังไม่รู้ รู้แต่กินแล้วไม่ตายก็ขอลองบ้างเท่านั้นเอง'

ทำหน้าสวยมั่นใจตอบกลับไปอย่างนั้น รู้ว่าเสียฟอร์ม แต่ต้องดูดีไว้ก่อนอันดับแรก จะมาทำจ๋อย จืดเจื่อนไม่ได้ เสียยี่ห้อเพชรหมด

ทั้งหมดทั้งมวลที่ฉันพยายามสุดตีนในการจ่ายตลาดครั้งแรกพังอย่างไม่เป็นท่า น้องก้อยต้องลากเราทั้งหมดเข้าไปเลือกซื้อของใหม่อีกครั้งพร้อมทั้งอธิบายเคล็ดลับการเลือกซื้อปลาเหงือกแดงให้ฟังฉะฉาน รวมไปถึงการแยกระหว่างไข่เบอร์เล็กและเบอร์ใหญ่ในการเลือกซื้อ

สงสัยว่าสาวๆ สมัยใหม่จะไม่ไร้ความเป็นกุลสตรี

ที่ฉันยังไม่แน่ใจว่ามาทำอะไรที่นี่เพราะขณะนี้ฉันกลายเป็นลูกมืออันดับสองของน้องก้อยไปเรียบร้อยโรงเรียนกุลธิดา จริงๆ ฉันก็ไม่ได้ช่วยทำอะไรเท่าไร แค่มายืนใช้พื้นที่ครัวเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งชีวิตเท่านั้น เพราะคนที่ถูกขับเคี่ยวดันเป็นคุณแทนธรรม์ไปเสียนี่

"ใครเขาจับตะหลิวกันอย่างนั้น ไม่ได้จะไปเซ็นต์เอกสารล้านแปดของพี่แทนนะ" ยืนพิงตู้เย็นมองสองพี่น้องทะเลาะกันก็สนุกดีแฮะ

"แล้วเราจะให้พี่มาทำทำไมเล่า แม่ครัวก็มี ตัวเองก็ทำได้ วุ่นวายจริง" คุณแทนทำท่าจะปลดเอาผ้ากันเปื้อนลูกไม้สไตล์โลลิต้าออกจากตัว

"ฮื้อ ไม่ได้ เราตกลงกันไว้ว่าไง จำไม่ได้แล้วเหรอ" คนตัวเตี้ยกว่าเกือบสองคืบชี้หน้าคนตัวสูงใหญ่กว่าอย่างไม่กริ่งเกรงพร้อมทั้งปรายตามาทางฉัน และเหมือนคำพูดนั่นจะไปปะกับรหัสผ่านอะไรสักอย่างเข้า เขาเลยหยุดกึก ทำท่าสงบเสงี่ยมเอี้ยมเฟี้ยมลงเยอะ

ตกลงอะไรกันไว้ล่ะนี่

"นี่ล่ะ เสน่ห์อีกอย่างของผู้หญิงเรา ทุกชาติทุกภาษา เรื่องอาหารถูกลิ้นถูกปากเป็นเรื่องที่แม่เขาสอนลูกสาวกันมานานแล้วรู้ไหม พี่แทนเกิดมาเลือกไม่ได้เป็นผู้ชายเลยหมดโอกาส นี่ก้อยพยายามช่วยพี่แทนให้เข้าถึงการเป็นแม่บ้านแม่เรือนอยู่นะนี่"

ฟังแล้วให้สะท้อนในหัวอกจริงๆ ผู้หญิงอย่างฉันมันจะเป็นยังไงเล่านี่ น้องสาวสอนการเรือนให้พี่ชายที่อยากกลายเป็นพี่สาว โอ้...แม่เจ้า

"เผื่อออกเรือนไปอยู่กับคู่ของพี่แล้วเกิดฝ่ายนู้นเขาง่อยมากๆ เรื่องทำอาหารพี่จะได้จัดการให้เขาได้ไง...ไม่ดีเหรอ"

ฟังเป็นการตะล่อมพี่ชายที่พิสดารพันลึกเหลือเกิน ปกติคนบ้านนี้เขาน่ารักน่าใคร่กันอย่างนี้เสมอรึไงนะ

คุณแทนก้มหน้าตั้งอกตั้งใจอยู่กับผัดผักผสมปลอดสารอะไรสักอย่างของน้องก้อย ทำท่าเงอะงะตามการชี้นิ้วของน้องสาวได้อย่างหมดมาดผู้บริหารบริษัทใหญ่ อืม...ดูๆ ไปก็น่ารักดี ผู้ชายตัวโตๆ หน้าเข้มๆ ในผ้ากันเปื้อนโลลิต้า

"โอ๊ย!" เสียงร้องผสมเสียงตะหลิวหล่นบนพื้นครัวเล่นเอาฉันสะดุ้งเฮือกปราดเข้าไปยังจุดเกิดเหตุด้วยเลือดอาสาสมัครมูลนิธิกู้ภัยชักนำ

"เกิดอะไรขึ้นคุณแทน เจ็บตรงไหน เป็นอะไรไปหรือเปล่า" ด้วยการสั่งการจากไขสันหลังโดยไม่ผ่านสมอง ฉันคว้ามือเขาไว้พร้อมทั้งดึงมันเข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้นเขาถึงได้กุมมือตัวเองไว้แน่นท่ามกลางสายตาตื่นๆ ของน้องก้อย

รอยแดงเป็นจุดๆ บริเวณหลังมือมันดูง่ายยังกับอะไร คนถือตะหลิวหน้าเตาไฟใกล้น้ำมันร้อนๆ จะเป็นอะไรไปเสียไม่ได้นอกจากน้ำมันกระเด็น

"ก้อย...ยาทาแผลโดนลวกอยู่ไหน รีบไปเอามา เร็ว"

ฉันหันไปสั่งก้อยที่ยังยืนจ้องอยู่อึ้งๆ

"เอ้า...จะเอามาทาแผลไม่ให้พอง ไม่ได้เอามากินหรอกน่า เร็ว!" เร่งอีกที ก่อนที่เธอจะหันหลังแว้บออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนไปยังมีสติพุ่งมาปิดแก๊สก่อนอีก เออ...อนาคตไกล ชวนมาฝึกเป็นอาสาสมัครบ้างน่าจะดี ประสาทไวอย่างนี้

"เกิดเป็นรอยแผลเป็นขึ้นมาคุณคงกรี๊ดแน่ ต้องรีบปฐมพยาบาลก่อนไม่ให้มันพองออกมา" ฉันพูดพลางเป่าลมออกจากปากแผ่วๆ บนรอยแดงนั้นหลังจากที่ใช้น้ำก๊อกเปิดรดอยู่พักหนึ่ง เป็นวิธีที่ฉันคิดเอาเองว่าน่าจะพอคลายความแสบร้อนของคนเจ็บได้

"แสบมากไหมนี่ ชั้นยังไม่เคยเจออย่างนี้สักที หูย...แค่คิดก็สยอง ขนาดทอดเนื้ออะไรแป๊บเดียวสุก เนื้อคนก็ไม่น่ารอด แล้วเดี๋ยวนะ พอเนื้อคุณสุก ทีนี้มันก็จะกลายเป็นเนื้อตาย หนังก็จะไม่ขึ้นมาปิด เป็นเนื้อด้านๆ น่ะ ชั้นเคยเห็นมาก่อน แล้วยิ่งเกิดลุกลามนะ หมดกันเลยล่ะคู้ณ" ยิ่งเล่ายิ่งเมามันค่ะ

"เฮ้อ...พูดอย่างนี้จะให้ผมใจเสาะร้องไห้กันเลยรึไงครับ" เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมารดหน้าผากฉัน นั่นแหล่ะถึงได้รู้ตัวว่าแถเข้ามาใกล้เขาขนาดไหน แต่ที่ร้ายกว่าคือฉันเจือกเงยหน้ามองเขาเข้าน่ะสิ

เคยรู้สึกอย่างนี้กันบ้างไหมคะ เหมือนถูกดูดเข้าไปในอวกาศ (เอ่อ....ถึงฉันจะไม่เคยไปท่องอวกาศแต่เดาเอาว่ามันจะเป็นแบบนี้) ดำดิ่ง ลึกล้ำ ขืนตัวไว้ไม่ได้ ยิ่งมองเข้าไปในดวงตาเข้มลึกคู่นั้น ยิ่งเหมือนมีแรงอะไรบางอย่างดึงดูดให้เราเข้าใกล้กันเรื่อยๆ เรื่อยๆ

"โอ๊ะ!" เสียงร้องเล็กๆ ดึงฉันกลับมาจากแบล็คโฮล ก้อยยืนจังงังอยู่หน้าประตูครัวในมือถือหลอดครีมทาแผล

"อ่า...เอ้า ส่งมาเร็วๆ สิคะ คุณแทนร้อนจะแย่แล้วมั้งนี่" ไม่รู้ว่าไอ้ที่ร้อนนั่นมันหน้าฉันหรือมือเขาแน่ ให้ตาย เกิดก้อยมาช้ากว่านี้อีกสักสองสามวินาทีสงสัยจะมีเฮ เฮ้ย...เกย์นี่หว่า คิดอะไรอย่างนั้น

"เอ่อ...จะช่วยผมทา ใช่ไหมครับ" เสียงนุ่มๆ ของเขาดังขึ้นห่างออกไปเล็กน้อยจากการผงะออกของเราทั้งสองคน แต่ตอนนี้กลายเป็นมือเขาที่ยึดข้อมือฉันไว้แน่น อ่า...คนเจ็บมือไม่ใช่ฉันนะคะ

การทาแผลเป็นไปอย่างอิหลักอิเหลื่อเสียเหลือเกิน ริมฝีปากเราสองคนมันห่างกันเท่าไหร่เชียวตอนที่ก้อยวิ่งมายืนอยู่ หนึ่งเซ็นต์ สองเซ็นต์ นั่งยังไม่จี๊ดใจพอ แต่ไอ้ที่ฉันยังมานั่งบีบเนื้อครีมออกมาอาบบนหลังมือเขาอยู่นี่มันยังไงกันแน่ แล้วนี่ก้อยหายไปไหนแล้ว ส่งหลอดยาให้ฉันได้ก็หายจ้อย แล้วคนบ้านนี้ไปไหนกันหมด ทำไมไม่มีใครโผล่มาช่วยหุงหาอาหารสักคน ฮื้อ...ขัดใจจริง



อาหารมื้อเย็นของค่ำวันนี้เป็นไปอย่างชื่นมื่นสำหรับครอบครัวนี้เหลือเกิน มากันพร้อมหน้าบิดามารดาลูกสาวลูกชายกับใครที่ไหนไม่รู้มานั่งหน้ามึนร่วมโต๊ะกับครอบครัวเขาเฉย

"แหม...นี่ถ้าหนูเพชรไม่มาตาแทนคงไม่ลงทุนเข้าครัวให้เจ็บตัวอย่างนี้หรอก" คุณรำไพคุยอวดอ้างสรรพคุณลูกชายแบบผิดๆ นี่แหล่ะหนาความลำบากของการเป็นแม่ผู้ยิ่งใหญ่

"เออ...แต่สุดท้ายก็ไม่รอด ต้องเรียกแม่ครัวเราไปจัดการไอ้ที่เละเทะต่อ ไม่งั้นวันนี้คงกินกันไม่ลงคอแล้ว" คุณเทียรผู้ถือครองตำแหน่งประมุขของบ้าน (ซึ่งฉันมั่นใจว่าเป็นชายแท้เพียงคนเดียว) ชมลูกชายอย่างน่ารัก

"พี่เพชรอย่าคิดมากนะคะ พี่แทนเต็มใจ"

ฟังชอบกล คิดมากเรื่องอะไร คุณแทนเต็มใจเรื่องอะไร คิดไปเองหรือเปล่าไม่รู้ว่าน้องก้อยดูเหมือนพูดแบบมีปม บางทีอาจจะเป็นปมสังหารอีกต่างหาก

"ใช่จ๊ะ ถึงจะเจ็บตัว แต่ตาแทนก็เต็มใจจะทำให้หนูทานนะ"

อ้อ...ได้คุณรำไพช่วยแปล ดีขึ้นนะ แต่ฉันก็ยังว่า มันไม่ใช่อย่างนี้ในแบบที่ก้อยตีความ

"ทานเถอะครับ เดี๋ยวมันจะชืดหมด" พ่อรูปหล่อตัดบทไปดื้อๆ สงสัยเขินที่หลุดฟอร์มมาดแมน ลืมสังเกตว่าเขามีวุ้ยว้ายไหมตอนที่น้ำมันกระเด็น แหม...เสียดาย เสียดายจริงๆ อีกนิดเดียวแท้ๆ (ง่ะ)

รายการสันทนาการหลังมื้ออาหารยังดำเนินต่อไปยังกับฉันจะไม่ได้กลับบ้าน คุณรำไพอาสาโทรหาแม่ฉันเพื่อขออนุญาตกลับดึก แอบได้ยินอาการรั้งสุดฤทธิ์ของเธอด้วย แน่ละ ก็แม่ฉันมองออกนี่นาว่าใครแท้ใครเทียม เรื่องอะไรจะให้ลูกสาวมานั่งทำหน้าขาวแขนยาวอยู่บ้านกระเทียมไทย

ผู้ใหญ่สองคนทำตัวเป็นเด็กอย่างเหลือเชื่อด้วยการมานั่งล้อมวงเล่นเกมเศรษฐีกับพวกฉันตามการคะยั้นคะยอของก้อยที่ไม่จำเป็นต้องอาศัยฉันในการทำรายงานอีกต่อไปในเหตุผลน่าฟังแต่กังขา

'พอดีเพื่อนก้อยโทรมาบอกตอนที่พี่เพชรกับพี่แทน เอ่อ...อยู่กันในครัวน่ะค่ะ ว่าอาจารย์เลื่อนส่งเป็นสัปดาห์หน้า ก้อยยังมีเวลาอีกเยอะ ไว้ค่อยรับพี่เพชรมาใหม่ วันนี้เล่นก่อนดีกว่า'

บางทีอาจเป็นด้วยบรรยากาศเป็นกันเองในครอบครัวนี้เลยทำให้ฉันรู้สึกสนุกจนเผลอหัวเราะร่าไปหลายครั้งตอนที่คุณแทนเสียเงินทุนจนสุดท้ายก็ล้มละลายออกจากเกมไปก่อนใคร

"ฮ่า...พี่แทนแพ้ราบคาบ นั่งเงียบๆ ไปเลยไป" ดูท่าว่างานนี้คนมือขึ้นจะเป็นลูกสาวสุดท้องของบ้าน

"เรื่อง...พี่ช่วยคุณเพชรเล่นดีกว่า นะครับ" เขากระเถิบเข้ามาใกล้เพื่อแสดงตนเป็นฝ่ายฉัน ทำสายตาแบบที่ฉันอยากจะยอมแพ้ในเกมแล้ววิ่งขึ้นแท็กซี่กลับบ้านเสียจริงๆ ไหนจะอาการใกล้ชิดสนิทสนมที่เหมือนเขาตั้งใจจะทำให้ฉันหวั่นไหวนี่อีก แต่เขาคงไม่ได้คิดอะไรอย่างนั้น ฉันคงเหมือนเพื่อนสาวเขาคนนึงมากกว่าสินะ อ้อ...พอเปิดเผยเลยสบายใจปล่อยตัวได้ว่างั้นเถอะ ยิ่งเห็นแววตาวิบวับมีความหวังของคุณรำไพแล้วฉันล่ะอยากลงไปนอนดิ้นกับพื้นให้หายบ้า

ท้ายที่สุดเกมก็จบลงแบบคว่ำกระดาน เพราะอีกคนที่เริ่มออกแนวพาลไม่ใช่ใคร ประมุขใหญ่ของบ้านก็เป็นไปกับเขาด้วย คุณเทียรตีรวนเหมือนเด็กเมื่อเริ่มเสียเปรียบก่อนที่จะทำแกล้งคว่ำกระดานทิ้งหมากทิ้งเบี้ยอะไรให้วุ่นวายไปหมด เลยเป็นอันจบเกมแบบสมศักดิ์ศรีมากๆ ก่อนที่จะเข้าสู่สภาวะหมดกิจกรรมของคนในบ้านต่อไป

"แม่ว่า...หนูเพชรน่าจะกลับได้เสียที เดี๋ยวดึกกว่านี้แล้วจะไม่งาม" คุณรำไพกลายเป็นแม่ฉันได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง น่าทึ่งมากๆ

"เพชรเห็นด้วยอย่างแรงค่ะ อันที่จริง เรียกแท็กซี่ให้เพชรกลับเองก็ได้ เกรงใจค่ะ" ไม่ใช่เกรงใจ แต่เกรงว่าจะยิ่งไม่งามกว่าตอนในครัวต่างหาก เผลอใจไปปล้ำกระเทยนี่มันจะเสียศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงขนาดไหนกัน

"ฮื้อ...ได้ยังไง ให้ตาแทนไปส่งน่ะดีแล้ว แทนไปส่งน้องเพชรเขาหน่อยสิลูก"

คนถูกนับญาติกับฉันกำลังคุยอะไรจุกจิกอยู่กับน้องสาวพอได้ยินชื่อเรียกก็สะดุ้งไหล่ไหว แอบนินทาอะไรฉันรึไงกัน ไอ้เจ้าพี่น้องคู่นี้

"ครับ ไปกันเถอะ คุณเพชร" เขาเดินเข้ามาแตะข้อศอกฉันอย่างสนิทสนม แหม...ทำไมเปลี่ยนบุคลิกจอมผยองมาสนิทกับฉันง่ายดายนัก แต่เอาเถอะ เว้นไว้คน รายนี้นี่คงไม่คิดอะไร ปล่อยๆ ไปละกัน

"งั้นเพชรลาล่ะค่ะ ขอบคุณสำหรับอาหารเย็นที่เพชรไม่ได้ช่วยอะไรเลยนะคะ" ก้มลงไหว้งามๆ พร้อมกับด่าประชดตัวเองในภาษาสุภาพ

"อู้ย...ไม่ต้องคิดมาก ไว้มาอีกบ่อยๆ นะ แม่จะได้ไม่เหงา" ดูน่าเหงาตรงไหน ออกจะเอะอะโวยวายกันขนาดนี้ นี่ถ้าไม่ได้เข้ามาปั้นจิ้มปั้นเจ๋อเสนอหน้าที่บ้านเขานี่คงไม่มีวันได้รู้ว่าบ้านนี้เฮฮาขนาดไหนเวลาอยู่กันแค่คนในครอบครัว

"พี่แทน...อย่าลืมที่ก้อยบอกนะ" น้องก้อยพูดอะไรไม่เคลียร์อีกแล้ว

"คือ ข้าวมันไก่หน้าปากซอยมันอร่อยห้ามใจไม่ได้น่ะค่ะพี่เพชร ก้อยให้พี่แทนแวะซื้อตอนขากลับด้วย"

อื้อหือ ยังมีที่ให้ยัดเข้าท้องอีกหรือน้องจ๋า

เมื่อต้องมาอยู่ลำพังในสถานที่แสนอึดอัดเพียงสองต่อสองจริงๆ ก็เกิดความอ้ำอึ้งจริงๆ เสียด้วย และฉันคงจะหยุกหยิกมากไปหน่อยจนเขาจับความรู้สึกได้

"รถนั่งไม่สบายหรือครับ หรือแอร์แรงไป" เขาขยับมือเพียงนิดเดียว ระดับอุณหภูมิก็ถูกปรับลดลงอย่างง่ายดาย เปล่า...ไม่ใช่รถนั่งไม่สบาย แต่ฉันอาจจะกำลังไม่สบายหลังจากพิจารณาใจตัวเองเงียบๆ มาพักหนึ่งแล้วต่างหาก

"ไม่หรอกค่ะ เพชรแค่ อิ่ม" ฉันเลยปรับระดับสรรพนามหลังจากที่เริ่มสนิทในความคุ้นเคย เพราะเกมเศรษฐีแท้ๆ

"งั้นผมว่า...เปิดเพลงหน่อยดีกว่าไหม"

เอ๊อ...น่าจะเปิดเสียตั้งนานแล้ว ปล่อยให้ฉันฟังเสียงลมหายใจขาดห้วงของตัวเองอยู่ได้

'ฉัน กลัว แค่วูบเดียวในคืนเหงา...'

โธ่ หมอโอ๊คมาทำไม กลับไปก๊อน ตอนนี้ไม่สะดวก

'หากความรักเกิดในความฝัน เราจุมพิตโดยไม่รู้จักกัน...'

ไม่เอ๊า...ไม่ต้องมาจับบ้านเล็กแถวนี้

'จูบ คุณคิดว่าไม่สำคัญ จูบเบาๆ เท่านั้นทำให้ฉันสั่น...'

ง่ะ คุณป้าคะ มาผิดจังหวะไปนิดค่ะ

"มาฟังซีดีเพลงสากลกันดีกว่านะครับ สบายๆ ไม่เครียดดีด้วย ฮะ ฮะ" คุณแทนหัวเราะแก้เก้อ พอเข้าใจอยู่หรอกว่าที่พยายามหาคลื่นนั่นเพราะอะไร แม้แต่เก้งยังอาย

"อ๊ะ..." หลังจากเพลงเริ่มบรรเลงได้นิดเดียว เสียงเรียกเข้าแสนธรรมดาของเขาก็ดังขึ้น เขากดปุ่มที่บลูทูธข้างหูก่อนทักทายปลายสาย

"ฮัลโหล อ๋อ...พลเหรอ"

เฮ้ย...สามีโทรตาม

"เปล่า... อือ ประเดี๋ยวก็กลับ มาส่งคุณเพชร"

หนอย...มาส่งคุณเพชร นี่ต้องรายงานกันด้วยหรือ

"เอาน่า นะ เดี๋ยวคืนนี้โทรหา ตอนนี้ขับรถอยู่...อือ บายครับ"

อยากเห็นหน้าไอ้คนโทรมานัก หากรู้ว่าฉันเกือบทำอะไรคนรักเขาไปวันนี้ล่ะก็ นี่ฉันไม่ได้กำลังพาลพาโลหรอกนะ แค่อิ่มเกินไปต่างหากเลยอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ผู้หญิงจริงๆ ก็เงี้ย

ฉันเลยหมดอารมณ์นั่งกอดอกมองข้างทางนิ่งจนมาถึงบ้านฉันจนได้

"วันนี้ผมขอลงไปส่งดีกว่า แต่คงไม่เข้าไปในบ้านคุณนะเพราะว่ามันดึกแล้ว อาจไม่ค่อยเหมาะ" เขาจอดรถนอกรั้วบ้านฉันแต่กลับเปิดประตูตามมาด้วย ตามมาทำไม เดี๋ยวสามีคุณมายิงหัวฉันทิ้งก็ยุ่งน่ะสิ

"ค่ะ ตามสบาย" ฉันไม่รู้จะว่าอย่างไรก็ปล่อยเขาเดินตามมาเรื่อยๆ จนเขาคว้าข้อมือฉันไว้ที่ใต้ต้นมะยมหน้าบ้าน

"คุณเพชรครับ" เสียงทุ้มต่ำเรียกชื่อนั่นมันเย้ายวนยังไงไม่รู้จริงๆ ตรงนี้ก็มืดเกินไป ไม่เห็นสีหน้าของเขา

"วันนี้สนุกมากเลยครับ ถ้าคุณเพชรไม่รังเกียจ ผมขอ..." เขารวบปลายนิ้วทั้งหมดของฉันไปกักไว้ในมือใหญ่ๆ ของเขา เอาล่ะสิ

"ผม...อยากจะขอ..." อือ...ขออะไรคะ ขอมาเร็วๆ สิ

"แต่ก็ไม่รู้ว่าคุณจะรังเกียจผมไหม"

บ๊ะ...ทนไม่ไหวแล้ว

"ไม่รังเกียจค่ะ รีบๆ ขอมาเลย ตอนนี้ เดี๋ยวนี้!" ผีบ้าเข้าสิงแกแล้วหรือไงนังเพชร ทำไมพูดอย่างนั้น ดูสิ เขาชะงักไปเลย

"คืออยากจะขอเป็นเพื่อนกับคุณเพชร นะครับ ผมไม่เคยมีเพื่อนผู้หญิงจริงๆ อย่างนี้สักที คิดว่าหากมีคุณเพชรไว้คอยปรึกษาเรื่องนั้นเรื่องนี้ก็น่าจะดีเหมือนกัน" เขายังจับมือฉันไว้ในตอนที่สาธยายออกมาแต่ว่าความรู้สึกฉันกลับเปลี่ยนไปหมด ยังกับขึ้นสูงสุดแล้วดิ่งวูบ... ใจหาย

"ยินดีค่ะ แต่ตอนนี้ ขับรถกลับดีๆ นะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ" ออกปากเชิญเขากลับทางอ้อมพร้อมกับการเก็บมือตัวเองกลับอย่างนุ่มนวล ไม่สนใจแล้วว่าเขาจะมองมาด้วยสีหน้าแบบไหน แต่รีบๆ ไปเถอะค่ะ ฉันรู้สึกเหมือนจะป่วย

อาจจะเป็นป่วยทางจิตด้วยซ้ำ!

เพื่อพิสูจน์ว่าอาการป่วยฉันจะรักษาได้หายขาด หลังจากปล่อยให้สมองตกตะกอนนอนคิดอยู่นาน ภาพคู่บ่าวสาวในงานแต่งของลูกชุบกับคุณนทีลอยแวบเข้าหัว ในตอนนั้น ฉันมองพลางคิดว่า หากในตำแหน่งของนังชุบเป็นฉันและคนข้างๆ ล่ะ ฉันอยากจะให้เป็นใคร ตอนนั้นคิดไม่ออก แต่ตอนนี้ ภาพคนนั้นกลับชัดกระจ่างตาเหมือนถูกตีหัวแรงๆ เอาขี้เลื่อยออกไป คิดได้ดังนั้นฉันก็เด้งตัวขึ้นคว้าโทรศัพท์มากดเบอร์ยัยสุ เรื่องแบบนี้ไม่มีใครเหมาะไปกว่าอาจารย์สุภาอีกแล้ว

นังสุงัวเงียลุกขึ้นมารับโทรศัพท์ตอนตีสองของฉันพร้อมคำเจริญพรที่บังอาจรบกวนเวลานอนอย่างจงใจ แต่แล้วน้ำเสียงหงุดหงิดของมันก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปเมื่อได้ฟังความอัดอั้นตันใจที่ฉันพร่างพรายให้มันฟังอย่างไม่มีเม้ม พร้อมกับการส่งซิกแนล SOS ของฉันที่มันสามารถรับไปตีความได้อย่างดี ประโยคแรกที่ฉันบอกทันทีที่มันหยุดหายใจหลังพ่นก่นด่าก็คือประโยคง่ายๆ ที่ว่า

"สุ ชั้นยอมยกเครื่องเพชรให้แกหนึ่งชุดตามสัญญา แกช่วยชั้นที ชั้นไม่อยากให้เขาเป็นเกย์"

Too Lost In You - Sugababes

***************************
<จบตอน 8 ค่ะ>

หายไปหลายวันกลับมาคราวนี้เล่นซะยาวเหยียด บ้าคลั่งกันไป



เหมือนเดิมนะคะ รักคนอ่านมากๆ

บุญรักษาค่ะ




 

Create Date : 28 มิถุนายน 2551
9 comments
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2552 2:32:02 น.
Counter : 329 Pageviews.

 

กิ้วววว อ่านจบแล้วยิ่งอยากรู้ตอนต่อไป
อ่านเรื่องนี้ทีไร ยิ้มขำทุกที น่ารักจังเลย ทั้งเรื่องและคนเขียน อิอิ

 

โดย: Bow IP: 86.10.92.207 28 มิถุนายน 2551 11:13:45 น.  

 

โหย อ่านไปยิ้มไป มาต่อเร็วๆนะคะ

 

โดย: บู้บี้ IP: 122.25.216.176 28 มิถุนายน 2551 13:03:56 น.  

 

หนุกหนานค้า

 

โดย: redclick 29 มิถุนายน 2551 0:39:05 น.  

 

ขอแอ๊ดเป็น friend blog นะคะ

 

โดย: ริวไผ่ (ริวไผ่ ) 29 มิถุนายน 2551 3:29:27 น.  

 

หนุกดีค่ะ ขอตามต่อนะคะ

 

โดย: 2in1 IP: 124.121.151.154 29 มิถุนายน 2551 8:18:31 น.  

 

เจิม

 

โดย: ชญาลี 29 มิถุนายน 2551 21:09:22 น.  

 

โอ๊ยย หิวข้าวว หยุดไม่ได้ เพลงก็เพราะ


รับผิดชอบเพิ่มด้วยนะนี่ อิอิ ขอเลื่อนกลับไปอ่านก่อน

 

โดย: พรายทราย 3 พฤศจิกายน 2551 18:00:34 น.  

 

น่ารัก น่ารัก

เอิ๊กกก อยากจะเมา อาการอาย เป็นอาการอย่างหนึ่งของจิต 5555

ดีไม่เปิดคลื่นธรรมะ คริ คริ คริ

 

โดย: พรายทราย 3 พฤศจิกายน 2551 18:07:09 น.  

 

อ๊าย...ย >_<
น่าร๊ากก มากๆเลยค่ะ

 

โดย: RuNz 15 ธันวาคม 2551 2:56:39 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


BestChild
Location :
ชลบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ไม่ใช่คนเลว แต่ไม่ใช่คนดี
ไม่ใช่คนมีน้ำใจ แต่ไม่ได้เห็นแก่ตัว
ไม่ใช่คนใจร้าย แต่ไม่ใช่ผู้หญิงใจดี
ไม่ได้ต่อต้านใคร แต่ไม่ใช่คนยอมคน
รับรู้ในตัวตน และไม่สนใครจะว่าอย่างไร
รู้จักให้อภัย แต่ไม่ใช่ไม่รู้จักแค้น
เป็นผู้หญิงแท้ที่ชอบโชว์แมน แต่ความจริงแสนจะอ่อนโยน O_o!!!


~ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ~


"...มนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ที่เรียนรู้จากความผิดพลาด ไม่มีใครเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ถูกต้องเสมอไปในโลกใบนี้ หากจะมีก็ให้ไอ้คนนั้นมันไปเป็นเทวดาเสีย อย่ามาเป็นคนให้เสียชาติเกิดกันเลย"

โรม / เพราะเธอ...เลอค่าอมตะ







"คนที่บอกว่าคุณไม่สวยคือคนที่ไม่ได้มองคุณรู้ไหม ถ้าหากเพียงมองคุณดีๆ รู้จักมองให้ถึงความเป็นตัวคุณแล้วก็จะรู้ว่าคุณน่ะสวย..."

ยอด / ผมก็เป็นพระเอกคนหนึ่ง







จิ๊กซอว์ที่ต่อกันได้พอดีทั้งสองฝ่ายมันไม่ใช่สิ่งที่จะซื้อหาง่ายๆ เมื่อได้มันมาแล้วต้องรักษามันไว้ให้ดี อย่าทิ้งขว้างเหมือนเป็นสิ่งที่หมดค่า เพราะรู้ไหม ว่าหากแกปล่อยมันหลุดมือไปแล้วความสูญเสียจะเทียบไม่ได้กับอะไรทั้งนั้น"

อวิกา / เพราะเธอ...เลอค่าอมตะ






"...ไอ้ผู้ชายมาดแต๋วที่พี่ก่นด่านักหนาตรงหน้านี่นะ...เท่าที่รู้จักมา บอกได้คำเดียว...โคตรแมนเลยเว้ยค่ะ"

นงนุช / แมน







คุณค่าที่ว่า ความรู้สึกในทุกๆ ใบหน้าของคนในรูปคือ 'ความสุข' ไม่เห็นจะต้องมีองค์ประกอบเป็นฉากสวยงาม

ลูกชุบ / สาวติสท์แตกกับหนุ่มไฮเปอร์







"...คุณกับผมอาจดูต่างกัน คุณเชื่องช้า ผมว่องไว คุณใจเย็น ผมใจร้อน คุณชอบจดจ้องและลากเส้น แต่ผมชอบมองผ่านเลนส์และกดชัตเตอร์ แต่รู้มั๊ยในจุดประสงค์ของทั้งหมดมันคือสิ่งเดียวกัน..."

นที / สาวติสท์แตกกับหนุ่มไฮเปอร์







"มันเป็นแค่ความทรงจำ จะดีหรือร้าย เราไม่สามารถลบมันออกไปได้ เก็บมันไว้ในอดีตและเดินต่อไปยังอนาคตข้างหน้า ปล่อยให้ความทรงจำเป็นเพียงแค่ความทรงจำ"

Matsumura Ryo / Hiroshima eki สถานีแห่งความทรงจำ








"...บางทีสิ่งที่แกเห็นมันอาจจะไม่เป็นอย่างนั้นก็ได้ เหรียญยังมีสองด้านได้เลยแก ประสาอะไรกับใจมนุษย์เล่า มันขึ้นอยู่กับว่าแกเลือกที่จะรับมันทุกด้านหรือเปล่า หากแกเลือกที่จะรับไว้เพียงด้านเดียวแล้วทุกข์ไปตลอดชีวิตน่ะมันคุ้มกันไหม..."

ลูกชุบ / เพราะเธอ...เลอค่าอมตะ









เฮ้อ... ผู้ชาย ไม่มีไม่ตาย แต่อยากได้สักคนแฮะ

"ฉัน"/ ท้องฟ้า หาดทราย สายลม ผมกระเจิง




ฝากคำทักทายไว้ด้วยจิ...รักตายเลย




ShoutMix chat widget




BestChild ในคอลัมน์นักเขียนรับเชิญ ลายปากกา 2009

BestChild ในคอลัมน์ "ลายรัก" ลายปากกา 2010




Friends' blogs
[Add BestChild's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.