Group Blog
 
<<
มีนาคม 2558
 
30 มีนาคม 2558
 
All Blogs
 

'คนลืมบุญคุณไม่เห็นใครเจริญ' ทนายเสี่ยเจียง จวก! จา พนม ทำแฟนหนังอดดู 'ฟาสต์7'

แฟนหนังภาคต่อสุดฮิต Fast & Furious 7 ยังต้องลุ้นต่อว่าจะได้ฉายหรือไม่ฉาย เพราะตอนนี้ยังถูกศาลสั่งระงับห้ามฉายอยู่ ด้านทีมทนาย 'เสี่ยเจียง' ขอให้ จา พนม กลับมาเจรจา พร้อมขอโทษแฟนหนัง อย่าเกลียดสหมงคลฯ ทำไปเพื่อปกป้องสิทธิ์...


เมื่อวันที่ 27 มี.ค.2558 นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความที่รับมอบอำนาจจาก เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ ผู้บริหารสหมงคลฟิล์ม เปิดแถลงข่าวลากไส้อย่างดุเดือด! ที่สำนักงานกฎหมายอรุณอัมรินทร์ แถวถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ อ้อนขอร้องให้พระเอกนักบู๊ จา พนม ทัชชกร ยีรัมย์ มาเคลียร์กันดีๆ ว่าจะลงเอยอย่างไร พร้อมกล่าวขอโทษแฟนหนังฟาสต์7 ที่ต้องฟ้องศาลให้ระงับฉาย! อ้างยืนยันที่ทำไปเพราะไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้แล้ว จำต้องรักษาสิทธิเพราะโดนละเมิด ทิ้งท้ายแบบแสบนิดๆ เหน็บตรงๆ ไปถึง จา พนม เหมือนวัวลืมตีนต่อไปจะเจริญยาก

นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความที่รับมอบอำนาจจาก เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ แถลงข่าว

คุณสุวัตร เริ่มร่ายยาวอย่างช้าๆ ชัดๆ จริงๆ "เสี่ยเจียงตั้งใจจะมาแถลงด้วยตัวเอง แต่ขาท่านไม่ดีอย่างที่เราทราบๆ กันอยู่ หมอกำลังทำกายภาพบำบัดอยู่ วันนี้จึงได้มอบหมายให้ผม สุวัตร อภัยภักดิ์ และคุณมนตรี อมรโรจน์วุฒิ ที่ปรึกษากฎหมายของเสี่ยเจียงมาร่วมแถลงข่าวด้วย ส่วนผมเพิ่งมารับงานทีหลัง อยากให้คุณมนตรีพูดอะไรก่อน"

นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความ

คุณมนตรี กล่าวว่า "ผมในฐานะตัวแทนของบริษัทสหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนลจำกัดนะครับ ต้องขอกราบขอโทษแฟนๆ ภาพยนตร์เรื่อง Fast & Furious 7 (ฟาสต์ แอนด์ ฟิวเรียส ภาค 7) คือบริษัทเข้าใจดีว่า การระงับไม่ให้ฉายภาพยนตร์เรื่องนี้ จะมีผลกระทบบ้างกับประชาชน บริษัทไม่ได้มีความประสงค์จะให้ระงับการฉายภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่เนื่องจากไม่มีทางอื่นใดที่จะปกป้องสิทธิ์ ตามการกระทำดังกล่าว ซึ่งทางทนายสุวัตรเป็นผู้ให้ความเห็นในเรื่องดังกล่าว ทางบริษัทต้องขอโทษแฟนๆ ภาพยนตร์เรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง ขอบคุณมากครับ"

คุณสุวัตร ทนายความเริ่มพูดดังนี้ "เกี่ยวกับคดีแพ่งนี้ ผมได้ยื่นฟ้องไว้เมื่อวานนี้ ในข้อหาผิดสัญญา ซึ่งคุณจา พนม เป็นคนผิดสัญญา และละเมิดเรียกค่าเสียหาย ละเมิดนั้น คือ บริษัทยูนิเวอร์แซลพิคเจอร์เป็นบริษัทแม่นะครับ สร้างภาพยนตร์อยู่ในอเมริกา ส่วนการจัดจำหน่ายมอบให้บริษัทยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนลพิคเจอร์ ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่าย เป็นบริษัทลูก ซึ่งลงทุนด้วยบริษัทพาราเม้าท์พิคเจอร์กับยูนิเวอร์แซล โดยเหตุนี้จึงจำเป็นต้องฟ้องจำเลยทั้งสามร่วมกัน

 

เอกสารสัญญาที่นำมาแสดงเพื่อประกอบการแถลงข่าว 1

"มูลเหตุเป็นที่ทราบกันด้วยทั่วไปแล้วว่าคุณจา แต่เดิมแสดงเป็นสตันท์แมนในบทเสี่ยง เพราะคุณจาก็เป็นควาญช้าง และแสดงหนังฟอร์มเล็กๆ มาก่อน ต่อมาก็มีคุณปรัชญา ปิ่นแก้ว ชักจูงมาพบกับเสี่ยเจียง เพื่อจะให้ทำหนังฟอร์มใหญ่ สมัยก่อนคุณจาแสดงหนังฟอร์มเล็ก ฉายตามหนังกลางแปลง ฉายตามโรงเล็กๆ บ้าง พอมาเจอเสี่ยเจียงก็บอกว่าขอแสดงหนังฟอร์มใหญ่ ก็เลยให้คุณกิตติยา ลาดพันนา (พันนา ฤทธิไกร) มาเป็นผู้กำกับคิวบู๊ เมื่อตกลงกันเสร็จสรรพแล้ว ก็มีการเซ็นสัญญาว่าจ้างเป็นนักแสดงในสังกัด สัญญาฉบับแรกลง 25 กรกฎาคม 2546 เอาเนื้อหาเลยนะครับ ในข้อ 2.1 นักแสดงจะทำการแสดงหรือขับร้อง หรือกระทำการอื่นใดเกี่ยวกับการแสดง หรือตามสัญญาให้กับบริษัท หรือตามที่บริษัทเห็นสมควรจะกำหนดเท่านั้น และจะไม่รับแสดงหรือกระทำการดังกล่าวให้กับบุคคลอื่นทั้งในประเทศและต่างประเทศทั่วโลก และไม่ว่ากรณีใดทั้งสิ้น เว้นแต่จะได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้าจากบริษัท

เอกสารสัญญาที่นำมาแสดงเพื่อประกอบการแถลงข่าว 2


"หมายความว่า เมื่อคุณจาเซ็นสัญญานี้แล้ว คุณจาจะแสดงหนังให้ต่างประเทศหรือให้ใครก็ได้ แต่ต้องได้รับอนุญาตจากบริษัทนะครับ ถ้าได้รับอนุญาตจากบริษัทไม่ว่าจะไปแสดงหนังโฆษณา ซึ่งในอดีตคุณจา ก็เคยไปแสดงหนังโฆษณา ซึ่งเสี่ยก็แบ่งผลประโยชน์และกำไรไปให้นะครับ แล้วในสัญญานี้ กำหนดกันไว้ใน ข้อ 3 นะครับ เขียนว่า 3. ระยะเวลาของสัญญา สัญญาฉบับนี้มีผลผูกพันบริษัทกับนักแสดง ครูฝึก และผู้ควบคุม เป็นระยะเวลา 10 ปี นับตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2546 ถึงวันที่ 24 กรกฎาคม 2556 ในกรณีที่บริษัทมีความประสงค์จะต่อสัญญาออกไป บริษัทจะต้องแจ้งความประสงค์ไปยังนักแสดง ครูฝึกและผู้ควบคุมทราบล่วงหน้า ก่อนครบกำหนดอายุสัญญาไม่น้อยกว่า 2 เดือน เมื่อบริษัทได้แจ้งความประสงค์ดังกล่าวแล้ว ให้ถือว่ามีการต่ออายุสัญญานี้ ออกไปตามความประสงค์ของบริษัททันที

ลายเซ็นของ จาพนม ในสัญญา

"หมายความว่า ก่อนครบกำหนดบริษัทต้องแจ้งให้คุณจาทราบเป็นลายลักษณ์อักษร ว่าประสงค์จะต่อสัญญา สัญญานั้นก็จะมีผลต่อไป 10 ปี นะครับ ในการปฏิบัติตามสัญญานี้ สหมงคลฟิล์มมีหน้าที่จะต้องจ่ายเงินเดือนให้คุณจาตลอดระยะเวลา นอกจากค่าแสดง ค่าโฆษณา ค่าอะไรอีกจิปาถะ และเปอร์เซ็นต์ที่จะได้จากการแสดงภาพยนตร์ เฉพาะเงินเดือนที่ให้คุณจา ก็เดือนละ 50,000 บาท นอกจากเงินเดือนแล้ว เสี่ยเจียงยังต้องจ่ายให้คุณปรัชญา ปิ่นแก้ว ซึ่งเป็นผู้ควบคุมอีกเดือนละ 50,000 บาท จ่ายให้คุณกิตติยา ลาดพันนา อีกเดือนละ 50,000 บาท รวมที่ต้องจ่ายให้คุณจาและกลุ่มนี้ทั้งหมด เดือนละ 150,000 บาท เมื่อได้ตัวคุณจามาเป็นนักแสดงในสังกัดแล้ว เสี่ยเจียงก็เริ่มสร้างภาพยนตร์ที่พวกเรารู้กันอยู่แล้วว่า เป็นเรื่ององค์บาก 1 ,2 ต้มยำกุ้ง 1, 2 และเรื่องไอ้หนุ่มกังนัม เรื่องนี้คุณจาเอาเงินไปแล้ว 26 ล้าน ทิ้งกองถ่ายไป ไม่แสดง ไม่ส่งก๊อบปี้หนังให้ 

เอกสารสัญญาที่นำมาแสดงเพื่อประกอบการแถลงข่าว3

หลังจากนั้นเสี่ยเจียงก็มีหน้าที่ปรับภาพลักษณ์ให้กับคุณจานะครับ เอกสารแผ่นต่อไป เป็นค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าเสื้อผ้า 258,329.86 บาท ค่าจัดฟัน 356,594 บาท ค่าเรียนภาษาอังกฤษ 243,015 บาท ค่าคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กอีก 112,890 บาท ค่าประกันชีวิต 406,831 บาท รวม 1,378,659.86 บาท นี่คือสิ่งที่ต้องจ่ายครั้งแรกนะครับ แผ่นต่อไปนะครับจะเห็นว่ารายได้ของคุณจา ที่สหมงคลจ่ายไปนะครับ เช่น เบิกล่วงหน้าบ้านอารียา ดาวน์งวด ค่าตกแต่งบ้าน ซื้อรถ ซื้อโน่นซื้อนี่เยอะแยะไปหมด รวม 6,164,812 บาทนะครับ

ส่วนเงินเดือนแผ่นต่อไปนะครับ คุณจารับจากเสี่ยเจียงตลอดมา วิธีรับก็คือโอนผ่านธนาคารโดยอัตโนมัติมาเรื่อย ซึ่งคุณจาก็เปิดบัญชีธนาคารไว้ ไล่มาตั้งแต่ปี 2546-2558 จ่ายมาตลอด อันนี้ไม่รวมคุณปรัชญา และคุณกิตติยา ก็ต้องจ่ายมาตลอดด้วย พอได้ตัวคุณจามาแล้ว เสี่ยเจียงก็ต้องจ้างครูมาสอนจาให้เป็นมวยไทย เพื่อใช้ศิลปะมวยไทยให้ครบเครื่อง ไม่ว่าจะเข่า ศอก หรือเตะอะไรต่างๆ ก็เทรนคุณจามา ระหว่างนั้นคุณจาก็แสดงหนังองค์บาก 1 ,2 ประสบความสำเร็จ คุณจาได้เงินส่วนแบ่งไป 89 ล้าน เฉพาะส่วนแบ่งจากการแสดงภาพยนตร์ ไม่รวมค่าตัวนะครับ ก็รวมๆ แล้วประมาณ 100 ล้าน

เอกสารสัญญาที่นำมาแสดงเพื่อประกอบการแถลงข่าว 4


"พอมาหนังเรื่ององค์บาก 2 คุณจาขอเป็นผู้ควบคุมการสร้างเอง หนังก็ช้ามา ค่าใช้จ่ายก็เยอะแยะไปหมด แต่เสี่ยเจียงก็กัดฟันทำจนเสร็จนะ พอมาต้มยำกุ้ง 2 คุณจาก็เริ่มแล้ว พอหนังจะฉาย แกก็ไม่มาปรากฏตัว หายไปไม่มาโปรโมตหนัง ทำให้ขายสายหนังต่างจังหวัดได้น้อยนะครับ เรื่องนี้ขาดทุน พอมาเรื่องไอ้หนุ่มกังนัม คุณจาขอเป็นผู้กำกับเอง ก็เบิกเงินไป 26 ล้าน บัดนี้ยังไม่ได้อะไรมาเลย เมื่อไอ้หนุ่มยังไม่ได้ฉาย เสี่ยเจียงเห็นว่าสัญญานี้ครบ 10 ปีนะครับ เมื่อ 24 กรกฎาคม 2556 ก่อนจะครบกำหนดสัญญา เนื่องจากภาพยนตร์ยังไม่ฉายยังไม่เสร็จ เสี่ยเจียงก็มีจดหมายไป ที่เขียนว่า แจ้งต่อสัญญานักแสดงในสังกัดลงวันที่ 14 พฤษภาคม 2556 ประสงค์ที่จะต่อสัญญาต่อไปอีก 10 ปี เพราะภาพยนตร์ไอ้หนุ่มกังนัมยังไม่เสร็จเลยนะครับ ก็มีความจำเป็นต้องต่อสัญญาออกไป ก็แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรไปที่บ้านคุณจา ตามสำเนาบัตรประชาชน ตามสำเนาการเสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย ที่คุณจาให้ไว้และตามที่อยู่สัญญาที่ได้ให้ไว้ 

"ส่งไปที่บ้านทางไปรษณีย์ตอบรับนะครับ ก็มีพี่เป็นคนเซ็นรับ ก็ถือว่าการต่อสัญญานั้นสมบูรณ์แล้ว มีผลออกไป 10 ปี พอหลังจากคุณจาได้รับจดหมายฉบับนี้แล้ว ต่อมาเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2555 คุณจาก็มาพบเสี่ย ตามรูปนี้นะครับ (รูปจากกล้องวงจรปิด) มาเจรจาบอกว่าผมไม่ไปไหนหรอก ผมจะอยู่กับเสี่ยนะครับ มายืนยัน ขอให้ผมสร้างหนังต่อไป เสี่ยก็ตกลง เรามีหลักฐานก็บันทึกไว้ที่คุณจามากับภรรยา ว่าเขาจะไม่ไปไหน

ภาพวงจรปิดที่ จา พนม เข้ามาเจรจากับสหมงคลฯ


"ต่อมาระหว่างนั้นเมื่อต่อสัญญาไปแล้ว เสี่ยก็โอนเงินเข้าไปให้คุณจาตลอดตามเอกสาร ก็จ่ายเงินเดือนให้คุณจาตามปกติ หลังจากนั้นประมาณสองเดือน ราวเดือนกันยายน คุณจาก็ปิดบัญชีธนาคาร เหมือนกับว่า ไม่อยากจะให้เราโอนเงินให้ เพราะบัญชีธนาคารพอปิดลงแล้วก็โอนเงินให้ไม่ได้ ทางฝ่ายกฎหมายของเสี่ยเจียงก็แนะนำว่า คุณจาต้องการจะหยุดสัญญาแล้วนะ ฝ่ายกฎหมายบอกว่า อย่างนี้ไม่ได้ ต้องนำเงินไปวางที่สำนักงานทรัพย์กลาง กรมบังคับคดีกระทรวงยุติธรรม ก็นำเงินจำนวน 50,000 บาท ไปวางไว้ตลอดมา เพื่อเป็นหลักฐานว่าถ้ามีการดำเนินคดีกัน เราจะไม่ได้เป็นฝ่ายผิดสัญญา เมื่อจ่ายเงินไปเรื่อยๆ นะครับ ต่อมา 13 กันยายน 2556 ทางสหมงคลฟิล์ม ทราบข่าวมาว่าคุณจาจะไปแสดงหนังที่ต่างประเทศ มีนายไมเคิล ดี เซลบีย์ จะพาไปแสดงหนังต่างประเทศ โดยไม่ขออนุญาตจากสหมงคลฟิล์มนะครับ 

เอกสารที่สหมงคลฯ แจ้งเตือนไปยังค่ายหนังต่างประเทศ


"ทางฝ่ายกฎหมายของสหมงคลฟิล์ม ก็มีจดหมายลงวันที่ 13 กันยายน ที่เป็นภาษาอังกฤษ แจ้งไปหมดเลยนะครับ ส่งไปถึงยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส ส่งไปถึงผู้บริหารและฝ่ายกฎหมาย ส่งไปที่ผู้ควบคุมการสร้าง ฟาส์ต7 ส่งไปหลายคนเยอะแยะไปหมดเลย (ส่งถึงวิน ดีเซล ด้วย) ส่งแจ้งหมดทุกคนเลยว่า คุณจายังมีสัญญาอยู่กับเรานะ ถ้าคุณจะสร้างก็ควรมาคุย ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส ได้รับจดหมายนี้แล้ว จึงส่งอีเมล์นี้มานะครับ บอกว่า อ้างถึงเรียน ดร.ธีรพล กาญจนากาศ (ทนายของเสี่ยเจียง) ผมอ้างถึงจดหมายของท่าน ฉบับลงวันที่ 13 กันยายน และ 10 ตุลาคม 2556 ถึงยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส และท่านอื่นๆ เราได้กล่าวถึงการติดต่อโดยจดหมายของท่าน ต่อที่ปรึกษาของคุณจาเพื่อดำเนินการแล้ว และยูนิเวอร์แซลจะไม่โต้ตอบอีก อย่างไรก็ตาม เราขอสงวนสิทธิ์การแก้ไขความเสียหาย และความคุ้มครองของเราทั้งปวง แปลว่า เขาก็มีสัญญากับจา เขาก็ขอสงวนสิทธิ์ที่จะดำเนินคดีกับคุณจา หรือใครก็ตามที่ไปทำให้เขาเสียหาย

"สิ่งที่ส่งไปให้ทั้งหมดนี้ เห็นได้ว่าเอกสารโกหกกันไม่ได้ ไม่เหมือนลิ้นไม่มีกระดูกก็พูดไปนะ เอกสารนี้เป็นเอกสารที่คุณจารับรู้ว่า มีสัญญาอยู่กับสหมงคลฟิล์ม ยูนิเวอร์แซลรู้แล้วว่าคุณจามีสัญญากับสหมงคลฟิล์ม แต่ยูนิเวอร์แซลไม่หยุดในการสร้างหนังฟาสต์ 7 ทั้งๆ ที่มีพระเอกอยู่คนหนึ่ง พอล วอล์กเกอร์ ตาย! เราก็ส่งจดหมายไปหาเขา อ๊ะ เมื่อพระเอกตาย! เราก็นึกว่าเขาจะแก้บทเอาคุณจาออก ก็คงไม่มาละเมิดสิทธิ์ของเรา ปรากฏว่ายูนิเวอร์แซลก็ยังดึงดันที่จะสร้างฟาสต์ 7 จนเสร็จนะครับ แล้วเอาออกโฆษณา

"ส่วนผมเมื่อได้รับเรื่องนี้จากเสี่ยเจียงก็คุยกัน ตอนนั้นเรายังไม่รู้ว่าเขาถอดคุณจาออกจากการแสดงมั้ย เขาถ่ายทำดำเนินการไปอย่างไร จนกระทั่งเมื่อสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ก็เริ่มมีการโฆษณานะครับ มีทั้งภาพยนตร์ตัวอย่าง มีทั้งใบปิดต่างๆ มามากมาย ซึ่งผมได้ก๊อบปี้ตัวอย่างหนังส่งศาลไปแล้วนะครับ มีโฆษณาในเว็บไซต์เราไปเห็น มีคุณจาอยู่ในนั้น แปลว่าเขาไม่ได้ถอดคุณจาออก ไม่ได้ดำเนินการตามที่เราร้องขอ เมื่อเป็นเช่นนี้ โดยทางกฎหมายนะครับ ถ้าเราปล่อยให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกเผยแพร่ พวกเราก็คงรู้นะครับ พอออกจากโรงภาพยนตร์ไปแล้ว 90 วันก็ปั๊มแผ่นขาย อัดดีวีดีขาย ขายอินเทอร์เน็ตออนไลน์ ขายด้วยวิธีใดๆ การที่นำออกขายแต่ละครั้ง ถือเป็นการละเมิดเราตลอดมา

เอกสารที่สหมงคลฯ แจ้งเตือนไปยังค่ายหนังต่างประเทศ แปลเป็นภาษาไทย

"เรื่องนี้ถ้าเราฟ้องคุณจาในข้อหาละเมิดสัญญา ถามว่าจะบังคับยึดทรัพย์อะไรจากคุณจา ซึ่งผมคิดว่าไม่มีทรัพย์สินอื่นใดจะให้ยึดเพียงพอจะชำระค่าเสียหายได้ ส่วนจำเลยที่สองนั้นมีส่วนร่วมในการละเมิด แล้วก็เป็นนิติบุคคลต่างประเทศ ยูนิเวอร์แซลจดทะเบียนในประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วนบริษัทยูไอพี ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนลพิคเจอร์ จดทะเบียนในเกาะฮ่องกง จึงเป็นนิติบุคคต่างประเทศ มีสำนักงานตั้งอยู่ตึกอับดุลลาฮิม พระราม 4 กรุงเทพฯ ก็ไม่มีทรัพย์สินอื่นใดที่เป็นบ้าน รถ ที่จะยึดได้นะครับ เขาฉายหนังเสร็จก็ขนเงินออกประเทศเขาไป แล้วจะบังคับคดีเอากับอะไร

"ดังนั้นทางเดียวเท่านั้น เป็นทางเลือกสุดท้ายในข้อกฎหมายนะครับ ผมจำต้องฟ้อง คือให้ศาลเป็นผู้ตัดสินว่าใครผิดกันแน่ ระหว่างคุณจากับเสี่ยเจียง สหมงคลฟิล์ม ก็ได้ทำการไต่ฟ้อง นำข้อเท็จจริงเหล่านี้นะ ไปเสนอศาลเป็นขั้นเป็นตอน จนศาลมองเห็นแล้วว่า คุณจากระทำผิดสัญญากับสหมงคลฟิล์ม ส่วนจำเลยที่ 2 ที่ 3 ไปร่วมกระทำละเมิดกับคุณจา ศาลท่านจึงมีคำสั่งให้คุ้มครอง (หนังฟาสต์ 7) แต่เนื่องจากเป็นคำสั่งของศาลไทย มีอาณาเขตอำนาจศาลเฉพาะในไทยเท่านั้น ดังนั้นจึงห้ามได้เฉพาะในประเทศไทย ส่วนในต่างประเทศศาลไทยไม่มีอำนาจนะครับ

"ด้วยเหตุเหล่านี้จึงเป็นที่มาขอคำสั่ง ผมอยากจะกราบเรียนให้ทุกคนได้ทราบว่า เสี่ยเจียงได้ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะติดต่อคุณจาให้มาพบให้มาพูดคุย แม้กระทั่งครั้งหลังสุดนี่นะครับ ผมส่งจดหมายไปถึงคุณจา เพราะคุณจาเพิ่งย้ายไปอยู่ปทุมธานี ผมก็ไปคัดสำเนาทะเบียนบ้านมา ส่งจดหมายไปหาเขา เขาไม่ยอมรับ ไม่ติดต่อไม่คุย เมื่อติดต่อกันไม่ได้อย่างนี้ ก็เลยมีความจำเป็นต้องฟ้องกันครับ เป็นทางสุดท้ายจริงๆ ทั้งๆ ที่เรารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฟีดแบ็กกลับมาอาจจะไม่ค่อยดี แต่เพื่อรักษาสิทธิของคนไทย ที่เรามีสัญญาอยู่ ถ้าเราไม่ทำเช่นนี้ เราก็ไม่รู้จะทำอะไร เขาฉายหนังเสร็จ เขาขนเงินกลับอเมริกา คุณจะไปเอาอะไร ชนะคดีคุณจะไปยึดเอาอะไร โฉนดที่ดินสักแปลงก็ไม่มี ตึกก็ตึกเช่านะครับ ก็ต้องระงับ แต่การที่ผมฟ้องไปนี้ ไม่ได้มีสาเหตุโกรธเคืองกันนะครับ ผมกับคุณจาไม่เคยรู้จักกันเป็นการส่วนตัว จำเลยที่ 2 ,3 ไม่เคยเห็นหน้ากัน ถ้าคุณจา และจำเลยที่ 2 ,3 มาคิดร่วมกัน มาแก้ไขในสิ่งผิดข้อตกลงที่คุณทำไปนะครับ ทุกสิ่งทุกอย่างประนีประนอมกันได้ ที่ไหนมีข้อขัดแย้งกัน เราก็ต้องประนีประนอมกัน เราเอาหัวชนกำแพงไม่ได้หรอก

ถ้าจาติดต่อมาขอเคลียร์? "ยินดีเลย นั่นแหละเจ้าพ่อประคุณมาเลย คนอื่นจะได้ดูหนัง ไม่งั้นเสี่ยเจียงโดนด่าเละเลย" ทางยูนิเวอร์แซลและยูไอพี ได้ติดต่อกลับมาบ้างมั้ย? "ไม่เลยครับ ไม่มีใครติดต่อมาที่ผมเลย ไม่มีใครติดต่อมาที่เสี่ยเจียง" ทางสหมงคลฟิล์ม ขาดการติดต่อกับจา พนม นานแค่ไหน? "สหมงคลมีที่อยู่แน่นอน มีตึกแน่นอน แต่จา พนม หาตัวไม่เจอ" นานแค่ไหนแล้วที่ติดต่อไม่ได้? "นานมากแล้วครับหลายปีแล้ว ตั้งแต่ทิ้งไอ้หนุ่มกังนัมไป" ตอนที่จา พนม มาไทยเพื่อโปรโมตหนังที่ไทย ทางสหมงคลทราบหรือไม่? "ทราบเมื่อวานนี้ไง" การระงับการฉายเรื่องฟาสต์7 ไปแล้ว จะมีการระงับการฉายหนังเรื่องสกินเทรด Skin Trade? "ถ้าไม่คุยกัน สกินเทรด ก็จะไม่ได้ดู เพราะว่าทุกเรื่องที่คุณจาไปแสดงนะครับ ถ้าไม่มีการเจรจากันตามฟ้องหมดแหละครับ ถ้าเราพิสูจน์ได้ว่า เขาไม่ได้ตัดฉากที่มีคุณจาออก" เล่นเรื่องไหน ฟ้องเรื่องนั้น? "ถูกต้อง เพราะถ้าเขาไม่เล่นฟ้องไม่ได้"

หนังเรื่องสกินเทรด จะฟ้องเมื่อไหร่? "ก่อนฉายแน่นอน (หัวเราะ) คือให้เราได้หลักฐานหลักๆ คือทำไมเราฟ้องเลยตอนนี้ไม่ได้ ถามว่าผมรู้ว่ามั้ยว่าจามีอยู่ในหนังหรือไม่ ผมไม่รู้ เพราะหนังโฆษณายังไม่ออก ถ้ามีเขาแสดงเราจึงจะฟ้อง ถ้าไม่มีเขาแสดงเราฟ้องข้อหาละเมิดไม่ได้" ทางค่ายหนังฟาสต์ 7 มีการยื่นข้อเสนอที่จะตัดจาออกจากหนังหรือไม่? "ผมไม่รู้ครับ คงเดาใจเขาไม่ได้ เขาก็คงมีสองทางเลือกนะครับ เลือกที่จะมาเจรจากับเราแล้วพาจามาด้วย ผมเรียนถามคุณจาหนังเรื่องไอ้หนุ่มกังนัม 26 ล้านที่เอาไปเนี่ย ตกลงจะเอายังไง จะคืนเงินมาให้ แล้วเลิกสัญญากันหรือยังไง คนเรานะแม้ไม่ได้รักกัน ถึงแม้มีทะเบียนสมรสอยู่ก็เอาไม่อยู่ จริงมั้ย อันนี้มีสัญญานะ ถ้าใจจาไม่อยู่ เขาก็คงไม่อยู่ จะเลิกสัญญากันไปด้วยดีได้มั้ย จะเลิกยังไง แล้วค่าเสียหายต่างๆ ที่มันเกิดขึ้นนะครับ จะทำอย่างไร เสี่ยเจียงใช้เงินลงทุนสร้างคุณจาไปในหนังองค์บาก 1 ,2 ใช้เงินหลายพันล้านเลยนะครับ แล้วก็อดทนกับคุณจานะ ขอเป็นผู้กำกับก็ให้ ขอเป็นผู้ควบคุมการแสดงเองก็ยอม จะเอาสลิงมารั้งเองก็ยอม ทั้งๆ ที่เราบอกว่าหนังไทย เฮ้ย มันไม่ใช่หนังฮ่องกง เอาสลิงมารั้งตัวมันไม่ใช่ศิลปะมวยไทย เสี่ยเจียงก็อดทนยอมนะฮะ" 

ก่อนหน้านี้ ทางสหมงคลฟิล์มเคยไปฟ้องร้องจา มาก่อนหรือไม่? "ไม่มีครับ คดีนี้เป็นคดีแรก" คดีฟ้องร้องเรื่องอื่นๆ กับจามีอีกมั้ย? "เรื่องอื่นมีครับ แต่ผมไม่ได้เป็นคนทำ" คดีอะไร? มนตรี อมรโรจน์วุฒิ ทนายความอีกคนของสหมงคลฟิล์ม กล่าวเสริมว่า "คดีแพ่ง ผิดสัญญาที่ไม่ได้มาโปรโมตหนังเรื่องต้มยำกุ้ง 2 เป็นทนายอีกคนหนึ่งฟ้อง" เรียกร้องค่าเสียหายไปเท่าไหร่? "ผมจำไม่ได้เลย ต้องไปถามทนาย" คิดว่าเพราะเหตุผลอะไร ทำไม ไมเคิล ดี เซลบีย์ ผู้จัดการของ จา พนม ถึงไม่ติดต่อขอคิวจา มากับทางสหมงคลฟิล์ม? "ก็ไม่ทราบ" 

สุวัตร ทนายความสหมงคลฟิล์ม กล่าวต่อว่า "คือในสัญญาหลังจากสร้างหนังแล้ว เวลามาโปรโมตหนังก็ต้องให้ความร่วมมือ ถ้าไม่ให้ความร่วมมือก็ต้องมาฟ้อง" ที่บอกว่ามีทางเลือกสำหรับจา คือมาคุยกันแล้วจะคืนเงิน 26 ล้านมั้ย แล้วยกเลิกสัญญา? "คือมาคุยกันว่าเงิน 26 ล้านที่เอาไป จะว่ายังไง ค่าเสียหายของสหมงคลฟิล์ม คุณจะเอายังไง อีกทางหนึ่งก็คือตัดบทการแสดงของคุณจาออก หรือเข้าสู้คดีกับเรา ถ้าเข้าสู้คดีกับเราก็ไม่ได้ฉาย หรือฉายก็ต้องตัดบทบาทบทของจาออกไป ผมเข้าใจว่าหนังมันมีสตอรี่บอร์ดมาอยู่แล้ว ถ้าไปตัดออกก็คงเสียอรรถรส" เงิน 26 ล้านที่บอกว่าจาเอาไปแล้ว จะฟ้องหรือไม่? "ยังไม่ได้ฟ้องเลย" จะฟ้องต่อ? "กำลังคิดอยู่ ถ้าฟ้องจะได้คืนมั้ยเนี่ย (หัวเราะ) มันจะเสียค่าธรรมเนียมรึเปล่า"

ศาลได้นัดไกล่เกลี่ยแล้ว? "มิได้ครับ ศาลยังไม่ได้นัดไกล่เกลี่ยเลยครับ คือเมื่อวานที่ผมไปฟ้อง ผมก็บอกว่าศาลนัดชี้สองสถาน คือกำหนดประเด็นนะครับ ว่าใครมีประเด็นในคดีว่าอย่างไร หนึ่งจาละเมิดสัญญาหรือไม่ สองจำเลยที่ 2 ,3 ร่วมละเมิดหรือไม่ ค่าเสียหายโจทก์มีเพียงไร อย่างนี้คือการกำหนดนำสืบ และนัดอีกวันที่ 16 มิย. เวลา 9 โมง" ถ้าทางบริษัทผู้สร้างหนังฟาสต์ 7 จะฟ้องกลับ ที่ทำให้หนังเขาเสียหาย จะฟ้องได้หรือไม่? "ฟ้องไม่ได้ครับ เพราะจำเลยที่ 2 เป็นผู้สร้าง จำเลยที่ 3 เป็นผู้จัดจำหน่าย ดังนั้นคุณก็ยื่นคำให้การมา และถ้าคุณคิดว่าเสียหาย เราเอาเรื่องอะไรไปฟ้องคุณเป็นเท็จ คุณก็ฟ้องเรามาว่า เราฟ้องคุณเป็นเท็จนะครับ ผมยืนยันเลยว่าผมฟ้องไป ไม่มีอะไรเป็นเท็จ"

จากกระแสสังคมที่ออกมาถึงเสี่ยเจียงค่อนข้างรุนแรงมาก เหมือนคนส่วนใหญ่อยากจะดู วิน ดีเซล, พอล วอล์กเกอร์ มากกว่า จา พนม กับเหตุการณ์นี้ จะมีทางออกอื่นที่เสี่ยเจียงพอจะทำได้มั้ย? "คือเราไม่ไช่เจ้าของหนัง เราไปแตะอะไรเขาไม่ได้ แต่ที่เราต้องฟ้องในฐานะคนไทย อยู่ในประเทศไทย เราถูกละเมิดโดยทุนข้ามชาติ ซึ่งเราเตือนเขาแล้ว อย่านะ พ่อเจ้าประคุณ อย่าสร้างเลย เขาก็ยังสร้างอ่ะ เราต้องคิดถึงว่าโดยหลักของกฎหมาย เราต้องนึกถึงเหยื่อนะฮะ เหยื่อคือผู้เสียหายและผู้กระทำ เรื่องนี้ใครกระทำ ใครเริ่ม แล้วใครที่ออกมาปกป้องสิทธิ์ คือเราไม่ได้เอาปืนไปไล่ยิงหัวเขา เราใช้สิทธิ์ฟ้องคดีตามกฎหมาย นั่นคือสิ่งที่เราทำดีที่สุด ถ้าเราหมั่นไส้มันแล้ว เฮ้ย จ้างคนไปยิงหัวมันอย่างนี้เราไม่มีคุณธรรม แต่ถ้าเราใช้สิทธิ์ทางศาล มันเป็นวิธีการที่ผู้ดีเขาจะสู้กัน ใช่มั้ยครับ"

กับกระแสที่ทางสหมงคลฯโดนโจมตีในตอนนี้? "เราอยากจะขอร้องว่าคนไทยอย่าเกลียดเราเลย เราออกมาปกป้องสิทธิของตัวเองอ่ะ วันหนึ่งเกิดหนูถูกละเมิด เกิดใครมาละเมิดกระชากสร้อยหนู แล้วหนูไปแจ้งความไปบอกตำรวจว่า แหม แบ่งให้มันไปหน่อยไม่ได้เหรอ" คิดว่าจะฟ้องคนที่มาโพสต์สหมงคลฟิล์ม หรือไม่อย่างไร? "เรายังไม่ได้คิดไกลขนาดนั้น ถ้าจะฟ้อง ฟ้องกันไม่หวาดไม่ไหวเลย เพราะมันด่ากันทุกวันเลย (หัวเราะ)"

หลายคนมองว่าทางสหมงคลเอาหนังฟาสต์7 เป็นตัวประกันเพื่อจะแก้ปัญหาส่วนตัว? "สหมงคลไม่มีปัญหาส่วนตัวกับจานี่ครับ คือใครเตะเรา เราก็ฟ้องคนเตะ จาเป็นคนผิดสัญญากับเรา เราก็หวดกับจา ถูกมั้ยคะ ส่วนจำเลยที่ 2, 3 มาร่วมด้วย เราก็เลยจำเป็นต้องฟ้อง" แสดงว่าหนังเรื่องฟาสต์7 ยังมีผลระงับฉายอยู่? "ตลอดไปครับ จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา หรือมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ถ้าเป็นไปได้ผมอยากจะขอร้องเขา เข้ามาเจรจากันเถิด แฟนหนังอยากจะดูหนังฟาสต์7 วันที่ 1 ที่หนังจะเข้าฉาย จะได้ไม่มาอารมณ์ค้าง มาด่าผมต่อ (หัวเราะ)"

ได้ติดต่อไปต้นสังกัดที่สร้างหนังฟาสต์7 กี่ครั้ง? "เราติดต่อไป 2 ครั้ง" ติดต่อทาง? "ติดต่อทางอีเมล์" ตอนนี้สภาพจิตใจของเสี่ยเจียงเป็นอย่างไร? "โอโห ไม่รู้เลย ไม่ได้เป็นเมีย (ยิ้ม) ท่านก็กังวลนะ กังวลว่าฟีดแบ็กจะกลับมาไม่ดี แล้วจะไม่เข้าใจเจตนารมณ​์ของบริษัทว่าอยู่ๆ ไประงับฉายหนัง บางคนก็ไปด่าพ่อล่อแม่ลงทางออนไลน์แล้วนะครับ คือถ้าคุณไม่ติดต่อกลับมา แสดงว่าคุณไม่ประสงค์จะประนีประนอมในเรื่องนี้เลย ถ้าคุณจะสู้กับเรา ก็เหมือนเอาหัววิ่งชนกำแพง คุณก็ฉายไม่ได้นะฮะ ถ้าปล่อยให้คุณฉาย แล้วคุณฉายเสร็จหอบเงินกลับอเมริกาแล้ว ผมจะไปบังคับเอากับใคร"

ยืนยันการฟ้องระงับหนึ่งเดอะฟาสต์7 เพื่อปกป้องสิทธิ์ของสหมงคลฯ ที่โดนละเมิด


กระแสสังคมที่อาจจะไปกดดันทางสหมงคล? "กดดันสหมงคลอาจจะกดดันได้ แต่ถ้ามากดดันผมไม่ได้ อาชีพผมคืออาชีพทนายความ ผมจำเป็นต้องหาความยุติธรรมให้กับลูกความผม ตรงไหนที่มันมีการผิดสัญญา มันมีการทำละเมิดต่อกัน ผมจะไปเห็นใจคนกระทำละเมิดไม่ได้ เหมือนกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาอยู่บ้าน เขาอาจจะนุ่งผ้าบางๆ หน่อย แล้วไอ้เวรปีนรั้วไปข่มขืนเขา เฮ้ย ก็ไอ้นี่มันนุ่งบางไง เขาเลยวิ่งมาข่มขืน เราต้องเข้าใจว่าใครเป็นเหยื่อ ใครเป็นผู้เสียหาย ใครเป็นผู้กระทำ เมื่อเราเข้าใจแล้วว่าใครเป็นผู้กระทำแล้ว เราจะแยกแยะได้ว่าอะไรถูกอะไรผิด บางทีศาลท่านนั่งอยู่บนบังลังก์ ถ้าจำเป็นต้องตัดสินประหาร ว่าอันนี้มันค้ายาบ้าตั้งล้านเม็ด ท่านก็ต้องตัดสินประหาร ถามว่าท่านสงสารมั้ย สงสาร อย่างผมเองนี่ ไม่รู้จักคุณจา แต่ก็ฟังข่าวมาเรื่อยๆ ก็เห็นใจนะครับ แต่โดยหน้าที่คือ เรียนมาเพื่อให้มาฟ้อง ทำไงอ่ะ"

ฟ้องไปเท่าไหร่? "1,640,441,475.75 ล้านบาท" คิดว่าเงินจำนวนนี้ มากไปหรือว่าน้อยไป "คือเวลาที่เราจะฟ้องเท่าไหร่ มันอยู่ที่กฎหมาย เช่น เราชนเขาตาย ค่าโลง ค่ารักษาพยาบาล ค่ารถไปโรงพยาบาล แล้วเหตุละเมิดของจา ค่าเสียหายมันจะได้ตามกฎหมาย" การส่งหนังสือสัญญาไปที่บ้าน แล้วมีผู้อื่นเซ็นรับเอกสารนั้น แล้วไม่ได้เซ็นรับในตัวเอกสารนั้นด้วย ถือว่าเป็นการต่อสัญญาโดยอัตโนมัติเลยหรือไม่? "คืออยากจะให้ดูเอกสารที่ผมส่งนะครับ ใบตอบรับนี้เป็นของการสื่อสารแห่งประเทศไทยนะครับ ไม่ใช่ของผม ถ้าบุคคลในบ้านใครก็ได้ คนใช้คุณ ยามคุณนะครับเซ็นได้หมด บางทีคุณไม่อยู่หรอก" ไม่จำเป็นต้องเซ็นในเอกสารสัญญา? "ไม่จำเป็นครับ กฎหมายบอกว่า เมื่อเซ็นรับในเอกสารของการสื่อสารแห่งประเทศไทย เมื่อมีคนเซ็นรับแล้วถือว่าสมบูรณ์ คือพอจดหมายเราไปถึง ทางนั้นก็เซ็นรับเลย" ที่บอกว่าพี่สาวจาเป็นคนเซ็นรับเอกสารการต่อสัญญา พี่สาวจาคนไหน "ชื่ออะไร อ่านจากลายเซ็นไม่ออก"

หลังจากแถลงข่าวจบ คุณสุวัตร ทนายของสหมงคลฟิล์ม กล่าวเสริมกับบันเทิงไทยรัฐออนไลน์อีกครั้ง ส่วนตัวคิดว่าการต่อสัญญาโดยอัตโนมัติ ออกไปถึง 10 ปีนี้ ยุติธรรมกับดาราหรือไม่? "เราเรียกว่า นิติกรรม สัญญาคือนิติกรรม เกิดจากข้อเสนอและข้อสนองถูกต้องตรงกัน แปลว่าต้องมีผู้เสนอและผู้สนองถูกต้องตรงกัน ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง โอน สงวน และระงับซึ่งสิทธิ สัญญาอย่างนี้นะ ถ้าคุณจาไม่เซ็นกับเสี่ยเจียงเลย คุณจาไม่มีทางได้เงินไปร้อยล้านบาทหรอก ถูกมั้ย เขาได้จากสัญญานี้ไป เสี่ยไปลงทุนปรับภาพลักษณ์ให้เขา ลงทุนเรื่องบ้านเรื่องรถ อะไรต่างๆ ผลที่เขาได้ไปจากสัญญานี่ ถ้าลำพังจา พนม ยังเป็นควาญช้างจะได้มั้ย หรือเป็นนักแสดงโนเนมนะ อย่างบางคนเก่งแต่ไม่เฮงไง ไม่ได้เข้ามาค่ายหนังใหญ่ๆ อย่างเมืองไทยก็มีค่ายหนังใหญ่ไม่กี่ค่าย สัญญานี้ให้จาได้สิทธิประโยชน์ ให้จาได้เกิดเลย เพราะฉะนั้นมันเป็นธรรมที่สุดแล้ว เขาเซ็นทุกหน้าทุกแผ่นเลย ใครก็บังคับเขาไม่ได้"

ช่วงที่มาเช็นสัญญาในตอนแรกๆ ตอนที่ยังไม่ดังหลายคนเข้าใจได้ แต่ต่อไปมีปัญหากันเริ่มจะไม่โอเคกันแล้ว แต่ต้องมารับกับสัญญาอัตโนมัติแบบนี้ ท่านทนายคิดว่ามันแฟร์กับพวกดาราหรือไม่? "คือสัญญาชุดแรกนี่นะ เดินมาก็ตะกุกตะกัก มีองค์บาก 1 โอเค แต่พอกับองค์บาก2 เริ่มเบี้ยวแล้ว ต้มยำกุ้งก็เริ่มเบี้ยวแล้ว เขาสร้างอำนาจต่อรอง จากเดิมที่เราจ้างให้เขาเป็นนักแสดงอย่างเดียว แต่ต่อมาเขาขอเป็นผู้กำกับเอง ขอควบคุมเอง ไม่ใช่แนวคอนเซปต์ของเสี่ยเจียง ซึ่งเสี่ยเจียงต้องการให้เตะต่อยแบบมวยไทย ไม่ใช่แบบมวยจีน เหาะแล้วเอาสลิงไปรั้ง มันมาตั้งแต่ต้มยำกุ้งแล้ว เพราะคอหนังไม่ยอมรับ คนดูหนังเขาอยากจะดูมวยไทยคือมวยไทย ถ้าหนังกำลังภายในคือหนังกำลังภายใน เตะต่อยแบบไทเก็ก ก็คือเตะต่อยแบบไทเก๊กไป มวยไทยพอมันแปลงๆ แล้วมันดูไม่สนุก"

ช่วงที่จา พนม อยู่กับสหมงคลฟิล์ม เขาทำเงินรวมๆ แล้วให้บริษัทสหมงคลได้เท่าไหร่? "ผมจำตัวเลขไม่ได้" ประมาณๆ ได้มั้ยคะ? "เราประมาณไม่ถูก มันไม่อยู่ในสำนวนคดี" นอกจาก จา พนม ที่ต่อสัญญาแบบอัตโนมัติกับสหมงคลฟิล์มแล้ว ยังมีดาราคนไหนอีกในค่ายที่มีสัญญาในลักษณะแบบนี้? "ผมไม่ทราบ เพราะผมเป็นทนายนอก" สัญญาลักษณะแบบนี้ มีหลายที่ทำๆ กันอยู่แล้ว? "มีทุกค่ายแหละ ไปดูสิ เวทีนางงามยังมีเลย" ต่างประเทศก็มี? "มี! มีเหมือนกันหมดแหละ ไม่งั้นทำไมนักฟุตบอลต้องซื้อตัวกัน อย่างเมืองนอกถือว่าซื้อขายนักฟุตบอลกันได้ บ้านเราคนซื้อขายกันไม่ได้ไง" ก่อนหน้านี้นอกจากหนังเรื่องฟาสต์7 มีหนังจากต่างประเทศเรื่องไหน ที่อยากได้จาไปร่วมงานด้วย แล้วติดต่อผ่านมาทางสหมงคลฟิล์ม? "ในรายละเอียดไม่รู้ มีแต่ถ่ายโฆษณารถยนต์ ผมเข้าใจว่าถ่ายทำโฆษณาในประเทศไทยนี่แหละ มีสัญญาอยู่ด้วย เราก็จัดให้เขาไปแสดงภาพยนตร์โฆษณาเรื่องนี้ เขาก็ได้เงินไป 7 ล้าน"

ยืนยันว่าไม่ได้เอาหนัง เดอะ ฟาสต์ 7 เป็นตัวประกัน


จากการศึกษาจากข้อมูลที่มีอยู่ คิดว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ทำไมจา พนม ถึงเปลี่ยนไป? "เราคงวิเคราะห์ไม่ได้นะ คนเราเนี่ย ถ้าเราจะใช้คำว่าดังแล้วลืมตัวจะได้มั้ย พอเริ่มมีชื่อเสียง เฮ้ย ใครๆ ก็ต้องการฉัน ณ วันที่คุณมาไม่มีอะไรเลย คือคนเรานะต้องมี take และ give ต้องรู้จักรับและรู้จักให้ด้วย เมื่อเขาให้โอกาสเราได้แสดง ให้เราดังขึ้นมาได้ เราต้องมีความกตัญญูกตเวที ต้องไม่ลืมบุญคุณคนที่สร้างเรามา เราสร้างแต่ฝรั่งมาหยิบไป พอยอดมันจะเด็ดกินได้ มันจะออกลูกแต่คนอื่นมาเด็ดไป คนสร้างที่ลงทุนไปเยอะแยะเนี่ย เขาก็เสียหาย"

คดีฟ้องร้องลักษณะคล้าย ที่ชนะคดีนั้น คดีอะไรบ้าง ช่วยยกตัวอย่างหน่อย? "โอ๊ย เยอะแยะแล้ว อย่างกรณีเอาบทประพันธ์ไปสร้างภาพยนตร์ แล้วไม่จ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้เขา เขาก็ฟ้อง แล้วขอไต่สวนฉุกเฉิน แล้วเขาก็ระงับไม่ให้ฉาย" เรื่องอะไรบ้าง? "เยอะเลย" เรื่องอะไร พอจะจำได้หรือไม่คะ? "ก็จำไม่ได้ ว่ามีเรื่องอะไรนะตอนนั้น" ถ้าเกิดมีการต่อสู้คดีในชั้นศาลเกิดขึ้นกับจา พนม คุณทนายมั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์ว่าจะชนะคดีนี้แน่นอน? "ผมมั่นใจๆ คือสิ่งใดที่ผมไม่มั่นใจ ผมจะไม่ฟ้อง" มองอนาคตจา พนม หลังจากนี้จะเป็นไปอย่างไร? "ผมมองอย่างนี้นะว่า...จากประสบการณ์ในชีวิตการทำงานของผมนะ คนที่ลืมบุญคุณ คนที่ลืมตัวเหมือนวัวลืมตีน ผมไม่เห็นใครเจริญ วันหนึ่งเขาก็ร่วง วันนี้เขากล้าหักสัญญาสหมงคลฟิล์มได้ วันหนึ่งเขาก็อาจจะทำอีก ไม่มีบรรทัดฐานอะไรที่เขาจะไม่ทำอีก".




 

Create Date : 30 มีนาคม 2558
0 comments
Last Update : 30 มีนาคม 2558 9:50:23 น.
Counter : 2471 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ลูกโป่งลอยฟ้า_ชิงช้าสวรรค์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 63 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ลูกโป่งลอยฟ้า_ชิงช้าสวรรค์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.