น้องเขย''จา พนม''ท้างัดวงจรปิด..ยันเปล่าวางมวยเมียพระเอกบู๊
เรียกว่าเป็นครอบครัวอลเวงราวกับไฟลามทุ่งไปแล้วสำหรับครอบครัว" ยีรัมย์" เมื่อวานนี้เกิดกรณีวิวาทภายในครอบครัวของพระเอกนักบู๊ "จา" พนม ยีรัมย์อีกแล้วเรื่องนี้ถึงขั้นแจ้งความกันเลยทีเดียว ซึ่งเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นบริเวณถนนสาย 345 ปทุมธานี-บางบัวทอง
โดยทางฝั่งของพ่อจา-พนม "ทองดี ยีรัมย์" และน้องเขย "โจ" ธรัช ศุภโชคไพศาล ยืนยันว่าต้องการเพียงแค่พาคุณพ่อไปพบลูกชายเท่านั้นแต่อีกฝ่ายเบรครถกระทันหันทำให้รถของตนไปชนท้ายก่อนที่ "บุ้งกี๋" ปิยรัตน์ โชติวัฒนานนท์ ภรรยาของพระเอกหนุ่มจะลงมาด่าทอและทำร้ายพวกตน อีกทั้งตัวจาเองก็มามีส่วนร่วมในการทำร้ายร่างกายในครั้งนี้ด้วย ด้านคู่กรณี "บุ้งกี๋" กลับให้ข้อมูลที่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงโดยยืนยันว่าน้องเขยจามีเจตนาขับรถพุ่งชนท้ายและมีพฤติกรรมเหมือนจะลักพาตัวจากลับไปตนกับสามีจึงต้องพยายามต่อสู้เพื่อป้องกันตัวเอง ซึ่งงานนี้ต่างฝ่ายต่างแจ้งความดำเนินคดีอีกฝ่ายไว้เรียบร้อยแล้ว
ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 ก.ย.56 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้ติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้จาก "โจ-ธรัช" น้องเขยของจา-พนมว่า ที่เผยว่าตอนนี้ตนกำลังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแพทย์ปัญญาเนื่องจากบาดเจ็บอย่างหนักจากการถูกทำร้ายร่างกายโดยเฉพาะจากการที่ถูกบุ้งกี๋ใช้โทรศัพท์มือถือตีศรีษะหลายครั้งจนมีอาการเลือดคั่งในสมองซึ่งแพทย์ต้องทำการเอ็กซ์เรย์และเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิดว่าจำเป็นจะต้องผ่าตัดหรือไม่
น้องเขยของจา-พนม ยังยืนยันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้งว่าไม่ได้เป็นฝ่ายลงมือก่อนอย่างที่ทางฝั่งภรรยาของพระเอกนักบู๊ให้สัมภาษณ์ไว้ โดยเฉพาะเรื่องของการที่อีกฝ่ายกล่าวหาในทำนองเหมือนพวกตนเจตนาจะลักพาตัวจาโดยระบุว่ามีชายแปลกหน้าอีกสองคนอยู่ในเหตุการณ์ครั้งนี้ ซึ่งโจ-ธรัชยืนยันว่านอกจากพ่อ พี่ชาย และตนแล้วไม่มีผู้ชายคนอื่นที่อยู่ในเหตุการณ์นี้นอกจากชาวบ้านที่เป็นวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างผ่านมาเห็นเหตุการณ์พอดีที่เข้าไปช่วยพยุงพ่อจาลุกขึ้นเท่านั้น ส่วนเด็กวัยรุ่น 2 คนที่เป็นคนขับรถแจ๊สสีแดงของตนไปที่สน.ก็เป็นเพียงเด็กที่ตนไว้วานให้ช่วยขับรถให้เพียงอย่างเดียว ที่สำคัญหากพวกตนมีเจตนาจะอุ้มลักพาตัวจาจริงคงไม่พาพ่อแม่ซึ่งเป็นคนชราไปด้วย
"ที่เขาพูดน่ะมันมั่วหมดเลยอย่างที่เห็นว่าเราก็เจ็บช้ำกันขนาดนี้ ผมว่ามันผิดปกติแล้วคนเราทำกันขนาดนี้แล้วยังเป็นที่สาธารณะด้วย ผมถามหน่อยว่าถ้าพวกผมจะพยามยามอุ้มจาจริงๆ จะเอาพ่อแม่มาด้วยทำไม แต่นี่พ่อเขาอยากเจอลูกจริงๆ ยังไงเขาก็ตัดกันไม่ขาดเลยขอให้ผมช่วยพามา แล้วภาพที่ผมเห็นคือพ่อเขาพยามจะเข้าไปกอดลูกแต่ดูเหมือนภรรยาจาเขาจะคอยดึงลูกออกตลอดคือไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้จาเลย" โจกล่าว
นอกจากนี้ โจ-ธรัช ยังท้าพิสูจน์หลักฐานจากกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุหรือคลิปวิดีโอหากมีผู้เห็นเหตุการณ์ได้ถ่ายเอาไว้ซึ่งตนเชื่อว่าน่าจะมีอย่างแน่นอนเพราะตอนที่เกิดเหตุมีคนเห็นเหตุการณ์เป็นจำนวนมาก
"ตอนนั้นเวลาประมาณบ่ายสามโมงมีชาวบ้านเห็นหลายคนแล้วผมก็เชื่อนะว่าต้องมีคนถ่ายคลิปไว้บ้างซึ่งถ้าใครมีก็อยากให้นำคลิปนั้นออกมาเผยแพร่เลยครับหรืออาจจะเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดแถวนั้น เพราะว่ามันจะพิสูจน์ได้เลยว่าความจริงเป็นยังไง" น้องเขยพระเอกนักบู๊กล่าวยืนยัน
ในส่วนของความคืบหน้าเรื่องคดีน้องโจ-ธรัชยังยืนยันว่าจะเอาเรื่อง "บุ้งกี๋" และ "จา-พนม" อย่างถึงที่สุด เนื่องจากทางผู้ใหญ่รวมทั้งพ่อจาจะไม่ยอมอีกต่อไป "คือที่ผ่านมามีอะไรผมก็แล้วแต่คุณพ่อจาเลย แต่คราวนี้ผู้ใหญ่เขาไม่ยอม เพราะที่ผ่านมาเราอยากคุยตลอดแต่ว่าเราต้องเจออะไรบ้างทั้งด่าทอบ้างล่ะ พาพ่อไปหาที่บ้านก็เอาจาไปซ่อนแล้วต่อว่าเราต่างๆ นาๆ ซึ่งอยากบอกว่าเรื่องเงินทองนั้นไม่เกี่ยวเลยเพราะว่าจาไม่ได้ส่งเงินมาให้พ่อหลายเดือนแล้ว และอย่างเรื่องที่เขาไปเล่นหนังต่างประเทศจนมีปัญหาเรื่องสัญญากับทางบริษัทสหมงคลฟิล์มฯ ก่อนหน้านั้นที่ทางบริษัทส่งสัญญามาเราก็พยายามบอกให้แล้วและก็อยากให้เขามาดูมาจัดการเพราะบริษัทก็มีบุญคุณกับจา แต่ในเมื่อเราพยายามบอกอะไรที่เหลือเราก็ไม่มีสิทธิ์จะไปบังคับเขาเพราะเขาโตบรรลุนิติภาวะแล้วใหญ่กว่าเรา แต่ที่ผ่านมาเรากลับต้องเจออะไรหลายๆ อย่าง" น้องเขยพระเอกคนดังกล่าวในที่สุด
ในวันเดียวกันนี้ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดตามความคืบหน้าไปทางฝั่งของ "จา" พนม ยีรัมย์ และภรรยา "บุ้งกี๋" แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ซึ่งหากมีความคืบหน้าจะนำมารายงานต่อไป
| Create Date : 29 กันยายน 2556 |
| Last Update : 29 กันยายน 2556 9:37:39 น. |
|
0 comments
|
| Counter : 2294 Pageviews. |
 |
|
|
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 63 คน [
