<<
ตุลาคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
1 ตุลาคม 2552
 
 

ทริปหนอนจังหวัดสุพรรณ ตลาดศรีประจันต์ ถ้ำเวฬุวัน และเขื่อนกระเสียว

อาทิตย์ 20 กันยายน 2552



เป็นประจำทุกเดือนที่กลุ่มสมาชิกห้องกล้องแคนอนจะรวมตัวกันจัดทริปถ่ายรูปนอกสถานที่ เดินทางด้วยรถบัสคันใหญ่ 2 ชั้นขนาด 50 ที่นั่งและจุดนัดพบก็คือบริเวณใกล้ป้ายรถเมล์ สถานีรถไฟฟ้า BTS ด้านสนามกีฬาแห่งชาติ

ไปแค่สุพรรณ แต่นัดเจอกันตั้งแต่ตี 4 ครึ่ง ออกรถตี 5 .... อุแม่เจ้า มิต้องตื่นกันตั้งแต่ตี 3 ครึ่งเพื่ออาบน้ำแต่งตัว ออกจากบ้านกันตี 4 .... ทำไมต้องรีบออกเดินทางกันแต่เช้ามืดวันอาทิตย์ด้วยนะ เมื่อคืนกว่าจะหลับก็ปาไปเกือบตี 1 ยังดีที่พี่ชายยินดีขับรถไปส่งให้

พอขึ้นรถได้ที่นั่งก็พยายามปิดตางีบหลับ ได้แค่หลับๆ ตื่นๆ เป็นระยะๆ .... มีจอดแวะพักปั้มน้ำมันแถวบางใหญ่เพื่อลงซื้อน้ำและรับประทานอาหารเช้าจากร้านสะดวกซื้อ (ข้าวเขียวหวานไก่) จากนั้นค่อยมุ่งหน้ากันต่อ

ถึงตลาดศรีประจันต์ราว 9 โมงเช้า ตลาดดูเงียบ ไม่ได้คึกคักเหมือนตลาดน้ำยอดฮิต หรือตลาดบกที่กำลังขึ้นชื่อแห่งอื่นๆ



แทนที่จะจัดไปเที่ยวตลาดสามชุก ผู้จัดทริปเลือกที่จะมาเยือนตลาดแห่งนี้ ก่อนที่จะเป็นที่รู้จักแพร่หลายจนแปรสภาพเป็นตลาดเชิงธุรกิจจนเกินไป

“ตลาดเก่า ศรีประจันต์ ‘บ้านเจ้าคุณ’” ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยประจำปี 2551 ประเภทแหล่งท่องเที่ยววัฒนธรรม



สภาพบ้านเรือนภายนอกทำให้นึกถึงเมื่อครั้งเรายังเป็นเด็ก ยังเห็นห้องแถวสองชั้นในกรุงเทพอยู่มาก ปัจจุบันได้กลายเป็นตึกแถวหลายแห่งแล้ว

เช้าวันอาทิตย์ ดูเหมือนว่าที่นี่เป็นวันหยุด พักผ่อนอยู่กับบ้าน เห็นบ้านหลายหลังยังคงปิดประตู

เดินเข้าไปในตลาด เห็นป้ายชี้บอกเส้นทางเข้า “วัดยาง” ตะลุยเดี่ยวเดินแยกกับกลุ่มใหญ่เข้ามาสำรวจวัดเสียหน่อย


- พระอุโบสถด้านนอก -


เข้าไปในวัดก็ได้กลิ่นมูลนก เห็นนกพิราบเกาะตามหลังคาช่อฟ้า ใบระกา หลังคา ทำให้วัดยางดูทรุดโทรมและสกปรกไปอย่างรวดเร็ว ขณะนี้ทางวัดกำลังมีการซ่อมแซมอาคารหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นพระอุโบสถ วิหารอดีตเจ้าอาวาสวัดยาง และวิหารหลังอื่นๆ กำลังตกแต่งทาสีใหม่ แต่นั่นก็ทำให้เรารู้สึกว่าเสน่ห์บางอย่างกำลังถูกลบเลือนหายไปอันเนื่องจากสีที่ใช้



เข้าไปยืนไหว้พระประธานพระอุโบสถ ภายในพระอุโบสถก็กำลังมีการซ่อมแซม ปรับปรุงทาสีใหม่ด้วยเช่นกัน เห็นเครื่องมือช่าง และแผ่นไม้ต่างๆ วางเต็มอยู่บนพื้น

กลับไปรวมกลุ่ม เข้าชม “บ้านเจ้าคุณ” เสียหน่อย “เจ้าคุณ” ในที่นี้ไม่ใช่ยศศักดิ์ทางข้าราชการสมัยก่อน แต่เป็นสมณศักดิ์ทางสงฆ์



บ้านหลังนี้คือบ้านเกิดของ “พระพรหมคุณาภรณ์” (ป.อ. ปยุตโต) เป็นพระสงฆ์ไทยผู้ซึ่งได้รับการยกย่องเป็นกวีทางศาสนาพุทธ และเป็นเพชนน้ำเอกของโลก ท่านมีผลงานการเขียนหนังสือกว่า 300 เล่มทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ


- พระพรหมคุณาภรณ์ -




วิทยากรพิเศษกำลังให้ความรู้ ตอบคำถามแก่น้องๆ หลานๆ ผู้สนใจประวัติศาสตร์ เรื่องราวความเป็นมา

ในอดีตบ้านของท่านฯ เคยเป็นร้านขายผ้า ได้รับการอนุรักษ์ให้คงอยู่สภาพเดิม รวมทั้งเก็บรักษาข้าวของเครื่องใช้สมัยเมื่อเกือบ 100 ปีก่อนไว้เป็นอย่างดี



อัตชีวประวัติ และผลงานชิ้นสำคัญๆ ของท่านได้รวบรวมนำมาแสดงอยู่ที่บ้าน 2 ชั้นหลังนี้

เราสนใจหนังสือ “พุทธธรรม” หน้าปกสีแดงที่ตั้งเรียงอยู่หลายเล่มบนชั้นหนังสือ และนึกอยากเป็นเจ้าของไว้อ่านเล่นสักเล่มแก้ขัด ถ้าเราเดินติดต่อหาซื้อในกรุงเทพฯ คงลำบาก ไหนๆ มาถึงถิ่นแล้ว ตัดสินใจเข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลบ้านหลังนี้

หากผู้สนใจหนังสือเล่มใดหรือผลงานชิ้นใดของท่านฯ สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ฯ ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจิตศรัทธาและกำลังทรัพย์ที่จะร่วมบริจาคเงิน เพื่อร่วมกันจัดพิมพ์หนังสือของท่านฯ ออกมาเผยแพร่ต่อไปได้อีก


ขอขอบคุณเพื่อนๆ น้าๆ ที่ถ่ายภาพทั้ง 2 ภาพนี้โดยมีเราเป็นฉากประกอบ รู้สึกชื่นชอบภาพทั้ง 2 ใบนี้มาก จึงขออนุญาตนำมาลงในบทความเล่าเรื่องครั้งนี้ด้วยนะคะ

หมายเหตุ “บ้านเจ้าคุณ ป.อ. ปยุตโต” (ปัจจุบันท่านฯ ได้รับสมณศักดิ์ยกขึ้นเป็น “พระพรหมคุณาภรณ์”) เปิดให้เข้าชมเฉพาะวันอังคาร ถึงวันอาทิตย์ เวลา 9.00 – 17.00 น. (หยุดวันจันทร์)



ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง อ.ศรีประจันต์ ตั้งติดกับแม่น้ำท่าจีน เดินไม่ไกลจากบ้านเจ้าคุณ ป.อ.ปยุตโต เท่าใดนัก

11.40 น. ใกล้เวลานัดหมายต้องขึ้นรถแล้ว แม้จะยังไม่หิว แต่ก็รองท้องไว้หน่อยน่าจะดีกว่า งั้น แค่ราดหน้าจานนึงก็น่าจะพอนะ (ไม่หิว แต่ก็เกลี้ยงหมดชาม)

......

ประมาณเที่ยงครึ่ง ล้อหมุนออกจากตลาดเก่าศรีประจันต์มุ่งหน้าสู่ “วัดวังคัน” เพื่อเข้าไปถ่ายภาพ “ถ้ำเวฬุวัน” ระหว่างนั่งอยู่บนรถก็นอนพักเก็บแรง ได้หลับบ้างสักงีบก็ยังดี

ถึงแล้ววัดวังคัน ใกล้บ่าย 2 โมงแล้ว คงใช้เวลาถ่ายภาพที่นี่ไม่มาก เพราะยังมีโปรแกรมเที่ยวชมเขื่อนกระเสียวรออยู่ข้างหน้า



ในวัดเห็นต้นงิ้วขนาดใหญ่ เห็นหนามป้อมๆ ขึ้นอยู่ตามลำต้นแล้วให้รู้สึกกลัวและสงสาร นึกถึงคำบอกเล่าที่ว่าเมื่อต้นงิ้ว (วิมานฉิมพลี) ออกดอก ดอกของมันจะส่งกลิ่นหอมมาก ยั่วยวนให้ผู้คนริปีนขึ้นไปเด็ดดอม นี่แหละหนาที่เขาเรียกว่า “หอมกลิ่นดอกงิ้ว” นึกภาพแล้วก็ขนลุก



เห็นอาคารศาสนสถานหลังนี้กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างใหม่ (คาดว่า) ตั้งอยู่บนพื้นที่โล่ง ไม่รู้ว่าเป็นพระวิหาร หรือเป็นพระอุโบสถกันแน่ อาศัยกำลังซูมของกล้องคอมแพ็คเก็บภาพนี้มาแทน (ขี้เกียจวิ่งตากแดดเข้าไปดูใกล้ๆ น่ะ ร้อนเดี๋ยวตัวดำ ไม่สวย)



ถึงทางเข้า "ถ้ำเวฬุวัน" แล้ว มีบันไดคอนกรีตขึ้นถึงบริเวณปากถ้ำ จำนวน 61 ขั้น (แต่ตัวเองลืมนับ เพราะมัวแต่ถ่ายรูป)


- ภายในถ้ำ -


อากาศภายในถ้ำไม่ค่อยดีนัก อับและกลิ่นมูลค้างคาว ร้อนอบอ้าว

กลางถ้ำประดิษฐานพระพุทธรูปจำลองขนาดใหญ่ปางปาเลไลยก์ ในภาพจะสังเกตถึงสัดส่วนขององค์พระว่ามีขนาดใหญ่โตมากขนาดไหนเมื่อมีคนที่ยืนเทียบอยู่ข้างๆ



เมื่อเดินออกจากถ้ำแล้ว เราก็ตั้งใจเดินกลับขึ้นรถเพื่อนั่งพักสบายๆ ขณะที่เพื่อนๆ น้าๆ บางคนกำลังตั้งใจฝึกถ่ายภาพ portrait กันอยู่
…..


16.00 น. รถวิ่งมาถึง "เขื่อนกระเสียว" ซึ่งเป็นโปรแกรมไฮไลท์สุดท้ายของทริปวันนี้ คือการถ่ายภาพบรรยากาศพระอาทิตย์ตกดิน แต่เนื่องจากแดดยังแรงจัดอยู่มาก งั้นก็แวะนั่งทานอาหารเย็น (อีกแระ) รอเวลาแดดร่มลมตกได้ดีซะก่อน



ถ่ายภาพหมู่กับเพื่อนๆ น้าๆ ร่วมทริป ขออนุญาตเจ้าของภาพนำมาลง ภาพนี้ถ่ายหลังจากที่ทุกคนรับประทานอาหารมื้อเย็นกันเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว

รู้สึก "เรือนข้าหลวง" จะเป็นร้านอาหารเพียงร้านเดียวตั้งอยู่แถวนั้น สั่งกับข้าวนั่งทานร่วมกันทั้งหมด 5 คน อาหารหลักไม่กี่อย่าง จำได้ว่ามี ส้มตำไทย ส้มตำไข่เค็ม ต้มยำ และปลาทอด ที่น่าประทับใจที่สุดคงเป็น “เจ้าปลาทอดตัวใหญ่” เมื่อทุกคนเห็นแล้วต่างตะลึง



เมื่อรวมค่าเครื่องดื่มแล้ว ชำระรวมเงินทั้งสิ้น 580 บาท

นั่งแช่อยู่ในร้านอาหารเป็นชั่วโมง จนท้องป่องลงพุงขนาดได้ ต้องลุกขยับแข้งขาออกไปเดินเล่นถ่ายภาพให้มากๆ หน่อย 17.30 น. อากาศกำลังเย็นสบายดี มองออกไปยังขอบฟ้าเห็นม่านฝนกำลังตกลงมาอย่างหนัก ท้องฟ้าอีกด้านหนึ่งเห็นเมฆฝนดำทมึน ฝนตกซู่ใหญ่ไม่แพ้กัน



ทุกคนได้แต่หวังว่าลมคงไม่พัดไล่เมฆฝนให้มาตกบริเวณที่พวกเรากำลังถ่ายภาพกันอยู่





เดินโต๋เต๋ถ่ายรูปคนเดียวไปเรื่อยๆ จู่ๆ น้าจุกก็เรียกให้ขึ้นไปนั่งบนสันเขื่อนเป็นตัวประกอบฉากไปพลางๆ ก่อน โอเค๊... นู๋เมี่ยงจัดให้ แต่เอ๋... ไหงเริ่มมีตากล้องคนอื่นๆ ร่วมกันช่วยถ่ายรูปให้อีกล่ะคะ งานนี้นู๋เมี่ยงก็เริ่มยิ้มสั่น ออกอาการเกร็งไปหมดแล้วค่ะ





ต้องขอขอบคุณช่างภาพทุกคนที่ถ่ายภาพให้ อย่างน้อยทริปนี้เมี่ยงก็มีถ่ายตัวเองประกอบการจดบันทึกการเดินทางกะเขาบ้างเหมือนกัน และขออภัยมา ณ ที่นี้ที่ไม่สามารถจดจำชื่อของพวกพี่ๆ น้าๆ ที่ช่วยถ่ายภาพเหล่านี้ให้


ดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า


ลำแสงสีทองทาทาบอยู่บนบริเวณที่พวกเรากำลังยืนถ่ายภาพกันอยู่ แดดอ่อนแสงนุ่มๆ บรรยากาศดีๆ สบายๆ อย่างนี้น้าๆ รีบหาสมาชิกน่ารักๆ ที่อยู่ใกล้ๆ แถวนั้นมาเป็นแบบให้พวกเราฝึกถ่ายภาพย้อนแสงกันหน่อย



ตัวจริงน้องหน้าตาน่ารัก สดใสมาก แต่กล้องคอมแพ็คของพี่มันให้ได้แค่นี้น่ะค่ะ



โชคดีจริงที่ฝนไม่ตกลงมาหนักตรงบริเวณที่พวกเราถ่ายภาพกันอยู่ มีเพียงกระแสลมฝนที่พัดตกลงมาบางๆ

18.30 น. ได้เวลาขึ้นรถ พร้อมเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ เราขอปิดบันทึกการท่องเที่ยวในวันนี้ อำลาด้วยภาพลำแสงสุดท้ายแห่งวันที่เขื่อนกระเสียว อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณ



แล้วจะกลับมาเล่าถึงทริปใหม่ที่กำลังจะมีขึ้นในเร็ววันนี้ แล้วพบกันใหม่ค่ะ


บันทึ่กจากภาพความทรงจำ
30 กันยายน 2552






 

Create Date : 01 ตุลาคม 2552
4 comments
Last Update : 1 ตุลาคม 2552 22:32:38 น.
Counter : 2169 Pageviews.

 

ว้าว ว้าว ว้าว มีพอตเทรค ตะเองด้วยเหรอ
หลายภาพเลยนะเนี่ย

นี้คือ ข้อดีของการที่เราไม่ไปด้วยนะเธอ ...

 

โดย: นัทธ์ 1 ตุลาคม 2552 23:01:15 น.  

 

ถ่ายรูปมารูปนึง รูปที่ทำท่าตลกๆ ไม่กล้าเอาภาพลงครับ กลัวเขิน

 

โดย: sit_sak IP: 117.47.116.141 2 ตุลาคม 2552 7:35:48 น.  

 

สวยทุกใบ..

 

โดย: คุณบุญดี (toonnaka ) 2 ตุลาคม 2552 12:46:31 น.  

 

ภาพสวย ดูแล้วสบายตาดีครับ

 

โดย: นายหัว (nindhua ) 3 ตุลาคม 2552 23:17:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 

มามะ.. เมี่ยงเองค่ะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




[Add มามะ.. เมี่ยงเองค่ะ's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com