<<
ตุลาคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
9 ตุลาคม 2552
 
 
ทริปหนอนส่งหน้าฝน ชมถ้ำพระยานคร

อาทิตย์ 4 ตุลาคม 2552



บทนำ


เช้าวันเสาร์ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวไม่ทำงานเหมือนวันทำงานตามปกติ อาจต่างจากวันอื่นตรงที่สามารถเข้างานช้า ใส่เสื้อผ้าชุดลำลอง เวลาพักแล้วแต่สะดวก งานโปรเจคกำลังเร่งปิดให้ทันตามกำหนดสัญญา โหมทำงานล่วงเวลา และวันเสาร์-อาทิตย์ ต่อเนื่องกัน เพื่อนร่วมงานบางคนเริ่มทรุด และป่วยลงกันตามๆ กัน

เราก็เป็นแค่เลขานุการ ทำเอกสาร และคอยสนับสนุนงานด้านธุรกิจอื่นๆ ให้กับทีมทั้งแผนกหลายคน ซึ่งค่อนข้างเป็นเรื่องจุกจิก และน่าเวียนหัว เราเป็นคนอดทนต่ำ ฉะนั้นถ้าให้เราฝืนทำงาน 7 วัน/ สัปดาห์ คงกรี๊ดสลบแน่

เช้านี้เราจึงหิ้วกระเป๋าใส่เสื้อผ้าชุดใหม่สำหรับการเดินทางวันอาทิตย์ไว้เสร็จสรรพ เพราะวางแผนจะออกจากที่ทำงานราว 2 ทุ่ม ไม่ย้อนกลับเข้าบ้าน จะแวะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ฟิตเนสในสยามพารากอน ใกล้กับจุดนัดพบ รถจอดอยู่หน้าสถานี BTS สนามกีฬาแห่งชาติ ออกเดินทางเวลา 5 ทุ่มตรง

ทริปนี้จัดรถบัสไว้แค่เพียงคันเดียว ไม่รู้เป็นเพราะสถานที่จะไปนั้นไม่ค่อยน่าสนใจรึเปล่า .....

เหมือนทุกครั้ง มีแวะจอดพักรับประทานอาหาร (มื้อดึก) ที่ปั้มน้ำมัน เลือกซื้อน้ำและทานอาหาร เมื่อพร้อมแล้วก็ไปต่อ พยายามนอนให้หลับบนรถ (ที่นั่งแถวหลังแคบชะมัด)

หาดบางปู ประจวบคีรีขันธ์


รถบัสมาถึง “หาดบางปู” ตอนกี่โมงไม่รู้ได้ ถึงจะหลับไม่ค่อยได้เท่าไหร่ แต่ก็เปิดตาไม่ไหวแล้ว เพลียมากๆ เอาเป็นว่าเราลงจากรถตอนตี 5 เพื่อล้างหน้า แปรงฟัน และลงมารอแสงพระอาทิตย์ขึ้นที่ริมหาด

สัก 6 โมงเช้าจึงเริ่มเห็นมองท้องฟ้า ผืนน้ำ เงาภูเขา และหาดแยกออกจากกันได้ และนี่คือบรรยากาศเช้ามืดของวันอาทิตย์



สมาชิกห้องกล้องต่างตั้งอกตั้งใจเก็บภาพบรรยากาศของหาดบางปูอย่างเต็มที่ หอบอุปกรณ์ขาตั้งกล้อง และเลนส์ประเภทต่างๆ มาเต็มเหนี่ยว

นั่นรวมถึงคุณเพื่อนของเราด้วย แม้ว่าจะใช้แค่กล้องคอมแพ็คธรรมดา แต่เธอก็อุตสาหะหามุมภาพ และใช้ฟังก์ชั่นของกล้องอย่างเต็มศักยภาพของมันเต็มที่



เราเองก็ใช้กล้องคอมแพ็กนี่แหละ ความจริงก็อยากเล่นกล้อง SLR กับเขาบ้างหรอกนะ (กิเลสเริ่มเกิด) แต่ขืนลองได้เป็นเจ้าของ สงสัยจะผอมบักโกรกแน่ เพราะเดี๋ยวต้องหาอุปกรณ์เสริมต่างๆ พ่วงเข้ามาให้เล่นอีกเพียบ เก็บเงินไว้เที่ยวน่าจะดีกว่า



เราเองหามองภาพไม่ค่อยเป็น ไม่รู้จะถ่ายวิวมุมไหนสวย ก็แอบถ่ายคุณเพื่อนนี่แหละ

เห็นเพื่อนง่วนอยู่กับการถ่ายรูป ไหนๆ เธอก็เผื่อขาตั้งกล้องให้เรามายืมใช้งานนี้ด้วย งั้น self portrait ตัวเองก็ด้าย สามารถซะอย่าง


- ฝีมือการถ่ายภาพตัวเอง อาศัยขาตั้งกล้อง และวิธีตั้งเวลาถ่าย -


หลายทีเข้า คุณเพื่อนคงสังเกต เลยถ่ายภาพเราให้ งานนี้ก็สนุกเรานะสิ



ชวนเพื่อนถ่ายภาพคู่ด้วยกันสักหน่อย กลับไม่ยอม .... งั้นก็ถ่ายเงาคู่บนผืนหาดแทนละกัน



พระอาทิตย์ขึ้นอยู่หลังทิวเขา กับเงาที่ทอดยาวอยู่บนพื้นทราย บนหาดบางปู พอมองออกไหนว่าเงาไหนเป็นของใคร


- เงาแดดตอน 6 โมง 45 -


7.00 น. ทานอาหารเช้า ข้าวต้มกุ้งกะปลาหมึก
7.30 น. เริ่มทยอยกันขึ้นเรือสู่อุทยานเขาสามร้อยยอด ซึ่งไม่ห่างจากหาดบางปูเท่าไหร่นัก เพียง 10 นาทีเท่านั้น
อัตราค่าบริการเรือนำเที่ยวไป-กลับจากบ้านบางปู – หาดแหลมศาลา (แบบไม่ค้างคืน) ราคาลำละ 300 บาท นั่งได้ 6 คน เฉลี่ยจ่ายคนละ 50 บาท

เส้นทางวัดใจ ถ้ำพระยานคร

เมื่อมาถึงหาดแหลมศาลา อุทยานเขาสามร้อยยอด ก่อนเดินทางขึ้นเขา ชมถ้ำพระยานครทุกคนต่างบริจาคเลือดให้ยุงที่นี่ดูดจนก้นปล่องไปตามๆ กัน กัดเจ็บเสียด้วยสิ รีบหาซื้อโลชั่นทากันยุง ประเภทมียี่ห้อไหนขายก็เอาอันนั้นแหละ

ราว 8.20 น. เราเริ่มเดินตามกลุ่มเพื่อนสมาชิกคนอื่นๆ ขึ้นภูเขาตามเส้นทางธรรมชาติ หรือคนสร้างไว้หว่า? ไม่น่าจะหลง เพราะเส้นทางบังคับทางเดียว



สภาพตัวเองก่อนเดินขึ้นเขา ยิ้มสดใส ระยะทางถึงถ้ำพระยานครแค่ 430 เมตรเอง สู้โว้ย ....

ค่อยๆ เดินช้าๆ ก้มมองดูพื้นตลอดเวลา เพราะทางเดินนั้นค่อนข้างลื่นมากทีเดียว ดูเหมือนฝนคงจะตกมาไม่นานมานี้เอง ก้อนหินที่อยู่บนเส้นทางเดินนั้นทั้งมันและลื่น เหมือนใช้หินแม่น้ำมาทำเส้นทาง นี่ถ้าลื่นไถลละก็ เจ็บน่าดู



เดินมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วสินะ อากาศอบอ้าวเสียจริง หายใจแทบจะไม่ทัน นี่เราเดินทางได้ถึงครึ่งรึยังเนี่ย เพื่อนเรายังดูปกติ ชิวๆ ส่วนเรารึเหนื่อยจังวุ๊ย



เห็นน้าจุกบอกว่าตรงนี้แหละคือจุดมองชมวิว พักเหนื่อย พวกเรามาถึงครึ่งทางแล้ว จะดีใจดีไหมเนี่ยะ เพราะขากลับต้องเดินย้อนกลับเข้าทางเดิม เอาละสิพ่อ ขามาเป็นทางแนวดิ่งยังต้องเดินระวังขนาดนี้ ขากลับเส้นทางเดียวกันนี่แหละจะกลายเป็นทางลาดลง หนทางลื่นแบบนี้หัวตรูจะทิ่มไหมเนี่ย (หมู่นี้ขี้บ่นจังเรา)



เมื่อมาทริปห้องกล้องแคนอนหลายครั้งเข้า เริ่มรู้สึกว่าน้าจุกนี่คุยเก่งเหมือนกันนะเนี่ย เพลินดี เอ้า... เดินทางกันต่อได้แล้วจ้า

9.20 น. ใกล้ถึงทางเข้าปากถ้ำพระยานครแล้ว ยกมือไหว้เจ้าที่เจ้าทาง เทวดาอารักษ์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดูแลรักษาสถานที่แห่งนี้สักหน่อย

เข้ามาในถ้ำ ด่านแรกจะพบกัน “น้ำตกแห้ง”



ค่อยๆ เดินลงไปในถ้ำ.... เมื่อเงยหน้าขึ้นไปจะเห็นช่องภูเขาให้แสงแดดส่องลงมายังพื้นข้างล่างได้ ภาพที่เห็นนั่นคือ “สะพานมรณะ” นี่ถ้าเราได้ลองขึ้นไปเดินบนสะพานธรรมชาตินั่นเราคงขาสั่นเป็นลมตกลงมาแน่



อยากให้สมาชิกคนอื่นได้เห็นภาพ “สะพานมรณะ” จากมุมมองของเรา (9.40 น.) กับมุมมองของเพื่อนที่ชี้ให้เราดูตอนขากลับจะออกจากถ้ำ (11.35 น.)

งานนี้เรายกหัวใจให้เธอไปเลย 1 ดวง



กลับมาเล่าเรื่องเที่ยวภายในถ้ำกันต่อดีกว่า ....

“ถ้ำพระยานคร” ตั้งตามนามเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชซึ่งเป็นผู้พบเมื่อคราวเดินทางผ่านเขาสามร้อยยอดในสมัยรัชกาลที่ 1

ไฮไลท์สำคัญของทริปนี้คือ “พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์” ภายในถ้ำพระยานครแห่งนี้ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.5) โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2433 นอกจากนี้ ในปีพ.ศ. 2469พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.7) ยังเคยเสด็จประพาสมายังภายในถ้ำแห่งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระบรมราชินีนาถเสด็จประพาสมาในปีพ.ศ. 2499 และ พ.ศ. 2524



พวกเราต้องรอเวลาให้แสงแดดพาดเฉียงตกลงบนพลับพลาก่อน 11 โมง เราคิดว่าสมาชิกห้องกล้องฯ ต้องเป็นคนใจเย็นแน่ๆ เลย เพราะขณะนี้ยังไม่ถึง 10 โมงเช้า แล้วต้องนั่ง/ ยืนอดทนรอแสงสวยๆ เพื่อจะได้จังหวะเก็บภาพถ่ายงามๆ สักใบ.... อ้ากกกก..... แต่ก็ดีเหมือนกัน เราจะได้ฝึกฝนตัวเองให้ใจเย็นลงกับเขาได้บ้าง



อยากได้ภาพเลนส์กว้าง เก็บบรรยากาศความสนิทสนมของบรรดาเพื่อนสมาชิกกลุ่มนี้ให้ได้มากที่สุด



“พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์” สัญลักษณ์ประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ลองจับมาเล่นเทคนิคตกแต่งภาพแนวอื่นดูบ้าง

10.30 เริ่มแยกย้ายถ่ายภาพจุดอื่นๆ ภายในถ้ำกันบ้าง มีเพื่อนสมาชิกฯ ชวนให้ออกไปถ่ายภาพ portrait ด้านนอกด้วยกัน .... พอเห็นอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือที่เพื่อนสมาชิกหอบขึ้นมาด้วยแล้วรู้สึกทึ่งอ่ะ ขนมาได้ไงฟะ ตรูเดินแบกกระเป๋าเป้ในย่อม คล้องกล้องคอมแพ็กตัวเล็ก ยังลิ้นห้อยถึงขนาดนี้ ....

.......

อุตส่าห์มีคนขอเราถ่ายภาพ portrait สักที กลับได้ออกมาแนว adventure นางเอกคิวบู้ .... (ขออนุญาตนำภาพของน้านันท์มาประกอบฉากเหตุการณ์นะคะ):

- "ขอบคุณนะครับที่ยอมมาเป็นแบบให้"
- "อ๋อ ไม่เป็นไรค่ะ"
- "คือ ... ผมขอให้คุณเมี่ยงลองกระโดดจากตรงจุดนั้นลงมาดูนะครับ โอเค พร้อม ....."
- "... $&@!*D% …."

ตุ๊บ .... โอย... กระดูกกระเดี้ยวตรูจะหักไหมเนี่ย .....



- "โอเค ดีครับ คราวนี้ตอนกระโดด คุณเมี่ยงก็ช่วยยิ้มสวยๆ ด้วยนะครับ"
- ".... @*&^%#..."

ตุ๊บ ..... อูย.... หน้าเกือบจะทิ่มจูบพื้นแล้วไหมเนี่ย ฉีกยิ้มทำสวยได้แค่นี้ค่ะ ฮือ ฮือ



- "สวยครับ ดี ดีเลยครับ เดี๋ยวกระโดดให้สูงๆ อีก แล้วก็อย่าลืมมองยิ้มให้กล้องด้วยนะครับ เอ้า 1 2 ... กระโดด"
- "...#@&z$ ..."

ตุ๊บ .... หมดแรงละ ทำไมถึงทำกับฉ้านนนนด้ายยยยย ทำไมไม่ถ่ายภาพแนวน่ารักๆ แหวๆ ให้เค้าบ้างอ่ะ

มัวแต่ถ่ายรูปกระโดดเล่นอยู่ (แต่ก็สนุกดีนะ) เลยพลาดไม่ได้ภาพถ่ายหมู่กับเขาเลย เห็นเพื่อนและสมาชิกบางคนเริ่มทยอยเดินออกมาด้านนอกกันแล้ว (ขออนุญาตเจ้าของภาพนำมาประกอบการเล่าเรื่องการเดินทางครั้งนี้มา ณ. ที่นี้ค่ะ)


- พวกเขากำลังมองอะไรกันอยู่น๊า (อยากรู้อีกแล้วสิเรา)-


น่าจะยังพอมีเวลาเหลือบ้างล่ะนะ เพราะเรายังไม่ได้ดูจุดอื่นๆ ภายในถ้ำเลย วิ่งกลับเข้าไปชมบรรยากาศข้างในตัวถ้ำ


- หินรูปเจดีย์ -



-ต้นซุ้มรอดคู่ –



- หินจระเข้ -


เดินไปเดินมา ชักเริ่มหิว ข้าวต้มมื้อเช้าคงย่อยหมดไปพร้อมกับการกระโดดเมื่อตะกี้แน่เลย มองดูนาฬิกา 11.30 น. แล้ว มิน่าล่ะ.... ออกไปสมทบกับเพื่อนด้านนอก และเดินตามสมาชิกคนอื่นๆ ย้อนกลับเส้นทางเดิม เส้นทางวิบากอีกแล้วครับท่าน
......
......

12.15 น. กลับมาถึงจุดเริ่มต้นเส้นทางเดินสู่ถ้ำ เห็นตัวเองแล้วรู้เลยว่า “หมดสภาพ” แล้วจริงๆ พยายามจะยิ้มให้กล้องนะ แต่ว่า ....



portrait ยามบ่าย


ล้างหน้าล้างตา พักกินข้าวเที่ยงที่ร้านอาหารของอุทยานฯ ท้องอิ่มแล้วอยากหาเช่าเตียงผ้าใบ นอนเล่นรับลมทะเลเย็นๆ กำลังเดินเล่นแถวริมหาดได้ไม่เท่าไหร่ ฝนตก..... ผู้คนแตกกระเจิง วิ่งกลับเข้าโรงอาหารหลบฝน

ฝนตกซู่ใหญ่เพียงครึ่งชั่วโมง หลังฝนตกแดดไม่ร้อนจัดก็จริง แต่แดดตอนบ่ายอย่างนี้ ขืนตากแดดนานหน่อยก็ดำแน่นอน



จะถ่าย portrait ให้คุณเพื่อนบ้าง ไม่ชอบให้เราถ่ายให้ (สงสัยกลัวเราถ่ายไม่ให้ไม่สวย) จำเป็นต้องใช้วิธีแอบถ่ายแทน



ยังพอมีเวลาเกือบชั่วโมงก่อนได้เวลานั่งเรือกลับ ตัดสินใจเช่าเตียงผ้าใบกางนอนเล่น เผลอแผล็บเดียว กำลังหลับเพลินๆ ต้องสะดุ้งตื่น เพราะได้ยินเสียงน้าๆ ตะโกนเรียกให้ทุกคนเตรียมตัวพร้อมเดินทางกลับ อะไรกันนี่มันเพิ่งจะ 15.45 น. เองนะ

16.00 น. ขึ้นเรือกลับสู่หาดบางปู



ทนกลิ่นเหงื่อ และกลิ่นตัวเองไม่ไหว ทริปนี้คลุกฝุ่น เดินลุยน้ำจนเหนียวตัวไม่หมด ต้องใช้บริการห้องอาบน้ำบนหาด เสื้อผ้าชุดเก่าที่สวมเมื่อวันเสาร์ยังอยู่ในสภาพดี ไม่แขระเท่าตัวที่ใส่ลุยวันนี้

17.00 น. ล้อหมุน วิ่งกลับกรุงเทพ ระหว่างทาง คาดว่าชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณสามร้อยยอดแถบนี้น่าจะประกอบอาชีพด้านกสิกรรมเลี้ยง/เพาะกุ้งขาย ?



18.45 น. รถจอดแวะรับประทานอาหารเย็นที่จังหวัดเพชรบุรี และซื้อของฝากกลับบ้าน

ขึ้นรถปุ๊บ ปิดไฟ นอน.... ไม่มีเสียงคุยกันเหมือนทริปก่อนหน้านี้ที่ผ่านๆ มา

21.30 น. กลับมาถึงหน้าสถานีรถไฟฟ้า BTS สนามกีฬาแห่งชาติ ขอขอบคุณ น้าจุกและเพื่อนๆ สมาชิกน่ารักทุกคน ที่ทำให้บรรยากาศของทริปนี้มีแต่ความสนุกสนาน เสียงหัวเราะ และทุกคนต่างช่วยเหลือซึ่งกันและกันดี

แล้วพบกันใหม่ทริปหน้าค่ะ

บันทึกจากภาพความทรงจำ
7 ตุลาคม 2552





Create Date : 09 ตุลาคม 2552
Last Update : 9 ตุลาคม 2552 1:55:29 น. 8 comments
Counter : 1665 Pageviews.

 
เป็นการ up blog เกี่ยวกับการเดินทางที่เร็วที่พิเศษเลยนะ
เล่นเล่ารวดเดียว ยาวเลย
ดีนะ เปิดมาดูตอนเช้า ยังมีใครมาแชร์สัญญาณ ADSL ก็เลยดูภาพได้ครบ

ขอให้สิทธิ์พาดพิงนะจ๊ะ ...
ที่ไม่ชอบให้ถ่ายรูปตัวเรา ก็เพราะเราเองไม่รู้ว่า จะต้องวางตัวเองไว้มุมไหนของภาพ
แล้วต้องเอียงหน้าหันมุมไหน ให้ได้มุมสวยๆ ตะหาก
ตอนนี้เอียงซ้าย เอียงขวา...ก็มีรอยหน้ายับๆ ...ไม่อยากบันทึกไว้เป็นหลักฐานเฟ้ย...

ปล. เราชอบภาพที่เธอกระโดด ภาพแรกล่ะ ..ท่าออกมาสวยดี
ถ้ามองกล้องซะหน่อย ...จะงามขึ้น


โดย: นัทธ์ วันที่: 9 ตุลาคม 2552 เวลา:7:07:47 น.  

 
ภาพน่ารักมากนะคะ.....น่าไปเที่ยวจัง
ชอบภาพหมู่คณะมากๆ น่ารักดีค่ะ


โดย: auau_pi วันที่: 9 ตุลาคม 2552 เวลา:7:14:14 น.  

 
ชอบภาพที่มีเงาเยอะๆๆอ่ะค่ะ


โดย: kwan_3023 วันที่: 9 ตุลาคม 2552 เวลา:7:42:18 น.  

 
ไปกันเป็นแก๊งค์อย่างนี้ก็มันสิพะย่ะคะ


โดย: นายหัว (nindhua ) วันที่: 9 ตุลาคม 2552 เวลา:9:38:09 น.  

 
เล่าเรื่องได้ดีจริงๆครับ หินที่ลื่นๆไม่น่าใช่เอาหินแม่น้ำมาทำ น่าจะเกิดจากคนเดินทุกวัน มันเลยสึกกร่อนไป


โดย: PaTueng วันที่: 9 ตุลาคม 2552 เวลา:15:45:52 น.  

 
น่าไปจังค่ะ


โดย: มารีออง วันที่: 10 ตุลาคม 2552 เวลา:14:16:28 น.  

 
คุณนัทธ์ : คุณกะเราก็แทบจะนับจำนวนรอยยับบนใบหน้าได้ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอกค่ะ และเดี๋ยวนี้ก็ไม่ต้อง worry ว่าใครจะเห็นฝีเท้าวิหกกาตรงขอบตา เพราะโปรแกรมโฟโต้เฉาะช่วยได้

คุณ auau_pi + คุณมารีออง : หากสนใจลองร่วมทริปดูสิคะ แต่ต้องบอกว่าเนื่องจากเป็นทริปถ่ายรูป จึงไม่เหมือนทัวร์อื่นๆ ไม่มีมัคคุเทศก์ หรือสิ่งอำนวยความสะดวกสบาย แต่สมาชิกแต่ละคนเท่าที่ตัวเองประสบมาต่างก็นิสัยน่ารักมากเลยค่ะ

คุณ ninhua : เราเองก็ไม่รู้จักใครในกลุ่มนี้มาก่อนเหมือนค่ะ และถึงแม้เราจะเคยร่วมทริปมาหลายครั้งแล้วก็จริง แต่เมี่ยงเองตอนนี้ก็ใช่ว่าจะจำชื่อสมาชิกฯ ได้ทั้งหมด แค่ส่งยิ้มให้กัน เอื้อเฟื้อต่อกันก็เป็นจุดเริ่มต้นของมิตรภาพอันยั่งยืนแล้วค่ะ

แหม.... เขียนอย่างนี้แล้ว ชักกลัวว่าหลายคนจะเข้าใจผิดว่าเราเป็นฝ่าย PR ของห้องกล้องนี้ไปเสียแล้ว


โดย: มามะ.. เมี่ยงเองค่ะ IP: 61.90.79.156 วันที่: 12 ตุลาคม 2552 เวลา:20:36:48 น.  

 
แอบอิจฉาคนได้ไปออกทริปจัง
ท่าทางน่าสนุกจังเลยนะคะ


คุณเมี่ยงสบายดีนะคะ




โดย: Nongpurch วันที่: 24 ตุลาคม 2552 เวลา:16:49:16 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

มามะ.. เมี่ยงเองค่ะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




[Add มามะ.. เมี่ยงเองค่ะ's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com