<<
พฤศจิกายน 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
16 พฤศจิกายน 2552
 
 
ร่วมกันทำบุญฉลองห้องหนอนครบรอบ 7 ขวบ

อาทิตย์ 8 พฤศจิกายน 2552



ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตี 3 ครึ่ง นัดพี่ชายช่วยขับรถพาไปส่งที่จุดนัดหมายสถานีรถไฟฟ้า BTS ตอนตี 4 รีบอาบน้ำแต่งตัว ตาลีตาเหลือก แทบจะไม่ได้ปะแป้งแต่งหน้าเลย

ตีสี่ครึ่ง เห็นรถมาจอดคอยที่หน้าสนามกีฬา เริ่มมีพลพรรคทยอยมากันบ้างแล้ว ขึ้นรถจอดที่นั่ง ขอปรับเบาะเอนตัวนอนก่อนล่ะ

5.20 น. ล้อหมุน ทริปนี้มีเหตุให้รถออกช้ากว่ากำหนดเดิมเล็กน้อย แต่ก็ยังทำเวลาได้ดีเหมือนเดิม



6 โมงเช้ารถจอดปั้ม เลือกซื้อทานอาหารเช้า
7 โมงออกเดินทางกันต่อ ไม่น่าเชื่อว่า 8.00 น. ไปถึงวัดสระแก้วตามเวลา อเมซซิ่งมั๊กๆ เลย

วัดสระแก้ว


ถึงวัดก็ตั้งหลักนับเงินร่วมบริจาค ทั้งของผองเพื่อนที่ฝากเงินมาทำบุญ และของสมาชิกที่ร่วมเดินทางมาในวันนี้



ปล่อยงานนับตัวเลขให้เป็นเรื่องของป้าๆ น้าๆ ส่วนตัวเราขอเดินเล่น เดินดูบริเวณวัดไปพลางๆ

"วัดสระแก้ว" เดิมชื่อว่า "วัดสะแก" สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย แล้วได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดสระแก้วในปีพ.ศ . 2495 โดยพระอธิการฉบับ ขันติโก (พระครูขันตยาภิวัฒน์)

หลวงพ่อฉบับ แห่งวัดสระแก้ว (มรณะภาพแล้ว) ได้ริเริ่มอุปการะเลี้ยงดูเด็กกำพร้ามาตั้งแต่ปี 2485 และเนื่องจากหลวงพ่อเคยเล่นลิเกมาก่อนจะอุปสมบท ท่านจึงดำริที่จะอบรมสั่งสอนศิลปะด้านการแสดงลิเกให้แก่เด็กๆ เพื่อจักได้รักษาและสืบทอดมรดกทางวัฒนธรรมของไทยให้ดำรงสืบไป “ลิเกเด็กกำพร้าวัดสระแก้ว” จึงได้กลายเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของวัดแห่งนี้ฯ



น่าเสียดายที่วันนี้พระอุโบสถปิด จึงไม่ได้เข้าไปกราบไหว้พระประธาน ….

กลับเข้าไปศาลา นั่งฟังหลวงพี่เล่าถึงเด็กในความดูแลอุปถัมภ์จากวัดสระแก้ว ความเป็นอยู่ของเด็กกำพร้าอาศัยอยู่ที่นี่ ค่าใช้จ่ายของทางวัดอย่างคร่าวๆ



จนสมควรแก่เวลา ให้น้าสุพจน์เป็นตัวแทนถวายเงินบริจาคแก่ทางวัด และให้น้าอาเล็กเป็นผู้หยอดเงินใส่ตู้เซฟบริจาค ยอดเงินบริจาค 60,410 บาท หลวงพี่กล่าวคำอนุโมทนา พรมน้ำมนต์ … สาธุ

ปัจจุบันวัดสระแก้วเป็นวัดที่อุปการะเลี้ยงดูเด็กกำพร้าจำนวนมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย



จบจากงานบุญ ต่างก็แยกย้ายถ่ายภาพตามอัธยาศัย portrait ยังคงเป็นแนวพิมพ์นิยม



เรียกร้องขอให้มีภาพนายแบบบ้าง เป็นภาพคู่ ช่วงแรกนายแบบของเราเก๊กหน้าซะ ไม่ยอมหันหน้ามองมาทางนางแบบของเราซะเลย ต้องบอกให้ช่วยมองทางนางแบบเสียบ้าง และแล้ว ....



เราก็สามารถเก็บภาพช่วงเวลาช๊อทสั้นๆ ตอนที่นายแบบเริ่มยิ้มและหัวเราะเล่นกับนางแบบ ภาพนี้ดูน่ารักมากๆ เลย


- แล้วก็แอบถ่ายน้าจุกมาด้วย -



วัดต้นสน


11.00 น. พวกเราออกเดินทางกันต่อ สู่วัดต้นสน ซึ่งเป็นวัดเก่าโบราณ เข้าไปกราบพระประธานองค์ใหญ่ในพระวิหาร “สมเด็จพระพุทธนวโลกุตตรธัมมบดีศรีเมืองทอง” หรือเรียกสั้นๆ ว่า “พระศรีเมืองทอง”
พระพุทธรูปปางมารวิชัย หล่อด้วยทองเหลืองทั้งองค์สร้างขึ้นในปีพ.ศ. 2516 ขนาดหน้าตักกว้าง 6 วา 3 ศอก 9 นิ้ว สูง 9 วา 1 ศอก 19 นิ้ว ลงรักปิดทองทั้งองค์ นับเป็นพระพุทธรูปหล่อด้วยโลหะขนาดใหญ่ที่สุดองค์แรก




- “พระศรีเมืองทอง” -


ส่วนพระอุโบสถนั้น ตั้งอยู่ไม่ห่างจากพระวิหารนัก เข้าไปกราบไหว้พระประธาน “หลวงพ่อดำ” ภาพจิตรกรรมฝาผนังโบสถ์ทั้ง 4 ด้านแสดงภาพเรื่องราวประวัติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า




- หากใครต้องการเสี่ยงทาย ภายในมีเซียมซี และช้างอธิษฐาน -


เที่ยงเศษแล้ว แม้จะยังไม่ค่อยหิว แต่ก็ควรหาอะไรทานรองท้องสักหน่อย ไม่ต้องหนักท้องมาก เส้นหมี่น้ำลูกชิ้นหมูน้ำตก กะแคบหมูถุงนึง

ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ทางวัดจัดให้มีพิธีสะเดาะเคราะห์ต่ออายุ นอนโลง (สวดบังสุกุลตาย บังสุกุลเป็น) 2 รอบ คือ 9.00 และ 13.00 น.



ทุกคนรู้เวลารวมพล และขึ้นรถอย่างดี ฉะนั้นพอ 14.00 น. ล้อหมุนเดินทางต่อไปได้ทันที ขึ้นรถปุ๊บ ก็มีการงีบหลับ .... ได้ยินเสียงน้าจุกร้องบอกให้มองไปด้านขวามือ ... เห็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ นั่นหมายถึง รถกำลังใกล้ถึงวัดม่วงแล้ว

วัดม่วง




เมื่อรถวิ่งเข้าเขตวัดแล้ว มองออกไปนอกหน้าต่าง รีบยกกล้องจับภาพพระอุโบสถทั้งหลังโอบล้อมด้วยกลีบบัวสีชมพูขนาดใหญ่ที่สุดในโลก



ลงจากรถแล้ว เราก็เข้าไปกราบไหว้พระประธานในพระอุโบสถ ภายในเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังด้วยสีฝุ่น ฝีมือช่างพื้นบ้าน สันนิษฐานว่าเขียนขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 เป็นเรื่องราวพุทธประวัติตอนต่างๆ ของพระพุทธเจ้าตลอดจนแสดงภาพชีวิตความเป็นอยู่ วัฒนธรรมของผู้คนในสมัยโบราณ คล้ายกับภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในโบสถ์วัดต้นสน



ออกจากพระอุโบสถจะเข้าไปกราบไหว้พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่เราเห็นตั้งแต่รถวิ่งเข้าวัด

ภายในเขตธรณีสงฆ์ มีลานจัดรูปปั้นแสดงเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสงครามระหว่างไทย-พม่าที่เมืองวิเศษชัยชาญ พุทธชาดกเรื่องพระเวสสันดรทั้ง 10 กัณฑ์ และยังมีรูปปั้นเทวดาไทย เทพเจ้าจีน รูปปั้นแดนนรก อีกด้วย


- กัณฑ์ชูชก –


เห็นสีหน้าของนางอมิตตาที่ต้องกลายเป็นเมียของชูชก เพราะรับใช้หนี้แทนพ่อและแม่ ก็อดสงสารนางอมิตตาตอนนี้ไม่ได้


- “พระพุทธมหานวมินทรศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ” -


“พระพุทธมหานวมินทรศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ” ทำจากคอนกรีตเสริมเหล็กตลอดทั้งองค์ หน้าตักกว้าง 63 เมตร สูง 92 เมตร ใช้ระยะเวลาดำเนินการก่อสร้างนาน 15 ปี (2534 – 2550)



.... สามารถกราบบูชาองค์พระได้ตั้งแต่ข้างล่าง แต่ไหนๆ ก็ถึงทั้งทีแล้ว ก็น่าเดินขึ้นบันไดเข้าไปกราบไหว้ใกล้ๆ องค์พระใหญ่ข้างบน

หลังจากขึ้นไปกราบไหว้ “พระพุทธมหานวมินทรศากยมุนีฯ” แล้ว (เวียนทักษิณาวัตรรอบองค์ท่าน 1 รอบ) ก็ลงมา เพื่อเดินชมศาสนาสถานบริเวณอื่นๆ ของทางวัดต่อ

แล้วก็เข้าไปชมพระวิหารแก้ว


- พระวิหารแก้ว -


ภายในพระวิหารแก้วประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์เนื้อเงินแท้ องค์แรกองค์เดียวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวโรกาสที่ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี
และนอกจากนี้ยังมีรูปหล่อพระเกจิอาจารย์ชื่อดังทั่วประเทศอยู่ภายในพระวิหารแก้วแห่งนี้ด้วย


- หลวงพ่อเงิน (บนฐานสูง ตรงกลางภาพ) หลวงพ่อขาว (องค์ล่าง ซ้ายมือของภาพ) และหลวงพ่อแดง (องค์ล่าง ขวามือของภาพ) -

พวกเราใช้เวลาถ่ายภาพในวัดม่วงแห่งนี้ประมาณ 3 ชั่วโมง ก่อนได้เวลากลับขึ้นรถ พนมมือไหว้หลวงพ่อองค์ใหญ่ และรูปเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง



ราว 18.00 น. รถบัสทำเวลาได้ดีมาก ตามกำหนดเวลาเดินทาง พวกเราได้มาถึง "ตลาดกลางเกษตร" จังหวัดอยุธยา เพื่อรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน อาหารทะเลเผาเป็นเมนูนิยมของตลาดแห่งนี้ และขอปิดท้ายทริปนี้ด้วยออเดิฟจานแรกของมื้อเย็น ...



ขอให้อร่อยๆ นะคะ

ปล. มื้อนี้ต้องขอขอบคุณคุณน้าท่านหนึ่งเป็นเจ้ามือให้ ทริปหน้าหากมีโอกาสจะขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงตอบนะคะ

บันทึกจากภาพความทรงจำ
15 พฤศจิกายน 2552





Create Date : 16 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 16 พฤศจิกายน 2552 21:41:56 น. 3 comments
Counter : 2440 Pageviews.

 
พระแต่ละวัดองค์ใหม่มากเลยนะ ...
วิหารแก้วที่วัดม่วง น่าไปชมมาก
เสียดายที่ไม่ได้ร่วมทริปนะเนี่ย....


โดย: นัทธ์ วันที่: 16 พฤศจิกายน 2552 เวลา:22:42:36 น.  

 
ทริปของเราฉุกละหุกจริงๆ ...ไม่ได้รู้ตัวล่วงหน้า แล้วงดทริปห้องแคนนอนนะจ๊ะ


โดย: นัทธ์ วันที่: 17 พฤศจิกายน 2552 เวลา:21:11:04 น.  

 
เห็นเลนส์ของแต่ละคนแล้วอิจฉาจริงๆค่ะ


โดย: plenaka วันที่: 30 พฤศจิกายน 2552 เวลา:0:25:00 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

มามะ.. เมี่ยงเองค่ะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




[Add มามะ.. เมี่ยงเองค่ะ's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com