<<
พฤษภาคม 2553
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
5 พฤษภาคม 2553
 
 
ภูเก็ต ฮาเฮ สไตล์สาววัยแรกโอ๊ย (วันที่ 3)

ศุกร์ 5 มีนาคม 2553



6 โมงเช้า เมื่อคืนนอนหลับได้เต็มที่ ไม่มีอาการปวดหัวเหมือนคืนวันก่อน
ก่อน 7 โมงเช้าออกจากที่พักพร้อมกับเพื่อนอีก 2 คนลงมาทานติ่มซำ “ร้านบุญรัตน์” ห่างจากที่พักของพวกเราไม่กี่สิบเมตร ถ้วยติ่มซำวางอยู่บนโต๊ะ กินแค่ไหนก็จ่ายเงินตามจำนวนชิ้น จำนวนจานเท่านั้น



วันนี้นู๋เมี่ยงกับเพื่อนอีก 2 คนจะไปเที่ยวเกาะไข่นอก ไข่นุ้ย จากที่ได้จองแพกเกจในงานไทยเที่ยวไทยที่เพิ่งจัดขึ้นเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เช้านี้จึงต้องทำเวลาสักหน่อย รถตู้จะมารับพวกเราที่โรงแรมตอน 8 โมงค่ะ ขณะที่เพื่อนอีก 3 คนที่เคยเที่ยวภูเก็ตมาก่อนคงมีโปรแกรมเที่ยวของพวกเขาเองกันอยู่แล้ว ยังคงอยู่ในห้องพัก วันนี้... สไตล์ใครสไตล์มันค่ะ

8 โมงกว่าแล้ว นัยว่าคนขับแวะมารับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่โรงแรมอื่นก่อน ก็เลยมาถึงพวกเราช้าไปหน่อย

ก่อน 9 โมงพวกเรามาถึงหาดจอดเรือรอรับนักท่องเที่ยวค่ะ มีนักท่องเที่ยวจากเอเจนซี่ทัวร์ต่างๆ มาลงเรือกันที่นี่ ที่จะไปเกาะพีพีก็มาขึ้นเรือที่นี่เหมือนกัน แต่เรือจะจอดค่อนข้างไกลสักหน่อย



ส่วนเรือลำที่จะพาพวกเราไป "เกาะไข่นอก" นั้นเป็นเรือสปีดโบตจอดอยู่แทบจะเทียบหาด แค่เดินลุยน้ำขาเปียกกันขึ้นเรือ
เมื่อรอผู้โดยสารกันครบแล้ว เรือก็พร้อมออกได้ อย่างไรเสียเพื่อความปลอดภัยควรสวมชุดชูชีพด้วยค่ะ



เที่ยวทะเลวันนี้ นู๋เมี่ยงกังวลเรื่องอาการคล้ายตะคริวจับเป็นก้อนบริเวณต้นขาทั้ง 2 ข้าง ตอนนี้รู้สึกมันปวดตึงๆ หน้าขา แต่ถ้าเรารู้จักระวังตัว ก็จะได้ไม่ประมาท

ได้ฤกษ์ขึ้นเรือกันเสียที



เพียง 20 นาที พวกเราก็มาถึงเกาะไข่นอกกันแล้วค่ะ

หาดทราย ทะเล สายลม กับ 3 เรา




ท้องทะเลด้านหน้าสวยมาก แต่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำด้านที่จอดเรือมากนัก



จุดที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจต้องเดินเข้าไปด้านใน จะพบกับเหล่าปลาสีสวยว่ายวนเวียนในบริเวณน้ำตื้น (สูงประมาณต้นขา/ เอว) บนหาดมีขนมปัง ข้าวโพคฝักขายให้นักท่องเที่ยวเลี้ยงปลา มาเที่ยวทะเลแบบนี้ นึกอยากมีกล้องกันน้ำกับเขาสักตัวเหมือนกัน (แต่ถ้าซื้อกระเป๋าตังค์คงฟีบ)



นู๋เมี่ยงกับเพื่อนก็สนุกกับการซื้อขนมปังล่อพวกปลาเหล่านี้ให้พวกมันเข้ามาเล่นด้วย เห็นปลาสีฟ้าตัวใหญ่ตัวนึงแว๊บๆ คุ้นๆ ว่าจะเป็นปลานกแก้ว

แดดยามสายร้อนจนแสบผิว ทาครีมกันแดดไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ ชอบเที่ยวทะเลแสนสนุก แต่ไม่อยากตัวดำอ่า

ก่อน 11 โมงเล็กน้อย เจ้าของเรือที่ดีลกับทางทัวร์เอเจนซีได้ตามกลุ่มของพวกเราขึ้นเรือ เพื่อดำน้ำชมปะการังบริเวณ "เกาะไข่นุ้ย" ตั้งอยู่ไม่หากจะเกาะไข่นอกเท่าไหร่นัก

ความที่เกาะนี้ไม่มีหาดทราย เรือสปีดโบตจะลอยลำอยู่กลางทะเล ไม่มีการทำเส้นเชือกแนว security line ให้เกาะ จากนั้นปล่อยให้นักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำตามสบาย



นู๋เมี่ยงว่ายน้ำไม่แข็ง กลัวก็กลัว แต่อยากดูปะการังใต้น้ำน่ะ แข็งใจหยิบแว่นตากับสน็อกเกิลลงไปลอยคอกับเพื่อนคนนึง ส่วนอีกคนขอนั่งเผ้าเรือ
ลงน้ำไม่เท่าไหร่ คลื่นทะเลซัดนู๋เมี่ยงลอยออกไป น้ำเข้าหูเข้าปาก ใช้อุปกรณ์ไม่เป็นน่ะ อารมณ์ที่อยากจะเล่นน้ำดูปะการังเป็นอันหมดไป พยายามว่าย (พุ้ยน้ำ) เข้าหาเรือ แต่ดูเหมือนว่ายอยู่กับที่ จิตเริ่มปริวิตก ไม่ไว้ใจชูชีพ สติกระเจิง ยกมือเรียกให้เจ้าหน้าที่ช่วยลงมารับที ส่งเสียงร้องเรียก (ใครก็ได้หันมาสนใจฉันที)

เพื่อนว่ายน้ำอยู่ใกล้กันก็ลอยตัวพยายามปลอบ “เอออ... ข้างบนเค้ารู้แล้ว ไม่ต้องเรียกแล้ว”

ณ เวลานั้น เราคงวูบวาบพอๆ กับคลื่นที่พัดเข้าหาตัวเป็นระลอกๆ อ๊ะ!... คุณเพื่อน แสดงว่าไม่รู้อะไรสินะ เวลาคนเขากลัวหรือหวาดเสียว เหมือนเข้าบ้านผีสิงหรือตอนนั่งรถไฟเหาะ เขาแนะให้ร้องกรี๊ดดังๆ (ผู้หญิงทำไม่น่าเกลียด แต่คุณผู้ชายต้องระงับอาการนะฮะ) จะได้เปลื้องความเสียวสยองไปได้ นี่ฉันก็กำลังลดอาการสติแตกของฉันอยู่นี่ไง!!!! (ปล. ทั้งหมดนี่ได้แต่คิดอยู่ในใจ)

กลับขึ้นมาอยู่บนเรือ เห็นคนที่เขาลอยตัวอยู่ในทะเลได้อย่างนี้แล้วอิจฉาจัง



ใช้เวลาอยู่บริเวณเกาะไข่ประมาณครึ่งชั่วโมง เรือก็พาพวกเราย้อนกลับมาที่เกาะไข่นอกอีกครั้งเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน และพักผ่อนจนถึงเวลาบ่ายสอง เจ้าของเรือจะเดินมาเรียกค่ะ

ไม่ได้ถ่ายภาพอาหารกลางวัน มื้อนี้รู้สึกไม่ค่อยเจริญอาหารเอาเสียแล้ว อาจเป็นเพราะยังคงมีอาการขวัญเสีย (ขวัญอ่อนจริงนะยะหล่อน) หรือประสาทลิ้มรสอาหารถูกน้ำทะเลทำลายไปชั่วขณะ จึงทำให้ทานได้น้อย (จริงๆ นะ)

แดดตอนเที่ยงร้อนสุดๆ จนตัวแทบไหม้ พยายามนั่งหลบแดดใต้ร่มกินบรรยากาศฝูงปลาในท้องทะเล ก็สุดจะทน เกาะไข่นอกอับลมมาก วิธีบรรเทาความร้อนที่ดีที่สุดคือทาครีมกันแดดหนาๆ แล้วค่อยลงไปแช่น้ำ ดูนักท่องเที่ยวให้อาหารปลา



ถึงตรงนี้นู๋เมี่ยงขอสลับฉากเล่าข้ามนิดนึงนะคะ…

หลังจากกลับจากทริปภูเก็ตแล้วไม่นาน ก็ได้อาจเจอกระทู้จากห้องบลูพลาเนต ขอความร่วมมืออย่าให้อาหารปลาทะเล จากหัวข้อนั้นนู๋เมี่ยงจึงรู้ว่าปลาที่พวกเราเห็นบริเวณเกาะไข่นั้นคือ “ปลาในตระกูลสลิดหิน” ซึ่งมีขนาดเล็กแต่มีนิสัยดุร้ายและหวงถิ่น อยู่รวมกันเป็นฝูง พอไปอยู่ที่ไหนมันก็จะไล่ปลาอื่นๆ ออกจากบริเวณนั้น ทำให้ปลาที่ควรจะอยู่ในระบบนิเวศน์ของที่นั้นต้องหนีออกไป ก่อให้ความสมดุลของระบบนิเวศน์ถูกทำลาย ... มิน่า แถบนั้นนู๋เมี่ยงจึงไม่ค่อยเห็นปลาชนิดอื่นเลย

ขอคัดลอกข้อความบางตอนในกระทู้ดังกล่าวไว้ดังนี้ค่ะ

.... ปกติหน้าที่ของปลาชนิดนี้จะคอยหากินตามแนวปะการังและคอยทำความสะอาดไม่ให้มีสิ่งอุดตัน ปะการังก็จะหายใจและสร้างอาหารได้อย่างสบาย แต่เมื่อมีคนเอาอาหารหรือขนมปังไปให้ มันก็จะขี้เกียจหาอาหาร รอแต่อาหารที่คนเอามาให้ สุดท้ายไม่มีใครทำหน้าที่ทำความสะอาดปะการัง เมื่อมีสิ่งอุดตันปะการังมากๆ ปะการังก็จะตาย และที่สำคัญ เมื่อพวกมันรู้ว่าบริเวณไหนมีแหล่งอาหาร ที่มันไม่ต้องออกแรงหากินเอง มันก็จะรวมตัวกัน แล้วทำตัวเป็นอันธพาลตามนิสัยดุร้ายและหวงถิ่น พวกมันจะไล่สิ่งมีชีวิต ที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นออกไป เพื่อจะได้ไม่แย่งแหล่งอาหารของมัน ปลาที่เคยอยู่ในบริเวณนั้นก็หายไป และในที่สุดห่วงโซ่อาหารถูกทำลาย ระบบนิเวศน์ก็ล่มสลาย

รวบรวมข้อมูลจากเพื่อนๆ สมาชิกในห้องบลูพลาเน็ต พันธุ์ทิพย์



แม้กระทู้นี้จะมีคนแสดงความคิดเห็นแตกต่าง (ว่าการให้อาหารปลาทะเลไม่ส่งผลกระทบร้ายแรงดังที่กล่าวมาข้างต้น) แต่กระนั้น เมื่อได้ชั่งน้ำหนักและพิจารณาเหตุผลที่น่าจะเป็นไปได้มากกว่าแล้ว ต่อไปนู๋เมี่ยงจะไม่ให้อาหารปลาในท้องทะเลแล้วค่ะ และเชื่อว่าการท่องเที่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติน่าจะเดินเข้าคู่ไปด้วยกันได้ โดยให้ความรู้ ความเข้าใจแก่นักท่องเที่ยว ขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการ และนักท่องเที่ยว นู๋เมี่ยงว่าถ้าเราให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ชัดแจ้ง เปิดเผย ทุกคนย่อมเข้าใจ และยินดีปฎิบัติตามอยู่แล้วค่ะ .....

บ่าย 2 แล้ว เจ้าของเรือตามคณะนักท่องเที่ยวเดินทางกลับเข้าตัวเกาะภูเก็ตแล้วค่ะ ขณะนั่งเรือทุกคนจะสัมผัสคลื่นลมทะเลจนเสื้อผ้าเริ่มแห้งหมาด จากที่เคยเกรงว่าเสื้อผ้าตัวเปียกจะทำให้รถตู้ที่จะมารับพวกเรานั้นแฉะเบาะไปหมดก็เป็นอันหมดไปรถตู้คันเดิมก็พาพวกเรากลับสู่โรงแรมที่พัก


ถนนในตัวเมือง สงบ ไม่พลุกพล่าน


ถึงห้องพักก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำสระผม นัดเวลา 4 โมงเย็นออกไปเดินเล่นชมเมืองภูเก็ตกันอีกรอบ และหาซื้อของฝากคนทางบ้านด้วย

16.00 น. ยังไม่ได้เวลาอาหารเย็น ฟ้าแจ้งจางปาง อากาศร้อน ไม่รู้จะไปไหนแต่ตอนนี้ยังไม่หิว เพื่อนเราคนนึงเป็นนักเขียนโปสการ์ด อีกคนก็เป็นนักศิลปะชอบงานสะสม เลยลงมติว่างั้น (เดิน) ไปไปรษณีย์ละกัน เผื่อเจอโปสการ์ดสวยๆ จะได้เขียนส่งได้เลย



เกือบ 1 ชั่วโมงผ่านไป ตัวก็เริ่มเปียกเหงื่อ หน้ามอมกลับมาอีกรอบ เริ่มหิวแล้วล่ะ สงสัยเป็นมื้อกลางวันทานได้น้อย เลยหิวเร็วมั้ง

เพื่อนแนะว่าให้ไปทานก๋วยเตี๋ยวร้านดังแห่งหนึ่งของเมืองภูเก็ต แต่เจอร้านขายโรตีเข้าเสียก่อน ขอกินเป็นออเดิฟก่อนแล้วกัน อยากนั่งพักเหนื่อย ได้ดื่มน้ำเย็นๆ เลยสั่งชาชักดับกระหายสักถ้วย



หายเหนื่อย เริ่มมีพลังเดินต่อไปไหว ทุกคนยังไม่ละความตั้งใจที่จะกินก๋วยเตี๋ยวตามคำแนะนำของคุณเพื่อน (โรตีเป็นแค่เพียงเรียกน้ำย่อย)

ผ่านพิพิธภัณฑ์ไทหัว (เกี่ยวกับวัฒนธรรมจีนในจังหวัดภูเก็ต) อีกครั้ง วันนี้เห็นตัวอักษร “ยินดีต้อนรับ” อยู่ด้านหน้าตัวตึก แต่ยังไม่เปิดให้บริการ



6 โมงเย็นพวกเราเดินมาถึงหน้าร้าน “หมี่แป๊ะเถว” ขายก๋วยเตี๋ยวกวางเจา ซึ่งตั้งอยู่ติดกับร้านขายขนมจีนบุฟเฟ่ “ร้านป้ามัย” ที่พวกเราได้ทานกันไปเมื่อเช้าวานนี้... อืมมม์ รู้สึกเหมือนพวกเราจะเดินวนเวียนภายในอำเภอเมืองภูเก็ตกันอยู่แค่ถนนไม่กี่สายเลยนะ



สั่ง “ยีหูเอ่งฉ่าย” ประกอบด้วยเส้นหมี่กรอบ หมูแดง ปลาหมึก ลูกชิ้น ผักบุ้ง เกี้ยวกรอบ คล้ายเย็นตาโฟแห้ง แยกน้ำซุปใส่ชามต่างหาก

เมื่อบรรลุวัตถุประสงค์การกินมื้อนี้แล้ว ถึงคราวเดินซื้อของฝาก ซึ่งแน่นอนคือขนมจากเมืองภูเก็ตฝากติดไม้ติดมือคนกรุงเทพ และเก็บภาพอาคารสถานที่ของเมืองนี้ก่อนที่ลำแสงสุดท้ายแห่งวันจะหมดไป



1 ทุ่มในตัวเมืองภูเก็ตช่างเงียบเหงาต่างจากกรุงเทพ ยิ่งเป็นวันศุกร์เวลาหลังเลิกงานแบบนี้ผู้คนจะเดินกันขวักไขว่เต็มกันท้องถนน


- ถนนเยาวราช -


กลับที่พักกันดีกว่า แม้จะยังเป็นเวลาหัววันอยู่ก็ตาม อาการปวดต้นขาทำให้นู๋เมี่ยงไม่ค่อยสบายตัวเท่าไหร่ ถ้าเป็นที่กรุงเทพฯ คงแจ้นไป health land ขอให้หมอบีบคลายกล้ามเนื้อ/ คลายเส้นให้สบายตัวไปแล้ว อาบน้ำอุ่นเสร็จคืนนี้นอนหนุนขาให้สูงขึ้นหน่อยคงพอแก้ขัดไปได้กระมัง


บันทึกจากภาพความทรงจำ
30 เมษายน 2553






Create Date : 05 พฤษภาคม 2553
Last Update : 5 พฤษภาคม 2553 22:10:51 น. 5 comments
Counter : 1393 Pageviews.

 
แบบนี้ ...แปลว่า เราไม่ควรให้ขนมปังล่อปลาซินะ ...
แต่เท่าที่สังเกตุดูบริษัททัวร์อื่นๆ ก็เตรียมขนมปังให้ลูกทัวร์ด้วยเนอะ ...
มันก็คงเป็นแบบเดียวกับการให้อาหารในสวนสัตว์
..ถ้าปล่อยมันออกจากกรงเมื่อไหร่ มันก็คงตาย เพราะหาอาหารกินเองไม่เป็น



โดย: นัทธ์ วันที่: 6 พฤษภาคม 2553 เวลา:7:10:09 น.  

 
บริษัททัวร์เค้าก็อยากเอาใจลูกค้ามั๊งคะ....แต่ลืมนึกถึงผลเสียที่จะตามมา...เราไปเที่ยวเห็นแล้วก็อยากจะให้มันมาอยู่ใกล้ๆเราให้มากที่สุด...จริงไหมคะ
ตกลงเอาไงดีล่ะ....


โดย: noinanai วันที่: 6 พฤษภาคม 2553 เวลา:12:03:31 น.  

 
คุณนัทธ์ คุณ noinanai

นู๋เมี่ยงเข้าใจว่าเป็นอย่างนี้ค่ะ....

ที่น่าเป็นห่วงไม่ใช่เจ้าพวกปลาสลิดหินที่คอยว่ายวนเวียนเข้าหานักท่องเที่ยวที่โยนอาหารให้พวกมันหรอกค่ะ ว่าต่อไปพอไม่มีคนคอยให้อาหารพวกมันแล้ว มันจะหากินเองไม่เป็นและตายไปในที่สุด

ที่แต่น่ากังวลนั่นคือกลุ่มปลา หรือสัตว์อื่นๆ ที่อาศัยอยู่บริเวณแถบนั้นก่อนหน้าพวกมัน สัตว์พวกนี้จะอ่อนแอกว่า สู้กลุ่มเจ้าพวกปลาสลิดหินที่มีนิสัยอยู่กันเป็นฝูง และดุร้ายกว่า เมื่อมันรู้ว่ามีนักท่องเที่ยวคอยให้อาหารพวกมัน พวกมันก็จะมาหา และไล่ปลาพันธุ์อื่นๆ ออกไปจากบริเวณนั้น ส่วนปลาที่อ่อนแอกว่า เมื่อถูกขับไล่ไปอยู่ที่อื่น ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ไม่ได้ นานไปก็จะตาย จะสูญไปในที่สุด

แล้วถ้าไม่มีใครให้อาหารพวกมันล่ะ ปลาสลิดหินพวกนี้จะเป็นอะไรไหม .... โดยธรรมชาติ เจ้าปลาสลิดหินมันกินซากอาหารตามแนวปะการังอยู่แล้ว เป็นการทำความสะอาดระบบนิเวศน์ที่สมดุลทางธรรมชาติอยู่แล้ว

.....
นู๋เมี่ยงเข้าใจว่า คนก็คงอยากใกล้ชิดกับธรรมชาติ อยากให้ปลามันเข้ามาคลุกคลีหาเรา (เลยให้อาหารล่อพวกมันเข้ามา) ได้เล่นกับมัน แสดงความรัก เมตตาต่อพวกมัน และ "ด้วยความไม่รู้" ว่ามันส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตอื่นนี่แหละ เราจึงได้ทำสิ่งนี้ลงไป นู๋เมี่ยงว่า ถ้านักท่องเที่ยวเข้าใจจุดนี้ โดยเริ่มจากจุดเล็กๆ ที่ตัวเราเองก่อน เมื่อร่วมแรงร่วมใจกัน นู๋เมี่ยงว่าการท่องเที่ยวกับการดูแลธรรมชาติ มันไปด้วยกันได้อยู่นะ


โดย: นู๋เมี่ยง IP: 61.90.80.249 วันที่: 6 พฤษภาคม 2553 เวลา:23:11:00 น.  

 
เกาะไข่นอกนี่แหละ ..ที่ปรารถนา เลยจ้านู๋เมี่ยง

สักวันจะไปให้ได้เลย สงสัยจะถ่ายรูปจนลืมดำแน่ๆเลย

นู๋เมี่ยงสบายดีนะ

ว่างๆแวะไปชมสวนที่บ้านนะจ๊ะ
ช่วงนี้ไม่ได้ไปไหนเลย มันร้อน เลยนอนอยู่บ้านดีกั่ว



โดย: Nongpurch วันที่: 9 พฤษภาคม 2553 เวลา:23:44:39 น.  

 
น่ารัก


โดย: ฝนทิพย์ IP: 203.172.213.217 วันที่: 4 มกราคม 2556 เวลา:14:07:08 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

มามะ.. เมี่ยงเองค่ะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




[Add มามะ.. เมี่ยงเองค่ะ's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com