มิถุนายน 2552
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
8 มิถุนายน 2552
 
 
ครั้งแรกกับห้องกล้อง ทริปหนอนพันธุ์ทิพย์ (1)

อาทิตย์ 5 เมษายน 2552



นี่แหละใช่เลย


ถ้าเพื่อนไม่เล่าถึงแผนการที่จะเดินทางไปถ่ายรูปกับห้องกล้อง เราคงไม่มีภาพการเดินทางทริปนี้และจะไม่รู้เลยว่ามีทริปเดินทางเพื่อถ่ายรูปแบบนี้อยู่

นับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นภายในแผนกของเรา ได้ส่งผลกระทบต่อตัวเราโดยตรงมากที่สุด ทำให้เราเกิดอาการสับสน คล้ายเมื่อเริ่มเข้าสู่วัยสาว (ปานนั้นแล) วิตกกังวลกับการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ที่กำลังเกิดขึ้น (เขียนเวอร์ไปเปล่าคะ)

เพื่อปิดกั้นอารมณ์เศร้าหมองและขุ่นมัว จึงเริ่มตระเวนหาแหล่งที่เที่ยว แต่เนื่องจากงบประมาณมีจำกัด และอ่อนประสบการณ์การท่องเที่ยวเพียงลำพังตัวคนเดียว เริ่มต้นจึงต้องอาศัยเกาะติดผองเพื่อนไปก่อน หรือไม่ก็หาสถานที่ท่องเที่ยว การแสดงศิลปวัฒนธรรม สถาปัตยกรรมต่างๆ ตามใจกลางเมือง หรือละแวกใกล้เคียงที่เรามักคุ้นพอที่จะตะลอนตามลำพังได้

เข้าเรื่องเลยดีกว่า ออกเดินทางกันในค่ำคืนวันเสาร์ที่ 4 เริ่มลงทะเบียนเวลา 22.30 น. จุดนัดรวมพลคือหน้าศึกษาภัณฑ์พานิช ติดกับรถไฟฟ้า BTS สนามกีฬาแห่งชาติ ถึงเราเคยเป็นนิสิตจุฬา แต่ไม่ชำนาญสถานที่แถวเส้นพระราม 1 เท่าไหร่ คิดว่าเดินผ่านประตูสนามศุภ น่าจะใช่นะ

ช่วงนั้นในสนามศุภกำลังจัดงานสัปดาห์จัดงาน OTOP อยู่พอดี



มาถึงจุดนัดพบแล้วหล่ะ เพื่อนเรามาถึงก่อนหน้านี้พอสมควรแล้วพร้อมกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ เห็นสมาชิกร่วมเดินทางหลายคนสะพายกระเป๋าเป้ใบโต บรรจุกล้องและอุปกรณ์ ที่สะดุดตาคือพี่คนหนึ่งคาดกระเป๋าเต็มรอบเอว บางคนคล้องกล้อง จนเรากลัวคอจะหักแทน (หรือกล้องมันอาจใหญ่แต่ตัว แต่น้ำหนักอาจเบาก็ได้นี่นะ)



ระหว่างรอขึ้นรถก็ถ่ายรูปเก็บบรรยากาศเสียหน่อย เราตั้งใจหาเสื้อสีสด เจอตัวนี้โดนเข้าตาพอดี เขียวซะ ... แบบนี้ไม่มีทางหาเราไม่เจอแน่

5 ทุ่ม รีบขึ้นรถเพื่อเลือกหาที่นั่ง (รถบัสใหญ่ 2 ชั้น 50 ที่นั่ง) เราอยากนั่งแถวหน้าๆ หน่อยหน่ะ แต่ไม่ค่อยเหลือที่แล้ว ได้ที่นั่งตรงกลางรถบริเวณทางขึ้นลงบันไดชั้นล่างกับชั้นสองพอดี หนูแหม่มอิ๊บที่นั่งติดหน้าต่าง เราเลยต้องนั่งริมติดทางเดิน เออ... นั่งตรงนี้ก็ดีแฮะ เวลาถึงสถานที่ จะได้ลงก่อนชาวบ้านเขา

ได้เวลาล้อหมุนแล้ว ใช้เวลาเดินทางบนรถคืนนี้ประมาณ 6 ชั่วโมง ต้องออมแรงไว้หน่อย รีบหลับตานอนเสีย จะได้มีแรงเที่ยว

พยายามข่มตาให้หลับ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะมีสมาชิกอยู่ 2 คนนั่งและยืนคุยกันอยู่ข้างซ้ายและด้านหลังเรา ราวกับว่าพวกเขาเพิ่งมีโอกาสพบปะกันในครั้งนี้ และมีเรื่องเล่าสู่กันฟังมากมายต้องการให้อีกฝ่ายรับรู้

ทำอย่างไงก็หลับไม่ลงอ๊ะ... เอาวะ... ในเมื่อนอนไม่ได้ ก็เลยร่วมฟังด้วยเสียเลยนี่ .... แล้วก็กลายเป็นว่า เราต้องแอบกลั้นเสียงหัวเราะของเราเองแทบตาย เดี๋ยวเขาจะหาว่ากำลังฟังพวกเขาคุยกันอยู่ ... เป็นเรื่องเล่าขำขันเกี่ยวกับวีรกรรมของคนชอบถ่ายรูป แต่ละเรื่องดีๆ ทั้งนั้น

จำไม่ได้ว่า ภายในรถเริ่มเงียบเสียงลงเมื่อไหร่ และเราหลับไปตอนไหน ... ฟรรรี้

รู้สึกตัวอีกที รถกำลังวิ่งใกล้ถึงจุดหมายแล้ว ตี 5.45 น. ถึงแล้ว... อุทยานประวัติศาสตร์ปราสาทหินพนมรุ้ง เราเคยมาเที่ยวที่นี่แล้ว แต่เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วนะ!!



ในเขตวัดพนมรุ้ง ได้เห็นพระพุทธรูปซึ่งประดิษฐานอยู่ในบ้านเพิงบ้าน ฝาบ้านด้านหน้าเปิดโล่ง

เดินเข้าสู่อุทยานประวัติศาสตร์กัน ...


ถ่ายรูปโบราณสถาน

เนื่องจากวัตถุประสงค์ของการเดินทางครั้งนี้คือการถ่ายรูป ไม่ได้เน้นความรู้ด้านประวัติศาสตร์ จึงไม่ได้มีวิทยากรบรรยายระหว่างเดินชมโบราณสถาน ส่วนตัวเราตอนนี้ขอเน้นเที่ยวนอกพื้นที่ ราคาประหยัดแบบเช้าไป-เย็นกลับ ความสนใจเรื่องประวัติศาสตร์ และศิลปะนั้นคงมีอยู่ แต่ ณ เวลานี้ เราคงต้องยึดหลัก “ถ่ายเก็บไว้ก่อน หาอ่านทีหลัง” ไว้ถ้ามี “เวลา” นะ จะค้นหารายละเอียดอ่านเพิ่ม



เส้นทางเดินขึ้นสู่ปราสาท ปราสาทในที่นี้ไม่ได้หมายถึงที่พักอาศัยของกษัตริย์ หากเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ตามหลักศาสนา


เพราะรู้ตัวดีว่าถ่ายรูปไม่ค่อยสวย จึงต้องอาศัยตัวช่วย ใช้โปรแกรมตบแต่งภาพ เพิ่มแสง เล่นเงา วิทยาการปัจจุบันช่วยได้


ศิลปะแบบนครวัด สังเกตจากพญานาคมีรัศมี




เมื่อหันกลับไปมองทางที่เราเพิ่งเดินขึ้นบันไดมา เพื่อนร่วมทางต่างรีบจ้ำขึ้นไปถึงหน้าประตูปราสาท ให้ทันถ่ายรูปลำแสงพระอาทิตย์สาดส่องลอดบานประตู

ด้านในปราสาทเห็นผู้มีศรัทธาบางคนถึงกับนั่งแช่อยู่อย่างนั้นอาบแสงอาทิตย์ที่ผ่านลอดช่องประตูเข้ามา บดบังภาพปรากฏการณ์ทางธรรมชาติผสานกับความมหัศจรรย์ที่บรรพบุรุษได้ออกแบบคำนวณสร้างโบราณสถาน ไม่แบ่งปันนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ได้มีโอกาสเห็นเช่นนั้นบ้าง


เอาไมเคิล แจ้กสันคืนไป เอาพระนารายณ์คืนมา ...

เป็นบทเพลงที่ฮิตกันมากของวงคาราบาว คนไทยเรียกร้องขอทับหลังนารายณ์คืนจากประเทศสหรัฐอเมริกา แต่เมื่อได้คืนกลับมาแล้ว เชื่อว่าคนไทยอีกหลายคน (รวมถึงตัวเราเองด้วย) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเยาวชนไทยยังไม่รู้เลยว่าโบราณวัตถุชิ้นนี้คืออะไร และมีความหมายสำคัญเพียงใด


- ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ -


- ศิวะนาฏราชอยู่บนหน้าบัน -




ปราสาทแต่ละหลัง แต่ละทิศสลักเรื่องราวเกี่ยวกับการสร้างโบราณสถานแห่งนี้ ตำนานความเชื่อและศรัทธาเกี่ยวกับเทพเจ้าต่างๆ ในศาสนาพราหมณ์ฮินดู มหากาพย์รามายณะ

เราไม่สามารถลงรายละเอียดเรื่องราวต่างๆ ที่สลักอยู่ตามหน้าบันหรือตามรูปทับหลังเหล่านี้ได้ ตอนนี้อะไรที่ไม่รู้แน่ คงต้องรอให้ค้นหาข้อมูลให้แน่ชัดเสียก่อน

ศิลปะจะกลายเป็นเพียงแค่วัตถุ ฉันใดก็ฉันนั้น โบราณสถานก็เป็นเพียงก้อนอิฐและหิน หากปราศจากจิตวิญญาณความมุ่งมั่นของผู้สร้างและความเข้าใจของผู้เสพ



น่าเสียดายกับความเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้นหากไม่ได้เกิดจากธรรมชาติหรือกาลเวลา แต่เกิดจากน้ำมือของคนในชาติเองที่ไม่เข้าใจมรดกอันล้ำค่าทางวัฒนธรรมหรือหวังผลประโยชน์เพียงแค่อามิสสินจ้างเท่านั้น

ต่างคนต่างเดินหามุมมองในการถ่ายรูป แล้วก็มีนางแบบ (สมาชิกในทริป) เพื่อสร้างบรรยากาศในการถ่ายภาพแบบ Portrait ด้วย

9 โมงเศษ แดดเริ่มร้อน เพื่อนๆ หลายคนในกลุ่มออกมาเดินกันข้างนอก หาอาหารเช้ารับประทาน พอได้นั่งพักในที่ร่ม ท้องเริ่มตึง ก็ไม่อยากเคลื่อนย้ายเดินกลับขึ้นไปถ่ายรูปอีก

เรายังไม่มีรูปถ่าย portrait เลยนี่นา เลยชวนให้เพื่อนช่วยกลับขึ้นไปถ่ายรูปเก็บตกด้วยกันอีกรอบ (และไหนๆ แล้วก็ถ่ายภาพชั้นด้วยนะ)

สาวงามกับโบราณสถาน


พอเริ่มสาย (10 โมง) อากาศร้อนจนลิ้นแทบห้อย เหงื่อไหลย้อย ทั้งตามตัวและใบหน้า ฮือ...อ แป้งที่โปะหน้าไว้หลุดหมดเลย แต่กระนั้นนางแบบของเราก็หาย่อท้อไม่



ต้นไม้ใบหญ้า ...และนักท่องเที่ยวต่างสร้างชีวิตชีวาให้เกิดกับสถานที่ งานนี้ถึงนางแบบไม่เด่น ไม่สวย จึงต้องมีตัวช่วย อย่างเช่น สีสันของเสื้อผ้า เป็นต้น





ก้อนอิฐก้อนดินที่แข็งกระด้างกลับดูนุ่มนวลมีชีวิตเมื่อมีหญิงสาวประกอบอยู่ในภาพ



บางครั้งกำลังถ่ายรูปให้เราอยู่ดีๆ จู่ๆ เพื่อนก็เดินลิ่วหลบไปถ่ายรูปที่ไหนอีกแล้วก็ไม่รู้ ... เอาเถิดนะ ยังดีกว่าไม่มีคนช่วยถ่ายรูปเราให้

11 โมงครึ่ง ลงมานั่งเล่นคลายร้อนหาน้ำดื่มเย็นๆ ข้างล่างดีกว่า มีการจัดงาน OTOP เล็กๆ อยู่บริเวณลานทางขึ้นอุทยาน ออกร้านขายสินค้า เสื้อผ้า รองเท้า อาหารและเครื่องดื่ม เจอเพื่อนๆ บ้างกำลังนั่งกิน บ้างก็นอนเล่นบนเสื่อที่แม่ค้ายืมให้ปูนั่ง เริ่มรู้สึกหิวนิดนึง เดินหาซื้ออะไรรองท้องเล็กๆ น้อยๆ ด้วยดีกว่า

... จะเที่ยงครึ่งแล้ว ค่อยๆ เดินกลับขึ้นรถ ระหว่างทางเห็นนักท่องเที่ยวบางคนกำลังวางเรียงก้อนหินเป็นชั้น เพื่อเป็นการเคารพสักการะสถานที่

บ่ายโมงตรง ทุกคนมาถึงรถกันพร้อมแล้ว ได้เวลาออกเดินทางไปยังปราสาทเมืองต่ำซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากปราสาทหินพนมรุ้งเท่าไหร่นัก ...

โปรดติดตามตอนต่อไป...




Create Date : 08 มิถุนายน 2552
Last Update : 8 มิถุนายน 2552 22:54:57 น. 5 comments
Counter : 1094 Pageviews.

 
up รอบดึกเลยนะ...

อืมม์ ...สีเสื้อทำให้ภาพมีสีสันขึ้นทันตาเห็น
ไว้จะเลียนแบบบ้างดีกว่า....


โดย: นัทธ์ วันที่: 8 มิถุนายน 2552 เวลา:23:56:21 น.  

 
อู้ววว

มาแว้วววว ทริปพนมรุ้ง

มาปูเสื่อรอทริปต่อไปค่า ^ ^


โดย: http://twitter.com/wiina IP: 58.8.246.96 วันที่: 9 มิถุนายน 2552 เวลา:14:39:40 น.  

 
คุณนัทธ์ ... ช่วงนี้งานโปรเจคเร่งมาก ทำเอาตาโหลเป็นหมีแพนด้าอยู่แล้ว อยู่ที่ทำงานก็มีแต่งาน งาน เท่านั้น
จำต้องอัพบลอคมื้อดึกอย่างนี้ล่ะคะ

คุณ wiina ... ดีใจจังมีคนอ่านบลอคเราเพิ่มขึ้นอีกคน รออ่านตอนจบของทริปพนมรุ้งนะคะ ติดตามอ่านปราสาทเมืองต่ำต่อนะคะ


โดย: นู๋เมี่ยง IP: 58.9.87.54 วันที่: 9 มิถุนายน 2552 เวลา:21:12:34 น.  

 
นั่งรถคันที่สองชัวร์ เพราะว่าคนที่ยืนคุยนั่นคือน้าโย กับอีกคนก็น้าหนุ่ม จูจู้โหล แกไม่ได้นั่งทั้งคืนเพราะไม่มีที่นั่ง ขากลับก็ไม่ได้นอนเพราะมาโม้กับพวกเราเรื่อง hi5 หัวเราะกันตั้งแต่ปากช่องยัน กทม


โดย: PaTueng วันที่: 21 มิถุนายน 2552 เวลา:0:05:29 น.  

 
ต้องการจะบอกว่า ...

ถูกต้องแล้วคร้าบบบบ

เสี้ยวนาทีแรกๆ ตอนขึ้นรถก็แอบเคียงอยู่นิดๆ ค่ะ แต่ผ่านไปได้สักพักกลับคอยแอบฟังน้าๆ ทั้ง 2 คุยกันเพลิน

เป็นคนนิสัยน่ารักทั้งคู่นะคะ


โดย: มามะ.. เมี่ยงเองค่ะ วันที่: 21 มิถุนายน 2552 เวลา:0:34:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

มามะ.. เมี่ยงเองค่ะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




[Add มามะ.. เมี่ยงเองค่ะ's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com