ยินดีด้วยค่า...
ทีมงานก็รวดเร็ว ขอชื่นชมค่า

ดีใจด้วยครับที่ได้ Blog กลับมาโดยสวัสดิภาพ(?)

ยุ่งพอๆกันเลยค่ะพี่ หนูไม่ได้เข้า net มาเป็นเดือนได้แล้วมั้ง
แต่ โฮะ โฮะ ตอนนี้สอบเสร็จแล้วและต่อด้วย vacation ค่ะ

ปล. พี่ลืมหนังสือไปยังคะ อย่าลืมมาเอาน้า ใกล้จะกลับบ้านแล้วใช่เปล่าคะ

ดีใจด้วยนะค่ะ ตอนเเรกเข้ามาก็ตกใจนิดหน่อย

โอ้ว.. กลับมาแว้ววว

blogspot ดีกว่าครับ เวลาจัดวางเหมือนเล่นจิ๊กซอว์เลยครับ อยากย้ายไปตรงไหนก็ได้ครับ ง่ายกว่าเยอะ ติดadsense ด้วยนะครับ ^^

^
^
ตอนนี้ blogspot เกเรครับ
คอมผมเข้า blogspot ไม่ได้มาสามสี่วันแล้ว

ต่อตรง คห.5 ของคุณ Nanoguy ว่า

และก็หายไปอีกแล้ว


ยังไงก็จะยังรออ่านนะครับผม

เพิ่งได้ดู Pirates of the Caribbean รออ่านวิจารณ์ที่บล็อกนี้อยู่นะคะ

> >>พระคาถาชินบัญชร
> >>สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี
> >>
> >>ตั้งนะโม 3 จบ
> >>ชิ นะ บัญ จะ ระปะริต ตัง มัง รัก ขะ ตุ พะ ทา
> >>(ขอพระชินนะบัญชรปริตร จงรักษาข้าพเจ้าตลอดเวลาทุก เมื่อ)
> >>9 จบ
> >>กระดาษแผ่นนี้ส่งมาเพื่อให้ท่านโชคดี แผนแรกอยู่ที่ประเทศอังกฤษ
> >>เมื่อได้ รับแล้วให้ส่งต่อไปอีก 9 ฉบับ
> >>หลังจากนั้นคุณจะได้รับโชคภายใน 9 วัน
> >>นี่ไม่ใช่การหลอกลวงเพื่อสนุกสนาน คุณจะได้รับโชคดี
> >>คุณไม่ต้องส่งเงินเพื่อความเชื่อถือ คุณอย่าเก็บจดหมายฉบับนี้ ไว้
> >>จดหมายฉบับนี้ต้องส่งออกจากมือคุณภายใน 7 วัน หรือ 168 ชั่วโมง
> >>พระพุทธ พระธรรม พระสงค์ พระคุณธรรมโชติ ถึงท่านผู้โชคดี
> >>ผู้โชคดีไม่มีที่ สิ้นสุด เช่น
> >>สมบัติ กุลวิวัฒน์ ได้รับจดหมายแล้วส่งต่อ
> >>ปรากฏว่าถูกล๊อตเตอรี่รางวัล ที่ 2 ถึง 2 ครั้งติดต่อกัน
> >>สุนัน ได้รับจดหมายแล้วไม่สนใจ เขาก็เสียคนเพราะเขาเชื่อเพื่อนฝูง
> >>ขอให้ส่งภายน 7 วัน ส่ง 29 ฉบับ แล้วซื้อล๊อตเตอรี่ เลขอะไรก็ได้
> >>ที่ท่าน ชอบ ถ้าไม่เชื่อลองทำตามที่ท่านพระครูบอกไว้
> >>ขอให้โชคดี
> >>
> >>พระครูวิจิตร ธรรมโชติ
> >>
> >>
> >>

^
^
ได้รับมาไม่ต่ำกว่า 7 รอบ
จนป่านนี้ก็ยังมาอ่านบล๊อกชาวบ้านได้
เลิกงมงายเถอะครับ...

อาทิตย์นี้ไปดู Pan's Labyrinth รอบสองมาครับ ได้แง่มุมเพิ่มเยอะมากๆ...

หนังแผ่นเพิ่งดู Visitor Q ไป...
เป็นหนังที่จิตแตกโคตรๆ - - ฉาก "นมแม่" นี่อื้อหืมมม......

อีกเรื่อง เพื่อนลงทุนซื้อดีวีดีมาดู...
"แค่เพื่อนค่ะพ่อ" (ราคาตั้ง 239 บาท - -*)
เพื่อนบอกว่า "อยากรู้ว่ามันห่วยแค่ไหน"
แล้วก็ห่วยได้ใจจริงๆ...
สมควรส่งฟิล์มหนังเรื่องนี้ย้อนไปประมาณ 20 ปีที่แล้ว

โอ อยากดู Pan's เหลือหลาย

+ เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา ผมยุ่งๆ กับเรื่องทางบ้านก็เลยไม่มีเวลาดูหนังเลยอ่ะครับ นี่ตั้งใจว่าจะไปดู At world's end เย็นนี้นะเนี่ย ... แถมวันศุกร์นี้ก็ลาพักร้อนไว้ เพราะวันพฤหัสหยุดวิสาขะ ... มีอยู่แก๊งนึงที่ผมเบี้ยวนัดเที่ยวกับพวกเค้าไว้นานแล้ว หรือไม่งั้นก็ไม่เคยว่างตรงกันซะที ... เพิ่งจะมาล็อคคิวกันได้ 31 พ.ค. - 3 มิ.ย. นี่แหละครับ ก็เลยนัดกันไปเกาะกูด จ.ตราดน่ะครับ (เที่ยวสะบัดเลยตรู ช่วงนี้ ) ... เด๋วคงได้เก็บรูปทะเลตราดมาฝากบ้าง หลังจากเพิ่งดูทะเลตรัง ของคุณจขบ. ไป
+ Sherk -III ที่ได้ยินมาคือ "มุกเดิมๆ เดาทางได้แล้ว" หรือไม่งั้นก็ "ไม่สด ไม่ใหม่" แต่ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวของอนิเมชั่นเรื่องนี้ ยังไงแฟนเดนตายก็คงไม่พลาดชมอยู่แล้น ... ส่วน "เท่งโหน่ง" พอดีผมไม่ถึงกับเป็นแฟนพวกเค้าเท่าไหร่ แต่แค่ตั้งชื่อเรื่องว่า "คนมาหาเฮีย" ก็ไม่ผ่านสำหรับผมแล้วอ่ะครับ ... ไม่ได้ดัดจริตนะ แต่มีความรู้สึกว่าทำไมหนังตลกไทยๆ ถึงได้ฟุ่มเฟือยคำหยาบ และใช้กิริยาอันไม่สมควรมาเล่นมากขึ้นทุกทีๆ ... ผมเข้าไปดู ก็คงไม่ขำอยู่ดีอ่ะครับ

กู้ได้แล้ว ก็ดีใจด้วยค่า

วันนี้ดู Rampo Noir หนังรวมเรื่องสั้นของ เอโดงาวะ รัมโป มาครับ นำแสดงโดยเฮียอาซาโน่ ที่เริ่มจะกลายเป็นสัญลักษณ์ของวงการหนังอินดี้เอเชียไปทุกทีๆ...

ระหว่างดูก็ได้แต่คิดว่า...
ทำไมเรื่องสั้นของลุงรัมโปมันจิตแตกแบบนี้ฟะเนี่ย...
Visitor Q ที่ว่าแน่ๆ ยังหลอนไม่เท่าเรื่องนี้เลย

เอาเรื่อง วิทยานิพนธ์ให้เสร็ก่อนเลยนะครับ มื่อเสร็จแล้วจะเห็นความแตกต่าง ระหว่างวันวานกับวันนี้ รอการกลับมาของคุณอยู่นะครับ

เห็นได้อันดับหนึ่งการจัดอันดับ เลยลองเข้ามาดูค่ะ
สมแล้วกับที่ได้รางวัลค่ะ เหมือนอ่านหนังสือแล้ววางไม่ลงจริงๆ

ต่อไปคงเป็นแฟนขาประจำ blog นี้หล่ะค่ะ

แวะมาทักทายค่ะ

สมแล้วที่ได้รับโหวต

ไปดู Hatsu Koi มา
หนังน่าเบื่อมากกกกกก T^T
ไปดูเพราะคุณพี่มิยาซากิ อาโออิ คนเดียวเลยนะนี่

เป็นธรรมดาค่ะ เรื่องสอบเป็นเรื่องที่สำคํญและน่าเครียดพอกัน ไม่ว่าจะสอบไล่ของเด็ก สอบเข้างานหรือสอบเลื่อนชั้น ชอบใจที่ยังพอได้อ่านข้อเขียนเล็กๆน้อยๆของ จขบค่ะ และยังได้อ่านcommentของแฟนๆด้วย

ไปดู เท่งโหน่ง มาแล้วครับ ...ขอเป็นคนหนึ่งที่สวนกระแส (แต่ก็ไม่คัดค้านสุดตัว...พูดเรื่องคัดค้านช่วงนี้แล้ว มันเกิดอารมณ์ เฮ้ย!!! คุยเรื่องหนังๆ)

ผมว่าหนังมันดีในระดับหนึ่งนะ ถ้าดูเอาฮาโดยเฉพาะ (เรื่องราวมันก็แบบว่าง่ายๆ ละนะ ดูไม่มีสาระแก่นสารอะไร ข้อคิดก็ไม่มีให้คิดถึง) ...เรื่องของตัวอย่าง ผมว่าตัวหนังจริงยังมีอะไรให้ตลกมากกว่านั้น แต่ความตลกของมัน ก็เป็นตลกแบบสามช่าละนะ ถ้าใครว่า สามผู้กำกับ(รวมพี่หม่ำด้วย) ไม่สามารถหลุดความเป็นสามช่าได้ ก็ต้องยอมเข้าใจตามเขา

เอาเป็นว่า คุณผมอยู่ฯก็เป็นแฟนสามช่าอยู่ (ตามดูหนังพี่ๆเขาแทบทุกเรื่องอยู่แล้ว) ก็น่าจะโอเคนะครับ ...ไม่ถึงขั้นที่จะต้องชอบ แต่คนเป็นแฟนสองพี่ ก็ไม่น่าผิดหวังอะไร

ส่วน เชร็ค ยังบ่ได้ไปดู... แต่ก็ไม่พลาดแน่นอนและอาทิตย์หน้า ก็ได้นัดกับพลอย และเหล่าพี่ๆแก๊งโอเชี่ยน ไว้แล้วด้วย

หวัดดีครับพี่ Aorta ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เข้าเว็ปเท่าไร(แต่ก็แวะมาแอบอ่านreiviewของพี่เสมอ) พอดีได้เข้าไปดูกระทู้แนะนำที่ต่อว่าเรื่อง"เด็กหอ"ว่าไปคล้ายกับเรื่อง "El espinazo del diablo" (The Devil's Backbone) ของ Guillermo del toro อ่านคำวิจารณ์ของแต่ละคนแล้วรู้สึกว่าไม่เป็นธรรม ส่วนใหญ่เข้ามาผสมโรงต่อว่าโดยไม่คิดจะดูให้ครบทั้ง 2 เรื่องเลยด้วยซ้ำ พอดีผมมีแผ่นเรื่องนี้เลยจะส่งไปให้ แล้วอยากขอให้พี่ Aorta ช่วยดูแล้ววิจารณ์ให้หน่อยได้ไหมครับ (เห็นพี่เข้าไป post ในกระทู้นั้นเหมือนกัน)
ไม่รู้ว่าส่งไปที่ ที่อยู่เดิม จะสะดวกรึเปล่า เห็นว่าพี่มีการสอบครั้งสำคัญ เลยยังไม่กล้าส่งไป ถ้ายังไงพี่ช่วย confirm ให้หน่อยนะครับ หรือจะหลังไมค์มาก็ได้ครับ
ps. ขอให้สอบผ่านฉลุย ได้คะแนน Top เลยเพี้ยง~

น่าจะซื้อฮาร์ดดิสท์เก็บข้อมูลเอาไว้เลยนะครับ

+ โอวว ... ผมไปเกาะกูด เพิ่งกลับมา ตัวดำเป็นเหนี่ยงเลยครับ ... คิดว่าคงเอารูปอัพลงบล็อก (แต่อาจไม่ใช่เร็วๆ นี้ เพราะมีรูปกล้วยไม้จากพารากอนจ่อคิวเป็นหน้าถัดไปอยู่ แต่จนป่านนี้ยังย่อรูปไม่เสร็จเลยง่ะ ) ... สรุปว่าเกาะสวย บรรยากาศดี อาหารอร่อยและอิ่มหมีพีมันดีครับ

+ เย็นนี้ คิดว่าคงได้ไปดู Sherk-III และว่าจะเข้าไปจองตั๋วหนังงานเทศกาลหนังฝรั่งเศสที่ SFWorld ด้วย ... แต่ยังไม่ค่อยแน่ใจว่าจะดูเรื่องไหนดี เพราะเท่าที่อ่านมาจาก Bio เมื่อวานก็เป็นแค่ข้อมูลคร่าวๆ เท่านั้น ... ที่เล็งๆ ไว้ก็คงเป็น La Mome, Immortal แล้วก็ Coeurs (Private fear in public places) ใครมีข้อมูลว่ามีเรื่องไหนเจ๋งๆ ช่วยแจ้งด้วยนะคร้าบ (ตารางเวลาฉายของแต่ละเรื่อง ดูได้ที่เว็บของ SF Cinema ได้เลยครับ)
+ เดือนนี้คาดว่าผีเกมส์กับผีเที่ยว คงใกล้จะเลิกสิงผมแล้ว น่าจะกลับมาอยู่ในโหมดหนังได้ซะที เพราะเดือนหน้า ก็จะมีอีก 1 งานคือ BKK. Films Fest. ที่ย้ายมาจากเดือนมกรา ... ไม่รู้ปีนี้จะมีหนังอะไรน่าดูบ้างหนอ
+ หนังสัปดาห์นี้ คงดู พลอย (ตลกดี ไปไล่ดูเครดิตเก่าของคุณเป็นเอก ปรากฎว่าผมไม่เคยดูหนังของเค้าเลยซักเรื่อง ... เหรอเนี่ย ?!? ไปอยู่ไหนมาหว่าเรา ) ... ส่วน Ocean's thirteen ... นี่ก็เหมือนกัน เพราะว่าผมไม่ได้ดู 11 (ตอนนั้นไม่อยู่ในที่ที่จะดูได้), 12 ได้ยินว่าห่วยกว่า 11 ก็เลยไม่ดู ... ทีนี้พอมาถึง 13 มันเลยก้ำกึ่ง ว่าจะดูดีรึเปล่าอ่ะครับ .... นอกนั้นก็ว่าจะไปเก็บ Memories of Mutsuko ที่โรงเฮาส์ (ซึ่งน่าจะใกล้ถูกถอดโปรแกรมแล้ว เพราะหนังฉายมานานแล้วเหมือนกัน) ที่ได้ยินคำชมมาหนาหูเชียว ... และอาจดูเรื่อง Requiem (หนังผีเยอรมัน) ด้วยเลยอ่ะครับ
+ เหอะๆ ตกใจ ในโปรแกรมหนังล่วงหน้าของเฮาส์ที่เพิ่งอัพเดท มีหนังที่ไม่คิดว่าจะได้เข้ามาฉายด้วย (แต่ก็ยังไม่แน่ อาจมีการเปลี่ยนแปลง เลื่อนหรือถอดได้) ... ซึ่งนอกจากจะมี Scoop ที่ลงไว้วันที่ 21 มิ.ย. นี้แล้วก็ยังมี Bobby, Fast food Nation และ Infamous อีกด้วยอ่า
+ ช่วงนี้ blaggang ไม่ค่อยเสถียรเลยเนอะครับ (แต่วันพุธที่แล้ว สงสัยป่วยการเมือง หุๆ) ... ได้แต่หวังว่าทีมงานจะสามารถปรับปรุงให้โอเชในเร็ววันนะคร้าบ

...พรุ่งนี้สอบวันสุดท้ายแล้วนะคะ สู้..สู้..สู้ตาย

เดี๋ยวช่วงเดียวกับเทศกาลหนังฝรั่งเศส
ที่ลิโด้จะจัดเทศกาลหนังอิตาลีด้วยนะครับ
ชนกันตาแหกเลย

+ เอ่อ ... เมื่อวานลืมเขียนไป ... โธ่ คุณ จขบ. หน้งหนี้อะไรกันครับ ... แค่เขียนรีวิวหนังดีๆ ให้พวกเราชาวบล็อกได้อ่านกัน ก็เป็นพระคุณแล้ว ... ก็เด๋วจะตามไปอ่านผลงานบนดินในเล่มที่ว่านะครับ (ว่าแต่นิตยสาร All นี่ เกือบไม่เคยเห็นบนแผงเลยง่ะ เห็นแต่ Cream อ่า )
+ และดีใจด้วยนะครับ ที่สอบใกล้บรรลุแล้ว ... จะได้กลับมาเสวนาหน้าบล็อกกันบ่อยๆ เหมือนเดิมอ่ะครับ
+ เมื่อวานเข้าไปซื้อตั๋วหนังเทศกาลฝรั่งเศส ปรากฎน้องคนขายบอกว่าตอนนี้ขายแต่บัตรชุด 5 เรื่อง แบบแยกเรื่องจะเริ่มขายประมาณวันที่ 6-7 (มั้ง) ... ด้วยความที่ขี้เกียจเข้าไปซื้ออีกรอบ บวกกับเพิ่มเงินอีกนิดเดียว ได้ดูเพิ่มอีก 2 เรื่อง ก็เลยต้องซื้อครบ 5 เรื่องจนได้ง่ะ
+ ส่วนเทศกาลหนังอิตาลีที่น้องนาโนบอกไว้ พี่เห็นติดไว้ที่ลิโดอยู่แว้บๆ เหมือนกันแฮะ แต่จำไม่ได้ง่ะว่ามีเรื่องไรบ้าง รู้สึกไม่ค่อยมีโปรโมตลงนิตยสารหนังเท่าไหร่อ่ะครับ

+ เมื่อวานดู Shrek-III มาเรียบร้อย ... คนน้อยอย่างไม่น่าเชื่อ (ทั้งๆ ที่ส่วนใหญ่เข้าแห่งละ 1 โรงย่อยเท่านั้น) ผมล่ะออกจะชอบอนิเมชั่นชุดนี้จะตาย ... นอกจากมุกราชากบที่คุณ จขบ. ว่าไว้ ผมชอบมุก Hide and seek (นู๋ดาโกต้าคงกรี๊ดตอนได้ดู) กับมุกเจ้าหญิงนิทรา ด้วยอ่ะครับ ฮากระจายอ่า

วันนี้ผมก็ไปซื้อตั๋วแพ็คของเทศกาลหนังฝรั่งเศสมาครับ เตรียมวันไว้เรียบร้อยแล้ว เสียดายต้องยอมเปลี่ยนโปรแกรมจาก My Son ไปเป็น The Passenger แทน
เพราะเพื่อนมันชวนทำงานพิเศษคอมมาร์ท วันที่ 14-17 ต้องอยู่ศูนย์สิริกิติ์ทั้งวัน แล้ว My Son ดันฉายวันที่ 14 กับ 17 - -*
สรุป 5 เรื่องที่ดูก็มี Orchestra Seats(9/6 14 น.), La Mome(10/6 18.45), The Passenger(11/6 20 น.), Immortel(18/6 20 น.) และ The Page Turner(19/6 20 น.)

ส่วนเทศกาลหนังอิตาลี... ตารางตามนี้ครับ
//www.italianfestival2007.com/event11.html

^
^
+ ขอบคุณนะครับ สำหรับลิ้งค์ข้อมูลเทศกาลหนังอิตาลี ... เด๋วจะเข้าไปอ่านรายละเอียด จะได้รู้ว่ามีเรื่องไหนอยากดูบ้าง
+ ส่วนหนังฝรั่งเศส เลือกเรื่องใกล้เคียงกันเลยแฮะ ... ตอนแรกที่ไปอ่านใบปิดแนะนำหนังที่ SFW ที่สนใจก็มีประมาณ 7 เรื่อง แต่ต้องตัดทิ้ง 2 เรื่อง ... ชั่งใจอยู่หน้าโรงตั้งนาน สุดท้ายก็เลยตัด Orchestra seats กับ The Passenger ทิ้ง ... ที่เรื่องและรอบตรงกับน้องนาโนเลย (เพราะมันมีเรื่องละรอบเดียว) ก็คือ La Mome กับ Immortel ... ส่วนที่เหลือรอบไม่ตรงก็คือ The page turner (9/6 18:45) ... และที่เรื่องไม่ตรงก็คือ My son (14/6 20:00) และ Private fear in public spaces (9/6 16:15) ... ไม่รู้ในเรื่องและรอบที่ตรงกันนั่น จะได้นั่งข้างๆ กัน (แต่คราวนี้รู้จักแล้ว) เหมือนตอนดูเรื่องปารีส,เฌอแตม อีกรึเปล่าเนาะครับ เหอะๆ

ชอบมากๆค่า

ลืมบอกพี่บลูยอชท์ว่า
All มันขายแต่ในเซเว่นเน่อ

เข้ามาทักทายที่ Blog ผมหน่อยครับ ถือว่าขอฝากเนื้อฝากตัวกับนักวิจารณ์หนังน้องใหม่ด้วยนะครับ

happy day ..ka..

อยากเป็นสมาชิกทำอย่างไร

เสียค่าโง่ให้เทศกาลหนังฝรั่งเศสครับ
ลืมไปว่าวันที่ 9 มีจับน้องรหัส T T
เลยเสียตั๋ว Orchestra Seats รอบสองโมงไปฟรีๆเลย... งุงิ - -*

ไม่เป็นไร น้องรหัสน่ารัก ^^

+ และแล้วสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมก็กลับเข้าสู่ movies mode อีกครั้ง ... ด้วยว่าเป็นช็อตบังคับ เพราะดันไปซื้อตั๋วหนังเทศกาลฝรั่งเศสเร็ว เค้าบังคับขายแบบแพ็ค 5 เรื่อง พอดีอยากดูประมาณ 3-4 เรื่องอยู่แล้ว ขี้เกียจเข้าไปซื้ออีกรอบ เด๋วเต็ม ก็เลยต้องซื้อแบบ 5 เรื่องเลย ... เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาก็ดูไปแล้ว 3 เรื่อง เด๋วจะเล่าว่าแต่ละเรื่องเป็นไงบ้าง ช่วงท้ายนะครับ
+ หนังตกค้างของผม Memories of Mutsuko ที่โรงเฮาส์ (กำลังจะออกแว้ว) และแอบเหล่ๆ Requiem ไว้เช่นกัน, Ocean's ขอดูเวลาว่างกับฟังเสียงวิจารณ์นิดส์นึง, พลอย คิดว่าดูแน่ และยิ่งคุณ จขบ. มาเขียนไว้แบบนั้น (ในหน้าเฉพาะกิจ) ยิ่งอยากดูใหญ่เลย
+ ส่วนหนังใหม่สัปดาห์นี้ ผมคงต้องอาศัยเสียงวิจารณ์ทั้ง 2 เรื่องเช่นกัน เพราะ F4-II ไม่ถึงกับอยากดูเท่าไหร่ แถมภาคแรกก็ ........ และสวยลากไส้ ... นางเอกหน้าตาน่ารักจึ๊กกระดึ๋ยกันทั้งแก๊งเลยก็จริง หนังตัวอย่างก็ดูน่าสนใจ แต่ผมไม่ค่อยชอบดูหนังโหดๆ เชือดๆ ในจอใหญ่อ่ะครับ มันหยดหยองเกิน ... แต่เด๋วถ้ามีคำชมเยอะๆ ค่อยตัดสินใจใหม่อีกทีอ่า

+ หนังฝรั่งเศสในเทศกาลที่ดูไปแล้ว 3 เรื่อง มีดังนี้ ...
* Coeurs [Private fear in public spaces] - ปกติผมชอบดูหนังแบบความสัมพันธ์ของคนหลายๆ คนที่ดำเนินเรื่องโยงกันไปโยงกันมา มีอะไรเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวพันกันอยู่นะครับ ... แต่กับเรื่องนี้ มีความรู้สึกว่าเหมือนนั่งดูละครทีวีฝรั่งเศส ... ดูไม่สนุกเท่าไหร่ และติดจะง่วงเหงาหาวนอนอ่ะครับ (คงเป็นเพราะมันนิ่งๆ สไตล์อารมณ์หนังยุโรปด้วยมั้ง) ... สรุปว่า 'ไม่โดน' สำหรับผม

* La tourneuse de pages [The page turner] - นางเอก(เคย)เป็นนักเปียโน และวางแผนทวงแค้นคนที่ดับฝันเส้นทางของเธอ ... นางเอกทำหน้าตา(แอบ)โรคจิตได้ดีทีเดียว (ไปอ่านนิตยสาร ถึงเพิ่งจำเธอได้ว่า เธอคือนางเอกเรื่อง L'Enfant นั่นเอง) ... แต่อารมณ์มันจะนิ่งๆ แบบหนังยุโรปนะครับ (คือตอนจะทำ ก็ทำเลย) แล้วเนื่องจากมีเสียงเพลง เสียงเปียโนอยู่แทบทั้งเรื่อง เลยทำให้เป็นดราม่าทริลเลอร์ที่มีเพลงเพราะๆ เป็นตัวช่วยผ่อนอารมณ์ระทึก ... เรื่องนี้ตอนดูจบ มี Q&A ผู้กำกับด้วย
... อ้อ แล้วตอนแรกก็สงสัยว่าทำไมเรื่องนี้ถึงมีซับฯ ไทยด้วย ... เพิ่งถึงบางอ้อว่าเป็นเพราะหนังเรื่องนี้จะเข้าฉายที่ลิโด ราวๆ เดือนหน้าด้วยอ่ะครับ

* La Mome [La vie en Rose] - หนังอัตชีวประวัติของนักร้องฝรั่งเศสที่ไปโด่งดัง (จากคาแรคเตอร์เฉพาะตัวและน้ำเสียงอันไพเราะเหมือนนกร้อง) ในอเมริกา ชื่อ Edith Piaf ... ซึ่งถอดวิญญาณเล่นโดยดาราเจ้าบทบาทอย่าง Marion Cotillard (หน้าเธอแปลกดีจัง) ที่ว่ากันว่า ถ้าผู้คนยังไม่ลืม บทบาทนี้น่าจะเป็นบทบาทแรกๆ ที่คณะผู้แจกรางวัลสมควรพิจารณากันเลยทีเดียว (อ่านมาจากนิตยสารเล่มไหนซักเล่ม จำไม่ได้) ... การแสดงของเธอ ไม่ว่าจะเป็นการ(ลิปซิงค์)ร้องเพลง(ของเพียฟตัวจริง), การแสดงอารมณ์อันแปรปรวน (ตามประสาศิลปินใหญ่), การทำลุคให้ดูโทรมๆ ป่วยๆ เมาๆ อยู่ตลอดเวลา, การแสดงออกถึงความเข้มแข็งที่ยังรักจะร้องเพลง แม้จะต้องต่อสู้กับโรคร้ายในช่วงท้ายๆ ของชีวิต ฯลฯ ... คือหัวใจของหนังเรื่องนี้อย่างแท้จริง
... ถึงแม้จะเป็นหนังชีวประวัติ ซึ่งค่อนข้างยาวทีเดียว ราวๆ 2 ชั่วโมงกว่า แต่ก็ทำได้ไม่น่าเบื่อ ด้วยการใส่ลูกเล่นสลับเวลาเข้าไปในช่วงที่สำคัญๆ ของชีวิตเธอ ตั้งแต่ตอนเด็กๆ ที่ต้องระเหเร่ร่อนตามพ่อ, การค้นพบพรสวรรค์ในการร้องเพลง, การมีแมวมองมาค้นพบและอุปถัมภ์ค้ำชู จนถึงช่วงที่ชีวิตรุ่งโรจน์ถึงขีดสุด และโรยราลงตามลำดับ (แต่ช่วงชีวิตรักกับตานักมวยชื่อ Marcelle มันดูประหลาดๆ ยังไงไม่รู้) จนกระทั่งถึงช่วงท้ายๆ ของชีวิต และการร้องเพลงบนเวทีครั้งสุดท้ายของเธอ ... ถึงแม้ชีวิตเธอจะไม่ถึงกับดู 'ประหลาดล้ำ' และ 'จัดจ้าน' ขนาด Frida (ที่ตอนผมดูจบ ยังอึ้งว่า ... เธอเป็นขนาดนั้นเลยเหรอ) ... แต่ก็มีสีสันแห่งความเป็นศิลปินอยู่เต็มเปี่ยม ... และยังมีเพลงเพราะๆ เด่นๆ ของเธอให้ฟังในหนังหลายเพลง โดยเฉพาะเพลงที่นำมาตั้งเป็นชื่อหนัง (ในภาษาอังกฤษ) อย่าง La vie en rose อีกด้วย
... ก็นับว่าคุ้มค่าแก่การชมอีกเรื่องครับ

หนังฝรั่งเศส ซื้อตั๋วแบบ 5 ใบไม่ทัน เลยขอดู La Mome เรื่องเดียวเลย
Marion Cotillard นี่ นอกจากหน้าแปลกแล้ว เสียงยังแปลกด้วยนะครับ บางทีฟังเธอพูดไปเรื่อยๆ แล้วรู้สึกรำคาญชอบกล แต่ตอนร้องเพลงผมชอบมาก เสียแต่ว่า น่าจะมีฉากให้เธอโชว์เพลง La Vie En Rose ซะหน่อย

La Mome ผมว่าเป็นเหมือนหนังชีวประวัติธรรมดาอีกเรื่องครับ แต่ที่มันไม่ธรรมดาก็เพราะการแสดงของ Marion Cotillard นี่แหละ...

ฉากที่จับจิตผมมากๆ คือตอนลองเทคกลางเรื่องที่เธอรู้ถึง "การตาย" ของคนบางคน จากตอนเริ่มฉากที่เธอกำลังยิ้มแย้มหน้าบานมีความสุขที่สุดในโลก จนเมื่อเธอรู้ความจริงทุกอย่าง (ทุกอย่างดำเนินไปในลองเทคยาวประมาณไม่เกินสามนาที) สภาพเธอก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคนทันที...
แค่ฉากนี้ฉากเดียวผมว่าก็กินขาดนักแสดงหญิงมากกว่าครึ่งโลกแล้วครับ เปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วขนาดนี้น่ะ...

+ อืม ... ตกลงคุณ จขบ. จะพักในบ้านพักของโรงพยาบาลเหรอครับ? นึกว่าจะกลับไปนอนที่บ้านซะอีกอ่า ... บ้านพัก รพ. ก็เป็นแบบนั้นแหละครับ ... อย่างห้องพี่สาวผม กว่าจะเป็นอย่างทุกวันนี้ได้ ก็เห็นคุณเธอตกแต่งอยู่ตั้งนานอ่า
+ A good year เห็นมีแต่คนด่านี่ครับ ว่าเป็นความล้มเหลวของทั้ง ผกก. และโครว์เอง ที่ต่างคนต่างเปลี่ยนแนวมาเป็นแนวกุ๊กกิ๊ก romantic-comedy (แต่หน้าตาเฮียแก ก็ไม่ค่อยให้ที่จะเล่นแนวนี้เลยนะ แล้วยิ่งพักหลังมีข่าวบู๊ล้างผลาญกับนักข่าวแบบนั้นด้วย เหอะๆ ) ... ก็ดูจบแล้ว เด๋วพวกผมจะรออ่านนะครับว่าคิดเห็นเป็นไงบ้าง
+ เรื่องเครื่องเสียงกับผมนี่ แทบไม่มีความรู้เลยอ่ะครับ (ผมมันพวกโลว์เทค) ... คิดจะซื้ออะไรที ถึงจะเริ่มลงมือศึกษา ดูสเปค เลือกรุ่นและยี่ห้อ ... แต่เมื่อกี๊ลองโทรไปสอบถามพี่ที่เค้าเชี่ยวเรื่องเครื่องเสียง ... เห็นเค้าบอกว่า ของแบบนี้ต้องไปดูและเลือกเองนะครับ เพราะแต่ละคนจะชอบภาพ, สี และเสียงไม่เหมือนกันอ่า ... ก็คาดว่าเด๋วคงจะมีแฟนๆ บล็อกที่เป็นเซียนเครื่องเสียงมาช่วยตอบให้อ่ะครับ

+ วันจันทร์เพิ่งไปเก็บ Memories of Mutsuko ที่เฮาส์มา (กลัวหนังออกไปซะก่อน เค้าดันบอกว่าอาทิตย์นี้ก็ยังฉายอยู่ ... แสดงว่าคนบอกกันปากต่อปากเจงๆ) ... หนังมันประหลาดล้ำตรงที่โดยเนื้อจริงๆ จะเป็น Drama-Tragedy แบบหนักหน่วง แต่หนังดันทำออกมาในแนวการ์ตู๊น การ์ตูนอ่ะครับ เลยทำให้มีทั้งอารมณ์ฮาและเศร้า (น้องแถวบอร์ดเรียก "ขำขื่น") อยู่ในฉากเดียวกัน ... และน่าสงสารนางเอกตรงที่ชีวิตเธอที่แจกจ่ายความรักให้กับผู้คนรอบข้าง กลับไม่ค่อยได้รับความรัก หรือแม้แต่ ความเข้าใจ ตอบแทนกลับมา จนแม้กระทั่งเธอตายไปจากโลกอันเส็งเคร็งใบนี้ (ตรงนี้ไม่สปอยล์นะครับ เพราะเปิดมาต้นเรื่องเธอก็ตายแล้ว แล้วหนังก็ flashback กลับไป)
... หนังเรื่องนี้ น้อง nanoguy เขียนบทวิจารณ์และเกร็ดไว้ดีทีเดียว (แต่พะหัวไว้ว่า "Heavily Spoil") ... ใครสนใจอ่านเพิ่มได้ที่บล็อกน้อง nanoguy กรุ๊ป "Addicted to Movies" หน้าล่าสุดได้เลยครับ
(หนังดี และคนเขียนก็เขียนดี ต้องร่วมด้วยช่วยโฆษณา)

+ หนังค้างจมเลยวุ้ยตรู จะดูทันมั้ยเนี่ย ... เย็นนี้ต้องไปดู La Fete' เรื่องที่ 4 คือ Mon fils a moi (My Son) ที่ SFW ... ของเก่าว่าจะดู 'พลอย' ... ของเก่าอาจจะดู ถ้ามีเวลา Ocean's 13, Requiem ... ของใหม่ขอฟังเสียงวิจารณ์ก่อน F4-II, สวยลากไส้, Rain dogs ... แถมสัปดาห์หน้ายังมี Fracture กับ Happy ending ที่จะดูแน่ๆ ทั้ง 2 เรื่องเข้าอีกเง้อออ

หวัดดีค่ะ ถึงจะสอบเสร็จแล้วแต่ท่าทางหมอจะยังคงยุ่งน่าดูนะคะ

พอดีเพิ่งได้ดู Babel มีเรื่องสงสัย เลยแวะเข้ามาหาคำตอบซะหน่อย หนังสนุกดีอย่างไม่น่าเชื่อ ดูตอนดึกๆ คิดว่าจะหลับคาจอซะแล้ว

เรื่อง LCD ลองโทรหาคุณภีดูก็ได้นะคะ ก็พอจะมีความรู้บ้างค่ะ

LCD 32 นิ้ว ตัวไม่ค่อยเล็กแล้วละครับ ผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ไปห้างทีไรก็แวะไปดูนานๆ ประจำ เวลานี้ผมว่า Sony Bravia ดูสวยสดใสที่สุด แต่ราคา Samsung ดูเป็นไปได้มากกว่า

A Good Year เห็นคนว่าเยอะเลยไม่ค่อยอยากดู แต่ตอนนี้อยากดูแล้วเพราะรู้สึก Marion Cotillard จาก La Mome จะมีบทเล็กๆ ในนั้นด้วย

แหม.. พี่บลูยอชท์ก็โฆษณาเกินปาย อุอุอุ...
แต่ถ้าใครจะไปอ่านก็ยินดีนะครับ ^^

ช่วงนี้ไม่ว่างเอาซะเลยเง้อ... Requiem ก็ยังบ่มีเวลาไปดู แถมเทอมนี้วิชาก็ดันลงตอนบ่ายมันซะทุกวันซะยังงั้น โรงหนังเขาไม่มีรอบแบบ 9 โมงเช้าวันธรรมดาซะด้วยสิ
ตอนนี้รอ "สวยลากไส้" มั่กๆ... ชอบหนังเลือดสาดจิตแตก 555+

ลืมโพสไปเลย... เดี๋ยวต้นเดือน กค. ที่สถาบันปรีดี พนมยงค์ จะจัดฉายหนังดูยากถึง 9 เรื่อง... ตามโปรแกรมดังนี้

7 กค. 2550 (เสาร์)
12.00 น. - A Streetcar Named Desire
14.20 น. - The Graduate
16.05 น. - To Sir with Love

8 กค. 2550 (อาทิตย์)
12.00 น. - One Flew Over the Cuckoo's Nest
14.15 น. - Chariots of Fire
16.20 น. - The Gods Must be Crazy

14 กค. 2550 (เสาร์)
12.00 น. - Red
13.40 น. - White
15.20 น. - Blue



แล้วที่ มศว.ประสานมิตร ก็จะจัดฉายหนังการเมืองหาดูยากอีกเช่นกัน แต่ผมขอพูดถึงเรื่องเดียวคือ The Great Dictator ในวันที่ 29 มิถุนายน 2550 (วันศุกร์ - -*) เวลา 13.30 น. (- -*)

อยากดูมากๆ แต่ไหงจัดเวลาได้โหดร้ายทารุณแบบนี้ล่ะครับ มศว.

แล้วก็ลืมโพสวิธีเดินทาง...
นั่ง bts ลงทองหล่อ แล้วต่อมอไซค์ครับ
(ทางออก ซอยทองหล่อ)

^
^
+ ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะครับ ... หนังเก่าดีๆ หาดูยากทั้งนั้นเลยนะนั่น ถ้าว่างคงมีโอกาสได้ไปชมอ่ะครับ

+ คะแนนวิจารณ์ Fantastic Four : Rise of the Silver Server จากเว็บประจำผม ... ฟากนักวิจารณ์ให้ 43/100 ฝั่งคนดู 3.9/10 ... แต่ถึงคะแนนจะเรี่ยดินแค่นี้ ยังมีบางคนแอบกัดอีกว่า "โอ้! จอร์จ มันดูดีกว่าภาคแรกหน่อยนึงน่ะ!!!" ... อืม นะ

+ หนังเทศกาลฝรั่งเศสเรื่องที่ 4 ของผม :
Mon fils a moi (My son) - ถึงจะออกมาเป็นธีม drama โรคจิตคล้ายๆ กัน แต่ผมชอบ The page turner ที่ได้ดูมาก่อนหน้านี้มากกว่าเรื่องนี้พอสมควรนะครับ (ถึงแม้มันจะดู 'ปรุงแต่ง' มากกว่าก็เหอะ) ... เรื่องนี้เป็นเรื่องของคุณแม่จิตแตกที่ดูแล้วมีอาการทางจิตเภทหลายอาการเลยทีเดียว ทั้ง "การอยากควบคุมชีวิตใครซักคนอย่างสมบูรณ์แบบ - การใช้ความรุนแรงต่อผู้อยู่ใต้การควบคุม - incest - การหลงใหลในความเป็นเด็กที่กำลังจะเป็นวัยรุ่น" เพราะมีหลายตอนทีเดียวที่สื่อออกในแนวนัยยะทางเพศที่เธอรู้สึกต่อลูกชายที่กำลังแตกเนื้อหนุ่มของเธอ ... โดยมีคุณพ่อผู้ไม่มีปากมีเสียง และพี่สาวที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้ ได้แต่เฝ้าดู ... หนังก็อารมณ์ยุโรปแหละ ทำได้เนิบนาบ อึดอัด เก็บกด เงียบงัน ... ซึ่งกว่าที่ลูกชายจะลุกขึ้นมาทำอะไรบางอย่างก็เป็นตอนเปิดเรื่อง แล้วแฟลชแบ็คย้อนกลับไปเล่าเรื่องตั้งแต่ต้น ... ดูแล้วสงสารเด็กอ่ะครับ ที่ดันเกิดมาอยู่ในครอบครัวที่มีแม่เป็นแบบนี้อ่า

ถึง นักวิจารณ์หนังทุกท่าน
ผมเป็นคนชอบดูหนังเพื่อความบันเทิงเท่านั้น วิจารณืไม่เป็นไร เลย แต่ผมได้ทำเวปขึ้นมาเอง ชื่อว่า //www.konbanang.com แล้วมีคอมลัมภ์ที่ว่าวิจารณ์หนังขึ้นมาด้วย ผมขออนุญาต นำคำวิจารณ์ภาพยนตร์ ของ ทุกท่าน ลงไปในเวปจะได้หรือไม่ครับผม

^
^
+ ขอออกความเห็นนิดนึงนะครับ ... มันไม่แลดูแปลกๆ ไปหน่อยเหรอครับ? ที่มีเว็บเอง แถมยังเกี่ยวกับหนัง แต่ดันเอาคำวิจารณ์จากเว็บอื่นไปแปะใส่
... แต่ถ้าจะทำแบบนั้นจริงๆ ... ก็ควรใส่เครดิตให้กับคนเขียนข้อความนั้นจริงๆ ด้วยอ่ะครับ ตามมารยาท (ซึ่งก็จะทำให้เว็บคุณดูแปลกอยู่ดี เพราะจะมีข้อความเต็มไปหมด ว่าก๊อปมาจากตรงนั้นตรงนี้) ... แต่ถ้าไม่ใส่เครดิต นั่นคือการ "ละเมิดลิขสิทธิ์ / ทรัพย์สินทางปัญญา" อ่ะครับผม ... ถึงแม้เจ้าของข้อความอาจจะถือโทษหรือไม่ก็ตาม แต่โดยจริยธรรมก็ไม่ควรทำครับ


+ เพิ่งดู พลอย มาเมื่อวาน ตอนเปื่อยๆ มึนๆ กับไข้หวัดอยู่พอดี ... เลยเบลอๆ ไปกับบรรยากาศกึ่งจริงกึ่งฝันในหนังไปด้วย ไปเขียนไว้ในหน้า 'พลอย' แว้วนะคับ ... ส่วน F4-II คนที่ไปดูมาแล้วเห็นบอกว่าก็ทำได้ดีและมันส์ในระดับหนังซัมเมอร์นะครับ (คือดีกว่าภาคแรกว่างั้นเหอะ)
+ แปลกแฮะ ดูหนังตัวอย่างแล้ว ผมกลับไม่ค่อยอยากดู Transformer เท่าไหร่ (จำหุ่นยนต์ไม่ได้ ตัวไหนดี ตัวไหนร้าย แถมมันยังดู "เบ๊ย์ ... เบย์" อีกต่างหาก) ... แต่กลับอยากดู Die Hard 4.0 (รู้สึกว่าเค้าทำได้ 'ถึงระดับความมันส์' จริงๆ, น้าบรู๊ซ ยังดู 'อึด' ได้น่าเชื่อถืออยู่ และเป็นเพราะเพลงประกอบด้วยมั้ง )

+ เย็นนี้ จะไปดู La Fete เรื่องสุดท้ายที่จองตั๋วไว้คือ Immortel (รอบเดียวกับน้องนาโน) ได้ความยังไง เด๋วจะมาเขียนให้อ่านครับ ... ส่วนเทศกาลหนังอิตาลีของลิโด เล็งไว้ 3 เรื่อง (คงพอ แค่นี้ก็ดูไม่ทันล่ะ) ... ของเก่าตกค้าง Ocean's 13 และอาจดู Requiem กับ Rain dogs ที่เฮาส์ถ้าเวลาอำนวย ... แต่อาทิตย์นี้สิ หนังที่ผมอยากดูและจะดูแน่ๆ ดันมาเข้าโรงพร้อมกันซะนี่ ทั้ง Fracture (แค่ไปดูทั่นเซอร์ในมาดใกล้เคียง ดร.ฮันนิบาลอีกครั้งก็น่าชมแล้ว แถมยังได้พิสูจน์ฝีมือหน้าใหม่มาแรงอย่างไรอัน กอสลิงด้วย), Arthur and the Minimoys (แนวโปรดผม / ลุค แบซองกำกับ / เจ้าหนูเฟรดดี้ ไฮมอร์แสดงนำ - ถึงแม้ว่าเสียงวิจารณ์ออกจะติดลบก็ตาม), Happy Endings (ดูแนวหนังแล้วจิตแตกได้ใจ ... แถมยังมีแม็คกี้ กิลเลนฮาล ที่ได้ยินว่าแสดงได้เจ๋งในเรื่องนี้) ... สงสัยเดือนนี้คงจะเป็นเดือนที่ผมดูหนังเยอะสุดแหงมๆ เลยเนี่ย

+ อืม ... อย่างงี้ เวลาคุณ จขบ. ย้ายไป ตจว. แล้ว เวลาเข้ามาดูหนังใน กทม. ก็ต้องเลือกเฟ้นเป็นอย่างดีอ่ะดิคับเนี่ย เพราะถ้าหนังอยากดูเข้าสัปดาห์เดียวกันพร้อมๆ กันหลายๆ เรื่อง คงลำบากน่าดูเหมือนกันเนาะครับ (ตัวผมเอง วันนึงปกติจะดูหนังไม่เกิน 2 เรื่อง ... เหตุผลสำคัญคือ ปรับอารมณ์ไม่ทัน)

b583b390 //98a0de92.com 0da409e1 [url]//22a35e60.com[/url] [url=//238a9d56.com]4d07a128[/url]

คุณผมอยู่ฯ ครับ ...น้องปอมซังกินคนมีอะไรอยากปรึกษาน่ะครับ (แถมมีคนอื่นเรียกร้องอยากรู้อีกด้วย) เข้าไปให้ความเห็นด้วยเน้อ
//www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A5522796/A5522796.html

Immortel ออกง่วงๆหน่อยครับช่วงแรก (หรือว่าเบาะเอสเอฟเวิลด์มันนุ่มเกินไป?) วูบไปนิดนึง แต่ก็ไม่ถึงขั้นหายไปครึ่งเรื่องเหมือน The Passenger (เปรียบได้ดัง Invisible Waves - -*)
หนังออกแนวด่าเผด็จการ และด่าสังคมอเมริกันหน่อยๆนะครับ ทั้งเรื่องเราจะเห็นสัญลักษณ์ของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ทั้งมีไอเฟลจำลองที่นิวยอร์ก มีตัวอักษรภาษาอาหรับ มีตัวละครคนใหญ่คนโตเป็นคนเชื้อสายเอเชีย แต่กฎหมายกลับแบ่งแยกประเภทมนุษย์ไม่ต่างกับเมื่อเกือบร้อยปีก่อน

The Passenger เรื่องนี้ตายคาโรงครับ ขออนุญาตไม่ออกความเห็น

The Page Turner เรื่องนี้หนังดำเนินตามสูตร จบง่ายจนเหมือนโดนตัดจบ (จนพาลไม่ชอบตอนจบไปนิดหน่อย) แต่ว่าแววตาโรคจิตของ Deborah Francois นี่แหละครับที่ตรึงผมซะอยู่หมัด (แม้ว่าตอนใส่ชุดว่ายน้ำจะอืด เอ้ย! อวบไปหน่อยก็ตามที

สวยลากไส้ น่าแปลกที่ผมช้อบบบชอบหนังเรื่องนี้อะคับ 55555

+ หลังจากที่บล็อกผมพาไปเมืองนอกเมืองนามาก็ 2-3 ตอนแล้ว ... เลยขอเปลี่ยนบรรยากาศคั่นด้วยบล็อกหน้าใหม่ เป็นทะเลอ่าวไทยที่เกาะกูด(ตอน I) จ.ตราดนี่เอง ... ว่างๆ เชิญไปชิลล์ชิลล์รับลมทะเลได้ที่บล็อกผมนะครับ

+ เย็นนี้คงได้เข้าไปจองตั๋วหนังเทศกาลอิตาลีที่ลิโดแฮะ และไหนๆ ก็เข้าไปแล้ว คงดู Ocean's 13 ด้วยเลย ... ว่าแต่ทั่นๆ ที่จะดู เลือกดูเรื่องอะไรกันบ้างอ่ะครับ? สำหรับผมตอนนี้ที่เลือกไว้ในใจมี 3 เรื่องคือ Golden door, The Consequences of love และ The Embalmer ง่ะครับ

+ สำหรับเทศกาลหนังฝรั่งเศสเรื่องสุดท้าย คือ Immortal [Ad Vitam] : หนังปี 2004 ... ก่อนอื่นขอพูดถึง Q&A ตอนจบก่อนแล้วกัน บรรยากาศไม่ค่อยเหมือนตอน ผกก. Page Turner มา เพราะคนนั้นเข้าใจภาษาอังกฤษได้ดีและค่อนข้างมีมุกตลกเยอะ (เค้าเป็นนักดนตรีด้วย) ทำให้ Q&A ค่อนข้างมันส์และลื่นไหล ... ส่วน ผกก. เรื่องนี้ คือ Enki Bilal จะฟังภาษาอังกฤษไม่ค่อยรู้เรื่อง เลยต้องให้เพื่อน composer ที่มาด้วยช่วยแปลให้ซะเยอะ แล้วบางทีก็เลยตอบไม่ค่อยตรงกับคำถามที่ถามเท่าไหร่ ... ก็เลยกินเวลาค่อนข้างนาน (เกินครึ่งชั่วโมง) และทำให้คนไทยความอดทนน้อยหลายคน ลุกออกจากโรงไปก่อนเวลาการสนทนาจบ
... ตัวหนัง เป็นตระกูล Sci-Fi โลกอนาคต ... พวกฉากกับไอเดียจัดว่า 'ล้ำ' ทีเดียว จินตนาการฉากโลกอนาคตได้น่าทึ่ง มีการใช้ตัวแสดงทั้งที่เป็นคนจริงและใช้อนิเมชั่นสร้างขึ้น ... ไอเดียก็ดูใช้ได้ (แต่ผมเก็ทไม่ค่อยหมด อย่างเช่นเรื่องปิรามิดมนุษย์ต่างดาว(?)ที่ลอยอยู่เหนือน่านฟ้านิวยอร์คและตัวเทพ(จากอียิปต์)ทั้ง 3 ตัวคือ ฮอรัส (เหยี่ยว - ซึ่งเป็นตัวเดินเรื่องที่ไปควบคุมร่างพระเอก), อนูบิส (เทพแห่งความตาย) และ (จำชื่อไม่ได้ หน้าเป็นนางแมว) ที่ 2 ตัวหลังไม่ทำอะไร เอาแต่เล่นหมากกระดาน) ... เหมือนหนังจะพยายามพูดถึงหลายประเด็นทั้ง โลกในอนาคต, มนุษย์ต่างดาว(ที่แฝงตัวเข้ามาเพื่อกระทำการบางอย่าง), Mutants, การเป็นอมตะ (Immortal - ซึ่งอาจหมายถึงเทพหรือมนุษย์ต่างดาว) <-> การกลายร่างเป็นมนุษย์ (ที่ Mortal) ฯลฯ ... และก็มีแอบแทรกประเด็นการเมือง - การปกครองแบบเผด็จการ - การดำเนินการทดลองทางชีวภาพ ใส่ไว้ด้วย
... คนดังที่สุดที่แสดงในหนังเรื่องนี้ คือคุณป้าโรคจิตขวัญใจผมอย่างป้า Charlotte Rampling ซึ่งเรื่องนี้เปลี่ยนลุคไปพอสมควร แถมยังพลิกบทเป็นคุณหมอใจดีเจ้าของเคสนางเอกอีกต่างหาก, นางเอกอย่าง Linda Hardy สวยแปลกตาดีในลุคผมเป็นแผ่นเรืองแสงและน้ำตาตกสีได้สีน้ำเงิน ... ส่วนพระเอกคือ Thomas Kretschmann ที่ต้องกลายเป็นนักโทษขาเหล็กที่หลุดออกมาจากคุกแช่แข็งเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ก็ดูจะจับคู่กับนางเอกได้ลงตัวดี

พอดีว่าลิ้งค์ไปเรื่อยอ่ะค่ะ
พรหมลิขิตทำให้มาเจอมั้งคะ
งุงิ
โววจิงๆเลยเรา
แล้วมานอารายยางไง

หนังอิตาลีผมเลือกสามเรื่องเหมือนพี่บลูฯ ครับ

หลังจากดู "สวยลากไส้" กลับมาแล้วผมก็เลยหยิบแผ่นเถื่อน Notes on a Scandal ขึ้นมาเบิ่ง เพื่อจะตัดสินใจว่าหนังมันดีขนาดซื้อแผ่นจริงเก็บมั้ย และปรากฏว่าผมก็โคตรชอบหนังเรื่องนี้เลยอะคับ (ไอ้เรื่องฉาวๆ จิตๆ นี่แหละ ชอบจั๊ง)
ขออนุญาตตั้งชื่อไทยหนังเรื่องนี้(อย่างหยาบคาย) ว่า "ครูยั่วนักเรียน กับ อีเลสเบี้ยนโรคจิต"
คนที่น่าอิจฉาที่สุดในโลก Andrew Simpson ครับ... ทำบุญด้วยอะไรถึงได้เล่น sex scene กับนางฟ้า Cate Blanchett!!!!

ส่วนวันนี้ไปดู Fracture ฟรี (ตั๋วจากพันทิป แต่ไม่มีเพื่อนไป เพราะดันอยู่ตั้งยูเอ็มจีอาร์ซีเอ) บอกได้คำเดียวว่าเสียของครับ หนังใช้ทั้ง Ryan Gosling กับ Anthony Hopkins โคตรจะไม่คุ้ม แถมหนังก็เอื่อยๆ เรื่อยๆ ซึมกะทือ ไม่มันส์เลยอะ - -*
แต่ก็ต้องชมว่ามันตัดตัวอย่างเก่งจริงๆ - -*

+ ตกลงเมื่อวานผมเลยเข้าไปซื้อตั๋วหนังเทศกาลอิตาลี 3 เรื่องที่ว่าไว้ที่ลิโด แล้วไหนๆ ก็เข้าไปแล้ว เลยถือโอกาสดู Ocean's 13 ด้วยเลย ... ปกติขอบอกว่าผมตามหนังประเภทนี้ (หักเหลี่ยมเฉือนคมกันไปมา - ดำเนินเรื่องฉับไว - มีลูกเล่นไฮเทคเยอะ) ไม่ค่อยทันหรอกนะครับ ตอนแรกถึงแหยงๆ ที่จะดู ... แต่สำหรับเรื่องนี้ ด้วยทีมนักแสดงที่ดูเท่ห์โคตรๆ บวกกับการที่พวกเค้าเล่นด้วยกันมาปาเข้าไป 3 ภาคแล้ว ทุกอย่างเลยดูลื่นไหล เนี้ยบและเนียนไปหมด ... ถึงผมจะตามเกือบไม่ทัน (แต่ก็ทันอยู่นะ) ก็ดำเนินเรื่องได้มันส์ดี ... 3 หัวโจก (จอร์จ คลูนีย์ + แบรด พิตต์ + แมตต์ เดมอน) ดูขึ้นกล้องกันสุดๆ ทีมนักแสดงที่เหลือก็มีการเฉลี่ยความสำคัญกันได้อย่างลงตัว, แอนดี้ การ์เซีย (ซึ่งเคยเป็นคนร้ายในภาคก่อน) ก็โผล่เข้ามาร่วมทีมได้แสบสันต์, ส่วนป๋าอัล ปาชิโน ก็ร้ายกาจเข้าไส้, เจ๊เอลเลน บาร์กินก็ฮาดีตอนยั่วแมตต์
... หนุกหนาน, ลงตัว, เท่ห์อย่างมีสไตล์ครับ สำหรับ 's 13 นี่ ... ว่าแล้วก็ต้องย้อนกลับไปหา 's 11 และ 's 12 มาดูหน่อยแล้น

[น้องนาโน] :
+ อืม ... Fracture เป็นเช่นนั้นหรือครับน้องนาโน? ถึงว่าว่าเสียงวิจารณ์ที่ได้ยินมา ก็มีเสียงแตกๆ พอสมควร ทั้งคำชมและคำด่า ... ก็คิดว่าคงดูอ่ะครับ แต่ก็ดีที่บอกไว้ จะได้ลดระดับความหวังลงไปหน่อย
+ Notes on a scandal ก็อยากดูเหมือนกันครับ ... เพราะมีทั้งป้าและเจ๊ขวัญใจพี่เล่นเนี่ยแหละ (เข้าชิงรางวัลทั้งคู่อีกต่างหาก) ... แถมป้าเดนช์เปลี่ยนลุคเป็นสาวใหญ่จิตแตกอีกด้วย อุๆๆ
+ จะว่าไป พี่กับน้องนาโน มักเลือกเรื่องหนังประเภทหนึ่งที่จะชอบดูคล้ายๆ กัน ก็คือหนังพวกจิตๆ เนี่ยละมังครับ ... แต่จะต่างกันหน่อยตรงที่ของพี่จะได้ดูเบากว่า หรือขอมีภาพโหดๆ น้อยๆ หน่อยก็ดี ออกไปในแนวไซโคทริลเลอร์ ... ส่วนของน้องนาโนนี่ รู้สึกยิ่งฉาว ยิ่งเนื้อเรื่องแรง ยิ่งภาพโหด ก็ยิ่งได้ใจนะครับ เอิ๊กๆๆ

เมื่อวานไปดู Fantastic Four ภาคสองมา ผมว่าโอเคนะ ถือว่าเป็นหนังมาตรฐานทั่วไป สิ่งที่ต้องชมคือมุขตลกถูกแทรกมาได้อย่างพอดีจังหวะ แล้วก็เนื้อเรื่องไปได้ดีไม่มีขาดๆเกินๆ (ฮาตอนStan Leeถูกไล่จากงานแต่งงาน)

จะเสียตรงที่อารมณ์มันไม่ค่อยบีบคั้นคนดูเท่าที่ควร ถ้าเทียบกับSpider-3 ที่ผมว่าทำได้ดีกว่าในด้านนี้ (อาจจะเป็นเพราะว่า Spiderman เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับคนธรรมดาที่คนดูเข้าถึงง่ายกว่า 555+)

แต่ก็ไม่เสียดายตังค์อ่ะครับ ถือว่าAverageไป

ปล. เชื่อว่าถ้ามีภาคสาม The Thing จะต้องมีช่วงที่เสียพลังไปแน่ๆ ประเภท ตีกับวายร้ายอยู่แล้วตัวเองก็เสียพลังมนุษย์หินไปดื้อๆ น่าจะเป็นไปได้

คุณเป็นนักดูหนังที่น่าทึ่งมั่กมั่กครับ
อีกคนคือflimsick ขานั้นเขาเด็กแนวหน่อย

ชอบมุมดูหนังของเจ้าของบล็อกค่ะ

ชอบชื่อ login เจ้าของบล็อกด้วย (บอกเป็นครั้งที่ล้าน)

The Embalmer - หนังมา tense ในช่วงท้ายๆ แต่พล็อตคล้ายๆหลังหลายเรื่อง ประเภทความสัมพันธ์ของคนสามคนที่ต้องแตกร้าวเพราะความรัก

The Consequences of Love - ไดอะล็อกหนังมันไม่ยาก (ภาษาอังกฤษไม่หรูหราเกินจะแปล) แต่ว่าเราดันตามเนื้อเรื่องไม่ทันเอง 55+ แต่พอดูจบรู้สึกชอบหนังเรื่องนี้ขึ้นมาแบบไม่รู้สาเหตุ

Children of Men - เพิ่งดูจบไปสดๆ ร้อนๆ เมื่อกี้นี้เอง... ตอนมันลองเทคยาวๆๆๆๆนี่ขนลุกเลยอะ.. เฮียอัลฟองโซ่ป๋ามากๆ

+ [คุณ จขบ.] : เรื่องไฮสปีดเน็ตที่ว่านั่น ... เด๋วผมหลังไมค์หรือโทรไปคุยด้วยแล้วกันนะครับ หุๆ

+ ว่ากันถึงหนังใหม่ของฮอลลีวูดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถึงแม้ว่าจะเป็นอาทิตย์ที่รอหนังใหญ่ๆ โปรแกรมถัดไปอย่าง Transformer, Die hard 4.0 และ Harry-V เข้าฉายอยู่ ... แต่กลับมาหนังน่าสนใจอยู่หลายเรื่องเลยทีเดียว อาทิเช่น ...
* 1408 - หนังที่สร้างจากการขยายความเรื่องสั้นของสตีเฟน คิง ที่นักวิจารณ์หลายคนอ้างอิงไปที่เรื่อง The shining ซึ่งคงเพราะเป็นบรรยากาศในโรงแรมและเล่นในที่แคบๆ คล้ายๆ กัน ... แต่ผมกลับไปนึกถึงหนังอีกเรื่อง เพราะตัวนำคือคนเดียวกันได้แก่ John Cusack (ซึ่งเป็นอีกคนที่ผมว่าฝีมือการแสดงเค้าน่าเชื่อถือได้ในหนังแทบทุกเรื่องที่แสดง) ได้แก่เรื่อง Identity ที่เป็นหนัง Psycho/Thriller ที่ผมชอบมากอีกเรื่องหนึ่ง ...
คะแนนนักวิจารณ์ : 64/100 ; คะแนนจากคนดู : 7.2/10 (แต่แปลกตรงที่หลายคนให้คะแนนแบบ ถ้าไม่ใกล้เต็ม ก็ใกล้ศูนย์ไปเลย)
วันเข้าฉายเมืองไทย (จากเว็บเหลิมไทย ณ พันธุ์ทิพย์) : 16 สิงหาคม 2550
ความเห็นส่วนตัว : สำหรับผม ดูแน่นอน!

* Evan Almighty : คะแนนนักวิจารณ์ 37/100 ; คะแนนฝั่งคนดู 6.5/10 ... แบบนี้ก็แปลได้ว่าหนังห่วย แต่ดูได้เพลินๆ ว่างั้นเหอะ ?!?

* A mighty heart : หนังเกี่ยวกับการลักพาตัวและสังหารนักข่าวในปากีสถาน เรื่องนี้มันน่าสนใจตรงที่มี Angelina Jolie เป็นดารานำเดี่ยวอันโดดเด่นนี่แหละ
คะแนนนักวิจารณ์ : 74/100 ; คะแนนฝั่งคนดู 7.7/10
ความเห็นส่วนตัว : อืม ... น่าสนใจ แต่ต้องลุ้นว่าจะได้เข้าฉายในโรงเมืองไทยหรือไม่ ท่ามกลางกระแสหนังซัมเมอร์อันเชี่ยวกรากของปีนี้

+ ตอนนี้ผมเหลือหนังตกค้างแค่ หนังเทศกาลอิตาลีอีก 2 เรื่องที่ซื้อตั๋วไว้แล้ว กับที่อยากดูอีก 1 เรื่องคือ Arthur and the Minimoys (และอาจรวมถึงหนังเก่าที่เฮาส์อีก 2 เรื่อง) ... ส่วนหนังใหม่สัปดาห์นี้ Transformer ไม่ค่อยอยากดูเท่าไหร่ (อย่างที่บอกว่าหนังตัวอย่างมันดู เบ๊ย์ ... เบย์), Hula girls คิดว่าคงดู และ Priceless [Hors de prix] ถ้าจะน่าดูก็คงเป็นเพราะน้อง เอมิลี่ Audrey Tautou นั่นแหละครับ
... แต่เอ๊ะ! ในนสพ. ลงโปรแกรมเหมือนกับ Die Hard 4.0 ก็เข้าอาทิตย์นี้ด้วยนี่นา

+ หนังที่ได้ดูไปแล้ว :
* Fracture : ความรู้สึกผมคงอยู่ตรงกลางระหว่าง คุณ จขบ. กับน้องนาโนแฮะ ... คือไม่ได้รู้สึกว่าหนังมันน่าเบื่อเท่าไหร่ ดูตามได้เรื่อยๆ (ถึงแม้ผมจะไม่ค่อยชอบหนังแนว courtroom ก็ตาม) ... แต่พอถึงกลางๆ เรื่อง ก็ตงิดๆ ถึงวิธีการที่ลุงฮันนิบาลแกใช้หลอกล่อปั่นหัวพระเอกว่าแกซ่อนปืนได้ไง ... แล้วพอตอนจบก็ใช่จริงๆ ซะด้วยสิ ... แต่ถ้าดูเรื่องนี้ในประเด็นที่คุณ จขบ. พูดถึง ก็คงได้อีกความรู้สึกนึงอ่ะครับ (และเลยทำให้คุณ จขบ. ชอบเรื่องนี้ไปด้วย)

* Happy Endings : เนื้อเรื่องเปรี้ยวเยี่ยวราด นำเสนอความสัมพันธ์ที่มีทั้ง ชาย-หญิง / พี่-น้อง / แม่-ลูก (รึเปล่าหว่า?) / ชาย-ชาย / หญิง-หญิง / พ่อ -> หญิง <- ลูก(ที่เป็นเกย์) ฯลฯ ... โยงกันไปมาอีนุงตุงนังไปหมด กำกับโดย Don Roos จาก The opposite of sex และ Bounce ... แถมยังมีนักแสดง (อินดี้) ชื่อดังเพียบ แม็คกี กิลเล็นฮาล ได้รับบทถนัด (สาวใจแตก) อีกครั้ง และก็แสดงได้ดีเช่นเคย รวมทั้งคู่พี่น้องที่เป็นแกนกลางของเรื่อง อย่าง ลิซ่า คูโดรว์ กับ สตีฟ คูแกน (ที่ในเรื่องเป็นเกย์) ด้วย นักแสดงสมทบคนอื่นก็ทำหน้าที่ได้ดี
... เสียแต่ว่า ผมยังไม่รู้สึก 'จี๊ด' กับหนังมากเท่าที่ควรแฮะ ... และอีกอย่างมันมีสิ่งที่รบกวนโสตประสาทผมมั่กๆ ก็คือ การที่หนังใช้วิธีบรรยายเนื้อเรื่องยาวๆ ครึ่งหน้า แล้วมีภาพอีกครึ่งหน้าเนี่ยแหละ (บางทีก็ไปเร็วมาก จนอ่านตามไม่ทันง่ะ)

* [Ital. Fest.] Le Conseguenze dell’Amore [The Consequences of Love] ช่วงแรกๆ หนังมันอืดๆ แฮะ เลยตามเนื้อเรื่องไม่ค่อยทันคล้ายน้องนาโน เพิ่งจะมาจับใจความได้ว่าอะไรเป็นอะไรเอาช่วงท้ายๆ ... ก็งงๆ เหมือนกันว่าตาลุงคนนี้ (พระเอก) แกเป็นอะไรเหรอ ถึงต้องมานั่งทำอะไรซ้ำๆ ซากๆ ทุกวันเยี่ยงนี้ ... สำหรับผม อารมณ์ตอนดูหนังเรื่องนี้ส่วนนึงมันคล้ายๆ กับตอนดู The lives of others คือตอนแรกจากที่ไม่รู้อะไรเลย ก็ค่อยๆ ซึมลึกเข้าสู่ชีวิตตัวเอกเข้าไปเรื่อยๆ ... แต่อารมณ์ตอนดูจบ มันไม่ 'พีค' และ 'จี๊ด' เหมือนตอนดูเรื่องนั้นอ่ะครับ

เพิ่งดู The Last King of Scotland ไปครับ
(ช่วงนี้ยังกับเป็นช่วงเคลียร์หนังแผ่น ชอบดูตอนเช้ามืด เป็นไรไม่รู้ 555+)
หนังออกจะน่าเบื่อ แล้วก็ไม่ได้มุ่งเน้นที่จะบอกว่าอีดี้ อามินร้ายยังไง หรือแง่มุมอื่นที่ใครไม่รู้เกี่ยวกับอามินมีอะไรบ้าง เพราะว่าเรื่องการเมืองหรือประวัติศาสตร์ในยูกันดาของยุคอามินก็เอามาแซมๆ นิดๆหน่อยๆ ให้เราพอลุ้นว่าเมื่อไหร่ไอ้หมอฝรั่งจะตาสว่างเสียทีว่าอีดี้ อามินมันไม่ใช่คนดีอย่างที่เอ็งคิด

Forest Whitaker เล่นได้ดีจริงอยู่ แต่ในบรรดาผู้เข้าชิง 4 จาก 5 คน (รอดู Ryan Gosling จาก Half Nelson อยู่แต่ไม่เข้าเสียที) ผมกลับชอบ Peter O'Toole จาก Venus มากกว่า (แผ่นออกแล้ว กรี๊ดๆ จะไม่มีเงินซื้ออยู่แล้ว กรี๊ดๆ) เพราะถ้าเทียบระหว่าง "คิง" กับ "ควีน" ที่ได้รางวัลมาจากบทคนในโลกแห่งความเป็นจริงทั้งคู่ แม้ว่า Helen Mirren จะไม่ได้ดูเหมือนควีนมากเท่าไหร่ แต่ผมกลับเชื่อว่าเธอเป็นควีน มากกว่าเชื่อว่าฟอเรสต์เป็นอีดี้ อามิน

ได้ดู พี่บักอึดตายยาก แล้ว อยากบอกว่า...มันส์โคตรๆ สนุกโคตรๆ และก็เครียดโคตรๆ แบบว่า
สถานการณ์โหดๆแต่ละอย่างพี่จอห์นท่านผ่านมาได้ไงเนี่ย ถ้าเป็นผมไม่มีทางอยู่รอดถึงตอนจบเป็นแน่

ใครว่า ป๋าบรู๊ซ แก่แล้วจะแก่เลย เห็นมาด จอห์น แมคเครนอีกครั้ง แล้วคงต้องถอนคำพูด ...ป๋าแกยังระห่ำเลือดพล่านเหมือนเคย กระชากความแก่ซะไม่เหลือซาก (พูดเรื่องแก่ก็นึกถึง ป๋าแฮริสัน ฟอร์ด ขึ้นมาตะหงิดๆ เห็นภาพแกเป็นอินเดียน่า โจนส์ อีกครั้ง ของแกแล้ว ก็ยิ่งหวั่นใจกันเข้าไปใหญ่)

ผมชอบมากครับ แต่ก็ยังคงประทับใจภาคแรกมากที่สุด ...

ขอรับรองเป็นหน้าม้าได้ว่าคุณผมอยู่ฯ ดูแล้วต้องชอบ (ตัวอย่างที่ว่าสุดยอดแล้ว เห็นของจริงกะตายิ่งยอดไปกว่านั้น) ...ส่วนใครที่เป็นแฟนเดนตายของ Die Hard กันมา รับประกันว่าไม่มีผิดหวังแน่แท้ เลยครับ

ปล. Tranformer วันอาทิตย์นี้ เจอกันแน่

^
^
+ อุๆ เห็นน้อง OncE มาโฆษณา 4.0 ไว้เยี่ยงนี้แล้ว ทำให้ยิ่งอยากดูขึ้นมาบัดเดี๋ยวนี้เลยทีเดียว แต่มันมีแต่รอบพิเศษหลัง 2 ทุ่มอ่ะดิคับ ยังจัดสรรเวลาไม่ค่อยได้อ่า สงสัยต้องรอรอบปกติ ... ส่วน Ratatouille ด้วยความสร้างสรรค์ของป๋าแบรด เบิร์ดผนวกกับพลังจาก Pixar ทำให้คะแนนสูงจนชนเพดานเลยทีเดียว (นักวิจารณ์ 94/100 , คนดู 9.1/10) ทั้งๆ ที่หนังตัวอย่างก็ดูเป็นอนิเมชั่นที่ออกอารมณ์ดราม่าตามสูตรด้วยซ้ำไป ... แบบนี้ต้องมีดีอะไรอยู่ในเนื้อเรื่องแน่เลยเนี่ย

+ หนังเทศกาลอิตาลี ที่ดูไปแล้วอีก 2 เรื่อง :
* Nuovomondo [Golden Door] - เป็นเรื่องของครอบครัวจากอิตาลี ที่ขนกันไปทั้งครอบครัวร่วมสิบกว่าคนเพื่อไปตั้งรกรากในอเมริกา ในยุคเพิ่งเปิดประเทศ ซึ่งตัวเอกมีแค่ 4 คน คือพระเอกที่เป็นหัวหน้าครอบครัวด้วย, แม่ของเค้า และลูกชายอีก 2 คน (คนเล็กมีอาการ "ไม่พูด") ... และพอดีมีสตรีสูงศักดิ์นางหนึ่ง (ชาร์ล็อต แกงส์บูร์ก นางเอกจาก Lemming - และเธอเป็น 1 ในเหตุผลที่ทำให้ผมและน้องนาโน ตัดสินใจดูหนังเรื่องนี้ แต่เธอไม่สวย (และไม่หลอน) เท่าเรื่องนั้นแฮะ) ต้องการคนที่จะแต่งงานด้วย เพื่อเข้าอเมริกาเช่นกัน ทำให้เธอตัดสินใจติดสอยห้อยตามครอบครัวนี้ไปด้วย
... มีฉากเซอร์เรียลในบางตอน โดยเฉพาะฉากแหวกว่ายใน "ทะเลน้ำนม" 2 ครั้ง ตอนกลางและตอนจบ ... แต่ที่แน่ๆ คือ หนังนำเสนอได้ชวนง่วงนอน และติดจะอืดๆ น่าเบื่ออยู่พอสมควร (อย่างเช่นช่วง ตม. แต่ละขั้นตอนกว่าจะผ่านไปได้ ) ... ก็จัดว่าน่าผิดหวังสำหรับผมอ่ะครับ (ขนาดใช้เป็นหนังเปิดเทศกาลนะเนี่ย) ... อ้อ แต่ก็มีฉากขำๆ อยู่ฉากหนึ่ง เป็นตอนที่ถ่ายรูปที่ ตม.ฝั่งอิตาลี เลยได้เป็นรูปนี้มาแฮะ




* L’Imbalsamatore (The Embalmer) - นักสต๊าฟสัตว์ที่ "แคระ" กว่าปกติ ชักจูงหนุ่มหล่อให้ไปเป็นลูกมือของเขา โดยในใจลึกๆ แอบพิศวาสเจ้าหนุ่มคนนี้อยู่ (คาดว่าคงเป็นไบฯ เพราะมีฉากยุ่งกับผู้หญิงด้วย) ... ไปๆ มาๆ ก็มีสาวสวยอีกนางมาเกี่ยวข้อง และเรื่องเลยเถิดจนถึงขั้น 'เบนโล' ... ทั้งคู่จึงบอกลานักสต๊าฟสัตว์ (embalmer = นักดองศพ) ซึ่งก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะตีจาก ... จึงนำมาซึ่งเหตุการณ์ทริลเลอร์ในช่วงท้าย
... เรื่องนี้นำเสนอด้วยอารมณ์ยุโรป (นิ่งๆ เนิบๆ) และเป็นรัก 3 เส้าพิศวาสฆาตกรรมแบบแปลกๆ ... แต่เสียดายที่หนังน่าจะเอาความเป็นนักดองศพของคนแคระมาใช้ให้เกิดประโยชน์มากกว่านี้ มันเลยดูธรรมดาๆ ไปหน่อยอ่ะครับ

Golden Door ผมชอบช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายครับ
แต่ว่า 1 ชั่วโมงแรกเล่นเอาผมคอพับคออ่อน ทั้งที่คืนก่อนก็นอนมาเต็มอิ่ม (สภาพเหมือนตอนดู Invisible Waves)

แวะเข้ามาเยี่ยม จขบไม่อยู่ ทักคุณบลูและเพื่อนๆ
แทนก็แล้วกันนะคะ โชคดีค่ะ

วันนี้บังเอิญมีเวลาว่างหลังเรียนพอดี ...เลยได้ไปถอยรถบับเบิลบี ดูหนัง ไมเคิล เบย์ ที่แทบทุกคนว่ากันว่าดีที่สุดในเครดิตของพี่ท่าน เรียบร้อย

และก็จริงอย่างที่เขาว่า Transformer สมควรจะเป็นหนังที่ได้ออสการ์ไปเลย เมื่อเทียบกับหนังบู๊แหลกล้างผลาญทั้งหมด ที่เคยร่วมทำกับคู่บุญ(เก่า) เจอร์รี่ บรั้คไฮเมอร์ มา

แม้ผมจะไม่ค่อยผูกพันมากมายอะไรกับหุ่นทั้งหลายแหล่ที่คนมีอายุหลายๆคนเขาเคยคุ้น ...แต่ผมก็รู้สึกอินกับพี่หุ่นอย่างมากมายเลย ชอบพี่หุ่นฝ่ายดีทุกๆตัว แต่ที่เป็นพิเศษก็ หัวหน้า "เชพติมัส ไพร์ม" และ "บับเบิลบี" ...ตัวแรก โคตรเท่ห์ ตัวหลัง โคตรน่ารัก ...ส่วนฝ่ายร้าย แอบติดใจ ไอ้วิทยุมือถือ ที่แสบสะดิ้งสุดๆ (แถมกลับขโมยซีนมีบทบาทมากกว่าพี่หุ่นเมกกะตรอน หัวหน้าฝ่ายร้ายซะอีก)

สรุปสั้นๆว่า มันส์ไม่มีเม้ม เข้มข้นฉากบู๊(แบบฉบับป๋าเบย์) มีมุขตลกแพรวพราว และแถมด้วยความซึ้งเล็กๆ ชวนประทับใจ ...ขอยกให้เป็นหนังแอ๊คชั่นยอดเยี่ยมประจำปีนี้ไปเลยครับ

ปล. อยากดู Priceless แต่ทว่า ช่วงนี้ไม่ว่างพอจะไปแถวสยามได้เลยอ่า
ปล.สอง ...ถึงจะอยากดูหนัง ปล.หนึ่งก็ตาม แต่สุดท้าย ก็เชื่อว่า เรื่องต่อไปที่จะได้ดูของผม ก็คือพ่อมดน้อย ภาคห้าอย่างแน่นอน

แวะเข้ามาอ่าน..มาทักทายค่า

เพิ่งเข้ามาและจะเข้ามาดูบ่อยๆ

Hula Girls กรี๊ดกร๊าดแม่หนูยูจัง กับคุณครู มากๆ
น้ำตาไหลเป็นปี๊บเหมือนตอนดูมัตสึโกะ แต่ว่าชอบมัตสึโกะมากกว่านิดหน่อย ^^

โชคดีในการสอบนะครับ

เก่งมากครับ

ทารก,ครรภ์,รูปเด็ก,เพลงเด็ก