Group Blog
 
<<
เมษายน 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
18 เมษายน 2550
 
All Blogs
 

จอมจักรพรรดิ์ ฮั่นอู่ตี้ ภาค 1 - ตอนที่ 24


สารบัญ | ตอนที่แล้ว | ตอนถัดไป

《ต้าฮั่นเทียนจื่อ #24》


ตีพิมพ์ครั้งแรก : 28 พฤษภาคม 2550 / ปรับปรุงแก้ไข :



“ในวันนั้นไม่มีคนอื่นอีก มีแค่พวกเราสองคน” เนี่ยนหนูเจียวบอก

“แต่พยานที่เห็นเหตุการณ์(在场的人)ในวันนั้น ทุกคนล้วนยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า มีด้วยกันทั้งหมดสี่คน”

“อีกสองคนนั้น ข้าไม่รู้จัก”

“ไม่รู้จักกัน แต่เข้ามาก่อเหตุพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายกัน(不约而同)อย่างนั้นนะหรือ”

“โลกนี้กว้างใหญ่ ทำไมจะมีเรื่องบังเอิญเช่นนี้เกิดขึ้นไม่ได้(难免凑巧)”

“เราก็ได้บอกไปแล้วนี่ว่า ยังไงเราก็จะไม่เพิ่มโทษให้กับเจ้า” อ๋องเหลียงตรัสถามย้ำอีกครั้งว่า “ใช่คนของไท่จื่อหรือไม่”

“ข้าก็ได้บอกไปแล้วเหมือนกันว่า ข้าไม่รู้จริงๆ” เนี่ยนหนูเจียวยืนยันคำเดิม

อ๋องเหลียงยังคงพยายามเกลี้ยกล่อม “แม่นางหยวน หวงตี้องค์ปัจจุบันยังมีพระชนม์ชีพอยู่ ไม่มีทางที่จะทรงยอมพลิกคดีกลับคำตัดสินให้พ่อของเจ้าพ้นจากข้อกล่าวหาเป็นแน่ อีกทั้งไท่จื่อเอง ในอนาคตเมื่อได้ขึ้นครองราชย์ก็คงจะไม่คัดค้านกลับคำตัดสินของเสด็จพ่อของเค้าหรอก เจ้าไม่เห็นจะต้องไปปิดบัง(遮掩)แทนพวกเค้าเลย ขอเพียงแค่เจ้ารับสารภาพว่าเป็นคนของไท่จื่อ เราก็จะปล่อยเจ้าไปทันที เพื่อให้เจ้าไปรักษาบาดแผล”

“ในเมื่อท่านอ๋องบอกว่าข้าไม่มีความผิดแถมยังมีความดีความชอบ ทำไมถึงไม่ปล่อยข้าให้เป็นอิสระ(释放)ในทันที ทำไมถึงไม่รักษาบาดแผลให้ข้าในตอนนี้ แล้วทำไมจะต้องให้ข้ารับสารภาพว่าคนพวกนั้นเป็นคนของไท่จื่อด้วยล่ะ”

“เจ้า..”

“ท่านอ๋อง ฐานะ(身份)ของท่านทั้งสูงส่งทั้งมีเกียรติเป็นที่เคารพ จำเป็นจะต้องมาหลอกใช้(欺骗)ผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างข้าที่ใกล้จะตาย(死到临头)ด้วยหรือ”

ได้ฟังปุ๊บอ๋องเหลียงก็บันดาลโทสะตบโต๊ะดังปัง “เจ้าก็เหมือนกับพ่อของเจ้า” ตรัสเสร็จก็ลุกหนีเดินออกไปข้างนอก ออกไปดีดพิณคลายความโมโหอยู่ที่สวน

หลิวอี้รีบเข้ามากล่อมเนี่ยนหนูเจียวหยวนเฟิงอี๋ เจ้าจะรับหรือไม่รับ หากเจ้าไม่รับ จะมาโทษว่าข้าไม่ทะนุถนอมไม่อ่อนโยน(怜香惜玉)ต่อเจ้าไม่ได้นะ”

ขณะที่อ๋องเหลียงกำลังดีดพิณอยู่นั้น เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของเนี่ยนหนูเจียวที่ถูกทรมานด้วยเครื่องบีบนิ้วมือก็ดังลอยมาประสานกับเสียงของพิณ

“จะรับหรือไม่รับ ว่าสองคนนั้นเป็นใคร” หลิวอี้เอ่ยถาม

“ทหารหรือไม่ก็ขุนพลจากแดนสวรรค์(天兵天将)มั๊ง”

“พูดได้สวยนี่” จากนั้นก็บอกให้นายทหารออกแรงทรมานบีบนิ้วมือของเนี่ยนหนูเจียวเข้าไปอีก จนเนี่ยนหนูเจียวทนเจ็บปวดไม่ไหวถึงกับหมดสติไป ส่วนทางด้านชิวฉานก็ถูกหลิวอี้สั่งให้ทรมานด้วยเครื่องบีบนิ้วมือจนหมดสติไปด้วยเช่นกัน





สายพิณที่อ๋องเหลียงกำลังบรรเลงอยู่เกิดขาดขึ้น หลิวอี้ก็เข้ามารายงาน “เรียนท่านอ๋อง ไม่ยอมเปิดปากรับสารภาพทั้งสองคนเลยครับ”

“ปากแข็ง(铁嘴钢牙)ด้วยกันทั้งคู่อย่างนั้นเชียวหรือ งั้นเจ้าจงไปติดประกาศ(告示) ว่าจะมีการเปิดศาลไต่สวน”




ชาวบ้านต่างพากันมามุงดูอ่านประกาศจากทางการที่ติดไว้ว่าจะมีการเปิดศาลไต่สวนตัดสินโทษประหารชีวิตของนักโทษสองรายก็คือเนี่ยนหนูเจียวกับชิวฉาน หลี่หลิงกับก้วนฟูหลังจากที่อ่านเสร็จแล้วก็แยกตัวออกมาจากกลุ่มชาวบ้าน

“ไม่ได้การแล้วล่ะ ข้าจะต้องไปแทนนาง ข้าจะต้องไปมอบตัว(自首)” หลี่หลิงเอ่ยอย่างร้อนใจ

“หากเจ้าไปแทนชิวฉาน แล้วข้าจะไปอธิบายกับจิ่วเกอยังไง”

“ท่านก็ไปแทนเนี่ยนหนูเจียวสิจะได้หมดเรื่อง” หลี่หลิงเอ่ยตอบอย่างพาลๆ

“พูดจาเหลวไหล เราสองคนจะยื่นคอไปให้พวกเค้าตัดได้อย่างไร ถ้าจะตายแทนก็ควรจะตายแทนจิ่วเกอสิ”

“ถ้างั้นชิวฉานจะทำยังไงล่ะ ท่านไม่รู้หรอกว่านางดีกับข้ามากแค่ไหน”

จากนั้นทั้งสองก็เดินคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนมาถึงที่ร้านของตงฟางซั่ว

“ท่านทั้งสอง ตั้งแต่จากกันครั้งที่แล้วหวังว่ายังคงสบายดีอยู่นะ(别来无恙)” ตงฟางซั่วที่กำลังง่วนกับการเขียนบทความอยู่ได้เอ่ยทักขึ้น จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาถาม “มีอะไรจะให้ข้าช่วย(效劳)ไหม”

ก้วนฟูรีบเดินเข้าไปถาม “ท่านซินแส ท่านช่วยทำนายให้น้องของข้าทีสิ ดูสิว่าชิวฉานของเค้าจะมีชีวิตรอดหรือเปล่า”

หลี่หลิงท้วงขึ้นมาว่า “ยังจะต้องทำนายอะไรอีก ประกาศก็ติดไว้แล้ว ว่ามีชีวิตถึงพรุ่งนี้เท่านั้น”

ก้วนฟูรีบยกมือห้าม “ก็ลองให้ท่านซินแสทำนายดูก่อน หากทำนายออกมาแล้วว่าชีวิตของนางจะต้องเป็นเช่นนี้ เจ้าจะมากังวลจนเป็นทุกข์ใจไปก็ไม่มีประโยชน์”

ตงฟางซั่วรีบเอ่ยกับหลี่หลิง “ยังไงเจ้าก็ช่วยอุดหนุนข้าหน่อยละกัน วันนี้สามคำทำนายของข้ายังเหลืออีกหนึ่ง”

“ถ้าอย่างนั้นท่านซินแสจะต้องทำนายออกมาให้นางรอดนะ ไม่อย่างนั้นข้าไม่จ่ายเงินให้ท่านด้วย” หลี่หลิงบอก

ก้วนฟูหยิบเงินออกมาจากชายเสื้อแล้วเอ่ยกับตงฟางซั่วว่า “วันนี้ไม่ว่าผลการทำนายออกมาจะรอดหรือไม่รอด ข้าก็จ่ายเงินให้ท่าน” พูดจบก็วางเงินไว้บนโต๊ะ

“ถ้างั้นท่านช่วยบอกอักษรมาล่ะกัน” ตงฟางซั่วเอ่ยพร้อมกับยื่นพู่กันให้หลี่หลิง

“เขียนตัวอักษรอะไรดีล่ะ” หลี่หลิงนึกไม่ออก

ก้วนฟูเลยช่วยเสนอ “เจ้าอยากจะช่วยใคร เจ้าก็เขียนชื่อคนนั้นสิ”

ชิวฉาน

“งั้นเจ้าก็เขียนตัวอักษร (ชิว)เลยสิ”

“แต่ข้าให้ทำนายตัวอักษร 嬋(ฉาน)ดีกว่า” พูดเสร็จหลี่หลิงก็เขียนตัวอักษรของคำว่าฉานลงไปบนกระดานไม้

เมื่อเขียนเสร็จตงฟางซั่วก็เริ่มให้คำทำนาย “ตัวอักษร (ฉาน) ทางด้านซ้ายประกอบด้วยตัวอักษร (หนี่ว์)ที่หมายถึงผู้หญิง ส่วนด้านขวาก็คือตัวอักษร (ตัน)ที่หมายถึงคนเดียวหรือโดดเดี่ยว ซึ่งก็น่าจะเป็นผู้หญิง เจ้าว่าอย่างงั้นไหม”

“ท่านมัวพล่ามอะไรอยู่อ่ะ” หลี่หลิงเอ่ยอย่างคนใจร้อน

ก้วนฟูเลยต้องบอกตงฟางซั่วว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิง เค้าก็คงไม่แสดงอาการแบบนี้”

“ผู้หญิงอยู่ตัวคนเดียว แน่นอนย่อมมีอันตรายไม่ปลอดภัย ข้างบนของตัวอักษร (ตัน) มีตัวอักษร (โค่ว) ที่หมายถึงปากอยู่สองตัว ข้างล่างก็ยังมีอีกสี่ตัว ตั้งแต่หัวจรดเท้ามีอักษรปากอยู่มากมาย นั่นหมายถึงว่าเวลาเกิดเรื่องขึ้นก็จะพูดอะไรออกไปได้ไม่รู้เรื่องไม่ชัดเจน”

“ความหมายของท่านก็คือ นางต้องตายแน่นอนอย่างนั้นหรือ” หลี่หลิงเอ่ยถาม

“ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งใจร้อนวู่วาม อักษรที่อยู่ด้านข้างของตัวอักษร (หนี่ว์) นั้นจะว่าไปแล้วก็ยังมีความหมายแฝงอีกนัยหนึ่ง(玄机) พวกเจ้าดูสิ ด้านขวาของตัวอักษร (หนี่ว์) หากเติมอักษร (จื่อ)ลงไป ก็จะกลายเป็นตัวอักษร (ห่าว)ที่แปลว่าดี อักษร (จื่อ)ตัวนี้ก็อาจจะหมายถึงผู้ชาย เช่น 孔子(ขงจื่อ) 孟子(เมิ่งจื่อ) 墨子(หม้อจื่อ) พวกเค้าเหล่านี้ล้วนเป็นปราชญ์ที่ยิ่งใหญ่ไม่ใช่หรือ”

ก้วนฟูเอ่ยแทรกขึ้นว่า “แต่ว่าท่านซินแส พวกเค้าเหล่านั้นล้วนตายไปหมดแล้วนี่”

“เจ้าว่าอย่างงั้นนะหรือ” ตงฟางซั่วตอบแล้วมองไปที่หลี่หลิง จากนั้นก็หยิบเงินขึ้นมาดูแล้วพูดว่า “ความลับสวรรค์นั้นดูเหมือนจะลึกลับซ่อนเร้น(天机玄妙) แต่ทั้งหมดก็อยู่ที่การตีความของตนเอง น้องชาย ลองค่อยๆทำความเข้าใจ(体会)เอาเองนะ” พูดจบก็เก็บเงินใส่กระเป๋า

ก้วนฟูลองตีความโดยพูดออกมา “จื่อ(子)...ไท่จื่อ(太子)ก็มีอักษรจื่อ(子)” ทั้งสองหันมามองหน้ากันแล้วหลี่หลิงก็เอ่ยออกมาว่า “ใช่แล้ว ไท่จื่อ”




“ไหนว่าท่านอาของข้ามาถึงแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงยังไม่มีข่าวคราวอะไรเลยล่ะ” ไท่จื่อรำพันกับกัวเส่อเหริน

“นั่นนะสิ หรือว่าข่าวที่ข้าได้ยินมาเป็นเรื่องไม่จริง” กัวเส่อเหรินก็ชักไม่แน่ใจเหมือนกัน

ทันใดนั้นก็มีเสียงเรียกจากทางด้านบน “จิ่วเกอ พี่กัว ข้าเองนะ”

ทั้งสองเงยหน้าขึ้นไปมองตามเสียงเรียกแล้วเอ่ยอย่างดีใจ “หลี่หลิง

จิ่วเกอ งั้นข่าวที่ข้าได้ยินมาก็ไม่ผิดใช่ไหม” กัวเส่อเหรินหันไปบอกกับไท่จื่ออย่างดีใจ “หลี่หลิงมารับพวกเราแล้วล่ะ”

หลี่หลิงที่ปลอมตัวมาในชุดทหารได้เอ่ยขึ้นว่า “จิ่วเกอ อันที่จริงอ๋องเหลียงมาถึงเมืองเยี่ยนชื่อแล้วล่ะ แต่ว่าเค้ากับหลิวอี้เป็นพวกเดียกัน”

“ไม่จริงหรอกมั๊ง เค้าเป็นอาแท้ๆของข้านะ” ไท่จื่อบอก

“จริงด้วย” กัวเส่อเหรินส่งเสียงสนับสนุน

“ทำไมท่านถึงไม่เชื่อนะ รู้ไหมพอเค้าถึงเยี่ยนชื่อปุ๊บ ก็สั่งจับเนี่ยนหนูเจียวกับชิวฉานเลยทันที พรุ่งนี้ก็จะประหารแล้ว”

“เพราะอะไร” ไท่จื่อเอ่ยถาม

“เพื่อที่จะช่วยเหลือพวกท่าน พวกนางสองคนก็เลยฆ่าเจ้าเมืองเยี่ยนชื่อตาย”

“พระเจ้าช่วย จอมยุทธ์หญิง(女侠)หรือนี่ จิ่วเกอ พวกนางเป็นจอมยุทธ์หญิงล่ะ” กัวเส่อเหรินเอ่ยขึ้นอย่างแทบไม่เชื่อในสิ่งที่ตนเองได้ยิน

จิ่วเกอ รีบหาทางช่วยพวกนางเร็วๆเข้าเถอะ” หลี่หลิงเอ่ย ส่วนไท่จื่อได้แต่ยืนอึ้งคิดอะไรไม่ออก

จิ่วเกอ มีคนมา” พูดเสร็จหลี่หลิงก็รีบออกไปจากที่ตรงนั้น

ทหารยามสองสามนายเดินมาตรวจตราความเรียบร้อย ทหารนายหนึ่งส่องผ่านลูกกรงไปข้างล่างก็เห็นไท่จื่อกับกัวเส่อเหรินนั่งหลับอยู่จึงหันไปบอกเพื่อนทหารด้วยกันให้ระมัดระวัง เฝ้าเวรยามอย่างเข้มงวด

จิ่วเกอกัวเส่อเหรินเห็นไท่จื่อหลับตานิ่งเงียบไม่พูดอะไรสักคำจึงสะกิดเรียก แต่เมื่อเห็นไท่จื่อยังคงนิ่งเฉยๆจึงเอ่ยต่อไปคนเดียวว่า “ท่านคิดซะว่า ก็แค่สาวที่งามที่สุด(绝代佳人)คนหนึ่ง ถึงคราวจะต้องล้มหายตายจาก(香消玉殒)ไปก็แล้วกันนะ เฮ้อ ที่แท้ก็เป็นดั่งคำกล่าวที่มีมาแต่โบราณว่า สาวงามมักโชคร้ายและตายเร็ว(红颜薄命)”

“เจ้าได้ยินที่หลี่หลิงบอกหรือเปล่า นางทำเพื่อช่วยข้า นางทำเพื่อช่วยข้า”

“งั้นก็ยิ่งเป็นคนที่น่ายกย่องนะสิ จิ่วเกอ บนโลกใบนี้สิ่งที่คนเรารับได้ยากก็คือความกรุณาจากสาวงาม ยิ่งไปกว่านั้นนางยอมเสี่ยงอันตราย(铤而走险)ยอมเสียสละตนเองเพื่อช่วยเหลือ เฮ้อ อย่าว่าแต่ท่านเลย แม้แต่ข้ากัวเส่อเหรินฟังแล้ว ก็ยังกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่”

“ทำยังไงดี จะทำยังไงดีล่ะทีนี้”

“พวกเราในตอนนี้จะทำอะไรได้ล่ะ ขนาดพวกเราเองก็ยังเอาตัวไม่รอดเลย ก็คงทำได้เพียงแต่...ใช้ดินแทนธูป(拈土为香)กราบไหว้ดวงวิญญาณให้ไปสู่ที่ชอบๆ”

“วิญยงวิญญาณอะไรกัน นางยังไม่ตายสักหน่อย”

“แต่ว่า นางมีชีวิตอยู่ได้ถึงแค่ค่ำนี้เท่านั้น ยังจะมีอะไรช่วยนางได้อีกล่ะ”

“ข้าไม่เชื่อหรอกว่า ไท่จื่ออย่างข้า จะช่วยหญิงที่ข้ารักไม่ได้ ข้าจะต้องช่วยนาง”

จิ่วเกอ ท่านคงไม่คิดจะเปิดเผยฐานะของตนเองหรอกนะ”

“เรื่องมาจนถึงป่านนี้แล้ว ยังจะปิดไว้ได้อีกเหรอ”

“ไม่ได้นะ จิ่วเกอ หากท่านทำอย่างนี้ล่ะก็ กลับฉางอันเมื่อไรมีหวังไม่รอดแน่ๆ”

“อย่างมากก็แค่โดนเสด็จพ่อว่า แต่ยังไงก็ยังมีเสด็จย่าท่านคอยคุ้มครองข้าอยู่ หากเหล่าขุนนางในราชสำนักจะหัวเราะเยาะ ก็ปล่อยให้พวกเค้าหัวเราะเยาะไป ข้าไม่เชื่อหรอกว่าแค่การหนีเรียนเพียงครั้งเดียวแล้วจะทำให้ไม่ได้เป็นไท่จื่อ” พูดจบไท่จื่อก็ลุกขึ้นยืนแล้วกระโดดตะโกนเสียงดัง “มีใครอยู่บ้าง ข้าต้องการพบอ๋องเหลียง ได้ยินหรือเปล่า ข้าต้องการพบอ๋องเหลียง

จิ่วเกอ ท่านตะโกนอย่างนี้ไม่มีประโยชน์หรอก ยังไงก็ไม่มีคนได้ยิน ท่านขี่หลังข้าดีกว่า ข้าจะแบกท่านเอง”

“เจ้าจะแบกไหวเหรอ”

“ไหวสิ หลายวันมานี้ข้าแบกจนชินซะแล้วล่ะ ท่านขี่หลังข้าดีกว่า” พูดจบก็ย่อตัวลง

ไท่จื่อปีนขึ้นไปยืนบนไหล่ของกัวเส่อเหรินแล้วเอื้อมมือเกาะลูกกรงตะโกนเสียงดังว่า “ข้าคือไท่จื่อ ข้าคือไท่จื่อหลิวเช่อ ข้าต้องการพบอ๋องเหลียง รีบปล่อยข้าออกไปเร็วๆ แล้วข้าจะตบรางวัลให้อย่างงาม”

ทหารนายหนึ่งเดินเข้ามาถาม “เป็นไร เจ้าบ้าหรือเปล่า”

“เจ้านะสิบ้า ข้าคือไท่จื่อหลิวเช่อ ข้าเป็นโอรสของหวงตี้ รีบปล่อยข้าออกไปเดี๋ยวนี้ แล้วข้าจะละเว้นโทษพวกเจ้า”




“เค้าบอกว่าเค้าเป็นไท่จื่อ เค้าต้องการขอพบท่านอ๋อง” นายทหารเข้ามารายงานต่อหลิวอี้

“ไท่จื่อรึ” หลิวอี้เอ่ยแล้วหันไปทางอ๋องเหลียง

อ๋องเหลียงรีบตรัสบอกนายทหารว่า “ไม่ต้องไปฟังคำพูดจาเหลวไหลของเค้า ตอนที่เราออกจากวังมา ไท่จื่อยังทรงเรียนหนังสืออยู่ในวังอยู่เลย แล้วจะมาอยู่ที่เมืองเยี่ยนชื่อได้อย่างไรกัน ไท่จื่อทรงมีวิชาแยกร่างได้อย่างงั้นหรือ”

หลิวอี้รีบกำชับนายทหาร “แล้วเจ้าอย่าเอาไปพูดเหลวไหลเข้าล่ะ ที่เค้าพูดมานั้นไม่เป็นความจริงเลยสักนิดเดียว”

“ครับ”

อ๋องเหลียงตรัสย้ำกับนายทหาร “หากใครบังอาจเอาเรื่องไม่จริงเช่นนี้ไปพูดต่อ(以讹传讹)ล่ะก็ จะโดนลงโทษตัดคอ”

“ครับ” นายทหารรับคำเสร็จก็เดินล่าถอยออกไป

หลิวอี้หันไปถามอ๋องเหลียง “ท่านอ๋อง จะปล่อยให้เรื่องเลยตามเลย(将错就错)อย่างนี้หรือ”

“เจ้าทำให้เรื่องวุ่นวาย(天翻地覆)ซะแล้วล่ะ หากเป็นไท่จื่อตัวจริงล่ะก็ หลิวอี้ เจ้าลองคลำดูหัวของเจ้าสิว่าจะยังอยู่บนบ่าของเจ้าอีกหรือไม่”

“แต่..แต่ว่า ทางราชสำนักจะไม่สืบสวนอะไรเลยหรือ”

“ในเมื่อเราไม่สืบ ไท่โห้วก็ไม่สืบ แล้วใครมันจะมาสืบสวนล่ะ”

“ก็ไท่จื่อมาหายตัวไร้ร่องรอย(无影无踪)ไปอย่างกระทันหันแบบนี้ หวงตี้จะไม่ทรงถามอะไรเชียวหรือ”

“หวงตี้ประชวรหนัก(病危) เกรงว่าหากจะทรงถามก็คงถามไม่ไหวแล้วนะสิ”

“ถ้าอย่างงั้น แผ่นดินนี้ก็ต้องตกเป็นของท่านอ๋องแล้วนะสิ”




“ข้าคือไท่จื่อ พวกเจ้ารีบมาปล่อยตัวข้าออกไปเดี๋ยวนี้นะ พวกเจ้ามาช่วย(救驾)ข้าที แล้วข้าจะมีรางวัลให้ ข้าจะแต่งตั้งพวกเจ้าเป็นขุนนาง ข้าคือไท่จื่อ ข้าจะมีรางวัลให้ พวกเจ้ามาช่วยข้าที ปล่อยข้าออกไป แล้วข้าจะแต่งตั้งพวกเจ้าเป็นขุนนาง ข้าคือไท่จื่อ พวกเจ้ารีบปล่อยข้าออกไปเดี๋ยวนี้ พวกเจ้าช่วยข้าที แล้วข้าจะแต่งตั้งพวกเจ้าเป็นขุนนาง” ไท่จื่อเกาะลูกกรงตะโกนจนเหนื่อยเสียงแหบเสียงแห้งพูดซ้ำไปซ้ำมาก็ยังไม่มีนายทหารคนใดสนใจให้ความช่วยเหลือ




เอาละสิ แผนของอ๋องเหลียงล้ำลึกจริงๆ ไท่จื่อเองก็เอาตัวเองยังไม่รอด แล้วใครจะช่วยเนี่ยนหนูเจียวกับชิวฉานได้ละนี่ ติดตามอ่านต่อได้ในครั้งหน้า




 

Create Date : 18 เมษายน 2550
1 comments
Last Update : 16 ตุลาคม 2550 15:44:12 น.
Counter : 2277 Pageviews.

 

ลุ้นอ่ะไท่จื่อสู้ๆ

 

โดย: Nuvan IP: 124.157.128.72 1 มิถุนายน 2550 13:22:51 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


WangAnJun
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add WangAnJun's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.