Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2550
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
7 พฤษภาคม 2550
 
All Blogs
 
《ต้าฮั่นเทียนจื่อ 3》 ตอนที่ 6

สารบัญ | ตอนที่แล้ว | ตอนถัดไป

ตีพิมพ์ครั้งแรก : 15 มิถุนายน 2550 / ปรับปรุงแก้ไข :

แปลโดย : WangAnJun


จอมจักรพรรดิ์ ฮั่นอู่ตี้ ภาค 3 - ตอนที่ 6


ฉางอันเค่อจ้าน(长安客栈) โรงเตี๊ยมที่เป็นสถานที่พักแรมของหมอดูจอมเจ้าเล่ห์ที่มีนามว่าเจียงชง



หลี่ฉางเซิงเพื่อนของเจียงชงเอ่ยขึ้นว่า “ เหล่าเจียง ข้าจะบอกอะไรเจ้าให้ ได้ยินแล้วเจ้าอาจจะต้องเสียใจไปชั่วชีวิต เจ้ารู้หรือเปล่าว่าคนที่เจ้าเพิ่งจะปฏิเสธไปนั้นเค้าเป็นใคร ”

เจียงชงที่กำลังล้างมืออยู่ในอ่างน้ำได้เอ่ยขึ้นว่า “ ยิ่งตื้อมากเท่าไรแล้วไม่ขาย ก็ยิ่งอยากจะซื้อมากเท่านั้น ยังไงก็ตามวันพรุ่งนี้เค้าจะต้องกลับมาอีกแน่ ”

“ ข้าน่ะ แอบสะกดรอยตามเค้าไป เจ้าลองทายดูสิว่าเค้าเป็นใคร ”

“ เป็นคุณชายของอ๋อง ของกง หรือของขุนนาง บ้านไหนกันล่ะ ”

“ เค้าคือไท่จื่อล่ะ ”

ได้ยินคำว่าไท่จื่อปุ๊บ เจียงชงถึงกับชะงักก่อนจะเอ่ยถามย้ำ “ ไท่จื่อรึ เจ้าดูไม่ผิดแน่นะ ”

“ ข้าน่ะเดินตามเค้าไปติดๆจนเห็นเค้าเข้าไปในตำหนักไท่จื่อ(太子府)เลยทีเดียว ”

หมอดูเจ้าเล่ห์ได้เอ่ยขึ้นว่า “ งั้นก็ตกได้ปลาตัวใหญ่แล้วล่ะ ”

หลี่ฉางเซิงงงกับคำพูดของเจียงชงจึงเอ่ยถาม “ เจ้าพูดอะไรอ่ะ ”

หมอดูเจ้าเล่ห์จึงได้เล่าเรื่องที่เล่าขานต่อๆกันมาแบบย่อๆให้ฟังว่า “ ในสมัยก่อน โจวเหวินหวัง(周文王 - ผู้เป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์โจว)เดินทางไปพบเจียงจื่อหยา(姜子牙)โดยบังเอิญ เจ้ารู้หรือเปล่าว่าเจียงจื่อหยากำลังทำอะไรอยู่ เค้ากำลังนั่งอยู่ที่ริมแม่น้ำเว่ย(渭水) ทุกๆวันได้แต่นั่งตกปลา แต่ว่าตะขอเบ็ด(钓钩)ของเค้ามีลักษณะแปลก เป็นเส้นตรงไม่ได้โค้งงอเหมือนตะขอเบ็ดทั่วไป แล้วอย่างนี้ปลาโง่ๆที่ไหนจะหลงมาติดเบ็ดกันเล่า แต่ทว่าในตอนหลัง เค้ากลับตกได้ปลาตัวใหญ่ที่ชื่อว่าโจวเหวินหวัง

หลี่ฉางเซิงได้ยินเข้าถึงกับหัวเราะออกมาดังๆ “ ข้าร ทุกๆวันที่เจ้าแสดงละครหลอกลวงผู้คนว่าเป็นหมอดูเทวดา ที่แท้ก็เดินตามรอยเจียงจื่อหยานี่เอง ”

เจียงชงเอ่ยตอบแบบนิ่มๆว่า “ เจ้ารู้ไหมอะไรในตัวเจ้าที่ข้าเกลียดที่สุด ที่ข้าเกลียดก็คือคนอวดฉลาด(自作聪明)อย่างเจ้า ”

“ เอาน่า เจ้านักแสดงปาหี่ไม่ต้องตีฆ้องร้องป่าวบอกข้าขนาดนั้นก็ได้ แต่ในอนาคตหากเจ้าได้ดิบได้ดี ก็อย่าลืมข้าเชียวนะ ” พูดจบหลี่ฉางเซิงก็เอามือตบไปที่บ่าของเจียงชงในทำนองขอฝากเนื้อฝากตัว

เจียงชงรู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าไร แต่ก็เก็บความไม่พอใจเอาไว้จากนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า “ เอาล่ะ มาร่วมฉลองความยินดีกันดีกว่า เจ้าไปรินเหล้าเตรียมไว้ก่อนละกัน ”

หลี่ฉางเซิงเห็นด้วยกับเจียงชงจึงได้เอ่ยขึ้นว่า “ จริงด้วย ต้องดื่มเหล้า ข้าไปรินเหล้า...ข้าไปรินเหล้าดีกว่า ” พูดจบก็วิ่งไปที่โต๊ะจัดการรินเหล้าใส่ถ้วยเสร็จแล้วก็ตะโกนเรียก “ มาเร็วเข้า เหล่าเจียง พวกเรามาชนแก้วกัน ”

เจียงชงหันไปบอกหลี่ฉางเซิงว่า “ เจ้าดื่มก่อนเถอะ ”

หมอดูเจ้าเล่ห์เห็นหลี่ฉางเซิงยกถ้วยเหล้าขึ้นดื่มจึงเอ่ยถามว่า “ ถ้าหากว่าเจ้าเป็นข้าในตอนนี้ เจ้าคิดว่าควรจะจัดการเพื่อนอย่างเจ้าอย่างไรดีนะ ”

“ ก็คงต้องดูก่อนล่ะ ว่าเจ้าคิดซื่อหรือคิดไม่ซื่อ ”

เจียงชงเอ่ยกลับไปว่า “ แล้วถ้าหากข้าคิดไม่ซื่อล่ะ ”

ได้ยินดังนั้นหลี่ฉางเซิงรีบเอ่ยขึ้นว่า “ ได้อย่างไรกัน เจ้าคิดจะเก็บไว้กินคนเดียวหรือไง ” จากนั้นก็เอ่ยขู่หมอดูเจ้าเล่ห์ว่า “ควรระวังว่าข้าจะเปิดเผยอดีต(老底)ของเจ้าด้วยล่ะ เบื้องหลังของเจ้าอยู่ในเงื้อมมือของข้านะ ”

“ เจ้าจะบอกว่า ไม่ว่าข้าจะตะกายได้สูงเท่าไร เจ้าก็สามารถที่จะดึงข้าให้ล่วงลงมาสู่ขุมนรกชั้นสิบแปดได้ทันที อย่างนั้นนะสิ ”

หลี่ฉางเซิงเอ่ยอย่างผู้กำชัยไว้เหนือกว่าว่า “ เจ้ารู้อย่างนี้ก็ดีแล้ว ”

เจียงชงเอ่ยกับตนเองว่า “ หากปล่อยเจ้าเอาไว้ ก็รังแต่จะเป็นหอกทิ่มตำนำความเดือดร้อนมาให้ข้าในภายหลัง ”

หลี่ฉางเซิงนึกข้อเสนอขึ้นได้จึงเอ่ยขึ้นว่า “ งั้นพบกันครึ่งทาง ยังไงพวกเราก็เหมือนอยู่บนเรือลำเดียวกันแล้วนี่ ”

เจียงชงได้ยินเข้าก็นิ่งเงียบก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเรียบๆว่า “ ข้าควรจะฆ่าเจ้าทิ้งดีไหมนี่ ข้าจะได้ไม่ต้องมามัวกังวลอีกในภายหลัง ”

“ คิดจะฆ่าข้าเรอะ ตัวอย่างกับซี่โครงไก่อย่างเจ้าเนี่ยนะ ก็ลองดูสิ ” หลี่ฉางเซิงเอ่ยท้าทาย

เจียงชงเดินเข้าไปที่โต๊ะเหล้า นั่งลงแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า“ หากข้าจะบอกว่า ข้าวางยาพิษไว้ในเหล้าล่ะ ”

หลี่ฉางเซิงตกใจหน้าซีด “ เจ้าวางยาพิษข้าเหรอ ”

“ คำนวณเวลาดูแล้ว เจ้าก็คงจะออกอาการแล้วล่ะ ”

ทันทีที่เจียงชงพูดจบ หลี่ฉางเซิงก็ออกอาการทันที “ ข้าปวดท้อง เจียงชง เจ้าได้ดีแล้วก็คิดกำจัดข้าอย่างงั้นเหรอ เจ้าข้ามแม่น้ำแล้วทำลายสะพาน ข้า..แล้วข้าก็โดนเจ้าถีบส่ง ”

เจียงชงหยิบถ้วยเหล้าขึ้นมาดื่มแล้วเอ่ย “ แต่น่าเสียดายที่ข้ายังไม่ได้วางยาเลยนะสิ ”

หลี่ฉางเซิงรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินที่เจียงชงพูด แต่ก็เอ่ยถามย้ำว่า “ เจ้าไม่ได้วางยาพิษอย่างงั้นนะหรือ ”

“ ข้าแค่ต้องการอยากจะให้เจ้ารู้ไว้ว่า ชีวิตใครที่ตกอยู่ในมือของใครกันแน่ ”




เช้าวันใหม่ ไท่จื่อหลิวจี้ว์รีบเดินทางมาหาเจียงชงที่ร้าน แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะว่าเจียงชงได้แขวนป้ายบอกให้ลูกค้าทราบว่า “หมอดูป่วยขอหยุดงานหนึ่งวัน” เพื่อไม่ให้มาเสียเที่ยวก็เลยสอบถามคนแถวนั้นจนทราบถึงสถานที่พักของเจียงชง




“ ซินแส อาการป่วยของท่านดีขึ้นแล้วหรือยัง ” ไท่จื่อตรัสถามอาการของเจียงชง

“ การเจ็บป่วยนั้นมักจะมาอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว แต่การจะหายขาดจากการเจ็บป่วยนั้นคงต้องค่อยเป็นค่อยไป ” เจียงชงตอบไท่จื่อเป็นประโยคเปรียบเทียบของคำกล่าวที่ว่า 病(ปิ้ง)来(ไหล)如(หรู)山(ซาน)倒(เต่า) 病(ปิ้ง)去(ชี่ว์)如(หรู)抽(โชว)丝(ซือ)

“ แต่ว่าข้าดูสีหน้าของท่านซินแสแล้ว ดูสดชื่นไม่เห็นเหมือนคนป่วยเลย ”

เจียงชงหัวเราะแล้วบอกความจริงที่เป็นความเท็จไปว่า “ ข้าได้ดูดวงของตัวเองเอาไว้ หากวันนี้ออกไปเปิดร้าน จะต้องมีเคราะห์ถึงเลือดตกยางออก ดังนั้นข้าจึงจำต้องหลีกเลี่ยงจากเคราะห์ภัยในครั้งนี้ ขอได้โปรดอภัยให้ข้าด้วย ”

ไท่จื่อสงสัยจึงตรัสถาม “ จะโดนเคราะห์อะไรเหรอท่านซินแส ”

“ คุณชายเดินทางมาจากร้านของข้าใช่หรือไม่ ” เจียงชงเอ่ยถาม

“ ทำไมเหรอท่านซินแส ”

“ ข้าขอแนะนำท่านว่า ตอนที่ท่านเดินทางกลับไปอย่าได้เดินผ่านไปทางนั้นอีก ”

แทนที่ไท่จื่อจะทรงถามเหตุผลว่าเพราะอะไรถึงได้เตือนเช่นนั้น ก็ไม่ทรงถาม แต่กลับตรัสถามขึ้นว่า “ ท่านซินแส วันนี้ท่านสามารถทำนายตัวอักษรให้ข้าได้ไหม ”

“ ต้องขออภัยคุณชายอีกครั้งหนึ่งด้วย ” เจียงชงบอกเป็นเชิงปฏิเสธ

“ หรือว่าท่านทำนายครบสามคำทำนายแล้ว ”

“ แม้แต่พระจันทร์ยังมีเว้าแหว่ง ถึงแม้วันนี้ข้าจะอยู่บ้านให้คำทำนายแก่ท่านก็ยังไม่พ้นเคราะห์อยู่ดี เปลี่ยนเป็นวันอื่นแล้วข้าจะทำนายให้คุณชายอย่างเต็มที่เลย ”




“ พระองค์ จะเสด็จกลับตำหนักเลยหรือไม่ พะย่ะค่ะ ” ผู้ติดตามทูลถามไท่จื่อ

ไท่จื่อนึกอะไรขึ้นได้จึงตรัสบอก “ ไม่ เราว่าจะไปเดินที่ตลาดเล่นสักหน่อย ”




ไท่จื่อเดินกลับไปดูที่ร้านของหมอดูจอมเจ้าเล่ห์อีกครั้ง หลี่ฉางเซิงที่เตรียมรถบรรทุกของเทียมม้าคอยท่าอยู่ เมื่อเห็นไท่จื่อเดินผ่านไปยังที่ร้านของเจียงชง ก็รีบออกรถทำเป็นว่าม้าเกิดพยศไม่สามารถบังคับได้ให้วิ่งตรงเข้าไปหาไท่จื่อ ชาวบ้านข้างทางต่างส่งเสียงเอะอะ ผู้ติดตามเห็นเข้าก็รีบดึงไท่จื่อให้ออกนอกเส้นทางของรถบรรทุกเทียมม้า เมื่อใกล้จะถึงที่ร้าน หลี่ฉางเซิงก็รีบกระโดดหนีลงไปที่พื้น ม้าก็หลุดออกจากเทียม ทำให้รถบรรทุกวิ่งพุ่งเข้าไปยังในร้านของเจียงชง ไท่จื่อเห็นเข้าถึงกับตรัสออกมาว่า “ แม่นจริงๆเลย ”




ที่ตำหนักซวนซื่อเก๋อ(宣室阁) จี้ฉินหู่เดินทางมาเข้าเฝ้าฮั่นอู่ตี้



“ ข้าพระองค์ จี้ฉินหู่ ถวายบังคมฝ่าพระบาท ” จี้ฉินหู่คุกเข่าถวายความเคารพต่อฮั่นอู่ตี้

ฮั่นอู่ตี้ตรัสประชดขึ้นว่า “ หลิวซี่จวินคนนี้ ดูท่าจะมีสามหัวหกแขน มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์แล้วกระมัง ”

“ นางเป็นได้แค่หญิงอ่อนแอตัวเล็กๆคนหนึ่งเท่านั้น พะย่ะค่ะ ” จี้ฉินหู่ทูล

“ ในเมื่อเป็นแค่หญิงอ่อนแอตัวเล็กๆคนหนึ่ง แล้วทำไมถึงปล่อยให้เล็ดลอดสายตาไปได้ เว้นเสียแต่ว่าเจ้าตั้งใจที่จะปล่อยตัวนางไป คิดฉ้อฉลต่อหน้าที่ของตัวเอง ”

ฮั่นอู่ตี้ทรงตำหนิ จนจี้ฉินหู่ต้องรีบก้มหมอบคำนับพร้อมกับทูล “ ข้าพระองค์ไม่บังอาจ พะย่ะค่ะ ”

“ ถ้างั้นจะปล่อยให้นางลอยนวลหนีความผิดไปเฉยๆอย่างนั้นนะหรือ ”

“ ข้าพระองค์จะออกติดตามจับตัวนางกลับมา พะย่ะค่ะ ”

“ เจ้าแน่ใจว่าจะจับตัวนางกลับมาได้อย่างนั้นนะหรือ ”

“ หากจับตัวนางกลับมาไม่ได้ ข้าพระองค์ก็ขอนำหัวของข้าพระองค์กลับมาแทน พะย่ะค่ะ ”

ฮั่นอู่ตี้ทรงลุกจากพระที่นั่งแล้วตรัสทิ้งท้ายกับจี้ฉินหู่ก่อนจะเสด็จออกจากตำหนักไปว่า “ คนเป็นต้องเห็นตัว(生要见人) คนตายต้องเห็นศพ(死要见尸) แต่ไม่ใช่ศพของเจ้า ต้องเป็นศพลูกสาวของคนคิดคดทรยศ อ๋องเจียงตูหลิวเฟย

“ พะย่ะค่ะ ”




จี้ฉินหู่เดินคอตกก้มหน้างุดๆมองดูแต่พื้นออกมาจากตำหนัก ไท่จื่อหลิวจี้ว์เห็นเข้าก็ทรงสะกิดเรียก “ เหล่าจี้ เจ้าเป็นอะไรไป โดนเสด็จพ่อตำหนิมาเหรอ ”

จี้ฉินหู่หันรีหันขวางก่อนจะกระซิบบอกว่ามีนักโทษหลบหนี

“ หนีไปได้คนหนึ่งเหรอ ” ไท่จื่อตรัสถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง

จี้ฉินหู่ถอนหายใจก่อนจะเอ่ยด้วยความโมโห “ เป็นเพราะนางทีเดียว ใครจะไปคิดล่ะว่านางจะหนี ข้าจะต้องไปตามจับตัวนางให้ได้ อย่าว่าแต่คนเป็นต้องเห็นตัวเลย ข้าจะให้นางกลับมาอย่างคนตายต้องเห็นศพ ”

“ แล้วเจ้าจะไปตามจับนางได้ที่ไหนกันล่ะ ”

“ ก็คงจะต้องไล่ไปตามเส้นทางเดิม หากจับตัวได้ก็ดีนะสิ ”

“ เอางี้ ข้ามีคนอยู่คนหนึ่ง อาจจะช่วยทำนายให้เจ้าได้ ”

“ ทำนายน่ะหรือ ”




ที่ตำหนักไท่จื่อฝู่(太子府)



ไท่จื่อได้ส่งคนไปตามตัวเจียงชงให้มาหาที่ตำหนัก เพื่อให้ช่วยทำนายตัวอักษรให้จี้ฉินหู่ เมื่อมาถึงหมอดูจอมเจ้าเล่ห์ก็รีบถวายความเคารพ “ ข้าน้อยเจียงชง ขอถวายบังคมไท่จื่อ ”

“ เจ้าทายออกแล้วหรือว่าเราเป็นใคร ” ไท่จื่อตรัสถามเมื่อได้ยินเจียงชงเอ่ยเรียกว่าไท่จื่อ

เจียงชงได้ทูลตอหลดตอแหลออกไปว่า “ ข้าน้อยมิบังอาจปิดบังไท่จื่อ เป็นเพราะพระองค์ทรงมาอุดหนุนให้ข้าน้อยทำนายให้อยู่หลายครั้ง ข้าน้อยเลยแอบขโมยทำนายตัวอักษร จึงได้ทราบฐานะที่แท้จริงของพระองค์ ”

“ อย่างนั้นนะหรือ แล้วอักษรตัวที่เจ้าใช้ทำนายคืออักษรตัวไหนล่ะ ” ไท่จื่อตรัสถามด้วยความอยากรู้

“ อักษร (กว้า - ทำนาย) ของคำว่า 神卦(เสินกว้า - ทำนายแม่นๆ) ”

“ แล้วเจ้าทำนายออกมาได้อย่างไรล่ะ ”

“ ทูลไท่จื่อ ที่ด้านซ้ายของอักษร (กว้า) มีตัวอักษร (ถู่ - ดิน) อยู่ด้วยกันสองตัว ดินบนโลกสวรรค์และดินบนโลกมนุษย์ ดินผู้ให้กำเนิดสรรพสิ่งบนโลก ท่ามกลางธาตุทั้งห้า(五行 - ประกอบไปด้วย ไม้ ไฟ ดิน ทอง และน้ำ)ก็ยังประกอบไปด้วยธาตุดิน แม้แต่ทิศทั้งสี่ก็ยังหลีกไม่พ้นที่จะเกี่ยวข้องกับดิน ”

“ ดูมึนๆสับสนงงๆยังไงก็ไม่รู้ ” ไท่จื่อตรัสบอก

“ อย่างไรก็ตาม ข้างบนของอักษร (ถู่ - ดิน)นี้หากเติมขีดอีกหนึ่งขีด ก็จะกลายเป็นอักษร (หวัง - อ๋อง) อักษร (ถู่ - ดิน)ก็คืออักษรที่ยังไม่กลายมาเป็น (หวัง - อ๋อง) ” พูดจบเจียงชงก็เหลือบตามองดูปฏิกิริยาของจี้ฉินหู่

“ ถ้าอย่างนั้น ทำไมเจ้าถึงไม่ทายว่าข้าเป็นองค์ชายของอ๋อง(王)ไหนสักอ๋อง(王)หนึ่งล่ะ ” ไท่จื่อตรัสถามต่อ

“ เป็นเพราะว่าบนตัวอักษร (กว้า - ทำนาย) มีอักษร (หวัง - อ๋อง)อยู่สองตัว ข้าขอถามพระองค์สักหน่อย มีใครบ้างที่จะมีบารมีเพียงพอที่จะเป็นอ๋องอยู่เหนืออ๋อง ดังนั้นข้าน้อยจึงบังอาจทำนายอักษร ทายว่าพระองค์ก็คือไท่จื่อ ”

ไท่จื่อยิ้มอย่างพอพระทัย พระองค์ทรงเชื่อในคำทำนายของหมอดูจอมเจ้าเล่ห์ไปแล้วกว่าครึ่ง เหลืออีกครึ่งที่ยังไม่ทรงเชื่อสนิท จึงได้ตรัสถามขึ้นอีกว่า “ ที่เจ้าทำนายคืออักษรด้านซ้าย แต่อักษรด้านขวาเจ้ายังไม่ได้ทำนายเลยนี่นา ”

“ อักษรด้านขวาก็คือตัวอักษร (ปู่ - ทำนาย) อักษร (ปู่) ของคำว่า 卜卦(ปู่กว้า - การทำนายโชคชะตา) พระองค์ทรงโปรดให้ข้าน้อยทำนาย(卜)อีกครั้งหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าในพระทัยของพระองค์ทรงมีความมั่นพระทัย เชื่อมั่นว่าคำทำนายของข้าน้อยถูก ดังนั้นข้าน้อยก็คงไม่ต้องทำนายอักษรอีกครั้งแล้วล่ะ ”

ไท่จื่อหัวเราะแล้วหันไปถามจี้ฉินหู่จี้ฉินหู่ เจ้าเห็นเป็นอย่างไรบ้าง ”

“ ดูเหมือนจะมีเหตุผลตามนั้น ” จี้ฉินหู่ตอบ

“ ถ้าอย่างงั้น ทำไมเจ้าถึงไม่รีบให้เค้าทำนายตัวอักษรให้เล่า ” ไท่จื่อตรัสบอก

“ ตกลง ข้าจะทำนาย แล้วข้าทำนายอักษรอะไรดีล่ะ ” จี้ฉินหู่ทูลถามไท่จื่อ

เจียงชงเอ่ยแทรกออกไปว่า “ เรียนท่านนายพล กฏของการทำนายตัวอักษรมีอยู่ว่า ไม่ว่าท่านจะใช้อักษรอะไรในการทำนาย ผลลัพธ์ที่ออกมาล้วนเหมือนกัน ”

“ งั้นข้าขอถามถึงคนๆหนึ่ง ”

“ เชิญเขียนอักษรก่อน จากนั้นค่อยถาม ” เจียงชงเอ่ยบอก

“ ตกลง งั้นข้าให้ท่านทำนายอักษร (ซี่) ”

“ ใช่อักษร (ซี่ - ละเอียด)ของคำว่า 仔细(จื่อซี่ - ถี่ถ้วนรอบคอบ) หรือเปล่า ”

“ ใช่แล้วล่ะ ท่านซินแส หากว่าท่านทำนายออกมาได้แล้วล่ะก็ ไม่ต้องให้ไท่จื่อตบรางวัลให้ท่านหรอก ข้าจะเป็นผู้ตบรางวัลให้ท่านเป็นสองเท่าเอง ”

“ หากอักษรตัวนี้ไม่ดีล่ะก็ เปลี่ยนตัวอักษรก็ได้นะ ” ไท่จื่อรีบตรัสบอกเจียงชง

“ ที่ท่านนายพลถามคงจะเป็นผู้หญิงกระมัง ”

แค่คำพูดประโยคแรกของเจียงชงก็ทำเอาจี้ฉินหู่ถึงกับตาโต ทึ่งในความสามารถจนถึงกับต้องเอ่ยถาม “ ท่านรู้ได้อย่างไร ”

“ ขอเชิญไท่จื่อทอดพระเนตรที่ตัวอักษรด้วยอีกคน จะเห็นว่าด้านข้างของตัวอักษร (ซี่ - ละเอียด)นี้มีตัวอักษร (ซือ - เส้น)ประกอบอยู่ (ซือ)นี้ ไม่ว่าจะไปประกอบในอักษร ไหม(绸 - โฉว) แพร (缎 - ต้วน) การปั่น (纺 - ฝ่าง) หรือการทอ(织 - จือ) ล้วนมีความเกี่ยวข้องใกล้ชิดกันกับผู้หญิง ”

“ แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะ ” จี้ฉินหู่รีบเอ่ยถาม

หมอดูจอมเจ้าเล่ห์คิดว่าสิ่งที่ถามก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องความรักระหว่างชายหญิงจึงตอบไปว่า “ ผู้หญิงคนนั้นนะหรือ ข้าน้อยเจียงชงคงต้องขอแสดงความยินดีกับท่านนายพลแล้วล่ะ ”

“ แสดงความยินดีกับข้าหรือ ” จี้ฉินหู่เอ่ยด้วยความงง

“ ใช่แล้วท่าน ก็ ยอดฝีมือ กับ สาวงาม ยังไง ” เจียงชงบอก

ไท่จื่อรีบตรัสบอก “ ผิดแล้ว ที่เค้าถามก็คือนักโทษคนที่หลบหนีความผิดต่างหาก ”

ได้ยินที่ไท่จื่อตรัสออกมาอย่างนี้ หมอดูจอมเจ้าเล่ห์ถึงกับอึ้งไปนิดนึงก่อนจะปั้นแต่งคำพูดใหม่มาอธิบายให้ตรงกับที่ตนเองได้พูดออกมาก่อนหน้าและตรงกับที่ไท่จื่อตรัสว่า “ ก็ใช่แล้วไง มีเพียงสาวงามที่หลบหนีความผิดคนนี้เท่านั้น ที่จะทำให้ประกายความเป็นยอดฝีมือของท่านนายพลดูโดดเด่นเป็นสง่าขึ้นมา”

“ ความหมายของเจ้าคืออย่างนี้นี่เอง ” ไท่จื่อตรัสหลังจากที่ได้ยินคำอธิบายของเจียงชง

ยอดฝีมือนอกจากจะสามารถให้การช่วยเหลือแก่สาวงามแล้ว ยอดฝีมือก็ยังสามารถจับตัวสาวงามที่มีพิษสงรอบตัวได้อีกด้วย ขอเชิญพิจารณาดูที่คำว่า 绞丝(เจี่ยว - ขด, ซือ - ไหม) อักษร (ซือ)นี้ หากเติมอักษร (ปัง)เข้าไปก็จะกลายเป็นอักษร (ป่าง - ผูก, มัด)ของคำว่า 捆绑(ขุนป่าง - ผูก, มัด) หากเติมอักษร (โค่ว - ปาก)อักษร (เอ่อร์ - หู)ก็จะกลายเป็นอักษร (จี - จับกุม)ของคำว่า 通缉(ทงจี - คำสั่งจับกุมตัวนักโทษ) ดังนั้นจะเห็นได้ว่า นางก็คือนักโทษอาญา(要犯)ที่มีคำสั่งให้จับกุมตัว(通缉)”

“ ท่านซินแส ท่านกล่าวไม่ผิดแม้แต่นิดเดียว นางก็คือนักโทษที่มีคำสั่งให้ทำการจับกุมตัว ท่านช่วยดูให้ข้าอีกทีว่า ตอนนี้นางไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่ไหน ” จี้ฉินหู่รีบเอ่ยถาม

เจียงชงทำท่านึกพร้อมกับเอ่ยสิ่งที่ตนเองกำลังคิดว่า “ ด้านขวาคือทุ่งนา( - เถียน) มังกรผงาดสู่ท้องฟ้า(คนที่ประสบความสำเร็จสูงสุด) มังกรแฝงกายในทุ่งนา(คนที่มีความหมั่นเพียรก็จะประสบความสำเร็จ)...คำว่าทุ่งนา()...”

ไท่จื่อได้ยินปุ๊บก็รีบด่วนสรุปทันทีว่า “ นางต้องไปหลบซ่อนตัวอยู่ในทุ่งนาแน่ ”

“ ก็ไม่แน่ ช่วงนี้เริ่มย่างเข้าฤดูใบไม้ผลิพืชผลจากการเพาะปลูกก็เพิ่งจะขึ้นปกคลุมหน้าผิวดิน มิอาจจะเป็นที่กำบังหลบซ่อนตัวได้ ”

“ ถ้าอย่างงั้นตัวอักษร (เถียน - ทุ่งนา) ท่านจะอธิบายอย่างไร ” จี้ฉินหู่เอ่ยถาม

“ ภายในอักษร (เถียน - ทุ่งนา)มีอักษร (โค่ว - ปาก)อยู่ด้วยกันสี่ตัว นางต้องหลบไปอยู่ในตระกูลของเศรษฐีผู้มีอันจะกินแน่ๆ ท่านนายพลแค่ไปตามเส้นทางแล้วสืบหาบ้านของผู้มีอันจะกิน ก็ไม่ยากที่จะจับตัวนางไว้ได้”




หลิวซี่จวินวิ่งหัวซุกหัวซุนหลบหนีการติดตามจนร่างกายอ่อนล้าสะดุดล้มลงไปที่พื้น เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็พบเข้ากับกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่เดินทางผ่านมาพอดี

ชายคนหนึ่งในคนกลุ่มนั้นได้เอ่ยถามหลิวซี่จวินว่า “ แม่นาง เจ้ามาจากที่ไหน ”

หลิวซี่จวินไม่ตอบ แต่รีบคว้าก้อนหินที่พื้นขึ้นมาถือไว้ในมือ แล้วทำท่าพร้อมจะเขวี้ยง จนชายคนที่ถามถึงกับหัวเราะออกมา




ค่ำแล้ว ที่บ้านหลังหนึ่งที่มีป้ายติดไว้อยู่เหนือประตูว่า 郭宅(กัวจ๋าย) หรือบ้านของคนตระกูลกัว

ชายคนที่ถามหลิวซี่จวินและให้การช่วยเหลือพานางมาพักที่บ้านของตนเองนั้นมีชื่อว่า กัวเจี่ย

“ แม่นาง เจ้าคงจะหิวแล้วล่ะ ข้าได้สั่งให้ลูกศิษย์ของข้าไปทำอาหารอย่างง่ายๆ(粗茶淡饭)มาให้เจ้า เจ้ากินให้อิ่มแล้วจะได้มีเรี่ยวแรงมีกำลังวังชา ” กัวเจี่ยเอ่ยถามขึ้น

“ ข้าไม่หิว ” หลิวซี่จวินบอกกับกัวเจี่ย

กัวเจี่ยหัวเราะขึ้นพร้อมกับบอก “ เจ้าดูสารรูปของเจ้าสิ ร่างเต็มไปด้วยฝุ่น รองเท้าเจ้าก็หายไปข้างหนึ่ง คงจะเดินรอนแรมมาไกลทีเดียว ในตอนนี้ฤดูนี้ผลไม้บนต้นไม้ก็ยังไม่ออกผล ตามพื้นดินก็ไม่มีพืชผักอะไรเลย เจ้าจะไม่หิวอย่างนั้นนะหรือ กินเถอะ” กัวเจี่ยเอ่ยเชื้อเชิญ แต่เมื่อเห็นหลิวซี่จวินยังคงยืนนิ่งเฉย จึงคิดว่านางคงจะเขินเลยตัดสินใจปล่อยให้หลิวซี่จวินอยู่คนเดียว

เมื่อไม่มีใครอยู่แล้วหลิวซี่จวินจึงจัดการหยิบอาหารขึ้นมากินอย่างมูมมามด้วยความหิวโหย




จี้ฉินหู่นำกำลังทหารออกติดตามล่าตัวหลิวซี่จวินด้วยความรีบเร่ง





Create Date : 07 พฤษภาคม 2550
Last Update : 24 สิงหาคม 2550 10:36:30 น. 3 comments
Counter : 1559 Pageviews.

 
ตอนต่อไป

กัวเจี่ยได้ทราบความจริงว่าผู้หญิงที่ตนเองช่วยเหลือไว้คือนักโทษหลบหนีของทางการ ส่วนจี้ฉินหู่หลังจากได้ร่องรอยเบาะแสของหลิวซี่จวินก็นำกำลังทหารไปที่บ้านของกัวเจี่ยเพื่อจะจับตัวนาง แต่ว่าจะจับตัวได้หรือไม่นั้น ติดตามอ่านต่อได้ในตอนหน้า


โดย: WangAnJun วันที่: 15 มิถุนายน 2550 เวลา:10:21:05 น.  

 
สู้ๆตามอ่านอยู่นะ


โดย: Nuvan IP: 124.157.133.226 วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:22:51:17 น.  

 


โดย: 0_0 (LadyJoker ) วันที่: 5 กันยายน 2550 เวลา:22:28:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

WangAnJun
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add WangAnJun's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.