Group Blog
 
<<
กันยายน 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
6 กันยายน 2550
 
All Blogs
 
《ต้าฮั่นเทียนจื่อ 1》 三十四


สารบัญ | ตอนที่แล้ว | ตอนถัดไป

จอมจักรพรรดิ์ ฮั่นอู่ตี้ ภาค 1 - ตอนที่ 34


4 ตุลาคม 2550 / ปรับปรุงแก้ไข :



34-1


ดึกดื่นแล้วตงฟางซั่วกำลังง่วนอยู่กับการเขียนตำรา พอได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นก็เอ่ยอนุญาต “เชิญเข้ามาได้”

“ซินแสตงฟาง” ชิวฉานเดินปรี่เข้ามาทักทาย

“นึกว่าแม่นางทั้งสองออกเดินทางไปไกล(远走高飞)แล้วซะอีก ที่แท้ก็ยังอยู่ในเมืองเยี่ยนชื่อนี่เอง” ตงฟางซั่วทักกลับไปโดยไม่เงยหน้าขึ้นมาจากงานที่กำลังเขียนอยู่

“แต่เดิมทีพวกเราก็คิดจะไปกันอยู่แล้วล่ะ แต่ว่ามาคิดดูอีกทีก็มีเรื่องที่ยังจัดการไม่เสร็จเรียบร้อยดี” ชิวฉานบอกเหตุผล

“คนแก่ก็ถูกฆ่าไปแล้ว ยังเหลือที่จะจัดการกับคนหนุ่มอีก ใช่ไหม” ตงฟางซั่วแซวเล่น

“ท่านทายถูกแล้วล่ะ” ชิวฉานเออออไปตามเรื่อง ส่วนเนี่ยนหนูเจียวก็ยืนอมยิ้ม

“พวกเจ้าก็แก้แค้นแทนพ่อไปแล้ว ตอนนี้ยังคิดที่จะแก้แค้นให้กับตนเองอีกเหรอ”

“ไม่สมควรหรืออย่างไร” เนี่ยนหนูเจียวถามกลับ

หลิวอี้(刘义) แม้ว่าชื่ออี้(义)จะหมายถึงความถูกต้อง แต่สำหรับคนที่ก่อกรรมทำเข็ญทำในสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควร ถึงพวกเจ้าจะไม่ได้เป็นผู้ลงมือ(下手)เอง ยังไงซะจุดจบ(下场)ของเค้าก็ดูจะไม่แตกต่างกัน”

ชิวฉานรีบเอ่ย “แต่ว่าการฆ่าเค้าด้วยน้ำมือของตัวเองนี่สิมันถึงจะสะใจ(痛快) ถือเป็นการบรรเทาทุกข์ให้แก่พี่น้องประชาชน”

“เว้นเสียแต่ว่าแม่นางเนี่ยนจะยอมให้ไท่จื่อมาช่วยอีกครั้ง” ตงฟางซั่วแนะนำ

“ใครอยากให้เค้าช่วยกันล่ะ” เนี่ยนหนูเจียวปฏิเสธทันที

“ถึงตอนนี้เจ้าคิดอยากจะให้เค้าช่วยก็ช่วยไม่ได้แล้ว ไท่จื่อใกล้จะกลับฉางอันแล้ว” ตงฟางซั่วบอกข่าวให้คนทั้งสองทราบ

“พวกเค้าจะกลับกันแล้วเหรอ แล้วพวกเค้าไปกันทั้งหมดเลยหรือเปล่า” ชิวฉานรีบถาม

“แม่นางถามถึงคนไหนล่ะ” ตงฟางซั่วถามกลับด้วยความเอ็นดู

ชิวฉานรู้สึกเขินนิดๆจึงตอบแก้ตัวไปว่า “ข้าก็ถามเล่นๆไปอย่างนั้นเอง”

“อืม..ถามเล่นๆไปอย่างนั้นเองหรอกหรือ แล้วคนที่เจ้าถามถึงใช่คนที่เด็กสุดคนนั้นหรือเปล่า คนที่ชื่อว่าหลี่หลิงน่ะ”

ชิวฉานมองหน้าพี่สาวแล้วตอบตงฟางซั่วไปเลี่ยงๆว่า “ใครจะไปสนใจว่าเค้าจะชื่อหรือไม่ชื่อหลี่หลิงอะไรนั่นน่ะ”

“แต่นี่เป็นชะตาที่ลิขิตเอาไว้แล้ว แม่นางกับเค้ามีความสัมพันธ์ที่ผูกพัน(千丝万缕)ต่อกัน คิดจะหนียังไงก็หนีไม่พ้นหรอก”

“แล้วชะตาลิขิตที่ท่านว่าน่ะ บอกอะไรข้าได้บ้างล่ะ” ชิวฉานเอ่ยถาม

“บอกว่าเจ้าจะต้องแต่งงานกับเค้าไงล่ะ” เนี่ยนหนูเจียวหันไปตอบน้องสาวแทนตงฟางซั่ว

ชิวฉานอายม้วนต้วนรีบปฏิเสธไปว่า “พี่ก็พูดเหลวไหล ข้าไม่ได้ชอบเค้าเลยสักนิดเดียว”

“แต่ว่าเค้าชอบเจ้านี่”

“ใครให้เค้ามาชอบข้าล่ะ ความสามารถก็ไม่มี ขี้ขลาดก็เท่านั้น วิทยายุทธ์รึก็แค่แมวสามขา ข้าไม่ชายตาแลเค้าหรอก” ชิวฉานบอกพี่สาวเสร็จก็หันไปทางตงฟางซั่ว “ซินแสตงฟาง คำทายนายของท่านล้วนแม่นมาโดยตลอด แต่ว่าครั้งนี้ท่าจะไม่แม่นแล้วล่ะ”

“ก็ไม่เป็นไรนี่ รอให้เหตุการณ์สัมฤทธิ์ผลก่อน แล้วเจ้าค่อยให้เงินข้าก็ได้” ตงฟางซั่วเอ่ย

“งั้นท่านได้รอเก้อไปตลอดชีวิตแน่ๆ” ชิวฉานแซวตงฟางซั่ว

ทันใดนั้นก็มีเสียงสุนัขเห่าดังขึ้นมา ตงฟางซั่วจึงเงยหน้าขึ้นมาเอ่ยกับทั้งสองว่า “เห็นทีลูกค้ารายใหม่กำลังจะมา เกรงว่าเจ้าทั้งสองจะอยู่ที่นี่นานไม่ได้แล้วล่ะ”

“งั้นพวกเราไปล่ะ” เนี่ยนหนูเจียวบอกกับตงฟางซั่ว แล้วก็เดินออกจากบ้านไป



34-2


ระหว่างทางที่ชิวฉานกับเนี่ยนหนูเจียวเดินทางกลับที่พัก กัวเส่อเหรินซึ่งมาทำธุระอยู่แถวนั้นได้เห็นเข้าจึงได้แอบสะกดรอยตามสองสาวไปติดๆ



34-3


“โอ๊ะ ท่านอ๋องนี่เอง มาหาข้าถึงที่บ้านถึงสองครั้งสองครา คงต้องมีเรื่องสำคัญเป็นแน่ เชิญ..เชิญนั่ง” ตงฟางซั่วกล่าวทักทายอ๋องเหลียง

“ท่านคงทายออกแต่แรกแล้วแหละว่าเป็นข้า”

“ครั้งที่แล้วแม้ท่านอ๋องจะปลอมตัวแต่งกายทำให้คนจำท่านไม่ได้(乔装改扮) แต่ว่าประกายของคนที่มีความเก่งกล้าเหนือผู้อื่น(英气逼人)นั้นจะปิดยังไงก็ปิดไม่มิด”

อ๋องเหลียงหัวเราะพอใจกับคำพูดของตงฟางซั่ว “เราดูท่านไม่ผิดจริงๆ ครั้งนี้เราไม่ได้มาทำนายอักษร แต่ว่าจะมาเชิญท่านให้ไปรับราชการ(出山)”

“ท่านหมายความว่าอย่างไร”

“คนที่เปี่ยมไปด้วยกลยุทธ์ชั้นเชิงอย่างท่านซินแส หากมามัวแต่จำกัดตัวเองด้วยการเปิดแผงรับทำนายอักษรนั้น ก็เท่ากับเป็นการปิดกั้นความสามารถของท่านยิ่งนัก เรามาครั้งนี้ก็เพื่อจะเชิญท่านไปฉางอัน ไปช่วยกันทำงานช่วยกันดูแลปกป้องราชวงศ์ฮั่น”

“คนที่มีความสามารถในราชสำนักล้วนมีมากมาย จะมีที่ว่างสำหรับคนหลังเขาอย่างข้าหรือ”

“ไม่..ไม่.. เราจะให้ท่านไปเป็นที่ปรึกษาของเรา เรามีเรื่องที่ต้องการขอคำชี้แนะสั่งสอน และเราต้องเชื่อฟังท่านอย่างแน่นอน”

“คนข้างกายของท่านอ๋องไม่มีใครอื่นอีกแล้วหรือ” ตงฟางซั่วพยายามที่จะปฏิเสธเป็นนัยๆ

“คนรับใช้น่ะมีไม่น้อย แต่ว่าคนที่มีความสามารถจริงๆนั้นน้อยเหลือเกิน ดังนั้นเราจึงต้องเร่งรวบรวมผู้ที่มีความสามารถเอาไว้”

“ดูท่าท่างเหมือนท่านอ๋องจะได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นไปอีกระดับหนึ่งแล้ว” ตงฟางซั่วลองหยั่งเชิงถาม

แต่อ๋องเหลียงตอบเลี่ยงๆไปว่า “เราเป็นอ๋องที่รับใช้หวงตี้ ช่วยเหลือ(辅佐)เราก็เท่ากับภักดี(效忠)ต่อหวงตี้”

ทันใดนั้นก็มีนกพิราบบินเข้ามาเกาะที่มือตงฟางซั่ว อ๋องเหลียงรู้สึกแปลกใจจึงเอ่ยถาม “นกพิราบตัวนี้ท่านซินแสเลี้ยงไว้เหรอ”

“ใช่”

“ท่าทางของมันดูจะเหนื่อยๆนะ” อ๋องเหลียงรู้สึกสงสัยนิดๆ

“มันชอบบินออกไปเที่ยวเล่น(贪玩)จนลืมที่จะกลับมาบ้าน”

ได้ยินที่ตงฟางซั่วบอก อ๋องเหลียงก็ไม่ได้เอะใจสงสัยอะไรอีก จากนั้นก็เอ่ยมัดมือชกจนตงฟางซั่วปฏิเสธไม่ได้ว่า “งั้นเรื่องของเราก็ตกลงตามที่พูดนะ”



34-4


ชิวฉานเอ่ยกับเนี่ยนหนูเจียวระหว่างเดินทางกลับที่พักด้วยกันว่า “พูดกันอยู่ดีๆ ทำไมเอาข้าไปล้อเล่นซะงั้น”

เนี่ยนหนูเจียวค่อยเลียบๆเคียงๆถามความในใจของชิวฉาน “เจ้าไม่ชอบพ่อหนุ่มคนนั้นจริงๆน่ะเหรอ ไม่สนใจเลยสักนิดแน่นะ”

“นิดเดียวก็ไม่สนใจ”

“แล้วเจ้าอย่ามาเสียใจภายหลังนะ”

“ทำไมข้าจะต้องเสียใจด้วยล่ะ”

เนี่ยนหนูเจียวแสร้งถอนหายใจอย่างโล่งใจ “ได้ยินอย่างนี้พี่ก็ค่อยเบาใจหน่อย”

ชิวฉานรู้สึกสงสัยรีบถาม “พี่เบาใจเรื่องอะไร ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับพี่สักหน่อย”

เมื่อเห็นท่าทางของชิวฉานแล้ว เนี่ยนหนูเจียวจึงแสร้งยั่วน้องสาวต่อไปว่า “ทำไมจะไม่เกี่ยวล่ะ พี่บอกเจ้าให้ก็ได้ว่า พี่แอบเล็ง(看上)เค้าไว้ตั้งนานแล้ว”

“อะ..อะไรนะ พี่เล็งใครไว้เหรอ”

“ก็คนนั้นไง คนที่ยังไงเจ้าก็ไม่ชอบเค้าคนนั้นน่ะ”

“ตาคนที่พี่ชอบไม่เห็นจะดีเลย ทำไมถึงไปชอบเค้านะ ไม่ พี่ต้องล้อข้าเล่นแน่ๆ พี่กับเค้าไม่เหมาะสมกันเลยสักนิดเดียว”

“ก็เจ้าทิ้งเค้าแล้วไม่ใช่เหรอ จะเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม ยังไงเจ้าก็ไม่เกี่ยวนี่”

“ข้าก็ไม่อยากจะยุ่งนักหรอก แต่ว่าเด็กขนาดนั้น ยังไงข้าก็ไม่เรียกเค้าพี่เขยหรอกนะ”

“ใครจะสนล่ะว่าเจ้าจะเรียกหรือไม่เรียก แค่เค้าเห็นเจ้าเป็นน้องก็พอแล้ว”

“เค้าอ่อนกว่าข้าตั้งครึ่งปี อ่อนกว่าพี่ตั้งสามปีนะ” ชิวฉานยกเอาเรื่องอายุขึ้นมาอ้าง

“นี่ น้องสาว เจ้าไม่รู้อะไร ผู้หญิงที่แก่กว่าสามปีน่ะ ก็เหมือนกับได้กอดทองแท่งนะ”

“แต่เค้ายังไร้เดียงสาอยู่เลยนะ”

“ผู้ชายดีๆไม่มีสำเร็จรูป(现成)หรอกนะ ต้องให้ผู้หญิงช่วยอบรมส่งเสริมกันทั้งนั้น”

“พี่อย่าคิดเข้าข้างตนเองไปหน่อยเลย เค้าจะชอบพี่หรือเปล่าก็ไม่รู้ ข้าดูไม่ออกเลยสักนิดเดียวว่าเค้าชอบพี่”

“นี่..เจ้าจะดูถูก(小看)พี่สาวของเจ้าคนนี้เกินไปแล้วล่ะ พี่อยู่ที่ไห่ถังชุนตั้งครึ่งปี การเล่นหูเล่นตาหว่านเสน่ห์ยั่วยวน(媚态飞眼)ผู้ชายนะ พี่ก็เรียนและฝึกมาจนชำนิชำนาญ(炉火纯青) การหว่านเสน่ห์ให้กับเด็กหนุ่มที่ไม่ประสีประสาน่ะ เป็นเรื่องที่ง่ายและก็คุ้นเคยสำหรับพี่ทีเดียวเชียวล่ะ พอถึงเวลาแค่ส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มให้สักหน่อย ขี้คร้านเค้าจะต้องโผเข้ามากอดพี่อย่างว่านอนสอนง่ายแน่ๆ”

เมื่อได้เห็นเนี่ยนหนูเจียวทำท่าทางยักคิ้วหลิ่วตาประกอบคำพูดแล้ว ชิวฉานรู้สึกใจแป้วนิดๆ “ไม่ได้นะ พี่จะมาหว่านเสน่ห์ใส่เค้าไม่ได้เด็ดขาด”

“ทำไมล่ะ คนเป็นพี่จะแต่งงาน ในเมื่อเจ้าโยนทิ้งคนที่เจ้าไม่ต้องการแล้ว พี่จะเก็บ(拾)ขึ้นมาอีกไม่ได้หรืออย่างไรกัน”

“ถ้าพี่จะแต่งงาน ก็ไปแต่งกับไท่จื่อโน่นสิ ยังไงข้าก็ไม่ยอมให้พี่หว่านเสน่ห์ใส่เค้าหรอก หัวใจของไท่จื่อเค้าผูกมัดไว้กับกายพี่แล้วไม่ใช่เหรอ”

“พูดได้ถูกต้อง” เสียงของกัวเส่อเหรินดังแทรกขึ้นมา

เมื่อเห็นว่ามีคนแอบฟังอยู่ ทั้งสองคนจึงชะงักการสนทนาแล้วใช้วิชาตัวเบากระโดดเข้าไปหาเจ้าของซึ่งเป็นที่มาของต้นเสียง

“เจ้ากล้าแอบฟังพวกเราคุยกันเหรอ” เนี่ยนหนูเจียวเอ่ยถาม

“ข้าจะฆ่าเจ้า” ชิวฉานเอ่ยพร้อมกับชักดาบออกมา

“อย่านะ อย่าฆ่าข้า” กัวเส่อเหรินรีบร้องขอชีวิต

“ไอ้โรคจิต ไอ้พวกชอบพร่าผลาญหญิงสาว(色狼)” ชิวฉานด่ากัวเส่อเหริน

“พร่าผลาญหญิงสาว? ข้าไม่ใช่สักหน่อย พวกเจ้าจะว่าข้าเป็นอะไรก็ได้ แต่ห้ามว่าข้าเป็นพวกชอบพร่าผลาญหญิงสาวจะได้ไหม ได้ยินทีไรแล้วข้าปวดใจทุกที แม่นางเนี่ยน ข้าจะพูดอย่างไม่ปิดบังเลยว่า ตอนที่ข้าอยู่ในคุกน้ำใต้ดิน ข้า..ข้าเอาร่างกายส่วนล่างแช่น้ำไว้ เลยโดนความเย็นของน้ำทำลายจนพิการใช้งานไม่ได้ ชาตินี้คงไม่มีหญิงสาวคนใดมาชอบข้าแล้ว ไม่ว่าพวกเจ้าจะว่าอะไรข้าก็อย่าว่าคำนี้ได้ไหม มันเหมือนกับเอาคมมีดกรีดเข้าไปในหัวใจของข้าเลยทีเดียว”

“เจ้าอย่ามาสำบัดสำนวนเล่นลิ้น(花言巧语)หน่อยเลย” ชิวฉานไม่เชื่อ

เนี่ยนหนูเจียวรีบเอ่ย “ไม่นะชิวฉาน พี่เห็นมากับตาว่าเค้าแบกไท่จื่อไว้บนบ่า ส่วนตัวเองก็แช่อยู่ในน้ำ”

“ไท่จงไท่จื่ออะไรกัน แม่นางเนี่ยน ที่เจ้าเอ่ยถึงไท่จื่อน่ะ ว่าที่หวงตี้ในอนาคตเชียวนะ ถึงข้าจะไม่มีลูกหลานไว้สืบสกุล(断子绝孙)ก็ไม่เป็นไร แต่ว่าไท่จื่อจะไม่มีไม่ได้ จะให้ราชวงศ์ฮั่นสิ้นสุดลงเพราะไร้ทายาทไม่ได้”

“ยังมีคนแบบนี้อยู่อีกหรือนี่” ชิวฉานเหน็บกัวเส่อเหริน

“แม่นางเนี่ยน จิ่วเกอของพวกข้ารู้สึกกับเจ้าด้วยความจริงใจ(真心实意) สองวันมานี่ที่เจ้าจากไปโดยไม่ร่ำไม่ลา เจ้ารู้หรือเปล่าว่าจิ่วเกอของพวกข้าใช้ชีวิตยังไง ทุกๆวันเค้า..เค้ากินไม่ได้นอนไม่หลับ ในหัวคิดถึงแต่เรื่องของเจ้า แม่นางเนี่ยน นึกว่าเห็นแก่ข้าผู้ที่มีความจงรักภักดี(忠心耿耿)อย่างที่สุดด้วยเถอะ เจ้าช่วยไปพบจิ่วเกอสักครั้งจะได้ไหม”

“ไม่ได้ บอกให้เค้าลืมข้าซะเถอะ” เนี่ยนหนูเจียวปฏิเสธ

“แม่นางเนี่ยน ข้าพูดขอร้องเจ้าก็ยังไม่ได้เหรอ ข้าขอร้องล่ะ” กัวเส่อเหรินเข้าไปคุกเข่าอ้อนวอนจับมือเนี่ยนหนูเจียวไว้

“เจ้าอย่ามาขอร้องข้าเลย รีบกลับไปเถอะ” เนี่ยนหนูเจียวพยายามสลัดมือให้หลุด

“หากเจ้าไม่ยอม ข้าก็จะไม่ปล่อยมือ” ยิ่งพูดกัวเส่อเหรินก็ยิ่งเกาะมือไว้แน่น

เมื่อเห็นว่ากัวเส่อเหรินไม่ปล่อยมือของตนเองแน่ๆ เนี่ยนหนูเจียวจึงใช้มืออีกข้างซัดเข้าใส่กัวเส่อเหรินจนหงายหลังล้มลง ชิวฉานรีบพาตัวเนี่ยนหนูเจียวเดินออกไปจากที่ตรงนั้น



34-5


กัวเส่อเหรินนำเรื่องที่ตนเองเจอมานั่งเล่าให้พรรคพวกฟัง

“แล้วพวกนางไปซ่อนตัวกันที่ไหนเหรอ” ไท่จื่อเอ่ยถามกัวเส่อเหริน

“ข้าไม่รู้” กัวเส่อเหรินตอบ

“แล้วทำไมเจ้าไม่ตามพวกนางไปล่ะ” หลี่หลิงซักถาม

“ข้าจะตามพวกนางไปได้ยังไงล่ะ ในเมื่อวรยุทธ์ข้าก็ไม่มี” กัวเส่อเหรินชักโมโห

“งั้นข้าไปเอง” หลี่หลิงเอ่ย

ไท่จื่อรั้งมือหลี่หลิงไว้ “ข้างนอกทั้งมืดทั้งลมแรง อีกทั้งเจ้าก็ไม่รู้จักทาง จะไปตามที่ไหน ไม่ต้องไปหรอก”

กัวเส่อเหรินเสนอ ตงฟางซั่วไง จิ่วเกอ พวกเราไปถามเอาจากตงฟางซั่วก็ได้นี่ เดิมทีข้าคิดจะไปขอพรวันเกิด(祝寿)ขอให้ท่านแม่มีสุขภาพแข็งแรง แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอพวกนางทั้งสองอยู่ที่นั่นอยู่ในห้องของเค้า”

“แล้วทำไมเจ้าไม่มาเรียกพวกเราล่ะ” ก้วนฟูเอ่ยถาม

“จะเรียกพวกเจ้าได้ยังไง มาทันซะที่ไหน ข้ากำลังสงสัยอยู่ว่าระหว่างเนี่ยนหนูเจียวกับตงฟางซั่ว เค้าทั้งสองมีความลับอะไรกันหรือเปล่า”

หลี่หลิงเอ่ย เป็นไปได้ไหมว่าเค้ากับเนี่ยนหนูเจียว...”

ไท่จื่อรีบห้ามหลี่หลิงไม่ให้พูดต่อ “ไม่ต้องพูดแล้ว ยังไงก็เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด หากจะมีก็มีไปนานแล้ว ต้องรอจนถึงวันนี้ด้วยเหรอ”

จิ่วเกอ หากบังเอิญว่ามีล่ะ” กัวเส่อเหรินแย้งขึ้นมา

ไท่จื่อเอ่ย “ไม่มีคำว่าบังเอิญ ไม่ต้องกลัว พวกเราไปหาตงฟางซั่ว..”

“ไปคิดบัญชีกับเค้ากัน” หลี่หลิงพูดแทรก

“ไปให้เค้าทำนายอักษรต่างหากเล่า หากถามแล้วยังกล้าตอบว่าไม่รู้(一问三不知)อีกล่ะก็ ยังไงก็มีกัวเส่อเหรินที่เป็นพยานบุคคลยืนยันได้ พวกเราคงไม่ต้องไปเกรงใจเค้าอีกแล้วล่ะ” พูดเสร็จไท่จื่อก็ลุกขึ้นยืน

“สวัสดีทุกคน” เสียงของตงฟางซั่วดังขึ้นอยู่ที่หน้าประตูห้อง จากนั้นตงฟางซั่วก็เดินเข้าไปหาไท่จื่อ “คารวะไท่จื่อ”

“ท่านมาก็ดีแล้ว ข้ากำลังอยากจะให้ท่านทำนายอักษรให้อยู่พอดี ครั้งนี้ท่านช่วยทำนายให้ทีว่าเนี่ยนหนูเจียวอยู่ที่ไหน”

“ยังจะให้ข้าทำนายเกี่ยวกับเนี่ยนหนูเจียวอยู่อีกหรือ”

“ใช่”

“ไท่จื่อ ท่านดูอะไรนี่ก่อนเถอะ” พูดจบตงฟางซั่วก็ยื่นกระดาษที่มีข้อความเขียนเอาไว้สองประโยคว่า “皇帝已崩(หวงตี้สวรรคตแล้ว) 内定梁王(แต่งตั้งเหลียงหวัง)” ส่งให้กับไท่จื่อ

ไท่จื่อรับกระดาษมาเปิดอ่าน เพียงแค่ได้อ่านข้อความประโยคแรกเท่านั้นก็รู้สึกตกใจรีบเอ่ยถาม “ท่านได้มาได้ยังไง”

“ท่านจำลายมือของจางทังไม่ได้เหรอ”

กัวเส่อเหรินยื่นหน้ามาดูข้อความในกระดาษแล้วเอ่ย “ลายมือของจางทังจริงๆด้วย”

“จดหมายนำส่งจากพันลี้ก็ได้ถึงมือของผู้รับแล้ว ข้าคงต้องลาแล้วล่ะ”

“เป็นเรื่องจริงหรือเท็จกันแน่เนี่ย” หลี่หลิงเอ่ยถามตงฟางซั่ว

“เจ้าคงต้องไปถามจางทังเองแล้วล่ะว่า เค้ากล้าพอที่จะล้อเล่นเรื่องคอขาดบาดตายแบบนี้กับพวกเจ้าหรือเปล่า”

ได้ยินปุ๊บไท่จื่อน้ำตาคลอเบ้าทันที “เรื่องจริง ต้องเรื่องจริงแน่ๆ เสด็จพ่อ เสด็จพ่อ ลูกอกตัญญู ลูกหนีออกจากวัง สวรรค์เลยลงโทษลูกไม่ให้ลูกได้เห็นหน้าท่านเป็นครั้งสุดท้าย”

กัวเส่อเหรินปลอบ จิ่วเกอ ยังไงท่านก็หักห้ามความเศร้าโศกเสียใจเอาไว้ด้วย และก็ห่วงสุขภาพของตัวท่านเองด้วยนะ จิ่วเกอ ข้า..ข้าจะไปเตรียมห้องไว้ทุกข์ไว้ให้ท่าน ท่านจะได้ร้องไห้ได้อย่างเต็มที่”

“หากจะร้อง พวกเราต้องกลับไปร้องที่บ้าน ข้าต้องการจะร้องไห้อยู่ที่หน้าโลงศพของเสด็จพ่อ” พูดจบไท่จื่อก็ทำท่าจะเดินทางกลับฉางอัน

ตงฟางซั่วรีบเอ่ย “ช้าก่อน ไท่จื่อ ในกระดาษนี้ยังมีข้อความประโยคที่สองอยู่อีกนะ”

หลี่หลิงหยิบกระดาษจากมือไท่จื่อมาอ่านต่อ “แต่งตั้งเหลียงหวัง ทำไมต้องแต่งตั้งอ๋องเหลียงด้วย”

กัวเส่อเหรินกับก้วนฟูเอ่ยเกือบจะพร้อมกันว่า “ชิงบัลลังก์(篡位)”

ไท่จื่อเริ่มจะเข้าใจเจตนาของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นอา “มิน่าล่ะ เค้าถึงไม่อยากให้ข้ากลับฉางอัน ที่แท้หญิงงามและเหล้าที่เตรียมมาก็เพื่อจะรั้งตัวข้าไว้”

ตงฟางซั่วเตือนสติไท่จื่อ “ตอนนี้อ๋องเหลียงยังไม่ทราบเรื่อง แต่คาดว่าอีกไม่นานก็คงจะรู้ หากไท่จื่อไม่รักแผ่นดินแต่รักสาวงามมากกว่าแล้วล่ะก็ ก็นั่งเฉยๆรอดูสิ่งที่จะเกิดขึ้นก็แล้วกัน”

“เก็บของ พวกเราจะกลับฉางอันคืนนี้” ไท่จื่อสั่งการทันที

กัวเส่อเหรินเอ่ย “ตกลง พวกเราจะรีบไปเก็บของ” จากนั้นก็เดินตามก้วนฟูและหลี่หลิงไปเก็บของ

ไท่จื่อไม่ลืมที่จะกล่าวคำขอบคุณ ตงฟางซั่ว ข้าต้องขอขอบคุณท่านในเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง ตอนนี้ข้าคงต้องกลับฉางอันเพื่อไปชิงบัลลังก์กลับคืนมา แผ่นดินต้องเป็นของข้า..” ไท่จื่อกล่าวเน้นย้ำอีกว่า เนี่ยนหนูเจียวก็ต้องเป็นของข้า ข้าไม่ปล่อยให้ท่านฉวยโอกาสจากเรื่องนี้หรอก”

“ไท่จื่อ ถ้าหากว่าท่านเกิดกลับฉางอันไม่ได้ล่ะ”

“ยังไงข้าก็ต้องกลับไปให้ได้” ไท่จื่อกล่าวอย่างมุ่งมั่น

“งั้นก็ดี ข้าที่อยู่ที่นี่ก็ขออวยพรล่วงหน้าให้ท่านประสบกับความสำเร็จทันทีที่กลับไปถึง(马到成功) แต่ก่อนที่ท่านจะออกเดินทาง(临行)ข้าไม่มีของอะไรที่จะช่วยทำให้ท่านเข้มแข็งขึ้นได้ นอกจากถุงผ้าปักลายใบนี้ที่พอจะช่วยแก้เหงาระหว่างเดินทางให้กับท่านได้บ้าง” ตงฟางซั่วหยิบถุงผ้าจากในแขนเสื้อออกมายื่นส่งให้ไท่จื่อ

ไท่จื่อรับถุงผ้ามาแล้วเอ่ยถาม “ที่อยู่ข้างในมันคืออะไรเหรอ”

“เมื่อใจมีความมุ่งมั่นและศรัทธาสิ่งที่ปรารถนาก็จะบรรลุผล(心诚则灵) ขอให้ท่านจำไว้ด้วยว่า หากยังไม่ถึงคราวจวนตัวจนเข้าขั้นวิกฤติจริงๆแล้วล่ะก็ห้ามเปิดถุงผ้าเด็ดขาด” พูดเสร็จตงฟางซั่วก็หันหลังเดินจากไป

กัวเส่อเหริน ก้วนฟู และหลี่หลิงพร้อมด้วยข้าวของที่สะพายมา ได้เดินออกมาบอกไท่จื่อ จิ่วเกอ ของเก็บเรียบร้อยแล้วพวกเราออกเดินทางกันเถอะ”

ยังไม่ทันที่ทั้งสี่คนจะได้ก้าวเดินออกจากประตูก็มีเสียงตะโกนดังลอยมาแต่ไกลว่า อ๋องเหลียงเสด็จ”

ไท่จื่อรีบสั่งให้ทั้งสามคนเอาของไปเก็บทันที ส่วนตนเองรีบนำถุงผ้าและจดหมายซ่อนเก็บไว้ในแขนเสื้อ






Create Date : 06 กันยายน 2550
Last Update : 16 ตุลาคม 2550 14:15:14 น. 3 comments
Counter : 2065 Pageviews.

 
องค์หญิง กะ ท่านหญิง ภาษาจีนอ่านออกเสียงยังงัยค่ะ รู้แค่ว่า องค์หญิงเปนลูกของฮ่องเต้ ท่านหญิงเป็นลูกของอ๋อง


โดย: แอบอ่านมาโดยตลอด IP: 58.8.151.240 วันที่: 15 ตุลาคม 2550 เวลา:23:31:32 น.  

 
ถ้าเป็นลูกสาวของฮ่องเต้ จะเรียกว่า กงจู่(公主)
ถ้าเป็นลูกสาวของอ๋อง จะเรียกว่า จวิ้นจูู่(郡主)

แต่ในสมัยราชวงศ์ชิงจะเรียกลูกสาวของฮ่องเต้ว่า เก๋อเกอ(格格)

ความเห็นข้างต้นไม่ชัวร์นะ ใครที่ทราบก็ขอเชิญร่วมแสดงความคิดเห็นด้วยละกัน


โดย: WangAnJun วันที่: 16 ตุลาคม 2550 เวลา:14:52:37 น.  

 
ขอบคุณคร่า

ตอนนี้ดูของช่องสามอยู่

หลิงหลิง อยากเป็นองค์หญิงจนตัวสั่น เชอะ


โดย: แอบอ่านมาโดยตลอด IP: 58.8.162.234 วันที่: 18 ตุลาคม 2550 เวลา:22:41:08 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

WangAnJun
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add WangAnJun's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.