เนี่ยนหนูเจียวกับชิวฉานถูกนำตัวไปขังไว้ในกรงแล้วเคลื่อนย้ายเดินทางไปยังศาลากลางเมืองเยี่ยนชื่อ ท่ามกลางความสนอกสนใจของบรรดาชาวบ้านที่ยืนดูอยู่ข้างทาง
ระหว่างทางเนี่ยนหนูเจียวได้หันไปบอกกับชิวฉานว่า “ชิวฉาน เพราะพี่เลยทำให้เจ้าต้องมาเดือดร้อน”
ชิวฉานพูดขึ้นอย่างปลงๆว่า “เดิมทีนั้นสิ่งที่ข้ากลัวที่สุดก็คือคนตาย คิดไม่ถึงว่าในตอนนี้ข้าก็ใกล้จะเหมือนคนตายเข้าไปทุกที แต่ยังไงข้าก็ไม่กลัวหรอก”
“จริงสิ คนที่เจ้าเอ่ยถึงให้พี่ฟัง พี่ไม่ได้ล้อเจ้าเล่นนะ พี่อวยพรให้เจ้าจากใจจริง”
“ใครกันล่ะ” ชิวฉานเฉไฉถามขึ้น
“ก็คนที่สวมกอดแล้วร้องไห้กับเจ้าคนนั้นไง”
“เค้านะเหรอ ข้าพยายามที่จะไม่คิดถึงเค้าแล้วเชียวนะ แต่พี่ก็มาทำให้ข้าคิดขึ้นมาอีกจนได้” ชิวฉานเอ่ยอย่างเศร้าๆ
“แล้วเจ้าชอบเค้าหรือเปล่าล่ะ”
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ข้ารู้แต่ว่า เค้าจะต้องเสียใจแน่ๆ”
“ถ้าหากเจ้าชอบเค้าจริงๆ จะอยู่หรือจะตายเจ้าก็ไม่กลัวแล้วล่ะก็ เอาไว้เมื่อเดินทางไปถึงยมโลก(阴曹地府)ก็ให้ไปรอเค้าอยู่ที่บนสะพานหน้ายเหอ(奈何桥) แล้วรอที่จะไปเกิดใหม่ด้วยกัน(一起投胎) ชาติหน้า(下辈子)จะได้เป็นคู่สามีภรรยา(夫妇)กันไง” เนี่ยนหนูเจียวปลอบ
“พี่ ก็เป็นความคิดที่ดีเหมือนกันนะ”
หลี่หลิงตัดสินใจหยิบกระบี่เตรียมตัวจะออกไปช่วยเหลือชิวฉาน แต่ก็ถูกก้วนฟูเข้ามายืนดักขวางทางเอาไว้
“เจ้าจะไปจริงๆนะหรือ” ก้วนฟูเอ่ยถาม
“พี่สาม ข้าคิดมาทั้งคืนแล้ว ข้าก็คือผู้ชายคนนั้น อักษร 子(จื่อ - ผู้ชาย)ที่ตงฟางซั่วบอกว่าอยู่เคียงข้างกับอักษร 女(หนี่ว์ - ผู้หญิง)นะ ก็หมายถึงข้านั่นเอง”
“งั้นหลังจากที่เจ้าแย่งชิงตัวได้แล้วล่ะ” ก้วนฟูถามแผนการณ์ของหลี่หลิง
“ข้าก็จะตีฝ่าวงล้อมออกมา”
“แล้วหลังจากนั้นล่ะ” ก้วนฟูถามต่อ
“พวกเราก็จะปิดบังชื่อแซ่(隐姓埋名) เดินทางหนีไปหลบซ่อนตัวให้ไกลสุดขอบฟ้า(浪迹天涯)”
“แล้วหลังจากนั้นอีกล่ะ” ก้วนฟูยังคงถามต่อ
“รอให้จิ่วเกอได้ขึ้นครองราชย์ แล้วข้าถึงค่อยออกมาปรากฏตัว”
“เพื่อผู้หญิงคนเดียว เจ้าทำอย่างนี้มันคุ้มหรือไม่นี่” ก้วนฟูถามย้ำความตั้งใจของหลี่หลิง
“พี่สาม เอาไว้ให้พี่มีผู้หญิงที่พี่รัก แล้วพี่ก็จะเข้าใจ พี่อย่าได้ขวาง(拦)ข้าอีกเลย”
“ก็ได้ ข้าไม่ขวางเจ้าก็ได้ แต่ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”
“พี่สาม” หลี่หลิงไม่เชื่อหูตนเอง
“พี่สามเองก็ยังไม่มีน้องสะใภ้ จะไม่ไปช่วยเจ้านำน้องสะใภ้กลับมาได้อย่างไรกัน เด็กโง่ ไปกันได้แล้ว”
หลิวอี้เดินทางมาเป็นประธานในการประหารเนี่ยนหนูเจียวกับพรรคพวกที่ศาลาว่าการของเมืองเยี่ยนชื่อ
“เบิกตัวนักโทษประหาร ชิวฉานกับเนี่ยนหนูเจียว” เสียงของหลิวอี้ร้องบอกทหารให้นำตัวเนี่ยนหนูเจียวกับชิวฉานมาที่กลางศาลา
ทหารได้พาตัวนักโทษทั้งสองมาคุกเข่าลงต่อหน้าชาวบ้านที่มาชุมนุมมุงดูเหตุการณ์
หลิวอี้เดินเข้าไปหาแล้วยื่นหน้าไปพูดกับเนี่ยนหนูเจียวอย่างกวนๆว่า “เจียวเจียว พ่อของข้าฆ่าพ่อของเจ้า มีเจ้าที่รอดมาได้ แต่ตอนนี้ข้าจะฆ่าเจ้า เจ้ายังมีคนที่คิดจะมาแก้แค้นแทนอีกหรือไม่”
เนี่ยนหนูเจียวจึงตอบกลับไป“คนที่ชั่วร้ายย่อมแพ้ภัยของตนเอง(多行不义必自毙) คนที่อยากจะฆ่าเจ้ายังมีอีกตั้งเยอะ”
หลิวอี้หัวเราะอย่างเย้ยหยันก่อนจะเอ่ยต่อไปว่า “ข้ารู้นะว่าเจ้าหมายถึงใคร” จากนั้นก็ชี้มือไปที่กลุ่มชาวบ้านแล้วเอ่ยบอกเนี่ยนหนูเจียวว่า “เจ้าดูทางโน้นสิ”
เนี่ยนหนูเจียวมองตามมือที่ชี้ไปก็เห็นทหารนำตัวไท่จื่อกับกัวเส่อเหรินที่ถูกมัดมือถูกปิดปากด้วยผ้าแหวกกลุ่มชาวบ้านเข้ามาแล้วผลักให้ทั้งสองคุกเข่าลง ไท่จื่อที่คุกเข่าลงข้างๆเนี่ยนหนูเจียว เมื่อเห็นนางก็อยากจะพูดด้วยแต่ก็พูดไม่ได้
“พวกเจ้าทั้งสี่คนชายหญิงร่วมเดินทางไปตายเป็นผีที่มีความสุขด้วยกันก็แล้วกันนะ” หลิวอี้เอ่ยหัวเราะชอบใจ
เนี่ยนหนูเจียวหันไปเอ่ยกับไท่จื่อ “ไท่จื่อ ท่านเป็นอะไรไป ทำไมท่านไม่บอกพวกเค้าไปล่ะว่าท่านไม่ใช่จิ่วกงจิ่วเกอที่ไหน แต่ท่านเป็นไท่จื่อ หากหลิวอี้ฆ่าท่านก็เท่ากับเค้าเป็นกบฎนะ” ไท่จื่อได้ยินแล้วก็อยากจะพูดออกมาใจจะขาดแต่ก็พูดไม่ได้เพราะติดที่ว่ามีผ้าอุดอยู่ที่ปาก เนี่ยนหนูเจียวไม่รอช้ารีบป่าวประกาศตะโกนให้ชาวบ้านได้ยินทั่วกันว่า “พ่อแม่พี่น้องทั้งหลาย คนๆนี้ก็คือไท่จื่อแห่งราชวงศ์ฮั่นของพวกเรา หลิวอี้คิดก่อการกบฎ..” ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรต่อทหารก็เอาผ้ามาอุดปากเนี่ยนหนูเจียวเอาไว้ ชิวฉานเห็นดังนั้นจึงรีบร่วมด้วยช่วยตะโกน “ท่านอาท่านลุงทั้งหลาย หลิวอี้คิดก่อกบฎ เค้าต้องการจะฆ่าไท่...” พูดยังไม่ทันจะจบประโยคดีชิวฉานก็ไม่วายโดนจับเอาผ้าอุดปากไว้อีกคน
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของชาวบ้านเริ่มดังขึ้น จนหลิวอี้ต้องรีบสั่งห้ามชาวบ้าน “ใครอนุญาตให้พวกเจ้าส่งเสียงกัน” เมื่อชาวบ้านเริ่มเงียบ หลิวอี้ก็เอ่ยต่อไปว่า “เป็นองค์ชายแต่ทำผิดกฏ ก็ต้องได้รับโทษเช่นเดียวกันกับสามัญชน(庶民) ยิ่งไปกว่านั้นไท่จื่อคนนี้เป็นตัวปลอม บทบัญญัติแรกของกฏหมายราชวงศ์ฮั่นระบุไว้ว่า ฆ่าคนต้องชดใช้ด้วยชีวิต ชายสองคนนี้ฆ่าชาวบ้านที่มีชื่อว่าจางเชียน และก็ได้ยอมรับสารภาพอย่างหมดเปลือก(供认不讳)แล้วด้วย ศพของจางเชียนยังเก็บไว้อยู่ในวัด แต่ว่าตัวฆาตกรยังไม่ได้รับโทษ เค้าคงจะนอนตายตาไม่หลับ(死不瞑目)แน่ๆ ใครบ้างไม่มีพ่อแม่ ใครบ้างไม่มีพี่น้อง ถ้าหากจางเชียนเป็นพี่น้องลูกหลานของพวกท่าน พวกท่านจะยอมปล่อยให้นักโทษคนนี้ลอยตัวอยู่เหนือกฎหมาย(逍遥法外)อย่างนั้นนะหรือ”
ทันทีที่หลิวอี้พูดจบชาวบ้านก็ส่งเสียงสนับสนุนขึ้นมาว่าต้องลงโทษ ปล่อยไว้ไม่ได้ เมื่อได้ยินชาวบ้านให้การสนับสนุนเช่นนี้หลิวอี้จึงเอ่ยต่อ
“ข้าเห็นแก่ตัวกฏหมายมากว่าตัวบุคคล ดังนั้นวันนี้ข้าจะลงโทษคนทำความผิดเพื่อคนที่ตายไป” พูดจบหลิวอี้ก็ร้องเรียกทหารให้ติดชื่อป้ายรอการประหารไว้ที่ตัวของนักโทษทั้งสี่คน
เนี่ยนหนูเจียวทนไม่ไหวพยายามสลัดผ้าที่อุดปากจนหลุดออกมา แล้วพูดเผยความในใจกับไท่จื่อว่า “เดิมทีข้าตั้งใจจะให้ท่านแก้แค้นแทนข้า แต่นึกไม่ถึงว่าข้าก็มาทำให้ท่านต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย” ไท่จื่อที่ถูกผ้าอุดปากอยู่ส่ายหน้าในทำนองว่าตนเองไม่เดือดร้อน เนี่ยนหนูเจียวได้พูดต่อไปอีกว่า “อันที่จริง ข้ายังมีเรื่องที่อยากจะบอกท่านอีกว่า ใจจริงของข้าไม่ได้รักท่านเลยสักนิด ข้าต้องการแค่อาศัยตำแหน่งของท่านเป็นบันไดของการแก้แค้น ในสายตาของข้า ผู้ชายที่ไปเที่ยวสำนักนางคณิกานั้นล้วนไม่มีดีสักคน และก็ไม่มีสักคนที่จะมีความจริงใจ” ได้ยินเช่นนี้ไท่จื่อรีบทำท่าทางเว้าวอนปฏิเสธว่าไม่จริง แล้วก็ทำท่าก้มหน้าไปดูที่หัวใจของตนเพื่อให้เนี่ยนหนูเจียวทราบว่าไม่ใช่อย่างที่นางคิด แต่เนี่ยนหนูเจียวกลับถอนหายใจเอ่ยรำพึงขึ้นว่า “ตอนนี้ข้ามาพูดเรื่องพวกนี้แล้วมีประโยชน์อันใด เอาไว้เมื่อไปถึงยมโลก(阴间) ข้าก็ไม่ใช่นางคณิกาอีกแล้ว และท่านก็คงจะไม่ใช่ไท่จื่อด้วยเหมือนกัน แต่บางทีพวกเราก็ยังสามารถเป็นเพื่อนกันก็ได้นี่นา” ไท่จื่อได้ยินแล้วทำหน้าเศร้า
นายทหารคนหนึ่งเห็นว่าเป็นฤกษ์ยามของการประหาร จึงได้เอ่ยขึ้นกับหลิวอี้ว่า “นายน้อย ได้เวลาแล้วล่ะ”
“เปิดมีดประหาร” เสียงของหลิวอี้ร้องบอกแก่เพชรฆาต
เพชรฆาตสองนายเดินตรงมายังนักโทษทั้งสี่แล้วเงื้อขวานที่อยู่ในมือขึ้นสุดแรง จากนั้นก็เหวี่ยงขวานที่อยู่ในมือลงมาหมายจะตัดคอของเนี่ยนหนูเจียวกับไท่จื่อให้ขาดกระเด็นภายในฉับเดียว
หมายเหตุจากผู้แปล
ผู้แปลได้ดูการแสดงในฉากที่ไท่จื่อมีผ้าอุดปากอยู่แล้วต้องฟังคำพูดของเนี่ยนหนูเจียวที่พรรณาถึงความรู้สึกที่แท้จริงของตนเองที่มีต่อไท่จื่อออกมาให้ฟังนั้น ผู้แปลขอชมว่าหวงเสี่ยวหมิงแสดงฉากนี้ได้ดีจริงๆทั้งๆที่แม้จะพูดออกมาไม่ได้เพราะมีผ้าอุดปากอยู่ แต่ก็สามารถใช้สายตา การแสดงออกทางใบหน้า แทนคำพูดที่อยากจะพูดออกมาได้ดีเยี่ยมอย่างไม่มีที่ติจริงๆ
แปลมาซะสั้นเชียวคราวนี้ แถมเล่นแปลทิ้งท้ายให้คอยลุ้นซะงั้น
เอ้า ถ้าใครอยากจะทราบเหตุการณ์ต่อไป ก็ติดตามอ่านกันต่อได้ในตอนหน้าเด้อ