Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2550
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
8 มิถุนายน 2550
 
All Blogs
 
《ต้าฮั่นเทียนจื่อ 3》 ตอนที่ 7

สารบัญ | ตอนที่แล้ว | ตอนถัดไป

ตีพิมพ์ครั้งแรก : 16 กรกฎาคม 2550 / ปรับปรุงแก้ไข :

แปลโดย : เสี่ยวชิงวา



จอมจักรพรรดิ์ ฮั่นอู่ตี้ ภาค 3 - ตอนที่ 7




7-1



“ วันนี้คงตกได้ปลาตัวใหญ่เลยล่ะสิท่า ” หลี่ฉางเซิงเอ่ยถามพร้อมกับนวดให้เจียงชงอย่างเอาใจ

เจียงชงเลยเล่าสิ่งที่ตนเองได้เจอให้ฟัง “ อีกนิดเดียวก็เกือบจะถูกปลาตัวใหญ่กินซะแล้ว ข้ายังนึกว่าที่นายพลน้อยคนนั้นถามจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการแต่งงานซะอีก ใครจะไปคิดล่ะว่า เค้าจะถามถึงนักโทษที่หลบหนี ”

“ เค้าคงจะทำให้เจ้าไขว้เขวเล่นนะสิ แล้วหลังจากนั้นล่ะ ” หลี่ฉางเซิงเอ่ยถามต่อด้วยความอยากรู้

“ โชคยังดี ที่ข้าไหวตัวทันคิดหาคำพูดวกกลับเข้าเรื่องจนได้ พวกขุนนางนี่ช่างเดาใจยากจริงๆ เกิดพูดประโยคไหนผิดไปล่ะก็ คงจะถูกจับได้เป็นแน่ ”

“ เจ้าอย่าเพิ่งถอดใจก็แล้วกัน ไม่อย่างงั้นที่พวกเราทำมาก็จะเท่ากับสูญเปล่า ”

“ ไม่มีทางเด็ดขาด ถึงแม้จะล้มเหลวข้าก็ไม่มีวันเสียใจ ”


7-2





“ เสื้อผ้าพวกนี้เป็นของภรรยาของข้าที่เหลือทิ้งไว้ แต่ว่ายังดูสะอาดเรียบร้อยดี พอดีตัวไม่พอดีตัวยังไง เจ้าก็ลองสวมดูละกัน”

หลิวซี่จวินที่พยายามนั่งก้มหน้าหลบสายตาของกัวเจี่ยได้กล่าวคำ “ ขอบคุณ ” ออกมาอย่างสั้นๆ

“ เจ้าพอจะบอกข้าได้หรือยังว่าเจ้าเป็นใครมาจากที่ไหนกัน ” กัวเจี่ยพยายามเลียบเคียงสอบถามประวัติของหลิวซี่จวิน

แต่หลิวซี่จวินกลับเอ่ยตัดบทว่า “ ท่านอย่าถามอะไรข้าเป็นดีที่สุด ”

“ แต่ว่าข้าอยากรู้ ”

หลิวซี่จวินเงยหน้าของตนเองขึ้นมาแล้วกล่าวออกไปว่า “ ท่านรู้แค่ว่า ท่านคือคนที่ช่วยเหลือคนแปลกหน้าต่างถิ่นคนหนึ่งที่ต้องกลายมาเป็นคนตกทุกข์ได้ยากและไร้ที่อยู่ก็พอแล้ว ”

“ เจ้าคงจะประสบกับภัยธรรมชาติสินะ ”

“ จะว่าอย่างนั้นก็ได้ ”

“ แต่ข้าได้ยินสำเนียงการพูดของเจ้าแล้ว ฟังดูคล้ายกับสำเนียงของคนเจียงตูในหยางโจว

หลิวซี่จวินปฏิเสธ “ คงไม่ใช่หรอก สำเนียงของข้าคงจะแปร่งๆจนฟังดูคล้าย ”

“ ถ้าอย่างงั้นเจ้าเคยไปที่เจียงตู ในหยางโจวหรือเปล่า ”

“ ไม่เคย ”

“ งั้นก็น่าเสียดาย เพราะข้าได้ยินมาว่าเมื่อเร็วนี้ๆที่หยางโจวเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น อ๋องเจียงตูคิดก่อการกบฎ แต่ว่ากระทำการไม่สำเร็จจนต้องฆ่าตัวตาย ส่วนคนในครอบครัวล้วนถูกคุมขังถูกนำตัวเดินทางกลับไปที่เมืองหลวงเพื่อรอการตัดสินลงโทษ ”

หลิวซี่จวินเกรงว่ากัวเจี่ยจะทราบว่าตนเองเป็นใคร จึงรีบชิงพูดตัดบทว่า “ ขอบคุณท่าน สำหรับเสื้อผ้าและอาหาร วันข้างหน้าหากมีโอกาสข้าจะต้องตอบแทนท่านแน่นอน ”

“ แต่ว่าข้ายังพูดไม่จบเลย ในที่สุดคนในครอบครัวของเค้าก็หลบหนีไปได้คนหนึ่ง คนที่หนีไปได้ก็คือจวิ้นจู่(ราชธิดา)ของอ๋องเจียงตู

หลิวซี่จวินตกใจจนเผลอตัวเอามือทุบโต๊ะ
“ ท่านทราบข่าวเร็วดีนี่ ”

กัวเจี่ยหัวเราะก่อนจะเอ่ยว่า “ ทางแผนกคดีอาญาราชสำนักมีหนังสือนำจับประกาศแจ้งให้ทราบไปทั่วทุกเมือง และเรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นความลับอะไรอีกแล้ว แต่ว่าหากเจ้าก้าวเท้าออกไปจากประตูบ้านตระกูลกัว ก็เท่ากับเจ้าพาตัวเองไปให้เค้าจับ ”

“ ท่านคิดว่าข้าเป็นใคร ”

จวิ้นจู่!! ”

หลิวซี่จวินเองไม่คาดคิดว่ากัวเจี่ยจะทราบฐานะที่แท้จริงของตน จึงรีบลุกไปหยิบกระบี่ที่แขวนไว้ที่ผนังแล้วนำมาจ่อเข้าที่คอของกัวเจี่ย

จวิ้นจู่ โปรดระวังกระบี่ด้วย ”




เสียงของกัวเจี่ยทำให้บรรดาลูกศิษย์ของกัวเจี่ยต่างรายล้อมจะเข้ามา จนหลิวซี่จวินต้องรีบเอ่ย “ หากยังเห็นว่าเป็นสหาย ก็จงหลีกทาง หากใครกล้าเข้ามาขวาง ข้าจะฆ่านายของพวกเจ้าซะ ”

“ พวกเจ้าห้ามลงมือใดๆเด็ดขาด ” กัวเจี่ยสั่งห้ามลูกศิษย์ของตน

หลิวซี่จวินบอกกัวเจี่ย “ ไปเตรียมม้า กับอาหารแห้งให้ข้าเดี๋ยวนี้ ”

“ ได้ได้ได้ ข้าเตรียม ข้าจะเตรียมให้ ” กัวเจี่ยหันไปทางลูกศิษย์แล้วบอก “ เตรียมเงินให้นางอีกร้อยตำลึงด้วย ” เมื่อเห็นบรรดาลูกศิษย์ต่างยืนงงนิ่งเฉย กัวเจี่ยจึงสั่งกำชับอีกครั้ง “ พวกเจ้าไม่เห็นหรือว่า อาจารย์ตกอยู่ในเงื้อมมือของนาง รีบๆไปจัดการซะสิ รีบไปซะ ”

เมื่อบรรดาลูกศิษย์แยกย้ายไปแล้ว กัวเจี่ยได้เอ่ยถามขึ้น “ แม่นางเจ้าตั้งใจจะเดินทางมุ่งหน้าไปที่ใดล่ะ ”

“ ไม่ใช่เรื่องของท่าน ”

“ แล้วกระบี่เล่มนี้จะเอาติดตัวไปด้วยหรือเปล่า ”

“ คิดว่าข้าขอยืมแล้วกัน ”

“ ถ้างั้นเจ้าเปลี่ยนเล่มใหม่ดีกว่า กระบี่เล่มนี้มันไม่มีคมดาบ ”

หลิวซี่จวินรีบชักกระบี่ที่จ่อกัวเจี่ยไว้กลับมาดู แล้วปล่อยกระบี่ทิ้งลงพื้น หันไปหยิบกระบี่อีกเล่ม แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว

กัวเจี่ยนำกระบี่ที่หลิวซี่จวินเพิ่งจะทิ้งลงพื้นไป มาจ่อเข้าที่คอของหลิวซี่จวิน “ ข้าจำผิดไปหรือนี่ กระบี่เล่มนี้ก็มีคมดาบนี่ ”

“ เจ้าหลอกข้าเหรอ เจ้าคนชั่ว ช่างน่าละอายนัก ค่าหัวของข้าคงจะทำให้เจ้ามีเงินมีฐานะขึ้นสินะ ”

ทันใดนั้นเองลูกศิษย์คนหนึ่งของกัวเจี่ยรีบเข้ามารายงานว่า “ ท่านอาจารย์ มีกองทหารจากวังหลวงเดินทางมาที่นี่ครับ ”



7-3





จี้ฉินหู่สั่งให้ทหารสองนายเข้าไปเรียกเจ้าของบ้าน ทหารสองนายนั้นเดินไปทุบประตูบ้านของกัวเจี่ยที่ปิดอยู่ ส่งเสียงร้องบอกให้เปิดประตู ไม่นานนักประตูก็ถูกเปิดออก กัวเจี่ยพร้อมด้วยลูกศิษย์เดินออกมาด้านนอก

“ ไม่ทราบว่า ท่านนายพลจะมาหาในยามวิกาล เลยไม่ได้มาให้การต้อนรับ หวังว่าท่านนายพลคงจะให้อภัย ”

“ ท่านคือจอมยุทธ์กัวหรือเปล่า ” จี้ฉินหู่เอ่ยถาม

“ จอมยุทธ์ที่ไหนกัน ข้ามิบังอาจหรอก ที่นี่เป็นที่สำหรับสอนศิษย์แค่ไม่กี่คน สำหรับฝึกฝนวิทยายุทธ์เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกายก็เท่านั้น ”

จี้ฉินหู่เดินเข้าไปยืนอยู่ที่หน้าประตูแล้วส่องดูเข้าไปข้างในบ้าน จากนั้นก็หันมาถาม “ ที่นี่มีคนแปลกหน้าเดินทางผ่านมาบ้างหรือไม่ ”

“ มีคนผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เหมือนกับท่านนายพลนี่แหละ ”

“ ที่ข้าถาม ข้าหมายถึงผู้หญิง ”

“ ท่านนายพล ท่านคงจะล้อข้าเล่นกระมัง ภรรยาของข้าตายไปตั้งนานแล้ว ลูกชายลูกสาวข้าก็ไม่มี ส่วนลูกศิษย์ของข้าก็ยังไม่ได้แต่งงาน แล้วบ้านข้าจะมีผู้หญิงได้อย่างไรกัน”

“ บุตรสาวของอ๋องเจียงตูหลิวเฟย ท่านก็ไม่เคยเห็นงั้นสิ หวงตี้ทรงมีรับสั่งผู้ใดให้ที่หลบซ่อนแก่นางก็จะได้รับโทษเช่นเดียวกัน จอมยุทธ์กัว ท่านคงไม่คิดจะไม่ท้าทายพระกระแสรับสั่งหรอกนะ ”

“ ข้ากัวเจี่ยก็เป็นคนธรรมดาที่รักความสงบ อะไรที่มีพิษข้าก็ไม่กิน อะไรที่ผิดกฎหมายข้าก็ไม่ทำ ”

“ แล้วนี่คืออะไร ” จี้ฉินหู่หยิบของชิ้นหนึ่งขึ้นมาแสดงให้กัวเจี่ยดู

“ ก็แค่รองเท้าข้างหนึ่ง ”

“ แต่ว่ารองเท้าข้างนี้ ตกอยู่ที่หน้าบ้านของเจ้า เจ้ายังกล้าที่จะบอกว่าไม่มีผู้หญิงผ่านมาอีกเหรอ ”

“ ในเมื่อท่านไม่เชื่อ ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ”

“ เจ้าไม่มี แต่ข้ามี ” จี้ฉินหู่หันไปสั่งทหารให้เข้าไปทำการค้นในบ้าน แต่บรรดาลูกศิษย์ของกัวเจี่ยเข้าไปยืนดาหน้าขวางทหารเอาไว้

จี้ฉินหู่เห็นดังนั้นจึงร้องบอกแก่บรรดาลูกศิษย์ของกัวเจี่ยว่า “ ข้าได้รับคำสั่งให้ทำการตรวจค้น ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องไม่ควรขัดขวาง จงหลบไป ”

“ เดี๋ยวก่อน ” กัวเจี่ยรีบเอ่ย “ ท่านนายพลมีกฏเมือง ข้ากัวเจี่ยก็มีกฎบ้านเหมือนกัน เมื่อมีสหายเดินทางมา ข้าย่อมต้องให้การต้อนรับอย่างเต็มที่ แต่ถ้าหากต้องการใช้กำลังแล้วล่ะก็... ”

“ ถ้าใช่แล้วจะเป็นยังไง ”

“ ท่านก็คงจะต้องประลองฝีมือทดสอบวิทยายุทธ์กับสหายคนนี้สักหน่อยแล้วนะสิ ”

“ ก็ได้ ข้าจะเล่นสนุกเป็นเพื่อนเจ้า ข้าก็อยากจะดูสิว่า ฝ่าด่านจับโจรจะเป็นยังไง ” ว่าแล้วก็สั่งให้พวกทหารกับบรรดาลูกศิษย์ของกัวเจี่ยให้หลีกถอยออกไป

“ ข้ามีข้อตกลงที่อยากจะเสนอให้ท่านทราบก่อน ถ้าหากว่าข้าแพ้ล่ะก็ เชิญท่านเข้าไปตรวจค้นได้ตามสบาย แต่ถ้าหากว่าท่านนายพลแพ้ล่ะ ”

“ ต่อให้เจ้าเชิญข้า ข้าก็จะไม่เหยียบเข้าไปในบ้านของเจ้า ”

หลิวซี่จวินที่ยืนแอบฟังอยู่ด้านใน ได้แต่ภาวนาขอให้กัวเจี่ยชนะการประลองในครั้งนี้





จี้ฉินหู่เป็นฝ่ายเสือกกระบี่พุ่งเข้าใส่กัวเจี่ยก่อน ทำให้กัวเจี่ยต้องตกเป็นฝ่ายตั้งรับด้วยมือเปล่า ไม่ว่าจี้ฉินหู่จะตวัดกระบี่เข้าใส่ไปที่จุดไหน กัวเจี่ยก็ปัดป้องตั้งรับได้หมด แต่พอกัวเจี่ยเป็นฝ่ายรุกบ้าง ไม่ว่าจู่โจมเข้าไปที่จุดไหน จี้ฉินหู่ก็ดูเหมือนจะเปิดช่องให้ถูกโจมตีได้หมด ดูท่าวิทยายุทธ์ของจี้ฉินหู่จะตกเป็นรองกัวเจี่ยอยู่หลายกระบวนท่าเลยทีเดียว จี้ฉินหู่เสียหลักถูกกัวเจี่ยเตะเสยกลับมาจนต้องถอยตัวลอยกลับไปตั้งหลัก แล้วอาศัยจังหวะนั้นใช้เท้าแตะพื้นดีดตนเองลอยขึ้นไปด้านบน กัวเจี่ยเห็นแล้วก็กระโดดตามขึ้นไปด้านบน จี้ฉินหู่หมุนตัวไสกระบี่พุ่งเข้าใส่กัวเจี่ยอีกครั้ง แต่ก็ถูกกัวเจี่ยสกัดต้านด้วยพลังลมปราณจากฝ่ามือ ทั้งสองต้านพลังกันไปมา กัวเจี่ยอาศัยจังหวะรวบรวมพลังซัดฝ่ามือเข้าใส่อีกครั้ง จนพลังลมปราณที่ถูกซัดออกมานี้ทำให้กระบี่ของจี้ฉินหู่แตกหักออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แล้วผ่านไปกระแทกตัวจี้ฉินหู่จนเสียหลักร่วงตกลงมายังที่พื้น

“ ท่านนายพล ท่านแพ้แล้วล่ะ ” กัวเจี่ยตามลงมาเอ่ยถาม

จี้ฉินหู่ถูกทหารสองนายพยุงตัวขึ้นจากพื้น เอ่ยก่อนจะจากไปว่า “ คนแซ่กัว ข้าขอฝากไว้ก่อนเถอะ ”




7-4



หลิวซี่จวินล้มตัวคุกเข่าขอบคุณกัวเจี่ยที่ได้ให้การช่วยเหลือ

“ เจ้ารีบลุกขึ้นเถอะ ”

ซี่จวินขอขอบคุณผู้มีพระคุณที่ให้การช่วยเหลือ ข้าจะไม่ลืมไปจนชั่วชีวิต ”

จวิ้นจู่ เดิมทีข้าก็คิดจะให้เจ้าหลบซ่อนตัวอยู่ที่นี่ แม้ข้าจะเห็นใจเจ้า แต่เห็นทีตอนนี้จะปล่อยให้เจ้าอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้วล่ะ ”



7-5



จี้ฉินหู่คุกเข่าอยู่ต่อหน้าจี้อันซื่อ “ ท่านพ่อ ข้าขอโทษที่ทำให้ท่านต้องเสียหน้า ”

จี้อันซื่อหยิบรองเท้าขึ้นมาพิจารณาดูแล้วเอ่ยถาม “ เจ้าไม่เคยได้ยินคนชื่อกัวเจี่ยมาก่อนหรืออย่างไร ”





“ เคยได้ยินมาบ้าง แต่ก็ยังไม่เคยเจอตัวจริงนี่ ท่านพ่อ ”

“ งั้นข้าก็ไม่แปลกใจที่เจ้าทำขายหน้าหรอก ยังไงเจ้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเค้า ”

“ เค้าก็แค่ชาวป่าชาวเขา พวกบ้านนอกกระจอกๆธรรมดา ที่มีวิทยายุทธ์แค่ไม่เท่าไรเท่านั้นเอง ”

“ นั่นเป็นเพราะเค้าไม่อยากจะออกมาแสดงตัวให้ใครเห็นนะสิ ไม่อย่างนั้นแล้วป่านนี้เค้าคงเป็นนายทหารระดับสูงไปแล้ว ลูกอย่าคิดว่าคนที่มีความสามารถทั้งหลายจะมารวมตัวอยู่ในวังหลวงกันหมดนะ ในป่าในเขาก็ยังมีของดีมีค่าอยู่อีกมาก ก็เหมือนตอนนั้น ถ้าหากหวงตี้ไม่ทรงอภัยโทษในความแค้นที่มีมาแต่ครั้งอดีตของพ่อที่เป็นคนตระกูลจี้แล้วล่ะก็ เวลานี้ตอนนี้พ่อก็คงเป็นพวกชาวป่าชาวเขาเป็นพวกบ้านอกกระจอกๆนั่นแหละ ”

“ แล้วจะปล่อยหลิวซี่จวินไปเฉยๆเหรอท่านพ่อ หวงตี้ยิ่งทรงเคืองพระทัยลูกในเรื่องนี้อยู่ด้วย ”

“ เห็นทีพ่อคงจะต้องไปด้วยตัวเองแล้วล่ะ ”




7-6



“ เจ้าดูสิ เจ้าแต่งตัวอย่างนี้ไม่มีทางถูกจับได้แน่ๆ ” กัวเจี่ยเอ่ยบอกกับหลิวซี่จวินที่แต่งตัวปลอมเป็นชาย

ซี่จวินคงต้องไปจากผู้มีพระคุณแล้วล่ะ ” หลิวซี่จวินกล่าวคำอำลา

จวิ้นจู่ หลังจากที่เจ้าไปถึงเมืองหลวง แล้วได้พบกับท่านซือหม่าเชียน ข้ารับรองว่าเค้าจะต้องให้การช่วยเหลือเจ้าแน่ๆ ”





Create Date : 08 มิถุนายน 2550
Last Update : 24 สิงหาคม 2550 10:37:15 น. 0 comments
Counter : 1071 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

WangAnJun
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add WangAnJun's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.