Group Blog
 
<<
เมษายน 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
13 เมษายน 2550
 
All Blogs
 
จอมจักรพรรดิ์ ฮั่นอู่ตี้ ภาค 1 - ตอนที่ 23

สารบัญ | ตอนที่แล้ว | ตอนถัดไป

《ต้าฮั่นเทียนจื่อ #23》 ให้เฉินอาเจียวช่วย


ตีพิมพ์ครั้งแรก : 10 พฤษภาคม 2550 / ปรับปรุงแก้ไข :



หลี่หลิงนัดกับชิวฉานไว้ว่าวันนี้จะไปหา หลังจากแต่งตัวเสร็จผมเผ้าเรียบร้อยก็เดินผิวปากอย่างคนอารมณ์ดีออกมาจากห้อง แต่โชคร้ายไปหน่อยได้พบกับก้วนฟูที่มายืนดักรอขวางทางเอาไว้ไม่ให้ไป

“นี่เจ้าจะออกไปไหนอีก เมื่อวานดึกดื่นแล้วก็ยังไม่กลับ วันนี้ก็ยังจะออกไปอีก เจ้าไปนั่งอยู่ตรงนั้นเลย”

หลี่หลิงกำลังรีบจึงเอามือจับตัวก้วนฟูที่ยืนขวางทางอยู่ให้ออกไปแล้วเอ่ยขึ้นว่า “คนเราก็ต้องมีนัดกันบ้างสิ”

แต่ก้วนฟูไม่หลีกทางให้ เอ่ยถามขึ้นอีกว่า “ผู้ชายหรือว่าผู้หญิงล่ะ”

“ผู้ชาย ผู้ชาย ผู้ชาย” หลี่หลิงบอกปัดอย่างรำคาญ

“โกหก เมื่อคืนวานตอนที่เจ้ากลับมา ข้าได้กลิ่นหอมที่ติดอยู่บนหัวของเจ้า ผู้ชายเค้าใช้แป้งแต่งหน้า(涂脂抹粉)กันด้วยเหรอ ข้าว่าเจ้าคงจะโดนเจ้าปีศาจจิ้งจอก(狐狸精)หว่านเสน่ห์ใส่แน่ๆเลย”

“เค้าไม่ได้เป็นปีศาจจิ้งจอกสักหน่อย เค้าเป็นคนปราบจิ้งจอกต่างหากล่ะ” หลี่หลิงเถียง

“อ้อ เป็นนักล่า(猎户)ด้วยหรือนี่ งั้นเจ้าก็คงจะเป็นจิ้งจอกสินะ ถึงเต็มใจ(情愿)ที่จะให้เค้าล่าอ่ะ”

“ข้าขอร้องท่านล่ะ พี่สาม ได้หรือเปล่า ปล่อยข้าให้ไปเป็นเพื่อนเค้าสักหน่อยจะได้ไหม เค้าเป็นคนขี้กลัว”

“ข้าก็กลัวเหมือนกันนี่ ทำไมเจ้าไม่อยู่เป็นเพื่อนข้าบ้างล่ะ”

“อยู่เป็นเพื่อนท่านนะเหรอ เค้าคนนั้นเป็นผู้หญิง ท่านกับเค้าเหมือนกันซะที่ไหนล่ะ”

“นั่นปะไร เจ้ายอมรับเอง(不打自招)นะ จิ่วเกอตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ เจ้ายังจะออกไปเที่ยวลอยชายอยู่อีก หากเจ้ายังคิดที่จะออกไปข้างนอกอีกล่ะก็ ข้าพี่สามคงต้องนำกฎของบ้านมาใช้จัดการกับเจ้า(执行家法)” ทันทีที่พูดเสร็จหลี่หลิงก็วิ่งหนี แต่ก็ไปไหนไม่รอดถูกก้วนฟูจับตัวเอาไว้ได้

“ท่านแซ่ก้วน ข้าแซ่หลี่ ท่านรั้งตัวข้าไว้ไม่ได้หรอก” หลี่หลิงร้องเอะอะโวยวายขณะที่มือของตนเองถูกก้วนฟูจับมัดไพล่ไปทางด้านหลัง

“ข้าเหรอจะรั้งตัวเจ้าไว้ไม่ได้”




หลิวอี้เดินตามผู้จัดการสำนักขึ้นไปชั้นบนเพื่อเยี่ยมเยียนอาการป่วยของเนี่ยนหนูเจียว เมื่อมาถึงที่ห้องก็นั่งคุยสอบถามอาการของนาง

“เจียวเจียว เจ้าเชิญหมอมาดูอาการแล้วหรือยัง”

“ข้าเชิญมาแล้วล่ะ”

“แล้วหมอเค้าว่ายังไงบ้าง”

“หมอบอกว่าเพราะโดนลมโดนความเย็นจึงทำให้เป็นไข้ พักไม่กี่วันก็หาย”

“แต่ข้าว่าเจ้าคงไม่ได้เป็นไข้เพราะโดนลมโดนความเย็นหรอก คงจะเป็นไข้ใจเพราะคิดถึงข้ามากกว่าละมั๊ง” พูดไม่พูดเปล่า หลิวอี้เอื้อมมือไปดึงเนี่ยนหนูเจียวมากอดแนบอก รัดซะจนเนี่ยนหนูเจียวเกิดอาการเจ็บแผล จนต้องใช้มือยันตนเองให้ผละออกจากอกของหลิวอี้ ทำให้หลิวอี้รู้สึกแปลกใจเอ่ยถาม “เป็นอะไรไปเหรอ ไม่ชอบข้าแล้วหรือ”

ทั้งๆที่เจ็บแผลเนี่ยนหนูเจียวพยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติ “ไม่ใช่ไม่ชอบ ข้าได้ยินมาว่าพ่อของท่านเคราะห์ร้ายถูกคนฆ่าตาย คุณชายก็กำลังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์(热孝之中) ท่านมาหาข้าที่นี่เกรงว่าจะไม่เหมาะ”

“ข้าก็กำลังจะบอกข่าวเจ้าอยู่พอดีว่าพ่อของข้าตายแล้ว ตำแหน่งเจ้าเมืองเยี่ยนชื่อก็มีข้าเป็นผู้สืบทอดตำแหน่ง นับจากนี้ไป เมืองเยี่ยนชื่อก็อยู่ภายใต้อำนาจของข้าแล้ว ฮ่าฮ่า เจียวเจียว เจ้าล้างมือในอ่างทองคำ(金盆洗手) มาตกแต่งเป็นภรรยารองของข้าจะดีกว่ามั๊ง”

“แต่ว่าน่าเสียดายที่ข้าเป็นคนอาภัพไร้วาสนา จึงไม่อาจจะมีส่วนร่วมในความยินดีครั้งนี้ได้” เนี่ยนหนูเจียวเอ่ยปฏิเสธอย่างนิ่มนวล

“ข้าบอกว่ามีเจ้าก็ต้องมีสิ วันนี้เจ้าไปกับข้านะ” พูดเสร็จหลิวอี้ก็ลุกขึ้นส่งเสียงดังไปยังด้านล่าง “เด็กๆ ไปหามเกี้ยวมารับภรรยาข้าทีสิ”

เนี่ยนหนูเจียวรีบดึงมือหลิวอี้ไว้แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ช้าก่อน หากท่านจะแต่งงานกับข้าก็ไม่เห็นจะต้องรีบร้อนขนาดนี้เลย สาวๆอย่างข้าเกิดมาชาติหนึ่ง จะแต่งงานทั้งทีก็ควรจะวางแผนเรื่องแต่งงานให้รอบคอบ ไหนท่านจะต้องไปหาฤกษ์วันที่เป็นมงคล(黄道吉日) ข้าว่าเอาอย่างนี้ดีไหม รอให้ฝังศพท่านเจ้าเมืองเรียบร้อยเสียก่อน ท่านค่อยมาประกาศสู่ขอข้า อย่างนี้ดูท่าจะเหมาะกว่า”

“แต่ว่าข้ารอไม่ไหวแล้ว วันนี้ถือเป็นวันฤกษ์งามยามดีแล้ว ไปเถอะ” พูดเสร็จก็ฉุดมือเนี่ยนหนูเจียวให้ลุกเดินตามไป

เนี่ยนหนูเจียวรีบเอ่ย “เดี๋ยวก่อน ข้าตัดสินใจไม่ไปกับท่านแล้ว ท่านไม่กลัวคนเค้าหัวเราะเยาะกันหรือไง ข้ากลัวนะ”

หลิวอี้ยื่นหน้าไปกระซิบบอก “เจียวเจียว แล้วเจ้าอย่ามาเสียใจในภายหลังก็แล้วกัน”

ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากด้านล่างว่า “เจ้าเป็นใคร” เนี่ยนหนูเจียวหันไปตามที่มาของเสียงแล้วเผลอหลุดปากเรียกชื่อชิวฉานออกมา หลิวอี้เห็นอากัปกิริยาของเนี่ยนหนูเจียวก็พอจะจับเค้าอะไรได้ลางๆ




หลี่หลิงถูกก้วนฟูจับมัดแน่นด้วยเชือกส่งเสียงร้องอ้อนวอนอยู่ที่พื้น “พี่สามข้าขอร้องล่ะ ได้โปรดปล่อยข้าออกไปสักประเดี๋ยวเถอะนะ ข้าจะผิดนัด(失约)ไม่ได้”

“เจ้าหุบปากเลย ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว”

“พี่สามที่รัก พี่สามคนดี ปล่อยข้าไปเถอะนะ”

“เจ้าไม่ต้องมาพูดดีไม่ต้องมาพูดหวานกับข้า ไม่มีประโยชน์หรอก” พูดจบก้วนฟูก็เดินมานั่งข้างๆหลี่หลิงแล้วเอ่ย “พี่สามหวังดีกับเจ้านะ มีสุภาษิตบทหนึ่งกล่าวไว้ว่า สุราก็คือยาพิษเคลือบลำไส้(酒是穿肠毒药) นารีก็คือมีดขูดกระดูก(色是刮骨钢刀) ข้าไม่อาจจะทนดูเจ้ากระโจนลงไปในบ่อได้หรอก”

ทันใดนั้นก็มีเสียงเอะอะที่ด้านล่าง หลี่หลิงเอ่ยเรียกชิวฉานพร้อมกับลุกกระโดดไปที่หน้าต่างทั้งๆที่ตัวเองถูกมัดไว้แน่น ก้วนฟูเห็นอาการหลี่หลิงก็ได้แต่เอ่ย “วุ้ย ตามมาจนถึงที่เลยหรือนี่” แล้วก็เดินตามหลี่หลิงไปที่หน้าต่าง

“พี่สาม มาดูอะไรนี่เร็วๆ” หลี่หลิงร้องเรียก

ทหารวิ่งมาไล่ชาวบ้านให้หลบไปให้พ้นเส้นทางขบวนนำนักโทษที่กำลังจะเดินทางพานักโทษไปยังที่ว่าการเมืองเยี่ยนชื่อ นักโทษที่ถูกทางการควบคุมตัวจับขังไว้ในกรงขังก็คือชิวฉานกับเนี่ยนหนูเจียว

“ผู้หญิงของเจ้าคนไหนกันล่ะ” ก้วนฟูเอ่ยถาม

“คนที่อยู่ทางซ้ายมือ ส่วนคนทางขวามือนั้นก็คือเนี่ยนหนูเจียว

“หา”



จางทังเดินทางไปที่ตำหนักของก่วนเถากงจู่เพื่อขอความช่วยเหลือ เมื่อไปถึงก็เอ่ยบอกกับพ่อบ้านที่หน้าประตูว่า “ท่านช่วยไปทูลองค์หญิงใหญ่ให้ที บอกว่าจางทังพระสหายร่วมชั้นเรียนของไท่จื่อ ขอเข้าเฝ้า”

“องค์หญิงใหญ่ทรงเสด็จเข้าวังไปแล้วล่ะ” พ่อบ้านบอก

“แล้วพระองค์จะเสด็จกลับมาเมื่อไหร่”

“ข้าก็ไม่ทราบ”

เฉินอาเจียวพระคู่หมั้นของไท่จื่อ เดินทางกลับมาจากข้างนอกพอดีได้เอ่ยถามขึ้น “เจ้าเป็นใคร”

จางทังหันมาทางต้นเสียง พอเห็นว่าเป็นเฉินอาเจียวก็เอ่ยทัก “คุณหนูอาเจียว ข้าก็คือจางทังคนที่เป็นเพื่อนร่วมเรียนหนังสือกับไท่จื่อ”

พอได้ยินว่าเป็นจางทัง เฉินอาเจียวก็รีบเอ่ยถาม “ไท่จื่อทรงเสด็จกลับมาแล้วหรือ”




เฉินอาเจียวมีเรื่องตั้งมากมายที่อยากจะถามไถ่เกี่ยวกับไท่จื่อ จึงพาจางทังไปคุยกันในสวน ระหว่างทางที่เดินได้เอ่ยถามขึ้นว่า “พวกเจ้าหนีไปทำอะไรกันที่เมืองเยี่ยนชื่อ แล้วไท่จื่อทรงไปติดบ่วงเสน่ห์ของสาวๆที่นั่นหรือเปล่า”

จางทังขอรับรองว่า ไม่มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นแน่ อันที่จริงไท่จื่อทรงแค่ต้องการไปตรวจเยี่ยมความเป็นอยู่ของประชาชน แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกเจ้าเมืองเยี่ยนชื่อให้ร้าย(陷害) แล้วจับพระองค์ขังคุกไว้ นี่ก็หลายวันแล้ว”

เฉินอาเจียวตกใจ “เจ้าว่าอะไรนะ ไท่จื่อทรงถูกจับอย่างงั้นหรือ เจ้าเมืองเยี่ยนชื่อคิดอยากตายหรืออย่างไร แม้แต่ไท่จื่อก็ยังกล้ากลั่นแกล้ง”

“แต่ว่าครั้งนี้พลังมังกรก็ไม่อาจสยบคนพาล(强龙不压地头蛇)ได้”

“แล้วเจ้ากลับมาทำไม ไท่จื่อทรงกำลังประสบกับเคราะห์กรรม เจ้าก็หนีกลับมาคนเดียวอย่างนี้ ช่างมีความจงรักภักดีเหลือเกินนะ” เฉินอาเจียวต่อว่าจางทัง

จางทังรีบอธิบาย “ข้าได้รับมอบหมายจากไท่จื่อให้รีบกลับวัง เพื่อมาทูลหวงตี้ให้ทรงทราบเรื่อง แต่ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าเฝ้า”

“หวงตี้ประชวรหนัก เกรงว่าเจ้าจะไม่ได้เข้าเฝ้าพระองค์แล้วล่ะ”

“เพราะอย่างงั้น ข้าจึงมาขอเข้าเฝ้าองค์หญิงใหญ่ เพื่อขอให้พระองค์ทรงช่วยทูลต่อหวงตี้แทน”

“เสด็จแม่ไปรอเฝ้าเผื่อที่จะเข้าไปในวังตั้งหลายวันแล้ว ยังไม่กลับออกมาเลย”

“ถ้าอย่างงั้นไท่จื่อมิต้องทรงนั่งรอความตาย(坐以待毙)แย่เลยหรือ”

จางทัง เจ้าดูจะมองข้ามคนเกินไปหน่อยแล้ว(目中无人) ถึงแม้เสด็จแม่ของข้าไม่อยู่ ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีข้าอยู่นะ”

“ท่านสามารถเข้าเฝ้าหวงตี้ได้หรือ”

“แม้ข้าจะไม่สามารถเข้าเฝ้าหวงตี้ได้ แต่ข้าก็สามารถเข้าเฝ้าไท่โห้วได้นี่”

“ไม่ได้เด็ดขาด เรื่องนี้ยังไงก็ไม่ควรจะรบกวนไท่โห้วอีกแล้ว” จางทังรีบเอ่ยห้าม

เฉินอาเจียวสงสัย “ทำไมล่ะ หวงตี้ตอนนี้ทรงไม่สามารถที่จะออกว่าราชกิจได้ ก็มีแต่ไท่โห้วที่ทรงปฏิบัติหน้าที่แทน ถ้าไม่ไปเข้าเฝ้าไท่โห้วแล้วจะให้ไปเข้าเฝ้าใคร”

“ด้วยฐานะบ่าวที่ติดตัวข้าอยู่นี้(身为臣子) ข้ามีความจริงบางอย่างที่อยากจะพูดแต่ก็พูดออกมาได้ไม่เต็มปาก”

“ตอนนี้เป็นเวลาไหนแล้ว ยังจะมีอะไรที่พูดออกมาไม่ได้อีก”

“งั้นข้าขอถามคุณหนู ในตอนนั้นเรื่องที่ว่าจะให้คุณหนูตกแต่งเข้าไปอยู่ในห้องทองคำ(金屋藏娇) จนถึงตอนนี้ยังเป็นเรื่องจริงอยู่หรือไม่”

“เป็นเรื่องจริงสิ เมื่อตอนที่ไท่จื่อยังทรงพระเยาว์ ชอบมาที่เล่นที่บ้านข้า ทุกครั้งเมื่อได้เวลาที่จะต้องเสด็จกลับวัง จะต้องทรงร้องไห้งอแงเสียงดังเหมือนกับว่าจะต้องจากกันชั่วชีวิต(生离死别)ยังไงยังงั้น ต้องให้ข้าปลุกปลอบเสียยกใหญ่กว่าจะทรงหยุดร้อง และยอมเสด็จกลับวัง”

“หลังจากนั้นก็เลยมีการพูดถึงเรื่องที่จะตกแต่งเข้าไปอยู่ในห้องทองคำ”

“ใช่ ตอนที่ทรงถูกแต่งตั้งเป็นไท่จื่อ ก็ยังไม่ทรงทราบเลยว่าไท่จื่อแปลว่าอะไร เลยวิ่งมาถามข้า ข้าก็บอกไปว่า ไท่จื่อก็คือหวงตี้ในอนาคต พระองค์ก็เลยตรัสว่า ถ้าหากได้ทรงขึ้นครองราชย์ก็จะใช้ทองคำมาตกแต่งสร้างเป็นห้องใหญ่ๆเอาไว้ให้ข้าอยู่”

“งั้นตอนนี้คุณหนูยังอยากจะเข้าไปอยู่ในห้องทองคำหรือไม่”

“ไม่เห็นจะต้องบอกเลย พวกเราถูกจับหมั้นหมายกันแล้วนะ”

“งั้นก็ขอให้คุณหนูได้โปรดอภัย หากจางทังจะพูดอะไรออกไปตรงๆ”

จางทัง เจ้ามีอะไรอยากจะพูดก็พูดมาเลยไม่ต้องอ้อมค้อม”

“ข้ารู้สึกว่า ท่าทางที่ไท่โห้วทรงปฏิบัติต่อไท่จื่อนั้นดูเหมือนจะมีอะไรแอบแฝงซ่อนเร้นเหมือนปากไม่ตรงกับใจ ยิ่งไปกว่านั้นการที่อ๋องเหลียงเดินทางอย่างเร่งรีบไปที่เมืองเยี่ยนชื่อ ก็เพื่อที่จะให้โทษไท่จื่อ”

“เจ้าว่าไงนะ เป็นไปไม่ได้หรอก” เฉินอาเจียวเอ่ยอย่างไม่ค่อยจะเชื่อเท่าไร

“ที่จางทังกล่าวมา ทุกประโยคล้วนเป็นความจริง ไม่ได้พูดโดยไร้การไตร่ตรองอย่างรอบคอบ(深思熟虑) หากมีคำพูดประโยคไหนที่เป็นเท็จแล้วทำให้เชื้อพระวงศ์ต้องบาดหมางผิดใจกัน(离间皇族) ข้าจางทังก็ยินดีที่จะรับโทษตาย”

เฉินอาเจียวนิ่งคิดสักพักก็เอ่ย “เจ้าบอกว่า จะต้องให้หวงตี้เป็นผู้ยื่นมือลงมาจัดการเรื่องนี้ด้วยพระองค์เองจึงจะสำเร็จใช่ไหม”

“ใช่ นอกจากคุณหนูแล้ว ก็คงไม่มีใครที่จะสามารถและเต็มใจที่จะเข้าถึงบุคคลที่มีอำนาจสูงสุดเพื่อช่วยไท่จื่อได้อีกแล้ว”

จางทัง เจ้ามาหาข้า เจ้ามาหาถูกคนแล้วล่ะ”




เนี่ยนหนูเจียวในชุดนักโทษถูกนำตัวมาไว้ในห้องเพื่อรอให้อ๋องเหลียงมาทำการสอบสวน

อ๋องเหลียงเสด็จ” เสียงนายทหารร้องบอก

หลิวอี้รีบไปถวายการต้อนรับ “คารวะท่านอ๋อง”

อ๋องเหลียงเดินเข้าไปดูหน้าของเนี่ยนหนูเจียวแล้วตรัส “ใบหน้าช่างงดงาม(花容月貌)ยิ่งนัก เราเห็นแล้วรู้สึกเสียดายจริงๆ” จากนั้นก็ทรงหันไปกระซิบถามหลิวอี้ “ตรวจดูบาดแผลของนางแล้วหรือยัง”

“ตรวจดูแล้ว นางก็คือคนร้ายในคืนวันนั้น”

“เจ้าออกไปก่อน”

“ครับ”

อ๋องเหลียงยืนตรัสกับเนี่ยนหนูเจียวว่า “เราสืบได้ความชัดเจนแล้วว่า เจ้าไม่ได้ชื่อเนี่ยนหนูเจียว แต่ชื่อหยวนเฟิงอี๋ ใช่หรือไม่”

“ไม่ผิด”

“บิดาของเจ้านายพลหยวนเล่ย เราก็เคยพบ เป็นผู้กล้าหาญที่ไม่มีใครเทียม แต่ตอนหลังถูกคนให้ร้าย(诬陷) จึงโดนประหารชีวิตโทษฐานก่อกบฏ ช่างน่าเสียดาย น่าเสียดายจริงๆ” ตรัสพร้อมกับทรงถอนหายใจ

“ความแค้นของพ่อข้าก็ได้รับการสะสางแล้ว ข้าก็ไม่มีอะไรที่จะต้องเสียใจอีก ท่านอ๋องไม่จำเป็นจะต้องถอนหายใจให้กับข้าเลย”

“ใครบอกล่ะ ความแค้นของเจ้ายังไม่ได้รับการชำระสะสางจนหมดสิ้น”

“เจ้าเมืองเยี่ยนชื่อก็ตายภายใต้กระบี่ของข้าแล้ว”

“เค้านะเหรอ อย่างมากที่สุดก็เป็นแค่คนที่พูดจาให้ร้ายผู้อื่นเท่านั้น ถ้าหากไม่มีคนหลงเชื่อวาจาคำกล่าวให้ร้ายนั้น จนมีคำสั่งประหารฆ่าล้างโคตรตระกูลหยวนแล้วล่ะก็ พ่อของเจ้าจะโชคร้ายอย่างหนักหนาสาหัสได้อย่างไรกัน” อ๋องเหลียงตรัสพร้อมกับทรุดตัวลงนั่ง

“ท่านอ๋อง ที่ท่านพูดมานั้น ท่านหมายถึงใครกัน”

“เราคิดว่าเจ้ารู้ดีว่าเราหมายถึงใคร”

“ท่านอ๋อง ท่านไม่กลัวว่าการคิดเช่นนั้นจะเป็นการทำผิดครรลองครองธรรม(大逆不道)หรอกหรือ”

“ฮ่าฮ่าฮ่า คำพูดของเราย่อมมีที่มาที่ไปในตัวของมันเอง อันที่จริงไท่โห้วทรงมีรับสั่งให้เรามาเพื่อพิจารณาสอบสวนคดีนี้ หากเรารายงานตามข้อเท็จจริงกลับไปอย่างนี้ละก็ พ่อของเจ้าและก็ครอบครัวของเจ้าทุกคนก็จะสามารถกู้ชื่อเสียงและพ้นจากข้อกล่าวหาได้”

เนี่ยนหนูเจียวรู้สึกดีใจรีบเอ่ย “ขอบพระทัยท่านอ๋องที่ทรงตัดสินด้วยความเป็นธรรม ขอบพระทัยไท่โห้วที่ทรงเมตตารักราษฎรดั่งลูก”

“การตายของเจ้าเมืองเยี่ยนชื่อหลิวซิ่นก็ใช่ว่าจะชดเชยหรือไถ่ถอนความผิดที่เค้าก่อขึ้นได้(死有余辜) เจ้าไม่เพียงแต่จะไม่มีความผิด ไท่โห้วยังจะทรงตกรางวัล(论功行赏)ให้กับเจ้าอีกด้วย หากเจ้ายอมบอกว่าคนที่ร่วมลงมือกับเจ้าในครั้งนั้นยังมีใครอีกบ้าง เราจะได้ถวายรายงานทั้งหมดเสียทีเดียว แม่นางชิวฉานก็หนึ่งคนแล้ว พ่อของนางเมื่อก่อนนี้ก็เป็นเพื่อนรักที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของพ่อของเจ้า แต่ต้องมาจบชีวิตในคดีเดียวกัน หลังจากนั้นพวกเจ้าก็ร่ำเรียนและฝึกฝนวิทยายุทธ์ด้วยกัน แล้วก็เดินทางมาที่เยี่ยนชื่อ อำพรางปิดบังชื่อแซ่ของตนเอง(隐姓埋名)เพื่อรอที่จะแก้แค้นให้กับพ่อ เราจะไม่เอาผิดนางเลยก็ได้...” อ๋องเหลียงตรัสเสร็จก็ทรงยื่นหน้าไปใกล้ๆเนี่ยนหนูเจียวแล้วตรัสถามต่อว่า

“แต่ว่าในวันนั้นยังมีอีกสองคน พวกเค้าคือใคร?”




Create Date : 13 เมษายน 2550
Last Update : 16 ตุลาคม 2550 15:48:10 น. 1 comments
Counter : 2536 Pageviews.

 
สู้ตายจ้า


โดย: Nuvan IP: 124.157.153.69 วันที่: 13 พฤษภาคม 2550 เวลา:21:29:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

WangAnJun
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add WangAnJun's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.