ททมาโน ปิโย โหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก A giver is always be loved.
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2554
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
25 สิงหาคม 2554
 
All Blogs
 
คนร้องไห้ถึงคนตายเป็นคนโง่เขลา

มัฏฐกุณฑลิชาดก
คนร้องไห้ถึงคนตายเป็นคนโง่เขลา
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภ กุฎุมพี (คนผู้มีทรัพย์) ผู้หนึ่งซึ่งลูกตาย จึงตรัสเรื่องนี้ดังนี้.
ได้ยินว่า ในพระนครสาวัตถี บุตรน้อยน่ารักของกุฎุมพีผู้เป็นพุทธอุปฐากคนหนึ่งได้ตายลง กุฎุมพีเพียบด้วยความเศร้าโศกถึงบุตร ไม่อาบน้ำไม่บริโภคอาหาร ไม่ดูแลการงาน ไม่ไปที่บำรุงพระพุทธเจ้า บ่นเพ้ออยู่อย่างเดียวว่า ลูกรักเจ้าจากพ่อไปก่อนแล้วเป็นต้น.
พระศาสดาตรวจดูสัตวโลกเวลาใกล้รุ่ง ทรงเห็นอุปนิสัยโสดาปัตติผลของกุฎุมพีนั้น ครั้นรุ่งขึ้น พระองค์ทรงแวดล้อมไปด้วยภิกษุสงฆ์ เสด็จเที่ยวบิณฑบาตในพระนครสาวัตถี พอฉันเสร็จทรงส่งภิกษุทั้งหลายกลับ พระองค์ทรงมีพระอานันทเถระเป็นปัจฉาสมณะ (พระที่ติดตาม) ได้เสด็จไปที่ประตูเรือนกุฎุมพีนั้น คนทั้งหลายบอกแก่กุฎุมพีว่า พระศาสดาเสด็จมา
ลำดับนั้นคนในเรือนของกุฎุมพีได้ปูลาดอาสนะ แล้วนิมนต์พระศาสดาให้ประทับนั่ง ช่วยกันประคองกุฎุมพีมาเฝ้าพระศาสดา กุฎุมพีถวายบังคมแล้วนั่งอยู่ ณ ส่วนข้างหนึ่ง พระศาสดาทรงใช้พระวาจาเยือกเย็น กอปรด้วยพระกรุณาทักทายแล้วตรัสถามว่า อุบาสก ท่านเศร้าโศกถึงบุตรน้อยหรือ ?
เมื่อกุฎุมพีกราบทูลว่า ถูกแล้วพระเจ้าข้า
พระองค์ตรัสว่า อุบาสก บัณฑิตในครั้งโบราณ เมื่อลูกตายก็เพียบด้วยความเศร้าโศก เที่ยวไป ครั้นได้ฟังถ้อยคำของบัณฑิตก็รู้โดยถ่องแท้ว่า เป็นฐานะที่ไม่ควรจะได้ แล้วก็มิได้เศร้าโศกแม้น้อยหนึ่งเลย กุฎุมพีนั้นทูลอาราธนาให้ตรัสเรื่องราว แล้วทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้:
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี บุตรของพราหมณ์ผู้มีสมบัติมากคนหนึ่ง เมื่ออายุได้ ๑๕ - ๑๖ ปี ถูกพยาธิชนิดหนึ่งเบียดเบียน ตายไปเกิดในเทวโลก ตั้งแต่บุตรนั้นตาย พราหมณ์ไปป่าช้าคุ้ยเขี่ยกองฟอนคร่ำครวญอยู่ เลิกละการงานทุกอย่าง เฝ้าแต่เที่ยวเศร้าโศก เทพบุตรผู้เคยเป็นบุตรพราหมณ์นั้นพิจารณาดูเห็นดังนั้นก็ทรงดำริว่า เราจักทำการเปรียบเทียบอย่างหนึ่งเพื่อระงับความโศกของพราหมณ์นั้น
ครั้นเวลาพราหมณ์ไปป่าช้าคร่ำครวญอาลัยถึงบุตรอยู่ จึงแปลงเพศเป็นบุตรของพราหมณ์นั้น ประดับด้วยอาภรณ์ทุกอย่าง ยืนอยู่ ณ ประเทศแห่งหนึ่ง เอามือทั้ง ๒ ไว้เหนือศีรษะร้องไห้ด้วยเสียงอันดัง พราหมณ์ได้ยินเสียงจึงแลดูเทพบุตรจำแลงนั้น กลับได้ความรักในบุตร จึงได้เข้าไปใกล้เทพบุตร เมื่อจะถามว่า พ่อมาณพ เหตุไรเจ้าจึงมาร้องไห้คร่ำครวญอยู่กลางป่าช้านี้ จึงได้กล่าวคาถาที่ ๑ ว่า:
[๑๔๓๓] ท่านประดับแล้วด้วยอาภรณ์ต่างๆ มีต่างหูเกลี้ยงเกลา ทัดทรงระเบียบ
ดอกไม้ ลูบไล้กระแจะจันทน์สีเหลือง ท่านมีทุกข์อะไรหรือ จึงมากอด
อกคร่ำครวญอยู่ในกลางป่า?
ลำดับนั้น มาณพเทพบุตรเมื่อจะบอกแก่พราหมณ์ จึงกล่าว คาถาที่ ๒ ว่า:
[๑๔๓๔] เรือนรถงามแพรวพราวแล้วไปด้วยทองคำ ของเรามีอยู่แล้ว เราหาล้อ
ทั้งสองของรถนั้นยังไม่ได้ ด้วยความทุกข์อันนี้ เราจะตายเป็นแน่ๆ.
เมื่อพราหมณ์จะรับหาให้ จึงได้กล่าวคาถาที่ ๓ ว่า:
[๑๔๓๕] ท่านต้องการรถชนิดไร รถทำด้วยทองคำ แก้วมณี โลหะ หรือรูปิยะ
จงบอกรถชนิดนั้นแก่เราเถิด เราจักทำให้ท่าน จะหาล้อทั้งคู่ให้ท่าน?
พระศาสดาผู้ตรัสรู้แล้ว ได้ตรัสด้วยคาถาที่มาณพฟังดังนั้นแล้ว จึงได้กล่าวคาถาว่า:
[๑๔๓๖] ลำดับนั้น มาณพจึงบอกแก่พราหมณ์นั้นว่า พระจันทร์และพระอาทิตย์
ย่อมงามผ่องใสอยู่ในวิถีทั้งสอง รถทองของเราย่อมจะงามด้วยพระจันทร์
และพระอาทิตย์นั้น อันเป็นล้อทั้งคู่.
พราหมณ์ จึงกล่าวคาถาที่เหลือต่อจากนั้น ว่า:
[๑๔๓๗] ดูกรมาณพ ท่านเป็นคนพาลแท้ เพราะท่านปรารถนาสิ่งที่เขาไม่พึง
ปรารถนากัน เราสำคัญว่าท่านจักตายเสียเปล่า ท่านจักไม่ได้พระจันทร์
พระอาทิตย์เลย.
ลำดับนั้น มาณพ จึงได้กล่าวคาถา ว่า:
[๑๔๓๘] แม้ความอุทัยและอัสดงของพระจันทร์และพระอาทิตย์นั้น ก็ยังปรากฏ
อยู่ สีสรรวรรณะ และวิถีทางของพระจันทร์และพระอาทิตย์ทั้งสอง ก็
ยังปรากฏอยู่ ส่วนบุคคลผู้ล่วงลับไปแล้ว ย่อมไม่ปรากฏเลย เราทั้งสอง
ผู้คร่ำครวญอยู่ ใครเล่าหนอจะเป็นคนโง่เขลายิ่งกว่ากัน?
เมื่อมาณพกล่าวอยู่อย่างนี้ พราหมณ์พิจารณาความได้ เข้าใจในอุปมานั้น จึงได้กล่าวคาถา ว่า:
[๑๔๓๙] ดูกรมาณพ ท่านพูดจริง บรรดาเราทั้งสองผู้คร่ำครวญอยู่ เรานี่แหละ
คนโง่เขลายิ่งกว่าท่าน เราปรารถนาผู้ตายไปยังปรโลกแล้ว เหมือนเด็ก
ร้องไห้อยากได้พระจันทร์ฉะนั้น.
พราหมณ์หายเศร้าโศกด้วยถ้อยคำของมาณพ เมื่อจะกล่าวชมเชยมาณพ จึงได้กล่าวคาถาที่เหลือว่า:
[๑๔๔๐] ท่านมารดเราผู้เร่าร้อนให้สงบระงับ ดับความกระวนกระวายทั้งปวงได้
เหมือนบุคคลดับไฟ ที่ติดเปรียงด้วยน้ำฉะนั้น.
[๑๔๔๑] ท่านได้ถอนลูกศรที่เสียบแทงหทัยของเรา ออกไปแล้ว ได้บรรเทาความ
โศกถึงบุตรของเรา ผู้ถูกความโศกครอบงำแล้วหนอ.
[๑๔๔๒] ดูกรมาณพ เราเป็นผู้ถอนลูกศรได้แล้ว ปราศจากความโศก ไม่มีความ
ขุ่นมัว เราจะไม่เศร้าโศก จะไม่ร้องไห้ เพราะได้ฟังถ้อยคำของท่าน.
ลำดับนั้น มาณพกล่าวสอนพราหมณ์ว่า ท่านพราหมณ์ ท่านร้องไห้เพื่อประโยชน์แก่บุตรคนใด บุตรคนนั้นคือตัวข้าพเจ้านี้แหละเป็นบุตรของท่าน ข้าพเจ้าเกิดในเทวโลก ตั้งแต่นี้ท่านอย่าได้เศร้าโศกถึงเรา จงให้ทาน รักษาศีล กระทำอุโบสถกรรมดังนี้แล้ว ไปสู่วิมานของตน แม้พราหมณ์ก็ตั้งอยู่ในโอวาทของมาณพนั้น ทำบุญมีให้ทานเป็นต้น ตายแล้วไปเกิดในเทวโลก.
พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว ทรงประกาศสัจธรรมเวลาจบสัจจะ กุฎุมพีดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล พระทศพลทรงประชุมชาดกว่า เทพบุตรผู้แสดงธรรมในครั้งนั้น คือเรา ตถาคต ฉะนี้แล.
จบ มัฏฐกุณฑลิชาดก

ยังมีสาระเรื่องราวดี ๆ ที่อยากเล่าตามมาดูเราได้ที่ ;
My blogs link 👆
https://sites.google.com/site/dhammatharn/
https://abhinop.blogspot.com
https://abhinop.bloggang.com
ททมาโน ปิโยโหติ #ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
A giver is always beloved.




Create Date : 25 สิงหาคม 2554
Last Update : 29 มีนาคม 2564 12:07:36 น. 2 comments
Counter : 497 Pageviews.

 
ยังมีสาระเรื่องราวดี ๆ ที่อยากเล่าตามมาดูเราได้ที่ ;
My blogs link 👆
https://sites.google.com/site/dhammatharn/
//abhinop.blogspot.com
//abhinop.bloggang.com
ททมาโน ปิโยโหติ #ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
A giver is always beloved.


โดย: ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก วันที่: 29 มีนาคม 2564 เวลา:11:16:45 น.  

 
ททมาโน ปิโย โหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
A giver is always beloved.


โดย: ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก วันที่: 29 มีนาคม 2564 เวลา:11:17:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ททมาโน ปิโยโหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
A giver is always beloved.
New Comments
Friends' blogs
[Add ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.