|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
พ้นศัตรูเพราะรู้เท่าทัน
กุกกุฏชาดก ว่าด้วยพ้นศัตรูเพราะรู้เท่าทัน พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน ทรงปรารภ ความพยายามปลงพระชนม์ จึงตรัสเรื่องนี้ ดังนี้. ความย่อว่า ภิกษุทั้งหลายสนทนากันในธรรมสภาถึงความไม่ดี ของพระเทวทัตว่า อาวุโสทั้งหลาย พระเทวทัตทำอุบายเพื่อจะปลงพระชนม์พระทศพล ด้วยการวางนายขมังธนูเป็นต้น พระศาสดาเสด็จมา ตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้พวกเธอนั่งสนทนากันถึงเรื่องอะไร ? เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว ตรัสว่า ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้นที่พระเทวทัตพยายามฆ่าเรา แม้ในกาลก่อน พระเทวทัตก็พยายามฆ่าเราเหมือนกัน แล้วได้ทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้: ในอดีตกาล พระราชาทรงพระนามว่าโกสัมพิกะครองราชสมบัติ อยู่ในพระนครโกสัมพี ครั้งนั้นพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นไก่ ณ ป่าไผ่แห่งหนึ่ง มีไก่หลายร้อยเป็นบริวารอยู่ในป่า เหยี่ยวตัวหนึ่งอยู่ ณ ที่ใกล้ๆ กันนั้น มันใช้อุบายจับไก่กินทีละตัวๆ กินจนหมด นอกจากพระโพธิสัตว์อยู่ตัวเดียว เป็นผู้ไม่ประมาท เที่ยวหาอาหารตามเวลา แล้วก็เข้าไปอยู่ ณ เชิงไผ่ เหยี่ยวนั้นไม่อาจจับไก่พระโพธิสัตว์นั้นได้ จึงคิดว่า เราจักใช้อุบายอย่างหนึ่งล่อลวงจับไก่นั้นกินให้ได้ แล้วเข้าไปแอบอยู่ที่กิ่งไม้ใกล้ๆ กันนั้น กล่าวว่า แน่ะพญาไก่ผู้เพื่อน ท่านกลัวเราเพราะเหตุไร ? เราต้องการทำความคุ้นเคยกับท่าน บริเวณโน้นสมบูรณ์ด้วยอาหาร เราทั้งสองไปหาอาหารกันที่นั้น แล้วจักอยู่อย่างมีความรักใคร่กันและกัน. ลำดับนั้น พระโพธิสัตว์กล่าวกะเหยี่ยวว่า แน่ะเพื่อนเราจะมีความคุ้นเคยกะเจ้าไม่ได้ เจ้าไปเถิด เหยี่ยวถามว่า แน่ะเพื่อน ท่านไม่เชื่อเราเพราะเราเคยทำความชั่วมาแล้ว ตั้งแต่นี้ไปเราจักไม่ทำเช่นนั้นอีก พระโพธิสัตว์ตอบว่า เราไม่ต้องการสหายเช่นเจ้า เจ้าจงไปเสียเถิด พระโพธิสัตว์ห้ามเหยี่ยวทำนองนี้ถึง ๓ ครั้ง แล้วส่งเสียงขันก้องป่าว่า ใครๆ ไม่ควรทำความคุ้นเคยกับผู้ที่ประกอบด้วยลักษณะเช่นนี้ ดังนี้ เมื่อเทวดาทั้งหลายพากันแซ่ซ้องสาธุการ เมื่อจะเริ่มธรรมกถาได้กล่าวคาถาเหล่านี้ว่า: [๑๔๒๒] บุคคลไม่พึงคุ้นเคยในคนทำบาป คนมักพูดเหลาะแหละ คนมีปัญญาคิด แต่ประโยชน์ตน และคนทำเป็นสงบแต่ภายนอก. [๑๔๒๓] มีบุรุษพวกหนึ่ง มีปกติเหมือนโคกระหายน้ำ ทำทีเหมือนจะกล้ำกลืน มิตรด้วยวาจา แต่ไม่ใช้ด้วยการงาน ไม่ควรคุ้นเคยในคนเช่นนั้น. [๑๔๒๔] บุรุษพวกหนึ่ง เป็นคนชูมือเปล่า พัวพันอยู่ แต่ด้วยวาจาเป็นมนุษย์ กระพี้ ไม่มีความกตัญญู ไม่ควรคุ้นเคยในคนเช่นนั้น. [๑๔๒๕] บุคคลไม่ควรคุ้นเคยต่อหญิง หรือบุรุษ ผู้มีจิตกลับกลอก ไม่ทำความ ข้องเกี่ยวให้แจ้งชัด. [๑๔๒๖] ไม่ควรคุ้นเคยกับบุคคลผู้หยั่งลงสู่กรรม อันไม่ประเสริฐ เป็นคนไม่แน่ นอน กำจัดคนไม่เลือก เหมือนดาบที่เขาลับแล้วปกปิดไว้ ฉะนั้น. [๑๔๒๗] คนบางพวกในโลกนี้ คอยเพ่งโทษ เข้าไปหาด้วยอุบายต่างๆ ด้วยคำ พูดอันคมคายซึ่งไม่ตรงกับน้ำใจ ด้วยสามารถแห่งมิตรเทียม แม้คนเช่น นี้ ก็ไม่ควรคุ้นเคย. [๑๔๒๘] คนมีปัญญาทรามเช่นนั้น พบเห็นอามิส หรือทรัพย์เข้า ณ ที่ใด ย่อม คิดประทุษร้าย และย่อมละทิ้งเพื่อนนั้นไป แม้คนเช่นนั้น ก็ไม่ควร คุ้นเคย. พญาไก่ได้กล่าวคาถา ๗ คาถาด้วยประการดังนี้: พระศาสดาผู้เป็นธรรมราชา ได้ทรงภาษิตอภิสัมพุทธคาถา ๔ คาถาดังนี้ว่า: [๑๔๒๙] มีคนเป็นจำนวนมาก ที่ปลอมเป็นมิตรคบหา บุคคลพึงละบุรุษชั่วเหล่า นั้นเสีย เหมือนไก่ละเหยี่ยว ฉะนั้น. [๑๔๓๐] อนึ่ง บุคคลใดไม่รู้เท่าทันเหตุที่เกิดขึ้นได้ฉับพลัน หลงไปตามอำนาจ ศัตรู บุคคลนั้น ย่อมเดือดร้อนในภายหลัง. [๑๔๓๑] ส่วนบุคคลใดรู้เท่าทันเหตุที่เกิดขึ้นได้ ฉับพลัน บุคคลนั้นย่อมพ้นจาก ความเบียดเบียนของศัตรู เหมือนไก่พ้นจากเหยี่ยว ฉะนั้น. [๑๔๓๒] นรชนผู้มีปัญญาเครื่องพิจารณา ควรละเว้นบุคคลผู้ไม่ตั้งอยู่ในธรรม มัก ทำการกำจัดอยู่เป็นนิตย์ ดังแร้วที่เขาดักไว้ในป่าเช่นนั้นเสียให้ห่างไกล เหมือนไก่ในป่าไผ่ละเว้นเหยี่ยว ฉะนั้น. พระยาไก่นั้นครั้นกล่าวคาถาแล้ว เรียกเหยี่ยวมาขู่ว่า ถ้าเราจักอยู่ในที่นี้ เราจักตอบแทนการกระทำของเจ้า เหยี่ยวก็ได้หนีจากที่นั้นไปในที่อื่น. พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม้ในกาลก่อนพระเทวทัตก็พยายามฆ่าเราอย่างนี้ ดังนี้แล้วทรงประชุมชาดกว่า เหยี่ยวในครั้งนั้น ได้เป็นพระเทวทัตในบัดนี้ ส่วนพญาไก่ในครั้งนั้น ได้มาเป็นเราตถาคต ฉะนี้แล. จบ กุกกุฏชาดก
Create Date : 25 สิงหาคม 2554 |
Last Update : 29 มีนาคม 2564 12:06:43 น. |
|
1 comments
|
Counter : 501 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
MY VIP Friend
|
|
|
|
My blogs link 👆
https://sites.google.com/site/dhammatharn/
//abhinop.blogspot.com
//abhinop.bloggang.com
ททมาโน ปิโยโหติ #ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
A giver is always beloved.