ททมาโน ปิโย โหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก A giver is always be loved.
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2554
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
25 สิงหาคม 2554
 
All Blogs
 
รักกันอยู่ไกลก็เหมือนอยู่ใกล้

ชวนหังสชาดก
รักกันอยู่ไกลก็เหมือนอยู่ใกล้
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภพระเทศนา ทัฬหธัมมธนุคคหสูตร ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้.
ความพิสดารว่า นับแต่วันที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสพระสูตรนี้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือน นายขมังธนูมีธรรมมั่นคง ๔ นาย ฝึกฝนดีแล้ว มีมือได้ฝึกปรือแล้ว ยิงแม่นยำ ยืน ๔ ทิศ ลำดับนั้น บุรุษคนหนึ่งมา เราจักจับลูกศรของนายขมังธนูผู้มีธรรมมั่นคง ๔ นายเหล่านี้ ที่ฝึกฝนดีแล้ว มีมือได้ฝึกปรือแล้ว ยิงแม่นยำ ยิงไปทั้ง ๔ ทิศไม่ทันตกถึงดินเลย แล้วนำมาให้ได้
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นอย่างไร บุรุษผู้วิ่งไปด้วยความเร็ว ต้องประกอบด้วยความเร็วอย่างยอดเยี่ยม
เมื่อภิกษุทั้งหลาย กราบทูลรับว่า อย่างนั้นพระเจ้าข้า
จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเร็วของบุรุษจะเป็นปานใด ความเร็วของดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ยังเร็วกว่านั้น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเร็วของบุรุษนั้นจะเร็วปานใดเล่า อนึ่งเล่า ฝูงเทวดา ย่อมเหาะไปข้างหน้าดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ ความเร็วของหมู่เทวดานั้น เร็วยิ่งกว่าความเร็วของดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเร็วของบุรุษนั้น ความเร็วของหมู่เทวดาเหล่านั้นปานใด อายุสังขารย่อมสิ้นไปเร็วกว่านั้น
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้น เธอทั้งหลายพึงสำเหนียกในข้อนั้น อย่างนี้ว่า พวกเราต้องละความกระหายด้วยอำนาจความกำหนัดในกามทั้งหลาย ที่บังเกิดแล้วเสียให้ได้
อนึ่ง จิตของพวกเราต้องไม่ตั้งยึดความกระหายด้วย อำนาจความกำหนัดในกามทั้งหลายไว้เลย พวกเราต้องเป็นผู้ไม่ประมาท
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอต้องสำเหนียกอย่างนี้ทีเดียว
ดังนี้ ในวันที่ ๒ พวกภิกษุสนทนากันในโรงธรรมสภาว่า ผู้มีอายุทั้งหลาย พระศาสดาทรงดำรงในพุทธวิสัยของพระองค์ ทรงชี้แจงถ้วนถี่ถึงอายุสังขารของสัตว์เหล่านี้ กระทำให้เป็นของชั่วประเดี๋ยว ทรพล ให้พวกภิกษุที่เป็นปุถุชนพากันถึงความสะดุ้งใจอย่างล้นพ้น โอ ธรรมดาพระพุทธพลอัศจรรย์นะ
พระศาสดาเสด็จมาตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้พวกเธอนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไรหนอ เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ไม่น่าอัศจรรย์เลย ที่เรานั้นบรรลุสัพพัญญุตญาณแล้วในบัดนี้ ชี้แจงถึงอายุสังขารในหมู่สัตว์ เป็นภาวะชั่วประเดี๋ยว แสดงธรรมให้พวกภิกษุสลดใจได้ เพราะในปางก่อน ถึงเราจะบังเกิดในกำเนิดหงส์เป็นอเหตุกสัตว์ ก็เคยชี้แจงความที่สังขารทั้งหลายเป็นสภาวะชั่วคราว แสดงธรรมให้บริษัททั้งสิ้น ตั้งต้นแต่พระเจ้าพาราณสี สลดได้แล้ว ทรงนำอดีตนิทานมาดังต่อไปนี้.
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติในกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในกำเนิดชวนหงส์ มีหงส์เก้าหมื่นเป็นบริวาร อาศัยอยู่ ณ ภูเขาจิตตกูฏ วันหนึ่งพระโพธิสัตว์ พร้อมด้วยบริวารเคี้ยวกินข้าวสาลี ที่เกิดขึ้นเองในสระแห่งหนึ่ง ณ พื้นชมพูทวีปบินไปสู่เขาจิตตกูฏ ด้วยการบินไปอันงดงามระย้าระยับ ทางเบื้องบนแห่งกรุงพาราณสีกับบริวารเป็นอันมาก ประหนึ่งบุคคลลาดลำแพนทองไว้บนอากาศฉะนั้นทีเดียว
ครั้งนั้น พระเจ้าพาราณสีทอดพระเนตรเห็นพระโพธิสัตว์นั้น ตรัสแก่พวกอำมาตย์ว่า อันหงส์นี้คงเป็นพระราชาเหมือนเรา บังเกิดพระสิเนหาในพระโพธิสัตว์นั้น ทรงถือดอกไม้ของหอมและเครื่องประเทืองผิว ทอดพระเนตรดูพระโพธิสัตว์นั้น พลางรับสั่งให้ประโคมดนตรีทุกอย่าง
พระมหาสัตว์เห็นท้าวเธอทรงกระทำสักการะแก่ตน จึงถามฝูงหงส์ว่า พระราชาทรงกระทำสักการะเช่นนี้แก่เรา ทรงพระประสงค์อะไรเล่า
ฝูงหงส์พากันตอบว่า ข้าแต่สมมติเทพ ทรงพระประสงค์มิตรภาพกับพระองค์พระเจ้าข้า
พระโพธิสัตว์กล่าวว่า ถ้าเช่นนั้น มิตรภาพของพวกเราจงมีแก่พระราชาเถิด กระทำมิตรภาพแก่พระราชาแล้วก็บินหลีกไป.
อยู่มาวันหนึ่ง ในเวลาที่พระราชาเสด็จสู่พระอุทยาน พระโพธิสัตว์บินไปสู่สระอโนดาต ใช้ปีกข้างหนึ่งนำน้ำมา ข้างหนึ่งนำผงจันทน์มา ให้พระราชาทรงสรงสนานด้วยน้ำนั้น โปรยผงจันทน์ถวาย เมื่อมหาชนกำลังดูอยู่ นั่นแหละ ได้พาบริวารบินไปสู่เขาจิตตกูฏ นับแต่นั้น พระราชาปรารถนา จะเห็นพระมหาสัตว์ ก็ประทับทอดพระเนตรทางที่มา ด้วยทรงพระอาโภคว่า สหายของเราคงมาวันนี้
ครั้งนั้น ลูกหงส์สองตัวเป็นน้องเล็กของพระมหาสัตว์ ปรึกษากันว่า เราจักบินแข่งกับพระอาทิตย์ บอกแก่พระมหาสัตว์ว่า ฉันจักบินแข่งกับดวงอาทิตย์
พระมหาสัตว์กล่าวว่า พ่อเอ๋ย อันความเร็วของดวงอาทิตย์เร็วพลัน เธอทั้งสองจักไม่สามารถบินแข่งกับดวงอาทิตย์ได้ดอก จักต้องย่อยยับเสียในระหว่างทีเดียว อย่าพากันไปเลยนะ
หงส์เหล่านั้นพากันอ้อนวอนถึงสองครั้งสามครั้ง พระโพธิสัตว์ก็คงห้ามหงส์ทั้งสองนั้นตลอดสามครั้งเหมือนกัน หงส์ทั้งสองนั้นดื้อดันด้วยมานะ ไม่รู้กำลังของตน ไม่บอกแก่พระมหาสัตว์เลย คิดว่าเราจักบินแข่งกับดวงอาทิตย์ เมื่อดวงอาทิตย์ยังไม่ทันขึ้นมาเลย พากันบินไปจับอยู่ ณ ยอดเขายุคนธร พระมหาสัตว์ ไม่เห็นหงส์ทั้งสองนั้น ถามว่า หงส์ทั้งสองนั้นไปไหนกันเล่า เมื่อได้ทราบเรื่องนั้นแล้วจึงคิดว่า หงส์ทั้งสองนั้นไม่อาจแข่งกับดวงอาทิตย์ จักพากันย่อยยับเสียในระหว่างทางเป็นแม่นมั่น เราต้องให้ชีวิตหงส์ทั้งสองนั้น
พระมหาสัตว์ก็บินไปจับอยู่ที่ยอดเขายุคนธรเช่นเดียวกัน ครั้นเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นแล้ว หงส์ทั้งคู่ก็บินถลาขึ้นไปกับดวงอาทิตย์ ฝ่ายพระมหาสัตว์เล่าก็บินไปกับหงส์ทั้งสองนั้น น้องเล็กแข่งไปได้เพียงเวลาสายก็อิดโรย ได้เป็นดุจเวลาที่จุดไฟขึ้นที่ข้อต่อแห่งปีกทั้งหลาย น้องเล็กนั้นจึงให้สัญญาแก่พระโพธิสัตว์ให้ทราบว่า พี่จ๋า ฉันบินไม่ไหวแล้ว.
ลำดับนั้น พระโพธิสัตว์ปลอบเธอว่าอย่ากลัวเลยนะ ฉันจักให้ชีวิตแก่เธอ ประคองไว้ด้วยอ้อมปีก ให้เบาใจไปสู่เขาจิตตกูฏ มอบไว้ท่ามกลางฝูงหงส์ บินไปอีกทันดวงอาทิตย์ แล้วบินชลอไปกับน้องกลาง บินแข่งกับดวงอาทิตย์ไปจนถึงเวลาจวนเที่ยง ก็อิดโรย ได้เป็นดุจเวลาที่จุดไฟขึ้นที่ข้อต่อแห่งปีกทั้งหลาย ลำดับนั้นก็ให้สัญญาแก่พระโพธิสัตว์ให้ทราบว่า พี่จ๋า ฉันไปไม่ไหวละ พระมหาสัตว์ปลอบโยนหงส์นั้นโดยทำนองเดียวกัน ประคองด้วยอ้อมปีก ไปสู่เขาจิตตกูฏ ขณะนั้นดวงอาทิตย์ ถึงท่ามกลางฟ้าพอดี
ลำดับนั้น พระมหาสัตว์ดำริว่า วันนี้เราจักทดลองกำลังแห่งสรีระของเราดู แล้วบินไปด้วยความเร็ว รวดเดียวเท่านั้นก็จับยอดเขายุคนธรแล้วถลาขึ้น จากนั้นก็ใช้กำลังรวดเดียวเหมือนกัน บินจนทันดวงอาทิตย์ บางคราวก็แข่งไปข้างหน้า บางคราวก็ไล่หลัง จนได้คิดว่า อันการบินแข่งกับดวงอาทิตย์ของเราไร้ประโยชน์ เกิดจากการทำในใจโดยไม่แยบคาย เราจะต้องการอะไรด้วยเรื่องอย่างนี้ เราจักไปสู่พระนครพาราณสี กล่าวถ้อยคำประกอบด้วยอรรถ ประกอบด้วยธรรม แก่พระราชาสหายของเรา
พระมหาสัตว์นั้นหันกลับ เมื่อดวงอาทิตย์ยังไม่ทันโคจรผ่านท่ามกลางฟ้าไปเลย บินเลียบตามท้องจักรวาลทั้งสิ้น โดยที่สุดถึงที่สุดลดความเร็วลงบินเลียบชมพูทวีปทั้งสิ้น โดยที่สุดถึงที่สุด ถึงกรุงพาราณสี ครั้นความเร็วลดลงโดยลำดับ พระมหาสัตว์ผ่อนความเร็วลง ร่อนลงจากอากาศ ได้จับอยู่ ณ ที่เฉพาะช่องพระสีหบัญชร พระราชาตรัสว่า สหายของเรามา ตรัสสั่งให้จัดตั้งตั่งทอง เพื่อให้พระโพธิสัตว์เกาะ ตรัสว่า สหายเอ๋ย เชิญ ท่านเข้ามาเถิด เกาะที่ตรงนี้เถิด ดังนี้ตรัสพระคาถาที่ ๑ ว่า
[๑๗๕๑] ดูกรหงส์ เชิญเกาะที่ตั่งทองนี้เถิด การได้เห็นท่านชื่นใจฉันจริง ท่าน
เป็นอิสระในสถานที่นี้ ท่านมาถึงแล้ว รังเกียจสิ่งใดที่มีอยู่ในนิเวศน์นี้
จงบอกสิ่งนั้นให้ทราบเถิด.
พระมหาสัตว์จับอยู่ที่ตั่งทอง พระราชารับสั่งให้คนทาช่วงปีกของพระมหาสัตว์นั้น ด้วยน้ำมันที่หุงซ้ำๆ ได้แสนครั้ง รับสั่งให้เอาข้าวตอกคลุกด้วยน้ำผึ้งและน้ำตาลกรวด ใส่จานทองพระราชทาน ทรงกระทำปฏิสันถาร อันอ่อนหวาน ตรัสถามว่า สหายเอ๋ย ท่านมาลำพังผู้เดียวไปไหนมาเล่า
พระมหาสัตว์นั้นเล่าเรื่องนั้นโดยพิสดาร ลำดับนั้น พระราชาตรัสกะพระมหาสัตว์นั้นว่า สหายเอ๋ย เชิญท่านแสดงความเร็วชนิดที่แข่งกับดวงอาทิตย์ ให้ฉันดูบ้างเถิด
พระมหาสัตว์จึงทูลว่า ข้าแต่พระมหาราช หม่อมฉันไม่สามารถที่จะแสดงความเร็วชนิดนั้นได้
พระราชาตรัสว่า ถ้าเช่นนั้นเชิญเธอแสดงเพียงขนาดที่พอเห็นเหมาะสมกันแก่ฉันเถิด
พระมหาสัตว์ทูลว่า ได้ซิ มหาราช หม่อมฉันจักแสดงความเร็วขนาดที่พอเห็นเหมาะสมถวายพระองค์โปรดดำรัสสั่งให้ นายขมังธนูผู้ยิงรวดเร็วประชุมกันเถิด พระราชาทรงให้นายขมังธนูมารวมกันแล้ว พระมหาสัตว์คัดนายขมังธนูได้ ๔ นาย ซึ่งเป็นเยี่ยมกว่าทุก ๆ คน แล้วลงจากพระราชนิเวศน์ สั่งให้ฝังเสาศิลา ณ ท้องพระลานหลวง ให้ผูกลูกศรที่คอของตนยืนจับอยู่ที่ยอดเสา ส่วนนายขมังธนูทั้ง ๔ นายให้ยืนพิงเสาศิลาผินหน้าไป ๔ ทิศ ครั้นแล้วจึงทูลว่า ข้าแต่พระมหาราช คน ๔ คนเหล่านี้ จงยิงลูกศร ๔ ลูก ตรงไปทางทิศทั้ง ๔ โดยประดังพร้อมกัน หม่อมฉันจะเก็บลูกศรเหล่านั้นมา มิให้ทันตกดินเลย แล้วทิ้งลงแทบเท้าของคนเหล่านั้น พระองค์พึงทรงทราบ การที่หม่อมฉันไปเก็บลูกศรด้วยสัญญาแห่งเสียงลูกศร แต่จักไม่ทรงเห็นหม่อมฉันเลย แล้วพระมหาสัตว์ก็เก็บลูกศรที่นายขมังธนูทั้ง ๔ ยิงไปพร้อมกันนั้นทันทีที่หลุดพ้นไปจากสายแล้ว มาทิ้งลงตรงใกล้ ๆ เท้าของนายขมังธนูเหล่านั้น แล้วก็แสดงตนจับอยู่ ณ ยอดแห่งเสาศิลานั้นเองดังเดิม แล้วกราบทูลว่า ข้าแต่พระมหาราช ความเร็วของหม่อมฉันนี้ มิใช่ความเร็วอย่างสูงสุดดอก มิใช่ความเร็วปานกลาง เป็นความขนาดเลวชั้นโหล่ ข้าแต่มหาราช ความเร็วของหม่อมฉันพึงเป็นเช่นนี้นะ พระเจ้าข้า.
ลำดับนั้น พระราชาทรงถามว่า สหายเอ๋ย ก็ความเร็วอย่างอื่นที่เร็วกว่าความเร็วของท่านน่ะ ยังมีหรือ พระมหาสัตว์ กราบทูลว่า พระเจ้าข้า ข้าแต่พระมหาราชเจ้า อายุสังขารของสัตว์เหล่านี้ ย่อมสิ้น ย่อมสลาย ย่อมถึงความสิ้น เร็วพลันกว่า ความเร็วขนาดสูงสุดของหม่อมฉัน ตั้งร้อยเท่า พันทวีแสนทวี พระมหาสัตว์แสดงความสลายแห่งอรูปธรรมทั้งหลาย ด้วยสามารถความดับอันเป็นไปทุก ๆ ขณะด้วยประการฉะนี้
พระราชาทรงสดับคำของพระมหาสัตว์แล้ว บังเกิดความกลัวต่อมรณภัย ไม่สามารถดำรงพระสติไว้ได้ ซวนพระกายล้มเหนือแผ่นดิน มหาชนพากันถึงความสยดสยอง พวกอำมาตย์ต้องเอาน้ำสรงพระพักตร์พระราชา ช่วยให้พระองค์ทรงกลับฟื้นคืนพระสติ
ลำดับนั้น พระมหาสัตว์กราบทูลเตือนว่า ข้าแต่พระมหาราช พระองค์อย่าได้ทรงหวาดเกรงเลย เชิญทรงเจริญมรณสติไว้เถิด ทรงประพฤติธรรมไว้เถิด ทรงกระทำบุญมีให้ทานเป็นต้นไว้เถิด พระองค์อย่าประมาทเถิด พระเจ้าข้า
ลำดับนั้น พระราชาเมื่อทรงอ้อนวอนว่า ฉันจักไม่สามารถที่จะอยู่แยกกับอาจารย์ผู้สมบูรณ์ด้วยญาณเช่นท่าน ชั่วระยะกาลอันใกล้ได้ ท่านไม่ต้องไปสู่เขาจิตตกูฎ อยู่ชี้แจงธรรมแก่ฉัน เป็นอาจารย์ให้โอวาทอยู่ ณ ที่นี้เลยเถิดนะ จึงตรัสพระคาถา ๒ คาถาว่า
[๑๗๕๒] คนบางพวก ย่อมเป็นที่รักของบุคคลบางพวกเพราะได้ฟัง อนึ่ง ความรัก
ของบุคคลบางพวก ย่อมหมดสิ้นไปเพราะได้เห็น คนบางพวกย่อมเป็น
ที่รักเพราะได้เห็น และเพราะได้ฟัง ท่านรักใคร่ฉันเพราะได้เห็นบ้าง
ไหม?
[๑๗๕๓] ท่านเป็นที่รักของฉันเพราะได้ฟัง และเป็นที่รักของฉันยิ่งนัก เพราะ
อาศัยการเห็น ดูกรพญาหงส์ ท่านน่ารักน่าดูอย่างนี้ เชิญอยู่ใน
สำนักของฉันเถิด.
พระโพธิสัตว์กราบทูลด้วยคาถาว่า
[๑๗๕๔] ข้าพระองค์ทั้งหลายได้รับการสักการบูชาแล้วเป็นนิตย์ พึงอยู่ในพระ
ราชนิเวศน์ของพระองค์ แต่บางครั้ง พระองค์ทรงเมาน้ำจัณฑ์แล้ว จะพึง
ตรัสสั่งว่า จงย่างพญาหงส์ให้ฉันที.
ลำดับนั้น พระราชาเพื่อจะประทานพระปฏิญญาแก่พระโพธิสัตว์นั้นว่า ถ้าเช่นนั้น ฉันจักไม่ดื่มน้ำเมาเป็นเด็ดขาด จึงตรัสพระคาถานี้ว่า
[๑๗๕๕] การดื่มน้ำเมา ซึ่งเป็นที่รักของฉันยิ่งกว่าท่าน ฉันติเตียนการดื่มน้ำเมานั้น
เอาเถอะ ตลอดเวลาที่ท่านยังอยู่ในนิเวศน์ของฉัน ฉันจักไม่ดื่มน้ำเมา
เลย.
ต่อจากนั้น พระโพธิสัตว์ กล่าวคาถา ๖ คาถาว่า
[๑๗๕๖] ข้าแต่พระราชา เสียงของสุนัขจิ้งจอกทั้งหลายก็ดี ของนกทั้งหลายก็ดี
รู้ได้ง่าย แต่เสียงของมนุษย์รู้ได้ยากกว่านั้น.
[๑๗๕๗] อนึ่ง ผู้ใด เมื่อก่อน เป็นผู้ใจดี คนทั้งหลายนับถือว่า เป็นญาติเป็นมิตร
หรือเป็นสหาย ภายหลัง ผู้นั้นกลับกลายเป็นศัตรูไปก็ได้ ใจของมนุษย์
รู้ได้ยากอย่างนี้.
[๑๗๕๘] ใจจดจ่ออยู่ในบุคคลใด แม้บุคคลนั้นจะอยู่ไกลก็เหมือนกับอยู่ใกล้ ใจ
เหินห่างจากบุคคลใด แม้บุคคลนั้นจะอยู่ใกล้ก็เหมือนกับอยู่ไกล.
[๑๗๕๙] ถ้ามีจิตเลื่อมใสรักใคร่กัน ถึงแม้จะอยู่คนละฝั่งสมุทร ก็เหมือนอยู่
ใกล้ชิดกัน ถ้ามีจิตคิดประทุษร้ายกัน ถึงแม้จะอยู่ใกล้ชิดกัน ก็เหมือน
กับอยู่กันคนละฝั่งสมุทร.
[๑๗๖๐] ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐ คนที่เป็นศัตรูกันถึงจะอยู่ร่วมกัน ก็เหมือนกับ
อยู่ห่างไกลกัน ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นมิ่งขวัญแห่งรัฐ คนที่รักกันถึงแม้
จะอยู่ห่างไกลกัน ก็เหมือนกับอยู่ร่วมกันด้วยหัวใจ.
[๑๗๖๑] ด้วยการอยู่ร่วมกันนานเกินควร คนรักกันย่อมกลายเป็นคนไม่รักกันก็ได้
ข้าพระองค์ขอทูลลาพระองค์ไป ก่อนที่ข้าพระองค์จะกลายเป็นผู้ไม่เป็น
ที่รักของพระองค์.
ลำดับนั้น พระราชาตรัสกะพระโพธิสัตว์นั้นว่า
[๑๗๖๒] เมื่อเราวิงวอนอยู่อย่างนี้ ถ้าท่านมิได้รู้ถึงความนับถือของเรา ท่านก็มิได้
ทำตามคำวิงวอนของเรา ซึ่งจะเป็นผู้ปรนนิบัติท่าน เมื่อเป็นอย่างนี้ เรา
ขอวิงวอนท่านว่า ท่านพึงหมั่นมาที่นี่บ่อยๆ นะ.
ลำดับนั้น พระโพธิสัตว์จึงกราบทูลว่า
[๑๗๖๓] ข้าแต่พระมหาราชผู้เป็นมิ่งขวัญแห่งรัฐ ถ้าเรายังอยู่กันเป็นปกติอย่างนี้
อันตรายจักยังไม่มีทั้งแก่พระองค์และแก่ข้าพระองค์ เป็นอันแน่นอนว่า
เราทั้งสองคงได้พบเห็นกัน ในเมื่อวันคืนผ่านไปเป็นแน่.
พระมหาสัตว์ถวายโอวาทพระราชาอย่างนี้แล้ว ก็บินไปเขาจิตตกูฏแล.
พระศาสดา ทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้วตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม้ในปางก่อน ถึงเราจะเกิดในกำเนิดดิรัจฉาน ก็เคยชี้แจงความทรพลของอายุสังขาร แสดงธรรมได้เหมือนกันด้วยประการฉะนี้ แล้วทรงประชุมชาดกว่า พระราชาในครั้งนั้น ได้มาเป็นอานนท์ น้องเล็กได้มาเป็น โมคคัลลานะ น้องกลางได้มาเป็นสารีบุตร ฝูงหงส์ที่เหลือได้มาเป็น พุทธบริษัท ส่วนชวนหงส์ คือเราตถาคตแล.

ยังมีสาระเรื่องราวดี ๆ ที่อยากเล่าตามมาดูเราได้ที่ ;
My blogs link 👆
https://sites.google.com/site/dhammatharn/
https://abhinop.blogspot.com
https://abhinop.bloggang.com
ททมาโน ปิโยโหติ #ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
A giver is always beloved.




Create Date : 25 สิงหาคม 2554
Last Update : 29 มีนาคม 2564 12:44:08 น. 1 comments
Counter : 462 Pageviews.

 
ยังมีสาระเรื่องราวดี ๆ ที่อยากเล่าตามมาดูเราได้ที่ ;
My blogs link 👆
https://sites.google.com/site/dhammatharn/
//abhinop.blogspot.com
//abhinop.bloggang.com
ททมาโน ปิโยโหติ #ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
A giver is always beloved.


โดย: ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก วันที่: 29 มีนาคม 2564 เวลา:15:56:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ททมาโน ปิโยโหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
A giver is always beloved.
New Comments
Friends' blogs
[Add ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.