โยคะเป็นไปเพื่อดับการปรุงแต่งของจิต
Group Blog
 
All blogs
 
เ มื่ อ ค รู โ ย ค ะ จะ วิ่ ง ม า ร า ธ อ น ตอนที่ 19 - จะวิ่งช่วงเวลาไหนดี

สวัสดีค่ะ


วันนี้วันที่ 23 ของการฝึก วันนี้วันที่ 12 มีนาคม 2558


เมื่อวานไม่ได้บันทึกเพราะพอสอนโยคะตอนเช้าเสร็จก็ชวนลูกสาวไปดูภาพยนตร์และเดินฟรุ๊งฟริ๊งกันที่ห้างเพราะลูกปิดเทอมแล้ว กลับมาก็ได้พักสักนิดนึงรอให้แดดร่มสักหน่อยก็ค่อยออกไปซ้อมวิ่งและปั่นจักรยานต่ออีกนิดหน่อย เลยไม่ได้บันทึกเพราะหมดแรงซะก่อน 555


เวลาหมวยสอนโยคะให้กับนักเรียนครูโยคะก็จะบอกว่าให้ตั้งคำถาม ให้สงสัยแล้วถาม ถ้าไม่ถาม เดี๋ยวหมวยจะถามกลับไปให้คิดเป็นการบ้าน 555 ถ้าไม่ใช่พวกขี้สงสัยก็ต้องตอบคำถามคนขี้สงสัยอย่างหมวยให้ได้ ส่วนใหญ่เวลาบันทึกอะไรก็มักจะเป็นสิ่งที่ตัวเองสงสัยและหาข้อมูลมาตอบคำถามตัวเองทั้งจากที่เรียนมาและค้นหาข้อมูลใหม่ จากการซ้อมวิ่งที่ผ่านมาก็ให้เกิดความสงสัย ไม่รู้ใครจะคิดสงสัยมั๊ย แต่อยากเอามาเขียน


จะวิ่งเวลาไหนดี? เช้า-สาย-บ่าย-เย็น-ดึก? >_


ถ้าให้ตอบแบบกวนๆนิดนึงก็...จะวิ่งเวลาไหนก็วิ่งไปเหอะ ขอให้วิ่งละกัน ^_^


ซึ่งมันก็ควรเป็นอย่างนั้นแหละ ก็คุณมีเวลาช่วงไหนก็ซ้อมวิ่งไป ดีกว่าลีลาอยู่แล้วไม่ได้วิ่ง!!!


ถ้าให้พิจารณากันสักนิดนะคะ แต่ละช่วงก็จะมีข้อดีข้อด้อยต่างกันออกไปค่ะ จากที่ซ้อมหมวยวิ่งมาสามช่วงเวลาคือ เช้า-เที่ยง-เย็น อย่าเพิ่งคิดนะว่า เฮ้ยยย เที่ยงเลยเหรอ คือเที่ยงน่ะหมวยวิ่งในฟิตเนสค่ะ บางทีก็สิบเอ็ดโมง วิ่งไปสักชั่วโมงก็ฝึกยืดเหยียดตัวอีดสักครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมง


ทีนี้แต่ละช่วงหมวยสังเกตุอะไรได้บ้าง?


ช่วงเช้า กล้ามเนื้อได้พักผ่อนจากการนอน ทำให้กำลังวิ่งยังมี อากาศสดชื่น วิ่งได้นาน กระตุ้นการเผาผลาญและฮอร์โมน แต่ความล้าจะยาวไปอาจจะเกือบทั้งวันเพราะร่างกายยังไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอ ตื่นมาก็เตรียมตัวไปวิ่งกันเลย ระบบต่างๆยังไม่พร้อม ก็จะมีความตึงของกล้ามเนื้ออยู่มาก มักไม่ได้พักกล้ามเนื้อก่อนไปทำงานอื่น 


ช่วงสายถึงบ่าย ร่างกายได้อาหารจากอาหารเช้าแล้ว กล้ามเนื้อได้ขยับบ้างแล้วอุณหภูมิในกล้ามเนื้อพอเหมาะ ความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจค่อนข้างดี แต่อากาศในเมืองไทยร้อนมาก ถ้าไม่วิ่งในร่อมก็วิ่งในฟิตเนส แต่คนส่วนใหญ่ทำงานก็จะวิ่งเวลานี้ไม่ค่อยสะดวก ดูรีบเร่งไปหมด


ช่วงเย็นถึงดึก กล้ามเนื้อได้ผ่านการใช้งานมาทั้งวันอุณหภูมิและฮอร์โมนในกล้ามเนื้อสูงก็จะเหมือนมีความยืดหยุ่นสูง ระบบการหายใจดี พร้อมกับการออกกำลังกาย ไม่มีภาระอะไรให้ต้องกังวล ช่วยในการเผาผลาญอาหารที่ทานมาทั้งวันและมากเกินไป แต่บางทีความอ่อนล้าและความเครียดที่สะสมจากการทำงานอาจจะมาก อากาศช่วงเย็นก็จะมีมลภาวะมากกว่า พื้นดินจะคายความร้อนที่ดูดซับไว้ในช่วงหลัง6โมงเย็นไปถึงประมาณห้าทุ่ม ดังนั้นอาจจะรู้สึกว่าร้อนอยู่ในขณะวิ่ง


ทีนี้ไม่ว่าคุณจะวิ่งช่วงไหนก็ตามควรมีความพร้อมกันสักนิด อย่างเช่น การทานอาหารเพื่อให้ร่างกายมีสารอาหารพร้อม


ช่วงเช้ามืด เมื่อคุณตื่นนอนระดับไกลโคเจนในสมองจะลดต่ำมากเพราะสมองยังคงทำงานทั้งคืน อวัยวะอื่นๆทำงานทั้งคืน แม้ว่าจะเป็นเวลาพักก็เถอะ อวัยวะภายในยังทำงานอยู่และที่สำคัญคือสมอง ถ้าวิ่งตอนเช้ามืดโดยที่ท้องว่างโดยหวังว่าจะลดน้ำหนักละก็...น้ำหนักมันก็ลดนะ แต่ก็ไม่ดีกับสมองด้วย จึงแนะนำว่าให้มีอาหารรองท้องสักนิด แต่ให้เป็นอาหารเบาๆที่ย่อยง่ายดูดซึมได้ทันที เช่น กล้วยน้ำว้า กล้วยหอมสักครึ่งลูก แต่ถ้าไม่ได้คิดว่าต้องลดน้ำหนักลงพรวดๆแต่ลดเบาๆช้าๆไปเรื่อยๆแบบสุขภาพดีก็อาจจะเป็นขนมปังโฮลวีตสักแผ่นกับนมจืดสักกล่อง แต่ถ้ากลัวว่าจะปวดปัสสาวะก็เข้าห้องน้ำก่อนวิ่งนะคะ อย่าทานมากเกินไป เพราะจะจุก และเวลาวิ่งเลือดจะต้องไปเลี้ยงกล้ามเนื้อ ถ้าเอาแต่มาเลี้ยงกระเพาะเพื่อสร้างน้ำย่อยก็จะทำให้กล้ามเนื้อล้าได้ง่าย ย่อยอาหารก็ไม่ดีอีก


ถ้าวิ่งระยะไกลเกินกว่า 10 กม.ขึ้นไป ก็ต้องระวัง ให้มื้ออาหารห่างจากช่วงที่จะวิ่งสัก 1 ชม.-2 ชม.นะคะ และอาหารก่อนวิ่งหรือออกกำลังกายควรเป็นอาหารที่เป็นเชิงซ้อนหรือ low GI ที่ค่อยๆปล่อยน้ำตาลหรือกลูโคสออกมาเรื่อยๆ เช่น ผัก ผลไม้ ข้าวกล้อง บร็อกโคลี่ หน่อไม้ฝรั่ง กะหล่ำดอก กะหล่ำปลี ผักชี แตงกวา ผักสลัด


และในช่วงเย็น หลังการออกกำลังกาย ถ้าต้องการควบคุมน้ำหนักก็ควรเสริมสร้างกล้ามเนื้อหรือทานอาหารที่มีโปรตีนเพื่อไปซ่อมแซมค่ะ ตื่นเช้ามาซ่อมแซมเรียบร้อยก็จะสดชื่น แต่ถ้าทานเยอะไป น้ำหนักก็จะไม่ได้ลดนะคะ เพราะกล้ามเนื้อจะมีน้ำหนักมากค่ะ


ไว้ค่อยมาคุยกันเรื่องอาหารก่อนและหลังการออกกำลังกายกันอีกทีนะคะ อันนี้ซับซ้อนนิดนึง ขอเวลารวบรวมข้อมูลก่อนนะคะ ^^




Create Date : 17 มีนาคม 2558
Last Update : 17 มีนาคม 2558 9:42:03 น. 0 comments
Counter : 607 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หมวยเกี๊ยะA2
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [?]




สาวน้อย(อิอิ)ธรรมดา ที่มีพี่ๅน้องแสนฉลาด พี่สาวคนโตจบดอกเตอร์ทางด้านวิทยาศาสตร์การอาหาร พี่ชายคนโตจบศิลปะแต่ได้ผันตัวเองมาทำงานภาพยนตร์จนเป็นผู้กำกับ พี่ชายคนเล็กก็เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการสื่อสารที่คนเขาแย่งตัวกัน ส่วนน้องสาวคนเล็กก็เป็นหมอฟันประจำตัวให้เราน่ะเอง

ส่วนตัวเองเรียนจบมาทางด้านภาพยนตร์ ที่ล้วนแล้วแต่มายา แต่ดันผ่าอยากศึกษาด้านธรรมะและโยคะ เพราะความล้มเหลวด้านชีวิตครอบครัวเป็นเหตุ

วันดีคืนดีจึงนั่งเครื่องบิน บินไปอินเดียที่เป็นแหล่งกำเนิดโยคะและศึกษาอย่างจริงจัง (เที่ยวอย่างจริงจังด้วย)
ที่ Yoga Vidya Gurukul
ณ เมืองนาสิก ประเทศอินเดีย
เมื่อเดือน มีนาคม พ.ศ.2549

ตอนนี้ก็รับสอนโยคะอย่างจริงจังมาก็เริ่มปีที่ห้าแล้ว

ในปี 2553 ได้จบหลักสูตรต่างๆทุกหลักสูตรที่มีอยู่ในสถาบันแล้ว รวมทั้งศึกษาศาสตร์อื่นๆมามากมายก่ายกอง ไม่ว่าจะเป็น โยคะบำบัด อายุรเวท เรกิ ธรรมชาติบำบัด :-D

ตอนนี้เริ่มสอนอีกครั้งแล้วค่ะ ถ้าสนใจเรียนเป็นกลุ่มหรือเรียนตัวต่อตัวหรือเป็นวิทยากร
ก็ติดต่อมาได้นะคะ
Tel.+66 (0)85 1420201
[Add หมวยเกี๊ยะA2's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.