เ มื่ อ ค รู โ ย ค ะ จะ วิ่ ง ม า ร า ธ อ น ตอนที่ 17 -ในวันที่หัวใจเต้นแรง ตอนที่ 2
สวัสดีค่ะ
วันที่ 20 ของการฝึก วันนี้วันที่ 9 มีนาคม 2558
ในวันที่หัวใจเต้นแรง ตอนที่ 1 เราพูดถึงอัตราการเต้นของหัวใจและการใช้งานในช่วงต่างๆ ซึ่งอาจจะอ่านลำบากนิด เลยเอามาให้ดูเป็นภาพก็น่าจะง่ายกว่า ภาพจาก freeware.in.th ซึ่งแต่ละโซนจะแสดงผลของการออกกำลังกายต่างกันออกไป ดิฉันคิดว่าคุณๆคงสนใจโซนสีเขียวซะเป็นส่วนใหญ่เป็นแน่แท้ ^^ แน่นอนค่ะ ในส่วนของโซน 1- 2 แสดงถึงค่าของการเผาผลาญไขมันได้ดีที่สุด ซึ่งในโยคะจะอยู่ในโซน 1-2 และแตะโซน 3 บ้างในผู้ที่ฝึกแบบ Ashtanga Yoga หรือ พวก Power Yoga ใหม่ๆ จึงเป็นเหตุให้ผู้ฝึกโยคะเอาไปล่ำลือถึงการลดน้ำหนักด้วยโยคะ ซึ่งวัตถุประสงค์จริงๆมันไม่ใช่ สิ่งนี้เป็นผลพลอยได้นะคะ จึงเป็นส่วนหนึ่งที่หมวยอยากอธิบายให้หลายๆคนเข้าใจนะคะ...คุณไม่ได้จำเป็นที่จะต้องฝึกโยคะให้เหงื่อแตกเหงื่อแตนเพื่อลดน้ำหนัก เพราะมัน...ไม่ใช่ ในอายุรเวทเองก็ก็บอกว่าการบริหารร่างกายควรจะมีเพียงเหงื่อซึมๆตามรักแร้ แผ่นหลัง ไม่ใช่เหงื่อแตกไหลเป็นน้ำ!!
แล้วไอ้ฮาร์ทเรทสูงๆเลย กับต่ำๆจะมีประโยชน์อะไรบ้างหล่ะ!!! อืมมมมม
จากการที่หมวยศึกษาในหลายๆด้านฃองธรรมชาติบำบัด และไม่ว่าในแพทย์แผนไทยก็มีความเชื่อว่า
ทุกสิ่งในโลกนี้ล้วนมีประโยชน์หากเอาไปใช้ให้เหมาะสม! (ซึ่งหมายความว่ามีโทษด้วยหากนำไปใช้อย่างไม่เหมาะสม)
จากการอ้างอิงถึงระบบประสาทอัตโนมัติตามรูปภาพนะคะ
เมื่อจะเริ่มหรือเตรียมออกกำลังกายไม่ว่าแบบใดก็ตาม หัวใจจะเต้นเร็วขึ้นเพราะระบบประสาทอัตโนมัติที่เรียกว่า ซิมพาเทติก เป็นระบบของการกระตุ้นให้เตรียมตัวในการใช้แรง ขณะเดียวกันระบบอัตโนมัติที่เรียกว่าพาราซิมพาเทติกจะทำงานลดลง ระบบนี้เป็นระบบของการผ่อนคลาย เก็บพลังงานไว้ใช้ในยามจำเป็น
พูดง่ายๆการออกกำลังกายกระตุ้นให้ระบบประสาทซิมพาเธติกทำงาน ซึ่งระบบประสาทส่วนนี้มีไว้เพื่อการตัดสินใจแบบกระทัน เช่น เมื่อเราเจอกับงู เราจะสู้หรือจะ หรือการหมุนพวงมาลัยเบี่ยงออกเมื่อเห็นอุบัติเหตุที่ข้างหน้า จะไวแต่ไหนขึ้นอยู่กับระบบประสาทส่วนนี้ ไม่งั้นก็จะเหมือนเราเห็นอุบัติเหตุอยู่ข้างหน้าแต่ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเบี่ยงซ้ายหรือข้าวให้ชีวิตรอดพ้นจากจุดนั้นไปได้ กว่าจะตัดสินใจได้ก็ชนกับรถคันข้างหน้าไปแล้ว เป็นต้น
ในผู้ฝึกโยคะ การฝึกโยคะจะช่วยให้เรามีสติเพิ่มขึ้น ช่วยให้ตัดสินใจได้ดีขึ้น ซึ่งไม่ได้เป็นการฝึกระบบประสาทซิมพาเธติกโดยตรงแต่เป็นเหมือนการใช้ความมีสติเข้าควบคุมอีกที โยคะจะเข้าไปฝึกระบบพาราซิมพาเธติกซึ่งทำให้รู้ตัวว่าเมื่อไหร่ที่ควรผ่อนคลายค่ะ ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ต้องฝึกระบบซิมพาเธติกนี้ เพราะถ้าเราไม่ได้ฝึกระบบประสาทซิมพาเธติดนานๆเข้าก็จะทำให้ทั้งกล้ามเนื้อแบบwhite fiber muscle ลดลง การเคลื่อนไหวก็จะช้า เมื่อเข้าสู่ภาวะคับขันแล้วการเต้นของหัวใจดีดขึ้นไปสูงสุดก็อาจทำให้คนๆนั้นหัวใจวายและเสียชีวิตได้
ในขณะเดียวกัน คนที่ฝึกโซน4-5 บ่อยๆ หากเริ่มต้นมาจากโซน 1-2 ให้คุ้นเคยซะก่อนแล้วค่อยๆไตขึ้นมาโซน 4-5 ที่เราเรียกว่าเป็นการฝึกแบบกระตุ้นหัวใจหรือ cardio ก็จะดีกว่า เพราะจะต้องศึกษาพร้อมกับปัจจัยอื่นๆร่วมด้วย เนื่องจากในโซน 4-5 จะทำให้เราเสียเหงื่อมาก ซึ่งอาจจะมากกว่า 2%ของน้ำหนักร่างกายทั้งหมดก็จะทำให้เลือดมีความหนืดขึ้น หัวใจเต้นเร็วขึ้น เพื่อส่งเลือดไปเลี้ยงให้ทั่วร่างกายได้ทัน แต่เลือดกลับออกจากหัวใจลดลง เมื่อหัวใจเต้นเร็วมากขึ้น เวลาที่เลือดจะไหลเข้าหัวใจจะสั้นลง เลือดจะถูกบีบออกจากหัวใจในแต่ละครั้งในปริมาณที่ลดลง ทำให้เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อลดลง เลือดที่ไหลไปเลี้ยงตัวหัวใจเองจะลดลงด้วย เสี่ยงกับการที่มีกล้ามเนื้อหัวใจตาย
จนมาถึงตรงนี้ ก็อยากให้ทุกท่านลองสังเกตุการบริหารร่างกายของเราว่าอยู่ในภาวะที่เหมาะสมหรือไม่นะคะ ในบทความหน้าก็จะมาพูดถึง Heart rate กับแนวคิดในการควบคุมน้ำหนักด้วยค่ะ
แล้วเจอกันในตอน ในวันที่หัวใจเต้นแรง ตอนที่ 3 นะคะ ^_^
Create Date : 09 มีนาคม 2558 |
Last Update : 10 มีนาคม 2558 9:42:36 น. |
|
1 comments
|
Counter : 330 Pageviews. |
|
|