...เร่งฝึกวินัยให้กับเด็ก... สร้างพื้นฐานชีวิตที่ดีสู่สังคมไทย



          การเลี้ยงลูกให้ได้ดี
ถือเป็นเป้าหมายสูงสุดของพ่อแม่ทุกคน... การปลูกฝังพฤติกรรมที่ดี
และเข้าใกล้สิ่งแวดล้อมที่เป็นมิตรตั้งแต่วัยเด็ก โดยเฉพาะช่วง 6
ปีแรกของชีวิต... จะนำพาไปสู่การเกิดขึ้นของ ‘คน’
ที่มีคุณภาพในสังคมได้มากมาย...





Modern
Mom
...เพื่อสมดุลชีวิตของคุณแม่ยุคใหม่
         
รายการโทรทัศน์แนววาไรตี้ครอบครัว
ที่นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลลูกน้อยวัยแรกเกิดถึง 6 ปี ในรูปแบบ
Magazine on TV
เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้เห็นว่าการเลี้ยงลูกไม่ใช่เรื่องยาก
เปิดศักราชใหม่ด้วยเนื้อหาเทคนิคในการบ่มเพาะลูกหลานให้มีวินัยเชิงบวกในตน
เอง...

...‘วินัย’ เริ่มต้นได้ตั้งแต่วัยเยาว์ 
เสริมสร้างได้จนติดเป็นนิสัยประจำตัว...

         
คุณพ่อคุณแม่หลายท่านอาจกำลังคิดว่า
การเลี้ยงลูกในยุคสมัยนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย
โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กที่พูดยากสอนยาก ดังนั้น
พ่อแม่จึงต้องมีกลยุทธ์ที่หลากหลายในการเลี้ยงดูลูกให้มากขึ้น
และต้องเข้าถึงธรรมชาติในตัวลูกตั้งแต่ยังเล็ก
เพื่อขัดเกลาพฤติกรรมให้เหมาะสมก่อนย่างเข้าสู่ช่วงของวัยรุ่น
ซึ่งมีพฤติกรรมต่างๆ ที่ซับซ้อนขึ้น... ทั้งนี้
คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรมองข้ามเรื่องของการฝึก ‘วินัย’ ให้กับลูก เพราะ “คุณ”
คือ ผู้สร้างพื้นฐานชีวิตที่ดีให้กับลูกน้อย และ “คุณ”
ก็สามารถทำได้ด้วยตัวของคุณเอง 

          ทั้งนี้
ทางรายการโทรทัศน์ ‘โมเดิร์นมัม’ ทางททบ.5 ได้รับเกียรติจาก นพ.พงษ์ศักดิ์
น้อยพยัคฆ์ หัวหน้าหน่วยพัฒนาการเด็ก และวัยรุ่น โรงพยาบาลวชิรพยาบาล
ได้กล่าวถึงความสำคัญของการสร้างวินัยให้กับเด็ก
เรื่องจำเป็นที่พ่อแม่ยุคนี้ควรรู้... 

         
“ปัจจุบันปัญหาของเด็กที่ไม่มีระเบียบวินัยส่วนใหญ่เกิดมาจากครอบครัวที่ขาด
การควบคุมดูแล
ขาดการอบรมให้รู้จักควบคุมตนเองกันตั้งแต่ในวัยที่พอจะรู้เรื่องได้
ซึ่งถ้ามองตามพัฒนาการตามวัยแล้ว
ระเบียบวินัยสามารถสร้างได้ตั้งแต่ในช่วงขวบปีแรก... การเริ่มต้นสร้างวินัย
และเด็กๆ สามารถพัฒนาได้เป็นอย่างดีคือ วินัยในการกิน และวินัยในการนอน
ตั้งแต่กินเป็นเวลา และนอนเป็นเวลา... เมื่อแรกเกิดเด็กจะรับประทานบ่อยทุก
2-3 ชั่วโมง แต่พอเขาโตขึ้นเรื่อยๆ กระเพาะอาหารมีขนาดใหญ่ขึ้น
ก็สามารถรับประทานอาหารได้คราวละมากๆ
จนมีระยะเวลาระหว่างมื้อห่างได้มากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้เด็กๆ
ส่วนใหญ่เกือบทุกคนจะสามารถนอนหลับได้ยาวหลังสี่ทุ่ม หรือเที่ยงคืนไปแล้ว
จนมาตื่นอีกทีก็ตอนเช้าเลยโดยนอนกลางคืนได้ประมาณ 8-10 ชั่วโมง หลังอายุ 6
เดือนไปแล้ว” 

‘วินัย’ อาจหมายรวมถึง
กิริยามารยาท...การที่พ่อแม่แสดงพฤติกรรมใดๆ ออกมาให้ลูกเห็น
นั่นหมายถึงการซึมซับบุคลิกภาพภายนอกของต้นแบบในชีวิตอย่างคุณพ่อคุณแม่
อย่างไม่รู้ตัว เช่น พ่อแม่ใช้เท้าเปิด ปิด
พัดลม...เมื่อเด็กเห็นก็เรียนรู้วิธีการเปิด ปิด แบบนั้นเช่นเดียวกัน



...ลูกคือกระจกสะท้อนความเป็น
ตัวคุณ อยากให้ลูกเป็นแบบใด คุณก็ต้องเป็นแบบนั้นก่อน

         
ทั้งนี้ นายแพทย์ อุดม เพชรสังหาร รองประธานกรรมการฝ่ายพัฒนาความรู้
บริษัท รักลูก กรุ๊ป จำกัด จิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาสมองเด็ก
ได้กล่าวถึงทฤษฎีเรื่อง “เซลล์กระจกเงา” (Mirror Neurons) คือ
เซลล์สมองที่อยู่ตรงส่วนหน้า (Inferior Frontal Cortex)
เซลล์กระจกเงาจะทำหน้าที่คล้ายกับฟองน้ำซึมซับทุกปฏิสัมพันธ์ที่ได้รับ
ไม่ว่าจะมาจากคุณพ่อคุณแม่ หรือสิ่งแวดล้อมรอบตัว ผ่านระบบประสาทสัมผัสทั้ง
5 (การมองเห็น ได้ยิน สัมผัส ได้กลิ่น และรับรส) เพื่อเรียนรู้
และตอบสนองจนกลายเป็นประสบการณ์ที่ช่วยให้ทารกน้อยเจริญเติบโต
นี่คือเหตุผลว่า “สิ่งแวดล้อมเป็นอย่างไร
มนุษย์ก็จะถูกหล่อหลอมให้เป็นไปเช่นนั้น”  ซึ่งปัจจุบันทฤษฎีเรื่อง
“เซลล์กระจกเงา” ได้ถูกนำมาพูดถึงกันมากขึ้นจนเรียกได้ว่าเป็น
“ทศวรรษของเซลล์กระจกเงา”
เพราะสิ่งที่คนเราได้ใช้ประโยชน์จากเซลล์กระจกเงาในขณะนี้ คือ

   • การพัฒนาประสิทธิภาพในการเรียนรู้ของมนุษย์ เพราะ
Imitative Learning ซึ่งเป็นหน้าที่ของเซลล์กระจกเงา คือ
ธรรมชาติการเรียนรู้ที่สำคัญที่สุดของมนุษย์
         
• การพัฒนาคุณธรรมของคน
          • การพัฒนาสัมพันธภาพระหว่างบุคคล
การถ่ายทอด และกล่อมเกลาทางวัฒนธรรม (Socialization)

         
ในสังคมเราที่ขับรถปาดหน้ากัน คนแซงคิว หรือนัดแล้วมาสายเป็นเรื่องธรรมดา
ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องเป็นไปตามกระแสสังคมที่เกิดขึ้นด้วย
ลองหันมาดูในครอบครัวเราดีกว่าว่า บ้านเรามีวินัยกันแค่ไหน
โดยเฉพาะยิ่งเจ้าตัวเล็กของเราที่จะเติบโตขึ้นไปเป็นคนของสังคมในวันข้าง
หน้า

...การเรียนรู้เกิดขึ้นทุกวินาที
โดยเฉพาะการเรียนรู้สังคม และสิ่งแวดล้อมรอบตัว...

‘พ่อแม่’ คือ
สิ่งแวดล้อมที่ใกล้ตัวลูกที่สุด เจ้าตัวน้อยจึงพร้อมจะซึมซับทุกๆ สัมผัส
และทุกๆการกระทำของคุณตลอดเวลา เพราะพฤติกรรมที่แสดงออกมาให้ลูกเห็น
เปรียบเสมือนกระจกเงาที่จะสะท้อนให้เห็นว่าลูกของคุณจะมีบุคลิกแบบใดใน
อนาคต... ดังนั้น
พ่อแม่ยุคใหม่จึงต้องมีทักษะในการเลี้ยงดูลูกให้เขาเรียนรู้ในสิ่งที่ดีๆ
โดยเฉพาะเรื่องของ ‘วินัย’
เพื่อเป็นพื้นฐานสำหรับการใช้ชีวิตในสังคมปัจจุบัน
และอนาคตได้อย่างมีความสุข และมีคุณภาพ 
‘วินัย’ คือ...
การรู้จักควบคุมอารมณ์ ความรู้สึก และการกระทำของตัวเอง มีความรับผิด
ชอบต่อหน้าที่ และการกระทำของตัวเอง รวมถึงการยอมรับกฎเกณฑ์ของสังคม
คนที่มีวินัยแม้จะไม่มีกฎบังคับ
ก็สามารถควบคุมตัวเองให้ประพฤติปฏิบัติตนได้อย่างเหมาะสม
จึงไม่สร้างปัญหาเดือดร้อนให้คนข้างเคียง หรือสังคม





          ทั้งนี้
คุณพ่อคุณแม่หลายท่านอาจคิดว่า เร็วเกินไปที่จะสอนการมีวินัยให้กับลูก
เพราะอาจทำให้ลูกเกิดความเครียดได้
แต่แท้จริงแล้วสิ่งนี้จะช่วยให้ลูกน้อยเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีพฤติกรรมที่
เหมาะสมในสังคมต่อไป

          เรื่องดีๆ ของการฝึกวินัยให้ลูก
การสร้างวินัยให้ลูกโดยให้กลมกลืนไปกับชีวิตประจำวัน
ลูกจะรู้สึกว่าไม่ใช่การบังคับ แต่เป็นการใช้ชีวิตธรรมดาๆ
การสร้างวินัยให้ลูกตั้งแต่เล็กจะช่วยให้เขาโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ดี
มีความรับผิดชอบต่อตนเอง และสังคม 
-
ช่วยให้ลูกรู้สึกมั่นคง
เด็กที่เติบโตมาท่ามกลางการเลี้ยงดู
และสิ่งแวดล้อมที่เป็นระบบระเบียบ ก็จะรู้สึกเป็นสุขกายสบายใจ
และเกิดความมั่นคงในจิตใจ
- ช่วยป้องกันลูกจากอันตราย
ธรรมชาติของเด็กเล็กมักจะมีความซน และอยากรู้อยากเห็น การฝึกลูกให้มีวินัย
หรือออกกฎบางอย่างให้ปฏิบัติตาม ก็เพื่อความปลอดภัยของลูกเอง 
- ช่วยลูกรู้จักวางแผน อย่างถ้าการล้างมือ
นั่นแสดงว่าเขากำลังจะกินข้าว
ระบบวินัยในบ้านเช่นนี้จะช่วยฝึกลูกให้เป็นรู้จักวางแผนชีวิต คิดเป็นระบบ
และรู้ว่าอะไรควรไม่ควร
- ช่วยลูกประสบความสำเร็จ
วินัยถือเป็นพื้นฐานหลัก
เพราะการดูแลให้ลูกมีวินัยในตัวเองมุ่งมั่นทำสิ่งต่างๆ ให้ลุล่วง
ทำงานให้เสร็จเป็นชิ้นๆ ก็จะทำให้ลูกรู้สึกภูมิใจในตัวเอง
และเป็นแรงจูงใจให้อยากทำอะไรอื่นๆ อีก 
-
ช่วยให้ลูกรู้จักรับผิดชอบ

การฝึกวินัยจะช่วยให้เด็กรู้จักควบคุมความต้องการของตัวเองที่เกินเลย
มีความรับผิดชอบทั้งต่อตัวเอง และผู้อื่น 
-
ช่วยลูกเข้าสังคม
เมื่อถึงวัยที่ลูกจะออกไปพบคนอื่นมากขึ้น
การที่ลูกรู้ว่าอะไรทำได้ ไม่ได้ เมื่อต้องอยู่ร่วมกับคนอื่น เช่น ไม่กัด
ตี หรือตะโกนใส่หน้าคนอื่น แต่กลับรู้จักแบ่งปันของเล่น รู้จัก “ขอบคุณ”
“ขอโทษ” รู้จักเข้าคิว เล่นของแล้วเก็บเข้าที่ รู้จัก
และระมัดระวังคำพูดและกิริยา ฯลฯ ล้วนเป็นพื้นฐานสำคัญที่ทำให้ลูกเข้าสังคม
และสามารถอยู่ร่วมกับคนอื่นได้อย่างมีความสุข

         
การสร้างวินัยให้ลูกไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณพ่อคุณแม่ตั้งใจจริงในการทำ
มีความเสมอต้นเสมอปลาย แต่อย่าทำให้จริงจังจนบ้านกลายเป็นค่ายทหารไปเสีย
เพราะวินัยนั้นสามารถยืดหยุ่น และปรับเปลี่ยนไปได้ตามสถานการณ์  ทั้งนี้
การสอนวินัยเริ่มได้ตั้งแต่เล็กๆ จะง่ายกว่าสอนตอนลูกโต
ซึ่งการฝึกวินัยนั้นจำเป็นต้องมีกลวิธีในการฝึกที่ดี
ภายใต้สัมพันธภาพอันดีระหว่างเด็กกับพ่อแม่ และอาจเลือกใช้วิธีใดวิธีหนึ่ง
หรือหลายวิธีผสมผสานกันได้

         
ทั้งนี้ รายการโทรทัศน์ โมเดิร์นมัม และนิตยสาร Modern Mom
ได้รวบรวมเทคนิคในการเสริมสร้างวินัยให้ลูกโดยเฉพาะวัย 0-6 ปี
เพื่อเป็นแนวทางสำหรับคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ในการนำไปใช้บ่มเพาะเมล็ดต้นกล้า
น้อยๆ ให้เจริญงอกงามเป็นไม้ใหญ่ที่มีคุณภาพ





วัยทารก : แรกเกิด - 1 ปี 
         
สำหรับเด็กขวบปีแรกนั้น
ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่จะเริ่มปลูกฝังความมีวินัยในตัวเขา
ตั้งแต่เริ่มต้น โดยการฝึกวินัยในช่วงวัยนี้
ควรเป็นเรื่องกิจวัตรประจำวันของลูก ซึ่งหนีไม่พ้นเรื่องการกิน
และการนอนให้เป็นเวลา

พฤติกรรมการกิน
- ช่วง 3 เดือนแรก เวลาการกินของลูกยังไม่ค่อยเป็นเวลา
จะขึ้นอยู่กับความต้องการของเด็กแต่ละคน
เพราะกระเพาะอาหารของลูกยังมีขนาดเล็กอยู่ ส่วนใหญ่จะให้นมทุกๆ 2-3
ชั่วโมง  
- พอย่างเข้าสู่วัย 4-5 เดือน
กระเพาะอาหารของเด็กจะขยายใหญ่ขึ้น ประสิทธิภาพการทำงานก็ดีขึ้นด้วย
ตอนนี้แหละค่ะที่เราจะฝึกวินัยการกินของลูกได้แล้ว
โดยเริ่มด้วยการงดนมมื้อดึก เพราะยิ่งเริ่มช้าก็ยิ่งลำบาก
และถ้าเริ่มฝึกหลังจากฟันขึ้นแล้ว ก็เสี่ยงต่อการเป็นโรคฟันผุอีกด้วย
เพราะเด็กส่วนใหญ่มักไม่ได้รับการทำความสะอาดฟันหลังกินนมมื้อดึก

- เมื่อเข้าวัย 6 เดือนขึ้นไป
ตารางการกินเริ่มเข้าที่เข้าทาง
และเป็นช่วงเวลาที่ลูกจะเริ่มอาหารเสริมอื่นๆ นอกจากนม
คุณแม่จัดเวลามื้ออาหารของลูกได้ โดยอาจจัดมื้ออาหารว่าง อาหารเสริม
และอาหารมื้อหลักให้เป็นเวลาเดียวกันทุกวัน 
- พออายุ
8 เดือน
เขาสามารถนั่งเองได้แล้ว
ควรมีเก้าอี้ส่วนตัวให้เขาที่โต๊ะกินข้าว
เพื่อให้ลูกฝึกกินข้าวเป็นที่เป็นทาง และให้กินด้วยตัวเอง





พฤติกรรม
การนอน 

- สำหรับ 3 เดือนแรก
ลูกยังจะนอนไม่ค่อยเป็นเวลา อาจจะตื่นขึ้นมาดื่มนมทุกๆ 2-3 ชั่วโมง
พอเข้าสู่เดือนที่ 4 ลูกถึงจะหลับ และตื่นเป็นเวลามากขึ้น
คุณแม่อาจสังเกตลูกว่า เมื่อใดลูกจะหิว หรือง่วง ค่อยๆ
ปรับให้ลูกกินนอนเป็นเวลา 
- ตั้งแต่ช่วง 4 เดือนไป
ตอนกลางคืนลูกจะเริ่มนอนยาวขึ้น แล่ะอาจจะมีอาการผวาบ้างบางครั้ง
อย่าเพิ่งรีบเข้าไปอุ้มนะคะ ให้ดูท่าทีก่อน เพราะเขาจะกลับไปหลับต่อเองได้
แต่หากคุณพ่อคุณแม่รีบเข้าไปอุ้มก็อาจทำให้เขาตื่นได้ 
-
เมื่อเข้าสู่วัย 6 เดือน

โดยส่วนใหญ่ตารางการนอนของลูกจะสม่ำเสมอขึ้น ต่อจากนั้น ค่อยๆ ปรับเวลาตื่น
และเข้านอนของลูกให้เป็นไปตามที่ต้องการ เช่น ตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้า
เข้านอน 2 ทุ่ม ใหม่ๆ อาจไม่ยอมหลับ แต่ถ้าถึงเวลาก็พาเข้านอนทุกครั้ง
ก็จะฝึกลูกให้นอนเป็นเวลาได้เองในที่สุด  
ทั้งนี้
ด้วยความที่ลูกยังเล็กเกินกว่าจะฝึกวินัย คุณแม่ต้องใจเย็น ค่อยๆ
ทำให้เป็นกิจวัตรไปค่ะ แม้ว่าแรกๆ ลูกอาจงอแงเพราะไม่คุ้นชิน ดังนั้น
การฝึกในช่วงขวบปีแรกควรทำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลูกจะได้เรียนรู้ว่า
นี่เป็นเวลาที่เขา ควรจะกิน และนอนได้แล้ว
และเพื่อเป็นพื้นฐานในการฝึกวินัยในอนาคต   

วัยเตาะแตะ : 
1-3 ปี

          สำหรับลูกน้อยวัยนี้
เป็นช่วงวัยที่ลูกได้เปิดโลกกว้างมากขึ้น และได้สัมผัสกับสิ่งใหม่ๆ
ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาทองของการเรียนรู้ และเลียนแบบสิ่งต่าง ๆ รอบตัว
จึงเหมาะแก่การปลูกฝังให้ลูกได้รู้จักกับคำว่า ‘วินัย’ 
         
“พฤติกรรมการแสดงออกของเด็กวัยเตาะแตะ หรือช่วง 1-3 ปีนั้น
เริ่มช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้น แต่เขายังไม่ทราบว่าอะไรควรอะไรไม่ควร
และยังไม่ทราบกฎเกณฑ์ต่างๆทั้งของที่บ้านและในสังคมว่าควรประพฤติปฏิบัติ
อย่างไร เช่น ถึงเวลามื้ออาหารแล้วก็ต้องมาทานไม่ใช่ไปวิ่งเล่นอยู่
หรือถึงเวลานอนแต่ยังอยากเล่น เล่นของเล่นแล้วก็ทิ้งไว้ตรงนั้น
เพราะมีคนคอยตามเก็บให้
ตรงนี้ก็จะต้องเป็นหน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่ที่จะสร้างกรอบ
และระเบียบให้กับลูกๆ ด้วยการกำหนดขอบเขตของพฤติกรรมที่เหมาะสมให้ชัดเจน
แล้วก็ต้องค่อยๆ ฝึกฝนให้ลูกปฏิบัติกันอย่างสม่ำเสมอ”  นพ.พงษ์ศักดิ์
น้อยพยัคฆ์ กล่าว
วัย 1 ปี
เริ่มรู้จักเข้าไปทักทายกับเด็กวัยเดียวกันแล้ว แต่อาจยังไม่รู้จัก การเล่น
หรือการเข้าสังคมที่ดีพอ จึงพบได้หลายครั้งว่า
เด็กที่มาร่วมเล่นด้วยกันจะมีแย่งของเล่น หรือมีการกัด ดึงผม หรือข่วนหน้า
อย่าเพิ่งด่วนลงโทษ เพราะจริงๆ แล้วเขาไม่ได้มีเจตนาทำร้าย
แต่ด้วยวัยที่ยังไม่รู้จักการแบ่งปัน เล่มร่วมกันกับเด็กคนอื่น
สิ่งที่เกิดขึ้นจึงเป็นเพียงวิธีการทำความรู้จักเพื่อนใหม่เท่านั้นเอง 

พอเข้า 2 ปี 
เจ้าตัวน้อยของเราเริ่มมีความคิดเป็นของตัวเอง
มีความเป็นตัวของตัวเองสูงขึ้น
บ่อยครั้งที่ชอบทำอะไรตามความต้องการเป็นหลัก
แต่ก็มีที่ลูกรู้สึกตัดสินใจด้วยตัวเองไม่ได้ หงุดหงิด รำคาญใจ และอาละวาด
ถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้คุณพ่อคุณแม่ต้องใจเย็นในการสอนให้ลูกพูดความรู้สึก
เช่น โกรธ โมโห แทนการขว้างปาข้าวของ หรืออาละวาดแทน
โดยไม่ต้องอธิบายเหตุผลยืดยาว เพราะเด็กวัยนี้ยังไม่เข้าใจ หรือจดจำได้

เมื่อวัย 3 ปี เขาจะเข้าใจสิ่งที่พ่อแม่ไม่อยากให้เขาทำ
มากขึ้น รู้ว่าอันไหนควร อันไหนไม่ควร แต่ด้วยวัยที่อยากเรียนรู้ของเขา
ก็อาจจะมีขัดขืนบ้าง การตำหนิว่ากล่าวอาจทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ลง
ควรใช้การพูดทางบวก และท่าทีที่นุ่มนวล อย่างเช่น
“ถ้าหนูเก็บของเล่นใส่ตะกร้าให้เรียบร้อย แล้วเราออกไปเดินเล่นกัน”
จะดีกว่า “ถ้าหนูไม่เก็บของเล่นให้เรียบร้อย แม่ก็จะไม่พาออกไปเดินเล่น” 


          ทั้งนี้
หากลูกน้อยมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม คุณพ่อคุณแม่ควรวางเฉย
ถ้าพ่อแม่ตอบสนองด้วยการตามอกตามใจลูกทุกครั้ง ลูกก็จะมีพฤติกรรมนี้ต่อไป
และอาจทวีความรุนแรงขึ้น แสดงให้ลูกรู้ว่าสิ่งที่พ่อแม่ไม่ชอบ
คือพฤติกรรมที่ไม่ดีของเขา ไม่ใช่ตัวเขา เช่น
"แม่ไม่ชอบที่ลูกฉีกหนังสือแม่" ลูกก็จะได้เรียนรู้ว่า
พฤติกรรมอะไรที่แม่ไม่ชอบ แทนที่จะพูดว่า "เด็กอะไรไม่น่ารักเลย
แม่ไม่ชอบ" 

          สำหรับ
กิจกรรมที่เหมาะในการสร้างวินัยให้ลูกน้อยวัย 1-3 ปี คือ
การฝึกให้ลูกได้เรียนรู้ผ่านกิจกรรมในชีวิตประจำวันตั้งแต่ตื่นนอนจนเข้านอน
เช่น รับประทานอาหารให้เป็นเวลา เป็นที่เป็นทาง นอกจากนั้น
การเป็นแบบอย่างที่ดีของพ่อแม่ในเรื่องของระเบียบวินัยที่ไม่ตึง
และไม่หย่อนจนเกินไปก็เป็นอีกหนึ่งการเรียนรู้ที่ช่วยให้เด็กๆ
มีวินัยในตัวเองได้ไม่ยาก





วัยอนุบาล :  3-6 ปี
         
สำหรับพฤติกรรมโดยรวมของเด็กวัยอนุบาลในช่วงอายุ 3-6 ปีนั้น นพ.พงษ์
ศักดิ์ น้อยพยัคฆ์ หัวหน้าหน่วยพัฒนาการเด็ก และวัยรุ่น
โรงพยาบาลวชิรพยาบาล

ได้กล่าวถึงพฤติกรรมในการควบคุมอารมณ์ตัวเองของเด็กวัยนี้
เมื่ออยู่ในสังคมเพื่อนๆ ที่โรงเรียนว่า
         
“เด็กในวัยก่อนเรียนเริ่มควบคุมอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองได้ดีขึ้นเมื่อ
เทียบกับวัยก่อนหน้านี้ สามารถแสดงออกถึงความต้องการ
ความรู้สึกของตัวเองเป็นคำพูดได้มากขึ้น
แต่ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของคนอื่น  เขายังเข้าใจว่าคนอื่นคิด
เข้าใจ และมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเหมือนที่ตัวเองมองเห็น
ยึดตัวเองเป็นที่ตั้ง เวลาเล่นกันก็อาจมีทะเละกัน โต้เถียงกันได้บ่อย
แย่งของเล่นกัน  ถึงแม้จะเริ่มเล่นร่วมกันเป็นแล้ว
รู้จักกฎกติกามารยาทง่ายๆ
รู้จักรอคอยให้ถึงคิวของตนเองได้แล้วแต่ก็ยังเข้าใจคนอื่นได้ไม่ดีนักครับ”

         
เด็กในช่วงวัยนี้จะสามารถควบคุมตัวเองได้ดีขึ้นตามกฎระเบียบง่ายๆ
ของที่บ้าน และที่โรงเรียน เริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
รู้จักการเล่นกับเพื่อนๆ วัยเดียวกัน เริ่มพูดรู้เรื่องมากขึ้น
เชื่อฟังพ่อแม่มากขึ้น แต่อาจยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางอยู่บ้าง
ซึ่งวินัยที่ลูกควรมีจะเกี่ยวเนื่องกับการใช้ชีวิตในสังคมมากขึ้น  
- ลูกควรมีความสามารถในการควบคุมตัวเอง เช่น
ไม่อาละวาดลงมือลงไม้ หรือทุบตีคนอื่นเมื่อรู้สึกโกรธ ผิดหวัง อิจฉา  
         
- ให้เรียนรู้เคารพสิทธิของผู้อื่น เช่น รู้จักพูดขอบคุณ ขอโทษ
รู้จักการเข้าคิว 
          - ให้รู้จักรับผิดชอบตัวเอง เช่น
อาบน้ำแต่งตัวได้เอง ช่วยรับผิดชอบงานบ้านเล็กๆน้อยๆ


         
นอกจากนี้คุณพ่อคุณแม่ยังสามารถสอดแทรกเรื่องของทักษะทางสังคมที่จะช่วย
พัฒนาคุณธรรมจริยธรรมให้กับลูกๆ ในวัยนี้ได้ เช่น รู้จักเห็นอกเห็นใจคนอื่น
รู้ว่าคนอื่นเสียใจเหมือนกับที่ตัวเองรู้สึก
ซึ่งจะเป็นพื้นฐานของการพัฒนาทางด้านคุณธรรมจริยธรรมต่อไปในอนาคต

         
ทั้งนี้ เมื่อลูกปฏิบัติตนดีเป็นเด็กมีวินัย คุณพ่อคุณแม่ควรให้รางวัลลูก
เช่น หันไปให้ความสนใจ ยิ้มให้ พยักหน้า โอบกอด หอมแก้ม ชื่นชม หรือชมเชย
แต่เมื่อลูกมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมก็สามารถสื่อสารให้ลูกรู้ได้ด้วยวิธี
ต่างๆ เช่น เพิกเฉย ไม่ให้ความสนใจ ตักเตือน ริบรางวัล งดกิจกรรมพิเศษ
แยกตัวเด็กออกไป โดยเลือกวิธีให้เหมาะสมกับเด็กแต่ละคน และแต่ละสถานการณ์
พร้อมค่อยๆ บอกถึงเหตุผล

...หว่านพืชเช่นใด
ย่อมได้ผลเช่นนั้น...
เรื่องของการฝึกวินัย
คุณพ่อคุณแม่อาจต้องยืดหยุ่นแต่ไม่หย่อนยาน และทำอย่างจริงจัง
สม่ำเสมอตามกติกาที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะกับเรื่องความปลอดภัย ซึ่งพัฒนาการ
และพฤติกรรมของลูกน้อยในแต่ละช่วงวัยแตกต่างกัน
คุณพ่อคุณแม่จึงต้องเลือกวิธีการฝึกวินัยให้เหมาะสมกับช่วงวัย
และนิสัยของลูก ที่สำคัญการสอนลูกถึงระเบียบวินัย
คุณพ่อคุณแม่ควรสอนด้วยการแสดงพฤติกรรมให้เห็นเป็นแบบอย่าง จะได้เรียนรู้
และไม่รู้สึกว่าเป็นการบังคับ






Free TextEditor








































Create Date : 14 พฤษภาคม 2553
Last Update : 14 พฤษภาคม 2553 21:11:05 น. 0 comments
Counter : 669 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.