อัลตร้าซาวน์ด... จำเป็นแค่ไหน

 
วิทยาการด้านการแพทย์ได้ก้าวหน้าไปอย่างไม่หยุดยั้ง
ความคาดหวังจากการดูแลรักษาคุณแม่ตั้งครรภ์และทารกในครรภ์ก็เพิ่มสูงขึ้น
ตลอดเวลา ทุกวันนี้จึงมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย
และสามารถสื่อสารกับทารกในตั้งครรภ์ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ
นั่นก็คือการทำอัลตร้าซาวน์ด

ไม่มีแม่ท้องไม่รู้จัก

         
หากพูดเช่นนี้คงไม่ผิดครับ
เพราะคุณแม่ตั้งครรภ์ทุกคนล้วนรู้จักและเคยผ่านการทำอัลตร้าซาวน์ดมาแล้ว
ทั้งนั้น เพราะเครื่องอัลตร้าซาวน์ดคือเครื่องตรวจคลื่นเสียงความถี่สูง
ที่คุณหมอสูติฯ ใช้ในการตรวจวินิจฉัยและติดตามภาวะของทารกในครรภ์
มาประมาณครึ่งศตวรรษแล้วเห็นจะได้ สำหรับสูตินรีแพทย์แล้ว
เครื่องอัลตร้าซาวน์ดจึงเปรียบเสมือนมือขวาของพวกเราทีเดียว
หากปราศจากเครื่องดังกล่าวแล้วละก็
เราแทบจะไม่สามารถวินิจฉัยความผิดปกติต่างๆ
ที่เกิดขึ้นกับคุณแม่ตั้งครรภ์ได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว
จนช่วยให้การรักษาภาวะผิดปกติทำได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที
 เพราะ
ฉะนั้นวิวัฒนาการของเครื่องอัลตร้าซาวน์ดจึงพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
อย่างไม่หยุดยั้ง และยังมีใช้กันอย่างแพร่หลาย
ทั้งในโรงพยาบาลของรัฐทั้งระดับจังหวัดและอำเภอ โรงพยาบาลเอกชน
รวมทั้งคลินิกต่างๆ จนทำให้ว่าที่คุณแม่สับสนว่า จริงๆ
แล้วหากผู้หญิงคนหนึ่งตั้งครรภ์ควรต้องทำการตรวจอัลตร้าซาวน์ดเพื่อดูอะไร
บ้างของทารกในครรภ์ และจะต้องตรวจสักกี่ครั้งจึงจะเหมาะสม

จำนวนครั้งที่ควรทำ

          บ้างบอกว่า 1-2  ครั้ง
หรือมีแม้กระทั่งว่าที่คุณแม่บางคนอัลตร้าซาวน์ดเป็นจำทุกเดือนที่ไปพบคุณ
หมอ ซึ่งจริงๆ แล้ว
ตอนนี้ยังไม่มีข้อกำหนดที่เป็นมาตรฐานจากกระทรวงสาธารณสุข
ว่าการตรวจครรภ์ด้วยเครื่องอัลตร้าซาวน์ดระหว่างตั้งครรภ์ควรจะทำกันกี่
ครั้ง แต่ถ้ายึดตามคำแนะนำของวิทยาลัยสูตินรีแพทย์อเมริกัน
ก็แนะนำให้ทำเพียงครั้งเดียวตอนอายุครรภ์ประมาณ 16-20 สัปดาห์

         
ตามความเห็นของหมอในฐานะสูตินรีแพทย์ก็เห็นด้วยว่า
ว่าที่คุณแม่ควรได้รับการตรวจด้วยเครื่องอัลตร้าซาวน์ดอย่างน้อย 1
ครั้งในช่วงอายุครรภ์ดังกล่าว เพื่อวินิจฉัยตำแหน่งของการตั้งครรภ์
ขนาดของทารกในครรภ์ ความผิดปกติของรูปร่าง การทำงานของอวัยวะต่างๆ
การเจริญเติบโตของทารกในครรภ์
รวมถึงความผิดปกติโดยกำเนิดที่เกิดกับอวัยวะต่างๆ
ที่สะท้อนถึงสุขภาพของทารกครับ

         
แต่สำหรับว่าที่คุณแม่ที่เป็นกลุ่มคนไข้พิเศษ เช่น
ผู้ที่มีบุตรยากและตั้งครรภ์ด้วยการใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์
หรือเป็นกลุ่มที่เป็นครรภ์เสี่ยงสูง เช่น ตั้งครรภ์แฝด
มีภาวะแทรกซ้อนของการตั้งครรภ์ตั้งแต่ไตรมาสแรกจนถึงไตรมาสสุดท้าย
ควรที่จะได้รับการตรวจเพิ่มเติมตามอายุครรภ์ต่อไปนี้

+
อายุครรภ์ 7-9 สัปดาห์

การตรวจด้วยเครื่องอัลตร้าซาวน์ดทางช่องคลอด จะช่วยให้รู้ว่า การตั้งครรภ์อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องหรือไม่
มีตัวเด็กหรือไม่
เป็นการตั้งครรภ์เดี่ยวหรือแฝด
มีเลือดออกอยู่ใต้รกหรือไม่ ไข่ตกจากรังไข่ข้างใด รังไข่มีซีสต์หรือไม่
ตัวมดลูกมีเนื้องอกร่วมกับการตั้งครรภ์หรือเปล่า
 นอกจากนี้
ยังสามารถทำนายอายุครรภ์ได้แม่นยำ โดยมีความผิดพลาดประมาณ 3 วันเท่านั้น
ซึ่งการตรวจในช่วงเวลาดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ในอนาคต
เพราะเป็นข้อมูลอ้างอิงสำหรับการตรวจในครั้งต่อๆ ไปอีกด้วย

+ อายุครรภ์ 11-13 สัปดาห์
การตรวจด้วยเครื่องอัลตร้าซาวน์ดทางช่องคลอด
จะวัดขนาดความยาวของทารกที่เรียกว่า Crown Rump Length
วัดความหนาของท้ายทอยทารก ตรวจหากระดูกจมูก ซึ่งช่วยในการทำนายโอกาสที่ทารกจะมีความผิดปกติของโครโมโซมคู่
ที่ 21
ที่เรียกว่าดาวน์ซินโดรมได้กว่าร้อยละ 70
เมื่อรวมกับการตรวจวัดระดับฮอร์โมนของแม่แล้ว
จะสามารถคำนวณออกมาเป็นโอกาสเสี่ยงที่ทารกจะเป็นดาวน์ซินโดรมได้แม่นยำมาก
ขึ้นถึงประมาณร้อยละ
78 นอกจากนี้ยังสามารถบอกตำแหน่งที่รกเกาะได้อย่างแม่นยำ
ซึ่งจะช่วยในการเฝ้าติดตามตำแหน่งของรกในอนาคตต่อไป

+
อายุครรภ์ 18-24 สัปดาห์
เป็นช่วงเวลาเหมาะสมที่จะสามารถตรวจทารกในครรภ์ทั้งตัว
ได้แก่ ส่วนศีรษะ แขน ขา ลำตัว และอวัยวะต่างๆ เช่น หัวใจ กระบังลม ปอด ตับ
ไต กระเพาะปัสสาวะ กระเพาะอาหาร เป็นต้น
ในกรณีที่มีความผิดปกติของหัวใจแต่กำเนิด ซึ่งเป็นความผิดปกติที่พบได้บ่อย
ก็สามารถที่จะปรึกษาสูติแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้การดูแลรักษาต่อไป
และช่วงเวลานี้ยังเหมาะสำหรับการเจาะน้ำคร่ำ
เพื่อนำไปตรวจวิเคราะห์โครโมโซมของทารกในครรภ์

+
อายุครรภ์ 32-34 สัปดาห์
เป็นช่วงเวลาที่จะทำการตรวจทารกในครรภ์ เพื่อที่จะบอกถึงความสมบูรณ์ของทารก
ความสมบูรณ์ของใบหน้า อวัยวะต่างๆ และขนาดของทารก ซึ่งสามารถบอกได้ว่า
ทารกในครรภ์มีการเจริญเติบโตตามเกณฑ์ โตเกินไป หรือเติบโตช้า เป็นต้น
เพื่อทำนายน้ำหนักแรกคลอด

          นอกจากนั้น
หลังจากช่วงเวลานี้ทารกในครรภ์มักจะไม่เปลี่ยนท่าอีกแล้ว เช่น
หากอยู่เป็นท่าก้นหรือท่าศีรษะก็จะอยู่ในท่านั้นจนกระทั่งครบกำหนดคลอด
ว่าที่คุณแม่ก็จะรู้ได้ว่า สามารถคลอดธรรมชาติได้หรือไม่
เพราะมีเพียงส่วนน้อยที่ทารกจะเปลี่ยนท่าไปจากเดิม


         
คุณแม่ผู้อ่านคงจะเห็นแล้วว่า
การตรวจครรภ์ด้วยเครื่องอัลตร้าซาวน์ดในช่วงเวลาต่างๆ มีหลักการ เหตุผล
และประโยชน์จากการตรวจแตกต่างกันไป และหากมีภาวะเสี่ยงอื่น เช่น
มีเลือดออกในระยะ 12 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์
สงสัยว่ามีความผิดปกติของหัวใจ หรือสงสัยว่าทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์
เป็นต้น ก็จำเป็นที่จะต้องตรวจอัลตร้าซาวน์ดเพิ่ม
เพื่อประเมินสถานะภาพของทารกในครรภ์เพิ่มเติมครับ



         
การอัลตร้าซาวน์ดนอกจากจะมีประโยชน์ในการดูแลสุขภาพของแม่และลูกในครรภ์แล้ว

ผลพลอยได้อีกอย่างก็คือว่าที่คุณแม่และว่าที่คุณพ่อยังสามารถเก็บภาพแห่ง
ความประทับใจ เพื่อนำไปบอกเล่ากับญาติพี่น้อง
หรือแม้กระทั่งกับเจ้าตัวเล็กที่กำลังจะเติบโตมาในอนาคตได้อีกด้วยครับ






Free TextEditor






































































































Create Date : 14 พฤษภาคม 2553
Last Update : 14 พฤษภาคม 2553 22:19:52 น. 0 comments
Counter : 235 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.