สาวยุคใหม่ตั้งครรภ์ตอนอายุน้อย ลูกเสี่ยงเป็นLD

นอกจากปัญหาการตั้ง
ครรภ์ก่อนวัยอันควรจะส่งผลกระทบต่อครอบครัวและสังคมแล้ว
ยังมีผลการวิจัยออกมาอีกว่ามารดาที่ตั้งครรภ์ที่มีอายุน้อยจะทำให้เด็กที่
คลอดออกมามีปัญหา ด้านความบกพร่องทางการเรียนรู้อีกด้วย ดร. เพ็ญนี
หล่อวัฒนพงษา ผู้อำนวยการฝ่ายบริการจิตวิทยา ผู้ชี่ยวชาญสาขาครอบครัวบำบัด
และผู้เชี่ยวชาญด้าน Learning Disabilities (LD) โรงพยาบาลมนารมย์ กล่าวว่า
ปัจจุบันปัญหาการตั้งครรภ์ตั้งแต่อายุยังน้อยของมารดา
ก็อาจะทำให้เด็กที่คลอดออกมามีโอกาสเป็น LD
ได้รวมถึงเด็กที่คลอดแล้วน้ำหนักตัวน้อยมากก็อาจเป็น LD ได้เช่นกัน
เพราะเกิดจากการที่สมองทำงานผิดปกติ หรือได้รับกรรมพันธุ์จากพ่อแม่
หรือแม้แต่สิ่งแวดล้อมก็อาจทำให้เด็กมีความบกพร่องในการเรียนรู้ได้




           
สำหรับลักษณะของความบกพร่องในการเรียนรู้นั้น ดร.เพ็ญนี อธิบาย
ว่า อาจแสดงออกมาในรูปแบบของการอ่าน การฟัง การเขียน การคำนวณ ฯลฯ
ที่ผิดปกติ เช่นอ่านหนังสือได้ช้า ไม่สามารถจับใจความได้
เขียนไม่เป็นตัวหนังสือ ไม่สามารถคำนวณและแปลโจทย์คณิตศาสตร์ได้ ฯลฯ
ทำให้เด็กเรียนมีปัญหาในการเรียน ทั้งๆ
ที่มีลักษณะของความเฉลียวฉลาดและมีสติเชาว์ปัญญาดี
แต่เมื่อผู้ใหญ่ไม่เข้าใจถึงปัญหาความสลับซับซ้อนเรื่อง
LDที่ได้เกิดกับเด็ก ปัญหาซ้ำซากก็จะเกิดขึ้นอยู่เสมอ
เพราะผู้ใหญ่ไม่ทราบถึงปัญหาต้นตอที่แท้จริง
เด็กจึงต้องถูกตำหนิอยู่เสมอว่าเป็นคนขี้เกียจ ดื้อ ไม่ตั้งใจเรียน ฯลฯ
ซึ่งอาจส่งผลตามมาทำให้เด็กมีปมด้อย
และเกิดปัญหาด้านอารมณ์และพฤติกรรมที่ก้าวร้าวต่าง ๆ ได้ในที่สุด

“วิธีสังเกตเด็กที่มีลักษณะเป็น LD
พฤติกรรมบางอย่างจะสังเกตได้ชัด บางอย่างอาจสังเกตไม่ได้
คือเด็กอาจจะอ่านได้คล่อง อ่านเพื่อความเข้าใจได้ เล่าเรื่องได้
แต่เมื่อถามเฉพาะจุดเจาะจงจะตอบไม่ได้ ไม่สามารถเชื่อมโยงเรื่องได้
ส่วนในด้านคณิตศาสตร์ก็ไม่สามารถคิดคำนวณง่าย ๆ ได้
ไม่เข้าใจความคิดรวบยอดทางคณิตศาสตร์ จำหลักเลขไม่ได้
ด้านการเขียนอาจสะกดคำศัพท์ไม่ได้ เป็นต้นดูเป็นเรื่องที่ชัดเจนสำหรับเด็ก
LD แต่ก็ต้องดูต่อว่าเขาจัดอยู่ใน LD ประเภทไหน เด็ก LD
จะแตกต่างกับเด็กไม่ฉลาดและเด็กสมาธิสั้น คือเรื่องพัฒนาการต่าง ๆ
เด็กที่ไม่ฉลาดจะมีพัฒนาการจะล่าช้าเป็นเรื่องปกติ
ส่วนเด็กสมาธิสั้นก็จะทำสิ่งต่าง ๆ ได้ไม่นานเพราะต้องรับสิ่งเร้าต่าง ๆ
ที่เข้ามา ส่วนเด็ก LD อาจจะพูดเก่ง ฉลาด แต่จะไม่จำ
โดยเฉพาะถ้าให้ลงมือเขียน ลงมือทำ จะทำไม่ได้
นี่คือช่องว่างที่แตกต่างกันตรงนี้และสิ่งที่ตามมาคือผลสัมฤทธ์ทางการเรียน
อย่างน้อยที่สุดมีนัยยะสำคัญที่สองชั้นเรียน เมื่อเปรียบเทียบกับเด็กปกติ”
ดร.เพ็ญ
นี กล่าว

           
สำหรับแนวทางการให้คำปรึกษาเพื่อช่วยเหลือนั้น ดร.เพ็ญนี ให้ข้อแนะนำว่า
ผู้ปกครองต้องบอกนักจิตวิทยาก่อนว่ามีความห่วงใยเด็กในเรื่องใด
ได้ห่วงใยในเรื่องนั้น ๆ มาระยะเวลานานแล้วเท่าไร
และที่ผ่านมาได้พยายามช่วยเหลือเด็กอย่างไร
เพราะข้อมูลเรื่องการเรียนของเด็ก การพัฒนาการของเด็กตลอดจน
ข้อมูลจากโรงเรียน ครูผู้สอน ฯลฯ เป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะทำให้ทราบว่าเด็ก LD
มีข้อดีข้อเด่นในเชาว์ปัญญาของเขาด้านไหน
และเมื่อทราบถึงจุดนี้ก็เสามารถทำการเลือกวัดไอคิว ทำแบบทดสอบมาตรฐานต่าง ๆ
ตามวัยที่เหมาะสมกับเขาได้
ทั้งนี้เพื่อสามารถทำแผนบำบัดที่มีประสิทธิภาพสำหรับตัวเขาต่อไป

ทั้งนี้ ดร.เพ็ญนี กล่าวว่า
หากพ่อแม่และครูไม่เข้าใจเด็กแล้วการให้ความช่วยเหลือจะเป็นไปอย่างล่าช้า
และไม่อาจช่วยเหลือตามความต้องการที่แท้จริงของเด็กได้
เพราะปัญหาความบกพร่องในการเรียนรู้ เป็นความบกพร่องที่ซ่อนเร้น
พ่อแม่ควรมีสัมพันธ์อันดีกับเด็ก และพยายามสังเกตพฤติกรรมต่าง ๆ
อีกทั้งครูควรมีความใจในเรื่องนี้มากขึ้นเพราะจะได้สามารถรับมือได้
โดยปกตินักจิตวิทยาสามารถตรวจสอบได้ว่าเด็กคนไหนเป็น LD หรือไม่
โดยการใช้เครื่องมือในการประเมินด้านต่าง ๆ เพื่อทดสอบ”






Free TextEditor







































































































Create Date : 14 พฤษภาคม 2553
Last Update : 14 พฤษภาคม 2553 20:57:50 น. 0 comments
Counter : 463 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.