|
กลิ่นปาก<(++)>ไม่ยากจะกำจัด
ไม่ว่าคุณจะเป็นหนุ่มหรือสาว...ถ้าไม่อยากให้ปัญหาจากกลิ่นปากมาเป็นตัวทำลายบุคลิกภาพรวมถึงความสัมพันธ์อันดีกับใครต่อใครละก้อ...ลองอ่านบทความต่อไปนี้ดูค่ะว่า เราจะเตรียมตัวและจัดการกับมันได้อย่างไร
1. เช็คตัวเองแบบที่หนึ่ง...-ทำอย่างนี้ค่ะ ลองเลียบริเวณหลังมือตัวเอง ทิ้งไว้ชั่วอึดใจแล้วก้มไปดมใหม่ คุณจะได้กลิ่นค่ะ และเจ้ากลิ่นนี่ล่ะ ที่จะบอกได้ว่า...ในปากของคุณนั้นกลิ่นเป็นเช่นไร ซึ่งถ้าแรงมากแสดงว่าแบคทีเรียกำลังจัดปาร์ตี้กันอย่างเมามัน ควรรีบกำจัดด่วนเลยค่ะ
2. เช็คตัวเองแบบที่สอง...- ลองหันหน้าเข้าหากระจกแล้วแลบลิ้นใส่ตัวเองดูซิคะ ว่าลิ้นคุณมีสีอะไร ไม่ต้องแปลกใจถ้าลิ้นคุณมีสีแดงอมชมพู...เพราะนั่นคือลิ้นปกติ แต่ถ้ามีคราบขาวหรือเหลืองเคลือบอยู่ ไม่ว่าจะมากหรือน้อย นั่นล่ะ ต้นตอของกลิ่นปากที่ไม่มีใครอยากดมค่ะ
3. กำจัดมัน...-ไม่ยากอะไร ก็แค่ทำความสะอาดค่ะ แปรงลิ้นซะแล้วกลั้วปากให้สะอาด หรืออาจพกอุปกรณ์ขูดลิ้นซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป มาใช้ก็ดีค่ะ
4. ทิป 1...- รู้วิธีเช็คตัวเองและการแก้ปัญหาเบื้องต้นไปแล้ว ทีนี้ขอเล่าถึงที่มาของกลิ่นปากกันต่อเลยนะคะ... ว่ามันเกิดจากการสะสมของแบคทีเรียในช่องปาก ซึ่งเป็นขั้นตอนการย่อยสลายเศษอาหารที่อยู่ในช่องปากของเราโดยแบคทีเรียค่ะ...และอาหารแบคทีเรียโปรดปรานก็จะเป็นพวกเนื้อสัตว์ทั้งหลายนั่นเอง
5. ทิป 2...- การดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว นั้นช่วยได้มากค่ะ เพราะเวลาที่เราดื่มน้ำมันจะช่วยพัดเอาเศษอาหารที่ติดอยู่ในช่องปากเราลงท้องไปด้วย นอกจากนี้การดื่มน้ำมากๆ ยังทำให้ร่างกายเราสดชื่นสร้างภูมิต้านทานมาสู้กับแบคทีเรีย...ทำให้ปัญหากลิ่นปากเบาบางลงได้ค่ะ
6. แล้วถ้ามันไม่เวิร์คล่ะ...- ไม่ได้ผลในที่นี้ก็จะหมายถึงคุณต้องมีปัญหาอื่นๆ ในช่องปากหรือระบบทางเดินหายใจแน่นอน เช่น ฟันผุ..หรืออื่นๆ ต้องหาต้ตตอให้เจอก่อนค่ะและอีกสิ่งที่ควรตระหนักคือ...อาหาร จำพวกผักและผลไม้บางชนิดก็พร้อมที่จะทำให้กลิ่นปากของคุณอบอวลได้เช่นกัน แม้มันจะเดินทางลงไปอยู่ในกระเพาะเรียบร้อยแล้ว ทว่า...ก็ยังสามารถส่งกลิ่นเล็ดลอดผ่านระบบทางเดินอาหารออกมาทำร้ายคู่สนทนาของคุณได้ค่ะ ซึ่งคุณสามารถหาซื้อยากำจัดกลิ่นเหล่านี้ได้โดยปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรค่ะ
7. น้ำยาบ้วนปากเวิร์คมั้ย ? - น้ำยาบ้วนปากบางชนิดนั้นมีส่วนผสมของน้ำตาล ซึ่งน้ำตาลนี่ล่ะค่ะที่เป็นอาหารสุดเลิฟของแบคทีเรียอีกเหมือนกัน...ดังนั้นเมื่อคุณบ้วนปากเสร็จอีกสักพัก เจ้าน้ำตาลที่มาพร้อมกับน้ำยาบ้วนปากก็จะส่งผล เพียงแต่จะน้อยกว่าเพราะว่า...แบคทีเรียบางส่วนถูกกำจัดออกไปแล้วเท่านั้นเองค่ะ 
Create Date : 27 สิงหาคม 2548 | | |
Last Update : 15 กรกฎาคม 2549 19:30:24 น. |
Counter : 455 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
=~ถนอมตาเมื่อใช้คอมพ์~=
การถนอมดวงตาอันอ่อนล้าจากการใช้ Computer ตามวิธีของเบตส์ มี 7 ท่าด้วยกันค่ะ...
ท่าที่ 1 ครอบดวงตา...โค้งอุ้งมือทั้งสองครอบดวงตาไว้เฉย ๆ ระวังอย่าให้อุ้งมือกดทับดวงตา นึกถึงบรรยากาศที่ผ่อนคลาย เช่น วันพักผ่อนสุดสัปดาห์ตามป่าเขา ชายทะเล อยู่ในท่านี้สัก 10 นาที
ท่าที่ 2 สร้างจินตภาพ...ต่อจากท่าที่ 1 ยังคงครอบดวงตาอยู่ สร้างจินตภาพว่า ตนเองกำลังมองวัตถุบางอย่างที่มีสีสันสดใส มีรายละเอียดต่างๆ ที่ชัดเจน เช่น มองเห็นดอกเบญจมาศสีเหลืองสวย เห็นกลีบดอกแต่ละกลีบละเอียดชัดเจน สายตาที่คมชัด...จากจินตนาการของเราจะช่วยเยียวยาสายตาจริงๆ ของเราได้เป็นอย่างดีค่ะ
ท่าที่ 3 กวาดสายตา...มองแบบไม่ต้องจ้อง (คนสายตาสั้นมักจ้องและเขม้นตา) กวาดสายตาไปตามวัตถุที่อยู่ไกล ๆ ทางโน้นบ้างทางนี้บ้าง ทำให้ตาของเราได้ผ่อนคลาย
ท่าที่ 4 กะพริบตา...ฝึกนิสัยให้กะพริบตา 1-2 ครั้ง ทุก ๆ 10 วินาที ช่วยให้แก้วตาสะอาดและมีน้ำหล่อเลี้ยง โดยเฉพาะคนที่สวมแว่น หรือคอนแท็กต์เลนส์ยิ่งจำเป็น
ท่าที่ 5 โฟกัสภาพใกล้และไกล...เหยียดแขนซ้ายไปให้ไกลที่สุด ตั้งนิ้วชี้มือซ้ายขึ้นเพื่อเป็นจุดโฟกัส ขณะเดียวกัน ตั้งนิ้วชี้มือขวาให้ห่างจากใบหน้าสัก 3 นิ้ว (7.5 ซม.) โฟกัสภาพที่แต่ละนิ้วสลับกันไปมา...ทำบ่อยๆ ค่ะ
ท่าที่ 6 ชโลมดวงตา...ตื่นนอนทุกเช้าใช้มือวักน้ำชโลมดวงตาด้วยน้ำอุ่นสัก 20 ครั้ง สลับกับการวักน้ำเย็นชโลมดวงตาอีก 20 ครั้ง เพื่อช่วยให้เลือดหมุนเวียนมาเลี้ยงดวงตาดีขึ้น การจบด้วยน้ำเย็น ทำให้กล้ามเนื้อตาและหนังตากระชับไม่หย่อนยาน ก่อนเข้านอน...ให้วักน้ำชโลมดวงตาอีกครั้งแต่คราวนี้ชโลมด้วยน้ำเย็นก่อนแล้วตามด้วยน้ำอุ่น จะทำให้กล้ามเนื้อตาและหนังตาได้ผ่อนคลาย
ท่าที่ 7 แกว่งตัว...ยืนแยกเท้าเท่ากับช่วงไหล่ แกว่งตัวไปมาจากซ้ายไปขวา ถ่ายน้ำหนักตัวบนขาแต่ละข้างสลับไปมา สายตามองไปไกลๆ แต่ไม่ต้องจ้อง...ปล่อยให้จุดที่เรามองแกว่งไปมาซ้ายขวาตามการแกว่งตัว ท่านี้จะทำให้ดวงตาได้พักและมีการปรับตัวดีขึ้น ทำบ่อย ๆ เมื่อมีโอกาส เปิดเพลงคลอไปด้วยก็ได้นะคะ
"วิธีของเบตส์" ได้รับการยืนยันจากจักษุแพทย์จำนวนมากว่า...เป็นการฝึกดวงตาที่เป็นระบบช่วยรักษา สายตาคนไข้ได้เป็นจำนวนมากค่ะ 
Create Date : 27 สิงหาคม 2548 | | |
Last Update : 15 กรกฎาคม 2549 19:31:25 น. |
Counter : 1488 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
เกิดอะไรขึ้น...เมื่อคุณนอนหลับ ?
หนึ่งในสามของช่วงเวลาชีวิตคนเรา...ถูกใช้ไปเพื่อพักผ่อนนอนหลับ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งของการมีสุขภาพที่ดี การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอจะช่วยซ่อมแซมในระบบต่างๆ ในร่างกาย และกระตุ้นระบบบันทึกความทรงจำ...ให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเตรียมจิตใจที่พร้อมต่อการทำงานต่างๆ ในวันรุ่งขึ้นอีกด้วยนะคะ...ผู้เชี่ยวชาญแห่งศาสตร์ของการนอนหลับและองค์การอนามัยโลกได้ทำการศึกษาวิเคราะห์เรื่องความสัมพันธ์ในระหว่างการนอนหลับกับการดำรงชีวิต ซึ่งผลการวิจัยได้แสดงให้เห็นว่า...การนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอนั้น ส่งผลกระทบต่อสมองตลอดจนร่างกายของคนเรา และระหว่างที่คุณหลับอยู่นั้นคุณทราบหรือไม่ว่า...ในแต่ละชั่วโมงร่างกายจะเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาดังนี้ละค่ะ
.....+++...++.......++++++.........++++++.....
เมื่อศีรษะถึงหมอน...เมื่อเราเริ่มหลับ กล้ามเนื้อและระบบประสาทจะเริ่มผ่อนคลายเข้าสู่ภาวะที่ดวงตาของเราเริ่มเคลื่อนไหวน้อยลง และสมองลดระดับการทำงานลงด้วย ความดันโลหิตลดลงเล็กน้อย หายใจช้าลง...ต่อมน้ำคัดหลั่งภายในจะผลิตฮอร์โมน ที่กระตุ้นการสร้างเนื่อเยื่อและพัฒนาทางเพศร่างกายมีการดูดซึมโซเดียม เพื่อพัฒนาการตอบสนองต่อความเครียด หรือกดดัน...ที่พบในชีวิตประจำวัน
เที่ยงคืน...การหลั่งฮอร์โมนของต่อมที่กระตุ้นการหลั่งนั้นจะเกิดขึ้นในระหว่าง 30-90 นาทีแรก ซึ่งจะเป็นกระบวนการที่ซับช้อนและเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ตีหนึ่ง...ช่วงนี้เป็นการนอนหลับที่วุ่นวายสับสนดวงตามีการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วในขณะที่คุณหลับ เรียกการนอนหลับในช่วงนี้ว่า REM (RAPID EYE MOVEMENT) เซลประสาทในสมองมีอัตราถี่ขึ้น และระบบไหลเวียนของโลหิตก็เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งถ้าคุณฝันในช่วงเวลานี้...จะเป็นความฝันที่โลดโผนและตื่นเต้น และถ้าคุณพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็จะทำไห้คุณตื่นเร็วขึ้นและรู้สึกอ่อนเพลีย
ตีสอง...ในช่วงนี้ระบบการทำงานของอวัยวะเพศถูกกระตุ้น ทำไห้มีการไหลเวียนของเลือดสู้ช่องคลอดมากขึ้น หรืออาจทำไห้เกิดการแข็งตัวในอวัยวะเพศชาย
ตีสาม...การนอนหลับของคุณเริ่มขยับเคลื่อนที่เข้าสู่สภาวะที่หลากหลาย เข้าสู้ช่วงการนอนแบบ NREM (NONRAPID EYE MOVEMENT! ) ดวงตาจึงไม่มีการเคลื่อนไหวไนระยะเวลานานพอสมควร
ตีสี่...ร่างกายคุณอาจตื่นเป็นระยะ ๆ จากการฝันแบบ REM (RAPID EYE MOVEMENT) อุณหภูมิปรับสูงขึ้น ซึงเพิ่มโอกาสรู้สึกตัวขึ้นได้ แต่ยังมีฮอร์โมน 2 ตัว ในร่างกายคือ เมลาโทนิน กับ คอธิซอล...ที่ช่วยไห้คุณหลับต่อไปอย่างสบาย
ตีห้า...ร่างกายของคุณจะเริ่มส่งสัญญาณบอกอย่างหนึ่ง เพื่อเตือนว่า ใกล้เวลาถึงเวลาตื่นแล้ว โดยเฉลี่ยประมาณ 60-90 นาที ก่อนที่คุณจะตื่นนอน...ไตของคุณจะผลิต CORTISOLSPIKE ซึ่งผู้เชียวชาญอธิบายถึงการทำงานของฮอโมนชนิดนี้ไว้ว่า มันจะทำหน้าที่เหมือนนาฬิกาปลุกในร่างกาย
ในยามเช้า...นาฬิกาปลุกในร่างกายที่อยู่ในสมองส่วนหน้า ตรงที่มีต่อม HYPOTHALAMUS จะทำหน้าที่สงสัญญาณไปแจ้งให้คุณตื่นจากการนอนหลับที่ยามนาน ร่างกายจะปรับตัวไปสู่ภาวะที่ตรงกันข้ามกับระบบต่างๆ ที่เกิดขึ้นในระหว่างการนอนหลับ ระบบหมุนเวียนของเลือดจะกลับสู่ระดับปกติ...ปริมาณอากาศเข้าสู่ปอดทั้งสองข้างเพิ่มขึ้น และอุณหภูมิในร่างกายก็ปรับตัวสูงขึ้น ร่างกายเข้าสู่สภาวะปกติฉะนั้นการที่ร่างกายได้หลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ ก็ช่วยไห้คุณมีอารมณ์ดีสดชื้นแจ่มใส...สมองปลอดโปร่ง พร้อมรับกิจกรรมอันแสนหนักของคุณได้อย่างเต็มที่
ขอบคุณข้อมูลจากค่ะ...
//saranair.com
.......++++++++.....+++++++++++++..++++.....

Create Date : 26 สิงหาคม 2548 | | |
Last Update : 15 กรกฎาคม 2549 19:32:31 น. |
Counter : 502 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ต้มไข่ให้เป็น " ไข่ "
อย่าเพิ่งขำนะคะ...ว่าแค่เรื่องต้มไข่อะไรจะต้องเป็นศาสตร์และศิลป์ขนาดนั้น อืม...เรื่องที่ดูเหมือนง่ายนี่แหละค่ะ บางทีก็มีความยุ่งยากซ่อนอยู่เหมือนกันนะจะบอกให้ ^^
........++++++++++--------------************
อย่างแรกต้องทำความเข้าใจก่อนนะคะว่า...การต้มไข่ ควรให้น้ำมีระดับที่ท่วมไข่ และเคล็ดลับการป้องกันเปลือกไข่แตก คือ...ไข่ต้องมีอุณหภูมิเท่ากับอุณหภูมิห้อง (นำออกจากตู้เย็นแล้วทิ้งไว้) ใช้ปลายเข็มหมุดเจาะไข่ทางด้านป้านให้เป็นรูเล็กๆ เพื่อลดแรงดันภายในไข่ระหว่างต้ม...ในต่างประเทศจะมีเครื่องมือเพื่อการนี้ คือ Egg Piercer เป็นปลอกมีเข็มตรงกลางไว้เจาะเปลือกไข่...เพื่อความมั่นใจว่าเปลือกไข่ไม่แตกแน่ ให้ผสมน้ำส้มสายชูกลั่น 5% ลงในน้ำที่ต้มไข่ราว 1-2 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 1 ลิตร จากนั้น...ให้ใส่ไข่ลงหม้อ ยกขึ้นตั้งไฟกลาง รอจนน้ำเดือดให้ราไฟลง จากนั้นเริ่มจับเวลา...
สำหรับไข่ต้มประเภทต่างๆ นั้นเรามาดูกันค่ะ...ว่าตามหลักวิชาการว่าด้วยการต้มไข่เนี่ย เค้าระบุเอาไว้ยังไงกันมั่ง...
@...ไข่ลวก (Soft-boiled egg)
ใช้เวลาตั้งแต่น้ำเดือด 2-3 นาที เสิร์ฟไข่ในถ้วยไข่ลวก (หันด้านป้านขึ้น) เวลากินใช้ช้อนเคาะรอบ ๆ ยอดไข่ เปิดเปลือกไข่ออก...เหยาะเกลือและพริกไทยตามชอบ ตักกิน
@...ไข่ต้มยางมะตูม (Egg mollet)
ใช้เวลาตั้งแต่น้ำเดือด 4-5 นาที ถ้าต้องการให้ไข่แดงสุกอีกหน่อยก็เพิ่มเวลา แต่อย่านานถึง 10 นาที
@...ไข่ต้มแข็ง (Hard-boiled egg)
ใช้เวลาตั้งแต่น้ำเดือด 8-10 นาที แต่อย่านานเกินไป เพราะขอบไข่แดงจะเป็นรอยคล้ำสีดำ และมีกลิ่นกำมะถัน กินไม่อร่อย
++ข้อควรจำ++
ไข่ไก่สดใหม่จากฟาร์ม...จะใช้เวลาต้มนานกว่าไข่ที่ทิ้งไว้หลายวันราว 1 นาที
....+++++++++-------------**************
//saranair.com 
Create Date : 22 สิงหาคม 2548 | | |
Last Update : 15 กรกฎาคม 2549 13:13:40 น. |
Counter : 650 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
หม่ำ+*ดอกไม้*+กันมั้ยคะ
จริงๆ แล้ว...ดอกไม้น่าจะเป็นผักอย่างนึงเหมือนกันนะคะ ด้วยความที่มันถูกนำไปทำอาหารได้หลากหลายประเภทเหมือนกัน ทั้ง...ยำ แกงจืด ผัด และอื่นๆ อีกหลายต่อหลายอย่างเลยละค่ะ
มีดอกไม้ชนิดนึงค่ะ...ที่อยากจะแนะนำในโอกาสนี้ เพราะเป็นดอกไม้ที่รสชาติดีทีเดียว นั่นก็คือดอกขจร...
ก่อนอื่น...เราไปทำความรู้จักกับเจ้าดอกไม้ชนิดนี้กันก่อนดีกว่านะคะ
**=ขอบคุณข้อมูลจากที่นี่ค่ะ=**
//www.panmai.com
..........++++++++++++++-----------*******
ดอกขจร...เป็นไม้เลื้อยเถาเล็ก แตกยอดจำนวนมาก ทุกส่วนของลำต้นมีน้ำยางขาว ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามเป็นใบคู่เป็นรูปหัวใจ...กว้างและยาว 610 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบเว้า ขอบใบเรียบ มีช่อดอกสีเหลืองอมชมพูอ่อน...ออกเป็นช่อแบบซี่ร่ม
ดอกย่อย...มีกลีบเลี้ยงเชื่อมติดกันส่วนปลายแยก 5 แฉก กลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอดสั้นๆ ปลายกลีบแยกเป็น 5 แฉก ดอกบานไม่พร้อมกัน...ดอกอ่อนสีเขียว เมื่อบานเริ่มหอมตั้งแต่ช่วงบ่าย ดอกออกมากตั้งแต่ต้นฤดูหนาว นำดอกขจรมาเป็นผัก...ทำอาหารรับประทานได้
การปลูก...ขจรเป็นไม้ที่ขึ้นได้ดี ในดินทุกสภาพ แต่ถ้าจะให้ดีควรปลูกในดินร่วนปนทราย หรือดินที่มีความร่วนซุยมากๆ ขจรเป็นไม้ที่ชอบแดดจัด...ไม่ต้องการน้ำมากนัก และทนต่อสภาพความแห้งแล้งได้ดี ดังนั้นการรดน้ำให้รด 2 วันต่อครั้ง
การขยายพันธุ์...ขจรสามารถทำได้โดยการปักชำกิ่ง หรือทาบกิ่ง
สรรพคุณทางยา...ใช้รากผสมยาหยอดรักษาตา รับประทานทำให้อาเจียนถอนพิษเบื่อเมา ทำให้รู้รสอาหาร ดับพิษ
........+++++++---------***********
ทีนี้ก็มาถึงเมนูดอกขจรกันแล้วนะคะ...เรามาลองทำดูซักอย่างนึงก่อนแล้วกันนะคะ ก็คือ...ไข่ตุ๋นดอกขจรค่ะ
..............+++++++++++-----*********
**=เครื่องปรุง=**
ไข่ไก่ 3 ฟอง
ดอกขจร 50 กรัม
น้ำซุป 1 ถ้วยตวง
เนื้อปูนึ่งสุก 100 กรัม
เนื้อหมูสับ 100 กรัม
ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
ผงปรุงรสไก่ 1 ช้อนชา
กระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
พริกชี้ฟ้าหันเป็นเส้น สำหรับโรยหน้า
**=วิธีทำ=**
ผสมไข่ไก่ เนื้อปู เนื้อหมู ดอกขจร...เครื่องปรุงรสทั้งหมด และน้ำซุปเข้าด้วยกัน ใส่ภาชนะทนร้อน นำไปนึ่งในรังถึง เมื่อสุกแล้ว...ยกลงโรยหน้าด้วยกระเทียมเจียว และพริกชี้ฟ้า จัดเสิร์ฟขณะร้อนๆ
..........+++++++++++++----------*****
ง่ายมั้ยคะ...เมนูนี้ ประหยัดเวลาแล้วยังได้คุณค่าอาหารครบถ้วนด้วยนะคะ แถมให้อีกอย่างนึงดีกว่า...จานนี้เหมาะสำหรับคนที่กำลังลดน้ำหนักค่ะ ไปดูกันเลยค่ะ... ~*~ ยำบุบผา~*~
...............+++++++++---------*********
**=เครื่องปรุง=**
กุหลาบ ชบา เข็ม พวงชมพู อัญชัน 1 ถ้วยตวง
พริกขี้หนู 56 เม็ด
กระเทียม 23 กลีบ
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปีบ 1 ช้อนโต๊ะ
หอมแดงซอย 2 หัว
**=วิธีทำ=**
นำเครื่องปรุง...พริกขี้หนู กระเทียม มาโขลก ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาลปีบ จากนั้น...นำเครื่องปรุงมาคลุกเคล้า กับดอกไม้ที่เตรียมไว้ โรยหน้าด้วยใบสะระแหน่ หอมแดงซอย ตักเสิร์ฟ...
.....+++++++++++-------------*********
ขอให้สนุกและอร่อย..กับเมนูดอกไม้ที่นำมาฝากกันนะคะ

Create Date : 19 สิงหาคม 2548 | | |
Last Update : 15 กรกฎาคม 2549 19:33:49 น. |
Counter : 845 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|