...Chansuwan Villa... ยินดีต้อนรับสู่หมู่บ้านจันทรสุวรรณวิลล่า บ้านกลางสวนมะพร้าว หาดขาวทะเลเขียว ฟ้าสีครามเมฆปุยขาว
Group Blog
 
All blogs
 
ขโยกเขยกตะลอนไปในทะเลเจดีย์(ท่องบะกั่น ตอนจบ)

วันที่สองของการเดินทางเที่ยวบะกั่นโดยรถม้า โดยมีโกไจคนขับอาสาเป็นไกด์พาเที่ยวไปในตัว อากาศดีสดใส ฝนไม่ตกแล้ว ทำให้วันนี้เที่ยวได้หลายที่เลย

วัดนี้ไม่ขอลงชื่อดีกว่า เพราะเกรงจะจำผิดค่ะ แต่วัดนี้จะมีร้านรวงขายตลอดทางเดินเข้าวัด ผลงานชาวบ้านมาวางขาย มีหุ่นกระบอกและโมบายแขวนแบบต่างๆให้เลือกค่ะ


มหาโพธิ์เจดีย์ วัดนี้รูปทรงเจดีย์เป็นเอกลักษณ์จำได้ไม่มีผิดแน่นอนค่ะ ที่เจดีย์ชเวดากอง ย่างกุ้งเป็นงานปูนปั้นเขียนภาพสีลงในช่อง แต่สำหรับที่นี่คือ งานปูนปั้นเป็นลวดลายนูนต่ำค่ะ ไม่มีการลงสี สวยไปอีกแบบ

ช่วงบ่าย ไปแวะเที่ยวในเขตหมู่บ้าน มะยินกะบา ที่นี่เป็นเสมือนโรงงานทำเครื่องเขินของหมู่บ้าน หนุ่มๆสาวๆต่างพากันมาฝึกอาชีพและทำงานกันที่นี่ มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยียนเสมอๆ แต่เอ....เวลากดชัตเตอร์ต่างพร้อมใจกันก้มหน้าเลยค่ะ


ใกล้ๆกับหมู่บ้านแห่งนี้ คือ วัดมนูหะ ที่นี่มีประวัติกล่าวกันว่า เมื่อครั้งพระเจ้าอโนรธา กษัตริย์พม่าตีมอญแตกพ่าย ได้จับพระเจ้ามนูหะและมเหสีมาไว้ที่หมู่บ้านนี้เพื่อเป็นเชลย แม้ว่าทั้งสองพระองค์จะได้อยู่สุขสบายตามสภาพ และสามารถทำนุบำรุงพระศาสนาได้ตามศรัทธา

ดังนั้น พระองค์จึงได้สร้างวัดมนูหะโดยมีนัยยะแอบแฝงอยู่ ด้วยความคับแค้นในสถานะเชลยของตน พระองค์ได้สร้างพระประทานขนาดใหญ่คับพื้นที่อุโบสถด้านใน เป็นที่มาของชื่อที่เรียกขานพระองค์นี้ว่า 'พระอึดอัด' ขอบอก หามุมถ่ายภาพได้ยากจริงๆค่ะ กว่าจะได้ภาพมุมนี้มา แทบจะนอนราบกับพื้นอุโบสถเลยแหละ

ถัดไปยังมีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ให้ชมอีก 2 องค์ค่ะ เป็นพระพุทธไสยาสน์ องค์นี้ก็ดูอึดอัดเหมือนกัน แต่มีข้อสังเกตว่าจะมีมุมที่ดูแล้ว พระองค์นี้ยิ้มได้ กับอีกมุมที่ดูหน้าบึ้ง ถือเป็นการแสดงฝีมือช่างของหมู่บ้านนี้ได้เป็นอย่างดีทีเดียว


มีรูปปั้นนัตผู้หญิงนั่งบนหลังหงส์ที่สวยงาม หงส์เป็นสัญลักษณ์หนึ่งของชนชาติมอญ


นัตอีกสามตน การนับถือนัต เป็นความเชื่อที่ยังคงฝังรากลึกในศาสนาพุทธแบบพม่า ผู้ที่มีคุณความดีสูง เมื่อตาย คนมักนับถือเป็นผีนัต ชาวบ้านนิยมมาบูชาขอพรแต่ละตนแตกต่างกันไป ใกล้ๆกันกับบะกั่น ยังมียอดเขาแห่งหนึ่งที่น่าไปเที่ยว นั่นคือ เขาปุ๊ปป่า (เขาบุปผา) ว่ากันว่ามีการสร้างรูปปั้น นัต ทั้งสามสิบเจ็ดตนไว้ที่นั่น เวลามีงานกฐินจะจัดงานคึกคักสนุกสนานมาก หนนี้ยังไม่ได้ไปค่ะ เสียดายเหมือนกัน
ใกล้ๆกันนี้ ยังมีวัดนันพญา ซึ่งไม่ใช่สถาปัตยกรรมแบบพม่าเพียงอย่างเดียว คงมีช่างมอญมาร่วมสร้างด้วย สังเกตจากลวดลายที่บานหน้าต่าง เก็บภาพมาให้ชมสองแบบ



ต่อมาเป็นสถานที่สำคัญ วิหารธรรมยางจี มีขนาดค่อนข้างใหญ่โตและยังสร้างไม่เสร็จดี ยังคงพบร่องรอยเครื่องมือช่างอยู่ในบริเวณวิหาร สร้างโดยพระเจ้านอระตู่ กษัตริย์ลำดับ 5ของอาณาจักรพุกาม ขึ้นชื่อว่าเคร่งครัดในการก่อสร้างเป็นยิ่งนัก อิฐต้องถูกเรียงอย่างสนิทแน่น ถ้าตรวจพบว่าช่างคนใดก่ออิฐมีช่องว่างแม้เพียงเส้นด้ายบางๆ ช่างคนนั้นจะถูกลงโทษโดยการตัดแขนทิ้ง!!!

ด้านในของวิหารนี้ค่อนข้างกว้างกว่าเจดีย์อื่นๆที่ปีน หรือเข้าไปข้างในได้ ที่แปลกตาคือ เจดีย์แห่งนี้มีโถงทางเดินสูงสองชั้น และพบบันไดขนาดค่อนข้างกว้างอยู่ด้านหนึ่งของทางเดินด้วย (ขณะที่บันไดสำหรับปีนด้านในเจดีย์องค์อื่นๆ จะมืดและแคบ บางที่ต้องเข้าไปทีละคน ทั้งลอดทั้งคลานก็มี เวลาเที่ยวบะกั่น ต้องใส่รองเท้าที่ถอดสะดวกและไม่ควรใส่ถุงเท้าเพราะจะเปื้อนฝุ่นแดงใช้ไม่ได้ไปเลยค่ะ เสื้อผ้าก็แดงเถือกไปทั้งตัว )


สองศิลปินหนุ่มพม่า สาธิตการลงโทษที่แท่นหินด้านหลังพระพุทธรูป โดยแท่นหินนี้จะเซาะร่องเป็นเบ้าให้นักโทษวางท่อนแขนลงไปแล้วผู้ลงดาบจะฟันฉับลงไปตามรอยบาก เสียดายที่ช่วงนั้นไม่ได้พกขาตั้งกล้องไป ภาพเลยหลอนๆให้บรรยากาศดีแท้

ออกจากวิหารธรรมยางจี เราก็ขโยกเขยกไปกับโกไจ เที่ยวตามทุ่งเจดีย์ ปีนขึ้นไปถ่ายรูปด้านบนอย่างสนุกสนาน บางแห่งจดชื่อไว้แต่ถ่ายภาพไปเยอะมาก เลยเบลอจนจำผิดจำถูก เพราะไม่อยาดพลาดบรรยากาศในการท่องเที่ยว ขอละเว้นการระบุชื่อเจดีย์ที่เหลือละกัน (แหะๆเดี๋ยวเขียนผิดน่ะเอง )



ในหลายๆที่ จะพบศิลปินขายผลงานภาพเขียนเลียนแบบภาพเขียนสีด้านในเจดีย์เหล่านี้ประปราย คนนี้พบตั้งแต่เมื่อวาน เป็นเพื่อนของโกไจ งานเขียนฝีมือไม่แตกต่างกันมาก ราคาภาพจะขึ้นกับขนาดและเทคนิค มีตั้งแต่ 5 - 25 ดอลล่าร์ ต่อรองเก่งก็ลดได้เยอะ ภาพเขียนสีลงบนผ้าขาว บ้างก็เป็นขาว-ดำ แบบที่แพงคือภาพเขียนสีและลงทรายประดับ สวยและละเอียดลออมาก ราคาเกิน 10 ดอลล่าร์ต่อผืน ม้วนได้เหมือนกัน เพราะเขาบอกว่าซักได้ เผลอไปซักแบบทราย เพราะขอบผ้าดำเปื้อน ผืนลงทรายสองชิ้นที่เอามาเลยกร่อนไปบางส่วน แต่มองโลกในแง่ดี ก็ดูขลังเหมือนของเก่าบนผนังเจดีย์เลยนะคะ ตอนนี้เอาสองภาพนี้ไปใส่กรอบแล้วค่ะ ป้องกันความเสียหายใดๆโดยประมาทอีก อ้อ! ศิลปินแต่ละคนจะมีอาณาเขตของตัวเอง คือจองเจดีย์ใครเจดีย์คนนั้น ดังนั้น ภาพก็ขึ้นกับว่าพบเขาที่เจดีย์ไหนน่ะเอง แต่ภาพพุทธศิลป์หลักๆ อย่างรูปมงคล 108 ประการบนฝ่าพระบาทของพระพุทธเจ้าจะพบเห็นได้แทบทุกศิลปิน

เริ่มบ่ายคล้อยแล้ว การปีนเจดีย์โดยไม่สนใจจำชื่อเป็นเรื่องสนุกสนานมากค่ะ เริ่มสนใจแต่ทิวทัศน์มุมสูงมากกว่า ลมเย็นๆพัดพอให้เหงื่อระเหย เราก็ย้ายไปปีนเจดีย์อื่นต่อ จนช่วงเย็น โกไจก็พาไปดูจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่ขึ้นชื่อที่สุดตอนนี้ นั่นคือ เจดีย์ชเวสันต่อ แต่ก่อนจะมีจุดชมวิวอยู่ที่อาคารที่สูงที่สุดในบะกั่น นั่นคือ เจดีย์ตั๊ดปะหยิ่นยู(สัพพัญญู) แต่เค้าห้ามปีนขึ้นชั้นสองอีกต่อไปแล้ว เพราะองค์เจดีย์แตกร้าว ภาพล่างนี้ ถ่ายลอดซุ้มหน้าต่างอีกเจดีย์หนึ่งขึ้นไป

รูปเงาสวยๆมองผ่านซุ้มทางเดินโค้งก่อนถึงองค์เจดีย์

มุมมองยามท้องฟ้าเริ่มโพล้เพล้


เจดีย์ตั๊ดปะหยิ่นยู (สัพพัญญู) อาคารสูงสุดในบะกั่น แต่ตอนนี้คงไม่ใช่แล้ว เพราะเขาสร้างหอคอยสำหรับชมวิวขึ้นใหม่เป็นทรงกระบอกแดงๆ น่าเกลียดๆ ทำลายบรรยากาศทะเลเจดีย์ไปอักโข

มองไปที่ฐานเจดีย์ เจอต้นไม้เก่าแก่ แผ่กิ่งก้านประหลาดดูแปลกตาดี

วิหารธรรมยางจี ยามอาทิตย์อัสดง แลดูขลังมลังเมลือง


เมื่อได้เวลากลับโรงแรม คืนนี้ตั้งใจว่าจะไปชมหุ่นกระบอกพม่า เสียดายที่มาไม่ตรงวันแสดง รุ่งเช้าเลยเดินมาถ่ายภาพหน้าร้านอาหารที่มีโชว์หุ่นกระบอกเก็บเอาไว้ดู เผื่อมีโอกาสได้ไปเที่ยวอีก จะได้หาเจอ จะเห็นว่าอยู่ข้างๆเจดีย์เลยทีเดียว ภาพนี้ถ่ายจากริมถนน

เช้านี้จะเดินทางกลับย่างกุ้งทางเครื่องบิน ระหว่างทางโกไจพาไปกิน โมฮิงก่า อร่อยๆพร้อมกับซื้อ กะละแปจ่อถุงใหญ่ให้เป็นของฝาก เมื่อเวลาไม่เร่งรีบ พี่ไจก็เลยพาเที่ยวหมู่บ้านที่แกอยู่เลย ผ่านโรงหนังของหมู่บ้าน เป็นโรงไม้ไผ่ที่ฝาสานทึบๆ เหมือนยุ้งฉางบ้านเราเลยค่ะ โกไจเช่าม้าสาวมาจากบ้านนายทุนคนหนึ่ง ถึงเวลาต้องให้หญ้าม้า ก็ไปเอาที่บ้านเจ้าของม้ามาให้กิน เลยได้ตามมาดูเขาเตรียมหญ้าให้ม้าด้วยเครื่องมือที่แปลกตาจากบ้านเราค่ะ

เจอละครลิงกำลังแสดงที่ลานหมู่บ้าน เด็กๆสนใจมาล้อมวงดูเจ้าจ๋อแสนรู้กันใหญ่ พอแสดงจบ เจ้าจ๋อก็ถือขันเดินไปรอบวงรับค่าชมน่ารักมากค่ะ เขาเจาะหูมันด้วย ดูๆไปก็เหมือนเด็กตัวเล็กๆมากกว่าลิงธรรมดาซะอีก ดูท่าทางจะรอนแรมกับเจ้านายไปตามหมู่บ้านกันมานาน เพราะดูเขาจะรู้ใจกันมากเลยค่ะ


ภาพโกไจ (ภาษาพม่า โก แปลว่าพี่ชาย) พี่ชายที่พาตะลอนเที่ยวกับเจ้าม้าคู่ใจ พี่ไจแก่กว่าเราแค่สองสามปีเอง แต่กินหมากซะฟันดำปี๋ เห็นนุ่งโลงจี (โสร่ง) อย่างนี้ แกปีนเจดีย์คล่องแคล่วไม่หลุดเลย อิอิอิ

แหะๆ รูปนี้ จขบ. เองค่ะ น้องนางแบบผ้าพันคอเป็นสาวน้อยข้างบ้านที่น่ารักมาเป็นแบบให้นะคะ แหม ทำคนอ่านเข้าใจผิดไปหลายคนเรยย์

สุขสันต์รับปีกระต่ายกันทุกคนนะคะ


Create Date : 10 มกราคม 2554
Last Update : 11 มกราคม 2554 11:15:28 น. 1 comments
Counter : 2875 Pageviews.

 
สวัสดีจ้า รูปสวยๆทั้งนั้นเลยนะคะ
แต่ละใบถ่ายมาได้งามมากค่ะ


โดย: ziemlung วันที่: 15 มกราคม 2554 เวลา:19:00:42 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

noksamui
Location :
สุราษฏร์ธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add noksamui's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.