ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

2015 Acura NSX แพงกว่า Nissan GT-R

วันนี้เราก็มีข่าวรถยนต์ Acura มาฝากเพื่อนๆ

ล่าสุดเจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ Honda America ออกมาเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมของรถสปอร์ต  Acura NSX ว่าอาจจะมีค่าตัวสูงกว่า Nissan GT-R เลยทีเดียว

2015-Acura-NSX

2015-Acura-NSX

Chris Martin เจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ Honda America ออกมาเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมของรถสปอร์ต Acura NSX เจนเนอเรชั่นใหม่ที่จะเปิดตัวภายในอีกสองปีข้างหน้าว่า “จะเป็นรถที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีอันอัจฉริยะ” โดยจะมีราคาจำหน่ายสูงกว่า 2013 Nissan GT-R ซึ่งมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 97,820 เหรียญสหรัฐฯ

2015-Acura-NSX-Side

2015-Acura-NSX-Side

นอกจากนี้ Honda/Acura NSX จะมีกำหนดขึ้นสายการผลิตที่โรงงานในเมืองแมรี่ส์วิลล์ รัฐโอไฮโอในปี 2014 ออกจำหน่ายในฐานะโฉมปี 2015 ซึ่งถือเป็นรถสปอร์ตที่มีความสำคัญอย่างมากของ Honda และ Acura เพราะจะเป็นรถสปอร์ตรุ่นแรกที่ผลิตนอกประเทศญี่ปุ่นซึ่งนับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่

2015-Acura-NSX-Rear

2015-Acura-NSX-Rear

อย่างไรก็ตามไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมโดยย้ำว่าเป็นนโยบายของ Honda ว่าจะไม่เปิดเผยราคาจำหน่ายก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ

สำหรับแฟนๆ อาคูร่า ในบ้านเรา อย่าพลาดติดตามกันต่อว่าปีหน้า จะมีรถใหม่มาอวดโฉมให้แฟนๆได้ชมกันอีกหรือไม่ในงาน มอเตอร์ โชว์ 2013 (Motor Show 2013)

อย่าพลาดติดตามข่าวสารการเปิดตัวรถยนต์ใหม่ พร้อมทั้งอัลบั้มรูปรถยนต์เด่นๆ พริตตี้น่ารักๆ รวมถึงความเคลื่อนไหวในวงการรถยนต์ทั้งไทย และต่างประเทศได้ใหม่กับThaicarlover.com ครับ




 

Create Date : 20 ธันวาคม 2555   
Last Update : 20 ธันวาคม 2555 20:06:12 น.   
Counter : 4376 Pageviews.  

Toyota GT Spiritual 86 เวอร์ชั่นหล่อๆ สำหรับคอแรง

เมื่อพูดถึงรถยนต์ที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย คงไม่มีใครไม่รู้จักแบรนด์  Toyota  ที่ล่าสุดเพิ่งจะส่งสปอร์ตคาร์ลำใหม่สู่ตลาดในนาม Toyota GT-86 แต่หลายคนอาจจะกังขาว่ามันไม่ค่อยแรงเท่าที่ควรนัก

                เช่นเดียวกับหลายคนที่ชอบรถสปอร์ตสำนักแต่ที่ชื่อว่า Abflug  ก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกันว่าในเวอร์ชั่นใหม่ของรถสปอร์ตจากค่าย Toyota  นั้นมันยังไม่เร้าใจเท่าที่ควรและเป็นที่มาของเวอร์ชั่นแรงที่จะใช้ชื่อว่า Spiritual 86  ซึ่งจะออกนำแสดงอย่างเป็นทางการในงาน Tokyo Auto  Salon 2013  ที่จะมีขึ้นอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนมกราคม 2013 ที่จะถึงนี้

                 Toyota GT Spiritual 86  นั้นโดยรวมของเจ้าสปอร์ตคันนี้เป็นการเน้นหนักในส่วนของสมรรถนะมากยิ่งขึ้น โดยการเสริมเติมแต่ระบบอัดอากาศเพิ่มเข้าไปเพื่อให้สมรรถนะในการขับขี่มากขึ้น โดยใช้ชุดซุปเปอร์ชาร์จ  HKS GT   พร้อมอัพเกรดระบบท่อไอเสีย สามารถปั่นสมรรถนะสูงสุดจาก 200 แรงม้า ไปเป็น 258 แรงม้า ได้อย่างง่ายดาย เช่นเดียวกับแรงบิดที่ให้ตัวเลขน่าประทับใจ สูงสุด 298 นิวตันเมตร

                สมรรถนะที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้ต้องมีการอัพเกรดในส่วนของระบบเบรกเพิ่มความมั่นใจมากยิ่งขึ้นจากค่าย Dixcel  และ ช่วงล่างจัดเต็มความหนึบทุกโค้งจาก  HKS HIPERMAX IV GT  ช่วยให้มันใจมากยิ่งขึ้นในการขับขี่ที่ดูลงตัว

                ภายนอกตัวรถนั่น  Ab flux  ไม่เน้นมาก แต่ให้ความเรียบง่ายดูดีด้วยชุดแต่งรอบคัน ปรับให้ดูดุขึ้นตั้งแต่ด้านหน้ามีการปรับกันชนหน้าใหม่ เสริมสเกิร์ตข้างและด้านหลังที่มาพร้อมกันชนใหม่แปะให้ลงตัวด้วยความดุดันจากชุด ดิฟิวเซอร์ช่วยรีดอากาศ ท้ายสุดลงตัวด้วยล้ออัลลอย Prism III ขอบ 19 นิ้ว มาพร้อมยาง ADvan  Sport  เติมเต็มความสปอร์ตด้วยขนาด 235/35ZR19  ทางด้านหน้า และด้านหลังใช้ 255/30/ZR19

ค่าย Abflux  ยังไม่มีการเปิดราคาจำหน่ายหรือค่าของแต่งเวอร์ชั่นพิเศษของค่าย แต่ความพิเศษนี้ก็ย่อมน่าจะทำให้  Toyota GT86  เร้าใจมากยิ่งขึ้น






 

Create Date : 16 ธันวาคม 2555   
Last Update : 16 ธันวาคม 2555 18:51:37 น.   
Counter : 2060 Pageviews.  

Chevrolet Spin ว่าที่ อเนกประสงค์น้องใหม่ พร้อมขายปีหน้า : Motor Expo 2012

ในงาน Motor Expo 2012  ที่ผ่านมา หากใครได้เดินเข้าที่บูธ  Chevrolet  คงจะเห็นรถยนต์ที่ตั้งเด่นเป็นสง่า เรียกว่าเป็นดาวเด่นของค่ายรถโบว์ไทน์ในปีนี้เลยก็ว่าได้กับ  Chevrolet Spin ที่เปิดตัวไปแล้วในประเทศอินโดนีเซียและครั้งนี้ค่ายรถยนต์รายนี้ก็นำมันมาโชว์เป็นคำมั่นสัญญาว่ามันจะพร้อมจำหน่ายในประเทศไทย

                 Chevrolet Spin เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ที่ได้รับการวางหมากพัฒนาขึ้นมาตอบสนองตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดเล็ก ภายใต้แนวคิดที่ต้องการฉีกความเป็นตัวตนของรถยนต์อเนกประสงค์ที่ให้รายละเอียดที่แตกต่างไม่ใช่เพียงแค่เรื่องประโยชน์ใช้สอยในเรื่องการโดยสารแต่ต้องดูดีด้วย

Chevrolet Spin

                กายภายนอก  Chevrolet Spin มาพร้อมเรือนร่างที่ให้ความแตกต่างที่เน้นในความเล็กระทัดรัดในตัวเองและยังดูดีไปพร้อมกัน กับการออกแบบที่เน้นในรายละเอียดที่ให้ความลงตัวในแบบรถยนต์ครอบครัวที่มีอะไรมากกว่าการเป็นกล่องวิ่งได้ การคิดนอกกรอบนี้เองที่ทำให้เรือนร่างของ  Chevrolet Spin เริ่มต้นด้วยกระจังหน้าแบบ  Dual Port  เหมือนที่ใช้ในรถยนต์ของค่ายรถยนต์รายนี้หลายๆรุ่น ไฟหน้าให้รายละเอียดที่อาจจะไม่ได้เน้นหรูหรา แต่ให้ความลงตัวในสไตล์คมเข้ม นับเป็นรายละเอียดที่แตกต่างจากเพื่อในกลุ่มพอสมควร

Chevrolet Spin

                เรือนร่างการออกแบบยังส่งตรงสู่ด้านข้างของตัวรถที่เน้นในการเสริมเติมแต่งรายละเอียด  เพิ่มเส้นสายที่มากยิ่งขึ้นแต่โดยรวมเน้นความคมเข้มแข็งแกร่งดุดันแต่ไม่มากจนเกินงามไปนัก ผ่าน 4 ประตูทางด้านข้างสู่บั้นท้ายที่ตอบโจทย์ในการออกแบบที่ให้รายละแยดด้วยไฟท้ายที่เพิ่มเสน่ห์ให้ลงตัวมากยิ่งขึ้น

               ด้วยแนวคิดการออกแบบที่ใช้ทีมออกแบบเดียวกัย  Chevrolet Colorado  และ  Chevrolet Trailblazer  ทำให้กลิ่นอายการออกแบบหลายอย่างนั้นมีความคล้ายกัน และเป็นสิ่งที่ค่าย Chevrolet  มองว่าน่าจะถูกใจลูกค้าในตลาดรถยนต์ อเนกประสงค์ที่เกือบทั้งหมดเป็นเพียงกล่องติดล้อวิ่งได้เท่านั้น

Chevrolet Spin  มีแนวโน้มในการวางจำหน่ายในประเทศไทยในช่วงปีหน้า โดยคาดว่าน่าจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน Motor Show 2013 ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมอื่นๆนั้น น่าจะได้ทราบกันอีกไม่นานนี้

เรื่องโดย ทีมงาน Sanook! Auto 




 

Create Date : 15 ธันวาคม 2555   
Last Update : 15 ธันวาคม 2555 18:51:00 น.   
Counter : 2145 Pageviews.  

“บริโอ้ อเมซ”ตื่นเต้น...รถดีก็ทำได้

 หลังจากไปลองขับ “บริโอ้ อเมซ” ก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่สนามแข่งแก่งกระจานเซอร์กิต ซึ่งครานั้นอีโคคาร์รุ่นที่สองของฮอนด้า ยังถูกพรางหน้าปิดตาด้วยสติกเกอร์ 3M ม้วนละ 9 หมื่นบาทรอบคัน พร้อมกับปล่อยข้อมูลทางเทคนิคให้ผู้สื่อข่าวได้รับรู้เพียงเล็กน้อย

….เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาครับ “ฮอนด้า ออโตโมบิล” จัดทริปทดสอบ “บริโอ้ อเมซ” (Brio Amaze) ขับกันขำๆระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตร โดยยกขบวนนักข่าวไปลองกันแถวๆอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา

ก่อนการลองขับ “สมภพ ปฏิภานธาดา” ผู้จัดการส่วนงานการตลาด บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด คุยให้ฟังว่า “บริโอ้ อเมซ” สร้างปรากฏการณ์อันน่า“ตื่นเต้น”ให้ฮอนด้า 3 ประการ คือหนึ่งเรื่องของตัวรถที่เป็นการพัฒนาร่วมกันระหว่างวิศวกรชาวไทยกับญี่ปุ่น ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาฮอนด้าประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งตั้งอยู่ที่ประเทศไทย

       โดยรวบรวมความต้องการของลูกค้าคนไทยและชาวเอเชีย พร้อมช่วยกันคิดช่วยกันออกแบบ หาจุดลงตัวในการพัฒนาเก๋งเล็กตัวถังซีดานความยาวไม่เกิน 4 เมตร ขนาดกะทัดรัด ใช้งานง่าย ประหยัดน้ำมัน...และผลก็ออกมาเป็น “บริโอ้ อเมซ” อย่างที่เห็น

       ประการที่สอง เหตุจากโครงการรถยนต์คันแรกของรัฐบาล ส่งผลให้ทุกผู้ทุกฝ่ายในฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย อันหมายรวมถึงคนในโรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้า ที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ ประสานใจเร่งวันผลิตจนสามารถเปิดตัวรถได้เร็วกว่ากำหนดเดิมถึง 6 เดือน...และผลก็ได้โกยยอดกันสมใจ

       ประการสุดท้าย หลังการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พร้อมแบ่งการทำตลาดเป็นสองเกรดคือ S กับ V โดย S เกียร์ธรรมดา ราคา 454,000 บาท เกียร์อัตโนมัติ ราคา 493,000 บาท ส่วนเกรด V เกียร์ธรรมดา 482,000 บาท เกียร์อัตโนมัติราคา521,000 บาท และจนถึงวันนี้“บริโอ้ อเมซ” ได้กระแสตอบรับดีเกินคาด...ผลคือยอดจองทะลุ 10,000 คันไปเรียบร้อย

...นั่นเป็น 3 ปรากฏการณ์ ที่ทำให้ฮอนด้าชื่นมื้นกันทั้งบริษัท ซึ่งเป็นผลมาจากการทำงานหนัก และดูประสานสามัคคีมากขึ้น หลังจากผ่านวิกฤตน้ำท่วมใหญ่มาด้วยกัน



       กลับมาในส่วนของตัวรถ “บริโอ้ อเมซ” ถือว่าสร้างปรากฏการณ์ตื่นเต้นให้ผู้เขียนเช่นกัน เพราะทีมวิศวกรฮอนด้าได้พัฒนาและเก็บรายละเอียดดีขึ้นกว่า“บริโอ้ ตัวถังแฮทช์แบ็ก” ในหลายๆจุด

       เริ่มจากตัวถังซีดานที่มีความยาว 3,990 มม. หรือยาวกว่าบริโอ้ แฮทช์แบ็ก 380 มม. ส่วนความกว้าง 1,680 มม. และสูง 1,485มม.เท่ากัน ขณะที่ระยะฐานล้อ 2,405 มม.ยาวกว่าบริโอ้ 60 มม.

การตกแต่งภายในอารมณ์แทบไม่มีต่างจากบริโอ้ แฮทช์แบ็ก แต่จุดเด่นอยู่ตรงพื้นที่ผู้โดยสารด้านหลัง กว้างขวางนั่งสบายกว่าชัดเจน ขณะที่ตัวเบาะนั่งหนาและใหญ่กว่า เสียแต่ว่าพับราบลงมาแบบบริโอ้ แฮทช์แบ็กไม่ได้ ส่วนแผงประตูด้านในทั้ง 4 บานมีวัสดุปิดเรียบไม่เห็นเนื้อสีตัวถัง พร้อมออกแบบให้วางขวดน้ำขนาดใหญ่ได้อีกด้วย (หรือถ้านับที่วางแก้ว-ขวดน้ำรอบคันมีถึง 9 จุด)

นอกจากนี้“บริโอ้ อเมซ” ยังติดไล่ฝ้ากระจกหลังมาให้ ส่วนใบปัดน้ำฝนหลังคงไม่จำเป็น เพราะมีช่วงกระโปรงท้ายกันน้ำกระเด็นเอาไว้ตามโครงสร้างอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามพื้นที่เก็บสัมภาระตรงนี้ยังจุถึง 400 ลิตร และฮอนด้าย้ำว่าสามารถรองรับถุงกอล์ฟได้ 2 ใบ

       ด้านสมรรถนะจากเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร i-VTEC SOHC 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 90 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 110 นิวตัน-เมตรที่ 4,800 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง CVT ต้องยอมรับว่าตอบสนองการขับขี่ดีที่สุดในบรรดาอีโคคาร์ด้วยกันอยู่แล้ว



       โดยเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง ยกชุดมาจากบริโอ้ แฮทช์แบ็ก ไม่ได้ปรับทั้งเรี่ยวแรงและอัตราทดเกียร์ แม้ตัวท็อปรุ่น V เกียร์อัตโนมัติน้ำหนักตัวจะมากกว่าบริโอ้ แฮทช์แบ็ก (รุ่นเดียวกัน)อยู่ 15 กิโลกรัม บวกกับรูปทรงที่ยืดยาวกว่า แต่การขับขี่รวมๆยังกระฉับกระเฉงพอสมควร

       ...จังหวะออกตัวไร้อาการอืดอาด จังหวะเร่งแซงพริ้วหายห่วง อย่างการขับในทริปนี้ใช้ถนนมิตรภาพเป็นหลัก พร้อมเพื่อนร่วมทางเต็มไปด้วยรถบรรทุก พละกำลังช่วงเร่งแซงนั้นมาแบบนุ่มเนียนต่อเนื่อง บดบี้คันเร่งลงไปนิด รถจะไปตัดเปลี่ยนเกียร์แถวๆ 4,000 รอบ เรียกว่าขับได้สบายไม่เครียด

       สำหรับรัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 4.6 เมตร มากกว่าบริโอ้ แฮทช์แบ็ก 10 เซนติเมตร ซึ่งความต่างนี้มีผลน้อยในการใช้งานจริง ส่วนการควบคุมผ่านพวงมาลัยแรคแอนด์พิเนียนผ่อนแรงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า เบามือในความเร็วต่ำ แต่เมื่อขับความเร็วสูง 120 กม./ชม. ยังนิ่งใช้ได้ ขณะที่การบังคับสั่งงานซ้าย-ขวา อาจมีระยะฟรีนิดๆและไม่แม่นยำเท่าบริโอ้ แฮทช์แบ็ก



       โครงสร้างการรองรับหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง หลังเป็นคานแข็งทอร์ชันบีม ถ้าฟังจากคำอธิบายของวิศวกรผู้พัฒนาว่า ปรับให้หนึบกว่าบริโอ้ แฮทช์แบ็ก และใช้สปริงหลังที่แข็งกว่าเพื่อรองรับกับโครงสร้างและน้ำที่เพิ่มขึ้น ซึ่งครั้งแรกที่ได้ลองขับตัว“พรีโปรดักต์ชัน” ที่สนามแก่งกระจานเซอร์กิต ผู้เขียนรู้สึกจริงตามนั้น แต่พอมาขับตัวขายจริงในทริปทดสอบนี้กลับรู้สึกว่า ช่วงล่างนุ่มลงมาเล็กน้อย

       ในเรื่องช่วงล่าง วิศวกรคงปรับให้สมดุลกับโครงสร้างใหม่ของรถ แต่ในภาพรวมยังอิงการรองรับที่นุ่มสบายเอาไว้ บวกกับล้ออัลลอยด์ขนาด 14 นิ้ว ประกบยาง 175/65 R14 ความหนึบแน่นก็ทำได้ตามสภาพละครับ

       อย่างไรก็ตามการนั่งเป็นผู้โดยสารด้านหลัง ที่นอกจากจะยืดแข้งขาสบาย ระยะห่างช่วงหัวเหลือๆแล้ว การซับแรงสะเทือนจากพื้นยังทำได้ดี เมื่อรวมกับความรู้สึกว่ามีกระโปรงท้ายอยู่ด้านหลัง ยิ่งให้ความรู้สึกมั่นใจและหลับได้เต็มตากว่าบริโอ้ แฮทช์แบ็ก เยอะ



       ...พูดถึงเรื่องความปลอดภัย ผู้เขียนว่าระบบเบรกของ“บริโอ้ อเมซ” เซ็ทมาหนึบแน่นตอบสนองยอดเยี่ยม ขณะเดียวกัน ฮอนด้าจัดระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ระบบกระจายแรงเบรก (EBD) และถุงลมนิรภัยคู่หน้า(คนขับ-ผู้โดยสาร) มาเป็นมาตรฐานทุกรุ่นย่อย

       ปิดท้ายด้วยอัตราบริโภคน้ำมันจากการขับทางตรงบนถนนมิตรภาพ บนความเร็วนิ่งๆ100-120 กม./ชม. และมีช่วงเร่งไปเตะ 140 กม./ชม.บางครั้ง ยังเห็นตัวเลขหน้าจออัจฉริยะแสดงอยู่ 18 กม./ลิตร

รวบรัดตัดความ...ด้วยรูปทรงตัวถังซีดาน ออกแบบสัดส่วนลงตัว ภายในเก็บงานละเอียด เรียกว่าดูถูกลูกค้าคนไทยน้อยลง ส่วนพื้นที่สำหรับผู้โดยสารด้านหลังนั่งสบาย ขยับขยายได้จริง ช่วงล่างนุ่มกำลังเหมาะ สมรรถนะของเครื่องยนต์ระบส่งกำลัง ทำได้เนียนที่สุดในบรรดาอีโคคาร์ด้วยกัน....ด้วยราคาขายขนาดนี้พิสูจน์แล้วว่า ฮอนด้าถ้าจะทำรถออกมาให้ดี...ก็ยังทำได้!!!








//manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9550000150079




 

Create Date : 13 ธันวาคม 2555   
Last Update : 13 ธันวาคม 2555 21:34:12 น.   
Counter : 2199 Pageviews.  

Nissan Es Flow ต้นแบบ Sport ไฟฟ้า จากงาน Motor Expo 2012

เมื่อพูดถึงรถยนต์ที่นำมาโชว์ในงาน Motor Expo 2012  แล้ว ใครที่ผ่านไปที่บูธ  Nissan  คงจะพอได้เห็นผลงานใหม่ล่าสุดของรถยนต์ต้นแบบรุ่นใหม่ที่จับเอาความเป็นรถยนต์สปอร์ตมาผสานแนวคิดในเรื่องราวของรถไฟฟ้า แห่งอนาคต

                Nissan Es Flow  ถือเป็นผลงานที่อาจจะห่างเหินจากคนไทยพอตัว แต่มัน ก็เป็นรถยนต์ที่เน้นหนักในการสร้างความตระหนักในความใกล้ชิดของรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังจะมาในอนาคตอันใกล้นี้ ด้วยรถยนต์แห่งอนาคตที่ประกอบสร้างขึ้นด้วยพลังขับเคลื่อนที่มีความเป็นตัวตนที่ลงตัวในแง่ของการขับเคลื่อนที่แตกต่าง

Nissan EsFlow 2012

                แม้จะเป็นรถยนต์ที่เปิดขึ้นภายใต้แนวคิดของรถยนต์ไฟฟ้า แต่  Nissan  ก็ตั้งใจที่จะทำให้รถยนต์คันนี้มีดีและมีความแตกต่างจากเดิม ด้วยแนวคิดที่สรรสร้างองค์ประกอบให้เป็นในเรื่องของการขับขี่ที่ทรงสมรรนถะแบบรถยนต์สปอร์ตที่ให้ความเร้าใจและ สง่างามทำให้  Nissan Esflow  ถูกปรับเรือนร่างให้มาในสไตล์รถสปอร์ตคูเป้  โดนได้แนวทางการออกแบบจากรถสปอร์ตรุ่น  Nissan Fairlady 370Z  คลุกเคล้าเข้ากับการออกแบบใหม่ล่าสุดในแนวทางเดียวกับของ  Nissan Juke  ทำให้ ตัวรถมีความทันสมัยมากยิ่งขึ่นในเรื่องของการออกแบบตัวรถ

                เรือนร่างที่ทันสมัยนี้ยังไม่เพียงแค่ให้ความแตกต่างที่มากขึ้น แต่มันยังรวมถึงการวิศวกรรมให้เจ้าสปอร์ต 2 ที่นั่งคันนี้มีตัวตนที่เบาหวิวมากกว่าเดิม ด้วยเรือนร่างที่เน้นหนักในแง่ของความเบา และทั้งตัวรถสปอร์ตคันนี้มีน้ำหนักเพียง  1000 กิโลกรัมเท่านั้น และ ด้วยพละกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้า ก็ทำให้มันมีแรงบิดดีในรอบต่ำจนสามารถเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม.ในเวลาต่ำกว่า 5 วินาที เท่านั้น และเช่นเดียวกัน มันยังสามารถไปได้ไกลถึง 240 ก.ม. จากการชาร์จไฟเพียงครั้งเดียว

  Nissan Esflow  อาจจะเป็นรถยนต์ที่ห่างไกลจากความจริงในแง่ของการใช้งาน แต่ผลงานนี้ก็แสดงให้เราเห็นว่ารถยนต์ไฟฟ้าอาจจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในโลกแห่งอนาคต ที่ไม่ไกลเกินความจริง

เรื่องโดย ทีมงาน Sanook! Auto 




 

Create Date : 12 ธันวาคม 2555   
Last Update : 12 ธันวาคม 2555 21:32:23 น.   
Counter : 1652 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  

zulander
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 77 คน [?]




หวยซอง เลขเด็ด
หวยซอง เลขเด็ด หวยซองแม่นๆ หวยซองดัง รวมหวยซอง






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add zulander's blog to your web]