ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

Test Drive New! Honda City ..โฉบเฉี่ยวขึ้น ประหยัดดังเดิม

หลังจากที่บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ได้เปิดตัว New Honda City อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2554 ทางทีมงานรถวันนี้ -เว็บไซต์ eCAReasy.com ได้มีโอกาสไปร่วมทดสอบรถรุ่นนี้ แบบไปเช้า เย็นกลับ ในเส้นทางกรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา รวมระยะทางราว 237 กิโลเมตร ด้วย Honda City รุ่น SV นับว่าเป็นรุ่นท็อปของโมเดลนี้ ที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายสไตล์ Honda City แต่เพิ่มความโฉบเฉี่ยวภายนอก ดีไซน์ภายในให้ความสะดวกสบายมากขึ้น ส่วนสมรรถนะของเครื่องยนต์คงเป็นตัวเดิมที่ให้ความประหยัดในแบบซิตี้คาร์

Test Drive New! Honda City 2011

==============

สำรวจความใหม่ ในรุ่นท็อป

==============

ทริปนี้เริ่มออกสตาร์ตที่โรงแรม Ma Du Zi ย่านอโศกฯ โดยเดินทางคันละ 3 คน แต่ก่อนที่จะออกเดินทาง ขอเดินชมความใหม่ภายนอกของ Honda City รุ่น SV ก่อนครับ เริ่มจากกระจังหน้าใหม่ เน้นความเงางาม รับกับไฟหน้าใหม่ กันชนหน้าก็ใหม่ ติดไฟตัดหมอก ส่วนด้านหลังใหม่ด้วยกันชนท้าย ไฟท้าย ด้านข้างนั้นสะดุดตากับแม็กขนาด 16 นิ้ว ลายใหม่แบบ 7 ก้านคู่ แถมโดดเด่นด้วยไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง ซึ่งโดยรวมแล้วความใหม่ภายนอกนั้นยังคงกลิ่นอายความเป็น Honda City ไว้เช่นเดิม

Test Drive New! Honda City 2011

ก้าวเท้าเข้าสู่ภายในห้องโดยสาร ได้เป็นผู้โดยสารด้านหน้าก่อนเลยมีเวลาสำรวจภายในอีกนิดหน่อย ซึ่งความใหม่ของภายในห้องโดยสารที่โดดเด่นได้แก่ หน้าปัดบอกความเร็วดีไซน์ใหม่ เน้นแสงสีน้ำเงิน ซึ่งมองในที่มืดแล้วจะเห็นได้อย่างเด่นชัด

อีกทั้งเพิ่มเติมความสะดวกสบายสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง อาทิ เบาะหลังสามารถดึงมาเป็นที่พนักเท้าแขน อีกทั้งสามารถปรับเบาะเป็นแบบ 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของ รวมถึงสามารถปรับเอนไปด้านหลังได้อีกด้วย และด้านล่างของเบาะหลังยังออกแบบให้สามารถเก็บของได้ ไม่ว่าจะเป็นร่มคันยาว ๆ ก็ตาม งานนี้ออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบายของผู้โดยสารตอนหลังอย่างแท้จริง

Test Drive New! Honda City 2011

ช่วงแรกออกจากโรงแรม Ma Du Zi วิ่งขึ้นทางด่วน ต่อบูรพาวิถี ลงปลายทางเข้าถนนบายพาส ชลบุรี เพื่อแวะพักผ่อนเป็นจุดแรก โดยช่วงนี้เป็นเพียงผู้โดยสารช่วยดูเส้นทางเท่านั้น แต่เมื่อเข้าสู่ในช่วงที่ 2 และ 3 มีโอกาสเป็นคนขับถึง 2 ช่วงด้วยกัน ซึ่งความสะดวกสบายในตำแหน่งคนขับนั้น สามารถปรับเบาะนั่งสูง-ต่ำได้ ปรับพวงมาลัย สูง-ต่ำ-ใกล้-ไกล ได้ถึง 4 ระดับ และมีปุ่มควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัยให้เล่น อีกทั้งในรุ่นท็อปนี้ยังมีเกียร์ Paddle Shift ซึ่งให้ความสนุกในการขับขี่อีกด้วย

เส้นทางในช่วงที่ 2 มุ่งหน้าเข้าสู่ร้านอาหารบ้านน้ำจันทร์ จังหวัดฉะเชิงเทรา ต่อด้วยช่วงสุดท้าย ขับกลับกรุงเทพฯ โดยขับขึ้นมอเตอร์เวย์ ต่อทางด่วน เข้าสู่ถนนสุขุมวิท สิ้นสุดที่โรงแรม Ma Du Zi อโศกฯ ซึ่งเส้นทางที่ผมได้ขับผ่านนั้น เรียกได้ว่าผ่านทุกสภาพถนน

==================

เครื่องยนต์บล็อกเดิม เพิ่มไฟ ECO

==================

ขุมพลังเครื่องยนต์บล็อกเดิมแบบ i-VEC SOHC ขนาด 1.5 ลิตร หัวฉีดมัลติพอยต์ PGM-Fi ความจุ 1497 ซี.ซี. ให้กำลังสูงสุด 120 แรงม้า ที่ 6,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 145 นิวตันเมตร ที่ 4,800 รอบต่อนาที ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ด้วยพละกำลังเพียงเท่านี้ก็สามารถพาคุณไปได้ทุกเส้นทางแล้ว

เพิ่มเติมด้วยไฟแสดงผลการขับขี่แบบประหยัด ECO Indicator ไม่ว่าจะขับขี่ด้วยความเร็วสูงหรือขับในเมืองแบบช้า ๆ ก็ตาม เมื่อขับด้วยความเร็วคงที่ เลี้ยงรอบให้นิ่ง ๆ ไฟ ECO ก็จะสว่างขึ้นมาเพื่อบอกให้คุณรู้ว่าตอนนี้คุณขับได้ประหยัดแล้วนะครับ

Test Drive New! Honda City 2011

สำหรับบางช่วงบนมอเตอร์เวย์นั้น ลองขับสไตล์มันส์ ๆ เร็วบ้าง ช้าบ้าง เติมคันเร่งเพื่อความสนุก หรือเล่นเกียร์ Paddle Shift บนพวงมาลัยอยู่บ้าง จึงทำให้ขาดความประหยัด แต่ได้ความสนุกมาแทนที่ ซึ่งเมื่อขับแบบมันส์ ๆ อาจจะมีบางจังหวะที่ไฟ ECO ติด ๆ ดับ ๆ มารบกวนสายตา ทำให้ขาดสมาธิอยู่บ้างเล็กน้อย

และก่อนที่จะถึงจุดหมายปลายทาง ยังต้องผ่านถนนสุขุมวิท ช่วงแยกอโศกฯ ที่รถติดเป็นประจำอยู่แล้ว ซึ่งรวมระยะทางในทริปนี้กว่า 237 กิโลเมตร แต่เมื่อวัดความประหยัดจากมาตรวัดแสดงอัตราสิ้นเปลืองบนหน้าปัด มีค่าเฉลี่ย 14.1 กิโลเมตรต่อลิตร ถือว่าได้ความประหยัด ความคล่องตัว บวกกับความสนุกในการขับขี่ตลอดเส้นทาง

ลองขับทริปสั้น ๆ ครั้งนี้ ได้สัมผัสกับความสปอร์ต โฉบเฉี่ยว ของ Honda City รุ่น SV โฉมใหม่ รวมถึงความสะดวกสบายที่ได้ออกแบบเพิ่มเติม ส่วนขุมพลังยังคงเป็นเครื่องบล็อกเดิม สนนราคาค่าตัวอยู่ที่ 704,000 บาท ซึ่งถือว่าเป็นรถเก๋งรุ่นใหม่ล่าสุดที่เข้าเกณฑ์ได้รับคืนภาษีรถคันแรกอีกด้วย




 

Create Date : 18 ตุลาคม 2554   
Last Update : 18 ตุลาคม 2554 14:31:31 น.   
Counter : 1542 Pageviews.  

BMWฮ็อตยอดขายก.ย.หนุนขึ้นเบอร์1ตลาดหรู

ข่าวต่างประเทศ-บีเอ็มดับเบิลยูโกยยอดขาย เดือนกันยายนที่ผ่านมาได้มากถึง 128,446 คัน ในตลาดทั่วโลก หรือเพิ่มขึ้น 9.3% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทำให้ในตอนนี้มียอดขายสะสม 9 เดือนแรกอยู่ที่ 1.23 ล้านคัน จ่อขึ้นเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์หรูของโลก

ยอดขายที่กำลังมาแรง ส่วนหนึ่งมาจากการตอบรับที่ดีของรุ่น X3
ตัวเลขยอดขายในครั้งนี้ไม่ได้รวมจากแบรนด์มินิและโรลส์รอยซ์ ซึ่งถ้าบวกเข้าไปแล้ว ตัวเลขจะอยู่ที่ 159,214 คัน หรือเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 11.4% โดยบีเอ็มดับเบิลยูเผยว่า ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นผลมาจากรถยนต์ใหม่อย่าง X1, X3 และซีรีส์ 5 ซึ่งเพิ่งเปิดตัวลงสู่ตลาด สำหรับ X3 มียอดขายในเดือนกันยายนถึง 11,345 คัน หรือเพิ่มขึ้น 260.6% เลยทีเดียว ส่วน X1 เพิ่มขึ้น 24.7% มีตัวเลข 12,535 คัน และซีรีส์ 5 ใหม่มียอดขาย 27,811 คัน เพิ่มขึ้น 29.7%

ทางด้านมินิมียอดขายเดือนกันยายนอยู่ทิ่ 30,387 คัน เพิ่มขึ้น 20.5% โดยรถยนต์รุ่นที่ขายดี คือ คันทรี่แมน ซึ่งในตอนนี้มียอดขายสะสมแล้ว 76,000 คัน นับตั้งแต่เปิดตัวออกสู่ตลาดเมื่อปีที่แล้ว ส่วนยอดขายในช่วง 9 เดือนแรกของมินิอยู่ที่ 208,216 คัน หรือเพิ่มขึ้น 24.1% ส่วนโรลส์-รอยซ์มียอดขายในช่วง 9 เดือนแรกเพิ่มขึ้น 41% ด้วยตัวเลข 2,441 คัน

สำหรับสหรัฐอเมริกาถือเป็นตลาดใหญ่ของบีเอ็มดับเบิลยู โดยในเดือนกันยายนมียอดขาย 25,749 คัน หรือเพิ่มขึ้น 11.4% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนเยอรมนีเองถือเป็นตลาดที่มียอดขายเป็นอันดับที่ 2 มีตัวเลขเพิ่มขึ้น 9.9% เป็น 23,809 คัน ขณะที่จีนเป็นตลาดหมายเลข 3 มียอดขาย 18,588 คัน เพิ่มขึ้น 20.9%




 

Create Date : 17 ตุลาคม 2554   
Last Update : 17 ตุลาคม 2554 16:17:26 น.   
Counter : 866 Pageviews.  

ดูแลรถหลังน้ำท่วม ...เอาอีกครั้งอะไรบ้างที่ต้องซ่อม

สาหัสกันทั่วหน้าเลยกับเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ ที่หลายคนจิตตกวิตกกังวลกันมากจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ บ้างรถจมน้ำไปแล้วก็มี แต่ถ้ารถคุณประสบภัยพิบัติไปแล้วก็ไม่ต้องคิดมากเพราะหลังน้ำลดนั้นให้รีบไปจัดการซ่อมแซมก็สามารถขับได้เป็นปกติ

การซ่อมรถยนต์น้ำท่วมนั้นนับว่าเป็นเรื่องของอาชีพช่างยนต์กันเสียส่วนใหญ่ ที่งานเข้าหลังจากภัยพิบัติครั้งนี้ แต่เพื่อความสบายใจเราจะพาเพื่อนๆไปรู้จักว่าอะไรบ้างที่ต้องซ่อมและดูแล หลังเหตุการณ์น้ำท่วมและอะไรบ้างที่สำคัญ

1.ตรวจความเสียหาย ข้อแรกที่สำคัญและต้องทำหลังน้ำลดลงไปจนกลับสู่สภาวะปกตินั้นคือการตรวจสอบความเสียหายของรถ ดูให้หมดทั้งภายในภายนอก เปิดฝากระโปรงเช็คเครื่องให้ครบครัน และถ้ารถคุณมีประกันภัยชั้น 1 ก็อย่าลืมแจ้งประกันด้วย จะได้ผ่อนหนักเป็นเบาในเรื่องค่าใช้จ่ายในการซ่อม

2.อย่าสตาร์ทเครื่องยนต์ เรามักย้ำเป็นประจำในข้อนี้เกี่ยวกับการดูแลรถหลังน้ำท่วม เนื่องจากการสตาร์ทเครื่องยนต์แบบสุ่มสี่สุ่มห้านั้นอาจทำให้เครื่องยนต์ได้รับความเสียหาย โดยรู้เท่าไม่ถึงการ โดยเฉพาะเศษผงต่างที่มากับน้ำสามารถสร้างความเสียหายต่อระบบเครื่องยนต์ได้ อีกประการคือรถที่แช่น้ำนานๆจะมีความชื้นจะสามารถสร้างความเสียหาย ทำให้ไฟฟ้าลัดวงจรได้เช่นกัน

3.ส่งสู่มือช่าง เมื่อตรวจสอบเรียบแล้วก็ได้เวลาที่เราต้องส่งสู่มือช่างผู้ชำนาญการให้ดำเนินการ โดยในการส่งรถที่รักไปซ่อมแซมความเสียหายนั้น ควรรายงานระดับน้ำที่รถคุณไปว่ายน้ำมา เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการตรวจสอบทางด้านต่างๆของช่าง ทำให้สามารถทำงานได้รวดเร็วขึ้น

4.อะไรบ้างที่จะเสีย แน่นอนเราไม่แนะนำให้คุณซ่อมรถน้ำท่วมเอง เพราะคุณจะปวดหัวกับมันอย่างแน่นอน แต่อย่างน้อยก็ควรต้องรู้บ้างว่าอะไรที่จะเสียหายบ้าง เพื่อประเมินค่าใช้จ่าย

4.1.ด้านเครื่องยนต์ ตามปกติแล้วความเสียหายของเครื่องยนต์นั้น จะเกิดขึ้นในระบบ Intake หรือระบบดูดอากาศ ซึ่งสิ่งแรกที่จะต้องเปลี่ยนคือ "กรองอากาศ" เพราะขี้ผงจากน้ำนั้นจะเข้าไปติดอยู่ในส่วนนี้เสียมาก ช่างจะต้องถอดหม้อกรองออกมาล้างทำความสะอาดอย่างแน่นอน ล้างลิ้นปีกผีเสื้อ แต่ถ้าแจ็คพอทก็เจอ น้ำเข้าเครื่อง ก็ต้องมีการถอดประกอบเครื่องยนต์ เพื่อความสะอาด ซึ่ง อาจจะรวมถึงชุด "หัวเทียน" ที่จะเสื่อมสภาพจากสภาวะความชื้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนพวกเซ็นเซอร์นั้นก็ต้องเช็คตามปกติ

ที่สำคัญต้องได้มีถ่ายของเหลวทุกชนิด ทั้งน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเฟืองท้าย อาจจะรวมถึงน้ำยาหม้อน้ำด้วย เพื่อความไม่ประมาท เพราะน้ำอาจจะซึมเข้าไปทำให้เมื่อใช้ไปนานๆเกิดความเสียหายได้

4.2.ช่วงล่าง น้ำท่วมนั้นสามารถสร้างความเสียหายกับระบบช่วงล่างได้เช่นกัน โดยเฉพาะพวกลูกยางต่างๆที่ฝืดจากการโดนความชื้นในการแช่น้ำเป็นระยะเวลานานๆ ตามปกติแล้ว รถที่โดนน้ำท่วมเป็นเวลานานๆนั้น จำเป็นต้องอัดจาระบีใหม่ เนื่องจากน้ำทำให้จาระบีเก่าเสื่อมสภาพ โดยเฉพาะการอัดจาระบีเพลาขับ และลูกปืนล้อทั้ง 4 ล้อ ซึ่งตรงนี้ค่อนข้างที่จะเป็นเรื่องสำคัญ เพราะถ้าไม่มีจารบีหล่อยู่อาจจะทำให้ลูกปืนแตก หรือ เพลาขับมีเสียดัง ทำให้เกืดความร้อนสะสม จนนำไปสู่เพลาขับรูด หรือลูกปืนเพลาขับแตก อันตรายมาก โดยเฉพาะรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้า

นอกจากนี้ยังต้องมีการตรวจสอบและทำความสะอาดระบบเบรค โดยเฉพาะรถที่ใช้ระบบดิสเบรก อาจจะมีเศษผงเข้าไปติด ทำให้เบรคมีประสิทธิภาพลดลงและอาจจะกินจานเบรคได้ในระยะยาว ซึ่งในกรณีนี้ต้องมีการเปลี่ยนน้ำมันเบรคที่อาจจะมีการเสื่อมประสิทธิภาพด้วย

4.3.ระบบไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ ส่วนใหญ่แล้วความเสียหายจากรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วมนั้นมักจะเกิดขึ้นที่ระบบไฟฟ้าเสียมากกว่า ซึ่งประเด็นสำคัญก็ไม่พ้นการไล่ความชื้นในระบบ ที่จำเป็นต้องให้เป็นหน้าที่ของช่าง แต่ถ้าคุณโชคร้าย ก็อาจจะพบว่า ระบบคอมพิวเตอร์ หรือ ECU ลากลับบ้านเก่า นี่ยังไม่นับกล่องเกียร์ที่มักติดตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำเช่นกัน

5.ทำความสะอาดภายในได้เวลาลุย เมื่อรถคุณพ้นจากมือช่างเครื่องยนต์มาได้ขับได้เป็นติดสุขแล้ว ก็ให้มาจัดการในเรื่องภายในห้องโดยสารก่อน อย่างที่ได้บอกไปแล้วแต่เริ่มต้นว่าน้ำที่ท่วมนั้น เป็นน้ำที่ไม่ค่อยสะอาด และยิ่งคุณทิ้งไว้นานก็ยิ่งจะทำให้มีกลิ่นอับ ดังนั้นขั้นแรก คุณต้องอาศัยคาร์แคร์ต่างๆ ในการถอดพรม-ซักเบาะ และทุกอย่างให้เอี่ยมอ่อง

หลังจากนั้นก็ต้องไม่ลืมจัดการเรื่องกลิ่นด้วย ถ้าเป็นไปได้ ถือโอกาสล้างตู้แอร์ก็จะเป็นการดีใช่น้อย โดยเฉพาะถือโอกาสนี้เปลี่ยนน้ำยาแอร์เผื่อน้ำอาจจะซึมเข้าระบบ และที่สำคัญรถบางคันนั้นมีกรองแอร์อันนี้ต้องเปลี่ยนสถานเดียว เพราะส่วนใหญ่ เมื่อโดนน้ำแล้วกลิ่นจะติดครับ

6.สนิมภัยร้ายที่รอวันย่างกลาย เราอาจจะเสร็จเรื่องเครื่องและภายในห้องโดยสารกันไปเรียบร้อย แต่ก็ต้องไม่ลืมเรื่องของตัวถังด้วย โดยเฉพาะรถใครที่มีบาดแผลจากการชนก่อนน้ำท่วม อันนี้พึงระวังให้ดี เพราะสนิมนั้นจะถามหาอย่างไม่ต้องสงสัย หลังน้ำท่วมทางที่ดี แวะไปทำสีในจุดที่เกิดการชนก็ดีใช่น้อย เพราะจุดนั้นอาจจะเป็นสนิม ซึ่งสามารถทำให้เกิดการผุและเสียหายได้ในท้ายที่สุด

ทั้งนี้ด้วยการดูแล 6 ขั้นตอนที่ควรทำจากเราก็น่าจะทำให้รถของเพื่อนๆ กลับมาเหมือนเดิมไม่มากก้น้อย แต่ข้อสำคัญนั้นคือเวลา และทุนรอน บางทีค่อยๆทำ ทำสิ่งที่สำคัญก่อนก็จะช่วยให้รถอยู่คู่คุณไปอีกนาน






 

Create Date : 16 ตุลาคม 2554   
Last Update : 16 ตุลาคม 2554 15:15:10 น.   
Counter : 2121 Pageviews.  

New! BMW Series 3 ..กล้บมาทวงบัลลังค์คอมแพ็คคาร์สุดหรู

หลายที่คนที่ใช้รถอยุ่ทุกวันนี้คงมีความใฝ่ฝันที่อยากจะได้ขับยนตรกรรมชั้นนำจากค่ายรถยนต์ยุโรป และหนึ่งในรถหลายๆรุ้นที่เข้าตาถุกใจคนจำนวนมากก็คงไม่พ้นค่ายรถยนต์ BMW ที่ล่าสุดเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาค่ายรถยนต์รายนี้ก็เพิ่งจะเปิดตัวคอมแพ็คคาร์คันใหม่ New! BMW Series 3 กันอย่างเป็นทางการ และนับเป็นอีกหนึ่งปฐมบทใหม่แห่งวงการยานยนต์ยุโรป

ตัวเลข 8.5 ล้านคันที่ถูกผลิต ตั้งแต่วางจำหน่ายครั้งแรกในปี 1961 จวบจนรุ่นสุดท้ายที่ผ่านมากว่า 5 รุ่น แล้วนั้น คงเป็นคำตอบที่ชี้ให้เห็นถึงการได้รับความนิยมอย่าล้นหลามขจองรถยนต์คอมแพ็คคาร์เจ้าตำนาน ที่ยังไม่นับการขยายปีกเป็นต้นตำหรับในการใส่ความสปอร์ตลงไปในรถรุ่นพิเศษที่ถูกใจใครหลายๆคน และการกลับมาทวงบัลลังค์อีกครั้ง ก็ต้องมีอะไรที่พิเศษกว่า รออยู่อย่างแน่นอน

New! BMW Series 3

เส้นสายสปอร์ต ซีดาน พร้อมหลากทางเลือกบอกความเป็นตัวตน

"รถบอกบุคคลิกของเจ้าของ" เป็นคำพูดที่เราได้ยินกันมาเป็นประจำ และครั้งนี้ BMW ก็มีการจัดการให้ BMW Series 3 ใหม่ สามารถตอบสนองได้มากขึ้น ตั้งแต่การออกแบบตัวรถทางภายนอกที่มาพร้อมเอกลักษณ์ Kidney Grill ให้ความสปอร์ตยิ่งขึ้นกับการออกแบบใหม่หมดจด ใรแยย Multi Surface ทำให้ BMW Series 3 ใหม่นั้น มีความสปอร์ตยิ่งกว่าบรรพบุรุษของมัน ไฟหน้า ถูกทำให้สอดรับกับความสปอร์ตมากยิ่งขึ้ง และจมูกใหญ่ๆ 2 ข้าง ก็ยังให้ความลงตัวที่พอดี

New! BMW Series 3

ใบหน้าแบบนี้เราอาจจะเคยผ่านตากันไปบ้าง ซึ่งมันคล้ายกับสปอร์ต ไฟฟ้า BMW i8 แต่เส้นสายที่ดูสปอรืตนี้ก็ยังแฝงด้วยความทันสมทัยกับเทคโนโลยี Air Curtain ที่เพิ่มประสิทธิภาพของระบบ Aero Dynamic ด้วยการสร้างม่านอากาศในช่วงล้อหน้า ส่งผลทำให้มีประสิทธิภาพประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้นและขับขี่สมรรถนะดีขึ้น โดยเฉพาะในย่านความเร็วสูง

ตัวรถถูกขยายมิติตัวถังเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิม โดยยืดให้ยาวอีก 93 มิลลิเมตร เช่นเดียวกับฐานล้อที่ถูกขยายตามออกมาอีกว่า 50 มิลลเมตร ช่วยให้ BMW Series 3 ใหม่ ดูมีความภูมิฐานมากยิ่งขึ้น ที่เส้นสายจากด้านหน้านั้นก็ยังได้รับการถ่ายทอดสู่ด้านข้าง ที่มาพร้อมสเกิร์ตข้าง ตอกย้ำความเป็นรถสปอร์ตมากยิ่งขึ้น และบั้นท้ายลงตัวกับเอกลักษณ์ไฟ L Shape สอดรับกับบั้นท้ายและล้อขอบ 17 หรือ 18 นิ้ว ตามแต่ที่จะเลือกสรร


ห้องโดยสารทันสมัย แถมโอ่อ่ามากขึ้น

ในห้องโดยสาร BMW สื่อความเป็นตัวตนของรถ BMW series 3 ใหม่ ด้วยการแต่งแต้มความทันสมัยให้ลงตัวมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เริ่มจากมิติตัวถังที่กว้างขึ้น ทำให้มีความกว้างของพื้นที่ในห้องดดยสารเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในตอนหน้านั้นสามารถเพิ่มระยะวางขาได้มากถึง 15 มิลลิเมตร และ พื้นที่เหนือศรีษะมากขึ้นอีก 8 มิลลิเมตรจากรุ่นเดิม

New! BMW Series 3

ที่ประตู BMW series 3 ใหม่ ให้ความอรรถประโยชน์มากขึ้นกับช่องเก็บของขนาดใหญ่ ที่สามารถรองรับการวางขวดน้ำขนาด 1 ลิตร ได้อย่างสบาย ส่วนตรงกลางคอนโซลนั้นมีที่วางแก็ว 2 ใบ ตบแต่งลงตัวด้วยการให้ความอบอุ่น และยังมาพร้อมเทคโนโลยีอันทันสมัยต่างๆ โดยเฉพาะ BMW Connect Drive ที่ช่วยทำให้ชีวิตง่ายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

ด้านหลังเบาะของ BMW Series 3 ใหม่ตอบโจทย์ทั้งความหรูหราและอรรถประโยชน์มากยิ่งขึ้น ด้วยการพับในอัตรา 40:20:40 ซึ่งเมื่อคุณต้องการขนของลักษณะยาวนั้นก็สะดวกมากยิ่งขึ้น




ขุมพลัง เทอร์โบคู่ ส่วนรุ่นเล็กรอนานหน่อย

ใต้ฝากระโปรง BMW ให้ขุมพลังพันธุ์แรงมาพร้อมกับการขับเคลื่อนที่ทรงสมรรถนะและรักษษาสิ่งแวดล้อ โดยในการเปิดตัวครั้งนี้ BMW Series 3 ใหม่ มาพร้อมเครื่องยนต์ 3 รุ่น ให้เลือกเป็น เบนซิน 2 รุ่น ดีเซล 1 รุ่น

ในเครื่องยนต์เบนซินนyhน BMW พร้อมให้คุณสัมผัสกับเทคโนโลยี BMW Twin turbo Technology ที่ตอนนี้ตอบโจทย์รุ่นเล็กสุด ด้วยขุมพลัง 2.0 ลิตร 4 สูบแถวเรียงพร้อมระบบเทอร์โบชาร์จช่องคู่ ให้ความสนุกในการขับขี่มากที่สุดถึง 245 แรงม้า ตอบสนองแรงบิดในลักษณะแรงบิดสมดุล 350 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 1250 รอบ จนถึง 4800 รอบต่อนาที ทำสถิติ 0-100 ใน 5.9 วินาที และพร้อมให้สัมผัสความเร็วสุงสุดที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ด้านอัตราประหยัด 328i ใหม่ ก็ให้ความน่าประทับใจด้วยอัตราซดน้ำมันที่ดีขึ้นกว่ารุ่นเดิม 11% ที่ทำอัตราเฉลี่ยที่ 6.4 ลิตร / 100 กิโลเมตร และปล่อยไอเสียเพียง 147 กรัม /กิโลเมตร ซึ่งส้วนหนึ่งขอเทคโนโลยีนั้นก็มาจาการจัดการระบบไอเสียไปยังเทอร์โบใหม่ ที่ตอบสนองได้ขึ้น

New! BMW Series 3

ใหญ่ขึ้นมากอีกนิด BMW แนะนำขุมพลังเบนซิน 6 สูบ แถวเรียงขนาด 3.0 ลิตร ตอบสนองได้มากถึง 306 แรงม้าจากเทคโนโลยี BMW Twin Turbo มาพร้อมการสั่งจ่ายน้ำมั่นแรงดันสูงที่แม่นยำ และระบบ valve Tronics จนสามารถตอบสนองแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรตั้งแต่ 1200 -5000 รอบต่อนาที และทำอัตราเร่ง0-100 ได้ใน 5.5 วินาที แต่ถ้าชอบเกียร์อัตโนมัติจะเร็วขึ้นกว่าที่เดิม อีก 0.3 วินาที ส้วนความเร็วสูงสุดนั้นล็อคที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

เรื่องอัตราประหยัดก็ทำได้น่าประทับใจที่ 7.9 ลิตร /100 กิโลเมตร และมีอัตราปล่อยไอเสียเพียง186 กรัมต่อกิโลเมตร แต่ในรุ่นนี้ถ้าคุณชอบความสบายขับขี่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด อัตราซดน้ำมันนั้นก็จะดีขึ้น อยู่ที่ 7.2 ลิตร /100 กิโลเมตร เช่นเดียวกับการปล่อยไอเสีย ที่ชัดเจนขึ้นจนมาหยุดที่ 169 กรีม ต่อกิโลเมตร หรือ ถ้าเปรียบเทียบระหว่างเกียร์อัตโนมัติกับเกียร์ธรรมดา มีอัตราประหยัดต่างกันร้อยละ 6 และ อัตราปล่อยมลพิษต่างกันที่ร้อยละ 16

ด้านเครื่องยนต์ดีเซลนั้นก็ยังมีให้เลือกเช่นกัน และครั้งนี้ BMW ได้พัฒนาเครื่องยนต์ดีเซลให้ตอบสนองได้ดียิ่งขึ้น ด้วยการปรับแรงดันน้ำมันขึ้นมาอยุ่ที่ 2,000 Bar มาพร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน ให้พลังสูงสุด 184 แรงม้า เรียกแรงบิด 380 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 1,750-2,750 รอบต่อนาที ให้อัตราเร่ง 0-100 ได้ใน 7.6 วินาที ทำความเร้วปลายได้ 235 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ก็ยังประหยัดสุดๆ เพียง 4.5 กิโลเมตรต่อลิตร และปล่อยไอเสียเพียง 118 กรัม /100 กิโลเมตร

ในกลุ่มเครื่องยนต์ดีเซลนี้ BMW ยังได้แนะนำBMW 320D Efficient Dynamics เวอร์ชั่นแห่งศาสตร์

New! BMW Series 3

และศิลป์ของการประหยัด ที่ทุกอย่างนั้นยังเหมือนกับเวอร์ชั่นดีเซลทั่วไป แต่ปรับระบบเทอร์โบชาร์จใหม่มาใช้ BMW Twin Turbo Technology ให้การประหยัดน้ำมันมากถึงขีดสุดด้วยพละกำลัง 163 แรงม้า สูงสุดที่ 4000 รอบต่อนาที แต่ยังให้แรงบิดไม่เปลี่ยนแปลงที่ 380 นิวตันเมตร ที่ 1750-2750 นิวตันเมตร มาพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ตอบโจทย์ประหยัดสูงสุด 4.1 ลิตร /100 กิโลเมตร ปล่อยไอเสียน้อยกว่าเพียง 109 กรัม/กิโลเมตรเท่านั้น

แม้เครื่องยนต์ทั้ง 3 ทางเลือกดูน่าจะถูกใจคอหรูกันพอตัวแล้วแต่ BMW ก็ยังเตรียมแผนการแนะนำอีก 3 รุ่นใหม่ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า ทั้งรุ่น BMW 316i ที่จะมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินให้กำลัง 116 แรงม้า ให้กำลังแรงบิด 260 นิวตันเมตร BMW318i พร้อมทะยานด้วยขุมพลัง 143 แรงม้า ให้แรงบิด 320 นิวตันเมตร และสุดท้ายแต่ยังไม่ท้ายสุดกับ BMW 320i ให้กำลัง 184 แรงม้า ให้แรงบิด 270 นิวตันเมตร ซังอาจจะมีเวอร์ชั่นดีเซล 6 สูบ และ Active Hybrid อีกด้วย

4บุคคลิกแตกต่างตามความต้องการ

นอกจากจะมีเครื่องยนต์มากมายหลายรุ่นแล้ว BMW series 3 ใหม่นั้น ยังมาพร้อมกับทางเลือกสำหรับลูกค้า ด้วยลักษณะการตบแต่ง 4 แบบ 4 สไตล์ ได้แก่ Sport line,Luxury line Modern Line และ M Sport Package

ในการตบแต่งแบบ Sport line นั้น BMW ได้จับ BMW Series 3 ใหม่ แต่องค์ทรงเครื่องในแบบสปอร์ตเต็มขั้น ด้วยการให้จมูกดำ ล้อกรอบด้วยโครเมี่ยม ดูโดเด่นสะดุดตาตั้งแต่แรกเห็น มาพร้อมล้อขอบ 17-18 นิวตามแต่จะเลือกตามความต้องการ เสา B เป็นสีดำ ทำให้ลงตัวมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

New! BMW Series 3

ภายในก็เช่นกันมีการตบแต่งที่บอกบุคคลิกในแบบสปอร์ตเน้นการตบแต่งโทนดำ-แดง ให้ดูลงตัวมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม และหล่อจากโรงงาน

รุ่น Luxury line หลักๆ ก็ไม่มีอะไรมากที่เน้นในความหรูหรา กับจมูก 11 ซี่ ให้สัมผัสพื้นด้วยล้อขอบ 17-18 นิ้วตามต้องการ มาพร้อมท่อไอเสียเงา และการตบแต่งภายในเงาโดดเด่นเป็นสง่ามากยิ่งขึ้น

สุดท้ายในรุ่น Modern Line โดยรวมแล้วรายละเอียดนั้นค่อนข้างจะคล้ายคลึงกับรุ้น Luxury line แต่พุ่งเปเที่การตอบโจทย์ความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นกว่ามาพร้อมคอนโซลหน้าดำ ผสานการออกแบบกับเบาะนั่งผ้าผสมหนัง เน้นการตบแต่งลายไม้ให้ความรู้สึกสบายมากยิ่งกว่า

New! BMW Series 3

นอกจากที่กล่าวมาทั้งหมดแล้ว BMW ยังแนะนำ BMW Series 3 ที่มาพร้อมกับ M sport Package ใหม่สุดๆ กับการปรับแต่งเฉพาะรุ่นจากสำนักแต่ง M Technic ตั้งแต่ชุดช่วงล่าง การตบแต่งภายนอกเฉพาะรุ่นลงตัวกับล้ออลัลายขอบ 18 เส้นสายที่ดูดุดันมากกว่า และในรุ่นเกียร์ธรรมดาจะขับสนุกยิ่งขึ้นกับ BMW Short shifter และอีกมากที่จะเปลี่ยน Series 3 ใหม่ธรรมดาๆ ให้เป็นรถสปอร์ตชั้นนำ

ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เราจะได้พับกันเร็วๆนี้ในไทยอย่างแน่นอนกับ New BMW series 3ใหม่ และเจ้าคอมแพ็คสุดหรูคันนี้จะกลับมาครองใจพวกเราหลายๆคน




 

Create Date : 15 ตุลาคม 2554   
Last Update : 15 ตุลาคม 2554 16:16:51 น.   
Counter : 1660 Pageviews.  

แปลกใจไหม..ทำไมรถใหม่ๆไม่มีเกจจ์วัดความร้อนเครื่องยนต์

ทุกวันนี้เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำมากยิ่งขึ้น ทำให้ค่ายรถยนต์ต่างมีการพัฒนารถยนต์มากมายหลากหลายแบบขึ้นมาตอบสนอง พร้อมกับทำให้รถนั้นสามารถตอบโจทย์ทางด้านต่างๆ ได้อย่างลงตัว และเพียงพอต่อการใช้งานจริงๆของผู้ใช้

แม้จะเป้นเรื่องที่หลายคนไม่ค่อยจะสังเกตมากมาย แต่ปัจจุบันรถยนต์มากมายหลายรุ่นนั้น กำลังมีสิ่งหนึ่งที่หดหายลงไปจากเดิม และถ้าคุณกำลังมองว่าอะไร คำตอบนั้นมันอยุ่ที่ตรงหน้าคนขับเสนมอ และมันก้ค่อนข้างสำคัญ แต่อาจจะไม่มากมายนัก ถ้าไม่ใช่พวกนักซิ่งหรือตีนผียามขับขี่รถยนต์ไปตามท้องถนน

เกจจ์วัดความร้อนนั้น เป็นอะไรที่กำลังค่อยๆจางหายไปจากรถยนต์ในปัจจุบัน โดยที่คุณนั้น อาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำเมื่อได้รถยนต์คันใหม่ว่า รถเราไม่มีตัวบอกอุณหภูมิของหม้อน้ำ ซึ่งมันอาจจะมีส่วนสำคัญในเสี้ยววินาที เพื่อป้องกันให้คุณระมัดระวังการขับขี่ หรืออาจจะบอกถึงสภาวะการทำงานที่ผิดปกติของเครื่องยนต์

ตั้งแต่อดีตมาจวบจนปัจจุบัน วัดความร้อน ถือเป็นหนึ่งในอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับการขับขี่ ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่รู้สภาวะการทำงานเครื่องยนต์ว่ามีความผิดปกติหรือไม่ แต่ปัจจุบัน เจ้าวัดเกจจ์ความร้อนนี้ไม่ค่อยจำเป็นมากนัก โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงรถยนต์กลุ่มซิตี้คาร์ ที่จะนั่งแช่ในการเดินทางมากกว่าวิ่งเสียอีก หนำซ้ำเจ้าวัดเกจจ์ความร้อนนี้ถูกวิจัยโดยค่ายรถยนต์หลายๆค่ายว่ามันเป็นส่วนที่ทำให้คนขับมักขับขี่แบบถลุงเครื่องยนต์อย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง

นาย โรเบิร์ต เดวิส รองประธานอาวุโส ฝ่ายคุณภาพ การวิจัยและพัฒนา ของ Mazda ได้ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันเกจวัดความร้อนมักจะแทนที่ด้วยสัญลักษณ์เตือน โดยของมาสด้าเรานั้น เมื่อเครื่องยนต์เย็นจะแทนด้วยสีน้ำเงินเพื่อบอกสถานะ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากวิจัยทางจิตวิทยาของผู้ขับขี่ที่จะขับรถนุ่มนวลมากขึ้นเมื่อเห็นสัญญาณไฟเตือนโผล่ขึ้นมา ซึ่งมันย่อมดีกว่าเกจจ์วัดความร้อนที่วางตรงหน้าตลอดเวลาและผู้ขับขี่จะชินกับเกจจ์เหล่านั้น

ส่วนหนึ่งของเรื่องการริบเอาเกจจ์วัดความร้อนหายไปนั้นก็มาจากการ Warm เครื่องยนต์ก่อนขับขี่ ที่จะพบว่าในคู่มือรถยนต์รุ่นใหม่ๆมักจะให้คำแนะนำว่าไม่ควรเร่งเครื่องยนต์รอบสูง เมื่อเริ่มเดินเครื่องในช่วงแรก และสัญญาณเตือนนั้นก็ช่วยควบคุมพฤติกรรมคนขับได้ดีเช่นกัน ซึ่งสาเหตุสำคัญนั้นก็เพราะน้ำมันเครื่องหรือกระทั่งปั้มน้ำมันเครื่องนั้นทำงานได้ไม่ดีเท่าไรนัก เมื่อไม่อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม

นอกจากหลักการทางจิตวิทยาแล้ว อีกเรื่องที่มองข้ามไม่ได้ก็ไม่พ้นเทคโนโลยีที่ดีขึ้น ทั้งตัวเครื่องยนต์เองที่ปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นเครื่องยนต์บล็อคอลูมิเนียม แต่นั่นก็ไม่เท่ากับน้ำมันเครื่องที่มีความลื่นมากขึ้น โดยเฉพาะน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แต่ก็ยังสามารถปกป้องเครื่องยนต์ในการถ่ายเทความร้อนได้ดีไม่แพ้กัน ที่ยังไม่นับในเรื่องของระยะการเปลี่ยนถ่ายที่สามารถปกป้องได้สูงขึ้นด้วย

แม้เรากำลังพูดว่าเกจจ์วัดความร้อนนั้นกำลังหายไปจากรถส่วนใหญ่ที่วางจำหน่ายในตลาด โดยไม่ได้เกี่ยวกับการลดต้นทุนของบริษัทรถยนต์ ทว่าเจ้าเกจจ์วัดความร้อนนี้ก็ไม่ได้หายไปเสียทีเดียว แต่ยังมีให้เห็นอยู่ในรถยนต์รุ่นใหญ่ หรือรถสปอร์ตสมรรถนะสูงรุ่นต่างๆ ที่ยังมีวางจำหน่ายในตลาดปัจจุบัน เพียงแต่เราจะเห็นมันน้อยลงในกลุ่มรถยนต์ตลาดที่ได้รับความนิยม

ถึงการจากลาขอเกจจ์วัดความร้อนนั้น ดูจะเป็นเรื่องที่แปลกใหม่สำหรับใครที่ใช้รถยนต์คุ้นเคยกับอุปกรณ์ที่อยู่ตรงหน้ามาอย่างยาวนาน และมันก็ค่อนข้างน่าผิดหวังที่เราจะไม่สามารถสังเกตเกจจ์วัดความร้อนที่จะรู้ว่าเครื่องยนต์มีปัญหาหรือไม่ก็อะไรสักอย่างเสีย โดยที่ไม่ต้องให้มันถึงวาระสุดท้ายได้ ทว่า ข้อหนึ่งที่ต้องยอมรับก็ไม่พ้นเทคโนโลยีที่ดีขึ้น ช่วยทำให้เรามั่นใจในการขับขี่รถใหม่ๆได้มากยิ่งขึ้นด้วย




 

Create Date : 14 ตุลาคม 2554   
Last Update : 14 ตุลาคม 2554 18:13:20 น.   
Counter : 6061 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  

zulander
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 77 คน [?]




หวยซอง เลขเด็ด
หวยซอง เลขเด็ด หวยซองแม่นๆ หวยซองดัง รวมหวยซอง






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add zulander's blog to your web]