เครื่องตัวแรงจาก TOYOTA เริ่มจากเครื่องรหัส 1G ก่อนนครับอาจจะเป็นบล็อกเก่าไปซะแล้ว เมื่อเครื่องตระกูล JZ กำเนิดตอนต้นทศวรรษที่ 90 ทำให้ปัจจุบันนี้ตระกูล 1G-GTE ทั้งเกียร์ออโต้และเกียร์ธรรมดามีราคาขายไม่แพงมาก โดยที่ตัวเทอร์โบนั้นจะมีอัตราทดเฟืองท้ายเกียร์ธรรมดาที่ 4.566 ส่วนเกียร์ออโต้นั้นใช้ 4.3 ด้วยขนาดของลูกสูบที่ไม่เอื้อต่อการปรับ แต่งให้ใช้อะไหล่กับบล็อกอื่นๆ ปัจจุบัน 1G ทั้งหลายอาจถูกนำไปวางใส่ในบอดี้รถเก่า รถคลาสสิกกันพอสมควร บล็อกเครื่องขนาดความจุ 2,491 ซีซี ยอดฮิตจากค่ายโตโยต้าตัวนี้ มีทั้งแบบเครื่องยนต์เทอร์โบและ NA ในตัว GTE นั้นอาจเรียกขานต่างกันว่าปลั๊กหนา (ฝาบรอนซ์) และปลั๊กบาง (ฝาดำ) ถ้าเป็นตัวปลั๊กหน้านั้นเป็นเครื่องยนต์ปีต่ำกว่า 1995 เครื่องยนต์ GTE กับเครื่อง GE เกียร์ธรรมดา 5 สปีด จะมีอัตราทดเฟืองท้ายที่ 4.1 แต่ถ้าเป็นเกียร์อัตโนมัติจะมีอัตราทดแทนเฟืองท้าย 4.038 ส่วนตัวปลั๊ก บางซึ่งเป็นเครื่องปีใหม่หลังปี 1995 เกียร์ธรรมดานั้นถูกผลิตออกมาน้อย จะมีอัตราทดเท่าเดิม จะปรับในส่วนของเกียร์อัตโนมัติ ถ้าเป็นตัวปกติจะใช้ 3.909 แต่ถ้าเป็นตัว SOARER จะใช้ 3.916 เพื่อให้อัตราเร่งดีขึ้นกว่าเดิม สามารถนำไปวางได้ในบอดี้เครื่องยนต์ขับหลังทั้งหมด ในบ้านเรานิยมวางใน A31, 200SX, BMW หรือในรถกระบะแทบทุกค่าย บล็อกท็อปยอดฮิตของวัยรุ่นบ้านเรากับขนาดเครื่องยนต์ 2,997 ซี.ซี. ความน่าสนใจอยู่ที่ ตัวเทอร์โบที่อยู่ในบอดี้ Supra แบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด จะมีอัตราทดเฟืองท้ายที่ 3.266 แต่หากเป็นเกียร์ธรรมดา 5 สปีดปรกติ จะใช้ 4.083 ส่วนเกียร์ออโต้นั้นอยู่ที่ 3.769 ส่วนตัวไม่มีเทอร์โบนั้น แรงม้าจะอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 230 ps ราคาเครื่องยนต์บล็อกนี้ 2JZ-GE เกียร์ออโต้และเกียร์ธรรมดาอยู่ที่ 40,000-45,000 บาท แต่ถ้าเป็น 2JZ-GTE เกียร์ธรรมดาจะแพงกว่าเกียร์ออโต้อยู่หมื่นกว่าบาท แต่ค่าตัวทั้งสองแบบใกล้เคียงหลักแสนบาทแล้ว นับว่าเป็นบล็อกพันธุ์ แรงที่ว่ากันว่า ลงทุนค่าสนับสนุนความแรงและค่าเสื่อมถอยถูกที่สุดในบรรดาเครื่องยนต์ระดับ เดียวกัน เช่นเดียวกับ 1J ที่นิยมวางเล่นใน A31, 200SC, BMW หรือวางใน FD3S ก็เคยมี บล็อกนี้โด่งดังถึงขั้นเคยคว้าแชมป์แรลลี่โลกมาแล้วกับ 3S ทั้งหลาย ตัวท็อปที่เรียกกันว่า ตัว NON-AIRFLOW นั้นเป็นตัวแรงที่สุดกับ 260ps ในบอดี้ CALDINA ซึ่งไม่อยากพูดถึงเครื่องตัวนี้มากนัก เพราะในบ้านเรานั้น เครื่องตัวนี้ยังไม่ค่อยมาถึงเชียงกงสักเท่าไหร่ ใน บ้านเราเครื่อง 3S-GTE แบบ NON-AIRFLOW จะมีด้วยกัน 2 ตัวก็คือ ตัวขับเคลื่อนสี่ล้อ มีเฟืองท้ายขนาด 4.285 ในบอดี้ GT-4 255 แรงม้า และตัววางกลางใน MR2 245 แรงม้า ความแตกต่างที่สังเกตได้ง่ายๆ ก็คือ ที่ตัวไดชาร์จในเครื่อง GT-4 จะอยู่ด้านบน สังเกตง่าย ส่วนใจตัว MR2 ไดชาร์จจะซ่อนหลบอยู่ข้างล่าง ราคาซื้อขายสองตัวนี้แพงที่สุด ซื้อกันทั้งแพหน้าประมาณ 50,000-60,000 บาท ส่วนตัว 3S ธรรมดานั้นราคาไม่แพงมากนักจะตกอยู่ราวๆ 25,000-30,000 บาท อาการ ฮิตกับเครื่อง 3S นั้น สามารถนำไปวางใส่ในรถยนต์ที่มีบอดี้พื้นฐานขับเคลื่อนล้อหน้าได้แทบทุกรุ่น เคยเห็นกันว่าวางใน เปอโยต์ ฮุนได ก็มี แต่ถ้าให้ดีต้องเล่นบอดี้ตามสายพันธุ์อย่างรถโตโยต้า CORONA หรือ COLRONA บอดี้ AE ทั้งหลายจะเหมาะที่สุด เครื่องยนต์ขับหลังขนาด 3 ลิตร ขนาดใหญ่อีกหนึ่งบล็อก ของโตโยต้าที่เคยประจำการอยู่ใน SUPRA ตัวแรกมาก่อน เครื่อง 7M เป็นเครื่องขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักมาก แต่ค่อยข้างทรหดอดทน ตัวท็อปนั้นให้แรงม้าสูงสุดถึง 270 ตัว มีเกียร์ธรรมดา 5 สปีดอย่างเดียว ราคาขาดตัวประมาณ 50,000- 55,000 บาท อาจไม่ค่อยพบเห็น 7M ในห้องเครื่องรถแต่งซิ่งสักเท่าไหร่ แต่ก็สามารถวางเล่นกันได้ในเครื่องยนต์ขับหลังทุกรุ่น ถ้าไม่ใช่ปิกอัพกระบะก็น่าจะเป็นเบนซ์รุ่นเก่าๆ น่าจะดี แต่มีอีกตัวหนึ่งที่เจ้าของกระทู้คิดว่าก็แรงไม่ใช่เล่นคือรหัสเครื่อง UZ ทั้งแบบ 1UZ และ 2UZ แต่เพราะด้วยเครื่องของทั้ง 2 รุ่นนี้เป็นเครื่องแบบV8 3,968 C.C. ในรุ่น 1UZ และ V8 4,700CC ในรุ่น 2UZ-FE จึงไม่ค่อยจะมีคนนิยมมาติดตั้งกันนะครับ(น้ำมันแพง,กินน้ำมันเหมือนเทน้ำ ทิ้ง) 1UZ 2UZ   Create Date : 20 มิถุนายน 2554     1 comment Last Update : 20 มิถุนายน 2554 20:22:38 น.     Counter : 4937 Pageviews.   Share Tweet

Zenvo ST1 อีกหนึ่งไฮเปอร์คาร์ระดับ 1000 ม้า ถ้าพูดถึงรถยนต์ซุปเปอร์คาร์ชั้น นำ แล้ว เราหลายคนคงจะรู้จักเจ้าตลาดเป็นอย่างดี โดยเพาะยานยนต์จากประเทศอิตาลี ที่มีทั้งกระทิ้งและม้า คออยหนุนหลัง นี่ยังไม่ยังไม่นับกลุ่ม 2 ล้อที่ถือเป็นสินค้าส่งออกกันเป็นล่ำเป็นสันเลยทีเดียว หลายอาจจะคิดว่า รถดี สูทเนี๊ยบพิซซ่าอร่อยของแบบนี้ต้องอิตาลีเท่านั้น แต่วันนี้เราอยากพาเพื่อนมารู้จักอะไรที่สวยแหวกแนว และขายจริง แต่เฉพาะ 15 คนสำคัญระดับโลกเท่านั้น ที่จะได้มีโอกาส เป็นของยานยนต์จากแดนโคนม (เดนมาร์ก) ที่ค่ายรถยนต์รายนี้อาจจะดูเป็นน้องใหม่ แต่ก็ขอทำรถคุณภาพ ชื่อ Zenvo อาจจะไม่ใช่นามที่ใครก็รู้จักกันทั่วๆไป แต่นี่คือค่ายยานยนต์สมรรถนะเยี่ยมจากประเทศเดนมาร์กที่ก่อตั้งเมื่อปี 2004 และเริ่มขายรถรุ่นแรก Zenvo ST1 ซุปเปิอร์คาร์ตัวเจ้บสมรรถนะเลิศที่ปั่นม้าได้ถึง 1104 ตัวจากโรงงาน พละกำลังที่เหนือชั้นได้รับการปั้นแต่งพิเศษที่ในขณะที่เจ้าตลาดอาจเลือก ใช้ถึง 16 สูบในการขับเคลื่อน แต่รถรุ่นนี้ใช้เพียงเครื่องยนต์ v8 ขนาด 7 ลิตร ที่เรียกสถิติ 0-100 ใน 3 วินาที ส่วนความเร็วปลาย ก็ปล่อยให้เหยียบกันถึง 375 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อย่างไรก็ดี Zenvo st1 ยังมีเวอร์ชั่นพิเศษภายใต้ชื่อ 50S ที่เค้นม้าเพิ่มอีก 146 ตัว และแรงบิดอีกกว่า 70 นิวตันเมตร ที่รถคันใหม่นี้สามารถพิชิต 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ ส่วน 0-100 น้อยกว่า 3 วินาที Sanook! Auto Comment ซุปเปอร์คคาร์คันนี้อาจจะไม่ใช่อะไรที่คุ้นหูเรานัก แต่ก็น่าสสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อขุมพลังของมันแค่เครื่อง V8 ที่ขนาดของเครื่องอาจจะทำให้คุณซดน้ำมันจนลืมคำว่าประหยัดไปเลย Zenvo ST1 Zenvo ST1 Zenvo ST1 Zenvo ST1 Zenvo ST1 Zenvo ST1 Zenvo ST1 Zenvo ST1 Zenvo ST1 Zenvo ST1 Zenvo ST1 Zenvo ST1 Zenvo ST1 Zenvo ST1 Zenvo ST1   Create Date : 19 มิถุนายน 2554     0 comment Last Update : 19 มิถุนายน 2554 20:10:55 น.     Counter : 1511 Pageviews.   Share Tweet

Chevy เผยภาพว่าที่ Captiva Minorchanged ค่ายรถยนต์ เชฟโรเล็ต เผยภาพว่าที่อเนกประสงค์ปรับโฉม เดินสายการผลิตแล้วอย่างเป้นทางการ เปิดตัวสัปดาห์หน้าวันที่ 23 มิ.ย. ค่ายรถยนต์เชฟโลเร็ตเผยภาพรถยนต์รุ่นใหม่ที่เตรียมวางจำหน่ายในปลายเดือน นี้จากภาพ Drive Off Line Ceremony โดยมีมาร์ติน แอพเฟล ประธานกรรมการ ประจำประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมผู้บริหารระดับสูง และพนักงาน ร่วมเฉลิมฉลองอีกหนึ่งก้าวแห่งความสำเร็จ หลังดำเนินการผลิตเชฟโรเลต แคปติวา รถอเนกประสงค์เอสยูวีรุ่นใหม่คันแรกออกจากสายการผลิต ทั้งนี้ เชฟโรเลต แคปติวา ใหม่ จะมาพร้อมกับรูปลักษณ์ใหม่อันทรงพลัง สมรรถนะการขับขี่ที่ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครันยิ่งกว่าเดิม อีกทั้งยังเป็นรถอเนกประสงค์เอสยูวีคันแรกในไทยที่สามารถรองรับเชื้อเพลิง E85 เชฟโรเลต อย่างไรก็ดีสำหรับ chevrolet Captiva ใหม่นี้ มีกำหนดการเปิดตัวสู่สาธารณะชนในวันที่ 23 มิถนายนนี้ และจะเริ่มวางจำหน่าอย่างเป็นทางการปลายเดือน กรกรฏาคม โดยเพื่อนๆสามารถติดตามข่าวสารได้ที่ทาง Sanook! Auto เหมือนเคย Sanook! Auto Comment ตอนที่เราทราบข่าวว่ารถรุ่นนี้จะใช้น้ำมัน E85 ได้นั้น ก้ยังไม่เชื่อแต่เมื่อมีการยืนยัน เราจึงต้องขอบอกว่ามันน่าสนใจ แม้คู่แข่งจะเตรียมออกรุ่นใหม่เช่นกัน แต่ส่วนสำคัญของเชฟวี่ คือต้องเพิ่มคุณภาพงานบริการหลังการขาย ซึ่งจะทำให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน   Create Date : 18 มิถุนายน 2554     0 comment Last Update : 18 มิถุนายน 2554 22:19:53 น.     Counter : 1633 Pageviews.   Share Tweet

ขับรถไฮบริดแล้วเป็นมะเร็ง...อย่าพึ่งเซ็งเพราะมันไม่จริง !! เมื่อไม่นานมานี้เราได้มีโอกาสเข้าไปแวะเวียนสังคมออนไลน์ตามที่ต่างๆที่เกี่ยวกับยานยนต์แล้ว ได้พบเจอข้อคำถามหนึ่งที่ไม่น่าจะออกมาจากคนซื้อรถราคานับล้านว่า รถยนต์ไฮบริดนั้นเป็นต้นตอของมะเร็งได้ใช่หรือไม่? ซึ่งทำให้เรารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก ถึงคำถามที่ไม่น่าเกิด แม้ต้องยอมรับว่าไฮบริดคือระบบที่ทำงานร่วมกันของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าก็ตาม อะไรเป็นสาเหตุที่มาของคำถามเราไม่แน่ใจ แต่ที่มั่นใจได้อย่างหนึ่งคือท่านผู้ถามถึงขนาดกับไม่ยอมขับรถไฮบริดที่เพิ่งซื้อมาเปิดซิงด้วยความเข้าใจผิดในเรื่องดังกล่าว และวันนี้ถ้าใครกำลังจะซื้อรถไฮบริดแล้วได้ยินปากต่อปากมาว่า มันเป็นมะเร็งได้เพียงแค่คุณขับ เราจะพาไปพบคำตอบที่แท้จริงกัน เครื่องยนต์ไฮบริดนั้น นับเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ได้รับการแนะนำเมื่อไม่นานมานี้ในหลายประเทศทั่วโลกที่รวมถึงไทย หลังจากที่มีการนำเข้ามาจำหน่าย แต่ล่าสุดค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ โตโยต้า ก็ตัดใจลองตลาดหอบรถรุ่นใหม่มาขายที่ทำยอดจำหน่ายได้ดี และไม่นานก็ตามมาด้วยพรีเมี่ยมแบรนด์ที่ราคาไม่หนีจากกันนัก แนวไอเดียเรื่องเครื่องยนต์ไฮบริดกับการเกิดโรคมะเร็งนั้น เป็นประเด็นที่มีกันมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ไฮบริดยุคแรกๆ ภายใต้ความเป็นจริงที่สนามแม่เหล็ก หรือ Electro Magnetic Field (E.M.F) อาจส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว และจากการศึกษาของ สถาบันสุขอนามัยแห่งชาติสหรัฐและ องค์กรมะเร็งสหรัฐ ที่ได้ศึกษาถึงสนามแม่เหล็กที่มีผลต่อสุขภาพ พบว่าหากเราอยู่ในพื้นที่สนามแม่เหล็กเป็นเวลานานในช่วงระยะยาว อาจทำให้เป็นสาเหตุหนึ่งในการเกิดมะเร็ง นี่เองที่เป็นจุดเริ่มต้นที่คนมักพูดถึงไฮบริดในความไม่มั่นใจว่า มันดีต่อกระเป๋าตังค์แต่มันอาจจะไม่ประหยัดสุขภาพ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากไฮบริดเป็นการทำงานร่วมของระบบมอเตอร์ไฟฟ้ารอบสูง ซึ่งปลดปล่อยสนามแม่เหล็กออกมามาก และไม่มีใครเคยวัดว่า ในแต่ละวันเราเจอไปเท่าไร ในความเป็นจริงแล้วสนามแม่เหล็กมีอยู่ทุกที่ไม่ได้เพียงในรถไฮบริดเท่านั้น แต่มันยังอยู่ในโทรศัพท์มือถือ จนถึงสายไฟตามอาคารทั้งหมดที่กระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านต่างเกิดจากการเหนี่ยวนำของสนามแม่เหล็ก ซึ่ง แม้แต่ในธรรมชาติเองก็มีเช่นแรงดึงดูด ของดวงอาทิตย์ หรือแรงโน้มถ่วงของโลกเองก็ตาม นาย จิม คลีช วิศวกรอาวุโส ในโครงการยานยนต์สะอาดของสหภาพนักวิทยาศาสตร์ผู้ห่วงใยกล่าวว่า การสรุปว่าสนามแม่เหล็กทำให้เกิดมะเร็งได้อาจจะเป็นการด่วนสรุปมากไปหน่อย ว่าไฮบริดที่มีสนามแม่เหล็ก สามารถทำให้เป็นมะเร็งได้ และเชื่อว่าน่าจะมีการศึกษาต่อไป เพื่อให้เกิดความกระจ่างมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดีมีรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้มีกลุ่มผู้ใช้ได้พยายามศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบของรถไฮบริดโดยทำการวัดค่าสนามแม่เหล็ก ใน honda Insight สามารถวัดได้ถึง 10 mg (milligauss; หน่วยในการวัดสนามแม่เหล็ก) และใน Toyota Prius วัดได้ 24 mg และ 4 mg ที่เบาะหน้า ..แต่ถ้าคุณว่ามาก ก็ยังไม่เท่าเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน อย่างไดร์เป่าผมที่อาจมากสุดถึง 200mg และ เตาไมโครเวฟ 80 mg ที่ยังมีอีกหลายอย่างที่ปัจจุบันไฟฟ้าเข้ามามีบทบาทสำคัญ แน่นอนว่าเพียงข้อพิสูจน์เหล่านี้เราอาจพูดไม่ได้เต็มปากว่า รถไฮบริดจะไม่ก่อให้เกิดมะเร็ง แต่คำครหาที่เกินจริงว่า แค่ขับก็เป็นมะเร็งนั้น อาจจะฟังแล้วไร้สาระ เว้นแต่คุณนั่งแช่ในรถทุกวันเป็นเวลานานๆ ในข้อนั้นก็อาจจะปฏิเสธไม่ได้ มันเป็นเรื่องน่าเศร้า ที่ความที่ไม่รู้จริงของคนกลายเป็นคำที่เซลล์นำไปหลอกลูกค้าเพื่อโน้มน้าวการตัดสินใจ ซึ่งความจริงแล้วไฮบริดนั้นเป็นรถที่มีการกล่าวถึงอย่างมากทางด้านสุขภาพ แต่ทั้งนี้คุณต้องศึกษาให้ถ่องแท้ดูการใช้งาน แล้วถึงตัดสินใจว่า มันเป็นจริง ตามคำบอกเล่าหรือไม่   Create Date : 17 มิถุนายน 2554     6 comment Last Update : 17 มิถุนายน 2554 14:30:23 น.     Counter : 1195 Pageviews.   Share Tweet

เปิดภาพ BMW M5 โฉมงามพันธุ์ดุที่พร้อมจะลุย ผ่านมากว่าเดือนเศษๆ แล้วสำหรับการเปิดตัวว่าที่รุ่นต่อไปของรถสปอร์ต Saloon จาก ค่ายตราพัดฟ้าที่หอบหิ้วมาให้เราได้ชมกันในงาน เซี่ยงไฮ้ ออโต้ โชว์ ที่หลายคนอยากจะเห็นว่า ในคันเวอร์ชั่นขายจริงนั้น รถรุ่นนี้จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ที่วันนี้มีภาพหลุดออกมาบนโลกอินเตอร์เน็ตกัน การมาของBMW M5 ใหม่นี้ได้รับความสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะวงการรถสปอร์ต ที่กำลังมองถึงการเปลี่ยนแปลงของสปอร์ตคาร์พันธุ์ดุแต่ใช้งานได้จริงบนถนน ที่ขึ้นชื่อของค่ายตราพัดฟ้า ซึ่งภาพล่าสุดโฉมในสีฟ้าสดใสนี้ก็ ชี้ให้เห็นถึงความสปอร์ตที่แตกต่างจากรุ่นที่เรียบหรูใน Series 5 ธรรมดา มีการใส่ความสปอร์ตเต็มพิกัด โดยเฉพาะจมูกที่ใหญ่ มาพร้อมล้อขอบ 20 นิ้ว ที่ให้ความลงตัว ใต้ฝากระโปรง เราได้รับการยืนยันแล้วว่า รถสปอร์ตคันใหม่จากค่ายรถยนต์ตราพัดฟ้าจะมาพร้อมเครื่องยนต์ V8 ที่ให้พละกำลังมากกว่าเดิมผ่านเทอร์โบคู่ ให้พละกำลัง 552 แรงม้า ในขณะที่แรงบิดรีดได้ตั้งแต่ 383 ไปจนถึง 501 ฟุตปอนด์ ให้อัตราเร่ง 0- 100 ในเวลาเพียง 4.4 วินาที และครั้งนี้ยังมาพร้อมระบบส่งกำลังคลัทช์คู่ ที่ลดการสูญเสียกำลังในการขับขี่ อย่างไรก็ดี ในเรื่องราคาจำหน่ายนั้น มีรายงานว่า BMW ตั้งราคาสปอร์ตคาร์ตัวเจ็บไว้ที่ 100,000 ยูโร หรือประมาณ 4.4 ล้านบาท ในขณะที่บ้านเรายังไม่มีการกำหนดราคาอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าน่าจะมีค่าตัวระดับ 8- 10 ล้านบาทเลยทีเดียว BMW M5 นั้นเป็นสปอร์ตคาร์เจ้าตำนาน ที่ได้รับการกล่าวถึงอย่างมาก ก่อนหน้านี้มันเป็นรถซีดานกลางธรรมดาที่จับมายัดเครื่องสปอร์ตแต่กลับถูกใจ ลูกค้า จนสร้างชื่อเสียงอย่างมาก และเป็นต้นกำเนิด BMW M3 ที่ได้รับความนิยมเช่นกัน การกลับมา ของ M5 นั้นได้รับการเฝ้ารอหลังมีการเปลี่ยนโครงสร้างตัวถังใหม่หมดจด ที่ทำให้รถรุ่นนี้หน้ามอง และทันสมัย ซึ่งในรุ่น Serie3 กำลังจะตามออกมาในเร็วๆนี้ New! BMW M5 New! BMW M5 New! BMW M5 New! BMW M5 New! BMW M5 New! BMW M5 New! BMW M5 New! BMW M5 New! BMW M5 New! BMW M5 New! BMW M5 New! BMW M5 New! BMW M5 New! BMW M5 New! BMW M5 New! BMW M5 New! BMW M5 New! BMW M5 New! BMW M5 New! BMW M5 New! BMW M5 New! BMW M5 New! BMW M5 New! BMW M5 New! BMW M5 New! BMW M5 New! BMW M5 New! BMW M5 New! BMW M5 New! BMW M5 New! BMW M5 New! BMW M5 New! BMW M5 New! BMW M5 New! BMW M5 New! BMW M5   Create Date : 16 มิถุนายน 2554     0 comment Last Update : 16 มิถุนายน 2554 19:38:35 น.     Counter : 1182 Pageviews.   Share Tweet