Paksabuy Pantip
|
|||
Chubu ต้องไปถึงจะรู้
เคยมีคำถามในใจมั้ยฮะ จะไปญี่ปุ่น กูจะไปเมืองไหนดีหว่า ? ก่อนจะไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น เรามาทำความรู้จัก ประเทศญี่ปุ่นกันก่อนสักนิดดีกว่า ญี่ปุ่นก็ถูกแบ่งเป็นภูมิภาคเหมือนประเทศไทยเรานี่แหละฮะ โดยจะถูกแบ่งเป็น 8 ส่วน HOKKAIDO TOHOKU KANTO CHUBU KANSAI CHUGOKU SHIKOKU KYOSHU (ไล่ลงมาจากทางเหนือ) โดยแต่ล่ะภูมิภาคก็มี ภูมิประเทศ อาหาร และประเพณี ที่น่าสนใจต่างกันไป ภูมิภาคแทบทั้งหมด เชื่อมกันด้วย รถไฟชินคังเซนฮะ เพราะฉะนั้นถ้าใครมี JR Pass ใหญ่ เพียงใบเดียว เราก็สามารถเที่ยวได้ทั่วประเทศญี่ปุ่นด้วยรถไฟชินคังเซนแบบไม่จำกัดครั้งในการขึ้นแล้วล่ะ HOKKAIDO ภูมิภาคที่ขึ้นชื่อเรื่องขนม นม เนย อาหารทะเลสดๆ และ อากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี ถึงแม้จะอยู่ในหน้าร้อนอุณหภูมิที่นี่ก็จะอยู่ที่ประมาณ 20 นิดๆเท่านั้น TOHOKU ภูมิภาคที่เด่นเรื่องธรรมชาติ ความเป็นอยู่แบบสมัยก่อน หลายๆที่ยังคงดำเนินชีวิตและ ขนบประเพณีแบบโบราณอยู่ KANTO ภูมิภาคที่เป็นที่ตั้งของเมืองหลวง ความเจริญสูงสุดจึงอยู่ที่ภูมิภาคแห่งนี้ CHUBU ภูมิภาคที่เด่นเรื่องความหลากหลายทางธรรมชาติ และแถมยังเป็นภูมิภาคที่อยู่ตรงกลางของญี่ปุ่นพอดี สำหรับผม ภูมิภาคนี้ถือเป็นชัยภูมิที่ดีมากเมื่อเราจะวางแผน เที่ยว KANTO KANSAI และ CHUBU KANSAI ภูมิภาคที่เด่น เรื่องความหลากหลายทางวัฒนธรรม และสถานที่ท่องเที่ยว น่าจะเป็นภูมิภาคที่มี มรดกโลกตั้งอยู่เยอะที่สุดแล้วในประเทศญี่ปุ่น มีเมืองเด่น เรื่องการท่องเที่ยวมากมายกระจุกอยู่ที่ภูมิภาคนี้ CHUGOKU ภูมิภาคที่เด่น เรื่องความงดงามทางภูมิประเทศที่ไม่เหมือนใคร ถือ เป็นภูมิภาคเดียวในญี่ปุ่น ที่มีทะเลทรายอยู่ฮะ SHIKOKU ภูมิภาคที่ถือว่าเป็นเกาะที่เล็กที่สุดใน 4 เกาะหลัก มีความเงียบสงบและยังคงบรรยากาศแบบธรรมชาติไว้ได้โดยที่ไม่ถูกกลืนโดยวัฒนธรรมสมัยใหม่ KYOSHU ภูมิภาคที่เด่นในเรื่องความหลากหลายด้านเรื่องการท่องเที่ยว ธรรมชาติที่งดงาม ชีวิตที่ดูจะสโลไลฟ์ ( ยกเว้นฟูกุโอกะ) และ น้ำพุร้อน คนไทยรู้จักและไปเที่ยวภูมิภาคกันเยอะ เพราะมักมีโปรตั๋วเรือบินถูกๆบินตรงไปที่นี่ วันนี้ผมขอเลือกจะแนะนำถึงภูมิภาคนี้กันฮะ CHUBU ทำมั้ยต้องไป CHUBU ? จุดเด่นของภูมิภาคนี้ก็คือ ถึงแม้ทั้ง 9 จังหวัด จะอยู่ในภูมิภาคเดียวกัน แต่ก็มีลักษณะภูมิประเทศและภูมิอากาศ รวมไปถึงวัฒนธรรมท้องถิ่นที่แตกต่างกัน โดย 4 จังหวัดชายฝั่งทะเลญี่ปุ่น อันได้แก่ นีงะตะ โทะยะมะ อิชิกะวะ และฟุกุอิ เป็นเทือกเขาและที่ราบชายฝั่งทะเล มีหิมะตกหนักในฤดูหนาว แต่ระยะเวลาสั้นกว่าภูมิภาคโทโฮะกุและฮอกไกโด ฤดูร้อนอากาศร้อนชื้นและเย็นสบายในฤดูใบไม้ผลิ พื้นที่ราบในเขตนี้มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคชูบุ และเป็นแหล่งปลูกข้าวที่มีคุณภาพแห่งหนึ่ง นอกจากนี้ ผมเชื่อว่าคนไทยเราคงไม่ได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นปีนึงกันหลายๆรอบได้เหมือนไป หัวหินใช่มั้ยฮะ ไปแล้วทั้งทีก็อยากจะเก็บแลนด์มาร์กหลายๆที่ให้ครบ บางคนอยากไปโตเกียว(คันโต) บางคนอยากไปโอซาก้า(คันไซ) บางคนอยากไปเกียวโต(คันไซ) อยากไปมันหลายที่เลย ตัดสินใจไม่ถูกเลย จะไปไหนดีว่ะ แล้วทำมั้ยต้องเลือกกันล่ะฮะ ถ้าเราสามารถเที่ยวได้ทั้ง คันไซ คันโต แถม ชุบุให้ด้วยอีกหนึ่งด้วย เพราะ ภูมิภาคนี้ถือเป็นชัยภูมิที่ดีมากเมื่อเราจะวางแผน เที่ยว KANTO KANSAI และ CHUBU ด้วยซินคังเซน จากนาโกย่าไป โตเกียวใช้เวลาเพียง 1.30 ชั่วโมง ด้วยซินคังเซน จากนาโกย่าไป โยโกฮาม่า ใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง ด้วยซินคังเซน จากนาโกย่าไป เกียวโต ใช้เวลาเพียง 45 นาที ด้วยซินคังเซน จากนาโกย่าไป โอซาก้า ใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง ด้วยซินคังเซน จากนาโกย่าไป ฮิเมะจิ ใช้เวลาเพียง 1.45 ชั่วโมง ด้วยซินคังเซน จากนาโกย่าไป ทาคายาม่า ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมง ด้วยรถไฟขบวนพิเศษ เห็นมั้ยฮะ เราสามารถไปเที่ยวได้หลายที่มากๆๆๆ เมื่อใช้นาโกย่าเป็นฮับ และเมื่อเรามี JR Pass ใหญ่ เพียงใบเดียว เราก็แทบไม่ต้องจ่ายค่ารถไฟอะไรเพิ่มอีกเลย เรามาทำความรู้จัก Chubu กันให้มากกว่านี้จะดีมั้ย Chubu ประกอบไปด้วย 9 จังหวัด คือ กิฟุ ชิซูโอกะ ไอชิ นะงะโนะ นีงะตะ โทยะมะ ยะมานะชิ อิชิกาวะ เออ.....ข้อมูลเริ่มเยอะ เริ่มจำกันไม่ไหวล่ะ มึนมั้ยฮะ ผมก็มึนนะ พอดีกว่า เอาเป็นว่า ใน 9 จังหวัดนี้ ผมขอดึงจังหวัดที่เป็นหัวใจแห่งภูมิภาคนี้มาพูดถึงเลยดีกว่า ไอชิ เมืองแรกที่เราต้องทำความรู้จักของจังหวัดไอชินี้คือ นาโกย่า นาโกย่าเปรียบเสมือนเมืองหลวงของจังหวัดและเมืองหลวงของภูมิภาคแห่งนี้ฮะ มีเส้นทางบินตรงจาก กทม แบบ ฟูลเซอร์วิทก็ราคาสวยๆ หมื่นต้นๆ ถมไป ( โหลดเป๋าฟรี 30 โล + อาหาร ) บินเที่ยงคืน ถึงเช้าเที่ยวเลย มีเยอะไป ส่วนใหญ่จากเมืองไทยเราจะมาภูมิภาคนี้ ก็จะผ่าน นาโกย่ากันก่อน เพราะฉะนั้นเรามาทำความรู้จักนาโกย่ากันก่อนเถอะ สนามบินนานาชาติชูบู เซ็น แทรร์ นาโกย่า ( Chubu Centrair International Airport ) ขอรีวิวตั้งแต่สนามบินเลยนะฮะ เพราะมันคือก้าวแรกที่คุณจะเหยียบภูมิภาคนี้ และ สนามบินนี้ก็มีดีจนต้องเอ่ยปากชมกันเลยล่ะฮะ ไม่ว่าจะด้วยเรื่องร้านอาหาร ที่รวมร้านดังๆเกือบทั้งเมืองนาโกย่ามาไว้ที่สนามบินแห่่งนี้ หรือจะเป็นห้าง Aeon mall+Outlet ที่เดินทางฟรีจากสนามบินไปได้ด้วยเวลา เพียง 10 นาที เท่านั้น จุดนี้ชื่อว่า Sky Deck เป็นจุดรับลมริมทะเล ชมเครื่องบิน บินไปบินมา ต่อจาก Sky Deck จุดนี้จะเป็นจุดรวมร้านอาหารดังๆ (ซึ่งเรียกว่าดังเทพจริงจัง) ของเมืองนาโกย่าไว้หลายร้านเลย เรียกว่าแทบไม่ต้องตระเวนออกไปหาร้านอร่อยให้เมื่อยในเมืองกินที่ๆเดียวจบครับ หมูทอดซอสมิโซะ ยาบะตง คงไม่ต้องบอกว่าดังขนาดไหนมีสาขาในเมืองไทยด้วย นอกจากนี้ยังมีร้านหมูทอด วาโกะอีกด้วยฮะ (ร้านนี้ก็ดังนะ หมูทอดวาโกะ มีสาขาในไทยด้วยเช่นกัน) ไก่ทอดยามะจัง อันนี้คือ ดังจนจะกลายเป็นอาหารประจำเมืองอยู่ล่ะ สาขาในไทยก็มีฮะ กุ้งทอด มารุฮะฮอนคัน เป็นร้านที่ผมแนะนำอยากให้ทานฮะ เป็นร้านดังอีกร้านของเมืองนาโกย่า กุ้งทอดถือเป็นอาหารขึ้นชื่ออีกอย่างของเมืองนี้ ลองแล้วจะรู้เลยฮะ ว่าอร่อยต่างจากเมืองอื่นจริงๆ โดยเฉพาะร้านนี้อร่อยเทพมาก ไต้หวันราเมน ราเมนประจำเมืองนากโกย่า ราเมนชนิดนี้มีต้นกำเนิดมาจากเมืองนี้นี่แหละฮะ (ที่ไต้หวันไม่มีกินนะฮะ เหมือนว่าที่ได้ชื่อนี้เพราะคนไต้หวันที่มาเปิดร้านที่เมืองนี้คิดค้นสูตรขึ้นมา) เมนูนี้จะเป็นราเมนรสเผ็ดร้อน ที่มีหมูสับเป็นส่วนผสมหลัก ) ราเมงแคลต่ำ Mentatsu อีอันนี้อร่อยมากกกกก กินทุกครั้งทีแวะสนามบินนี้เลย กราบบบบ นอกจากร้านดังก็ยังมีอีกหลายๆร้านที่อร่อยไม่แพ้ร้านดังๆเลยนะฮะ แล้วแต่คนชอบอยากจะลองอะไร นอกจากนี้ แม้กระมั้งยังมี ออนเซ็นในสนามบินนี้ ด้วยฮะ ใครฝากกระเป๋าแล้วไม่รู้จะไปไหนมาแช่ออนเซ็นก็ได้ฮะ หรือว่าลงเครื่องมาแล้วอยากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก็มาแช่ออนเซ้นที่นี่เอาฮะ พูดถึงเรื่องฝากเป๋า บอกเลยเรื่องนี้ก็ดีงามมากกกกกกก ส่วนใต้บันไดทางขึ้น Sky Deck ก็มีที่ฝากเป๋าฮะ จะฝากเป๋ากี่ใบก็ได้ใน 1 รถเข็น 500 เยนเท่านั้น เรียกว่าเดินตัวปลิวสบ้ายสบาย ผมฝากเอาไว้สำหรับ เวลาเราหนีไปเที่ยวห้างอีออนฮะ 555555 จากแผนที่จะเห็นได้ว่าตรงลานที่มีคำว่า แอสเซส พลาซ่า จะมีฝั่งนึงไปขึ้นรถไฟเข้าเมือง และอีกฝั่งจะเป็นทางไปขึ้นรถบัส เราต้องมาทางฝั่งรสบัสนี่แหละฮะ ป้ายรถเมล์ที่ 9 จะมีชัตเตอร์บัสไปห้างAeon mallฟรีฮะ ใช้เวลาเดินทางแค่ 10 นาทีเท่านั้น มีรับส่งทั้งไปและกลับเลยนะฮะ ส่วนห้างอีออนสาขานี้พิเศษกว่าห้าง Aeon mall ทั่วไป เพราะมีเอาเล็ทประกบเข้าไปด้วย ในตัวห้างจะแบ่งเป็นชอปปิ้งมอล + Aeon Style ป.ล.ใครตามหาสาวน้อยเกาะแก้วฟูจิโกะอาบน้ำ หาได้จากที่นี่นะฮะ จะอยู่ที่ร้านขายของฝากประจำเมือง แถมยังมีโซนรวมร้านอาหารขนาดใหญ่เวอร์วัง อีกด้วย แนะนำร้านสเต็กเนื้อ ที่ชั่งเป็นกรัมน่ากินมากกกกกกกกก นอกจากโซนรวมร้านอาหารขนาดใหญ่นั้น ก็ยังมีฟู้ดคอร์ทด้วยฮะ จากสนามบินชูบู เซ็น แทรร์ นาโกย่า จะเดินทางเข้าเมืองนาโกย่ายังไง ? จากแผนที่นี้จะเห็นว่า ตรงคำว่า แอสเซสพลาซ่า จะมี รูปสถานีรถไฟอยู่ด้านล่าง เราเข้าเมืองด้วยวิธีนี้แหละฮะ รถไฟฟ้าต่อเดียวถึง ราคาตั๋วต่อเที่ยวจะตกประมาณ 890 เยน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง เราควรพักย่านไหนดี ในนาโกย่า ? เป็นคำถามที่ดีมาก ใครถามให้ 10 คะแนน Nagoya Station ถ้าเราเลือกที่จะใช้นาโกย่าเป็นแค่ที่หลับที่นอนแล้วออกไปเที่ยวเมืองอื่นๆเป็นหลัก เราควรนอนใกล้ๆสถานีนาโกย่าเลยฮะ เพราะสถานีนี้เป็นสถานีเดียวในนาโกย่าที่รถไฟชินคังเซนผ่านฮะ จะไปต่างเมืองเวลาไหนก็สะดวก ข้อเสียหลักคือ ที่พักแถวนี้ราคาแอบแพงอยู่ฮะ Sakae ถ้าเราเน้นชอปปิ้ง อยากอยู่ย่านคึกคักที่สุดของเมืองนาโกย่า ฟีลลิ่งเหมือน อยากนอนสยามบ้านเรา แนะนำให้นอน ย่าน Sakae ฮะ เพราะย่านนี้จะเหมือนสยามบ้านเรามีห้างต่อกัน 5-6 ห้าง ร้านอาหารมากมาย แหล่งท่องเที่ยวยามราตรีก็มี ร้านของฝากดองกี้ก็อยู่ที่ย่านนี้เช่นกัน จากย่าน Sakae เราสามารถ เดินเท้าไปย่านช้อปปิ้งอาเขต (เหมือนสำเพ็งบ้านเรา) OSu ได้ด้วย โรงแรมที่เคยพักในย่านนี้ sun hotel nishiki ทำเลอยู่ในย่านโลกี พอดี้พอดี อาจรำคาญกับการโดนชวนเข้าบาร์ตอนกลับที่พักสักนิดนึง ห้องเล็กมาก แต่ก็อยู่สบาย ราคาถูกมากกกเมื่อเทียบกับทำเล ไม่มีอาหารเช้าให้ ทำเลดีมากกกก พนักงานน่ารัก ช่วยเหลือดีมาก International Hotel Nagoya อยู่เยื้องๆกับดองกิโฮเต้ ใกล้ๆกับชิงช้าสวรรค์ ทำเลดีมากกก อาหารเช้าดีมากกกก ห้องโอเค พนักงานน่ารัก ช่วยเหลือดีมาก และราคาแพงมากกกก Marunouchi ถ้าอยากอยู่แบบเงียบสงบ ไม่เน้นพลุกพล่าน แต่ก็ไม่อยากไกลย่านความเจริญ แนะนำย่าน marunouchi ย่านนี้จะห่างสถานี นาโกย่าเพียง 2 สถานี ห่างย่าน Sakae เพียง 2 สถานี เช่นกัน เป็นเหมือนย่านออฟฟิต ทำงาน เวลากลางวัน สถานที่ท่องเที่ยวที่ใกล้ย่านนี้คือ ปราสาทนาโกย่า สามารถเดินไปได้จากสถานีนี้เพียง 10 นาที เท่านั้น โรงแรมที่เคยพักในย่านนี้ 123 Nagoya ห้องโอเค อาหารเช้าโอเค ราคาไม่แพง พนักงานน่ารัก ช่วยเหลือดีมาก Wing Hotel ทำเลดีกว่า 123 Nagoya นิดหน่อยเพราะอยู่ตรง 4 แยกพอดี ห้องโอเค อาหารเช้าดีมากกกกกกก ดีกว่า 123 Nagoya เยอะ พนักงานน่ารัก ช่วยเหลือดีมาก ราคาไม่แพงมาก เรื่องชอปปิ้ง สำหรับสาวๆเรื่องชอปปิ้งคงมาทีหนึ่ง นาจาาาาาาา.... Sakae ย่านนี้ย่านเดียวเดินได้ทั้งวันฮะ เอาง่ายๆเลยนะฮะ ย่าน Sakae คือย่าน สยามบ้านเรา กินซ่า ของโตเกียว อุเมดะ ของโอซาก้า นั้นแหละฮะ เดินไปกันนะ 5-6 ห้าง ยังไม่รวมช้อปแบรนด์แนมมากมายอีกหลายช้อป ส่วนใครจะซื้อของฝาก ร้านของฝากสารพัดสิ่ง ดองกิโอเต้ รอทุกท่านอยู่ตรง 4 แยกใหญ่ ฮะ ใครอยากได้เสื้อผ้า Uniqlo Gu ตรงเข้าห้าง Mizuho เลยฮะ ใครสนใจคอลเล็คชั่นลดราคาของ GAP / OLD NAVY มีช้อปใหญ่ อยู่ริมถนนเลยฮะ ใครอยากได้ สินค้า 100 เยนไปฝาก ลุกหลาน เพื่อนๆ ทีออฟฟิต แนะนำ ไดโซะ สาขาห้างมิซุโฮะฮะ ใหญ่โตเหมาชั้นไปเลย มีทุกอย่างในราคาเริ่มต้นที่ 100 เยน ใครสนใจสินค้ามือสอง คุณภาพดี ราคาโดนใจ เชิญที่ร้าน Jumble Store ริมถนน ตรงข้ามห้าง Parco เลยฮะ ใครอยากได้ coach gucci ฯลฯ ก็แถวนี้ล่ะฮะ เดินกันให้เพลินไปเลย เดินกันให้มันไปฮะ เดินไปจนสุดทางอีกสี่แยกนึง สุดแล้วอย่างเพิ่งถอยหลังกลับฮะ เพราะเราจะไปช้อปกันต่อที่ ย่าน โอซุ สถานีรถไฟ โอซุ คานอน Osu ย่านนี้ถ้าจะให้เปรียบ ก็เหมือนสำเพ็ง คลองถม บ้านเรา หรือชินไซบาชิของโอซาก้า ฮะ เข้าใจกันเลยเนอะว่าคืออะไร เมื่อเราเดินจนสุดถนนย่าน sakae เราก็ข้ามถนนใหญ่ ไปฮะ เดินไปสัก 5-7 นาที เราจะเจอย่านการค้า อยู่ทางซ้ายมือฮะ ย่านนี้มีอะไรน่าสนใจบ้างงงง ? **** ร้านซุปเปอร์มาเก็ต ราคาถูกสุดๆ ขนม ข้าวกล่อง น้ำ นม แนะนำให้ชื้อที่นี่เลยฮะ ข้าวกล่องเริ่มที่ 200 กว่าเยน เอง ถูกมากกกกกกกกกก ทำใหม่ๆด้วย วันไหนผมอยากเซฟเงินก็จะแวะที่นี่ล่ะฮะ 1000 เยนกินได้ทั้งวันเลยฮะ เครื่องสำอางค์ ร้านยา ร้านขนมของฝาก ก็ถูกได้โลว์อยู่นะ แนะนำร้านนี้ฮะ ถูกกว่าดองกี้หลายอยู่นะ มีห้างของมือ 2 komehyo ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่นอยู่ฮะ จะมีอยู่ด้วยกัน 3 ตึก ตึกใหญ่สุดมี 7-8 ชั้นเลยฮะ นอกจากนี้แถวนี้จะมีร้านเสื้อผ้ามือสองหลายร่้านเลยฮะ ร้าน 100 เยน Seria อันนี้ผมชอบมากกกก ของดูดีเกินราคาหลายอย่าง เทียบกับไดโซะ ของดูมีคุณภาพกว่าฮะ นอกจากนี้ยังมีร้านร้องเท้า แฟชั่น ต่างๆ มากมาย อ้อๆๆๆ ย่านนี้กระเป๋าเป๋าอเนโละก็ถูกมากกกกด้วย เรื่องกินนาโกย่าไม่เป็นสองรองที่ไหน..... นาโกย่าถือว่าเป็นเมืองที่มีของกินมากมาย อร่อย ไม่เป็น 2 รองเมืองไหน ใครจะมาเพื่อกิน ผมเชื่อได้เลยว่าว่ามีฟินแน่ๆ อาหารส่วนใหญ่ของเมืองนาโกย่าจะเน้นไปที่ของหนักนะฮะ ข้าวหน้าปลาไหล อยากกินข้าวหน้าปลาไหลให้อร่อยต้องกินที่ นาโกย่าฮะ เรียกว่าเป็นเมนูไม้ตายของ เมือง ก็คงไม่ผิด ร้านดังที่ต้องกินให้ได้ ย้ำและขีดเส้นใต้ 3 เส้น ร้านอื่นแทนกันไม่ได้นะฮะ คือ ร้าน Horaiken ปลาไหลที่นี่ย่างได้ดีมากกกก ไม่มีก้างเลยฮะ หอมนุ่ม ผิดกับร้านอื่นๆแบบฟ้ากับเหว เมนูที่ แนะนำให้ลองคือ Hitsumabushi เป็นข้าวหน้าปลาไหลที่เสริฟพร้อมเครื่องเคียง มีวิธีกินด้วยกัน 3 อย่าง 1 กินแบบไม่ปรุงอะไรเลย 2 กินโดยใส่เครื่องเคียง 3 กินโดยใส่น้ำซุป เหมือนกินข้าวต้ม สาขาที่ผมว่ากินได้สะดวกสุดคือ สาขาห้าง Matzusakaya ชั้น 10 ย่าน Sakae ป.ล. อย่าไปเสาร์อาทิตยื คิวยาวมากกกกกกกกกกกก ร้านเปิด 11 โมง มีคิวริตั้งแต่ ห้างเปิดแล้วฮะ หมูทอดซอสมิโซะ ร้านดังของเมืองนาโกย่า คือร้าน ยาบะตง (Yabaton) ร้านนี้มีสาขาในไทยด้วย อย่างที่เคยบอกไปบ่อยๆ ถ้าร้านไหนในญี่ปุ่นขายอย่างเดียว ให้รีบโดดพุ่งใส่เลยฮะ เพราะเจ้าของร้านมั่นใจว่าของเขาดีจริงแน่นอน หมูทอดร้านนี้กรอบนอกนุ่มในชุ่มฉ่ำมากกกกก ตัวซอสมิโซะหอม เค็ม มัน อร่อยมาก เมนููที่ดังเป็นตัวกระทะร้อนฮะ แนะนำให้ไปชมที่เวป //www.yabatonthailand.com กันก่อนว่ามีอะไรน่ากินบ้าง ป.ล. จำสัญลักษณ์หมูซูโม่ให้ดี ถ้าจะกินร้าน ยาบะตง (Yabaton) จากแผนที่ๆให้มาจะเห็นว่ามีกระจายตัวอยู่ทั่่วเมืองนาโกย่าเลย สาขาที่ผมว่ากินได้สะดวกสุดคือ สาขาสนามบิน / สาขาสถานีรถไฟนาโกย่า / สาขาห้าง Matzusakaya ชั้น 10 ย่าน Sakae / สาขาที่ 4 กลางสี่แยก สิ้นสุดย่าน Sakae กุ้งทอดเอะบิฟราย กุ้งชุดเกล็ดขนมปังทอกถือเป็นของขึ้นชื่อของเมืองนี้อีกอย่าง เราสามารถพบเจอ เมนูนี้ได้จากหลายๆร้าน แต่ร้านที่จะแนะนำชื่อร้าน มารุฮะ ฮอนคังฮะ ร้านนี้เป็นร้านเก่าแก่ของนาโกย่า ตอนนี้มีหลายสาขาอยู่ฮะ ที่เลือกให้ชิมร้านนี้เพราะว่ากุ้งที่นี่ตัวใหญ่ สด เหมือนมีบ่อกุ้งในร้าน (เอาจริงก็มีตู้เลี้ยงกุ้งนั้นแหละฮะ) และราคาไม่แพงมาก คุ้มกับเงินที่จ่ายไป สาขาที่ผมว่ากินได้สะดวกสุดคือ สาขาสนามบิน / สาขาห้าง La chic ชั้น 8 ทางเดินไปห้องน้ำ ปีกไก่ทอดเทบะซากิ อันนี้ก็ดังมากกกกก มากซะจนจะกลายเป็นอาหารประจำเมืองไปล่ะ ปีกไก่หมักทอดกรอบโรยงา รสชาติเค็มๆมันๆหอมๆ เป็นอาหารประจำร้านเหล้าของเมืองนี้เลยฮะ ถือเป็นของขึ้นชื่อของเมืองนี้ไปแล้วก็ว่าได้ เพราะดังขนาดมีมันฝรั่งรส ปีกไก่ทอดเทบะซากิ ด้วย ร้านดังๆของเมืองนาโกย่าที่จะแนะนำ มีอยู่ด้วยกัน 2 ร้าน ใครอยากได้ลายแทง เชิญทางนี้ฮะ //www.nagoya-info.jp/th/eat/tebasaki/ ร้านแรกชื่อยามะจัง มีสาขาในไทยด้วย ร้านนี้มีสาขามากมาย ทั่วเมืองเลย ที่สนามบินก็มีฮะ ใครอยากชิม จำหน้าตานี่ในชุดไก่ไว้ให้ดีฮะ ส่วนอีกร้านชื่อ Furaibo เขาว่าร้านนี้มาก่อน ยามะจังนะ แต่ ยามะจังมาทีหลังแต่เจือกดังกว่า ด้านรสชาติไม่เหนีกันเท่าไหร่ฮะ ถามคนนาโกย่าเขาว่าร้านไหนดังกว่า เขาก็ตอบว่า พอๆกันนะ แต่เหมือนฟูไรโบจะอร่อยกว่าหรือเปล่า หน้าตาป้ายร้านเป็นเยี่ยงนี้ สาขาหลักๆจะอยู่ที่สถานีรถไฟ นาโกย่าฮะ ข้าวปั้นหน้ากุ้งทอด ถือเป็นของอีกอย่างที่ชาวยาโกย่าภูมิใจ ถือเป็นของอร่อยของเมืองนาโกย่าอีกอย่าง ซึ่งผมก็แปลกใจนะ เพราะมันเทียบความอร่อยกับอย่างอื่นแล้ว เมนูนี้สอบตกฮะ รสมันจะเป็นเหมือนข้าวจืดๆ กินกับกุ้งชุบแป้งทอดเโรยเกลือ รสชาติเบสิคมากกก กินได้นะ แต่ไม่ได้อร่อยอะไร หากินได้ทั้งเมืองฮะ สั่งตามร้านเหล้าก็มีขายฮะ บะหมี่คิชิเม็ง บะหมี่ขึ้นชื่อของเมืองนาโกย่าที่ ที่มีแบบทั้งร้อนทั้งเย็น ลักษณะจะเป็นเส้นแบนๆ อร่อยดีฮะ ไต้หวันราเมน ราเมนประจำเมืองนากโกย่า ราเมนชนิดนี้มีต้นกำเนิดมาจากเมืองนี้นี่แหละฮะ (ที่ไต้หวันไม่มีกินนะฮะ เหมือนว่าที่ได้ชื่อนี้เพราะคนไต้หวันที่มาเปิดร้านที่เมืองนี้คิดค้นสูตรขึ้นมา) เมนูนี้จะเป็นราเมนรสเผ็ดร้อน ที่มีหมูสับเป็นส่วนผสมหลัก ) ขนมปังหน้าแยมถั่วแดง อาหารเช้าของเมืองนาโกย่า มื้อเช้าของชาวนาโกย่ามักกินขนมปังปิ้งกับแยมถั่วแดงฮะ ใครพักในเมืองนาโกย่าก็จะเจอ แยมถั่วแดงในไลน์อาหารเช้าเสมอๆ โอ้ยยยยย มีอีกหลายอย่าง แนะนำว่าเข้าไปอ่านต่อที่นี่นะฮะ //www.nagoya-info.jp/th/eat/ เพราะผมก็ยังกินมาไม่ครบเบยยยยยยย เยอะมากกกก เมืองอะไรเนี้ย อยู่ 2 อาทิตย์กินวนไปไม่ซ้ำยังไม่ครบเลย นอกจากนี้จะมี พวกเบนโตะเซ็ตของร้านอาหารบางร้านที่รวมของดีเมืองนาโกย่าไว้ด้วยกัน อย่างอันนี้มี 4 อย่าง คือ หมูทอดซอสมิโซะ ข้าวหน้าปลาไหล ข้าวปั้นหน้ากุ้งทอด และ บะหมี่คิชิเม็ง อันนี้ต้องหาดูตามร้านอาหารต่างๆ อันนี้ผมทานที่เมืองโอคาซากิ เรื่องท่องเที่ยว นาโกย่าถือเป็น รองเมืองท่องเที่ยวเมืองอื่นๆฮะ เอาจริงๆ หลักๆผมเห็นก็มีแค่ 2 ที่เองนะถ้าเป็นในตัวเมือง 1 ปราสาทนาโกย่า ถ้าถามว่าปราสาทไหนในประเทศ ป.ล. เมืองนาโกย่าจึงเลือกใช้ คินชะจิทองคำ เป็นสัญลักษณ์ของเมืองฮะ การเดินทางก็ไม่ยาก ลงที่สถานี Maruno-Uchi แล้วเดินต่อมาอีกประมาณ 7 นาทีฮะ 2 นาโกยาทีวีทาวเวอร์ บริเวณโซนนี้เอาจริงๆแล้วก็รวมอยู่ในโซนย่าน Sakae ฮะ ใครแวะมาช้อปปิ้งแล้วก่อนกลับแวะถ่ายาพแชะๆๆกันได้ฮะ ช่วงกลางวันกับกลางคืนค่อนข้างต่างกันมาก แนะนำมาช่วงกลางคืนฮะ รับประกันความงดงามแน่นอน ตอนต่อไป ผมจะพาเพื่อนๆไปออกไปเที่ยวรอบๆนาโกย่า โดยใช้รถไฟกันนะฮะ รอบๆเมืองนาโกย่าก็มีหลายๆเมืองน่าสนใจอยู่มากมาย มีตั้งแต่ใช้เวลาเดินทางเพียงครึ่งชั่วโมงเองฮะ ไว้เรามาดูกันนะฮะ Next Station...Iwakura ดินแดนแห่งซากุระ พันต้น .... รีวิว ชูบุ ตอนที่ 2 ถ้าคุณเจอเหตุการณ์อย่างนี้คุณจะทำยังไงกับสายการบินฮ่องกงแอร์ไลน์ฮะ?
ถ้าคุณเจอเหตุการณ์อย่างนี้คุณจะทำยังไงกับสายการบินฮ่องกงแอร์ไลน์ฮะ?
ผมซื้อตั๋วโปร ไปกลับ กรุงเทพ -คุมาโมโตะ ด้วยสายการบินฮ่องกงแอร์ไลน์ ราคาค่าตั๋วน่าจะประมาณไปกลับ 6000 บาท ตามที่ผมเข้าใจ สายการบินนี้บริการ เป็นฟูลเซอร์วิท ใช่มั้ยครับ ผมยอมรับว่าตอนขาไปผมไม่มีอะไรติดค้างใจกับสายการบินนี้ อาจมีเลทบ้าง สายบ้าง ตามอัตภาพของสายการบินนี้ ซึ่งผมทำใจไว้ อยู่แล้ว แต่เรื่องมันเกิดตอนขากลับครับ เรื่องมันมีอยู่ว่า ผมต้องเดินทางกลับจาก คุมาโมโตะ มากรุงเทพฯโดยการแวะหยุดพักที่สนามบินฮ่องกง ประมาณ 2-3 ชั่วโมง แต่มันไม่เป็นตามนั้นครับ ความวินาศมันเริ่มจาก บ่ายวันที่ วันที่ 29 มกราคม 2016 วันนั้นเป็นวันที่พายุเข้าครับ ฝนตกหยุมหยิมทั้งวัน ผมมีนัดขึ้นเครื่องกับ ฮ่องกงแอร์ไลน์ ตอน ประมาณบ่ายสี่ สิ่งที่ไม่คาดคิดคือ หมอกลงจัดครับที่สนามบินคุมาโมโต้ จนไม่สามารถขึ้นบินได้ ทางสายการบินบอกให้รอดูก่อน จน 6 โมงเย็นก็ยังบินไม่ได้อยู่ดี สิ่งที่สายการบินเสนอมาให้คือ น้ำชาคนล่ะขวด และบอกว่าวันนี้เราไม่สามารถบินได้เพราะหมอกลงจัดมากเกินไป เรายังไม่มีกำหนดการบินใหม่ เราจะพาทุกคนไปโรงแรมกันก่อน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที ผมเข้าใจสายการบินนะครับ ซึ่งก็คือเรื่องเหนือการคำนวน ดูผู้โดยสารทั้งหมดรวมถึงตัวผมก็เข้าใจและยอมรับได้ มาครับ มาดูกันต่อเกิดอะไรขึ้น 1 ทางสายการบินฮ่องกงแอร์ไลน์ หารถบัส และจองโรงแรม รูท อินท์ คุมาโมโตะ ให้แขกทั้งหมดเข้าพักในคืนนั้น โดยไม่มีอาหารเย็น หรือ อาหารใดๆอะไรให้เลยนอกจาก น้ำชา 1 ขวด คุณรู้มั้ยครับ ว่าผู้โดยสาร ต้องเดินทางมาตั้งแต่ บ่ายโมงเพื่อมาเช็คอินขึ้นเครื่อง จากเวลานั้นจนเกิดปัญหา และลามถึงเข้าไปโรงแรมมันเป็นเวลาเกือบ 7-8 ชั่วโมง ที่ผู้โดยสารไม่มีอะไรทานเลย และที่สนามบินก็มีตู้น้ำให้กดแค่ 1 ตู้เท่านั้น แต่เหมือนทางฮ่องกงแอร์ไลน์จะไม่ได้สนใจในจุดนี้ แต่ไม่เป็นไรฮะ ข้างๆโรงแรมมีห้างอีออนอยู่ สองทุ่มพอดีผมเดินไปกินของลดราคาก็ได้ พรุ่งนี้ค่อยกินข้าวเช้าโรงแรมตอน 6.30 ก็ได้ฮะ (ยังดีโรงแรมแถมอาหารเช้าให้นะฮะ) 2 ความวิบัติเริ่มตั้งแต่เวลาสี่ทุ่มของคืนนั้น เพราะเขามาแจ้งไฟท์ว่า เราจะบินกัน 9 โมงครึ่งในวันรุ่งขึ้น เราจะมารับพวกคุณ หกโมงเช้า ( โรงแรมอยู่ห่างจากสนามบินแค่ 25-30 นาทีเท่านั้น ) ซึ่ง หมายความว่าผมต้องตื่นตั้งแต่ตีห้าครึ่ง แถม ก็ไม่ได้กินข้าวเช้าด้วยใช่มั้ย T__T 3.เขามารับและพาพวกผมมาส่งถึงสนามบินประมาณ 6.30 น. และทิ้งพวกผมไว้ที่หน้าสนามบิน แต่สนามบินมันเปิด 7.00 น.หมายความว่าพวกผมต้องทานลมหนาวเป็นอาหารเช้า หน้าสนามบินเกือบครึ่งชั่วโมง (ช่วงนั้นอุณหภูมินน่าจะต่ำกว่า 10 องศานะ) และได้เช็คอินตอนเกือบ 8 โมงเช้าครับ โดยผมถามกลับไปว่า ผมจะได้ไฟท์กลับ กทม จาก ฮ่องกงกี่โมง ทางฮ่องกงบอกว่า ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ รอถึงฮ่องกงก่อนแล้วจะบอก (ฟังดูไม่น่าไว้ใจอย่างแรง) ป.ล. จากที่เข้าใจ เขาเอารถบัสมารับผมก่อนเพื่อใช้รถบัสคนเดียวกัน วนไปรับทัวร์จีนทีหลัง อาจเป็นเพราะผมเป็นชนกลุ่มน้อยกว่าและดูเป็นคนไทยที่ไม่ค่อยมีปากเสียง เขาถึงเลือกทำกับผมแบบนี้ใช่มั้ย 4.จำได้มั้ยฮะ ตั้งแต่เมื่อวานเย็นแล้ว ไม่มีข้าวเย็น เมื่อเช้าก็ไม่มีข้าวเช้า บนเครื่องคือความหวังเดียวที่ผมมี แต่เขาก็กลับเสริฟ แซนวิชหรือข้าวปั้น ของ 7-11 ให้พวกผมคนล่ะ 1 ชิ้น คือ หมายความว่าไงมิทราบ มันคือเกมส์การทรมาณผู้โดยสารใช่มั้ย ? 5.เมื่อมาถึงสนามบินฮ่องกงตอนเที่ยง สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอีก พวกเขาบอกผมว่า ไฟท์ฮ่องกงแอร์ไลน์ เต็มทั้งวัน เราไม่สามารถที่จะหาไฟท์กลับ กทม ให้คุณได้ คุณมีทางเลือกเดียวคือกลับกับสายการกินเคนย่าแอร์ตอน 3 ทุ่มครึ่ง เท่านั้น !!!!! 6.จุดพีคมันมาถึงตรงนี้แหละครับ ลากตรูมาตั้งแต่ตีห้าครึ่งเพื่อมาบอกว่าตรูว่าจะได้กลับ กทม ตอนสามทุ่มครึ่งเนี้ยะนะ แล้วจะให้ทำไงต่อ ทางเลือกมีให้หรือก็เปล่า ทางออกของปัญหานี้ทางฮ่องกงแอร์ไลน์แก้ได้งดงามประทับใจผมมากกกกกครับ คือถีบผมออกมาจากเกท พร้อมกระเป๋าสัมภาระทั้งหมด แล้วให้ไปเอาตัวรอดในสังคมฮ่องกงเอาเองโดยไม่ให้อะไรเลย เงินสักสลึง ก็ไม่มีให้ ข้าวสักคำก็เลี้ยง ถามว่ากระเป๋าให้ทำไง เขาก็บอกว่าก็ไปฝากเอาเองตรงโน้น แต่ออกค่าฝากเองนะ ทุ่มนึงค่อยกลับมาเจอเพื่อเช็คอินที่เคนย่าแอร์ แล้วหนีหายไปเลยครับ โอ้ววววววววววววววววววววว พระเจ้าาาาา มันอะไรกันเนี้ยะ คืออะไรฮะ ทำมั้ยเขาถึงทำอย่างนี้กับพวกผมอย่างนี้ คือเข้าใจมั้ยฮะ ตามตารางแล้วมันคือมาเวียที่ฮ่องกง มีหลายคนไม่ได้เตรียมเงินฮ่องกงมา แถมมันเป็นวันกลับจากเที่ยวด้วย เงินผมมีเหลือเท่าไหร่ ถามผมมั้ย แล้วของฝากที่ผมขนมามีเท่าไหร่ ตาบอดไม่เห็นหรือไง และเห็นมั้ยว่าทุกคนโทรมขนาดไหน คุณไปลากเขามาตั้งแต่ยังไม่หกโมงเช้า แล้วจะยังให้ออกไปไหนยังไงฮะ จะให้กินอะไรฮะ นี่บ้านคุณ คุณมีเลาจน์ คุณมีทุกอย่างที่พร้อมจะช่วยผมได้ แต่คุณเลือกที่จะผลักผมออกไปเผชิญชะตากรรมข้างนอกแบบอนาถา นี่ผมเป็นผู้โดยสารของสายการบินฟูลเซอร์วิท หรือ ชาวโรฮิงย่าที่อพยพหนีภัยมากันแน่ ผมแค่อยากรู้ว่าทำมั้ย สายการบินฮ่องกงแอร์ไลน์ ถึงทำแบบนี้กับผม ใครก็ได้ช่วยตอบผมที หรือผมผิดเองที่หวังมากไปที่จะให้เขามาช่วยเหลือมากกว่านี้ ? InterContinental Marseille - Hotel Dieu
บองชูว์ กล่าวทักทายเป็นภาษาฝรั่งเศสกันก่อนนะคร้าบบบบบ วันนี้ผมนายพัก...สบาย จะขอพาเพื่อนๆไปเที่ยว อีก 1 เมืองเด็ดในฝรั่งเศสกันฮะ Marseille เมืองนี้เป็นเมืองท่าที่มีประวัติศาสตร์ที่แสนยาวนาน เรียกได้ว่าเป็นเมืองท่าเก่าแก่ที่สุดในฝรั่งเศสเลยก็ว่าได้ Marseille ถ้าอ่านตามสำเนียงฝรั่งเศสจะอ่านออกเสียงว่า มาร์กเซย ที่นี่ถือว่าเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสามและเป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุด (อายุกว่า 2600 ปี) ของประเทศฝรั่งเศสเลยฮะ ก่อนที่จะไปทำความรู้จักเมืองท่าเมืองนี้กัน ผมขอใช้อำนาจของความเป็ผู้เขียนบทความ ลากเพื่อนๆไป ดู ที่หลับที่นอนที่ผมพักกันก่อน บอกเลย ภูมิใจเสนอมากกกก InterContinental Marseille - Hotel Dieu คงไม่ต้องบอกเกี่ยวกับ เชน อินเตอร์คอนในเครือ IHG กันสักเท่าไหร่ เพราะผมเชื่อว่า คนไทยทราบถึงความหรูหราของเชนนี้เป็นอย่างดี InterContinental Marseille ตั้งอยู่ในทำเลที่เรียกว่าแทบจะดีที่สุดของเมืองนี้ก็ได้ เพราะอยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวมากมายหลายจุดทีเดียวโดยเฉพาะ เขตเมืองเก่า เขตท่าเรือเก่า พิพิธภัณฑ์มูเซม หรือมหาวิหารของมาร์กเชย ตัวอาคารของ InterContinental Marseille - Hotel Dieu นั้นไม่ได้ถูกสร้างขึ้นใหม่แต่เป็นการรีโนเวทจากอาคารเก่าแก่โบราณของเมืองนี้ครับ จึงทำให้ที่นี่สวยคลาสสิค งดงามอย่างที่เคยเป็นมาในอดีต ภายในตกแต่งให้ดูทันสมัยจ๋าๆมาเลย ด้วยดีไซด์จากศิลปินที่มีชื่อเสียงในประเทศฝรั่งเศส เขาบอกว่าที่นี่เลือกใช้สีโทนขาวดำเทาเป็นหลัก ตกแต่งให้ดูเรียบหรูและได้แรงบรรดาลใจในการตกแต่งมาจาก ท่าเรือเก่าของเมืองแห่งนี้ รวมไปถึงท้องทะเลเมดิเตอร์เรเนี่ยน ลองชมบรรยากาศคราวๆกันดูฮะ ที่นี่มีสระว่ายน้ำด้วยฮะ ( โรงแรมแพงขนาดนี้ไม่มีก็กะไรอยู่นะ) สระว่ายน้ำที่นี่เป็นสระน้ำในร่ม เนื่องด้วยอากาศแต่ในฤดูที่นี่จะมีอากาศที่ไม่เท่ากัน เพราะฉะนั้น สระน้ำที่นี่จึงคุมอุณภูมิไว้ที่ 28 องศาตลอดทั้งปีฮะ เพื่อให้แขกสามารถใช้สระว่ายน้ำได้ในทุกฤดู จุดนี้คือบาร์ของที่นี่ฮะ ชื่อ The Bapian Bar Les Fenêtres ห้องอาหารหลักของที่นีฮะ เรียกว่า เช้า สาย บ่าย เย็น ก็มาทานที่นี่ได้ฮะ อาหารฝรั่เสสส่วนใหญ่จะเสริฟเป็นเซ็ต เซ็ตเล็กอย่างนี้จะมี 3 อย่างว 1.ออร์เดริฟ จานนี้เป็น ฟรัวกราเทอลีนฮะ มันคือตับบดนั้นแหละ แต่เอาฟรัวกรามาทำ ตับบด ก็อย่างที่รู้กันตับบดก็กินกับหนมปังนั้นแหละฮะ ข้อดีของตับบดฟรัวกราคือ หอมมัน และไม่มีกลิ่นตับรุนแรงเหมือนตับอื่นๆ อร่อยแบบเย็นๆ 55555 จานนี้เป็น ปลานึ่งครับ น่าจะเป็นปลาเก๋านะ เนื่องด้วยเป็นเมืองท่าเรือติดทะเล อาหารทะเลจึงสดแบบไม่ปราณีใคร ข้างหลังครัวมีบ่อปลากันเลยใช่มั้ย กราบบบบบบ สดมากกก แอปเปิ้ลทาร์ตและไอศครีมฮะ ไอศครีมวนิลล่าเทพมว้ากกกก กราบบบบบ มาดูอาหารเช้ากันดีกว่า บอกเลยชวนกราบเป็นที่สุด น่าจะเป็นคำถามยอดฮิตของเราชาวไทย มันสู้อาหารเช้าของอินเตอร์คอนเมืองไทยได้มั้ย คำตอบคือ ถ้าวัดที่ปริมาณ ความหลาก และไอเทม ไม่มีอะไรสู้ได้เลยฮะ T__T แต่ ที่ชนะขาดลอยแบบเมืองไทยไม่มีทางเทียบติดคือ เบเกอรี่ทั้งหมดฮะ รสชาตินี่เหมือนในร้านที่ขายแพงๆกันเลยฮะ ก้มกราบบบบรัวๆ ขีดเส้นใต้ 3 เส้นหนาๆ หนัก เบเกอรี่ และโกโก้ร้อน อร่อยเวอร์วัง อลังการมว้ากกกก อันนี้ประทับใจมากกกกกกกกกกกก น้ำส้มคั้นสดๆเป็นลูกๆกันเลย มาดูในส่วนของห้องพักกันบ้าง ก็มาโทนขาวดำเทา ถามว่าสู้เมืองไทยได้มั้ย จริงๆ สู้ได้นะสบายมากกกก เตียงดีมาก แบบมากจริงๆ แต่เมื่อเทียบราคาดูกับเมืองไทยแล้ว ให้เมืองไทย ชนะเลิศไปเลยฮะ กราบบบบบบ ถูกและดีคงมีแต่ในเมืองไทนยสินะ วิวจากห้องพัก ห้องอาหาร และ จริงๆก็ วิวของทั้งโรงแรมนั้นแหละ (แต่ห้องพักที่ได้วิวนี้ไปจะไม่ได้ทุกห้องนะครับ ) ห้องนี้คือห้องที่แพงที่สุดของที่นี่ เป็นห้องสวีทขนาดใหญ่ ห้องอ่ะไม่เท่าไหร่ แต่วิวพาโนราม่า อลังมว้ากกกกกกกกกกก กราบฮะ จบเรื่องโรงแรมกันไปล่ะ เอาเป๋าเก็บแล้วออกไปเที่ยวกันดีกว่า จากตัวโรงแรมเลย เราสามารถเดินไปจุดต่างๆเหล่านี้ได้เลยฮะ แต่บอกไว้เลยว่าการเดินเที่ยวแบบนี้ทำใจเรื่องขาลากกันเลย จุดแรก Old port หรือ Vieux port ถือว่าเป็นหนึ่งในท่าเรือเก่าแก่ที่สุดของเมืองมาร์เซย์และประเทศฝรั่งเศส สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 19 กันเลย ที่นี่เปรียบดังประตูสู่เมดิเตอร์เรเนียน อดีตเคยเป็นศูนย์กลางทางการค้า ที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือ เมืองมาร์เซย์ เป็นเมืองเก่าแก่ที่สุดและยังเป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดของประเทศฝรั่งเศส แน่นอนว่าเมื่อเป็นเมืองท่าสำคัญ นื่องจากเป็นเมืองท่าที่ติดกับทะเลเมดิเตอเรเนี่ยน ต้องทำใจดรื่องมีคนหลายเชื้อชาติอพยพเข้ามาที่เมืองนี้ด้วยฮะ ต้องทำใจยังไง ? เนื่องจากมีหลายเชื้อชาติอาศัยอยู่ที่นี่ จึงมีหลายๆปัญหาตามมา เช่นความขัดแย้งในด้านเชื้อชาติ สีผิว ศาสนา โอกาสทางการศึกษา รวมไปถึงความเป็นอยู่ก็ไม่ทัดเทียมกับชาวฝรั่งเศส ทำให้เมืองนี้ก็มีปัญหาไม่ต่างจากปารีสมากนัก จะมาท่องเที่ยวเมืองนี้ก็ต้องระวังตัวกันนิดนึงฮะ ป.ล. แต่จากที่สัมผัสมา ผมว่าดีกว่าปารีสนะฮะ ถ้าจะแวะร้านอาหารริมพอร์ท ผมแนะนำให้ลอง เมนูนี้ฮะ หอยแมลงภู่อบชีส ถือเป็นของขึ้นชื่อเลยก็ว่าได้ฮะ Mucem เดินจนสุดพอร์ท เราจะมาถึงจุดนี้ฮะ Mucem พิพิธภัณฑ์อารยธรรมยุโรปและเมดิเตอร์เรเนียน (The Museum of European and Mediterranean Civilisations) เมื่อก่อนที่นี่คือป้อมปราการแซ็งต์ฌอง (Fort Saint-Jean) สมัยปฏิวัติฝรั่งเศสเคยถูกใช้เป็นที่คุมขังนักโทษ อนนี้ถูกปรับเปลี่ยนมาให้เป็นพิพิธภัณฑ์แล้วฮะ Mucem คืออะไร ? Mucem หลักๆถูกแบ่งเป็น 2 ส่วนฮะ 1.ส่วนอาคารภายนอก บนอาคาร และภายนอกทั้งหมด ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นสวนสาธรณะเข้าฟรีของเมืองนี้ โดยจะแบ่งเป็น2 ส่วน 1.1 ป้อมปราการแซ็งต์ฌอง ถือเป็นสัญลักษณ์ ของ marseille ในอดีต ถุกเชื่อมด้วยสะพานเหล็กลอยฟ้าขนาดใหญ่ ให้ตรงมายังส่วนบนสุดของอาคารได้เลย บรรยากาศภายในก็จะมีร้านอาหาร สวนพักผ่อนหย่อนใจ เป็นสวนสาธารณะที่สวยงามไม่แพ้ที่ไหนเลยล่ะ ส่วนภายในอาคารก็จะเป็นพิพิธภัณฑ์ครับ ต้องเสียเงินเข้า ซึ่งแน่นอน ผมไม่ได้จ่ายเข้าไป 1.2 เป็นอาคารสมัยใหม่ ถูกเชื่อม ถูกเชื่อมด้วยสะพานเหล็กลอยฟ้าขนาดใหญ่จากป้อมปราการแซ็งต์ฌอง หน้ากากคอนกรีตหน้ากากของตัวตึกถือเป็นไฮไลค์ของโซนนี้ เพราะเป็นวัสดุที่คิดค้นสร้างขึ้นมาพิเศษ มีความแข็งแกร่งเหมือน คอนกรีต สวยงาม และเบา ถือเป็นสัญลักษณ์ ในปัจจุบัน และ อนาคตของ marseille ส่วนภายในอาคารก็จะเป็นพิพิธภัณฑ์ครับ ต้องเสียเงินเข้า ซึ่งแน่นอน ผมไม่ได้จ่ายเข้าไป 5555555 มหาวิหาร Cathedrale de la Major เดินถัดจาก Mucem ไปนิดเดียว เราก็จะเจอ Cathedrale de la Major มหาวิหารแห่งเมือง marseille เรื่องประวัติผมไม่ค่อยมีข้อมูลเลยฮะ แต่บอกเลยว่างดงามมากกก สมควรมาเยี่ยมชมมากกก ย่านเมืองเก่า เดินถัดจากCathedrale de la Major มหาวิหารแห่งเมือง marseille มาอีกนิดเราจะเข้าสู่เขตย่านเมืองเก่าฮะ จุดนี้ก็เดินเล่นเพลินไม่เลวทีเดียวฮะ ในย่านเมืองเก่ามีจุดที่น่าสนใจคือจุดนี้ฮะ Centre de la Vieille Charité จากข้อมูลที่ได้มาน่าจะเป็นสถานที่อยู่สำหรับคนอพยพ คนยากไร้ แต่ปัจจุบันเปลี่ยนมาเป็นศูนย์รวมของวัฒนธรรมต่างๆ โบสถ์นอเตอร์ดาม เดอ ลา การ์ด โบสถ์นอเตอร์ดาม เดอ ลา การ์ด (Basilique de Notre-Dame-de-la-Garde) Notre Dame ในภาษาฝรั่งเศส หมายถึง Our lady ซึ่งในที่นี้หมายถึง เดอะ เวอร์จิ้น หรือพระแม่มาเรียนั้นเอง ความหมายโดยรวมของโบสถ์นี้ จึงหมายถึง Our lady of the guard (พระแม่มาเรียผู้ปกป้องพวกเรา) นักเดินเรือส่วนใหญจึงมักมาขอพรกับพระแม่มาเรียให้ปกปักรักษายามต้องล่องเรือออกไปในทะเล โบสถ์นอเตอร์ดาม เดอ ลา การ์ดถือเป็นจุดชมวิวที่สุดของเมือง Marseille ตั้งอยู่บนเขาสูง 155 เมตร ด้านในโบสถ์ออกแบบ ตกแต่งได้สวยงาม ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นโมบายเรือลำเล็ก ๆ ห้อยไว้ด้วย ที่มีห้อยไว้โเกิดจากที่ชาวประมงหรือนักเดินเรือเมื่อมาขอพรและ เดินทางกลับมาได้อย่างปลอดภัยแล้ว ก็จะนำเรือลำเล็กๆมาถวายแด่ พระแม่มารี เพื่อเป็นการขอบคุณที่คุ้มครองให้เดินทางกลับมาโดยสวัสดิภาพ การเดินทาง จุดนี้อยู่ถัดออกมาจากโรงแรมไกลสักนิด ถามว่าเดินได้มั้ยก็เดินได้นะ ใช้เวลาประมาร 30-40 นาทีจากโรงแรม Park Of The Longchamp Palace Marseille ถูกสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จในการสร้างคลองนำส่งน้ำจากแมาน้ำ Durance กับเมืองมาร์กเซย ที่นี่เป็นสวนสาธารณะเข้าฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายฮะ การเดินทาง ถ้าเดินออกจากโรงแรมก็ใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที ถ้านั่งรถไฟใต้ดิน จากท่าเรือไปลงที่สถานี Métro la Rose ก็ใช้เวลาเพียง ประมาณ 20 นาที เท่านั้น Palais du Pharo Palais du Pharo คืออะไร มันคือวังเก่าที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับของพระราชา ชาร์ลส์ หลุยส์นโปเลียนมหาราช ฮะ อารมณ์ประมาณพระราชวังฤดูร้อนฮะ การเดินทาง ถ้าเดินออกจากโรงแรมก็ใช้เวลาประมาณ 30 นาที โดยเดินผ่านไปทางท่าเรือเก่า จาก กทม ไป ปารีส (ฝรั่งเศส) กันเนอะ การไปฝรั่งเศสครั้งนี้ผมเดินทางด้วยสารการบิน Air France ฮะ ถามว่าต่างจากสายการบินอื่นเยี่ยงไร คำตอบคือไม่รู้ฮะ เพิ่งเคยบินกับสายการบินนี้ครั้งแรก จากการบิน 12 ชั่วโมง ขออธิบายโดยรวมๆกันเนอะ 1. ขนม น้ำฟรีไม่มีอั้น ไม่ต้องขอให้เสียเวลา อยากได้อะไร เดินไปหยิบกันได้เลยฮะ หลังจากอาหารมื้อแรกไปลุยเลยฮะ จุดบริการจะอยู่บริเวณท้ายเครื่อง ขนมจะเปลี่ยนไปทุกประมาณ 2 ชั่วโมง มีทั้งไอติม แซนวิช คุกกี้ 2.อาหารเสริฟ 2 มื้อ มื้อแรกเป็นอาหารหนัก มื้อ 2 เป็นเหมือนอาหารว่าง โดยรวมผมเฉยๆกับอาหารของสายการบินนี้นะ บอกตรงๆ ไม่ถนัดอาหารฝรั่ง ไม่วิจารณ์ล่ะกันเนอะ ไอเทมเยอะดีนะ แต่ ขนมปังแข็งเย็นเกิ้นนน กราบบบ 3.การบริการ ก็ไม่ดีไม่แย่นะ โดยรวม ทั่วไปๆ แอร์มีติดฟีลลิ่งเชิ่ดๆนิด ความเป็นฝรั่งเศสหน่อยๆ นะ แต่โดยรวมโอฮับ ผมให้ผ่าน 4.ขนาดที่นั่งและรายการทีวี ขนาดที่นั่งก็ไม่ได้แคบจนนั่งไม่สะดวกนะฮะ แต่คนแน่นๆ ก็มีอึกอัดนะ ฝรั่งเขาตัวใหญ่อ่ะ (ผมนั่ง Eco ) แต่เบาะมีแอบเก่าๆนิดหน่อย รายการทีวีโอเลยฮะ หนังเยอะมากกกกก ผมได้ดู The Little Prince ด้วยฮะ สนุก มากกกก 5.ราคาตั๋ว ผมมาตั๋วที่ทางแอร์ฟรานอนุเคราะห์มาอ่ะครับ แต่สำหรับผม ผมแนะนำให้รอโปรนะครับ น่าจะมีเรื่อยๆ ส่วนใครอยากชมบรรยากาศในเลkจน์ของ Air France กดดูจาก clip นี้ได้เลยนะฮะ ขอบคุณเจ้าของคลิป คุณ Traveller ด้วยครับ Bordeaux : France
"Bordeaux เมืองอะไรน้อ มีอะไรน่าสนใจกันหว่า รู้จักแต่ ไวน์ กับบอล เชื่อว่าเเมื่อเพื่อนพูดถึงฝรั่งเศสกันนแล้วเพื่อนน่าจะนึก ปารีสกันเสียส่วนใหญ่ แต่วันนี้ผม จะพาเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ มาทำความรู้จักกับเมืองท่า แสนพิเศษเมืองนี้กัน เมืองที่ได้รับฉายาว่า เมืองท่าแห่งดวงจันทร์ (Port of the Moon) นั้นจะมีอะไรน่าสนใจกันบ้าง ก่อนอื่นเลยขออธิบายข้อมูลคร่าวๆกันก่อนดีกว่า Bordeaux หรือ เมืองท่าแห่งดวงจันทร์ (Port of the Moon) ถือเป็นเมืองท่าท่องเที่ยวที่มีชื่อเรื่องไวน์แดงมากที่สุดเมืองนึงของประเทศฝรั่งเศส โดยตัวเมืองนั้นตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ นอกจากความสำคัญจะเป็นเมืองมรดกโลกที่ใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว เมืองบอร์กโดซ์ยังเป็นเมืองหลวงของจังหวัดฌีรงด์ (Gironde) และเมืองหลวงของของแคว้นอากีแตน (Aquitaine) 1 ใน 26 แคว้นในประเทศฝรั่งเศส อีกด้วย แต่ก็น่าแปลกจริงๆ ที่คนไทยหลายๆคนไม่รู้จักเมืองนี้ เรียกได้ว่าถูกมองข้ามขนาดที่หนังสือท่องเที่ยวที่แนะนำประเทศฝรั่งเศสบางเล่มก็ไม่ได้กล่าวไว้เลยฮะ ป.ล. เมืองบอร์กโดซ์ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกในฐานะเมืองประวัติศาสตร์ที่ยัง มีผู้อยู่อาศัย ชุมชนเมืองและย่านสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น ในปี 2007 จากข้อมูลเบื้องต้นๆ เมืองบอร์กโดซ์ ไม่ใช่เมืองไกก่าอาราเร่เลยใช่มั้ยฮะฟังดูแล้วก็น่าสนใจไม่แพ้เมืองหลวงอย่างมหานคร ปารีส เลยหรือเปล่า จากแผนที่ของเมือง บอร์กโดซ์ จะสังเกตได้ว่าย่านเมืองบอร์กโดซ์ ไม่ได้ใหญ่โตมากมายนะฮะ สามารถเดินเที่ยว เดินเล่น ภายใน 2 วันก็เดินหมดแล้วล่ะฮะ ในอดีด เมือง บอร์กโดซ์ ไม่ได้สวยแบบนี้นะครับ เรื่องมันมีอยู่ว่า ในอดีต เมืองท่าแห่งดวงจันทร์ (Port of the Moon)แห่งนี้ เป็นเมืองท่าที่ร่ำรวยมากกก มีเม็ดเงินจากการค้าหมุนเวียนกันมหาศาลเลยทีเดียว แต่ตัวเมืองนั้นกลับไม่ได้สวยงามเหมือนอย่างที่ชาวเมืองอยากให้เป็น ชาวเมือง พ่อค้า จึงพร้อมใจระดมเงินและทุบเมืองในส่วนที่ไม่ได้งดงามนั้นทิ้งและสร้างเมืองขึ้นมาใหม่ทดแทนให้งดงามให้เปรียบประหนึ่งพระราชวังของมหานคร ปารีส จากวันนั้นถึงวันนี้ ก็ 250 ปีผ่านมาแล้ว คงไม่ต้องว่า บอร์กโดซ์ นั้น ในวันนี้งดงามแค่ไหน เที่ยว...สนุก การเดินทางรอบเมือง บอร์กโดซ์ ส่วนใหญ่ชาวเมืองจะเดินทางกับด้วยรถรางหรือ Tram ฮะ มันจะมีบัตรเหมารายวันด้วยฮะ ไปไหนมาไหนสะดวกมากเหมือนเที่ยวในญี่ปุ่นเลย แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ เลือกที่จะใช้ จักรยานกัน แต่สำหรับผม การเลือกนั่งรถราง แล้วเดินซึบซับชื่นชมบรรยากาศความงามงามของเมืองแห่งนี้แหละ คือสเน่ห์อย่างแท้จริงเมือง บอร์กโดซ์ ค่อยๆเดิน ไปเรื่อยๆ ช่วงที่อุณภูมิดีมากฮะ 15 องศาน่าจะได้ ใจไม่อยากให้เพื่อนรู้สึกว่าที่นี่อะไรคือจุดไฮไลค์บ้าง แต่อยากให้เพื่อนๆเดินดูไปเรื่อยๆฮะ ไปแบบไม่คาดหวังเดินเล่นๆกับเมืองเล็กๆแห่งนี้ บอกเลยฟินมว้ากกกก แต่จะให้เดินแบบไม่มีแลนด์มาร์กเลยมันก็โหดร้ายไปใช่มั้ยล่ะ งั้นผมส่งชื่อ บางจุดใน เมือง บอร์กโดซ์ ไว้ให้เพื่อนๆดีกว่า มีจุดไหนที่น่าสนใจกันบ้าง จุดไฮไลค์ที่ผมลงไว้ในนี้ น่าจะมีเกือบ 10 ทีได้ ผมถือว่าเป็นจุดที่ไม่น่าพลาด ส่วนเรื่องการเดือนทาง ผมอาจไม่ได้ลงไว้ให้เพราะ เมืองนี้ไม่ใช่เมืองใหญ่ฮะ เดินวนๆไม่เกิน 2 ชั่วโมงก็ถึงกันหมดแล้วล่ะฮะ เอาล่ะครับ คราวนี้ ผมจะพาเพื่อนๆไปเดินชมบรรยากาศของเมือง บอร์กโดซ์ กันดีกว่า ปาเล่ส์ เดอ ลา บูส (Palais de la Bourse) จุดนี้คือจุดที่ถ่ายรูปสวยที่สุดในเมืองแห่งนี้ฮะ รูปโปรโมทเมืองบอร์กโดซ์ เกือบทั้งหมดจะต้องใช้รูปนี้ขึ้นกันก่อนเสมอ สะพานปิแอร์ (Pont de Pierre) สะพานหินเก่าแก่ที่แสนงดงามถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลค์ของที่นี่ หอคอย Pey-Berland จุดชมวิวในมุมสูงที่สวยที่สุดของเมืองนี้ เสียดายผมไม่ได้มีโอกาสขึ้นครับ จตุรัส ควินคอนเซส (Quinconces) ลานโล่งจัดงานขนาดใหญ่ มีน้ำพุ และ อุโมงค์ต้นไม้ เป็นอีกสัญลักษณ์ของเมือง ช่วงที่ไปมีจัดงานประจำปีพอดีฮะ ประตูเมือง Porte Cailhau อาสนวิหารนักอันดรูว์แห่งบอร์โด (St. Andrew's Cathedral in Bordeaux) มหา วิหารแห่งนี้ ถูกนำมาใช้เป็นต้นแบบ ให้ประตูฝั่งหน้าของมหาวิหาร นอร์ท เทอ ดาม เดอ ปารีส เมื่อครั้งทำการบูรณะครั้งใหญ่ จึงไม่แปลกใจเลยที่เห็นครั้งแรกจะตกใจว่าทำมั้ยถึงเหมือนกันขนาดนี้ ที่ปารีสมาขอแบบจากที่นี่ไปฮะ -นอร์ท เทอ ดาม เดอ บอร์กโดซ์ ( notre-dame de Bordeaux ) มหาวิหารที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อถวายบูชา เดอะ เวอร์จิ้น ( The Vergin) หรือ พระแม่มาเรียนั้นเอง โรงละครแกรนด์เธียเตอร์ (Grand Theatre de Bordeaux) โรงละครเก่าแก่ และแสนงดงามของเมืองนี้ ถนนแซงต์ แคทเธอรีน (Rue Sainte-Catherine) ถนนคนเดินที่ยาวที่สุดในฝรั่งเศส และ ยุโรป เป็นถนนช้อปปิ้งหลักในเมืองบอร์กโดซ์ ที่มีระยะทางยาว 1.2กิโลเมตร ส่วนที่เหลือก็จะเป็นการเดินเล่น รอบๆเมืองฮะ บอกเลยว่าเป็นเมืองที่สวยไม่แพ้เมืองไหนๆ แน่นอน นอกจากนี้ยังมีสถานที่ๆน่าสนใจอีกที่คือ เสียดายไม่ได้มีรูให้ชมกัน - โบสถ์ St. Michael Basilica ส่วนใครมีเวลาหลายวัน เราสามารถนั่งรถบัสออกจากเมืองไปเที่ยวเมืองไร่องุ่นที่มีชื่อเสียงอย่างเมือง แซ็งเตมีลียง (Saint-Émilion) ซึ่งอยู่ห่างจาก เมือง บอร์กโดซ์ ไปประมาณชั่วโมงกว่าๆเท่านั้น ไวน์แดงของเมืองนี้ถือว่ามีชื่อไม่แพ้ เมืองไหนๆในฝรั่งเศสเลยนะฮะ พัก...สบาย ส่วนที่พักที่จะแนะนำคือที่นี่ฮะ Hotel Normandi อาจไม่ใช่โรงแรมหรู 5 ดาวนะ แต่ ห้องนอน ห้องน้ำ และ ทำเลใช้ได้เลยฮะ ถัดจากศูนย์กลางมานิดเดียวจริงๆ อยู่ใกล้ จตุรัส จตุรัส ควินคอนเซส ใกล้ โรงละครแกรนด์เธียเตอร์ ใกล้ ถนนแซงต์ แคทเธอรีน และที่สำคัญใกล้ ที่ทำการการท่องเที่ยวเมือง บอร์กโดซ์ ด้วยฮะ กิน...อร่อย มาถึงเรื่องของกินกันบ้าง กองทัพต้องเดินด้วยท้องกันนะฮะ ขอพูดถึงร้านอาหารที่โดนใจผมที่สุดก่อน Thai Paradise อยู่ฝรั่งเศส 15 วัน มีอีร้านนี้ร้านเดียวจริงๆท พิทยา (ร้านอาหารไทย แบบมั่วๆกว่านี้ไม่มีอีกล่ะ) สำหรับร้านนี้เป็นร้านอาหารไทยที่มั่วมากกก ผัดได้มั่วที่สุด ผัดไทย ผัดกระเพรา ผัดน้ำมันหอย ผัดพริก ไม่ตรงกับความเป็นจริงสาก อย่าง T__T แต่เป็นผัดมาแล้วจะเป็น รสอาหารเอเซียที่าใกล้เคียงกับอาหารไทย+จีน+เวียดนามฮะ รสชาติโอได้อยู่ แนะนำ เนื้อผัดกระเพรา (รสชาติจะไม่ใช่กระเพรานะฮะ คล้ายๆน้ำมันหอย เอาซอสศรีราชาบีบเข้าไปเยอะๆ อร่อยเบยยย 555555 ) ร้านนี้กินบ่อยเลยฮะ เพราะราคาไม่แพง เริ่มต้นที่ 8 ยูโร่ เท่านั้น La Tupina ผมอยู่ฝรั่งเศส มา 15 วัน ทานอาหารไปก็หลายมื้อ มว้ากกกกก ถ้าถามว่าผมชอบบรรยากาศห้อง ร้านนี้เป็นร้านที่การท่องเ La Patisserie Essentielle ร้านขนมร้านนี้ผมเจอระหว่าง ถามว่าขนมอร่อยมั้ย คำตอบคือ อร่อยอยู่แล้วฮะ รางวัลการันตีขนาดนี้ รสชาติไม่ติดหวานมากกก หวานเบาๆ พนักงานร้านนี้แนะนำผมว่า "ฉันว่า ฉันอยากให้คุณลองมาการอง กับเลม่อนทาร์ต ฉันรับประกันเลยว่า คุณจะต้องชอบเล่มอนทาร์ตของ Amorino ร้านไอติมดอกกุหลาบร้านดัง อยู่ในย่าน ถนนคนเดิน ใครเดินผ่านลองแวะชิมดูฮะ ประมาณ 4 ยูโร เท่านั้น ไม่ผิดหวังแน่นอน ของขึ้นชื่อของเมือง ส่วนของขึ้นชื่อของเมืองนี้หลักๆแล้วถ้าเป็นของกินมีอยู่ 2 อย่างฮะ ขนมชนิดนี้ชื่อ Canelés de Bordeaux เป็นขนมพื้นเมืองของที่นี่ หาทานได้แต่เฉพาะเมืองนี้เท่านั้น มีร้านเปิดขายอย่างจริงๆจัง หลายร้านกันเลยฮะ บางร้านดูหรูหราประมาณ ลาดูรีเลยอ่ะ ผมล่ะเสียใจ ไม่ได้คิดสักนิดว่า มันเป็นของพิเศษเลยไม่ได้ถ่ายรูปเต็มๆมา เลยต้องมาเสริชรูปจากในเน็ตใช้ ๆใครไปเมืองนี้ห้ามพลาดที่จะหามาลองนะครับ อีกอย่างคือไวน์แดงฮะ แต่ไวน์ขาวก็แซ่บไม่แพ้นะฮะ ไวน์ดีๆ ของที่นี่เริ่มต้นถูกกว่าไอติมถ้วยนึงอีกฮะ แค่ 3 ยูโรก็หาไวน์ดีๆกินเป็นขวดได้ล่ะ (ราคาเท่ากับน้ำเปล่าเลยล่ะ มาปิดท้ายรีวิวนี้ที่เรื่องที่สำคัญที่สุด การเดินทาง จาก กทม ไป ปารีส (ฝรั่งเศส) กันเนอะ การไปฝรั่งเศสครั้งนี้ผมเดินทางด้วยสารการบิน Air France ฮะ ถามว่าต่างจากสายการบินอื่นเยี่ยงไร คำตอบคือไม่รู้ฮะ เพิ่งเคยบินกับสายการบินนี้ครั้งแรก จากการบิน 12 ชั่วโมง ขออธิบายโดยรวมๆกันเนอะ 1. ขนม น้ำฟรีไม่มีอั้น ไม่ต้องขอให้เสียเวลา อยากได้อะไร เดินไปหยิบกันได้เลยฮะ หลังจากอาหารมื้อแรกไปลุยเลยฮะ จุดบริการจะอยู่บริเวณท้ายเครื่อง ขนมจะเปลี่ยนไปทุกประมาณ 2 ชั่วโมง มีทั้งไอติม แซนวิช คุกกี้ 2.อาหารเสริฟ 2 มื้อ มื้อแรกเป็นอาหารหนัก มื้อ 2 เป็นเหมือนอาหารว่าง โดยรวมผมเฉยๆกับอาหารของสายการบินนี้นะ บอกตรงๆ ไม่ถนัดอาหารฝรั่ง ไม่วิจารณ์ล่ะกันเนอะ ไอเทมเยอะดีนะ แต่ ขนมปังแข็งเย็นเกิ้นนน กราบบบ 3.การบริการ ก็ไม่ดีไม่แย่นะ โดยรวม ทั่วไปๆ แอร์มีติดฟีลลิ่งเชิ่ดๆนิด ความเป็นฝรั่งเศสหน่อยๆ นะ แต่โดยรวมโอฮับ ผมให้ผ่าน 4.ขนาดที่นั่งและรายการทีวี ขนาดที่นั่งก็ไม่ได้แคบจนนั่งไม่สะดวกนะฮะ แต่คนแน่นๆ ก็มีอึกอัดนะ ฝรั่งเขาตัวใหญ่อ่ะ (ผมนั่ง Eco ) แต่เบาะมีแอบเก่าๆนิดหน่อย รายการทีวีโอเลยฮะ หนังเยอะมากกกกก ผมได้ดู The Little Prince ด้วยฮะ สนุก มากกกก 5.ราคาตั๋ว ผมมาตั๋วที่ทางแอร์ฟรานอนุเคราะห์มาอ่ะครับ แต่สำหรับผม ผมแนะนำให้รอโปรนะครับ น่าจะมีเรื่อยๆ เมื่อมาถึงยังปารีสแล้ว เราสามารถต่อรถไฟความเร็วสูงจากปารีสไปอีก 3 ชั่วโมงนะครับเพื่อไปยัง เมือง Bordeaux ตั๋วที่ผมใช้เป็นตั๋วรถไฟแบบเหมาจ่ายของ France Rail Pass ฮะ ฟีลลิ่งเอาจริงๆไม่ต่างจากรถไฟความเร็วสูงของญี่ปุ่นสักเท่าไหร่นะฮะ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นที่นั่ง 4 คน หันหน้าชนกันซะส่วนใหญ่ มีตู้เสบียงด้วยครับแ ต่คนก็เยอะตลอดเวย์ จะมีคนมาสุ่มตรวจตั๋ว 1 ครั้งต่อเส้นทาง วิธีการซื้อตั๋ว ซื้อที่ไหน ราคาเท่าไหร่ วิธีใช้ต้องทำยังไง ในส่วนนี้ผมแอบขอไม่บอกนะคร้าบ 55555555 ใครอยากรู้รายละเอียดในส่วนนี้ ได้โปรดติดตามรายละเอียดในส่วนนี้ได้จากน้อง"ซัน" เขมณัฐ กับรายการ BoardingPassTV ช่อง ทรูวิชั่น 364 สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ Wifi จาก Global wifi ไปฝรั่งเศสมา 3 เมืองใหญ่ ไม่มีปัญหาหนักๆใดๆเลยครับ ใช่โทรไลน์ได้ในบางพื้นที่ อาจมีหลุดๆบ้าง ในบางจุด แต่เดี๋ยวก็กลับมาฮะ ส่วนเรื่องแบต แอบน้อยไปนิดนะฮะ แชร์กันได้ประมาณ 4 คนต่อเครื่องครับ ใครจะไปยุโรป กำลังงงเรื่อง WiFi เจ้านี้โอเคเลยนะฮะ ขอบคุณภาพ แซ็งเตมีลียง ( Saint-Émilion) จาก เวป https://media-cdn.tripadvisor.com/media/photo-o/04/0e/90/ef/clos-le-chene.jpg //ekladata.com/bvUpjufvkF7XCRCd_VJQo8wvH7c.jpg ขอบคุณภาพ Canelés de Bordeaux จากเวป //bobbiesbakingblog.com เที่ยว คุมาโมโต้ กับ กล้องคอมแพค Canon G3X
สวัสดีครับ วันนี้ป๋มมารีวิวกล้องฮะ กล้อง คอมแพค Canon G3X ที่เขาโม้ว่ามีกำลังซูม 24-600 mm โห!!!! จะซูมกันไปได้ถึงดวงจันทร์กันเลยเหรอ มาดูหน้าตาพ่อพระเอกกันกันดีกว่า หน้าตาเป็นเยี่ยงไร (ไล่ภาพจากซ้ายไปขวานะครับ) 1 หน้าตากล้อง Canon G3X หล่อเหลาเอาการอยู่นะ ตัวบอดี้เคลือบ กันละองน้ำ และกันฝุ่นด้วยฮะ 2.หน้าจอ LCD แบบสัมผัสขนาด 3.2 นิ้วความละเอียด 1.6 ล้านพิกเซล ระบบโฟกัส 31 จุด (ระบบจอสัมผัสเร็วมว้ากกก) 3.จอสามารถปรับโยกขึ้น และลงได้หลายระดับ สามารถสนุกกับการถ่ายภาพมุมต่ำ หรือเซลฟี่ก็ได้ง่ายๆ (สำหรับเซลฟี่ แนะนำให้ใช้มือถือถ่ายเอาฮะ กล้องมันชัดเกิ้นนนนน สิวกี่เม็ดๆๆๆ เห็นหมด T__T ) 4.ฝาปิดเลนส์มีคลิปกิ๊บเก๋ เก็บกับสายคล้องได้ไม่เกะกะ เวลาถ่ายรูป ( อ้อๆๆ กล้องตัวนี้มี WIFI ต่อตรงกับสมาร์ทโฟน ได้ด้วยนะฮะ สะดวกในการแชร์ในโลกออนไลน์มากมาย) 5. ขนาดพี่แก่ไม่ได้ใหญ่โตมากมายนะ (เทียบกับซัมซุง S6 ให้ดู) แต่.....น้ำหนักตัวพี่แกไม่ธรรมดาเลย รวมทั้งตัวกับเลนส์ครอบจักรวาล ศิริรวมแล้ว 734 กรัม ทีเดียว เอาข้อมูลเบื้องต้นไว้เท่านี้ก่อน ให้มากกไปกว่านี้เดี๋ยวจะพาลไม่อ่านเอากันเนอะๆๆ 555555 ป.ล. ภาพในรีวิวนี้ทั้งหมดเป็นภาพจากกล้อง Canon G3X และส่วนใหญ่ผมจะใช้โหมด P หรือ Auto ถ่ายนะครับ ยกเว้นภาพไหนเป็นภาพโชว์ตัวบอดี้ของกล้อง Canon G3X จะเป็นภาพจาก Canon SX700HS ตอนแรกว่าจะรีวิวกล้องแบบง่ายๆแถวๆบ้านนี่แหละฮะ แต่พอดีเกิด "อาการนิ้วลั้น" เคยเป็นกันมั้ยฮะ อาการที่เราไม่สามารถควบคุมนิ้วและสติสัมปชัญญะได้ชั่วขณะ อาการนี้มักจะเกิดตอน เวลาเจอโปรถูกๆ แบบถูกจริงจัง งวดนี้ สติหลุด นิ้วลั้นแบบ ไม่ทันตั้งตัวด้วยโปร ไปกลับ กรุงเทพ -คุมาโมโต้ พร้อมที่พัก 4 คืน ด้วยสายการบินฮ่องกงแอร์ไลน์ ฟูลเซอรวิท อาหารพร้อมเป๋า 20 โล ในราคา 10421 บาท เท่านั้น (ถึงแม้จะต้องเวียที่ฮ่องกงก็ไม่ใช่ปัญหา) โอ้วววววว พระเจ้าเจอร์ชมันยอดมากเลย ไปญี่ปุ่นพร้อมที่พัก 4 คืน แบบฟูลเซอร์วิท ราคา หมื่นนิด สติหลุดทันทีไม่ต้องคิด ถึงมีสติคิดได้ คาดว่าก็จองอยู่ดีนั้นแหละ 555555 กินให้อิ่มก่อนออกเดินทาง ยังไงก็ดีกว่าไปหวังอาหารบนเครื่องนะคร้าบบบบบ ? สำหรับการเดินทางไปต่างประเทศนั้น ถ้าเราจองที่นั่งแบบชั้นประหยัด ซึ่งแน่นอน เราก็จะไม่มีเลาจน์ให้เข้า (ยกเว้น บางกอกแอร์) และแน่นอนอีก มันก็ไม่มีที่ให้นั่ง ไม่มีอาหารกิน ไม่มี..ทางเลือก .....แต่ เราไม่ควรจะปล่อยให้เป็นไปตามยะถากรรมเยี่ยงนั้น ปัญหานี้จะหมดไป เพียงคุณมีบัตร King Power เท่านั้นๆๆๆ ( เหมือนว่ายังสมัครฟรีอยู่นะ สมัครในสนามบินแล้วใช้ได้เลย เราสามารถใช้บริการของเลาจน์ของ King Power ได้ฟรีฮะ ข้างในเลจน์ ก็จะมี อาหาร ขนม และ น้ำ ไว้ให้เสวย) ป.ล. ว่าแล้วก็จัดสักชุด ถวาย ลูกเทพ ของผมก่อน อิอิ ลูกเทพผมเป็นสายแบ้ว ชื่อ อูมารุ ประโยชน์ไม่มี ดีแต่แบ้วไปวันๆ 555555 ( ภาพลูกเทพนี้ Canon G3X ถ่ายที่ ISO 1600 โหมด Auto ฮะ รูปยังถือว่าโอเคมากๆๆ บอกเลยว่ากล้องตัวนี้นั้นสามารถดัน ISO ได้ถึง 12800 กันเลยทีเดียว) เอาล่ะครับ ตีฉองแล้ว วันนี้ ฮ่องกงแอร์ไลน์ เลทพอน่ารักน่าหยิก 40 - 50 นาที ไม่ต้องบ่นหนักให้เปลืองน้ำลาย ป่ะๆๆ ขึ้นเครื่องกันเถอะฮะ เครื่องที่นั่งถือว่าดีมากฮะ เครื่องใหญ่โต ที่นั่งโอเค มีทีวีให้ดูด้วย ส่วนอาหารที่เสริฟ เป็นแซนวิชแฮมชีสอบร้อนมาฮะ รับได้ ดึกแล้วกินอะไรมากมาย นอนๆๆๆ เช้าเจอกันที่ฮ่อกงนะคร้าบบบบบ คร่อกกกกกกกกก ฟี้ๆๆๆๆๆ เผลอแพรบบบเดียว เราก็มาถึงสนามบินนนาชาติฮ่องกงกันแล้ว ตื่นมาซับน้ำลายซางผมกันได้เถอะ การมาเวีย หรือมารอเปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกง สำหรับผมไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายเลยนะครับ ข้อแรก WIFI ฟรีทั้งสนามบินฮ่องกง ข้อสอง สนามบินฮ่องกง ร้านอาหาร ร้านชอปปิ้ง เยอะมากกกกกกก เดินกันเพลิน เดินกันมันไปเลยฮะ ไม่น่าเบื่อ เหมือนสนามบินที่อื่นๆ ข้อสาม กลับไปอ่านข้อแรกใหม่นะ แฮ่ๆ และเช้าวันนี้ ฮ่องกงแอร์ไลน์ ก็น่ารักเป็นพิเศษ เพราะไม่เลทเลย แถมไปถึงที่หมายก่อนเวลานิดนึงด้วยฮะ เรียกว่า น่ารักจนต้องตรบมือให้รัวๆ อาหารบนเครื่องเสริฟเป็นแบบฟูลเซ็ต รสชาติโอเคนะฮะ ไม่ได้อร่อยมากมาย กินได้ โอเคเลย เครื่องที่นั่งต่อไปยังคุมาโมโต้ เหมือนเครื่อง ของแอร์เอเซียบ้านเราฮะ ไม่ได้ใหญ่โต ไม่ได้มีทีวี แต่ก็ โอเค นะ บอกเลยว่า ขามา เนี้ยะ ฮ่องกงแอร์ไลน์ ทำได้ประทับใจผมเชียวล่ะ จนมาถึง ขากลับ ความดีงามทั้งหมดที่ติดบวกเมื่อขามา นอกจากจะไม่เหลืออะไรแล้ว ยังติดลบอีก -100 แถมไปให้ด้วย พูดแล้วก็ของขึ้น เดี๋ยวค่อยมาเล่านอกรอบล่ะกันฮะ ขอพาไปเที่ยวกันก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะกระเป็นรีวิวบ่น 7 วัน 8 คืน ไม่จบ และนีคือความดีงามอีกอย่างเมื่อมาเวียที่ ฮ่องกง ผมว่าวิวเมืองฮ่องกงจากมุมสูงงามมากเหลือเกิน ใครมีโอกาสมาเวียที่นี่อย่าลืมขอที่นั่งริมหน้าต่างกันนะฮะ ( ทริปนี้โชคดีมาก ที่มีใช้ Canon G3X เพราะมันซูมได้ในระยะ 24-600 mm การถ่ายภาพจากบนเครื่องลงไปจึงค่อนข้างซูมได้ในระดับที่ผมต้องการเลย) อย่างที่บอกไป ว่ามาเหยียบผืนแผ่นดินคุมาโมโตะ ก่อนเวลานิดหน่อย ฮ่องกงแอร์ไลน์ น่ารักมากในจุดนี้ กราบงามๆให้เลยฮะ แต่ขากลับนี่แสะ .......หึ หึ นึกว่าบินจาก ดาวพลูโต กลับมา สยามประเทศ ซะอีก T__T สนามบิน คุมาโมโต้ ฝั่งอินเตอร์เล็กมากกกกก มี 1 เกต เคาเตอร์มีอยู่ 4 -5 เคาเตอร์ ใช้เวลาเดินวน รอบสนามบิน ฝั่งนี้ประมาณ 5 นาทีเท่านั้นก็ทั่วล่ะ และนี่คือภาพพื้นที่ในเกตฮะ ในเกตมี 1 ร้านค้า ได้โปรดอย่ามาหวังว่าจะเจอ รอยช์ โปเตโต้ฟาร์ม ของแบรนเนมใดๆ หรืออะไรที่จะเจอที่สนามบินอื่นๆ ใช้เวลาเดินวนทั่วร้าน ไม่ถึง 1 นาที.... ของที่น่าจะซื้อเป็นของฝาก คุณค่าที่ชาวบ้าน ช่วช่อง คู่ควร ก็คือ เจ้าป๊อกกี้ยักษ์นี่แหละ อย่างอื่นเห็นแล้วน้ำตาจะไหล ด้วยความตื้นตัน เอาล่ะครับ ออกมาจากสนามบินฝั่งอินเตอร์กันฮะอยู่ไปก็เหมือนชีวิตจะได้ดีขึ้น ออกมาแล้วเดินไปวนขวาไปโลดๆ จะเจอป้าย 4 ป้ายเหล็กผู้พิทักษ์แบบนี้ ไปที่ป้ายที่ 1 ครับ จะมีรถบัสไปลงที่สถานีรถไฟเจอาร์ คุมาโมโต้ ค่ารถประมาณ 800 เยน แต่ถ้า อยากประหยัด รอที่ป้าย 4 ฮะ นั่งรถตู้ไปส่งที่สถานีรถไฟ JR ที่ใกล้ที่สุด (ฟรี ดีงามมากในจุดนี้ ) แล้วต่อรถไฟเข้าเมืองไป ทางนี้ใช้เงิน 460 เยน ระยะเวลาเดินทาง ประมาณ 1 ชั่วโมงทั้งคู่ฮะ (ทางนี้ต้องคำนวนเวลานิดนึงเพราะรถไฟที่คุมาโมโตะนั้นชิลล์ 20 นาทีจะวิ่งสักคันนึง (ภาพนี้ Canon G3X ถ่ายทไวไลท์แบบไม่ใช้ขาตั้งฮะ ISO ที่ 800 ภาพก็ยังดูโอเคนะ) ก่อนจะไปไหนกันต่อ เปิด WIFI กันก่อนเนอะ สำหรับผมไปญี่ปุ่น มา 9 รอบก็ใช้ WIFI เจ้านี้ตลอด ไม่เคยมีปัญหานะ ที่คุมาโมโตะ Samurai WIFI ก็ไม่มีปัญหาเช่นกัน ใช้ดีผ่านฉลุยฮะ ข้อดีของ การใช้พ๊อกเก็ตไวไฟ คือ เหมาใช้ได้ไม่จำกัด วันล่ะ 200 บาทเท่านั้น สามารถแชร์ได้ประมาณ 4 เครื่องฮะ เผลอแพรบเดียว เวลาเดินไวเหมือน สตรอเบอรี่อามะโอ แสนอร่อย นั่งโม้เรื่อง Samurai WIFI ไม่ทันไร เราก็มาถึง สถานีรถไฟคุมาโมโตะกันแล้วววววววว หิวมั้ย อยากกินอะไรกันหรือเปล่า อยากหาอะไรรองท้องมั้ย ? ผมแนะนำราเม็งร้านนี้ฮะ ร้านนี้เป็นราเม็งที่ถูกจัดให้รวมอยู่ในราเม็งสเตเดี่ยม(ศูนย์รวมร้านเม็งเจ๋งๆทั่วญี่ปุ่น) ที่ฟูกูโอกะด้วยฮะ ถือเป็นร้านดังของเมืองคุมาโมโต้เลยก็ว่า ร้านจะอยู่ทางฝั่งหน้าเข้าชินคันเซน นะครับ ส่วนของฝาก ของใช้ หนม น้ำ ผมแนะนำให้ซื้อ ไดโซะ หน้าสถานีฮะ เพราะอะไรก็ 100 เยนหมด สาขานี้เป็นสาขาใหญ่ ของเยอะมากกก ถ้าไปซื้อน้ำที่แฟมมิลี่มาร์ทจะโดนแพงไปอีก 50 เยนนะจ๊ะ เรียบร้อยกันล่ะ เราไปซื้อตั๋วรถรางกันฮะ เมืองนี้จะพิเศษกว่าเมืองอื่นหน่อย ภายในย่านเมือง ระบบรถสาธาณะจะมีเป็นรถรางเป็นหลักกับรถบัสฮะ เราจะต้องขอซื้อตั๋วรถรางตรงนี้ฮะ ตั๋วรถราง ราคา 400 เยน แบบเหมาทั้งวันฮะ ถ้าจะคิดเป็นเที่ยว จะอยู่ที่ 150 เยน ต่อเที่ยว (ซึ่งตอนนี้น่าจะขึ้นเป็น 170 เยนไปล่ะ) คำนวนกันดีๆฮะ ว่าจะนั่งกี่ต่ออะไรยังไง ส่วนผมนอนที่เมืองนี้ ขอซื้อเหมาแล้วกันเน้อออ ป.ล.ตั๋วรถรางสามารถใช้เป็นส่วนลดเข้าปราสาทได้ 100 เยนด้วยฮะ รถรางก็มี สองสาย A กับ B สายหลักๆที่ใช้คือ สาย A ผ่าน ปราสาทคุมาโมโตะ ผ่านย่านการค้า ชินเท็นไก ผ่าน สวน Suizenji วิธีการขึ้น ขึ้นตรงกลางรถราง ไปลงหน้ารถฮะ ตอนลงค่อยจ่ายตังค์ หรือยื่นตั๋วเหมาให้เขาดู ย้ำ ห้ามขึ้นลงผิดประตูนะคร้าบบบบบ รถรางจะผ่านไปมาเวลาไม่แน่นอนบางก็มาติกันซะ บางทีก็ทิ้งช่วง ทำใจนิดนึงนะฮะถ้าจะรถราง นั่งรถรางมาประมาณ 15-20 นาที เราก็จะมาถึงสถานี Kumamoto jo หรือ ปราสาทคุมาโมโตะ นั้นเองฮะ ขอถ่ายภาพเป็นที่ระทึกสักหน่อย ไหนๆมาถึงจุดนี้ ขอมาพูดถึงเรื่องพลังซูมของกล้องหน่อยนะฮะ ว่ามันแจ่มแมวแค่ไหน อย่างที่บอกไป Canon G3X มีระยะเลนส์ที่ 24-600 แถม+ระบบกันสั่น 5 แกน ซึ่งทำงานได้ดีมากในระยะ 24-600 ภาพนี้ คือระยะซูมที่ผมว่ากำลังสวย 1 ภาพแรกคือจุดที่ผมยืนอยู่ ที่ระยะ 24 2 ภาพสองคือ ระยะซูมออฟติคัลที่ระยะ 600 3 ภาพสามคือ ระยะซูมดิจิตอลที่ระยะ 2400 (ระยะนี้ ขอบอกเลยว่าสั่นเป็นเจ้าเข้า ประหนึ่งแผ่นดินไหว 7.5 ริดเตอร์ทีเดียว ระบบกันสั่น 5 แกนที่ให้มา ระยะที่ 2400 เหมือนจะเอาไม่อยู่นะฮะ ) ป.ล. ที่ไม่เดินไปใกล้มากๆแล้วค่อยถ่ายก็เพราะว่ายิ่งเดินไปใกล้มากๆ ต้นไม้มันก็จะบังปราสาทขึ้นเรื่อยๆฮะ ระยะที่ยืนตรงนี้ถือเป็นจุดที่เห็นปราสาทสวยพอดี ภาพขนาดของกล้อง เวลาซูมสุดฮะ ถ่ายเทียบกับมือถือ SumSung S6 เหมือนเดิม เวลาซูมสุด หน้าตามันแปลกๆเนอะ ดูไม่ค่อยหล่อเบย เดินตรงเข้าไปหาปราสาทเลยฮะ มาถึงจุดนี้ เดินตรงขึ้นไป จะไปปราสาทฮะ เลี้ยวซ้ายจะไปจุดขายของฝาก ซึ่งแน่นอน เราไปจุดขายของฝากกันก่อน ปราสาทไว้ก่อนนะ 5555555 จุดขายของฝากและร้านอาหาร ถือเป็นอีกจุดที่น่ามาเดินมากกก เขาทำออกมาเป็นเหมือนหมู่บ้านเล็กๆใต้ปราสาทฮะ บอกเลยได้บรรยากาศมากๆๆๆ สุโก้ยยยยย เน้
เคยสงสัยมั้ยฮะ ว่าทำมั้ยคุมาโมโตะ ถึงใช้ตัวมาสค๊อตเป็นหมี ? เพราะคำว่าคุมาโมโตะนั้น แปลว่า ต้นกำเนิดของหมี นั้นเอง ที่นี่ถึงเลือกใช้หมี "คุมามง" เป็นสัญลักษณ์หลลักของเมืองนี้ ใครจะซื้อ คุมามง จุดนี้มีขายมากมายพอควรเลยฮะ แวะเลือกชมได้ แต่.... ราคาแพ้งงงงงแพง ไอ้คุมามงเนี้ยะ ที่สถานีรถไฟก็มีนะฮะ แต่ราคาก็แอบแสบทรวงไม่แพ้กัน ใครไม่อยากหาแบบราคาน่ารักๆ ผมแนะนำเข้า ไดโซะ หรือ ซีเรีย ฮะ มีคุมามงของฝากในราคา 100 เยนเท่านั้น ในบริเวณจุดนี้จะมี ให้เช่าชุด แต่งตัวเป็นนินจากันด้วยฮะ ใครอยากลองแต่งตัวเป็นนินจาก็ลองดูนะฮะ ตัวนี้ มาสค๊อต ประจำปราสาทคุมาโมโตะฮะ น่ารักใช่มั้ยๆๆๆๆ ช่วงที่ไป เขามาเดินเล่นบริเวณนี้พอดีเลย จากหมู่บ้านของฝาก เดินขึ้นเขามานิดนึง เราก็จะถึง ตัวปราสาทฮะ ค่าเข้า 500 เยน ใช้ตั๋วเหมารถรางลดได้อีก 100 เยนฮะ ขอโชว์พลังซูมๆจากกล้องกันหน่อย พลังซูมอลังเหลือเกินจริงๆกล้องตัวนี้ 1.ภาพใหญ่ที่คือภาพที่ผมว่าเป็นระยะที่กำลังสวย 2 ภาพซ้ายล่างคือจุดที่ผมยืนอยู่ ที่ระยะ 24 3 ภาพขวาล่างคือ ระยะซูมดิจิตอลสุดที่ระยะดิจิตอลซูมที่ 2400 ( เป็นภาพจากยอดปราสาทฮะ) ปราสาทคุมาโต้ ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก หอคอยหน้าปราสาท ( ซึ่งก็คือ ภาพล่างนี่แหละฮะ )ข้างในไม่ค่อยมีอะไรนะ วิวก็ไม่ค่อยอลัง แต่เน้นความเก่าแก่ แบบจริงจัง ใครชอบอะไรแก่ๆน่าจะชอบ ตัวปราสาท และหอคอยเล็ก บ้านเจ้าเมือง ที่หน้าปราสาทจะมีการแสดงของซามูไรด้วยฮะ ภาพนี้ก็ซูมๆถ่ายมา จริงๆยืนอยู่ไกลพอควรเลยนะฮะ แต่มันซูมทะลุทะลวงขนาดนี้ จะอยู่ตรงไหนก็ไม่ใช่ปัญหาล่ะ ภาพนี้จากบนยอดปราสาทฮะ วิวสวยมากกกก กราบเลย มีสี่มุม วิวสวยทั้ง 4 มุมเลยฮะ ภายในปราสาทก็จะเป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับปราสาทนี่แหละฮะ แต่บอกเลย ป๋มไม่อิน เดินเล่นๆผ่านๆ 55555 แผนที่จำลองเมืองคุมาโมโตะสมัยก่อน ซูมๆๆ ปราสาทชัดๆๆ มีกล้องพลังซูมมหาศาลนี่สนุกดีเหมือนกันนะ ในส่วนของบ้านเจ้าเมือง เหมือนจะบูรณะใหม่นะ แล้วก็เหมือนเดิม ซูมๆๆกันสักหน่อย 1.ภาพใหญ่ที่คือภาพที่ผมว่าเป็นระยะที่กำลังสวย 2 ภาพซ้ายล่างคือจุดที่ผมยืนอยู่ ที่ระยะ 24 3 ภาพกลางล่างคือ ระยะซูมออฟติคอลที่ระยะ 600 4 ภาพขวาล่างคือ ระยะซูมดิจิตอลสุดที่ระยะ 2400 ซูมเข้าไปๆๆ เดาออกมั้ยฮะ ผมซูมเข้าไปที่จุดไหนเอ่ย ? ห้องนี้สวยสุดเลยฮะในบ้านเจ้าเมือง เลยฮะ มีลายทั้งผนัง เพดาน เลยฮะ มาปิดในเรื่องปราสาทคุมาโมโตะที่ภาพนี้กันฮะ เดาออกมั้ยฮะว่าภาพอะไร มันภาพนี้คือ ต้นซากุระ นั้นเอง ปราสาทคุมาโมโตะ ขึ้นชื่อเรื่องความงามของซากุระมากไม่แพ้ที่ไหนๆในประเทศ ใครที่มีแปลนจะมาชมซากุระที่ญี่ปุ่น ปราสาทคุมาโมโตะ ถือเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้ที่ไหนเลย แต่ช่วงที่ผมไปคือช่วงเดือน 1 สภาพก็อย่างที่เห็นแหละ หี่ยวแห้งตายไปหมดล่ะ !!! ไม่ช่ายยยยย มีแต่กิ่งกับดอกตูมๆติ่งๆ ต้องการผลิบานอยู่ รอช่วงประมาณ กลางเดือน 3 ฮะ ถึงจะเริ่มบานกันล่ะ หลังจากเดินเล่นขึ้นเขากันมายกใหญ่เราไปหา อะไรหม่ำกนดีกว่ามั้ย ? shintengai ย่านการค้าหลักของเมืองแห่งนี้ อยู่ไม่ไกลจากปราสาทคุมาโมโตะ สามารถเดินมาได้ฮะ บอกเลยว่าย่านนี้อยู่ได้เป็นวันๆก็ได้เลยนะฮะ ภาพนี้ถ่ายตอนกลางคืน ด้วยISO ที 800 ผมถือว่าภาพใสอยู่ในระดับที่โอเคเลยฮะ อาจเป็นเพราะเซนเซอร์ของกล้องมีขนาดใหญ่ถึง 1 นิ้ว ก็เลยช่วยให้ภาพมีคุณภาพที่โอเคก็เป็นได้ ผมขอเริ่มจาก สถานีรถราง karashimacho ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของถนนสายชอปปิ้ง shintengai แห่งนี้ Katsuretsu tei พอลงมาปุ๊ปรถรางมาปุ๊ป เราจะเจอ sunroad ขวามือฮะ หัวมุมมีเซเว่นอยู่ด้วย เดินผ่านเข้า sunroad ไป ผ่านร้านปาจิงโกะจะเจอซอยแรก เลี้ยวขวาเลยฮะ เดินต่ออีก 2 นาทีก็จะถึง Katsuretsu tei เป็นร้านขายหมูทอดร้านดังของเมืองแห่งนี้ มีรางวัลรับรองด้วยครับ ใคที่รมาเมื่องนี้แล้วไม่ได้แวะมาชิม ผมถือว่าพลาดนะฮะ ช่วงเวลาที่ต้องมาชิมคือช่วงเที่ยงถึงบ่ายสี่โมงฮะ เพราะมีเซ็ตลันช์ราคาพิเศษ ตามธรรมเนียมของญี่ปุ่น ถามว่ามีคิวมั้ย ใครมาเที่ยงๆถึงบ่ายสองก็ยืนรอเอานิดนึงฮะ แต่คุ้มค่าที่จะยืนรอแน่นอน เมนูเซ็นลันช์ฮะ อ่านไม่ออก เอาไรดีหว่า ผมใช้วิธีตีมึน เนียนๆถามเขาว่าอะไรดีที่สุดในเซ็ตลันช์ What is the best of your set lunch ? ผลที่ได้มาคือ ข้าวชุดหมูทอดชีส 1100 เยน เยอะมากกกกก ( จุดนี้ผมขอพูดถึงเรื่องกล้องนิดนึงนะฮะ Canon G3X สามารถซูมมาโครได้ถึง 5 ซม ซึ่งใช้ถ่ายอาหารได้โอเคมากฮะ แม้ในสภาพแสงไม่ค่อยเอื้ออำนวยก็ก็ตามที) เป็นการกินหมูทอดครั้งแรกที 1.ตะเกียบแดง คีบ ผักดอง ซึ่งมีให้เลือก 2 แบบ อร่อยทั้ง 2 แบบนะ ห้ามใช้ตะเกียบดำ 2.ซอสมีให้เลือก 2 ไห อันนึงข้น อันนึงใส (แบบข้นอร่อยกว่า) 3.น้ำสลัดมีให้เลือก 2 แบบ (แบบสีส้มอร่อยกว่า) 4.ตักงามาบดในถ้วย แบบนี้ 5.ไชเท้าขูด ให้กินกับซอสเต้าเจี้ยว 6.ซุปเต้าเจี้ยวกับน้ำชาฟรี 7.กะหล่ำจะเอาเพิ่มบอกนะ เติมให้ 8.ข้าวหมด ซุปหมดเติมฟรีได้ เออ...เพ่ๆๆ จะอธิบายถึงคิวหมูทอดยังเนี้ยะ ป๋มหิวแล้ววววว T__T ป.ล. ไม่ได้แปลที่เขาพูดออกหรอกน sushizenmai ซูชิเจ้าดังมีสาขาทั่วประเทศ ราคาไม่ถูกไม่แพง คุณภาพโอเค แถมเปิด 24 ชั่วโมง ราคาเริ่มต้น คำล่ะที่ประมาณ 60 เยน พอลงมาปุ๊ปรถรางมาปุ๊ป เราจะเจอ sunroad ขวามือฮะ หัวมุมมีเซเว่นอยู่ด้วย เดินผ่านเข้า sunroad ไป ผ่านร้านปาจิงโกะไปเรื่อยๆจนเจอสตาร์บัค เลี้ยวซ้ายฮะ จะเห็นแมคโดนัล เดินตรงยาวเลยฮะ ประมาณ 7 นาที จะเจอร้าน sushizenmai อยู่ซ้ายมือ เมนูนี้ ชิราชิ ราคาจะตกที่ 800 กว่าเยน ช่วงที่ไปมีเทศกาลปลาทูน่าลดราคาอยูฮะ อันนี้ โอโทโร่ ราคาคำล่ะ 200 กว่าเยน อันนี้สั่งแบบเป็นคำๆมา ซึ่งผมว่าสั่งเป็นเซ็ตจะคุ้มกว่าแต่สั่งเป็นคำเราก็เลือกที่เราอยากชิมได้ 10 คำนี้ ราคาประมาณ 1100 เยน ร้านที่สาม ร้านสเต็กเนื้อ 300 กรัม 1200 เยน ( ขออภัยอ่านชื่อร้านไม่ออก เอารูปหน้าร้านไปดูล่ะกันฮะ ) พอลงมาปุ๊ปรถรางมาปุ๊ป เราจะเจอ sunroad ขวามือฮะ หัวมุมมีเซเว่นอยู่ด้วย เดินผ่านเข้า sunroad ไป ผ่านร้านปาจิงโกะไปเรื่อยๆจนเจอสตาร์บัค เลี้ยวซ้ายฮะ จะเห็นแมคโดนัล เดินตรงยาวเลยฮะ ประมาณ 4 นาที จะเจอร้านสเต็กเนื้ออยู่ขวามือ แนะนำให้มาทานช่วงกลางวันนะฮะ เพราะมีเนื้อวากิว 300 กรัมใน 1200 เยน เนื้อไม่ได้เทพมากนะฮะ แต่เนื้อยี่ปุ่นไว้ใจได้ฮะ ยังไงก็อร่อย ร้านนี้ไม่มีเก้าอี้ให้นะฮะ เวลาทานก็ต้องยืนทานแบบนี้ ถามว่าคนเยอะมั้ย เที่ยงๆคนเยอะครับ ไม่ขนาดต้องตอ่แถวแต่ก็ เข้าออก หมุนวนกันน่าดู มาดูเจ้า หน้าตาสเต็กเนื้อ 300 กรัม 1200 เยน กันฮะ น่ากินมากกกกกก( เห็นมั้ยฮะ Canon G3X ถ่ายรูปอาหารค่อนข้างโอเลยทีเดียว ) ภายในเซ็ตจะมีข้าว สลัด ซุป มาให้ฟรีฮะ ยืนกินกันไปนะ โซบะ จับกัง 24 ชั่วโมง พอลงมาปุ๊ปรถรางมาปุ๊ป เราจะเจอ sunroad ขวามือฮะ หัวมุมมีเซเว่นอยู่ด้วย เดินผ่านเข้า sunroad ไป ผ่านร้านปาจิงโกะไปเรื่อยๆจนเจอสตาร์บัค เลี้ยวซ้ายฮะ จะเห็นแมคโดนัล เดินตรงยาวเลยฮะ ประมาณ 3 นาที จะเจอร้านซะบะจับกัง ก่อนถึง ร้านสเต็กเนื้อนิดเดียว ถามว่าอร่อยมั้ย บอกเลยว่า รสชาติงั้นๆ แต่ปริมาณน่าให้ใบประกาศมากกกกก ใครชอบจัดหนักในราคาสบายกระเป๋า ก็จัดไปฮะ ชามนี้ 790 เยน ถ้าเอาโซบะเย็นเพียวๆรู็สึกจะ 500 เยนนะ M Style อันนี้คือซุเปอร์ที่ถูกที่สุดของย่านนี้เลยฮะ จะขายของสด นม น้ำ ขนม ข้าวกล่องในราคาประหยัด ใครมองหาที่ซื้อน้ำ ซื้อหนมราคาถูกสุดๆในย่านนี้ ต้องร้านนี้เท่านั้นฮะ ผมซื้อนมสดที่นี่ได้ลิตรล่ะ 100 เยนเท่านั้น ถูกกว่าบ้านเราอีก สตรอเบอรี่หวานฉ่ำ ลูกโตก็ตกแพคล่ะประมาณ 400 กว่าเยนเท่านั้น น้ำอัดลมพวกโค้ก จะตกแค่ 70 เยนเอง ข้าวกล่องจะมีช่วงประมาณ 11 โมง 250 เยน เท่านั้นฮะ ใครอยากเซฟงบเรื่องอาหาร น้ำ หนม ร้านนี้คือคำตอบที่ใช่เลยฮะ พอลงมาปุ๊ปรถรางมาปุ๊ป เราจะเจอ sunroad ขวามือฮะ หัวมุมมีเซเว่นอยู่ด้วย เดินผ่านเข้า sunroad ไป ผ่านร้านปาจิงโกะไปเรื่อยๆจนเจอสตาร์บัค เลี้ยวซ้ายฮะ จะเห็นแมคโดนัล ร้านนี้อยู่ตรงข้ามแมคโดนัล Land Marche อันนี้คือซุเปอร์ที่ผมว่าไฮโซที่สุดของย่านนี้เลยฮะ จะขายของสด นม น้ำ ขนมปัง ขนม และ ข้าวกล่องในราคาผู้ดี้ดีกิน ราคาไม่หนีบนห้างแพงๆเลย เออ....แล้วจะแนะนำทำมั้ยเนี้ยะ ใจเย็นๆนะฮะ ร้านนี้มีข้อดีอยู่ไม่น้อย เพราะร้านนี้จะเป็นที่พึ่งพายามยากให้คุณได้ในมื้อค่ำ เพราะ เขาลดอาหารได้จริงจัง ได้ใจ ได้โลว์มากกก เวลาประมาณ 2 ทุ่ม อาหารที่นี่ส่วนใหญ่จะลด 50 % เลยฮะ ใครมองหาซูชิมื้อเย็นคุณภาพดีๆในราคาที่จ่ายแค่ครึ่งเดียว ผมแนะนำที่นี่ ฮะ land Marche พอ ลงมาปุ๊ปรถรางมาปุ๊ป เราจะเจอ sunroad ขวามือฮะ หัวมุมมีเซเว่นอยู่ด้วย เดินผ่านเข้า sunroad ไป ผ่านร้านปาจิงโกะไปเรื่อยๆจนเจอสตาร์บัค เลี้ยวซ้ายฮะ จะเห็นแมคโดนัล เดินตรงยาวประมาณ 10 นาที ร้านจะอยู่ ซ้ายมืฮะ เห็นมั้ยฮะ ดูดีมีสกุลรุนช่อง แถมเยอะด้วย ราคาเต็ม 1060 เยน ผมซื้อ ตอน 2 ทุ่ม ได้ในราคา 530 เยนเท่านั้น กราบบบบบ มาต่อกันด้วยเรื่องชอปปิ้งกันดีกว่ามั้ย ? เมื่อเป็นช้อปปิ้งสตรีท เรื่องช้อปปิ้งคงหนีไม่พ้นที่นี่มีร้านชอปปิ้งน่าสนใจหลายร้านทีเดียว ขอเริ่มจากเรื่องเครื่องสำอางค์และขนมกันดีกว่า ในย่านนี้ มีร้านขายยาเกือบ 10 ร้านเลยฮะ แต่ล่ะร้านก็มีของลดราคาต่างกันไป แต่ไหนๆก็มาถึงตรงนี้ล่ะขอขายของหน่อยนะ 55555 ขอทดสอบพลังซูมของ Canon G3X ให้ดูกันอีกครั้งนะฮะ รูปแรกคือระยะที่ 24 หน้าร้าน รูปที่ 2 คือระยะซูมสุดที่ชั้นวางของตรงที่ลูกศรชี้ให้ดูครับ สุดร้านด้านในสุด พลังซูมมหัศจรรย์มากกกก จากที่สำรวจมา ช่วงที่ไป ร้านนี้ของถูกสุดฮะ ชิเซโด้ลด 35 % แถมครีมกันแดด 7 IN 1 ของ ฮาดะลาโบะ ชาวบ้านชาวช่องขายกัน 1650 เยน ที่นี่ 1470 เท่านั้น พอ ลงมาปุ๊ปรถรางมาปุ๊ป เราจะเจอ sunroad ขวามือฮะ หัวมุมมีเซเว่นอยู่ด้วย เดินผ่านเข้า sunroad ไป ผ่านร้านปาจิงโกะไปเรื่อยๆจนเจอสตาร์บัค เลี้ยวซ้ายฮะ จะเห็นแมคโดนัล เดินตรงยาวจนเจอถนนเล็ก ข้ามถนนเล็กไปถึงถนนใหญ่ ข้ามถนนไปฮะ เข้าไปใน shintengai อีกฝั่งนึง เดินปประมาณ 2 นาทีจะเจอร้านอยู่ขวามือฮะ ใครที่เคยช้อปเครื่องสำอางค์ ที่ญี่ปุ่นจะรู้ได้เลยว่า คือมันจะเยอะไปไหน อันไหนใช้อะไรบ้างเนี้ยะ แล้วควรซื้ออะไร อันไหนดี จะให้ซื้อไปลองหมดไม่ไหวนะ งั้นผมแนะนำเป็นครีมกันแดดตัวนี้ฮะ Hada labo 7 in 1 UV Perfect Gel SPF50PA++++
ผิวชุ่มชื่นล้าลึกด้วย Nano Hyaluronic Acid และ Hyaluronic Acid มันเป็นครีมกันแดด ที่ผมว่าเทพใช้ได้เลย เพราะทาแล้วไม่หนักหน้า เหมือนมอยเจอไรเซอร์ธรรมดาเลย ส่วนใครไม่อยากเดินหาที่ซื้อของฝากให้ปวดหัวปวดตับ แวะเข้าพี่ดองกี้เลยฮะ พอ ลงมาปุ๊ปรถรางมาปุ๊ป เราจะเจอ sunroad ขวามือฮะ หัวมุมมีเซเว่นอยู่ด้วย เดินผ่านเข้า sunroad ไป ผ่านร้านปาจิงโกะไปเรื่อยๆจนเจอซอยที่ 2 เลี้ยวซ้ายฮะ จเดินตรงยาวประมาณ 5 นาที จะเจอสี่แยก พี่ดองอยู่ตรงหัวมุมพอดีเลยฮะ ส่วนใครเรียกร้องหา ห้างสรรพสินค้า บริเวณนี้จะมี ห้างอยู่ 3 ห้าง ติดๆกัน นั่งรถรางมาลงสถานี shintengai เลยฮะ วันนี้ผมแนะนำห้างนี้แล้วกันเนอะ parco เป็นห้างที่พอจะเข้าทางผมที่สุด ห้างนี้มีอะไรน่าสนใจ GU GU จะอยู่ชั้นใต้ดินของห้าง Parco มีอะไรน่าสนใจสำหรับร้านนี้ GU เป็นแบรนด์น้องของยูนิโคลฮะ ราคาและคุณภาพจะดร้อปมาจากยูนิโคลประมาณ 30 % แต่สิ่งที่ GU ดูจะมีภาษีดีกว่า ยูนิโคลคือ แบบและดีไซด์ฮะ แบบและดีไซด์จะดูเด็กลงมา มีลูกเล่นมากกว่า ถ้ายูนิโคล คือเสื้อผ้าวัยสำหรับคนทำงาน GU ถือเป็นแบรนด์สำหรับนักศึกษา และเด็กมัธยมปลายฮะ ถ้าไม่รู้จะซื้ออะไร แนะนำให้ลองเดินหาป้าย Price Down ดูครับ รับรองว่า จะมีอะไรน่าซื้อขึ้นมาทันทีเลย เพราะเวลา Price Down แล้วราคาร่วงมาเหลือประมาณ 500 เยน หรือ 150 บาทเท่านั้นเองฮะ ABC MART สาขานี้ เหมาไปเกือบครึ่งชั้นที่ ชั้น 5 ดูจะมีอะไรเยอะกว่าสาขา ข้างล่าง Seria คือร้านขายของ 100 เยนเหมือน Daiso ฮะ แต่จากที่สำรวจมาของๆ Seria ดูจะมีดีไซด์ และแอบมีคุณภาพกว่าไดโซะอยู่ประมาณนึง ใครอยากได้ของ 100 เยน ในคุณภาพที่โอเคขึ้น ผมแนะนำ Seria นี่แหละฮะ มีแม้กระทั้ง หูฟัง สายชาร์จโทรศัพท์เลยนะฮะ Seria จะอยู่ที่ชั้น 6 หรือ 7 ของห้าง Parco ฮะ ส่วนใครที่ตามหาตู้จากาปอง จากที่สังเกตมาที่คุมาโมโตะ อาจจะหายากสักหน่อย แต่ปัญหานั้นจะหมดไปทันที่ๆมาห้าง Parco ชั้นเดียวกับ ร้านขายของ 100 เยน Seria นี่แหละฮะ มีให้เลือกหยอดกันไม่หวาดไม่ไหว จากที่สายตาประมาณ น่าจะมีมากกว่า 30 ตู้นะ ตอนนี้ญี่ปุ่นฮิตตัวเกาะแก้วมาก อันนี้เป็นคอลเลคชั่นเกาะแก้วแบบใหม่กับ ปิกาจู ฮะ และแน่นอนใครตามหาแม่หญิงฟูจิโกะ เธอก็รอคุณอยู่ที่นี่ด้วย เอาล่ะครับ จบเรื่องของคุมาโมโตะไว้เท่านี้ก่อนล่ะกันน้าาาา เอาจริงๆแล้วเมืองแห่งนี้ยังมีที่เที่ยวที่กินที่ช้อปอีกหลายที่ อย่างสวน Suizenji สวนสวยที่มีภูเขาไฟฟูจิจำลอง หรือจะเป็น ภูเขาไฟอโสะ ผู้เขาไฟที่ยังไม่ดับ แต่....ไม่รู้ล่ะ เอาเป็นว่า ขอใช้สิทธิของเจ้าของรีวิว อุ้มพาเพื่อนๆไปหาอะไรอร่อยๆกินและหาที่ช้อปปิ้งที่เมืองอื่นๆดีกว่า ก็ฝนมันตกอ้าาาาา ไปเทีร่ยวก็เปียก ไปกินไปช้อปกันดีกว่าเน้ออออออ 555555 เรานั่งรถรางสาย A กลับไปยังสถานี คุมโมโต้ด้วยรถรางกันฮะ มาฮะ โดดขึ้นมาเลย อย่าลืมนะฮะ ขึ้นตรงกลาง ลงข้างหน้า จากสถานีรถไฟ คุมาโมโตะ ผมจะพาเพื่อนๆ นั่งรถไฟชินคันเซ็น เข้าไปยังเมืองหลวงของภูมิภาคคิวชูกันฮะ ใช่แล้วฮะ เราจะไปเที่ยว ฟุกูโอกะ กัน เราสามารถหาซื้อบัตรตั๋วเหมา JR North Kyushu Rail pass 3 วัน ในราคา 8,500 เยน หรือ สำหรับ 5 วัน ในราคา 10000 เยนได้ด้วย จากสถานีรถไฟแห่งนี้ หรือจะเตรียมซื้อมาจากไทย แล้วเอามาแลกตั๋วจริงทีสถานรรถไฟก็ได้ฮะ (ธรรมดาชินคันเซ็นจะตกขาล่ะ ประมาณ 5000 เยน ถ้าเราจะเข้าเมือง ฟุกูโอกะ ไปกลับก็หมื่นเยนล่ะ เพราะฉะนั้นตั๋วเหมาคือความคุ้มค่าแบบประเมินไม่ได้ครับ ซื้อตั๋วเหมาโหมดครับ) JR North Kyushu Rail pass สามารถพาเรานั่งชินคันเซ็น ทุกขบวน ระหว่างสถานี Kumamoto - Hakata (ฟุกุโอกะ) ได้นะครับ ไม่ว่าจะเป็นขบวน Tsubame , Sakura , Hikari , Kodama หรือแม้กระทั้งรถไฟความเร็วสูงสุดอย่าง Mitsuho หรือ Nozomi บตรใบนี้เราก็นั่งได้ (ถ้ามันมาให้ขึ้นนะครับ มาน้อยมากเหลือเกิน ) ผมแนะนำให้ขึ้นขบวน Sakura เพราะมาบ่อย จอดแค่ 3 ป้ายเท่านั้น ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีก็ถึงHakata (ฟุกุโอกะ) แล้ว ถ้าเป็นขบวน Tsubame มาบ่อยกว่า แต่จอดทุกป้าย จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงในการเดินทางเข้า Hakata (ฟุกุโอกะ) นอกจากนี้ JR North Kyushu Rail pass ยังสามารถพาเราไปเที่ยวได้อีกหลายเมืองเลยฮะ ไม่ว่าจะเป็น เมืองแห่งความชิลล์อย่างยูฟุริน เมืองบ่อน้ำร้อนอย่างเบปปุ สวนสนุก Huis Ten Bosch ที่นางาซากิ หรือจะเป็น ศาลเจ้ายูโตกุที่ ซางะ pass นี้ก็พาเพื่อนๆไปได้หมดฮะ คุ้มค่ามากๆๆ 40 นาทีเวลาเดินไวเหมือน สตรอเบอรี่อามะโอ แสนอร่อย เรามาถึง สถานี Hakata (ฟุกุโอกะ) สถานีนี้ถือเป็สถานีใหญ่ของภูมิภาคแห่งนี้ ใหญ่โตมากกก โออ่า แต่....เราไม่สนใจ 555555 เมื่อมาถึงสถานีนี้แล้วสิ่งที่ต้องซื้อชิมเลยคือเจ้านี่ ครัวซอง il Forno ร้านนี้ ตำแหน่งอยู่ตรงกลางของสถานี อยู่ใกล้ๆกับทางเข้ารถไฟ JR ฮะ เขาจะขายเป็นกรัม มี 3 ไส้ 1 ธรรมดา 2 ชอคโกแลต 3 รสมัน 100 กรัม 150 เยน จะได้ประมาณ 3 ชิ้นฮะ ถามว่าอร่อยมั้ย ก็อร่อยดีนะ แต่ไม่ได้อร่อยเทพจนต้องกราบ แต่เรียกว่าคุ้มกับเงินที่จ่ายไปแหละฮะ ราคาเท่านี้จะเอาหอมเนยอะไรมากมาย ทำใจเรื่องคิวนิดนึงนะฮะ ยาวตลอดเวลา ขายดี้ขายดี ภาพนี้ ได้มาด้วย พลังการซูมของเจ้า Canon G3X ยืนต่อแถวซื้อขนมอยู่ ก็ซูมๆถ่ายซะ อันนี้ถ่ายผ่านกระจกเอาฮะ จากสถานีฮากาตะ ผมจะพาเพื่อนๆไปชอปปิ้ง ไปกินที่กันก่อนที่ Canal City ห้างใหญ่ประจำเมืองฟุกุโอกะ กัน บอกเลยเราสามารถเดินมา Canal City ได้เลยฮะ จากสถานีฮากาตะ ใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาทีเท่านั้น เพิ่งพาไปซัดครัวซองเทพ (ตรงไหน) กันมาเนอะ คงยังไม่น่าจะหิวกันมั้ง งั้นพาช้อปปิ้งกันก่อนล่ะกัน Canal City ถือเป็นห้างที่ค่อนข้างจะมีของให้ช้อปเกือบครบทีเดียว เขาว่าเวลาญี่ปุ่นเข้าช่วงเซลนั้น ลดจริงๆจัง ลดกระหน่ำ ลดวัวตายควายล้มกัยเลยทีเดียว เราไปดูกันดีกว่า เรื่องเน้จริงเท็จ แค่ไหน ? ช่วงที่ไปเป็นช่วงปลายเดือน 1 เป็นช่วงที่พีคของที่กำลังเซลกันเลยฮะ ขอเริ่มจาก ยูนิโคล เป็นเทศกาลลดราคา สินค้า ฮีทเทค ไอเทมบางตัวลดราคาได้น่าชวนสติขาดมว้ากกกก ในตะกร้านี้ หมวกไหมพรม 190 เยน 60 บาท เสื้อไหมพรม 500 เยน 150 บาท หมวกกันแดด 390 เยน 120 บาท เรียกว่าลดราคาแบบแทบจะแจกฟรีกันอยู่ล่ะ ไม่ซื้อได้ไง เหมาๆๆๆ อย่างตัวนี้ เสื้อฮีทเทค ลดราคาเหลือตัวล่ะ 190 เยน หรือ 60 บาทเท่านั้น (อันนี้เจอที่ยูนิโคล สาขา คุมาโมโตะฮะ) GAP อันนี้ลดหนักลดจริง 70 % บางชิ้นเลยไป 95 % ทีเดียว ผมได้เสื้อตัวนี้มาฮะ เป็นเสื้อยืดมีฮู้ด จาก 4900 เยน เหลือ 290 เยน ถูกเวอร์ไปไหน จริงๆผมยังได้กระเป๋าหนังสะพาย จากร้านนี้มาด้วย ราคาเต็ม 20000 เยน เหลือ ประมาณ 6000 เยน เท่านั้นฮะ โชว์พาสปอร์ตลดเพิ่มอีก 10 % ด้วยครับร้านนี้ ZARA นี่ก็ลดจริงจัง 70 % เสื้อโปโลคอปก เหลือตัวล่ะ 990 เยน 300 บาท หมวก แอสเซสซารี่บางชิ้น เหลือ 790 เยน 240 บาท เท่านั้น ถือว่าราคาเป็นมิตรมากกก สำหรับ ซาร่า จริงๆที่คุมาโมโต้ก็มี ซาร่านะครับ ร้านใหญ่ไม่แพ้ที่นี่ ของที่ลดราคาก็คล้ายๆกัน อยู่ที่ ชินเซไกนั้นแหละฮะ อย่างที่บอกไป ช่วงนี้เป็นช่วงลดกระหน่ำ ซัลเมอร์ซอล ร้านแบรนด์อื่นๆก็ลดจัดหนักเหลือเกิน ใครพอมีเวลา แนะนำให้เดินดูของช้อปปิ้ง กัน เชื่อว่าคงได้ของฝากดีๆราคาถูกใจ หลายอย่างเลยล่ะ เดินช้อป เดินวน เดินหลงกันไปพอควรแล้ว ทรัพย์จางหิวข้าวกันหรือยังฮะ เราไปกินรางเม็งกันดีกว่า ที่ Canal City ที่ชั้น 5 F จะมีศูนย์รวมราเม็งทั่วประเทศอยู่ฮะ เอาจริงๆก็ไม่ได้ทั่วประเทศหรอก มีแค่ 8 ร้าน แถมส่วนใหญ่ก็วนๆอยู่ในคิวชูนี่แหละ คำถามยอดฮิต กินร้านไหนดี ? อืมมมมมม ส่วนใหญ่ ก็จะเป็น ราเม็งซุปกระดูกหมูนะ ซึ่งผมชอบซุปประเภทนี้อยู่แล้วฮะ (เค็มๆมัน และอ้วนๆ T__T) บอกเลยว่าไปถึงที่เราจะณุ้ได้เองฮะ ว่าร้านไหนน่ากิน เพราะส่วนใหญ่เราจะเลือกร้านคนเยอะไว้ก่อน เพราะเปอร์เซนต์อร่อยมีสูง 55555555 ผมจึงเลือกร้านเน้ ฮากาตะ ราเม็ง ของดีอีกอย่างของเมืองฮากาตะฮะ ดูคนออหน้าร้านสิฮะ ต้องอร่อยแน่ๆเลย แพร่บๆๆๆ บรรยาากาศในร้าน พอเข้ามากินปุ๊ป ทำมั้ยคนหายไปไหนหมดแวะ เมนูนี้เป็นเมนูยอดฮิตราคา 790 เยน หยอดเหรียญที่หน้าร้านซื้อคูปองก่อน จะเอาชามไหนก็ ใส่เงินเข้าเครื่องกดไป (มันมีรูปให้เลือกฮะ ไม่ต้องกลัวกดผิด) แล้วเอาคูปองมายืนให้พนักงาน เราจะได้ราเม็ง มาฮะ ถามว่าอร่อยมั้ย คำตอบตืออร่อยฮะ อร่อยแบบทั่วไป ก็ไม่ได้ถึงขนาด ต้องกรีดร้องสาวแตก แสงพุ่งออกจากปากเหมือนในการ์ตูน (หรือว่าผมควรจะทำรีแอคชั่นแบบนั้น 55555) ส่วนใครไม่อยากราเม็ง ผมลากไปชิมซูชิ จานหมุนติ้วๆ เจ้าเด็ดกันดีกว่า ร้านนี้ชื่อ Kura Sushi เป็นร้านซูชิจานหมุนที่ที่มี สาขาทั่วประเทศ ที่เมือง ฟูกูโอกะ มีอยู่ด้วยกัน 3 สาขา สาขาที่ผมจะพาไปหม่ำกันคือ สาขา B จากการเสริช กูเกิ้ล ฮะ มาไม่ยากเลย นั่งรถไฟมาแค่ 2 ป้ายเอง แล้วเดินอีก 8 นาที เดินมาไม่ยากนะครับ ไม่ได้ซับซ้อนเเลยฮะ เมื่อเดินมาถึงหน้าร้านจะเป็นแบบนี้ฮะ Kura Sushi ถือเป็นร้านซูชิเกรดดร้อปกว่าซูชิเซนมัย ลงมานิดเดียวเท่านั้น แต่ราคาได้ใจประชาชีมว้ากกก ควรสรรเสริญให้โลกรับรู้อย่างยิ่ง ทำมั้ยถึงแนะนำร้านนี้ ก็เพราะว่า เมนูนี้ ทุกอย่าง 100เยน เท่านั้น ดีงามพระราม 5 มว้ากกกกก แซลม่อน หอยเชล กุ้งหวาน เทมปุระ ปลาเงิน เอนกาวะ ฯลฯ เรียกว่า 95% ของเมนูในร้านราคาแค่อย่างล่ะ 100 เยนเท่านั้นฮะ และคุณภาพโดยรวมก็ไม่ขี้เหร่นะครับ อย่ามโนว่าคุณภาพจะเหมือน ชาบูชิ หรือ ซุกี้ชิ ของบ้านเรานะบอกเลยดีกว่ามว้ากกกก กราบงามๆให้เลย ราคานี้ ของเกรดนี้ ร้านก็เป็นซูชิจานหมุนไปหมุนมานี่แหละ ผมโชคดีมว้ากกได้นั่งที่ 40 คือโต๊ะตัวสุดมท้ายของรางฮะ หมายความว่า ไอ้ของดีๆที่อยู่บนพานนี่ไม่ได้พบไม่ได้เจอแน่นอนฮะ T__T ชีวิตตกอับได้อีก ป.ล.ผงชาอยู่ในกระปุกหน้าโต๊ะ แก้วอยู่บนเคาเตอร์ ปุ่มๆดำๆๆนั้นที่กดน้ำร้อนฮะ แต่เราไม่ง้อครับ เพราะเราสามารถเลือกสั่งเมนูได้จากมอนิเตอร์ด้านบน จิ้มๆๆเอาเลยฮะ จะกินไร ถ้าไม่มี ราคาบอกหมายความว่า มันคือ 100 เยนฮะ จัดไป จิ้มเสร็จแล้วจะมีรางด่วนพิเศษมาส่งให้เราครับจะเป็นรางที่อยู่ด้านบนรางปกติ รับแล้วก็กดปุ่มเขียวส่ง รางพิเศษกลับให้เขาด้วยนะฮะ มาดูกันดีกว่า ผมโซ้ยอะไรไปบ้างงง อันนี้คือ ปลาหมึกญี่ปุ่น ( คือ ก็ไม่ได้อยากจะขายของบ่อยๆหรอกนะฮะ แต่ Canon G3X ถ่ายอาหารได้ดีกว่าที่ผมคิดไว้มากทีเดียว เพื่อนๆดูกันเอาเองนะ นี่ขนาดภาพเป็น Jpeg นะฮะ ถ้าถ่ายด้วย Raw จะขนาดไหนน้อ กล้อง Canon G3X สามารถถ่ายไฟล์ Raw ได้ด้วย) ทูน่าสับ และ ปลาเงิน ทาโกะ และ ทูน่าชุบโชยุ หอยเชล และ อิกะ ใครอยากรู้หน้าตาจานที่เกิน 100 เยน หน้าตาจะเป็นแบบไหน หน้าตาก็จะเป็นแบบนี้ฮะ มีจานรองแบบพิเศษมาให้ จานนี้ 200 เยน กุ้งหวาน 3 อย่าง อีกุ้งตัวโต ฟินมากกก ขอบอก มื้อนี้ซัดไป 10 จาน 1100 เยนเท่านั้น 330 บาท ถูกมว้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ก้มกราบบบบบบบ ฮือๆๆๆ ถูกและดียังมีอยู่เนอะ กินเสร็จแล้วอย่าเพิ่งรีบกลับกันนะฮะ เพราะฝั่งตรงข้ามร้าน Kura Sushi มีร้านขายเสื้อผ้า แอสเซสเซอรี่ และ นาฬิกา มือสอง ร้านโปรดผมดอยู่ด้วย ร้านนี้ชื่อ Jumble Store ผมไปญี่ปุ่นทุกครั้งก็แวะช้อปร้านนี้ ตลอด ร้านนี้จะเป็นร้านขายของมือสองที่มีขายทั้งแบรนด์เนม และไม่แบรมเนม มีสาขาตามเมืองใหญ่ๆทั่วญี่ปุ่นเลยนะฮะ ที่ฟุกุโอกะ น่าจะมี 3-4 สาขาได้ ที่ คุมาโมโต้ก็มี 3 สาขาเหมือนกัน ผมเคยซื้อเสื้อโค้ท จากร้านนี้ ตัวล่ะ 1200 เยนเอง ( 400 บาท) ซื้อมา 5 ตัวเลยจ้าาา 5555555 สวยและก็ดูดี ทีเดียวฮะ ลองแวะดูฮะ บางทีคุณอาจได้ของดีติดไม้ติดมือกลับมาก็ได้ มาปิดท้ายรีวิว ด้วยเรื่องโรงแรมที่หลับที่นอนกันสักนิด จองรวมตั๋วเรื่อบินไป ตกคืนล่ะ 1000 บาทเท่านั้น (ไม่มีอาหารเช้านะครับ) โรงแรมชื่อ Hokke club Kumamoto มาดูกันดีกว่าครับ โรงแรมคืนล่ะ 1000 บาท จะเป็นไงกันบ้าง ทำเลที่ตั้ง อยู่ห่างจาก จากสถานีรถรางนิดเดียวครับ รถรางผ่านหน้าโรงแรมเลย 4 ป้ายจากสถานีรถไฟคุมาโมโตะด้วยรถรางสาย A ส่วนกลาง ไม่มีอะไรมาก ลอบบี้โรงแรม ขาวสะอาดและยังดูใหม่อยู่เลย ชั้น 3 มี ออนเซ็นให้ด้วย (ขอไม่ถ่ายข้างในนะฮะ รบกวนแขก) พร้อมห้องซักรีด ห้องพักคืนล่ะ 1000 บาท หน้าตาเป็นเยี่ยงนี้ฮะ ห้องเล็ก ยาวๆ โดยรวมผมโอเคมากเลยนะฮะ 1000 เดียวได้เท่านี้ตรบมือให้แล้ว แถมมีห้องน้ำในตัวด้วย ( Canon G3X อาจไม่เหมาะกับการถ่ายรีวิวโรงแรมสักเท่าไหร่ ด้วยระยะกว้างที่สุดอยู่ที่ 24 อาจไม่เพียงพอกับการเก็บภาพในมุมกว้างสักเท่าไหร่ แต่ จากรูปที่ถ่ายมา จะเห็นได้ว่าระยะที่ 24 ก็กว้างพอประมาณนึง เรียกว่าเก็บเป็นข้อมูลมาให้เพื่อนๆได้ไม่ขี้เหร่) แต่ไม่รู้ว่าโชคดี หรือโชคร้าย คืน 2 แอร์เสียเขาย้ายห้องมาให้ใหม่เป็นห้องนี้ฮะ ไม่ค่อยต่างกันนะ ดีกว่าตรงมี หน้าต่างระบายอากาศ ห้องน้ำเล็กๆ สมราคาเขาล่ะ อย่างน้อยก็มี ห้องน้ำส่วนตัว โอเคแล้ว อยากลงอ่างใหญ่ๆไปลง ชั้น 3 กันฮะ ผลิตภัณฑ์อาบน้ำใช้ของ ชิเซโด้ สรุป เรื่องเที่ยว คุมาโมโตะ อยากจะบอกว่ารีวิวผมอาจจะดูแปลกๆไม่เหมือน รีวิวไหนๆ อาจเน้นที่เที่ยวน้อยไปนิด เพราะทริปนี้ไปในช่วงที่อากาศไม่ค่อยจะเป็นใจสักเท่าไหร่ ผมจึงเลือกปรับทริปให้มันเข้ากับอากาศที่พายุเข้า ผมไม่ได้ซีเรียสว่าจะได้ไปทุกที อากาศดีก็ไปเที่ยว ฝนตก ก็หาอะไรกิน หรือช้อปปิ้งก็ได้ มีความสุขเหมือนกันฮะ บางทีความสุขของการท่องเที่ยว อาจไม่ใช่การได้ไปเช็คอินทุกทีตามลิสที่มี แต่เป็นการไปพบเจอประสบการณ์ใหม่ๆในแบบที่เราไม่เคยสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเที่ยว เรื่องกิน หรือ เรื่องช้อปปิ้ง ส่วนเมืองคุมาโมโตะนั้น ใจแรกที่คิดก่อนมาเจอเลย คือ บ้านนอกแน่ๆ 555555 แต่พอมาเจอจริงๆ คุมาโมโตะเป็นเมืองที่โอเคมากๆๆ อยู่หลายวันได้โดยไม่เบื่อเลยฮะ มีทุกอย่างที่เมืองใหญ่ๆเขามีกันนะ ค่าครองชีพก็ถูกกว่าด้วย เมืองส่วนใหญ่เงียบสงบนะ แต่จุดที่เป็นเซนเตอร์ก็เจริญจริงจัง มีครบทุกอย่างที่เมืองใหญ่ควรจะมี แถมคุมาโมโตะยังไม่ห่างจากเมืองหลวงของภูมิภาคคิวชูด้วย เดินทางเข้าฟุกุโอกะสะดวก ง่าย และรวดเร็วด้วย ผมถือว่าเมืองนี้ผ่านฉลุยเลยฮะ สำหรับการเลือกมาพักผ่อนที่......ญี่ปุ่น ในครั้งนี้ ป.ล. ส่วนเรื่องขากลับของฮ่องกงแอร์ไลน์ ขอไม่พูดถึงในกระทู้นี้นะฮะ เดี๋ยวจะอารมณ์เสียเปล่าๆ ขอไปตั้งกระทู้แยกต่างหากนะครับ กราบบบบบ สรุป เรื่องการทดสอบกล้อง Canon G3X สรุปสั้นๆง่ายๆ เขียนเยอะไป ก็เวิ้นเวอร์เพ้อเจ้อ Canon G3X มันคือกล้องคอมแพค ที่หลอมรวมความสามารถของกล้อง DSLR และคอมแพคเข้าไว้ด้วยกันนั้นเอง จุดแข็งของกล้องตัวนี้ มีหลักๆ 4 ข้อหลักๆเน้นๆเลยฮะ 1.พลังซูมมหาเทพ (24-600 mm ) 2.ไฟล์ภาพที่มีคุณภาพ (ด้วยเซนเซอร์ CMOS ขนาดใหญ่ถึง 1 นิ้ว และสามารภถ่ายไฟล์ RAW ได้ด้วย ) 3.Wi-Fi และ NFC สำหรับการส่งรูปเข้าสามาร์ทโฟนได้ทันที 4. ถ่ายวิดีโอได้ระดับ 1080p ที่ 24, 30 และ 60 ภาพต่อวินาที (อันนี้ไม่ได้ลองมาให้ดู) ส่วนข้อเสียหลักเลย ผมให้ 2 ข้อ 1. น้ำหนักตัวที่จะเกินงามไปนิดนึง 735 กรัม แอบหนักนะเนี้ยะ 2. ราคาค่าตัวแอบแรงไปสักนิดน้าาาาา พ่อคุณ |
Paksabuy
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() Free counters Group Blog
All Blog
|
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |