เชจู เกาะสวรรค์ (เกาหลี) ไม่ไปไม่รู้นะจ้าาาาา Part Fin

안녕하세요? อัน นยอง ฮา เซ โย สวัสดีคร้าบบบบบบมิตรรักแฟนบล๊อกทุกท่าน ไม่ทราบ มีใครรอรีวิวภาคจบของเกาะเชจูกันอยู่หรือป่าวววววน้อออ ถึงไม่มีก็ไม่เป็นไรเพราะนายพัก..สบายจะยัดเยียดให้ดู อิอิ  มามะ มามะ เรามาเดินทางกันต่อดีกว่า ในภาคที่แล้ว เราเกริ่นถึงเรื่องที่เที่ยวมากมายหลากหลายที่ ซึ่งแต่ล่ะที่ก็ชวนเมื่อยขาคิดถึงสปานวดเท้ากันไป แต่มาภาคนี้ เราขอมาสบายๆ ลั้นลา ลั้นลา ทำตัวไฮโซเสมือนอย่างราชา นอนสบาย กินอร่อย ช้อปสนั่น  ใครที่คิดว่าภาคที่แล้วมันไม่ใช่แนวฉันลองมาชมภาคนี้กันดีกว่า เผื่อจะค้นพบทางสว่างในชีวิตกันบ้าง ก่อนอื่นเลย เรามาดูที่ซุกหัวซุกตัวนอนกันก่อนดีกว่า จะเริ่ดเลอเพอเฟคเหมือนที่นายพัก...สบายโม้แค่ไหน

Ocean Suites Jeju Hotel คือโรงแรมที่เราซุกกันในทริปนี้ ตามคำบอกเล่าจากอาโกว (อโกด้า) แล้ว ที่นี่ถือว่า เป็นโรงแรมระดับสี่ดาว ทำเลอยู่ในเมือง ติดทะเล(ที่เล่นไม่ได้) ใกล้แหล่งชุมชน ไม่ห่างสนามบิน และราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 3000 นิดๆ  ก่อนไปผมก็ลองรื้อๆข้อมูลดูคะแนนรีวิวจากอาโกวนี่แหละ คะแนนเฉลี่ยอยู่ประมาณ 9 แถมในรีวิวแทบไม่มีใครด่าเลย มีแต่คนชม ว่าดีอย่างงั้น ดีอย่างนี้  โว้วววววๆๆๆ น่าสนใจทีเดียวนะ อิอิ มามะ มามะ เราไปสำรวจกันดีกว่าว่าโรงแรมนี้จะเด็ดจริงตามที่อาโกวบอกมั้ย





ขอเริ่มจากลอบบี้ครับ บอกตรงๆ ลอบบี้มีว้าวอยู่แค่มุมนี้มุมเดียว ที่เหลืองั้นๆทั่วๆไปครับ สถานที่ๆลอบบี้ไม่ได้เน้นตกแต่งหรูหราชวนว้าว วู้ว โว้วววว อะไรมากมาย เน้นพื้นที่โล่งๆเยอะ น่าจะเพื่อที่จะให้รับกรุ๊ปทัวร์ได้ไม่อย่างแออัด และจากลอบบี้เราสามารถเดินไปมินิมาร์ทแบรนด์ 25 ได้เลยครับ ร้านอยู่ในตัวตึกเดียวกับโรงแรม ส่วนเรื่องที่ผมประทับใจที่สุดคือความสะอาดสะอ้าน ผมให้เต็มสิบเลยครับ









บริเวณลอบบี้มีห้องอินเตอร์เน็ตด้วยครับ ขนาดเล็กๆ ตกแต่งเรียบง่าย แอบเหมือนว่าจะใช้ฟรีนะ ส่วนห้องข้างๆเป็นสปา (ที่ไม่มีโอกาสได้เข้าไปดู)



และนี่คือจุดที่ผมว่า ว้าววววววววววววว ที่สุดของโรงแรมแห่งนี้แล้ว บูลโอเชี่ยน ห้องอาหารหลักห้องเดียวของที่นี่โดยรวมๆก็ตามรูปครับ ถ่ายไรมากไม่ได้เขาห้ามถ่ายเยอะอ่ะ ไลน์อาหารเช้าก็ถ่ายไม่ได้ แต่ไม่เป็นไร ถ้าที่ไลน์ไม่ได้ ผมตักมาถ่ายที่โต๊ะก็ได้ พัก...สบายไม่แคร์สื่อขอบอก (ส่วนมื้ออื่นๆไม่ได้ชิมในโรงแรมนะครับ ได้โปรดอย่าถาม ไม่รู้เลยจริงๆ )







ขอบอกว่าค่อนข้างปลื้มกับอาหารเช้าที่นี่มว้ากกกกกกกกกก เพราะจัดอาหารแบบเกาหลี้ เกาหลีให้เต็มสตรีมเลย ไม่ว่าจะเป็น บูโกกิ บูชูมันดู แกงกะหรี่เกาหลี ซุปสาหร่าย ซุปกิมจิ เครื่องเคียงแบบจัดหนัก แถมรสชาติก็ไม่ได้ง่อยเปลี่ยชวนด่า หรือทำแบบขอผ่านๆไปทีนะ เท่าที่ชิมมาแทบทุกอย่างเรียกว่าอร่อยเลยครับ ในไลน์ น้ำผลไม้ น้ำอัดลม น้ำเปล่า เลือกกันได้ตามสบายอุรานะ มะค่ะ





ข้าวต้มถ้วยนี้รสเยี่ยมมากแถมชื่อดูดีมีชาติตระกูลมว้ากกกก ตามชื่อแล้วมันคือ ข้าวต้มสาหร่ายใส่เป๋าฮือ (แต่เป็นวิญญาณเป๋าฮื้อนะฮ้าาาาา เดี้ยนหาเนื้อไม่เจอ เจอแต่กลิ่นอันอบอวลชวนน้ำลายหก) มีให้ซัดทุกวันเลยครับ ซึ่งผมก็ไม่ขัดศรัทธาเหมือนกัน จัดมันทุกวันเลยยยย อร่อย 5555



อาหารเช้าแบบฝรั่งก็มีครับ เท่าที่ชิมดูก็ตามมารตรฐาน 4-5 ดาว ไส้กรอกก็ใช้ของดีทีเดียว แต่ที่ชอบและในไลน์อาหารบ้านเราไม่ค่อยมี คือเฟรนฟรายครับ ทอดมาได้เป็นอย่างดี กรอบ อร่อย และไม่อมน้ำมัน ทำมั้ยบ้านเราทำไม่ได้อย่างนี้นะ



จัดของหวานกันตบท้ายสักนิด กับวาฟเฟิลทำสดใหม่ รสชาติโอเคนะครับ (กินมันทุกวันเหมือนกัน) แต่แลดูแอบบอบบางไปสักนิด มันเลยออกกรอบๆไปสักหน่อย เลือกทานกับท๊อปปิ้งหลากหลายและผลไม้

ป.ล. มาเกาะเชจูถ้าใครชอบทานผลไม้ ต้องลองชิมส้มครับ ส้มบนเกาะเชจูเรียกกันว่า แทนเจอรีน เป็นของขึ้นชื่อของเกาะเชจู



เอาล่ะครับที่เหลือทั้งโรงแรมผมไม่ได้ไปเอกโพเลอร์ไปที่ไหนล่ะ นอกจากห้องพักเท่านั้น งั้นเราไปดูห้องพักกัน ห้องที่ผมพักเป็นห้องระดับ Family ห้องที่นี่ผมว่าดูใหม่กว่าในเวปของโรงแรมพอควรนะ ที่สำคัญห้องกว้างมากกกกก อยู่สบายๆ นั่งสบาย นอนสบาย หมอนกับผ้าห่มนุ่มมากกกกกกเลยครับ (เตียงแอบแข็ง) ห้องนอนหลักอธิบายความกว้างแบบคร่าวๆแล้ว มีพื้นที่ว่างกลางห้อง น่าจะตั้งวงไพ่ขาครบๆได้หนึ่งวงเลยครับ







อ่ะๆๆๆ มีห้องนอนเล็กให้ด้วย ห้องเล็กนี้จัดวงไพ่ขาครบๆได้อีกวงเลยครับ เริ่ดแท้นะพ่อคุณ



ในห้องจะเป็นห้องโล่งๆมีแค่ตู้เสื้อผ้า สามารถเอาฟูกหมอนจากในตู้เสื้อผ้าออกมาปูนอนได้



ห้องน้ำ มันช่างต่างจากขนาดไซด์ห้องพักเสียเหลือเกิน เล็กกระทัดรัด แต่ไม่เท่าไอบิสนะ เพียงแต่เมื่อมาเทียบกับไซด์ห้องพักแล้วดูไม่ค่อยจะเข้ากันเลยยยยยย อุปกรณ์ปุ่มกดเวลาทำธุระส่วนตัวมีพร้อมมมมมมม



เซ็ตของในห้องน้ำมีเท่าที่เห็นนี่แหละครับ



โทรศัพท์แอบไฮโซ ส่วนหัวปลั๊กแปลงไฟใครไม่มี ไม่เอามา Don t worry นะฮ้าาา ไปยืมเอาที่ฟร้อนได้ครับ ค่ามัดจำ 10000 วอน ตอนเช็คเอาท์เขาจะคืนให้ครับ



แล้วแถวๆ โรงแรม Ocean Suites Jeju Hotel มีอะไรน่าสนใจบ้างล่ะ ไปไหนได้บ้าง คุ้มมั้ยล่ะที่จะมานอนแถวนี้ เอาล่ะครับ เรามาดูกันดีกว่าแถวๆนี้มีอะไรน่าสนใจ ขอเริ่มจากหน้าโรงแรมเลยครับ หันหน้าออกทะเลไป



เดินไปทางซ้ายมือประมาณ 5 นาที คุณจะเจอ E mart อีมาร์ทคืออะไร เจ้าของเป็นผู้หญิงใช่มั้ยถึงใช้คำว่า อี ขายอะไรกันเหรอ ฉันควรจะไปมั้ย มีอะไรน่าสนใจ มีของลดราคามั้ย ชอปปิ้งอะไรดี ทุกคำถาม เรามีคำตอบที่เป็นบทสรุปของอีมาร์ทให้ครับ อีมาร์ท มันคือ โลตัสครับ ใช่ครับ มันคือ ห้างโลตัสบ้านเรานี่แหละ จากที่เดินสำรวจมาแล้ว ที่นี่เหมาะกับการซื้อขนมเป็นของฝากมากที่สุด ใครอยากซื้อขนมเกาหลีเป็นของฝากแนะนำให้มาซื้อที่นี่เอาครับ มีให้เลือกเยอะ แถมมีราคาโปรโมชั่นด้วย





เราเริ่มกันใหม่อีกครั้งจากหน้าโรงแรมหันหน้าออกทะเล เดินไปทางขวามือประมาณ 10 นาที เราจะเจอโซนขายอาหารทะเลกันครับ อาหารทะเลที่นี่สดมว้ากกกกกกกกกกกกก สดแบบที่เรียกว่ายังว่ายน้ำเล่นกันอยู่ในตู้ทุกอย่างเลย ใครจะกินอะไรก็ชี้เอาครับ T__T







อย่างจานนี้ ก็แปรรูปมาจากรูปข้างบน จะเห็นได้ว่าสดมว้ากกกกกกกกกกก อาจจะเรียกได้ว่ามากไปมั้ย จะเห็นได้ว่า ซาซิมิปลาหมึกเนื้อใสแจ่วเลย ถ้าบ้านเราจะหาทานแบบนี้ได้ต้องไปตกหมึกเอาเท่านั้นครับ แต่ที่นี่ไม่ต้อง หาทานแบบนี้ได้ทุกร้าน ราคาจานนี้ 30000 วอน (1000 บาท)ครับ ใครว่าแพงเดี๋ยวพาไปหาที่ถูกๆให้ครับ อิอิ



ถัดจาก ย่านซีฟู้ดไม่ไกลนัก (จุดสังเกตหลัก จะอยู่ตรงข้ามแมคโดนัล ) เราจะเข้าสู่โซนหมูดำกันครับ แถบนี้จะมีร้านขายหมูดำกันเยอะ หมูดำถือเป็นอาหารขึ้นชื่อของเกาะเชจูครับ ถ้ามาเกาะเชจูแล้วไม่ได้ลองหมูดำถือว่าพลาดอย่างใหญ่หลวงเลยครับ การกินหมูดำก็คล้ายๆกับการกินหมูกระทะบ้านเรา แต่จะไม่เป็นบุฟเฟ่ครับ



ร้านที่ผมเลือกมาทานคือร้านนี้ครับ ยอมรับเลยครับว่าสุ่มมา ลำบากใจมากจำได้ว่าอารมณ์ขณะนั้นเหมือนเลือกซื้อลอตเตอรี่เลยครับ  แต่ที่เลือกทานร้านนี้เพราะเห็นว่าร้านนี้คนกินเยอะ คนแน่น คนเต็มตลอด เก้าอี้ดนตรีเหลือเกิน และเราเลือกไม่ผิดร้านจริงๆ เพราะมันอร่อยมากกกกกกกกกกก ราคาก็ไม่แพงด้วยครับ  อร่อยขนาดที่มากินมันสองมันสองวันติดเลย มารู้ทีหลังตอนก่อนกลับว่าร้านนี้ลงหนังสือแนะนำร้านอาหารของเกาะเชจูด้วย ความรู้สึกหลังจากทาน เหมือนถูกหวยสามตัวเล็กๆ ราคาเริ่มต้นที่นี่เริ่มที่คนล่ะประมาณ 15000 วอน (450 บาท)



บรรยากาศร้านจะประมาณนี้ครับ



เครื่องเคียงมาแบบจัดเต็ม จัดหนัก   ตอนก่อนเริ่มทานพี่สาวเจ้าของร้านใจดีจะมาสอนวิธีกินให้ด้วยครับ

ไอ้ที่เรียงในกระทะนั้น เขาก็ทำให้นะ ไม่มีปัญญาทำหรอกครับ



อิอิ ย่างเสร็จแล้วก็ใส่เครื่องเคียง เติมซอส ห่อผัก เหมือนเมี่ยงคำ เอาซะเลย (ภูมิปัญญาชาวไทยนี่แหละ ) ผักจะมีให้สองแบบคือใบชิโซยักษ์ กับผักกาด อร่อยทั้งคู่เลยครับ





กินไปสักพัก เขาจะเอาไข่ตุ๋น กับซุปกิมจิทะเล มาเสริฟให้ฟรีครับ รสชาติ อร่อยทั้งคู่ ไข่ตุ่นจะหอมๆหน่อย เนื้อจะไม่เหมือนไข่ตุ่นบ้านเราหรือไข่ตุ่นญี่ปุ่นนะ เรียกว่าเป็นลูกผสมดีกว่า



ส่วนซุปกิมจิทะเลจะออกเผ็ดร้อนหน่อยๆ ซดแก้เลี่ยนเพลินเลยครับ



ถ้าเราสั่งข้าวผัดเกาหลี เราต้องรอ จนเรากินหมูย่างเสร็จก่อน (เราต้องเหลือหมูและเครื่องเคียงบนกระทะไว้บ้าง) จากนั้น พี่สาวเจ้าของร้านแกจะมาขยำขยี้เครื่องที่เราเหลือบนกระทะ ใส่เครื่องปรุงรสซอส พร้อมข้าวลงไปคลุกผัดใหม่





วิธีกินคือให้ตักกินจากกระทะเลย ห้ามตักใส่จานแยกเด็ดขาด รสชาติจะออกคล้ายๆ บิบิมบับ แต่อันนี้จะออกรสมันกว่า ซึ่งผมว่ามันอร่อยกว่าบิบิมบับอ่ะ



สรุปโดยรวม

ผมว่าหมู(ดำ)กระทะร้านนี้ ผมให้เป็นมื้ออาหารที่อร่อยที่สุดบนเกาะเชจูครับ ด้วยราคาที่ไม่แพงอะไรมากมายเมื่อเทียบกับรสชาติความอร่อยแล้ว ไม่ว่าจะมองแง่ไหน ขอบอกว่ายังไงก็ต้องมาโดนครับ อร่อยมาก อยากกลับไปกินอีกอ่ะ

ถัดจากร้านหมูดำไม่ไกล เราเดินเข้าสู่ถนนเมนหลักเราจะเข้าสู่แหล่งชอปปิ้งกันครับ บนถนนเส้นนี้มีร้านไก่ทอดน่าสนใจอยู่ร้านนึง ที่ว่าน่าสนใจก็เพราะว่า ร้านนี้ขายดีมีคนกินตลอดเลย คนในร้านมีคนไม่เยอะนะ แต่คนมาสั่งกลับบ้านกันเยอะมากกกก



ราคา 12000 วอน (360 บาท) กับไก่ทอดสไตล์เกาหลีหนึ่งตัวพร้อมมันทอดครับ ทานกับเคืองเคียงคือ ไชเท้าดอง



เอาล่ะครับหมดเรื่องกินกันไป ใครกำลังรอเรื่องชอปปิ้ง ถึงเวลาเผาเงินกันแล้ววววว  บนถนนเส้นนี้ (บนเส้นเดียวกับร้านไก่ทอด ) เราสามารถไปเดินชอบปิ้งได้ตลอดสายครับ เดินไปได้เรื่อยๆ บนถนนเส้นนี้จะมีของแบรนด์เนมหลากหลายให้ได้ชอปปิ้งกัน









มีร้านไดโซะด้วยครับ ร้านนี้เป็นร้านสาขาใหญ่มีด้วยกันถึงสามชั้นเลย ของในร้านมีหลากหลายมากครับแถมมีหลายราคาด้วย ดูราคากันดีๆนะครับ ที่นี่ถือเป็นอีกจุดที่น่าจะหาซื้อของฝาก



จุดนี้คือจุดไฮไลท์บนถนนเส้นนี้ครับ แหล่งช้อปปปิ้งใต้ดินสำหรับคนรักการช้อปปิ้ง



หลักๆแล้วจะเป็นเครื่องสำอางค์ เสื้อผ้าหลากหลายแนว มีมารวมกันอยู่ที่นี่ อารมณ์จะคล้ายๆแพลตตินั่มบ้านเรานั้นครับ

















หลังถนนชอปปิ้งเส้นนี้จะมีตลาดปลาอยู่ด้วยครับ ใครชอบเดินตลาดสด ผมแนะนำเลยครับว่าต้องมาเดินดู ขอบอกว่าตลาดสดตลาดปลาแห่งนี้ให้อารมณ์ประหนึ่งอคอเรี่ยมบ้านเราเลยครับ อาหารทะเลที่นี่เรียกว่าร้อยล่ะ 90 สดกันแบบอยู่ในตู้ปลาสยามโอเชี่ยนเวิร์ลเลยก็ว่าได้


บรรยากาศตลาดปลาที่นี่ ผมไปเดินช่วงค่ำแล้วร้านเริ่มปิดกันหมดแล้วครับ หรือที่บ้านเราเรียกว่า ตลาดวาย นั้นแหละ



ซีฟู้ดดดด สดกันประหนึ่งว่าเหมือนเดินดูปลาสวยงาม ในสยามโอเชี่ยนเวิร์ล  น่าเรียนรู้ น่าศึกษา น่าค้นหา ตอนเดินดูก็เพลินดีนะครับ ตื่นตา ตื่นใจ ว้าววู้ววว โว้วววววว แต่พอคนมาซื้อเท่านั้น กลายเป็นหนังสยองชวนหลอนมากกกก เขาจะเอาอะไรชี้ๆๆๆ แม่ค้าจัดการกันสดๆ เป็นๆ ไม่มีเซนเซอร์ ไม่มีสแตนอิน กรี้ดดดดดดดดดดด ซีฟู้ดเกาหลีโหดแท้น้อ







ร้านนี้นะครับ พอจะปิดลดราคาปลาซาซิมิเหลือถาดล่ะ 10000 วอน ( 300 บาท ) สั่งปุ๊ปคว้ากระชอนปั๊ป จัดการกันแบบ Kill bill มากกกกกก ขอบอก สดกว่านี้คงไม่มีอีกแล้วครับ ขอบอกตรงๆ เห็นแล้วสยอง หนูกินไม่ลงจริงๆ





นอกจากอาหารทะเลก็จะมีของหมัก ของดอง ของปรุงรสสไตล์เกาหลี ต่างๆขายกันด้วยครับ





ส่วนของฝากก็หาซื้อได้ที่ตลาดแห่งนี้นะครับ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นของขึ้นชื่อของที่นี่ ส้ม นั้นเอง



และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากส้ม จำพวกชอคโกแลตจะมีเยอะนะ ใครไม่มีเวลาไปซื้อที่ E Mart ซื้อที่ตลาดก็ได้ครับ ราคาพอๆกัน



ของฝากอะไรที่ควรซื้อมามาเยือนเกาะเชจู






นอกจากเครื่องสำอางค์และนมกล้วยแล้ว (ที่หาซื้อได้ทั่วไปทั้งเกาะเกาหลีใต้) เราควรซื้อของฝากที่เป็นของขึ้นชื่อที่เกาะเชจู ผมแนะนำเจ้านี่ครับ ชอคโกแลตรสส้มแทนเจอรีน เพราะเหมือนทางเกาะเขาค่อนข้างภูมิใจนำเสนอมากๆๆๆ แบบ ว่าเริ่ด อร่อย ไปไหนเจอขายทุกที่เลย แต่เอาจริงๆนะ ผมก็ว่ารสชาติมันเฉยๆอ่ะ



อีกอย่างคงหนีไม่พ้น ส้มแทนเจอรีน ส้มที่ปลูกบนเกาะเชจู นี่แหละครับ เหมือนๆว่าคนเกาหลีใต้เขาจะยอมรับกันว่าผลิตภัณฑ์ธรรมชาติบนเกาะเชจูนั้นปลอดสารพิษ เป็นของดี ของไฮโซว ที่ใครๆก็ต้องการกัน ใครได้เป็นของฝากก็จะเป็นปลื้มมม อารมณ์ประหนึ่งเหมือน ผักโครงการหลวงบ้านเราน่ะครับ



ส่วนใครไม่ชอบซื้อของกิน เพราะคิดว่าอาจจะดูแลยาก ผมแนะนำ ตุ๊กตาโทลฮารูบัง เป็นของฝากจะดีที่สุดครับ เพราะที่นี่จะเชื่อว่าตุ๊กตานี้จะเป็นเหมือนเทพพิทักษ์ที่คุ้มครองเกาะ เราซื้อไปฝากใคร ตุ๊กตาโทลฮารูบังก็จะคุ้มครองคนๆนั้นด้วย



เอาล่ะครับ หมดแล้วคร้าบบบบบบบ สำหรับไดอารี่ เชจู เกาะสวรรค์ (เกาหลี) ไม่ไปไม่รู้นะจ้าาาาา  ถึงแม้ผมจะไม่มีโอกาสพาเพื่อนๆไปเที่ยวได้หมดทุกที่ๆสวยๆ ถึงแม้จะไม่มีโอกาสพาเพื่อนๆไปชิมร้านอร่อยได้มากกว่านี้ ข้อมูลที่จำเป็นอาจจะไม่ได้มีมากมายเท่าที่ควร แต่ไดอารี่นี้ผมก็ตั้งใจเขียนและตั้งใจทำมาฝากเพื่อนๆกันจริง ใช้เวลาทำนานพอดูเลยล่ะ หวังว่าเพื่อนจะมีความสุขกับไดอารี่ หน้านี้ของนายพัก...สบายนะครับ สุดท้ายนี้คงต้อง ขอขอบคุณ Airasia  AirasiaX และ Jeju tourism ที่ได้ให้โอกาสผมเป็นตัวแทนเพื่อนๆไปสัมผัสกับเกาะเชจู และนำเรื่องราวกลับมาถ่ายทอดผ่านไดอารี่ให้เพื่อนๆได้อ่านกัน ขอบคุณมากครับ 

Create Date : 07 ตุลาคม 2556 Last Update : 9 ตุลาคม 2556 17:25:07 น. Counter : 62264 Pageviews.		19 comments
Share Tweet