The Core Chiang Mai


วันนี้เรามาพูดถึงโรงแรมเปิดใหม่ที่เชียงใหม่กันดีกว่าฮะ The Core Chiang Mai บอกตรงๆโรงแรมนี้เขาจ้างมามาถ่ายภาพ ให้เขาใช้ แต่ไหนๆผมก็มาแล้ว ผมขอลงข้อมูลให้เป็นประโยชน์กับเพื่อนๆนะครับ แต่ รายละเอียดบางอย่างผมก็ไม่สามารถบอก เพื่อนๆได้ทั้งหมด เพราะตอนที่ผมเข้าพักโรงแรมมันยังไม่ได้เปิด โรงแรมก็ยังไม่ได้เสร็จสมบูรณ์ 100 %  ดีด้วยครับ ผมทำงานพร้อมกับคนงานก่อสร้างอยู่เลย 


ขอเริ่มจากแผนที่ก่อน โรงแรมอยู่ในชัยภูมิที่โอเคมาก อยู่แทบใจกลางเมือง ใกล้ถนนนิมมมานฯ ใกล้ มช ใกล้กาดมาลิน ใกล้กาดหน้า ม. ใกล้เมย่า  และ ไม่ไกลสนามบิน ถึงจะเป็นโรงแรมเปิดใหม่ แต่ทำเลเรียกว่าโดนใจวัยรุ่น ขาช้อปกันแน่นอนฮะ



ในรีวิวนี้ผมจะแยกเป็น 3 ส่วนหลักๆ ส่วนแรกที่จะพูดถึง

1. ห้องอาหาร

ที่นี่มีห้องอาหารอยู่แค่ที่เดียว เท่านั้น ลูฟท๊อปบาร์ ยังไม่เสร็จ ตอนที่ไปมา โดยรวมเกือบเสร็จ 100 % แล้วฮะ จากที่เดินวนไป วนมา 3 วัน ห้องอาหารนี้จุดเด่นคือ เรื่องทานอาหารเคล้าวิวจากดอยสุเทพฮะ ซึ่งวิวก็เรียกว่าเทพจริงไม่อิงนิยายฮะ

ส่วนเรื่องอาหารเช้า ผมได้ลองแบบเป็นเซ็ตฮะ รสชาติก็กลางๆทั่วไป และ ดูธรรมดาไปสักนิดในความรู้สึกของผม เห็นว่าเปิดแล้วจะมีไลน์บุฟเฟ่ต์ และมีเมนูที่ต่างออกไป

ส่วนอาหารมื้ออื่นๆ ได้ลองมาบ้าง เมนูไม้ตายที่นี่ คือ ไข่เจียวฟู ครับ เรียกว่า เทพได้อย่างไม่น่าเชื่อ ใครมีโอกาสไปที่นี่ แนะนำให้ลองสั่งชิมดูฮะ

ส่วนเรื่องบริการ โดยรวมโอเคนะฮะ แต่เนื่องจากยังไม่ได้เปิดบริการเต็มตัว อาจมีติดๆขัดๆอยู่บ้าง แต่น้องๆในส่วนห้องอาหารนี้ ผมว่าก็โอเค ผ่านพร้อมเปิดโรงแรมนะฮะ




























ส่วนที่ 2

ลอบบี้และส่วนกลาง

ในส่วนนี้ เรียกว่าเกือบสมบูรณ์ 100% เช่นกัน อาจมีพร้อบบางอย่างยังมาไม่ครบ และดูๆจัดของยังไม่เข้าทีเข้าทางสักนิดสักหน่อย แต่จากรูปจะเห็นได้ว่า ค่อนข้างโอเคแล้วล่ะครับ คอนเซ็ปหลักๆ คือความเป็นธรรมชาติ รักธรรมชาติ เลือกใช้สีขาวมาเล่นกับผ้ามัดย้อมและครามฮะ  ลอบบี้โอเพ่นแอร์ตามสไตล์รีสอร์ท สระว่ายน้ำ แอบเปิดโล่งไปนิด แต่คิดว่าอาจจะมีอะไรเพิ่มเติมอีกนิด ชอบที่มี หงส์ไว้ให้เลยที่สระ ไม่ต้องพกไปให้เหนื่อย























ส่วนที่ 3

ห้องพัก

บอกเลย จุดขายหลักของห้องพักคือเตียงและเครื่องนอนฮะ กราบๆๆๆ ถ้าผมสัมผัสไม่ผิด มันคือเตียงดูดวิญญาณ เตียงเดียวกับที่โฟโต้โฮเทล ภูเก็ตฮะ ขนาดห้องไม่ใหญ่ไม่เล็กนะฮะ การคุมโทนสีของห้อง ผมชอบมาก ผมชอบโทนนี้อยู่แล้วฮะ คราม ขาว  ห้องอาจจะมีข้อเสียที่ ห้องน้ำไม่มีอ่าง และระบบน้ำร้อนช้าไปหน่อย ระเบียงเล็ก และไม่ค่อยเห็นวิวอะไร

ป.ล.เหมือนว่าจะมีการปรับเปลี่ยนอีกนิดๆหน่อยๆหรือเปล่า ก่อนเปิด อันนี้ไม่แน่ใจนะฮะ

























โรงแรมมีฟิตเนสให้ด้วยฮะ แต่ต้องไปใช้บริการจากอีกตึกนึงเดินไป5 นาที จากโรงแรมฮะ





สรุป

ผมขอไม่สรุปนะครับ เพราะตอนไปใช้บริการโรงแรมยังไม่เสร็จสมบูรณ์ดี มันอาจมีการปรับเปลี่ยน เปลี่ยนแปลงหลังจากเปิดแล้วอีกที  เอาไว้ถ้าผมมีโอกาสกลับไปสัมผัสอีกครั้งหลังจากเปิดแล้ว ผมจะมาสรุปให้ฟังนะฮะ



Create Date : 22 ธันวาคม 2558
Last Update : 22 ธันวาคม 2558 18:56:41 น.
Counter : 8983 Pageviews.

34 comment
Kantary Hills Chiang Mai


อีก 3-4 เดือนเราก็จะเข้าหน้าหนาวกันอีกครั้งแล้ว เมื่อหน้าหนาวมาเยือน ผมเชื่อเลยครับว่าเพื่อนๆหลายๆคนคงคิดถึง เชียงใหม่กันอย่างแน่นอน ไปเชียงใหม่แล้วผมเชื่อเลยว่า เพื่อนคงกำลังนึกแน่ๆเลยว่าฉันจะไปเดินเล่นหาของอร่อยกินที่ ถนนนิมมานฯ อย่างแน่นอน งั้นดีเลยฮะ วันนี้ผมจะมาแนะนำที่พัก ที่น่าสนใจย่านนิมมานฯเอาไว้เป็นอีกทางเลือกให้เพื่อนๆได้อ่านกันนะฮะ

Kantary Hills Chiang Mai ตั้งอยู่ที่นิมมานฯ ซอย 12  ว่าแต่ซอย 12 อยู่ตรงไหนหว่า ก็ใกล้ๆกับวอร์มอัพนั้นแหละฮะ มาๆๆๆ มาดูแผนทีกัน

จะสังเกตได้เลยว่าใกล้สนามบินมั่กๆ ใกล้สนามบิน ใกล้นิมมานฯ ทำเลสวยเชียว ไปครับ เราไปดูรายละเอียดข้างในโรงแรมกันดีกว่า



คอนเซ็บของโรงแรมนี้ อาจจะไม่เหมือนโรงแรมที่อื่นๆ เพราะที่นี่เน้นความสะดวกสบายของผู้เข้าพักระยะยาวหรือ ที่เรียกว่า เซอร์วิทอพาตเมนต์นั้นเอง เพราะฉะนั้น อะไรที่สวยงาม เวอร์วัง แต่ไร้ซึ่งประโยชน์ หรือ สวยแต่รูปประโยชน์ใช้สอยเท่าหางอึ่ง โรงแรมนี้จึงไม่ค่อยเน้นสักเท่าไหร่ โรงแรมนี้เน้นความสะดวกสบาย ห้องกว้าง โปร่งๆ โล่งๆ สะอาดๆ อุปกรณ์ใช้สอยครบครัน เพื่อให้แขกที่เข้าพักเน้นอยู่สบายๆนั้นเอง

มาครับเราเข้าไปที่ลอบบี้กันก่อน จุดเน้คือจุดที่เรียก ดูไฮโซที่สุดแล้วครับ โดยรวมจะโปร่งๆโล่งๆ อารมณ์เหมือนเราเข้ามาเยี่ยมบ้านของเศรษฐีพ่อเลี้ยงสักคน อาจไม่ได้ดูอลังการมากมายเหมือนโรงแรม 5 6 7 8 9 ดาว แต่มันดูเรียบ ดูดี ละดูสะอาดสะอ้าน เป็นที่สุด



















ใครเช็คอินแล้ว ไม่ต้องรอเวลคัมดริ้งนะฮะ เพราะที่นี่ไม่เสริฟที่ลอบบี้ครับ แต่จะให้สิทธิคลับเลาจน์กับแขกทุกคนที่เข้าพักมาเลยฮะ เป็นห้องรับรองที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับห้องอาหารหลัก ห้องนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง ก็จะมีเครื่องดื่มร้อนเย็น ขนม ผลไม้ และห้องสมุด ไว้บริการฟรีครับ

















ส่วนแขกท่านใดมีความประสงค์มากกว่าของที่มีในคลับเลาจน์ที่นี่ก็จะมี คาเฟ่เล็กๆอยู่ติดกันเลย สามารถเดินข้ามาซื้อขนม หรือ เครื่องดื่มที่ถูกจริตกับตนได้ ส่วนราคา ก็ไม่ได้แพงกว่าข้างนอกสักเท่าไหร่นะ



ป.ล.แนะนำขนมเค้ก อร่อยแซ่บลืม เพราะมาจาก คาเฟ่ แคนทารี่ข้างนอก ซื้อแล้วมาเอา ชา กาแฟ โอวัลตินฟรีที่เลาจน์คร้าบบบบบ อิอิ

ส่วนอะไรคือไฮไลท์เลยสำหรับผม บอกเลยฮะ มันคือสระว่ายน้ำที่สะอาด และใสสะอาดมากกกกก ถึงจะไม่ได้กว้างใหญ่ไพศาล หรือมีสไลเดอร์ สไลดี้ เหมือนที่อื่นๆเขา แต่บอกเลยครับ มีความสุขทุกครั้งที่ลงไปว่าย เพราะ มันสะอาดมากกกกก







รอบๆสระจะมีอ่างน้ำอุ่น อยู 3-4 บ่อ สำหรับไว้แช่ด้วย ถ้าอากาศหนาวๆลงสระไม่ได้ ไอ้บ่อพวกนี้แหละ จะเป็นที่พึ่งยามยากเมื่อฤดูหนาวมาเยือน







บริเวณสระ ไม่มีผ้าเช็ดตัวนะครับ ใครจะมาเล่นน้ำ พุ่งเข้าฟิตเนสไปหยิบโลดๆเลยฮะ



พูดถึงฟิตเนสที่นี่ก็มาดูก่ันสักหน่อยล่ะกัน บอกเลยคึกคักทั้งวัน หาเวลาถ่ายแบบไม่มีคนยากมากกกก





ยังไม่พอครับ ห้องสตรีม ซาวน่าก็มีฮะ แซ่บเวอร์



ส่วนน้ำแข็งนี้ ก็มีไว้บริการให้ฟรีหน้าห้องฟิตเนส หยิบถังน้ำแข็งจากในห้องพักมาตักได้เลยฮะ



เอาล่ะเราไปดูห้องพักกันดีกว่า อันนี้คือห้องเริ่มต้นฮะ ดูกันเอาเองฮะ ว่า กว้าง สะดวกสบาย อุปกรณ์ครบครันอย่างที่ผมเอ่ยมาในตอนแรกหรือเปล่า บอกเลยในราคา 2000 กว่าบาทคง ต้องเรียกว่าคุ้มผุดๆแล้วล่ะครับ















ห้องนี้คือ วันเบดรูมสวีท ขนาดต่างกับห้องแรกไม่มากเท่าไหร่นะ แต่ แบ่งสัดส่วนห้องได้อย่างลงตัวมว้ากกกกก











ห้องนี้ ทูเบดรูมสวีท ห้อง ส่วนกลางกว้างมว้ากกกกกก เหมาะสำหรับปาร์ตี้ หรือครอบครวใหญ่เลยฮะ อยู่กัน 6 คน สบายบรือ







มาปิดท้ายกันด้วยเรื่องอาหารกันดีกว่าครับ เรื่อง อาหาร ถือเป็ไฮไลท์อีกอย่างของที่นี่ เพราะนอกจากจะไม่แพงเวอร์แล้ว อาหารยังสด สะอาด และเลือกใช้แต่วัตถุดิบของดี ยกตัวอย่างเช่น ผักของที่นี่ แทบจะเรียกได้ว่าผักทุกชนิดของที่นี่ใช้ผักจากโครงการหลวงทั้งหมดเลยครับ

พาชมบรรยากาศห้องอาหารก่อนล่ะกัน ผมชอบโซนนี้ฮะ





ส่วนบรรยากาศภายในห้องอาหารก็มีบาร์ให้ด้วยฮะ





ถ้าพูดถึงอาหารหลักๆของที่นี่แล้ว ไฮไลท์จะเป็น สเต็กฮะ บอกเลยว่าเนื้อดีมว้ากกกกกก แค่เนื้อไทยก็นุ่มชวนกราบกันแล้วฮะ ราคาจานนึงจะตกประมาณ 300-400 บาท เนื้อขนาดประมาณ 200-250 กรัมนี่แหละครับ

ป.ล.ถ้าใครอยากสั่งเป็นเซ็ทก็มีให้นะครับ ราคาจะตกประมาณ 400 กว่าบาท จะได้ สลัด ซุป และสเต็กจานหลัก ด้วย



ซอสจะมีให้เลือกแบบน้ำจิ้มแจ่วด้วยฮะ



อันนี้สเต็กเซลม่อนครับ



สิ่งที่อร่อยไม่แพ้สเต็กเลย คือผักโครงการหลวงของที่นี่ครับ อร่อยเวอร์วังมากกกก กราบบบบบบ



ส่วนซุป รสชาติ ก็รสชาติใช้ได้  บอกเลยนะครับว่า อาหารนที่นี่ รสชาติไม่ขี้เหร่ นะคร้าบบบบบ



ส่วนในวัน จ พ ศ ใครสั่งสเต็กเนื้อนอกในช่วงเวลาเย็นจะแถมบุฟเฟต์สลัดบาร์ฟรีด้วยฮะ บอกเลยครับเป็นบุฟเฟ่ต์สลัดบาร์ที่ดีงามมากกกกกก เพราะผักแทบทั้งหมดมาจากโครงการหลวง ใครอยากทานสลัดบาร์อย่างเดียว ก็คิดราคาแค่ 200 กว่าบาทเท่านั้น บอกเลยว่าว่า สลัดบาร์อย่างเดียวก็คุ้มอยู่นะ เพราะมันไม่ได้มีแต่ผักแต่หญ้าฮะ ไปดูกันฮะ ทำมั้ยผมถึงว่าคุ้ม







มีแม่สมรด้วยคร้าบบบบบ ใครชอบบ้างยกมือขึ้นๆๆๆๆ













ส่วนใครกลัวไม่อิ่ม ผมแนะนำให้สั่งพิซซ่ามาทานกับสลัดบาร์ ถาดล่ะ 300 กว่าบาท



ข้อดีของการสั่งพิซซ่ามาทานพร้อมกับสลัดบาร์ นั้นคือ คุณจะสามารถอแดฟหน้าพิซซ่าจากไอเทมในสลัดบาร์ได้แบบไม่รู้จบ อย่างในภาพ ผมเอาพิซซ่าฮาวานเอี้ยน มาเพิ่มแม่สมรรมควัน กับ ผักรอคเก็ต บอกเลยว่าค่ะว่า อร่อยยยยย เลิศ



ปิดท้ายของฟรีหลังอาหารเย็นของทุกโต๊ะ กับ ทรัฟเฟิลไอศครีมฮะ



ส่วนอาหารเช้าของที่นี่ บอกเลยฮะว่าจัดเต็ม ไอเทมไม่น้น ฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้ง แต่มาแบบจัดเต็ม อิ่มจริง อร่อยจริง ใครชอบเต็มอร่อยกับอาหารเช้าแบบซัดไม่ยัง ผมคอนเฟิร์มเลยครับ น่าจะชอบที่นี่อย่างแน่นอน

























ปิดท้ายสรุปกันสักนิด สั้นๆง่ายๆ

ไม่หรูแต่ดูดี สะอาด ห้องใหญ่ อยู่สบาย มีทุกอย่างครบ ราคาไม่แพง(เวอร์) ทำเลดี และอาหารอร่อยมว้ากกกกกกกกกกกกก

มีหลายคนอาจสงสัยว่ามีข้อเสียมั้ย   มีฮะเรื่องวิวที่ไม่ค่อยจะมีฮะ โรงแรมเตี้ย 4-5 ชั้น วิว ก็อย่าไปหวังอะไรเลยฮะ ติดตึกรอบๆไปหมด

แถมท้ายรีวิวด้วยภาพจาก คาเฟ่แคนทารี่ ที่อยู่หน้าซอย 12 ถือเป็นอีกร้านขนมในเชียงใหม่ที่ไม่ควรพลาด เมื่อมาเยือนย่านนิมมานฯ ร้านนี้มีสาขาทั่วไทยนะครับ และก็ดังทุกที รสชาติการันตีอร่อยเหมือนกันทุกสาขา ถามว่าแพงมั้ย ราคาก็เหมือนๆกันทุกสาขานะครับ เมนูเด่นน่าจะเป็นพวกขนมปังฮันนี่โทส ราคาจะตกที่ 130-150 บาท เค้กจะตกประมาณ 90 อัพนะ เมนูเค้กที่ต้องลองคือ สารพัดชีสเค้กฮะ ตัวที่ขายดีที่สุด คือ บูลเบอรี่ชีสเค้ก ฮะ



















Create Date : 16 กรกฎาคม 2558
Last Update : 4 ตุลาคม 2558 21:39:22 น.
Counter : 9257 Pageviews.

388 comment
Eastin Tan Chiang Mai



กราบสวัสดีพ่อแม่พี่น้องทุกคนกลับมาพบกับรีวิวโรงแรมใหม่กันอีกแล้ว วันนี้ กระผมขออาสาพาเพื่อนๆไปชิลล์กับโรงแรมเปิดใหม่ทำเลดี้ดี ที่เชียงใหม่กันดีกว่า เนอะๆๆ

ไปเชียงใหม่ เพื่อนๆอยากพักแถวไหนกันครับ นอกเมือง ในเมือง ริมน้ำ หรือ บนดอย แต่ถ้าให้ผมเดา ร้อยล่ะ 90 คงอยากจะพักแถวย่านนิมมานเหมินต์กันแน่ๆ ใช่มั้ยล่ะ แล้วจะมีโรงแรมไหนในย่านนิมมานต์เหมินท์ ที่ทำเลดีๆ และดูจะคุ้มราคากันล่ะ สำหรับผมแล้ว ถ้ามีคนถามถึงที่พักแถวย่านนิมมานเหมินต์ "Eastin Tan" จะเป็นโรงแรมแรกๆเลยทีผมจะแนะนำ  ทำมั้ยผมถึงแนะนำที่นี่ เรามาดูกันครับ (รีวิวนี้ไม่เน้นอวยนะ อ่านได้สบายใจจ้า)



อะไรคือข้อดีของ Eastin Tan ?

ช่วงที่ไปพักเป็นช่วงเปิดใหม่ ราคาห้องอยู่ที่ประมาณ 2000 บาท ในราคานี้เรามาดูกันดีกว่าว่ามันคุ้มไม่คุ้มยังไง

1. ในราคาประมาณ 2000 บาท ทำเลที่ตั้ง อยู่ หัวถนนนิมมานฯเลย


ไม่ต้องเข้าซอยใดๆ ใกล้ห้างสรรพสินค้าเมย่า ติดกับศูนย์ร้านค้าน่ารักๆ อย่าง think park อยู่ใกล้แหล่งร้านอาหาร ผับ บาร์ ร้านคาเฟ่เก๋ๆมากมาย เรียกว่าเดินไปเที่ยว ไปชิม ไปช้อปกับให้สบายอุรา ไม่ต้องกังวัลกับปัญหารถติด



2 ในราคาประมาณ 2000 บาท คุณจะได้พบกับแฟชั่นโฮเทลเก๋ๆ มีสไตล์ ไม่เหมือนใคร

ไม่ว่าจะนั่งตรงไหนก็หามุมเซลฟีสวยๆได้แทบทุกจุด เราไปดูที่ลอบบี้กันก่อน สีแซ่บแสบทรวง โดนใจใครหลายๆคน คาดว่าโดนเฉพาะคนจีนน่าจะปลื้มกันเป็นพิเศษจะถูกจะแพงยังไงก็ขอให้แดงไว้ก่อน ใช่มั้ย







ที คาเฟ่ จริงๆแล้วมันคือลอบบี้เลาจน์ครับ แต่mujoujไม่เน้นขายเหล้า แต่ขายเป็นขนมของ melt me แทน







ห้องอาหารหนึ่งเดียวของโรงแรมที่ดูจะไม่เป็นห้องอาหารของโรงแรมสักเท่าไหร่ เพราะตั้งอยู่นอกคัวโรงแรมและจับกลุ่มตลาดให้คนนอกมาเสวยนะเพคะ



คอนเซ็ปของห้องอาหารชื่อสถานีรถไฟแบบวินเทจ เห็นแล้วก็นึกถึงชานชาลาที่เก้าเศษสามส่วนสี่ ของแฮรี่ พอตเตอร์ขึ้นมาทีเดียว













ที่ดูพอจะลิงค์กับทางโรงแรมอยู่คือที่นี่เสริฟอาหารเช้าให้แขกที่มาพักกับโรงแรม อาหารเช้าอยู่ในระดับกลางๆ ไม่ดี ไม่แย่ เฉยๆ ยังไม่มีเมนูไหนพิเศษจนต้องสะดุดเลย (อาหารเช้าจัดถ่ายกันเองกับน้อง ก็เลยพอจะดูได้หน่อย)









ส่วนอาหารมื้ออื่นๆ รสชาติดีอยู่หลายจานเลยครับ แต่ราคาก็ไม่ค่อยจะน่ารักเลยให้ตายเถอะ เปิดราคาแบบนี้ เรียกว่าไม่เกรงใจร้านรวงแถวถนนนิมมานฯเลยนะยะหล่อน

ปีกกระบือทอด (บัฟฟาโลวิงส์) รสชาติอร่อยแบบทั่วไป ไม่ดีเด่นเกรดเออะไร



ซีซ่าสลัด ก็ทั่วไปอีก ขอทบทวนก่อนมีอะไรพิเศษมั้ย .....อ้อ สั่งไก่มาเพิ่มพิเศษ แต่รสชาติก็ยังทั่วไปอยู่ดี ผ่านนะ จบ โอเคป่ะ



จานนี้ๆๆ ดูจะเป็นอะไรที่เชิดหน้าชูตา ชูใจ มานี มานะของร้านได้ "ข้าวซอยเป็ด" เนื้อเป็ด เอาไปผ่านกรรมวิธีไฮโซ เรียกว่าอะไรนะ...จำไม่ได้อ่ะ ที่แบบเอาไปต้ม ไปนึงแล้วเอามาทอดอีกที เนื้อเป็ดอร่อยมากกก แต่วันที่ชิมพอครัวหนักเค็มไปนิด แต่พอได้อยู่  ส่วนตัวน้ำข้าวซอยก็เสริฟมาในหลอดทดลองกิ๊บเก๋ รสชาติจัดจ้านพอดู ส่วน ตัวเส้น เฉยๆนะ สรุปโดยรวมอร่อยแซ่บ ผมให้ผ่านครับจานนี้



สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล ข้อดีคือจานใหญ่ นอกนั้นก็ทั่วไปจ๊ะ



ปลากระพงยำมะม่วง เหมือนว่าจะเวิร์ค แต่มันยังไงก็ไม่รู้ ขาดๆเกินๆไปสักนิดสักหน่อย ปรับอีกนิดเป็นเมนูเชิดหน้าชูตาได้อย่างแน่นอน



จานนี้ถ้าไม่ติดว่าเลี่ยนไปหน่อย ในเมนูทั้งหมดผมให้จานนี้ชนะเลิศ ชื่อเมนูจำไม่ได้ แต่มันคือเนื้อหน้าเข้งวัวตุ่นกับซอยมะเขือเทศ ลองสั่งชิมดู ด้านรสชาติไม่ผิดหวังแน่นอนครับ ส่วนด้านราคาก็ส่องๆเอาก่อนจะสั้งนะ รับได้ก็สังรับประกันความอร่อย



จานนี้เป็นชอคโกแลตมูสครับ อร่อยยยยย แต่ก็ไม่ได้อร่อยจนต้องร้องว้าวววว



3 ในราคาประมาณ 2000 บาท คุณจะได้ฟิตเนสคุณภาพ สระว่ายน้ำและคิดคลับด้วย

ฟิตเนส ผมไม่ไดเล่นนะครับ แต่โดยรวม ที่เดินสำรวจมาโอทีเดียวนะ เสียแค่วิวไม่ค่อยเจิด



สระว่ายน้ำขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ วิวไม่มี และน้ำในสระเย็นมากกกกกก เพราะเป็นสระน้ำในร่ม โดยรวมโอนะ เสียแค่เพดานต่ำไปสักหน่อย





คิดคลับ ขนาดเท่าห้องพักระดับเริ่มต้น หรือเอาห้องพักระดับเริ่มต้นมาดัดแปลงนั้นเอง โอเคอยู่



4 ในราคาประมาณ 2000 บาท คุณจะได้พบกับวิวดอยสุเทพฟินๆกันไป มีอ่างอาบน้ำ และมีสายชำระแบบญี่ปุ่น


บอกตรงๆนะครับ ตัวห้องผมเฉยๆนะ ขาวเกิ้นนนน โล่งด้วย ส่วนเตียงนี่ดีเกินคาด นอนสบายเกินเหตุทีเดียว ดีทั้งหมอน ทั้งเตียงเลย ฟิน ใครจองห้องมากรุณรีเควสวิวฝั่งดอยสุเทพนะครับ ขอบอกเลยวิวฝั่งถนนนิมมานนอกจากจะไม่สวยแล้วยังหนวกหูมากกกกกก จบ นะ จ๊ะ





ห้องน้ำขาวโอโม่ ไม่เล็กไม่ใหญ่ เริ่ดตรงที่มีอ่างให้ตั้งแต่ระดับเริ่มต้น แถมมีสายชำระเป็นแบบที่ญี่ปุ่นด้วย ปลื้มมมมมม





พาชมบรรยากาศ 1 bedroom suite ดูๆไปคล้ายคอนโดมากกกก พื้นที่เหลือกินเหลือใช้ทีเดียว













2 bedroom suite ขนาดห้องไม่ต่างจาก 1 bedroom suite สักเท่าไหร่ แต่ฟินกว่าตรงอ่างอาบน้ำ









2 bedroom penhouse suiteห้องนี้คือสุดยอดห้องพักของที่นี่ วิวสวย ห้องกว้าง(โครตตตต) ราคาเริ่มต้นที่ 6000 กว่าๆ ถ้ามาเป็นครอบครัว รับรองฟินอย่างที่สุดอย่างแน่นอน

















3 bedroom suite ดูยังไงก็ยังสู้ 2 bedroom penhouse suite ไม่ได้ ทั้งที่ราคาแพงกว่าอีกนะ แต่เอาน่ะแล้วแต่คนชอบล่ะเนอะ ใครชอบห้องนั่งเล่นเพดานสูงๆ ระเบียงกว้างๆ ก็ต้องห้องนี้เท่านั้นคร้าบบบบ









นับข้อดีกันมาได้ 4 ข้อแล้ว เรามาดูข้อเสียกันบ้างดีกว่ามั้ย หรือ จะบอกว่าที่นี่ไม่มีข้อเสีย ?

จากประสบการณ์ตรงที่สิงมา 2 วัน ข้อเสียมีดังนี้

1 ถ้านอนฝั่งถนนนิมมานฯ กลางคืนเสียงค่อนข้างจะดังมาก ดึกดื่นมืดค่ำไม่ยอมหลับไม่ยอมนอนกัน ถึงแม้โรงแรมจะมีกระจกเก็บเสียงแล้ว แต่ก็ไม่สามารถเก็บเสียงไปได้ทั้งหมด

2 ถึงเตียงนอนในห้องพักจะนุ่มสบายชวนฝันดี แต่ การตกแต่งของห้องผมว่าดูโล่งไปหน่อยนะ ขาวโล่งเกิ้นนนนน เหมือนประหนึ่งเอาไว้นอนอย่างเดียวจริงๆ

3 สระว่ายน้ำในร่ม เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงเลยจ๊ะ เรื่องน้ำในสระเย็นมว้ากกกกกกกกกก ยอมแพ้ กราบบบบ



จองรับสิทธิโปรโมชั่นได้ 1-18 กุมภาพันธ์ 58 / เข้าพักได้ 1 มีนาคม - 31 ตุลาคม 58 ผ่านเว็บไซต์ www.eastinhotelsresidences.com




Create Date : 25 มกราคม 2558
Last Update : 20 สิงหาคม 2558 8:27:55 น.
Counter : 12060 Pageviews.

123 comment
Ping Nakara Boutique Hotel & Spa Chiang Mai


"Return To The Elegance" หรือ การเดินทางย้อนกลับสู่ความงดงามแห่งอดีต คำนิยามคมบาดหูของโรงแรมแห่งนี้ และผมเชื่อว่ามันก็ไม่ได้เป็นเพียงคำคมเท่านั้น เพราะที่นี่ โรงแรมที่ชื่อ "ปิงนครา"ทำให้ผมรู้สึกว่า ความงดงามแห่งอดีตในยุคทองแห่งกรุงรัตนโกสินทร์กับศิลปะสไตล์โคโรเนียลที่มีกลิ่นอายแห่งวัฒนธรรมล้านนา ยังไม่เคยเลือนลาง และ จางหาย ไปจากนพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่...แห่งนี้เลย มาครับ มากับผม นายพัก...สบาย ผมจะพาเพื่อนๆไปสัมผัสความงดงามแห่งอดีตที่มาบรรจบกับปัจจุบัน ณ ที่แห่งนี้ "ปิงนครา"

เพื่อให้ได้อรรถรสในการชมไดอารี่หน้านี้ ขออัญเชิญเพลงพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่เก้า "ใกล้รุ่ง"มาไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ



เมื่อความงดงามอ่อนหวานแห่งศิลปะวัฒนธรรมตะวันตกมาพบกับศิลปะอันวิจิตรอ่อนช้อยจากงานไม้ฉลุในแบบฉบับล้านนา ก็เกิดความลงตัวที่งดงามแห่งงานสถาปัตยกรรมขึ้น และนี่แหละครับคือผลึกแห่งแรงบรรดาลใจของโรงแรมแห่งนี้ ที่อยากจะรักษาความงดงามแห่งอดีตให้สืบต่อมาจนถึงปัจจุบันและส่งต่อให้คนรุ่นต่อไปในอนาคต



รูปแบบภายนอกอาคารของโรงแรมแห่งนี้ เป็นอาคารสีขาวสไตล์โคโรเนียลที่มีกลิ่นอายแห่งวัฒนธรรมล้านนา ในความรู้สึกผม ผมชอบที่โรงแรมนี้เลือกที่จะใช้สีขาวและกระจกมาการเติมแต่งโรงแรมแห่งนี้ให้มีชีวิตชีวา เพราะสีขาวทำให้ที่นี่ดูสว่าง สดใสขึ้น ทำให้ดูหวาน ชวนฝัน และทำให้ดูไม่น่ากลัวถึงแม้จะเป็นอาคารในรูปแบบสมัยก่อน



ที่นี่มีห้องพักเพียงแค่ 19 ห้องเท่านั้นครับ ถือเป็นโรงแรมที่มีห้องพักน้อยมาก ฟีลลิ่งของโรงแรมจึงไม่เหมือนกับโรงแรมอื่นๆสักเท่าไหร่ กลับให้ฟีลลิ่งของการมาพักกับบ้านญาติผู้ใหญ่เสียมากกว่าจะมาพักที่โรงแรม



รถรับส่งแขกที่มาพักของที่นี่ก็เป็นรถเบนซ์รุ่นเก่า เพื่อให้แขกที่มาพักสัมผัสได้ถึงความรู้สึกเหมือนว่าแขกแก้วได้เดินทางกลับสู่ความงดงามแห่งอดีตตั้งแต่ก้าวออกจากสนามบินเชียงใหม่กันเลยก็ว่าได้



ที่หน้าโรงแรมก็จะมีรถสามล้อถีบของจริงโชว์ไว้ด้วย (ถีบได้จริงๆนะ)  ที่มีรถสามล้อถีบตั้งอยู่ตรงนี้ เพราะทางโรงแรมต้องให้แขกรับรู้ได้ถึงว่าในยุคสมัยนั้น สามล้อถีบถือเป็นพาหนะที่ประชาชนทั่วไปนิยมใช้กัน



เอาล่ะครับ เราเข้าไปข้างในกันก่อนดีกว่า เมื่อเข้ามาจะพบกัน ลอบบี้สีขาวเพดานสูงโปร่ง ตกแต่งด้วยงานไม้ฉลุงดงามสไตล์ล้านนา กับเชนดาเลียคริสตัลในแบบสมัยก่อน



จุดเด่นของลอบบี้แห่งนี้ คือภาพเขียนฝาผนังสีสดใส ที่เป็นตัวแทนของตุง 12 นักษัตร (ตุง คือธงสัญลักษณ์แห่งศิริมงคลของชาวล้านนา) บนยอดตุงคือพระธาตุดอยสุเทพ อีกหนึ่งสัญลักษณ์ของนพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่



ภายในลอบบี้แห่งนี้เป็นห้องปรับอากาศครับ ด้วยเหตุผลที่ว่าเมืองไทยคือเมืองร้อน ทางโรงแรมจึงอยากให้แขกแก้วรู้สึกสดชื่น ตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้ามาที่ตัวอาคารกันเลยครับ



ตามธรรมเนียมไทยแท้แต่โบราณ ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัย ใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ ที่นี้ต้อนรับแขกแก้วด้วยน้ำตะไคร้ใบเตยหอมเย็นๆชื่นใจ น้ำสมุนไพรแบบไทยๆ กับช่อดอกเตยหอม และผ้าเย็นคลายร้อนในแบบที่เราชาวไทยคุ้นเคย


สำหรับแขกแก้วที่มาเยือน และ สนใจในงานสถาปัตยกรรมสไตล์โคโรเนียลที่มีกลิ่นอายแห่งวัฒนธรรมล้านนา ทางโรงแรมก็มีแผนที่ อาคารอาคารสวยๆ ตามจุดต่างๆในเมืองเชียงใหม่ที่น่าสนใจ มอบให้แขกแก้วด้วยครับ



จุดนี้คือเรือนรับรองแขกแก้ว เป็นอาคารทรงแปดเหลี่ยม เพดานสูง อยู่ติดกับลอบบี้ ในความคิดผม ห้องนี้ไม่ได้ดูใหญ่โตเลย แถมไม่ได้มีของตกแต่งอะไรมากมาย แต่ห้องนี้ให้ความรู้สึกที่ สงบ สบายๆ ผ่อนคลายและไม่อึดอัด ยิ่งช่วงยามเย็นก่อนอาทิตย์อัสดง แดดอ่อนๆยามบ่ายแก่ๆ ส่องเข้ามากระทบโซฟาผ้าสีนวลตาที่ห้องนี้ ขอบอกว่างดงามเกินบรรยายเลยครับ



ถัดจากเรือนรับรองมา คือ ห้องสมุดและบาร์ ที่นี่เป็นห้องสมุดขนาดเล็ก แต่ไม่อึดอัดนะครับ สำหรับผมแล้ว ถ้าจะให้ผมอธิบายความรู้สึกของห้องนี้ ผมว่าห้องนี้เปรียบเหมือนห้องนั่งเล่นที่เพื่อนๆจะมาสังสรรกันอ่ะครับ มีคอมพิวเตอร์ให้ใช้ฟรีที่จุดนี้ มีผลไม้ใส่ตะกร้าให้แขกแก้วหยิบทานได้ตลอดเวลา มีบาร์เล็กๆมีที่อยู่ในมุมห้องสมุด ทำให้ห้องนี้ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งเล่นในบ้านจริงๆ



สำหรับสิ่งพิเศษ ที่ผมประทับใจห้องนี้อยู่ที่บาร์ครับ เพราะให้ความรู้สึกนี่คือบ้านจริงๆ เวลาเราไปเยี่ยมเยือนญาติผู้ใหญ่บ้านไหน ก็มักจะมีขนมมาต้อนรับเราเสมอ และที่นี่ก็มีเตรียมไว้ต้อนรับแขกแก้วทุกคนเช่นกัน ขนมสองโหลนี้ หยิบทานฟรีได้ตลอดเวลาครับ ถึงแม้จะไม่ได้สั่งเครื่องดื่มอะไร ก็หยิบทานได้ตลอด ขนมในโหล่ก็จะเป็นขนมที่ชาวไทยเราคุ้นเคยกันอย่างดี โหลนึงคือข้าวแต๋น อีกโหลคือ เผือกเส้นทอด ขนมสองอย่างนี้แหละยิ่งทำให้ผมรู้สึกประทับใจที่โรงแรมเลือกรักษาความงดงามแบบไทยได้อย่างลงตัว



บรรยากาศระเบียงด้านนอกของห้องสมุดยามแดดบ่ายแก่ๆ งดงามจริงๆครับ



ถัดจากห้องสมุดมา มุมนี้คือมุมนั่งเล่น บรรยากาศโอเพ่นแอร์ สำหรับบ้านชาวไทยเรา ไม่ว่าจะกี่ยุค กี่สมัย เรื่องระเบียงบ้านแบบเปิดรับลมธรรมชาติเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับเราชาวไทยมานาน และที่นี่ก็ไม่พลาดในเรื่องนี้ ความรู้สึกของที่นี่ คือระเบียงบ้านขนาดใหญ่ที่แขกแก้วจะออกมานั่งเล่น นอนเล่นสูดอากาศบริสุทธิได้ชุ่มปอด



เฟอนิเจอร์ที่ใช้เลือกเป็น เฟอร์นิเจอร์ไม้ หวาย และเบาะผ้าเป็นหลัก แถมด้วยกระเบื้องโบราณพื้นลายดอกกุหลาบ ทำให้ความรู้สึกของบริเวณระเบียงแห่งนี้ ดูอบอุ่น และดูงดงามราวกับภาพอดีตกลับมาซ้อนทับกับในยุคปัจจุบัน


ของตกแต่งทุกชิ้น ไม่มีหลุดไปจากที่มันควรจะเป็นเลยครับ ภาพด้านหลังคือ แผนที่นพบุรีศรีนครพิงค์เมื่อครั้งเก่าก่อน



ที่ระเบียงแห่งนี้ จะมีน้ำดื่มเย็นๆชื่นใจใสโหลแก้วให้แขกแก้วได้ดื่มดับกระหายคลายร้อนด้วยครับ ใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ น้ำท่าต้องเตรียมพร้อม นี่แหละครับคือเสน่ห์แห่งความเป็นไทยที่น่าหลงไหล ประทับใจในส่วนเล็กๆตามจุดต่างๆของที่นี่จริงๆ เรียกว่าใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆน้อยก็ไม่ให้พลาด



ไฮไลของระเบียงแห่งนี้คงจะหนีสระว่ายน้ำสีเขียวครามที่อยู่หลังม่านต้นกกไปไม่ได้



เอาล่ะครับผมขอพาเพื่อนๆชมบรรยากาศโดยรอบของสระว่ายน้ำสีเขียวครามกันสักนิดดีกว่า



สำหรับผมแล้ว สระว่ายน้ำที่นี่ไม่ใช่สระว่ายน้ำที่สวย อลัง จนต้องร้องว้าววว!!!



แต่บรรยากาศโดยรวมรอบๆสระว่ายน้ำแห่งนี้ มันงดงาม ชวนฝัน



ประหนึ่ง ทำให้เรารู้สึกว่า เรากำลังว่ายน้ำอยู่ใน พระราชวังสีขาวที่อยู่ในความฝันสักแห่ง เฮ้ออ... ฟินนนนนแต้ๆ เน้ออออออ


สำหรับช่วงที่งดงามที่สุดของสระว่ายน้ำแห่งนี้ สำหรับผมแล้วคือช่วงเวลาประมาณ 8-9 โมงเช้าครับ แดดอ่อน ยามเช้า ส่องผ่านแมกไม้ สร้างแสงเงาชวนฝันได้อย่าน่าประหลาดจริงๆ



เอาล่ะครับเราออกจากบริเวณสระว่ายน้ำกันดีกว่า จุดนี้ผมจะพาเพื่อนๆไปชมไฮไลท์ ของที่นี่กัน... ถูกแล้วครับ ผมจะพาเพื่อนๆไปเจาะรายละเอียดกับศิลปะอันวิจิตรอ่อนช้อยจากงานไม้ฉลุในแบบฉบับล้านนา



ความงดงามอ่อนช้อยแบบนี้ คือ ศิลปะความงามในแบบฉบับของล้านนาขนานแท้ บอกตรงๆเลยครับ ว่าค่อนข้างทึ่งกับความงดงามและการเก็บละเอียดในการตกแต่งของโรงแรมแห่งนี้ 



ทำให้ผมรู้สึกได้จริงๆว่า โรงแรมแห่งนี้ต้องการปลุกความงดงามแห่งอดีตของชีวิตศิลปกรรมโคโรเนียลในแบบฉบับล้านนาให้กลับมามีชีวิตขึ้นอีกครั้งจริงๆ



จะเห็นได้จากทุกจุด ที่นี่ไม่ได้ทำขึ้นมาแค่เเพียงฉาบฉวย หรือตกแต่งแต่ให้พอมีสีสัน หรือให้มีกลิ่นอายเล็กๆน้อยๆ แต่ที่นี่เลือกที่จะทำจริงจังและจัดเต็มครับ สำหรับผมแล้วที่นี่แล้วต่างจากอาคารศิลปกรรมโคโรเนียลในที่อื่นๆตรงที่ ที่นี่ดูมีชีวิตจริงๆ ไม่น่ากลัว เมื่อเทียบกับอาคารอื่นๆในแนวนี้



เอาล่ะครับ ถึงเวลาที่เราจะเข้าไปดูห้องพักกันแล้วครับ ห้องพักที่นี่ได้รับแรงบรรดาลใจมาจากดอกไม้หอมของเมืองไทยในการตกแต่งห้อง  เดินตามผมมาเลยครับ



นี่คือห้องที่หวานที่สุดของที่นี่ครับ ห้องนี้เลือกใช้ดอกไม้ตัวแทนแห่งความรักมาเป็นแรงบรรดาลใจในการแต่งห้อง "ห้องกุหลาบ" ห้องนี้คือตัวแทนของวันอังคารสีชมพู การตกแต่งภายในห้อง ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆไม่มีหลุดคอนเซ็ปเลยครับ ประหนึ่งเป็นห้องๆหนึ่งในวังจุฑาเทพก็ไม่ปาน





ห้องนี้คือตัวแทนของดอกช่อม่วง หรือพวงคราม ดอกไม้งามตัวแทนสำหรับคนเกิดวันเสาร์ โทนสีของห้องนี้จึงออกมาในโทนสีม่วงหวาน การตกแต่งห้องพักที่นี่ในทุกห้อง ค่อนข้างจะเหมือนๆกันในทุกห้อง แต่ที่ต่างไปคือ อารมณ์และโทนสีภายในห้องพัก





ห้องนี้คือตัวแทนของ ดอกสุพรรณิการ์ หรือ ดอกฝ้ายคำ (ดอกฝ้ายสีทอง)  ดอกไม้ตัวแทนคนเกิดวันจันทร์ สีเหลืองสดใส ใครที่ชอบห้องทีมีขนาดใหญ่สักนิดน่าจะหลงรักห้องนี้ได้ไม่ยาก เพราะขนาดพื้นที่สอยรู้สึกค่อนข้างจะใหญ่กว่าห้องอื่นๆอยู่พอประมาณ





ส่วนนี่คือห้องที่ผมเข้าพัก ห้องนี้คือตัวแทนของดอกมณฑา ดอกมณฑาทิพย์คือดอกไม้จากสวรรค์ คนไทยโบราณเชื่อกันว่า บ้านใดปลูกไว้ บ้านนั้นจะมีเทวดาปกปักษ์รักษาและเป็นศิริมงคลกับตนเองและครอบครัว



การตกแต่งในห้องต่างๆไม่หนีจากสามห้องที่แล้วสักเท่าไหร่นัก



โทนสีห้องนี้ถูกคุมอยู่ในโทนสีขาวอมเทาเขียว



ห้องแต่ล่ะห้องจะจัดวางพื้นที่ใช้สอยต่างกันไป แต่สิ่งที่แปลกสำหรับที่นี่คือ ทุกห้องเปิดประตูเข้ามาจะเจอห้องน้ำก่อนทุกห้อง ผมเชื่อว่าน่าจะมาจากวัฒนธรรมไทยแต่โบราณที่คนไทยเราจะขึ้นเรือน ต้องล้างหน้า ล้างเท้าเสียก่อน ถึงจะขึ้นเรื่อนได้ ทางโรงแรมจึงนำห้องน้ำมาไว้อยู่ในส่วนด้านหน้าของห้องพัก



และห้องนี้จุดที่ค่อนข้างต่างจากห้องอื่นเลย สำหรับผมคือ ห้องน้ำครับ ห้องน้ำห้องนี้อ่างเป็นอ่างน้ำวน แถมการจัดวางผังห้องน้ำได้ค่อนข้างสวยกว่าห้องอื่นๆ ดู สวย หวาน แอบนำสมัยไม่เบาทีเดียว



ผลิตภัณฑ์อาบน้ำของที่นี่ใช้ผลิตภัณฑ์ของ นคราสปาทั้งหมดครับ สำหรับผมแล้วค่อนข้างประทับใจในจุดนี้นะครับ สัมผัสได้ถึงความเอาใจใส่ ตามธรรมเนียมไทยแท้แต่โบราณ เมื่อแขกแก้วมาเยือนเมื่อใด เจ้าบ้านบ้านไหนๆก็จะเตรียมของที่ดีที่สุดที่จะหาได้มาต้อนรับเสมอ

บรรยากาศโต๊ะทำงาน กับ ตะเกียงน้ำมันหอมกลิ่นตะไคร้ อันนี้ตามธรรมดาทางโรงแรมจะไม่ได้จุดเตรียมไว้ให้นะครับเนื่องด้วยเหตุผลที่ว่าแขกแก้วบางท่านแพ้กลิ่นฉุน ส่วนสำหรับแขกแก้วท่านใดที่ต้องการ ทางโรงแรมก็จัดเตรียมไว้ให้ได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม



แม้แต่ในห้องพัก ทางโรงแรมก็จัดเตรียมขนมนมเนยไว้ต้อนรับแขกแก้วที่เข้าพัก ที่เห็นทั้งหมดนี้คือสิ่งที่โรงแรมเตรียมไว้ให้และไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมใดๆ โดยขนมและเครื่องดื่มจะถูกแบ่งเป็นสองประเภท

1.ขนมและเครื่องดื่มแบบไทย ก็จะมี ข้าวแต๋น ทองม้วน ถั่วกรอบแก้ว ทอฟฟี่กะทิ และเครื่องดื่มผลิตภัณฑ์ดอยคำ ทางโรงแรมต้องการให้แขกแก้วชาวต่างชาติ และแขกแก้วชาวไทยได้ลองลิ้มรสดูบ้างว่าขนมไทยอร่อยๆแบบในสมัยเก่าก่อนที่ชาวไทยนิยมทานกันมีอะไรบ้าง

2.ขนมและเครื่องดื่มแบบสากล ก็ต้องยอมรับว่าถ้าจัดขนมไทยไว้อย่างเดียว บางทีแขกแก้วบางคนอาจไม่ปลื้มก็ได้ ทางโรงแรมจึงเตรียมขนมและเครื่องดื่มที่เป็นแบบสากลไว้ให้แขกแก้วทุกท่านด้วย

เห็นมั้ยครับ ที่นี่เก็บทุกรายละเอียดจริงๆ ไม่ประทับใจก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว



ปิดท้ายด้วยระเบียงจากในห้องพัก จากที่เคยบอกไปแล้ว บ้านชาวไทยแต่เก่าก่อน ในทุกบ้านต้องมีเรือนชานหรือระเบียงด้วยเสมอ ซึ่งที่นี่ก็ทำระเบียงได้อย่างน่ารัก น่านั่งจริงๆ




จากห้องพักแสนสบาย ผมขอพาเพื่อนๆไปดูอีกหนึ่งจุดที่ตกแต่งได้งดงามไม่แพ้จุดอื่นๆในโรงแรมแห่งนี้เลยครับ จุดนี้คือ  นคราสปา



นคราสปา เป็นจุดที่ใช้ลูกเล่นของสีเอิร์ทโทนเข้ามาตัดกับสีขาวมากที่สุดของโรงแรมแล้วครับ



ทำให้ความรู้สึกที่นี่ดูอบอุ่นและมีสีสันมากกว่าในจุดอื่นๆ การตกแต่งหลักยังคงเน้นที่ความหวาน อ้อนช้อยงดงาม





ถ้าจะให้ผมเปรียบเทียบว่าที่นี่คือคุ้มหลวง ห้องนี้แหละครับ เหมาะจะเป็นห้องของจ้าวนางน้อยที่สุดแล้วครับ



มาจบไดอารี่หน้านี้กับ ห้องอาหารหนึ่งเดียวของที่นี่กันดีกว่า เนื่องด้วยห้องพักมีจำนวนไม่มากนัก ห้องอาหารของที่นี่จึงมีขนาดไม่ใหญ่โตมากนัก



ผมขอพาชมบรรยากาศของอาหารเช้ากันก่อนแล้วกันนะครับ



ถึงแม้ห้องพักจะมีไม่กี่ห้องแต่ทางโรงแรมก็เลือกให้มีไลน์บุฟเฟ่ต์แบบจัดเต็มไม่ให้น้อยหน้าโรงแรมไหนๆ เนื่องด้วยเหตุผลที่ว่าอยากให้แขกที่มาพักได้มีโอกาสเลือกทานสิ่งที่ชอบได้อย่างอิสระ



ส่วนอาหารจานหลักโรงแรมเลือกที่จะให้แขกสั่งเป็นแบบจานแทน โดยให้เหตุผลว่า การทำทิ้งไว้รสชาติอาหารมันจะเปลี่ยนไป ทางโรงแรมอยากให้แขกได้ทานอาหารที่สดใหม่และปรุงอย่างพิถิพิถันให้แขกทุกจาน เมนูแนะนำสำหรับมื้อเช้าที่นี่ ก็หนีไม่พ้นเสนห์ของอาหารเช้าแบบไทยๆ ข้าวเหนียวหมูปิ้งแบบภาคกลาง ข้าวเหนียว ไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่ม อาหารเช้าแบบฉบับชาวล้านนา หรือจะเป็นข้าวต้มร้อนๆกับเครื่องเคียง ในแบบฉบับอาหารเช้าของชาวไทยสมัยก่อน

ป.ล. แอบประทับใจผลไม้ในไลน์บุฟเฟ่ต์มากครับเพราะเล่นแกะสลักมาเสริฟกันเลยครับ ความรู้สึกประหนึ่งเป็นคุณชายคนที่ 6 ของวังจุฑาเทพก็ไม่ปาน



สำหรับแขกแก้วที่ไม่นิยมอาหารไทย ทางโรงแรมมีเมนูคุณภาพแบบสากลไว้ต้อนรับอยู่แล้วครับ



และนี่คืออีกหนึ่งความประทับใจ โยเกิร์ตที่ทางโรงแรมเลือกใช้ เลือกใช้โยเกิร์ตเกรดพรีเมี่ยมของบ้านเราครับ ผมถามเหตุผลว่าทำมั้ยถึงเลือกใช้ยี่ห้อนี้เพราะราคาค่อนข้างแพงทีเดียว ทางโรงแรมบอกว่านอกจากจะรสชาติจะดีแล้ว ทางโรงแรมค่อนข้างมั่นใจว่า โยเกิร์ตยี่ห้อนี้ไม่มีส่วนผสมของแป้งครับ ทางโรงแรมทดสอบมาแล้ว ทางโรงแรมอยากให้แขกแก้วรับรู้ว่า ทางโรงแรมเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้แขกแก้วเสมอครับ



ส่วนมื้ออื่น บรรยากาศห้องอาหารก็ถูกปรับเปลี่ยนอารมณ์ไปบ้าง ยิ่งช่วงหัวค่ำ ที่นี่งดงามมากเลยครับ





ส่วนอาหารมื้ออื่นๆที่ลองเทสมา อาหารที่เป็นเมนูแนะนำส่วนใหญ่ก็เป็นอาหารไทยครับ รสชาติอาหารออกไปทางจดจ้านแบบไทยๆหน่อย แต่ไม่ได้มากมายนะครับ เพราะแขกส่วนใหญ่คือชาวต่างชาติ ทางโรงแรมเลยต้องคุมรสชาติให้ชาวต่างชาติทานได้ด้วย ถ้าต้องการรสชาติไทนแท้ๆ บอกทางเชฟได้ครับ ทางด้านราคา ก็ไม่ได้โหดร้ายจนจับไม่ได้ ราคาเริ่มต้นที่ 100 กว่าบาท จายเด็ดที่ผมแนะนำคือ ปลาทับทินึ่งทานกับผักสดและน้ำพริกหนุ่มจานใหญ่ทีเดียว 300 กว่าบาท ครับ




ส่วน เซ็ตขนมน้ำชายามบ่าย ของที่นี่ก็ยังรักษาคอนเซ็ปความเป็นไทยแบบไม่มีหลุด สังเกตได้จากออเดริฟแบบไทยๆ ขนมกลีบลำดวน ฝอยทองกรอบ เป็นต้น



ส่วนเครื่องดื่มแนะนำก็จะเป็นน้ำผลไม้ตามฤดูกาล และ เครื่องดื่มชาเขียวเพื่อสุขภาพ



ปิดท้าย หน้าท้ายสุด ของไดอารี่ด้วยรางวัลมากมาย ที่เป็นเครื่องยืนยันว่า ทั้งหมดที่นายพัก...สบายเพ้อเจ้อมานี้ คงไม่ได้มนม มโนไปเองล่ะเน้อ



สรุปปิดท้ายกันสักนิด

ในความรู้สึกผม ผมว่า โรงแรมแห่งนี้พยายามที่จะดึงความงดงามแห่งความเป็นไทยในอดีตให้กลับคืนมาให้ได้มากที่สุด ไม่ใช่จะแค่เพียงสถาปัตยกรรมที่งดงามเท่านั้น แต่รวมไปถึงวัฒนธรรมความเป็นอยู่ที่มีเสน่ห์ การเอาใจใส่แขกผู้มาเยือนในแบบฉบับของไทยแท้  ไปเชียงใหม่มาก็หลายครั้ง หลายครา แต่ก็มีไม่กี่โรงแรมหรอกครับที่นี่ทำให้ผมสัมผัสกับคำนี้ได้จริงๆ "ยินดียิ่งแล้ว แขกแก้วมาเยือน"

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ Bangkok Airway ผู้สนับสนุนหลักของโครงการ TBA   สิ่งที่ผมสัมผัสได้จากการลองใช้สายการบินนี้ รู้สึกได้ถึงคอนเซ็ปของสายการบินนี้ไม่ต่างจากโรงแรมปิงนคราไปเลยครับ การบริการด้วยหัวใจของความเป็นไทยแท้ๆคือเสน่ห์ของสายการบินนี้ครับ ประทับใจกับสายการบินของพี่นางฟ้ามากครับ









ของฝากท้ายรีวิว

ถ้าจะให้พูดกันจริงๆแล้ว ความงดงามของศิลปะสไตล์โคโรเนียลที่มีกลิ่นอายแห่งวัฒนธรรมล้านนาที่เป็นของแท้ๆของโบราณก็ยังพอมีเหลือให้เห็นอยู่บ้างนะ ยังมีแอบกระจายตามจังหวัดทางภาคเหนือ ไม่ว่าจะที่ลำปาง หรือที่จังหวัดแพร่ เป็นต้น โดยส่วนใหญ่จะเป็นบ้านเจ้าใหญ่นายโต ราชวงศ์ หรือเศรษฐี พ่อเลี้ยงในสมัยก่อนครับที่จะสามารถปลุกบ้านแบบนี้ได้ อย่างในภาพ คือ "บ้านวงศ์บุรี" จากจังหวัดแพร่ (บ้านหลังนี้เคยใช้ถ่ายละครเรื่องรอยไหม) ตัวอย่างอันแสนงดงามจากอดีตที่ผ่านกาลเวลามาถึงปัจจุบัน





Create Date : 07 มิถุนายน 2557
Last Update : 17 มิถุนายน 2557 23:27:57 น.
Counter : 9934 Pageviews.

516 comment
Sala Lanna Chiang Mai
ลุ้นรับห้องพัก superior balcony พร้อมอาหารเช้า 2 วัน 1 คืน ที่ Sala Lanna Chiang Mai
กติกาง่ายๆ

คุณต้องเป็นแฟนเพจของที่นี่ sala lanna Chiang Mai


จากนั้นก็คอมเม้นท์สวยๆใต้รีวิวนี้ "เมื่ออ่านรีวิวนี้จบ คุณประทับใจอะไรใน Sala Lanna Chiang Mai บ้าง"
(เริ่มนับคอมเม้นท์ตั้งแต่วันที่ 7 เมษา - 16 เมษา )

ประกาศผลวันที่ 17 เมษา โดยการจับเลขผู้โชคดี

กดแชร์รีวิว ท้ายรีวิว ออกไปด้วยนะครับ



- ขอสงวนสิทธิ์สำหรับผู้ที่ทำต้องถูกกติกาครบทุกข้อเท่านั้น


 ผมเชื่อว่าเวลาเพื่อนๆหลายๆคนเวลาไปเชียงใหม่ใครๆก็คงอยากพักแถว.... ถนนนิมมานฯ แต่สำหรับผมแล้วถนนเส้นนี้ ให้ความรู้สึกเหมือนเดินใน กทม มากๆๆ 5555 ซึ่งผมไม่ค่อยจะปลื้มสักเท่าไหร่ ถ้าผมเลือกที่จะมาพักผ่อนที่เชียงใหม่ ผมขอเลือกที่ให้ความรูสึกชิลล์ๆสบายๆ ขอทำเลไม่ไกลตัวเมือง เดินทางสะดวก สวย เก๋ ทันสมัย แต่มีกลิ่นอายวัฒนธรรมล้านนานิดๆ ยิ่งเป็นที่พักเห็นวิวดอยสุเทพสวยๆ แถมติดริมน้ำด้วยจะดีมาก (ขอเยอะไปมั้ย)  นั่งสแกนกรรมแล้ว ผมว่าที่ ศาลาล้านนา ถือเป็นอีกหนึ่งโรงแรมที่น่าสนใจไม่น้อย (เพราะได้ครบตามความเรื่องมากของผมเลย 55555)  มาครับ มากับผม ผมจะพาไปสำรวจที่นี่กัน

เพื่อให้ได้อรรถรสในการชมไดอารี่หน้านี้ ได้โปรดเปิดเพลงนี้คลอไปด้วยขณะชม



ศาลาล้านนา ตั้งอยู่บนถนนเจริญราษฎร์ ใกล้กับวัดเกตุการาม (วัดนี้มีพระธาตุเกษแก้วจุฬามณี พระธาตุประจำปีเกิดของปีจอของชาวล้านนาด้วย)  ตัวโรงแรมอยู่ติดฝั่งริมปิง ตรงข้ามกาดหลวง กาดลำไย เรียกได้ว่า ใจกลางเมืองแต้ๆ เลยครับ



เดิมทีความตั้งใจแรกของที่นี่ต้องการสร้างเป็นบ้านพักตากอากาศริมน้ำปิงเท่านั้น แต่เนื่องด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง บ้านพักตากอากาศหลังนี้ จึงถูกปรับเปลี่ยนเป็น ร้านอาหารริมน้ำ และ โรงแรมขนาดเล็กเพียง  16 ห้องพัก



โรงแรมศาลาล้านนาแห่งนี้ถูกรังสรรขึ้นมาด้วยความตั้งใจที่จะหล่อหลอมความเป็นศาลากับวัฒนธรรมล้านนาให้ลงตัวที่สุด เรามาพูดถึงภายนอกของตัวโรงแรมกันก่อน ที่นี่ตั้งใจเลือกใช้การนำเสาไม้มาใช้ตกแต่งอาคารภายนอกของโรงแรมแทนเสาปูน เพราะอยากให้ตัวโรงแรมนั้นยังกลนกลืนไปกับบ้านเรือนเก่าสไตล์ล้านนาแถวๆบริเวณนี้



ผนังภายนอกตัวตึก ก็ดูแปลกตาไม่เหมือนกับโรงแรมไหนๆ เพราะที่นี่ตั้งใจเลือกที่จะใช้ การฉาบผนังด้วยซีเมนต์ผสมทรายเพื่อให้ได้ฟีลลิ่งงานช่างปูนหมักโบราณ ที่เราสามารถเห็นตามวิหารต่างๆในแบบล้านนา



ประตูทางเข้าก็เลือกใช้บานไม้สูงและโถงทางเข้าก็เป็นเพดานสูงๆด้วยเช่นกัน เพื่อให้แขกที่เข้ามาที่นี่ได้สัมผัสถึงอารมณ์ของวิหารล้านนา ที่ให้ความรู้สึกสบาย และผ่อนคลาย


บริเวณผนังของโถงอาคารเลือกใช้สีเทาและตกแต่งด้วยจิตรกรรมฝาผนังแบบประยุกต์ ให้ความรูสึกเหมือนเวลาที่เราเดินเข้าไปในวิหารล้านนา


โถงกลางนี้คือตัวแทนสื่อให้ทุกคนรับรู้ว่า ตอนนี้ คุณได้ก้าวเข้าสู่โลกของวัฒนธรรมล้านนาริมน้ำแล้ว สิ่งที่สัมผัสได้อย่างชัดเจนคือ ความรู้สึกที่สงบ ช้าลง และ ไม่สับสนวุ่นวายเหมือนภายนอก ทุกย่างก้าวที่เดินในนี้คือความ สบาย และผ่อนคลาย...จริงๆ



เอาล่ะครับเราไปเช็คอินกันดีกว่า ลอบบี้เช็คอินจะอยู่ติดกับโถงกลางแห่งนี้



ลอบบี้เช็คอินของที่นี่มันไม่ได้เลือกที่จะเน้นถึงความอลังการ แต่กลับให้ความรู้สึกที่ความเรียบง่าย เป็นกันเอง แต่ดูอาร์ตทีการเลือกใช้ของตกแต่ง นี่แหละครับ คือเสน่ห์ความเป็น "ศาลา" อย่างแท้จริง เรียบง่ายแต่มีศิลปะ





จะว่าไปแล้ว ของตกแต่งของที่นี่ที่สื่อให้มีกลิ่นอายของความเป็นล้านนาก็มีอยู่หลายอย่างอยู่เหมือนกันนะ ไม่ว่าจะเป็นพรมลายชาวเขา ซึ่งสั่งทอมาเป็นลายเดียวกับที่สระว่ายน้ำ



การใช้ระแนงไม้เพื่อให้แสงธรรมชาติลอดผ่านเข้ามา ก็เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของที่นี่



ตามผนังอาคารของที่นี่ จะเป็นแบบนี้ทุกชั้นเลยครับ ในความคิดผม ผมว่าทางโรงแรมต้องการที่จะสื่อถึงบ้านชาวล้านนาในสมัยก่อนที่ใช้ลูกเล่นของแสงธรรมชาติมาใช้ในการช่วยให้บ้านสว่างขึ้น



การเลือกใช้ผ้าม่านแบบผ้าพื้นเมืองมาช่วยเพิ่มสีสันและอารมณ์ล้านนาให้ดูชัดเจนขึ้น ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อยเลย



เอาล่ะครับเราไปดูสระว่ายน้ำหลักของที่นี่กันดีกว่า สระว่ายน้ำหลักของที่นี่จะอยู้ที่ชั้นสี่ซึ่งเป็นดาดฟ้าของโรงแรม



เชื่อว่าที่เลือกมาให้อยู่จุดนี้ก็เพราะต้องการให้แขกที่มาพักรู้สึกถึงความเป็นส่วนตัว แยกส่วนออกจากแขกที่มาทานอาหารที่ห้องอาหารอย่างชัดเจน อีกทั้งบนดาดฟ้าแห่งนี้ก็ยังเห็นวิวดอยสุเทพและวิวริมน้ำปิงอย่างชัดเจน



สระว่ายน้ำไม่ได้ใหญ่โตอะไรนะ เหมาะกับการมาแช่น้ำแล้วจิบอะไรเบาๆ ฟินไปกับบรรยากาศยามเย็น และวิวดอยสุเทพ



ที่ชั้นดาดฟ้าแห่งนี้จะมีพูลบาร์อยู่ด้วยครับ เวลาที่ดีที่สุดที่จะขึ้นมาดริ้ง แดร้ง ดรั้ง คือ ช่วงยามอาทิตย์อัสดง เรียกได้ว่า งดงามได้อีกนะพ่อคุณ



ใครมีโอกาส ลองแวะมาดูคร้าบ กับลู้ฟท๊อปบาร์ริมน้ำปิง ขอบอกเลยครับว่าในบริเวณนี้ น่าจะมีที่นี่ที่เดียวเท่านั้นแหละครับ



นอกจากบรรยากาศจะดีแล้ว บาเทนเดอร์ที่นี่ยังหน้าตาดีอีกด้วย การันตีด้วยตำแหน่งพอค้าแซ่บ ศรีนครพิงค์ พ่วงมาด้วย



เอาล่ะครับเราไปสำรวจห้องพักกันบ้างดีกว่า ผมขอเริ่มจากห้องที่เป็นแรงบรรดาลใจของการสร้างที่นี่กันก่อนเลย

พูลวิลล่า ริมน้ำปิง (ถ้าผมไม่ตาแหล่ที่นี่น่าจะเป็นพูลวิลล่าติดลำน้ำปิงทีเดียวเท่านั้นที่อยู่ใจกลางเมือง)



พื้นสระว่ายน้ำแอบเก๋หวานด้วยลวดลายในแบบฉบับล้านนา สวยไม่ซ้ำกับที่ไหนแน่นอน



ภายในห้องพักแบบพูลวิลล่าจะถูกแบ่งไปด้วย หนึ่งห้องนั่งเล่นกับสองห้องนอนขนาดใหญ่ (ในห้องนั่งเล่นจะมีครัวเล็กๆ สามารถอุ่นอาหารได้ด้วยครับ)



ห้องนั่งเล่นค่อนข้างกว้างขวางตกแต่งสไตล์เรียบหรูอยู่สบาย เพิ่มฟีลลิ่งของความเป็นล้านนาด้วยหมอนลายชาวเขา



ห้องนอนหลัก จะถูกแบ่งให้ห้องนอนมีขนาดเล็กสักหน่อย แต่เห็นวิวริมน้ำปิงได้อย่างชัดเจน แยกสัดส่วนการใช้งานเป็นอย่างดี ทั้งห้องนอน ห้องแต่งตัว ห้องน้ำ ธีมการตกแต่งเป็นสไตล์สวยหวาน ไม่หลุดคอนเซ็ปของที่นี่ (ธีมการตกแต่งหลักๆห้องพักของศาลาล้านนาคือ อาร์ต หวาน แต่แอบดิบเล็กๆ ครับ)



ห้องน้ำเป็นห้องน้ำขนาดใหญ่ มีอ่างอาบน้ำ ยังคุมโทนสีสวยหวานอยู่ เล่นลายกระเบื้องโบราณที่พื้นห้องน้ำ ทำให้ห้องน้ำดูไม่จืดจนเกินไป (ใครที่ชอบห้องน้ำใหญ่ น่าจะปลื้มกับห้องน้ำห้องนี้เลยล่ะครับ)



ห้องนอนเล็ก (ซึ่งจริงๆไม่เล็กเลย) แบ่งเป็นสองเตียงทวิน การตกแต่งเรียบง่าย  ภาพนี้จะเห็นได้ชัดเลยว่าผ้าคลุมเตียงของที่นี่แอบเก๋ไม่เหมือนที่ไหน เพราะใช้เป็นผ้าที่ทักจากไหมพรม ให้ฟีลลิ่งของ บรรยากาศเมืองหนาวเลยครับ



ส่วนห้องน้ำมีขนาดเล็กแต่ดีไซด์ห้องน้ำห้องนี้ค่อนข้างลงตัว ถึงตัวห้องจะไม่ใหญ่แต่ไม่อึดอัดเลย แยกห้องแต่งตัวโซนเปียกโซนแห้งได้อย่างชัดเจน ขอกราบครับ



สำหรับผู้ที่พักห้องพูลวิลล่า สามารถรีเควสไพรเวทดินเนอร์มื้อพิเศษกับทางโรงแรมได้ด้วยครับ



ดินเนอร์มื้อพิเศษจะเป็น มิกซ์กริลบาบีคิว ขอบอกว่าไม่ใช่แค่จะสด อร่อย และเยอะแล้ว แต่การจัดจานเสริฟ เรียกได้ว่าต้องกราบจริงๆ สวยอาร์ต ไม่หลุดคอนเซ็ป ดูมีสกุลรุนช่องเป็นที่สุด และที่เด็ดที่สุด น้ำจิ้มซีฟู้ด เรียกว่าอร่อยแซ่บไม่เกรงใจตลาดฝั่งตรงข้ามเลย เอ้า!!! กราบบบบบบบบบบ



ห้อง Deluxe Suite ในความรู้สึกผมคือห้องที่ตกแต่งได้ลงตัวและสวยที่สุดครับ ห้องมีขนาดใหญ่โตรองจากห้องพูลวิลล่าเลยครับ



 ห้องจะถูกแบ่งเป็นสามส่วน แบบไม่แยกจากกัน ห้องนั่งเล่น ห้องนอน ห้องน้ำการตกแต่งที่สวยหวาน คุมโทนห้องอยู่ในโทนสีเทา การตกแต่งใช้ผ้าพื้นเมือง หมอนแบบล้านนาและพรมลายชาวเขา มาช่วยเพิ่มกลิ่นอายของความเป็นล้านนา เฟอนิเจอร์เลือกที่จะใช้ไม้เป็นหลัก



ห้องน้ำคือส่วนที่เติมเต็มความหวานให้กับห้องนี้อย่างสมบูรณ์แบบ แยกโซนเปียกโซนแห้งออกจากกันอย่างชัดเจน ถึงแม้อาจจะดูโป๊ไปสักหน่อย แต่มีผ้าม่านติดมิดชิด





ถ้าใครอยากรู้ว่าอะไรคือศาลาล้านนา ผมแนะนำให้พักห้องนี้ครับ เพราะหลายอย่างแสดงถึงความเป็น ศาลาล้านนาได้ค่อนข้างชัดเจนพอดู Deluxe River View เสน่ห์ของริมน้ำปิงในมุมสูงคือคำจัดความของห้องนี้ครับ ห้องถูกแบ่งเป็นสามส่วนหลักๆเหมือน Deluxe Suite ห้องนั่งเล่น ห้องนอน และห้องน้ำ



เมื่อเปิดประตูมา เราจะเจอห้องน้ำก่อนครับ ฟีลลิ่ง ขาวโอโม่ หวานชวนฝันเหมือนเดิม ห้องน้ำจะมีขนาดเล็กกว่า ห้อง Deluxe Suite อยู่นะครับ แต่การจัดวางพื้นที่ต่างๆเหมือนกันเลยครับ







ห้องนั่งเล่นของห้องนี้คือ ระเบียงนี้แหละครับ เป็นห้องนั่งเล่นบรรยากาศโอเพ่นแอร์ พร้อมกับวิวมุมสูงของริมน้ำปิง



Superier River View คือ ห้อง Deluxe River View ที่มีการย่อส่วนลงมา และอยู่ในชั้นที่ต่ำกว่า ผมชอบห้องนี้ ตรงสายสร้อยคริสตัล ที่ห้อยลงมามากๆๆๆ มันทำให้ห้องนี้ดูสวยหวานขึ้นเยอะเลยล่ะ ฟรุ้งฟริ้งมว้ากกก







ภายในห้องทุกห้อง จะมีข้าวของเครื่องใช้ที่สื่อถึงความเป็นล้านนาอยู่พอสมควร ไม่ว่าจะเป็น ย่ามลายชาวเขา ตุ๊กตาผ้าช้างและนกฮูก



ปิดท้ายในส่วนของห้องอาหารหลักของที่นี่ Italia ห้องอาหารออลเดย์ดายนิ่ง ของที่นี่ อาหารหลักของห้องอาหารนี้คืออาหารเช้า และอาหารอิตาเลี่ยน บรรยากาศของห้องอาหารนี้คือส่วนผสมที่ความอาร์ตสไตล์ศาลา ความหวานสไตล์ล้านนา มีทั้งโซน ปรับอากาศ และโอเพ่นแอร์ริมน้ำ





ช่วงเวลาเย็นๆ หลังอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปแล้วคือ เวล่ที่เหมาะกับจะมานั่งบริเวณนี้



บรรยากาศโดยรวมไม่ได้มีพื้นที่ใหญ่โตอะไร แต่ให้ความรู้สึกที่ สบายๆ มากๆครับ



เอาล่ะครับมาดูอาหารเช้ากันบ้างดีกว่า ขอบอกว่าอาหารเช้าที่นี่ไม่มีบุฟเฟ่ต์นะครับ สั่งเป็นเมนูอย่างเดียว จะมีทั้งแบบเซ็ตและแบบจานเดี่ยว โดยรวมไม่ทิ้งคอนเซ็บของศาลาครับ แต่งจานได้อาร์ตมากกก เมนูที่ไม่ควรพลาดที่จะลองคือ ครัวซองครับ เพราะมันอร่อยมากกกกกกกกกกกกกก



ส่วนอาหารไทยแนะนำให้ลองผัดไทยครับ หน้าตาจะคล้ายๆแบบนี้แต่ไม่มีกุ้งยักษ์มาให้ครับ (ภาพนี้เป็นภาพจากมื้อเที่ยง)



ส่วนเมนูอาหารมื้ออื่นๆ แนะนำเป็นอาหารอิตตาเลี่ยนครับ เมนูเด็ดประจำเดือนมิถุนานี้คือ กริลซีฟู้ดจานนี้แหละครับ ขอบอกว่าสดและอร่อยมากกกกกกก และที่ลืมไม่ได้ น้ำจิ้มซีฟู้ด ที่เด็ดที่สุดจริงๆ



ส่วนเมนูอื่นๆ ผมแนะนำซุปทะเล พิซซ่า และลาวิโอเล่แซลม่อนครับ (จริงๆมีนอร่อยทุกอย่างแหละครับ แต่ผมไม่ถนัดอาหารอิตตาเลี่ยนสักเท่าไหร่เลย)



สรุปปิดท้ายกันสักนิด

ต้องขอบอกก่อนว่า ศาลาล้านนาแห่งนี้ ถูกจัดอยู่ในคอลเล็คชั่น 3 อณาจักรของศาลา โดยคอนเซ็ปจะเน้นเป็นร้านอาหารริมแม่น้ำเป็นหลักและมีโรงแรมห้าดาวขนาดเล็กประกบเข้าไปด้วย โดยทั้งสามที่นี้จะยังคงความอาร์ตในแบบฉบับของศาลาไว้อยู่ แต่จะหล่อหลอมจุดเด่นของแต่ล่ะอณาจักรเข้าไป

ศาลาล้านนา ความงดงามอ่อนช้อยและวัฒนธรรมที่น่าหลงไหลของอณาจักรล้านนา
ศาลารัตนโกสินทร์ ความรุ่งเรืองแห่งราชธานีล่าสุดของสยามประเทศ 
ศาลาอยุธยา ความยิ่งใหญ่กับราชธานีที่เคยเป็นดังพยัคฆ์แห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา

สำหรับผมแล้ว ศาลาล้านนา ค่อนข้างตีโจทย์ของความเป็นล้านนาออกมาได้เป็นอย่างดี ไม่ใช่แค่เพียงสถาปัตยกรรม แต่รวมไปถึงความรู้สึกในขณะที่เข้าพักด้วยครับ สำหรับผมแล้ว อณาจักรล้านนาไม่ใช่ความอลังการ แต่ล้านนาคือความงดงาม ความอ่อนช้อย ของศิลปะวัฒนธรรมความเป็นอยู่ที่มีเสน่ห์ ชีวิตที่เรียบง่าย ไม่เร่งรีบ

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ Bangkok Airway ผู้สนับสนุนหลักของโครงการ TBA   สิ่งที่ผมสัมผัสได้จากการลองใช้สายการบินนี้ รู้สึกได้ถึงคอนเซ็ปของสายการบินนี้ การบริการด้วยหัวใจของความเป็นไทยแท้ๆคือเสน่ห์ของสายการบินนี้ครับ ประทับใจกับสายการบินของพี่นางฟ้ามากครับ











Create Date : 06 มิถุนายน 2557
Last Update : 7 เมษายน 2558 21:02:16 น.
Counter : 10001 Pageviews.

715 comment
1  2  3  4  

Paksabuy
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 340 คน [?]



free counters
Free counters