|
|
KAWAGUCHIKO( คาวากุจิโกะ) แลเห็นภูเขาไฟฟูจิ (25/Oct./2012)JAPAN
เมื่อปี 1991 เคยไปเที่ยวKawaguchikoมาแล้ว ค้างคืนที่นั่นด้วยหนึ่งคืน สมัยนั้นเราก็เหมือนเด็กที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องเที่ยวเท่าไหร่ ผู้ใหญ่ไปไหนเราก็ตามไปด้วย เงินก็ไม่ค่อยมี คอมพิวเตอร์ก็ยังไม่เคยเล่น ไปเที่ยวครั้งนั้นเลยไม่รู้เรื่องอะไรเลย อิๆ
หลังจาก 21 ปีผ่านพ้นไป วันนี้ก็มาอีกครั้ง ตรงกับวันที่ 25 ตุลาคม 2012 มาแบบศึกษาทางอินเตอร์เน็ตเรียบร้อย ว่าขึ้นรถด่วนบัสที่ไหน อย่างไร
ป้าซิ่งตื่นตั้งแต่ตีห้า อาบน้ำ แต่งตัวแบบทะมัดทะแม่งหน่อย เสร็จสรรพ์ ก็ออกจากบ้านตอน 6 โมงเช้า นั่งรถไฟไปลงที่สถานีชินจุกุ(shinjuku)
เดินออกจากสถานีชินจุกุ ไปหาอู่รถ Keio Bus Highway ออกทางด้านรถไฟสาย Keio Line มีห้างฯ My Lord อยู่ใกล้ๆ ส่วนอู่รถนั้นอยู่ใกล้กับอาณาเขตของเครื่องไฟฟ้ามากมายจิปาถะฯ
ราคาตั๋วรถบัสราคา 1,700 yen รถออกเวลา 07:10 A.M. พนักงานบอกให้ออกไปรอข้างนอกตรงริมถนนที่ 26 จะมีตัวเลขมองเห็น ในตั๋วมีเลขที่นั่งเรียบร้อยแล้ว
ป้าซิ่งขอกดน้ำที่อยู่ใกล้ๆเพื่อเป็นเสบียงตอนอยู่ในรถก่อน ระยะทางจากชินจุกุ ไป คาวากุจิโกะ ประมาณ 2 ชั่วโมง
ป้าซิ่งมาคนเดียว ก็ใช้แรงงานญี่ปุ่นช่วยถ่ายรูปให้หน่อย ตามระเบียบ
มีห้องน้ำสะอาดๆอยู่ในรถ เวลาเข้าไปใช้ พยายามเกาะเหล็กที่มีไว้ให้เกาะหน่อย รถมันแล่นเร็วพอสมควร
รถรับผู้โดยสารข้างทางเป็นระยะ แต่หลังจาก 1 ชั่วโมงผ่านไปไม่มีแล้ว
อีกครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึง Kawaguchiko เริ่มเห็นฟูจิซังทางหน้าต่างรถแต่ไกลๆแล้ว
รถแล่นมาถึงฟูจิไฮแลนด์ (Fuji Highland) เป็นสวนสนุกก่อนถึงคาวากุจิโกะ คนลงจากรถไปครึ่งรถแล้ว ป้ายหน้าคือป้ายสุดท้ายคือคาวากุจิโกะ
ป้าซิ่งพึ่งบริการ Kawaguchiko Sight Seeing Bus-Retro bus จะลงป้ายไหน จุดไหนก็ได้ ตามรายการที่บรรจุอยู่ในแผนที่ สังเกตุตามป้ายที่มีเลขที่กำกับ ราคา 1,000 yen
ตั๋วรีโทรบัส เวลาขึ้นรถก็ชูให้คนขับดูหน่อย เขาจะได้ไม่ต้องบอกค่าโดยสารเหมือนคนอื่น ตั๋วรถนั้นมีขนาดโปสการ์ด ป้าซิ่งใช้เสร็จก็เขียนที่อยู่ไปชิงโชคทันที เอ๊ย......ไม่ช่ายๆ เขียนที่อยู่ในเมืองไทยส่งเข้าตู้ไปรษณีย์ตอนเราเที่ยวเสร็จแล้ว เพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก ค่าแสตมป์ 100 yen ก็ถึงเมืองไทยแล้วค่ะ
รถรีโทร ขับไปตามจุด บางคนก็ลง บางคนก็หยิ่งไม่ลง แต่เราลงที่ป้ายเบอร์ 21 จุดนี้คนลงกันเพียบ เพราะเห็นภูเขาไฟฟูจิหรือฟูจิซัง ได้เด่นชัดมาก มีร้านบลูเบอรี่ มีไอศครีมให้กิน มีให้เราซื้อของฝากและของที่ระลึก ป้าซิ่งเห็นไร่ลาเวนเดอร์ ชอบใจมาก เพราะป้าชอบกลิ่นหอมของลาเวนเดอร์ ชอบเอามือไปจับเบาๆแล้วเอามือมาดม มันหอมกลิ่นลาเวนเดอร์แล้ว
อนุสรณ์ฟูจิซัง ชื่อฟูจิ ซัง เป็นที่มาของตัวเลขเดือนและวันที่นี่เอง 2 23
ภูเขาไฟฟูจินี้เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่นเรียกภูเขาไฟฟูจิว่า ฟูจิซัง มีความสูงราว 3,776 เมตร (12,388 ฟุต)
ภูเขาไฟฟูจิเคยระเบิดมาแล้วซึ่งครั้งหลังสุดที่ระเบิดคือเมื่อปี พ. ศ. 2250 (ค.ศ. 1707) ซึ่งตรงกับยุดเอโดะ
จริงๆวันที่ไปก็อากาศดีอยู่ค่ะ พอดีเรามาจุดนี้มีเมฆมาบังภูเขามั่ง มีเมฆก้อนดำๆบางๆมาบ้าง ท้องฟ้าไม่เปิด เลยไม่เห็นแจ่มชัด หรือว่าเช้าไปต้องรอตอนเที่ยง ก็ไม่รู้ค่ะ ใครอยากถ่ายรูปได้สวย ท้องฟ้าเปิดสดใส คงต้องนั่งรอจังหวะไปเรื่อยๆ
หลังจากที่ตื่นเต้นเมื่อเห็นฟูจิซังอยู่ใกล้ๆสายตาไปแล้ว ถ่ายรูปอิ่มหนำสำราญพอสมควร ได้เวลาซื้อของที่ระลึกกันค่ะ มาดูว่าร้านบลูเบอรี่ที่ Shizen Seikatsu-Ken มีอะไรบ้าง???
หิ้งนี้มีหมอนบรรจุลาเวนเดอร์ทั้งชั้น และ รูปแบบอื่นๆ
เม็ดละลายเพื่อแช่น้ำในอ่าง มีหลายกลิ่นให้เลือกซื้อ
พวกสบู่กลิ่นหอม
ผลไม้แห้งมาจากลูกส้มญี่ปุ่น
ขนมคุ๊กกี้ ,เค้ก, โมจิ ต่างๆ
ของที่ระลึกต่างๆ
แยมผลไม้
ภายในร้านมีเคาน์เตอร์เครื่องดื่ม พวกกาแฟ น้ำผลไม้และไอศครีม ไอศครีมมีรสบลูเบอรี่ รสวานิลา และ รสผสมบลูเบอรี่และวานิลา
ป้าซิ่งซื้อไอศครีมรสบลูเบอรี่ มานั่งกินใต้ซุ้มกีวี แล้วนั่งมองแต่ภูเขาไฟฟูจิที่อยู่ตรงหน้า มันชั่งผ่อนคลายได้ดีจริงๆค่ะ
ได้เวลารถมารับไปจุดอื่นๆแล้ว ป้าซิ่งตั้งใจไปลงที่จุดที่ 7 คือ Kawaguchiko Herb-Kan เกี่ยวกับต้นไม้ พืชสมุนไพรต่างๆ ดีกว่า
ที่นี่เป็นจุดที่ประทับใจของป้าซิ่งด้วยเหมือนกันค่ะ
ลักษณะร้านเป็นบ้านญี่ปุ่นสองชั้น มีดอกไม้แห้งอยู่เต็มเนื้อที่ชั้นบนสุด สวยงามมาก มีทีสอนประดิษฐ์ดอกไม้เข้าช่อ หรือ จะเซรามิคผนึกดอกไม้แห้งลงไป หรือว่า จะทำกระดาษมีดอกไม้แห้ง ด้านล่างขายของจิปาถะ รวมด้วยซาเตลล่าเค้ก และเครื่องดื่มต่างๆ ด้านหลังร้านมีต้นไม้สดขาย
ดอกไม้แห้งบนเพดาน
ผนังด้านข้าง ของชั้นบน มีดอกไม้แห้งเข้าช่อ ขาย ดูๆกันไปค่ะ
ของที่ตั้งวางขาย
ลงมาดูชั้นล่าง บนเพดานมีดอกไม้แห้งอยู่ตรงบริเวณแคชเชียร์
ร้านนี้จัดวางของได้อารมณ์ผ่อนคลาย น่านอน และอบอุ่นดีค่ะ
วันเกิดมี 366 วัน ใครมีเพื่อนๆอยากให้เป็นของขวัญวันเกิด ก็หาซื้อกันค่ะ
พาไปชมต้นไม้ด้านหลังร้านกันค่ะ
ต้นลาเวนเดอร์ ต้นละ 200 yen
ต้นนี้มีดอกสีชมพูอ่อนมีกลิ่นหอมมาก กลิ่นของมันประมาณกลิ่นดอกพุดซ้อน แต่ดอกสีชมพูนี้มันหอมหวาน
ก่อนลาจากร้านซื้อน้ำดื่มสะอาดที่มาจากฟูจิซังหน่อย
ซื้อเม็ดอมกลิ่นกุหลาบกล่องเดียว น่าทดลองกินตั้งแต่อยู่ทีร้าน มากินตอนขึ้นรถไปแล้ว รู้ว่าอมแล้วมีกลิ่นกุหลาบแท้จริงแบบนี้ รู้งี้ รู้โง้น ซื้อซะ 5 กล่องก็ดีหรอก???
ผ้าโปร่งมีระบายลูกไม้เป็นถุงใส่อะโรม่าลาเวนเดอร์ที่บรรจุในกระดาษรากไม้บางๆ
ออกมานั่งรอรถรีโทรเพื่อกลับสู่ป้ายสถานีรถ Kawaguchiko วันนี้พอแค่นี้ก่อน เพราะจะไปโอไดบะต่ออีก
มาถึงสถานีแล้ว มองหาตู้ไปรษณีย์รุ่นเก๋าของญี่ปุ่น ส่งการ์ดกลับเมืองไทยค่ะ
ซื้อตั๋วกลับชินจุกุ ราคา 1,700 yen ราคาเหมือนตอนมาเลยค่ะ ได้เที่ยว 12:10 น.
มีร้านอาหารเล็กๆอยู่ในสถานีคาวากิจิโกะด้วย แต่เวลาไม่พอที่นั่งกินแล้ว ไม่รู้จะนั่งรอคิวนานแค่ไหนด้วย ขึ้นรถเลยดีกว่า รถก็มาพอดีเลย
กิจกรรมบนรถของป้าซิ่ง ฮ่าๆๆ
สองชั่วโมงต่อมา มาอยู่ที่สถานีชินจุกุแล้ว เวลาตอนนี้อยู่ที่บ่ายสองโมง 14:00 น. ยังไม่ได้กินข้าวมื้อกลางวันเลย เดินมาที่ห้างฯ My Lord ที่ชั้น 9 อาหารราคาที่ละ 1,000 yen มีบุฟเฟ่ต์สลัด, ซุป ,ของหวาน และ เครื่องดื่ม มีน้ำชา และ น้ำแครอท รวมแล้วเสร็จไม่ต้องจ่ายเพิ่มราคา 1,000 yen ถือว่าราคาถูกมากๆเลยค่ะ
ป้าซิ่งสั่งเมนไทโกะกับไข่ออนเซงในกะทะร้อน
กินอาหารจ่ายเงินไป 1,000 yen เรียบร้อยเตรียมขึ้นรถไปเลโก้แลนด์(LEGOLAND) กันต่อ ดูบล๊อคถัดไปด้านล่างนะคะ ขอบคุณท่านผู้อ่านค่ะ
Create Date : 31 ตุลาคม 2555 | | |
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2555 17:39:36 น. |
Counter : 21791 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ชอบดื่มเบียร์ " Paulaner" ที่สกัดเอาแอลกอฮอล์ออกแล้ว
ป้าซิ่งเป็นคนไม่ชอบดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เวลาไปเที่ยวที่ประเทศเยอรมัน เมืองอันมีชื่อเสียงเรื่องเบียร์ ก็อดไม่ได้ เคยขอดื่มจากคนในครอบครัว แค่แก้วชาไหว้เจ้า ก็ไม่ไหวแล้ว มันขม
มีครั้งล่าสุดไปเยอรมันอีก ได้ดื่มเบียร์ที่สกัดเอาแอลกอฮอล์ออกแล้ว คือมีคนแนะนำให้ดื่ม เห็นว่าเราดื่มน้ำเมาๆไม่เป็น แต่ต้องมาร่วมสังสรรค์ เลยจัดมาให้ ตอนเขายกมาให้ ป้าซิ่งก็แปลกใจมากมีด้วยเหรอ เบียร์ไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่งั้นเราคงได้นั่งดื่มน้ำโซดาผสมแก๊ส ไปตลอดงาน
คราวนี้ล่ะก็ติดใจ เวลาไปนั่งที่เขาดื่มเบียร์ เราจะได้สั่งเบียร์"Paulaner" Hefe-WeiBbier ( Alkoholfrei) พอลลาเนอร์ เฮเฟ-ไวส์เบียร์( แอลกอฮอล์ฟรี) ยี่ห้ออื่นก็มีค่ะ ไม่เฉพาะแต่ พอลลาเนอร์ มันหอมเหมือนกลิ่นฮ๊อป กลิ่นพืชสมุนไพร ดื่มหมดขวดไม่เมาเลย แต่ก็ดื่มได้แค่ขวดเดียว พอค่ะ
ตอนกลับมาเมืองไทยก็คว้านหาตามร้านอาหารเยอรมัน หรือร้านอาหารอิตาเลี่ยน ทั่วไป โชคดีไปที่หาได้ไม่ยาก เพราะร้านอาหาร "พอลลาเนอร์" อยู่ตรงข้ามเยื้องๆบ้านป้าซิ่งพอดี ที่ถนนเลี่ยงเมือง - สามัคคี ก็มี และที่ร้าน "พิน๊อคคิโอ" ใกล้ป้ายเมืองทองธานี ซอย 7 ก็มี ขวดละร้อยกว่าบาท ที่อื่่นคงมีแต่เราหาที่ใกล้บ้านเรามากที่สุด นานๆดื่มที คงเดือนละขวดได้มั๊งคะ
ที่เห็นในรูปเก็บไว้ในตู้เย็นมานานแล้วด้วย ยังไม่ได้อารมณ์ดื่มเท่าไหร่เลย
P.S. พรุ่งนี้เดินทางไปญี่ปุ่นแล้ว คงมีอะไรมาสร้างในบล๊อคอีกค่ะ ไว้กลับมาถึงเมืองไทย หายเหนื่อยเมื่อไหร่แล้ว ได้เจอะกันเร็วๆนี้ ไปแค่อาทิตย์เดียวเองจ้า........................
Create Date : 18 ตุลาคม 2555 | | |
Last Update : 18 ตุลาคม 2555 10:13:53 น. |
Counter : 7837 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
|
|
|
|
|