ไปเที่ยว ไปกินกันนะคะ ขอบคุณสำหรับเพื่อนๆทุกท่านที่แวะชมค่ะ
 

นัดเพื่อนที่ญี่ปุ่นกินสปาเก็ตตี้ที่ "TAPAS" (Shibuya) Japan(24/Oct,/2012)

วันนี้นัดเจอะเพื่อนสาวๆแต่ไม่โสดที่สถานีรถไฟ Shibuya
หน้าร้าน STARBUCKS เวลานัด 11:30 น.

เริ่มขับจักรยานไปฝากไว้ที่สถานีรถไฟ Kawaguchi



ส่วนตัวป้าซิ่งไปก่อนหนึ่งชั่วโมง เพราะอยากได้กระเป๋าลูกที่ค้างคาใจ
เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม ก็ไม่ซื้อกระเป๋าใบนี้ เพราะซื้อกระเป๋าใหม่ในวันนั้น
แล้วมาเจอะกระเป๋าใบนี้ อยากได้แต่ซื้ออันอื่นทำไงดี
เราจะขนขึ้นเครื่องไปหมดรึเปล่าหว่า วันนี้ได้โอกาสเลยตัดสินใจซื้อ
ราคา 11,550 yen







กระเป๋าสีดำออกเหลื่อมๆ ประกอบด้วยเม็ดคริสตัสสีนิลมีประกายเมื่อถูกแสงแดดและแสงไฟ
เป็นได้ทั้งหิ้วและเป็นเป้สะพาย มีกระเป๋าเล็กๆด้านข้าง ทั้ง 2 ข้าง
มีแม่เหล็กเปิด - ปิดแค่ครึ่งเดียวของส่วนบน ด้านหน้าของกระเป๋า







เดินผ่านร้านขายยาแบบโนเนม ที่ไม่ใช่ร้าน Mutsumoto Kiyoshi
เพราะต้องการซองที่บรรจุน้ำบ้วนปาก ใช้กล้วงคอแล้วทิ้งซองได้เลย
เพื่อพกไว้ขึ้นเครื่องบินหามานานแล้ว เจอะได้ในร้านขายยาโนเนมนี่เอง
กล่องละ 210 yen



ได้เวลานัดเพื่อนๆทั้งสองคนแล้ว ต่อจากนั้นเดินไปที่ร้าน TAPAS
ร้านนี้เคยมาเมื่อสิบปีที่แล้ว ก็ยังตกแต่งร้านในรูปแบบเดิมๆ







ที่นั่งรอเวลามีคนเต็มร้าน



Drink Bar เครื่องดื่มน้ำผลไม้ และ กาแฟ ราคา 200 yen ดื่มเท่าไหนก็ได้



มุมทำอาหารก็มีให้เห็นกันจะ




เมื่อเพื่อนอนุญาติให้ลงรูปและโพสได้ ก็ขอแนะนำตัวเลยค่ะ
คนนี้น้องตุ้ม หรือ ช้างครับนามแฝงของเว็ปพันทิป
รู้จักกันได้ประมาณซัก 7 ปีเห็นจะได้ค่ะ



ส่วนคนนี้น้องตุ๋ม นามแฝงในพันทิปคือ ความฝันและสุดที่รัก.....
ป้าซิ่งรู้จักเธอมานาน 10 ปีกว่าๆ





ช่วงที่รอก็คุยกันไป บางทีไม่เข้าใจเรื่องระบบมือถือหรือเว็ปไหนที่น่าสนใจ ก็เล่าสู่กันฟังค่ะ



สั่งสลัดผักหน้าเบคอน







น้องตุ้มและน้องตุ๋ม สั่งเหมือนกันคือ สปาเก็ตตี้ซีฟู๊ด



ของป้าซิ่งสั่ง เมนไทโกะครีมซอส







ป้าซิ่งนำของฝากจากเมืองไทยมาให้ เพราะล๊อตของฝากอันนี้
กระเป๋าเดินทางยังส่งมาไม่ถึงบ้าน เลยนำของมาฝากล่าช้าไป
แต่เราก็เจอะกันไปแล้วเมื่อวันที่ 20 ตุลาคมตอนถึงญี่ปุ่น
เอาขนมเปี๊ยะที่น้องทั้งสองฝากทางบ้านจากเมืองไทยให้เอามาให้ที่ญี่ปุ่น
ป้าซิ่งเอาติดตัวกลับมาบ้านก่อน ไม่พึงบริการฝากของของญี่ปุ่น
เพราะกลัวขนมเปี๊ยแตกหัก ที่สำคัญอายุของขนมเปี๊ยะ
มีเวลาแค่ไม่ถึงอาทิตย์ ก็จะหมดอายุ กว่าจะถึงวันที่ 24 นี่ก็แย่แล้ว
น้ำหนักขนมเปี๊ยะที่ขนมาประมาณ 5 กิโล

ดูแล้วน้องทั้งสองเขาเกรงใจ วันนี้ซื้อของมาทดแทนให้ป้าซิ่ง
เป็นขนมบรรจุกล่องหรูจากห้าง ฯ TOKYU
จริงๆแล้วไม่ต้องเลยค่ะ
เพราะป้าซิ่งอยากเจอะน้องๆเขามากกว่าค่ะ
อยากนัดเจอะกินกันไป คุยกันไปมากกว่า
เพราะได้แต่คุยกันทางหลังไมค์, ทางสไกด์บ้าง หรือมือถือข้ามชาติ
ไม่ได้เห็นหน้าตัวเป็นๆมานานเป็นปีแล้ว คิดถึงมาก

ของฝากที่น้องตุ้มหรือช้างครับให้ป้าซิ่งคือ หมีน้อยอบน้ำผึ้ง
ดูคนญี่ปุ่นเขาห่อของฝาก หีบห่อตามสไตร์เก๋ๆเหมือนที่เรารู้กัน
แค่ค่าห่อบ้านเราก็ราคาข้างในแล้วนะ แต่ทางร้านเขาไม่คิดค่าห่อกัน

มาเรียงลำดับของกล่องกันค่ะ จะแกะให้ดูแล้วนะ
ตอนเห็นเจ้าหมีน้อยคลาสเตลล่า
อยู่ในห่อก็ไม่กล้ากินแล้วเพราะว่ามันน่ารักเหลือเกิน
แต่ในที่สุดเราก็ลิ้มลองจนได้ นอกจากจะน่ารัก
มันยังอร่อยหอมน้ำผึ้งอีกต่างหาก ขอบคุณน้องตุ้มมากๆค่ะ









มาที่กล่องนี้ของน้องตุ๋มหรือความฝันและสุดที่รัก........ค่ะ
ของกินเป็นคุ๊กกี้ทั้งโรล ทั้งแผ่น ประกอบด้วยรสช๊อคโกแล็ตและวานิลา
บรรจุอยู่ในหีบสังกะสีสี่เหลี่ยมจัตุรัส รสหอมอร่อย
ขอบคุณน้องตุ๋มมากๆนะคะ ตอนนี้กินไปเรื่อยๆยามเช้าบ้าง ยามบ่ายบ้าง







แลกของฝากของขวัญกันเสร็จแล้ว เช็คบิลออกจากร้าน TAPAS
น้องตุ๋มแนะนำให้ซื้อเครื่องบรรจุไฟฟ้าสำรอง เอาไปซาร์ตแบ๊ตที่เมืองไทยก็ได้
เพื่อใช้กับมือถือในยามคับขันเมื่อไฟในมือถือหมด
นอกจากที่เก็บไฟให้ยังใช้เป็นไฟฉายได้อีกด้วยค่ะ
เราเดินไปซื้อที่ Big Camera เป็นของยี่ห้อ PANASONIC
มี 2 แบบ 2 สี (ขาวและดำ) มีสำรองแบบแปลง 1 และ 2 แปลง
ป้าซิ่งเลือกสีขาวแค่แปลงเดียวพอแล้ว ราคา 3,0XX yen
ตอนนี้พี่เหนาได้ใช้แล้วนะคะ ดีมากๆเลยค่ะ ขอบคุณที่แนะนำนะคะ









ต่อจากนั้นน้องตุ๋มขอทำธุรกิจร้อยล้านก่อน
จำไม่ได้แล้วชื่อห้างฯอะไรแต่อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ Shibuya
น้องตุ๋มบอกว่าเป็นห้างสรรพสินค้าใหม่ๆในย่านนี้
พี่เหนาลืมไปแร๊ะ??

เธอเป็นลูกค้าของ ISSEY MIYAKE พนักงานเห็นเธอเดินมาแต่ไกล
แทบรีบเข้าไปอุ้มจริงๆ ป้าซิ่งเห็นแล้วนับถือๆค่ะ
วันนี้น้องตุ๋มซื้อกระเป๋าไป 6 ใบ ร้านบอกว่า BAO BAO ( บาว บาว )
แต่ราคาหนักจริง ของก็เบา เบา



เราลาจากกันตอนบ่ายสองโมง เจอะตัวการ์ตูน
เจ้าหน้าที่อนุญาติให้ถ่ายคู่ได้ เจ้าหุ่นก็ควักมือเรียก ก็ต้องเดินเข้าไปค่ะ
เขาอนุญาติให้ถ่ายได้เราก็ต้องทำ (เพราะเราชอบด้วยเหมือนกัน)

ดีกว่าไปแอบถ่ายข้าวของที่เขาห้ามถ่ายใช่ไหมคะ
เรากลัวเจอะที่ทางร้านมีใบอ้างอิงทางกฏหมายห้ามถ่ายของในร้าน
มากางให้ดูจริงๆ ไม่รู้จะต้องเสียมากแค่ไหนค่ะ
เดี๋ยวจะไม่คุ้มทั้งเงินและวีซ่า

ส่วนใหญ่ข้าวของตามร้านญี่ปุ่นที่สามารถถ่ายรูปได้คือ
สินค้าตามร้านในท้องถิ่นที่มีนักท่องเที่ยวเข้าไปใช้บริการกันเยอะ
เช่น TokyoDisneyLand ,TokyoDisneySea,Tokyo Sky Tree,
Asakusa Temple ( บางร้านไม่ให้ถ่ายก็มี จะเป็นร้านที่เขาคิดประดิษฐ์ขึ้นเอง)
ถ้าคนญี่ปุ่นเขาบอกว่าห้ามถ่ายพร้อมยกมือว่าห้าม
เราก็ควรลดกล้องลง และ กล่าวคำขอโทษ อย่าไปฝ่าฝืนถ่ายเลยค่ะ





ต่างคน ต่างกลับบ้าน ป้าซิ่งก็กลับบ้านแล้วเอาของฝากที่ได้มาและของที่ซื้อมาก่อนเจอะกัน ไปเก็บไว้ที่บ้าน แล้วไปช๊อปปิ้งต่อค่ะ

ไปช๊อปฯที่ห้าง Shimamura
รองเท้าเลียบแบบรองเท้า CROCS ที่ญี่ปุ่นจะมีแนวนี้อยู่
แต่ของจริงรุ่นนี้ประมาณ 5,000 yen จะซื้อของจริงมาใส่ในเมืองไทย
มาใส่ในสภาพอากาศร้อนในเมืองไทยก็ไม่เข้าท่า
เราซื้อของก๊อปเนี่ยแหละ เหม็นเมื่อไหร่ถอดทิ้งเลย
เพราะเป็นผ้าฮู๊ด เวลาใส่จะนุ่มเท้ามาก เหมาะสำหรับอากาศหนาวมากกว่า
ราคาดูได้ตามป้ายทุกรูปเลยค่ะ



รองเท้าใส่ได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่



ผ้ารองเบาะที่ญี่ปุ่นใช้รองนอนตอนหน้าหนาว



กางเกงในที่หลานสาวชอบ ซื้อไปฝากที่เมืองไทยค่ะ







ต่อไปของฝากให้หลานกานพลู ลูกสาวเจ้ากล้วย เพื่อนในห้องไร้สังกัด







เสร็จจากห้างฯนี้ก็ไปห้างฯ ARIO กันต่อไปค่ะ
ซื้อกระป๋องบรรจุขนมวันฮาโลวีนของ FUJIYA




ซอสถั่วงาไว้ราดสลัดผัก



ผงอะโรม่าละลายได้ในอ่างอาบน้ำ ไว้แช่ตัวมีกลิ่นหอม



ครีมมายองเนส ใช้เป็นซองเล็กๆกินแต่ละครั้งก็แค่ซอง ใช้ได้อีกนาน
ถ้าเป็นแบบขวดคุณภาพหมดเร็ว และ ยิ่งเราไม่ค่อยได้ใช้ด้วย มักทิ้ง



ครีมซอสทาระโกะสปาเก็ตตี้ กับ ทูน่ามาโย แพ็คเดียว บรรจุ 2 ซอง



ผงซุปสำเร็จรูป แค่เทน้ำร้อนก็กินได้เลยค่ะ



ขนมเม็ดกลมๆหน้าคิดตี้จัง น่ารักดีค่ะ



ลูกอมรสดี รสโต



สุดท้ายมื้อเย็นของวันนั้นคือ อูนิ ที่คิดถึงมากๆ อยากกินมาก
ที่เมืองไทยหากเป็นชูชิหรือข้าวปั้นหน้าอูนิ คู่ละ 700 บาท
อดทนไว้ที่เมืองไทยมานาน มาถึงญี่ปุ่น กินซะให้หายอยาก



ตามด้วยสุกี้ญี่ปุ่นทำที่บ้านค่ะ




ไว้พบกันใหม่ค่ะ






 

Create Date : 02 พฤศจิกายน 2555    
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2555 14:51:13 น.
Counter : 7786 Pageviews.  

KAWAGUCHIKO( คาวากุจิโกะ) แลเห็นภูเขาไฟฟูจิ (25/Oct./2012)JAPAN

เมื่อปี 1991 เคยไปเที่ยวKawaguchikoมาแล้ว ค้างคืนที่นั่นด้วยหนึ่งคืน
สมัยนั้นเราก็เหมือนเด็กที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องเที่ยวเท่าไหร่
ผู้ใหญ่ไปไหนเราก็ตามไปด้วย เงินก็ไม่ค่อยมี
คอมพิวเตอร์ก็ยังไม่เคยเล่น ไปเที่ยวครั้งนั้นเลยไม่รู้เรื่องอะไรเลย อิๆ



หลังจาก 21 ปีผ่านพ้นไป วันนี้ก็มาอีกครั้ง ตรงกับวันที่ 25 ตุลาคม 2012
มาแบบศึกษาทางอินเตอร์เน็ตเรียบร้อย ว่าขึ้นรถด่วนบัสที่ไหน อย่างไร



ป้าซิ่งตื่นตั้งแต่ตีห้า อาบน้ำ แต่งตัวแบบทะมัดทะแม่งหน่อย เสร็จสรรพ์
ก็ออกจากบ้านตอน 6 โมงเช้า นั่งรถไฟไปลงที่สถานีชินจุกุ(shinjuku)



เดินออกจากสถานีชินจุกุ ไปหาอู่รถ Keio Bus Highway
ออกทางด้านรถไฟสาย Keio Line มีห้างฯ My Lord อยู่ใกล้ๆ
ส่วนอู่รถนั้นอยู่ใกล้กับอาณาเขตของเครื่องไฟฟ้ามากมายจิปาถะฯ











ราคาตั๋วรถบัสราคา 1,700 yen รถออกเวลา 07:10 A.M.
พนักงานบอกให้ออกไปรอข้างนอกตรงริมถนนที่ 26 จะมีตัวเลขมองเห็น
ในตั๋วมีเลขที่นั่งเรียบร้อยแล้ว



ป้าซิ่งขอกดน้ำที่อยู่ใกล้ๆเพื่อเป็นเสบียงตอนอยู่ในรถก่อน
ระยะทางจากชินจุกุ ไป คาวากุจิโกะ ประมาณ 2 ชั่วโมง











ป้าซิ่งมาคนเดียว ก็ใช้แรงงานญี่ปุ่นช่วยถ่ายรูปให้หน่อย ตามระเบียบ



มีห้องน้ำสะอาดๆอยู่ในรถ เวลาเข้าไปใช้
พยายามเกาะเหล็กที่มีไว้ให้เกาะหน่อย รถมันแล่นเร็วพอสมควร



รถรับผู้โดยสารข้างทางเป็นระยะ แต่หลังจาก 1 ชั่วโมงผ่านไปไม่มีแล้ว



อีกครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึง Kawaguchiko เริ่มเห็นฟูจิซังทางหน้าต่างรถแต่ไกลๆแล้ว



รถแล่นมาถึงฟูจิไฮแลนด์ (Fuji Highland) เป็นสวนสนุกก่อนถึงคาวากุจิโกะ
คนลงจากรถไปครึ่งรถแล้ว ป้ายหน้าคือป้ายสุดท้ายคือคาวากุจิโกะ



ป้าซิ่งพึ่งบริการ Kawaguchiko Sight Seeing Bus-Retro bus
จะลงป้ายไหน จุดไหนก็ได้ ตามรายการที่บรรจุอยู่ในแผนที่
สังเกตุตามป้ายที่มีเลขที่กำกับ ราคา 1,000 yen





ตั๋วรีโทรบัส เวลาขึ้นรถก็ชูให้คนขับดูหน่อย
เขาจะได้ไม่ต้องบอกค่าโดยสารเหมือนคนอื่น
ตั๋วรถนั้นมีขนาดโปสการ์ด ป้าซิ่งใช้เสร็จก็เขียนที่อยู่ไปชิงโชคทันที
เอ๊ย......ไม่ช่ายๆ เขียนที่อยู่ในเมืองไทยส่งเข้าตู้ไปรษณีย์ตอนเราเที่ยวเสร็จแล้ว
เพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก ค่าแสตมป์ 100 yen ก็ถึงเมืองไทยแล้วค่ะ






รถรีโทร ขับไปตามจุด บางคนก็ลง บางคนก็หยิ่งไม่ลง
แต่เราลงที่ป้ายเบอร์ 21 จุดนี้คนลงกันเพียบ เพราะเห็นภูเขาไฟฟูจิหรือฟูจิซัง ได้เด่นชัดมาก
มีร้านบลูเบอรี่ มีไอศครีมให้กิน มีให้เราซื้อของฝากและของที่ระลึก
ป้าซิ่งเห็นไร่ลาเวนเดอร์ ชอบใจมาก เพราะป้าชอบกลิ่นหอมของลาเวนเดอร์
ชอบเอามือไปจับเบาๆแล้วเอามือมาดม มันหอมกลิ่นลาเวนเดอร์แล้ว

















อนุสรณ์ฟูจิซัง ชื่อฟูจิ ซัง เป็นที่มาของตัวเลขเดือนและวันที่นี่เอง 2 23

ภูเขาไฟฟูจินี้เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่นเรียกภูเขาไฟฟูจิว่า ฟูจิซัง
มีความสูงราว 3,776 เมตร (12,388 ฟุต)

ภูเขาไฟฟูจิเคยระเบิดมาแล้วซึ่งครั้งหลังสุดที่ระเบิดคือเมื่อปี พ. ศ. 2250 (ค.ศ. 1707) ซึ่งตรงกับยุดเอโดะ





จริงๆวันที่ไปก็อากาศดีอยู่ค่ะ พอดีเรามาจุดนี้มีเมฆมาบังภูเขามั่ง
มีเมฆก้อนดำๆบางๆมาบ้าง ท้องฟ้าไม่เปิด เลยไม่เห็นแจ่มชัด
หรือว่าเช้าไปต้องรอตอนเที่ยง ก็ไม่รู้ค่ะ
ใครอยากถ่ายรูปได้สวย ท้องฟ้าเปิดสดใส คงต้องนั่งรอจังหวะไปเรื่อยๆ

หลังจากที่ตื่นเต้นเมื่อเห็นฟูจิซังอยู่ใกล้ๆสายตาไปแล้ว
ถ่ายรูปอิ่มหนำสำราญพอสมควร ได้เวลาซื้อของที่ระลึกกันค่ะ
มาดูว่าร้านบลูเบอรี่ที่ Shizen Seikatsu-Ken มีอะไรบ้าง???







หิ้งนี้มีหมอนบรรจุลาเวนเดอร์ทั้งชั้น และ รูปแบบอื่นๆ





เม็ดละลายเพื่อแช่น้ำในอ่าง มีหลายกลิ่นให้เลือกซื้อ



พวกสบู่กลิ่นหอม



ผลไม้แห้งมาจากลูกส้มญี่ปุ่น



ขนมคุ๊กกี้ ,เค้ก, โมจิ ต่างๆ







ของที่ระลึกต่างๆ










แยมผลไม้





ภายในร้านมีเคาน์เตอร์เครื่องดื่ม พวกกาแฟ น้ำผลไม้และไอศครีม
ไอศครีมมีรสบลูเบอรี่ รสวานิลา และ รสผสมบลูเบอรี่และวานิลา







ป้าซิ่งซื้อไอศครีมรสบลูเบอรี่ มานั่งกินใต้ซุ้มกีวี
แล้วนั่งมองแต่ภูเขาไฟฟูจิที่อยู่ตรงหน้า มันชั่งผ่อนคลายได้ดีจริงๆค่ะ





ได้เวลารถมารับไปจุดอื่นๆแล้ว ป้าซิ่งตั้งใจไปลงที่จุดที่ 7
คือ Kawaguchiko Herb-Kan เกี่ยวกับต้นไม้ พืชสมุนไพรต่างๆ ดีกว่า







ที่นี่เป็นจุดที่ประทับใจของป้าซิ่งด้วยเหมือนกันค่ะ



ลักษณะร้านเป็นบ้านญี่ปุ่นสองชั้น มีดอกไม้แห้งอยู่เต็มเนื้อที่ชั้นบนสุด
สวยงามมาก มีทีสอนประดิษฐ์ดอกไม้เข้าช่อ หรือ
จะเซรามิคผนึกดอกไม้แห้งลงไป หรือว่า จะทำกระดาษมีดอกไม้แห้ง
ด้านล่างขายของจิปาถะ รวมด้วยซาเตลล่าเค้ก และเครื่องดื่มต่างๆ
ด้านหลังร้านมีต้นไม้สดขาย

ดอกไม้แห้งบนเพดาน



















ผนังด้านข้าง ของชั้นบน มีดอกไม้แห้งเข้าช่อ ขาย ดูๆกันไปค่ะ







ของที่ตั้งวางขาย





ลงมาดูชั้นล่าง บนเพดานมีดอกไม้แห้งอยู่ตรงบริเวณแคชเชียร์







ร้านนี้จัดวางของได้อารมณ์ผ่อนคลาย น่านอน และอบอุ่นดีค่ะ









วันเกิดมี 366 วัน ใครมีเพื่อนๆอยากให้เป็นของขวัญวันเกิด ก็หาซื้อกันค่ะ





พาไปชมต้นไม้ด้านหลังร้านกันค่ะ







ต้นลาเวนเดอร์ ต้นละ 200 yen



ต้นนี้มีดอกสีชมพูอ่อนมีกลิ่นหอมมาก
กลิ่นของมันประมาณกลิ่นดอกพุดซ้อน
แต่ดอกสีชมพูนี้มันหอมหวาน




ก่อนลาจากร้านซื้อน้ำดื่มสะอาดที่มาจากฟูจิซังหน่อย




ซื้อเม็ดอมกลิ่นกุหลาบกล่องเดียว น่าทดลองกินตั้งแต่อยู่ทีร้าน
มากินตอนขึ้นรถไปแล้ว รู้ว่าอมแล้วมีกลิ่นกุหลาบแท้จริงแบบนี้
รู้งี้ รู้โง้น ซื้อซะ 5 กล่องก็ดีหรอก???




ผ้าโปร่งมีระบายลูกไม้เป็นถุงใส่อะโรม่าลาเวนเดอร์ที่บรรจุในกระดาษรากไม้บางๆ





ออกมานั่งรอรถรีโทรเพื่อกลับสู่ป้ายสถานีรถ Kawaguchiko
วันนี้พอแค่นี้ก่อน เพราะจะไปโอไดบะต่ออีก





มาถึงสถานีแล้ว มองหาตู้ไปรษณีย์รุ่นเก๋าของญี่ปุ่น ส่งการ์ดกลับเมืองไทยค่ะ




ซื้อตั๋วกลับชินจุกุ ราคา 1,700 yen ราคาเหมือนตอนมาเลยค่ะ
ได้เที่ยว 12:10 น.



มีร้านอาหารเล็กๆอยู่ในสถานีคาวากิจิโกะด้วย
แต่เวลาไม่พอที่นั่งกินแล้ว ไม่รู้จะนั่งรอคิวนานแค่ไหนด้วย
ขึ้นรถเลยดีกว่า รถก็มาพอดีเลย





กิจกรรมบนรถของป้าซิ่ง ฮ่าๆๆ





สองชั่วโมงต่อมา มาอยู่ที่สถานีชินจุกุแล้ว
เวลาตอนนี้อยู่ที่บ่ายสองโมง 14:00 น. ยังไม่ได้กินข้าวมื้อกลางวันเลย
เดินมาที่ห้างฯ My Lord ที่ชั้น 9 อาหารราคาที่ละ 1,000 yen
มีบุฟเฟ่ต์สลัด, ซุป ,ของหวาน และ เครื่องดื่ม มีน้ำชา และ น้ำแครอท
รวมแล้วเสร็จไม่ต้องจ่ายเพิ่มราคา 1,000 yen ถือว่าราคาถูกมากๆเลยค่ะ










ป้าซิ่งสั่งเมนไทโกะกับไข่ออนเซงในกะทะร้อน



กินอาหารจ่ายเงินไป 1,000 yen เรียบร้อยเตรียมขึ้นรถไปเลโก้แลนด์(LEGOLAND) กันต่อ
ดูบล๊อคถัดไปด้านล่างนะคะ ขอบคุณท่านผู้อ่านค่ะ




 

Create Date : 31 ตุลาคม 2555    
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2555 17:39:36 น.
Counter : 21791 Pageviews.  

LEGOLAND (เลโก้แลนด์) 25/Oct./2012 @ JAPAN

หลังจากกินข้าวมื้อกลางวันที่ห้างฯ MY LORD ชั้น 9 ที่สถานี Shinjuku
ตั้งใจไป LEGOLAND อยู่ที่ ODAIBA-Kaihin koen
ป้าซิ่งนั่งรถไฟสาย yamanote รางที่ 14 ไปลงที่สถานี Shimbashi
ออกจากสถานี เดินไปที่สายรถไฟ YURIKAMOME
ซึ่งอยู่นอกสถานีชิมบาชิ แต่ก็ไม่ไกลมากค่ะ






จาก Shimbashi ไปลงที่ Odaiba-Kaihin koen
ซื้อตั๋วราคาผู้ใหญ่ 310 yen ราคาตั๋วเด็ก 160 yen



ลงป้ายที่ 6 ช่วงเวลาที่นั่งรถไฟ ชมบรรยากาศอู่เรือ น่านน้ำญี่ปุ่นกันไปค่ะ







ถึงสถานี โอไดบะ - ไคฮิน โคเอง ( Odaiba-Kaihin koen ) แล้วจ้า



มองหาป้ายไปห้างฯ DECK ss จากสถานีเดินไปห้างฯประมาณ 4 นาที







เดินเข้าห้างฯ DECK ทางฝั่งตึก Island Mall
โซน LEGOLAND อยูชั้นที่ 6,7 ซื้อตั๋วที่ชั้นล่างสุด ราคา 2,000 yen
ต่อจากนั้นขึ้นลิฟไปชั้นที่ 7 ก่อน ใครอยากซื้อเลโก้ ก็ต้องไปชั้น 6 ค่ะ













ป้าซิ่งขึ้นลิฟไปที่ชั้น 7 ก่อนดีกว่า

















เข้าห้องเรียนรู้เรื่องเลโก้ มีเวลาให้เข้าห้องเรียนรู้หลายรอบเหมือนกันค่ะ





แหะๆ พอดีมีพนักงานญี่ปุ่นอยู่แถวนี้ ป้าซิ่งมาคนเดียว เลยขอให้เขาถ่ายรูปให้หน่อย



เสร็จแล้วก็เดินต่อไปอีก















มีโรงภาพยนตร์



มีเครื่องเล่น



มีโซนร้านอาหาร



มีห้องน้ำ





อ้าววววว ..... มีแค่เนี่ย ไม่คุ้มค่าตั๋วเลยอ่ะ
กลับไปถ่ายรูปตรงตัวเลโก้อาคารหรือสถานที่สำคัญของญี่ปุ่นใหม่ดีกว่า

Tokyo Sky Tree



ถนนแยกสำคัญย่าน Shibuya



หอไฮเฟลหรือโตเกียวทาวเวอร์(Tokyo Tower) ชมที่สูง เมื่อก่อนคนนิยมมาก
เดี๋ยวนี้มี Tokyo Sky Tree มาเป็นส่วนสำคัญชิ้นใหม่





สถานที่ของซูโม่ มีหุ่นเลโก้ซูโม่ 2 ตัว อยู่ตรงกลาง
มีปุ่มจับด้านนอกบังคับให้สู้กันได้ด้วยค่ะ



เดินลงบันไดไปที่ชั้นล่างหรือชั้นที่ 6



ได้เวลาเสียเงินแล้ว เย้!!!


































ได้มาแล้ว 1 ถุงใหญ่



ออกมากดของเล่นในกล่องกลมๆต่อ มีเครื่องแลกเหรียญอยู่พอดี





ซื้อเลโก้ Ninja Go, เลโก้ Monster , นินจาตัวสีแดงมีไฟ LED
พวงกุญแจ นินจาโก และ เลโก้ในลูกกลมๆ



มาถึงเมืองไทย ลูกโรบินต่อตัวในกล่องกลมก่อน แค่ 1 นาที เสร็จแล้ว



ต่อเลโก้ Monster เสร็จภายใน 10 นาที



ต่อเลโก้ Ninja Go ตัวนี้ตัวใหญ่หน่อย เสร็จประมาณ 40 นาที



อย่างไรก็ดีค่ะ ป้าซิ่งว่าเลโก้แลนด์ที่เยอรมันยังเป็นที่ 1 ในใจเสมอ
เพราะเป็นเมืองแม่แบบ ของเล่นมากมาย เนื้อที่อันกว้างขวางใหญ่โต
เคยไปดูมาแล้ว สถานที่ประดิษฐ์เลโก้วางตั้งท่ามกลางบริเวณ open air
จากบล๊อคที่เคยทำไว้นานแล้ว

//www.bloggang.com/mainblog.php?id=naomichankuro-bara&month=19-09-2008&group=2&gblog=138







คราวหน้าคงจะไปตะลุยเลโก้แลนด์ที่มาเลเซีย เป็นอันดับต่อไปค่ะ
เห็นภาพจากเว็ปก็สวย น่าสนใจดีเหมือนกัน




 

Create Date : 30 ตุลาคม 2555    
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2555 7:46:35 น.
Counter : 12178 Pageviews.  

วันที่ 27 ตุลาคม 2012 กลับเข้าเมืองไทยแล้ว(Narita>>>Suwannapumi)

วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม 2012 ที่ผ่านมาได้สองวัน ตอนนี้อยู่เมืองไทยแล้วนะพี่น้อง

การเดินทางออกจากบ้านที่อำเภอคาวากุจิ
แวะซื้อโอนิกิริ หรือ ข้าวปั้นก่อน เจ้านี้เขาทำอร่อย



จากนั้นเราก็นั่งรถไฟไปลงที่ สถานี Nippori รอบ 12:39 ( กลางวัน)
สายรถไฟบริษัท Keisei Line 1,000 yen
ใช้เวลาโดยประมาณ 1 ชั่วโมงกับอีก 20 นาที
เป็นรถไฟขวัญใจคนจนอย่างเราตลอดกาล ถึงก็ชั่งไม่ถึงก็ชั่ง



ลงที่สถานีรถไฟ " Terminal 1 " เป็นที่สิ้นสุดของสถานีของสนามบินนาริตะ
เดินออกมาก็เจอะ



เราก็เอารถเข็นใส่สัมภาระขึ้นบันไดเลื่อน,ขึ้นลิฟ ไปเรื่อยๆ
ถึงจุดเช็คอินของสายการบินไทย เที่ยวบิน TG 677 ( 16:55 P.M.)
น้ำหนักกระเป๋ารอดตัวไปด้วย 41 กิโลกรัม
ตอนนี้จากบัตรทองหมดเอกสิทธิ์ไปแล้ว
ใช้บัตรเงินได้ 30 กิโล เต็มที่ให้เพิ่มอีก 10 กิโล เที่ยวนี้เกินไปนิดแต่โอเค

เวลาเหลือเฟือ ก้าวต่อไปที่ย่านพลาซ่าของสนามบิน แค่หอมปากหอมคอ

ร้านนี้มาใหม่อยู่ใกล้ร้านขายยาและเครื่องสำอางค์ค่ะ







รูปบนคิทแคท ซากุระมัชชะ ( Sakura Mattcha )

รูปล่างคือคิทแคท รสบูลเบอรี่ซีสเค้ก รูปแบบกล่องเหมือนภูเขาไฟฟูจิ



ร้านนี้ป้าซิ่งอุดหนุนไปแค่นี้ เจ้าซากุระมัชชะ นั่น
หวานบาดคอมาก ถ้าใครเคยกินโตเกียวบานานา
มันหวานบาดคอได้อย่างงั้นเลยค่ะ ส่วนตัวเจ้าซากุระมัชชะ ไม่ผ่านค่ะ

คิทแคทชาเขียวกินประจำ ก็ซื้อมาแค่กล่องเดียว
ของพวกนี้ถ้าผ่านเข้าที่กองตรวจคนเข้าเมืองไปแล้ว มีดิวตี้ฟรีก็มีเช่นกันค่ะ
พวกเล็กๆน้อยๆ แบบนี้ อย่างลูกอมรสส้ม Yuzu ผสมน้ำผึ้ง
เม็ดใส กลมกล่อม อันทางด้านล่างขวามือ
ส่วนอีกอันด้านซ้ายเป็นลูกเคี้ยวหนืดๆรสเมลลอนจากฮอกไกโด อร่อยดี













พอแล้วๆ เดินทางไปที่กองตรวจคนเข้าเมือง
ไปดิวตี้ฟรีด้านในกันต่อดีกว่า เที่ยวนี้ตั้งใจซื้อแต่ Royce ช๊อคโกแล๊ตสด
แต่เพื่อนๆสั่งซื้อจากเมืองไทย เอารส Au Lait 20 กล่อง รส Maccha 3 กล่อง
มองไปในตู้ที่ขาย Royce หมดแล้ว เจ้า Au Lait มีไม่ถึง 20 กล่อง
พอดีพนักงานกำลังเดินมาเอาของเพิ่งมาส่งเตรียมใส่ตู้อยู่พอดีเลย เย้





ใส่ตะกร้า แล้วไปจ่ายเงิน
จากนั้นแพ็คใส่ถุงฟอยซ์ และใส่น้ำแข็งแห้งบรรจุหีบห่อ เสร็จเรียบร้อย



ใส่ถุงดิวตี้ฟรีของสนามบินนาริตะ คราวนี้ถุงออกรุ่นใหม่แล้วนะคะ







หันมาอีกที Royce พนักงานใส่ตู้จนเต็มตู้แล้ว ถ่ายเล่นเลย อิๆ







อันนี้กล่องมันทอด"จางะเดสซึโยะ"( มันทอดรสหอยเซลล์ )



ผ่านร้านชูชิ แพงมาก กินไม่ไหวค่ะ พอดีตอนพักอยู่กินจนอิ่มมาก






แว๊บกินยากิโซบะ กินเพื่อความอยู่รอดซักหน่อย
ร้านอยู่แถวทางนั่งรอขึ้นเครื่อง
ร้านนี้ไม่อร่อยหรอก แค่พอกินได้ค่ะ ราคาไม่แพง
แบบว่านั่งรอขึ้นเครื่องไป กินไปด้วย เพลินๆค่ะ









บิลราคายากิโซบะ กับ น้ำดื่ม 1 ขวด



ได้เวลาขึ้นเครื่องกลับเมืองไทยแล้วค่ะ



เครื่องลงที่สนามบินตอนสี่ทุ่ม เจอะเล็ทไปครึ่งชั่วโมง
เพราะบินอยู่ในรัศมีอากาศแปรปรวน เลยช้าไปนิ๊ด ค่ะ
แต่ก็ถึงสนามบินสุวรรณภูมิแล้ว



จากนี้ไปทั้งอาทิตย์ .................(19 -27 Oct. 2012)
คงต้องรบกวนสายตาเพื่อนๆท่านผู้อ่านทั้งหลายท่าน
ติดตามเรื่องราวการท่องเที่ยวในญี่ปุ่น
ทั้งช๊อปแหลก, อาหารญี่ปุ่นที่คิดถึง
มีภาพเยอะค่ะ คงต้องรอย่อรูปก่อน พรุ่งนี้เจอะกันค่ะ
ป้าซิ่งจะไล่จากท้ายวัน ไปหาวันที่เริ่มแรก เพื่อความสวยงามของบล๊อคค่ะ

สวัสดีค่ะ




 

Create Date : 29 ตุลาคม 2555    
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2555 8:59:33 น.
Counter : 6617 Pageviews.  

ชอบดื่มเบียร์ " Paulaner" ที่สกัดเอาแอลกอฮอล์ออกแล้ว

ป้าซิ่งเป็นคนไม่ชอบดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
เวลาไปเที่ยวที่ประเทศเยอรมัน เมืองอันมีชื่อเสียงเรื่องเบียร์ ก็อดไม่ได้
เคยขอดื่มจากคนในครอบครัว แค่แก้วชาไหว้เจ้า ก็ไม่ไหวแล้ว มันขม

มีครั้งล่าสุดไปเยอรมันอีก ได้ดื่มเบียร์ที่สกัดเอาแอลกอฮอล์ออกแล้ว
คือมีคนแนะนำให้ดื่ม เห็นว่าเราดื่มน้ำเมาๆไม่เป็น
แต่ต้องมาร่วมสังสรรค์ เลยจัดมาให้
ตอนเขายกมาให้ ป้าซิ่งก็แปลกใจมากมีด้วยเหรอ เบียร์ไม่มีแอลกอฮอล์
ไม่งั้นเราคงได้นั่งดื่มน้ำโซดาผสมแก๊ส ไปตลอดงาน

คราวนี้ล่ะก็ติดใจ เวลาไปนั่งที่เขาดื่มเบียร์
เราจะได้สั่งเบียร์"Paulaner" Hefe-WeiBbier ( Alkoholfrei)
พอลลาเนอร์ เฮเฟ-ไวส์เบียร์( แอลกอฮอล์ฟรี)
ยี่ห้ออื่นก็มีค่ะ ไม่เฉพาะแต่ พอลลาเนอร์
มันหอมเหมือนกลิ่นฮ๊อป กลิ่นพืชสมุนไพร
ดื่มหมดขวดไม่เมาเลย แต่ก็ดื่มได้แค่ขวดเดียว พอค่ะ



ตอนกลับมาเมืองไทยก็คว้านหาตามร้านอาหารเยอรมัน
หรือร้านอาหารอิตาเลี่ยน ทั่วไป
โชคดีไปที่หาได้ไม่ยาก เพราะร้านอาหาร "พอลลาเนอร์"
อยู่ตรงข้ามเยื้องๆบ้านป้าซิ่งพอดี ที่ถนนเลี่ยงเมือง - สามัคคี ก็มี
และที่ร้าน "พิน๊อคคิโอ" ใกล้ป้ายเมืองทองธานี ซอย 7 ก็มี
ขวดละร้อยกว่าบาท
ที่อื่่นคงมีแต่เราหาที่ใกล้บ้านเรามากที่สุด
นานๆดื่มที คงเดือนละขวดได้มั๊งคะ

ที่เห็นในรูปเก็บไว้ในตู้เย็นมานานแล้วด้วย
ยังไม่ได้อารมณ์ดื่มเท่าไหร่เลย





P.S. พรุ่งนี้เดินทางไปญี่ปุ่นแล้ว คงมีอะไรมาสร้างในบล๊อคอีกค่ะ
ไว้กลับมาถึงเมืองไทย หายเหนื่อยเมื่อไหร่แล้ว ได้เจอะกันเร็วๆนี้
ไปแค่อาทิตย์เดียวเองจ้า........................






 

Create Date : 18 ตุลาคม 2555    
Last Update : 18 ตุลาคม 2555 10:13:53 น.
Counter : 7837 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  
 
 

ป้าซิ่ง Naomichan
Location :
นนทบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 70 คน [?]




........หลังไมค์ถึงป้าซิ่งค่ะ.........
[Add ป้าซิ่ง Naomichan's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com