ไปเที่ยว ไปกินกันนะคะ ขอบคุณสำหรับเพื่อนๆทุกท่านที่แวะชมค่ะ
 

หายใจไปหัวหินอีกครั้งที่ " AKA Resort " Hua -hin (21-24 Oct.2011)

จากที่เราพักที่ชะอำ ไป 9 วัน เราก็เลยต้องลุยต่อไปที่หัวหิน
เข้าพักที่ "AKA Resort"
ทางไปหิน เหล็ก ไฟ หรือ จะไปวัดห้วยมงคล ก็ทางเดียวกัน รีสอร์ทนี้เป็นทางผ่าน
ทางเข้ารีสอร์ทกลางวันก็เหงา กลางคืนก็เปลี่ยว ครอบครัวเราจองที่นี่มานานเกือบสองเดือนแล้ว
เพราะเป็นวันหยุดช่วงวันปิยะมหาราช จองไว้ 4 วัน 3 คืน
ยิ่งอยู่นานก็เห็นช่องทางเดินรถยนต์มาพักที่รีสอร์ทนี้มีทางไป มา เยอะ
ถ้ามาจากกรุงเทพฯก็สามารถ เข้าทางซอยหัวหิน 58 ก็ได้ค่ะ
ทางไป กลับ ทุกที่มีป้ายรีสอร์ท AKA ชี้ช่องทางอยู่ทุกที่





เช็คอิน เวลคัมดิ๊งค์ด้วย น้ำสัปรดผสมกับน้ำตะไคร้ อร่อยดี
มีขวดโหลคุ๊กกี้เนยใส่งาดำ ตั้งไว้ให้เชิญหยิบทานได้ทุกเมื่อด้วยค่ะ









ห้องพักเป็นวิลล่าทั้งหลัง ห้องน้ำนู๊ด มีอ่างอาบน้ำ
ด้านหลังก็มีสระว่ายน้ำ ขนาดยาวประมาณ 6 เมตร กว้างประมาณ 2.50 เมตรได้ค่ะ
มีศาลาพักนอนเล่นได้ด้วย
อยู่มา 4 วัน ยังไม่เคยเห็นมีใครไปใช้บริการสระว่ายน้ำใหญ่ของรีสอร์ทเลย
ที่พักของครอบครัวเราก็อยู่ไม่ไกล ไม่ต้องเดินเยอะ
เราว่า เราพักได้วิวสวยง่ะ













ประตูด้านในมีใบไม้ปูนสีดำ หมายถึง ต้องการพักผ่อน
ส่วนใบไม้ปูนสีเขียว หมายถึง เรียกให้มาทำความสะอาดได้
อยากจะขอร้องสิ่งใด ก็เอาใบไม้ปูนไปแขวนไว้หน้าประตูที่พัก
เพื่อให้พนักงานสังเกตุความต้องการของลูกค้าได้ง่ายค่ะ



เอาไปแขวนไว้หน้าประตูแล้วหนึ่งใบ



โต๊ะไม้นั่งเล่น บางทีเราก็เอาไว้ตากผ้า



เข้ามาซิคะ



ภายในห้องนอนโอ่โถงดี เพดานเล่นระดับ
มีโต๊ะไม้ยาวพร้อมเฟอร์ฯอยู่ด้านข้าง ตู้เสื้อผ้าใหญ่ ตู้เย็นมินิบาร์ไม่มาก







น้ำดื่ม ที่มีชื่อรีสอร์ท ฟรีทุกวัน
เฉพาะขวดน้ำที่เขียนชื่อ AKA ของรีสอร์ทเท่านั้นที่ฟรีค่ะ










ห้องน้ำไม่อายฟ้าดิน









ซื้อมาเล่นโฟมโดยเฉพาะจากร้าน Boots(ขวดแก้ว Bath Foam)












ด้านหลังก็มีสระว่ายน้ำ






เดินเล่นรอบๆบริเวณใกล้ที่พักมากที่สุด







ข้างวิลล่ามีต้นแฝกอยู่เป็นทางซ้าย ทางขวาเป็นต้นตะไคร้



ตรงหน้าที่พักเรามีสระบัว ที่อยู่อย่างสงบนิ่ง



เดินไปทางซ้ายเป็นโซนวิลล่าที่อยู่มากมาย









ผ่านสปา



ผ่านต้นอ้อย



ผ่านน้องแอล







อยู่ 3 คืน มีอยู่คืนเดียวขี้เกียจออกไปกินข้าวข้างนอก เลยมื้อค่ำอยู่แถวๆนี้









อาหารเช้าของที่นี่





















เซ็ทชุดข้าวต้ม











อ่านอะไรดี????



ตอนเช็คเอ๊าท์ ได้คุ๊กกี้ 3 ถุง ของฝากกินขากลับ เข้ากรุงเทพฯ



จากลาหอยทาก ที่มาเยี่ยมเยือนแถวที่พักทุกๆวัน




แล้วเจอะกันที่กรุงเทพฯ ย่านสุขุมวิท อยู่เป็นเดือนเลย
จากที่คิดว่าจะอยู่ชะอำ หัวหิน เป็นเดือนๆ ก็ต้องกลับมาด้วยความจำเป็น
เพราะต้องเข้าโรงพยาบาลกระทันหัน ที่โรงพยาบาลกรุงเทพฯ สาขาหัวหิน
สาเหตุเพราะโรบิน อาเจียนทุกวัน แต่วันละครั้ง
เป็นมานาน 3 อาทิตย์ เราก็นึกว่าลูกเมารถ ให้กินยาแก้เมารถเท่าที่จำเป็นต้องอยู่ในรถนานเท่านั้น
จริงๆก็แปลกใจเหมือนกัน ทำไมอาเจียนทุกวัน พอวันที่อาเจียนเป็น 10 ครั้งได้
มันแปลกที่สุดเลยต้องไปหาหมอที่โรงพยาบาลแล้ว
ต้องเข้าเครื่องอุโมงค์ MRI
ปรากฏว่า โรบินมีก้อนซีสต์ อยู่ในสมองส่วนหลังประมาณ 3 เซ็นติเมตร
ก็ขนาดเท่าลูกตา หมอบอกว่าที่หัวหินไม่มีเครื่องมือพร้อมที่จะผ่าตัด
ต้องเข้าไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯเท่านั้น
ที่อาเจียนทุกวันเพราะซีสต์นี้ไปกดเส้นประสาท ทำไมผลข้างเคียงโดยการอาเจียน
ถ้าสามารถเอาก้อนซีสต์นี้ออกไปได้ก็จะดีขึ้น จะหายไปเลย
ดีที่มีอาการอาเจียนออกมาให้เห็น
ดีกว่าที่จะเกิดอาการเดินเซ หรือจับสิ่งของไม่ได้ อาจจะล้มพับ หรือสลบไปในที่สุด
คุณหมออธิบายให้ฟังแบบนี้ค่ะ

นัดโรงพยาบาลเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ว่าคุณหมอจะนัดเจอะได้เมื่อไหร่
บอกวันศุกร์นี้ที่ 28 ตุลาคม
ตะกี้โทรมาบอกเลื่อนให้เป็นวันอาทิตย์อีก เพราะหมอต้องเข้าไปผ่าตัดคนไข้ที่โรงพยาบาลศิริราช
เราเลยบอก นี่เราอุตส่าห์มาเช่าที่พักใกล้ๆโรงพยาบาลกรุงเทพ แล้วนะ
ขอเจอะคุณหมอ เร็วหน่อยดีกว่า ตกลงวันพรุ่งนี้วันพฤหัสที่ 27
เราจะได้คุย และจะได้นัดผ่าตัดในเวลาต่อไป

รูปโรบินตอนอยู่โรงพยาบาลกรุงเทพ หัวหิน







วันนี้เรามาพักอยู่ย่านสุขุมวิทแล้วค่ะ





















ไว้ว่างๆจะมาอีกนะคะ



เข้ามาอัฟเดทต่อเรื่องการผ่าตัดเอาซีสต์ออกจากสมองเสร็จเรียบร้อยแล้ว
เริ่มวันเข้าโรงพยาบาลกรุงเทพย่านศูนย์วิจัยตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2011
โดยคุณหมอนันทศักด์
วันนี้โรบินต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อดูแลเป็นพิเศษ เข้ามาก่อนทำการผ่าตัดในวันรุ่งขึ้น
หลังเที่ยงคืน งดอาหารและน้ำ
วันที่ 29 ตุลาคม ทำการผ่าตัดใช้เวลา 5 ชั่วโมง ตอน 10 โมงสามีและเราไปส่งโรบินที่ห้องผ่าตัด
ก่อนหนึ่งชั่วโมงมีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล โทรเรียกให้มารออยู่หน้าห้องผ่าตัด
โรบินถูกส่งตัวเข้ารักษาต่อไปในห้อง I.C.U.โดยคุณหมอและพยาบาลดูแลอย่างใกล้ชิด
โรบินต้องค้างคืนในห้อง I.C.U.

ภาพภายในห้อง I.C.U. ตอนนี้โรบินสลืมสะลือ อ่อนเพลียมาก





วันทีโรบินออกจากห้องผ่าตัด พ่อของน้องโรบินเป็นลม เข่าอ่อน
พยาบาลต้องรีบนำยาดม และ รีบพาขึ้นเตียงพักผ่อน ใช้เวลานอนซัก 20 นาที ก็ลุกขึ้นได้แล้ว

พอวันที่ 30 ตุลาคม 2011 ตอนสี่โมงเย็น คุณหมอให้โรบินย้ายออกจากห้องไอซียู ได้แล้ว
เราก็มาค้างคืนเฝ้าโรบินในโรงพยาบาลอยู่เป็นอาทิตย์
จนถึงวันที่ 6 พฤศจิกายน ถึงได้ออกจากโรงพยาบาลได้

แผลที่ผ่าตัดและปิดผ่าก๊อตแล้ว




แผลที่ขาของโรบินต้องถูกตัดเอาเนื้อที่ขามาแปะไว้ที่หัว



โรบินทานอาหารของโรงพยาบาลไม่ได้เลย
วันแรกๆก็ต้องทานอาหารอ่อนๆ เช่น ข้าวต้ม กินได้ไม่กี่ช้อนเอง
วันต่อไปคุณหมออนุญาติให้ซื้ออาหารจากข้างนอกที่ถูกปากโรบินได้
พอถูกปาก วันต่อๆมาก็ทานได้อาหารได้เยอะขึ้น
ร่างกายฟื้นฟูขึ้น สุขภาพก็เลยแข็งแรงขึ้นทุกวัน สามารถลุกขึ้นเดินได้ตามปกติ



วันนี้วันที่ 10 พฤศจิกายน คุณหมอนัดดูแผล ผ่านไปแล้ว
นัดต่อไปวันที่ 20 พฤศจิกายน และ วันที่ 10 ธันวาคม

ทุกวันนี้เห็นลูกโรบินเดินได้นานขึ้นและดูร่าเริงขึ้น
แต่อย่างไรก็ห้ามกระโดดเพราะคุณหมอสั่งกำชับไว้ค่ะ

ขอบคุณเพื่อนๆและญาติที่ให้กำลังใจมากๆนะคะ




 

Create Date : 26 ตุลาคม 2554    
Last Update : 17 พฤศจิกายน 2554 15:25:11 น.
Counter : 6572 Pageviews.  

หนีไปอยู่หาดชะอำ พักที่ "นฤมล"(13-21 Oct.2011)

หลังจากเก็บของขึ้นบ้านอยู่ชั้น 2 เรียบร้อย เสบียงก็มีเพียบ
ก็ว่าจะหลับ นอน กิน อยู่ชั้น 2 ไปเร้ย

แต่แล้วก็ไม่สมหวังดั่งใจ.........

วันที่ 13 ตุลาคม 2011 ก็ปิดบ้านชะแว๊บไปอยู่ชะอำ
เริ่มพักแค่คืนเดียวก่อน ที่พักชื่อ " นฤมล บังกะโล ลัคกี้เฮ้าท์"
เบอร์โทร 081-9483372,032-471440,
หรือโทรหา คุณเปิ้ล 085-7048547
(จน ณ.บัดนี้วันที่ 26 ตุลาคม น้ำยังไม่ท่วมบ้านเลยค่ะ)
รอลุ้นไปอีก 5 วันถึงสิ้นเดือนเหมือนสิ้นใจ ว่าจะท่วมหรือไม่

มาว่าเรื่องที่พัก " นฤมล " ที่หาดชะอำกันดีกว่า
เมื่อรถเลี้ยวเข้าถนนหลัก เข้ามาหน้าหาด ให้เลี้ยวขวาตรงทางแยกหาดชะอำ
ก็จะเห็นป้าย นฤมล อยู่ไม่ไกล





ที่พักมีหลายราคา หลังจาก walk in ดูห้องเป็นเสร็จเรียบร้อย
ก็ตัดสินใจได้เร็ว โดยเลือกห้อง "บ้านริมเล"
เพราะมีอยู่ห้องเดียว ที่ครอบครัวเราสามคน อยู่ได้อย่างสบายพอสมควร
ห้องพักเนื้อที่กว้างพอเดินได้ สะอาด ตกแต่งทันสมัย ห้องน้ำเกือบหรู
ที่จอดรถก็อยู่ขนาบที่นอน โผล่หัวออกมาก็เห็นทะเลโดยมีถนนคั่น
บ้านริมเล ราคาตกคืนละ 1,500 บาท
ต่อได้คืนละ 1,200 บาท
ตอนแรกกะอยู่ไปก่อนแค่คืนเดียว วันรุ่งขึ้นไปดูที่อื่่น ที่ใกล้เคียง
ราคาใกล้เคียงด้วย แต่ในที่สุดก็พักที่นี่ต่ออีกเป็นอาทิตย์
รวมแล้วก็อยู่ไป 9 วัน 8 คืน
กะว่าจะอยู่ต่ออีกเป็นเดือนต่อรองได้อยู่ที่เดือนละ 22,500 บาท
ไปๆมาๆก็ต้องกลับมาพักแถวสุขุมวิทเพราะมีเหตุจำเป็น
แล้วจะเล่าให้อ่านภายภาคบล๊อคหน้าค่ะ



บรรยากาศภายในห้องบ้านริมเล









ห้องน้ำ น้ำไหลแรงอาบสนุกดี







เคาน์เตอร์ติดต่อที่พัก นฤมล





มีร้านกาแฟอยู่ในเนื้อที่เดียวกัน





ฝั่งตรงข้ามที่พักก็จะเห็นทะเล มีเตียงผ้าใบบริการ เสียตังค์นะ





พออยู่ไปได้ 2 วัน มองเห็นน้องที่ดูแลว่างจัด ก็เลยเข้าไปทาบทาม
" น้องจ๋า.....ว่างรึเปล่าจ๊ะ พาพี่ไปถ่ายรูปห้องอื่นๆ แล้วแนะนำให้หน่อยได้ไหมคะ? "
คุณน้องที่น่ารัก ก็ยิ้มเลย รีบหยิบกุญแจห้องมาเป็นแผง เดินนำหน้า
แล้วป้าซิ่งก็เดินถือกล้องตามหลังไปติดๆ



บังกะโลนี้เป็นแบบ 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ห้องน้ำมีอยู่ในตัวทุกห้อง
ราคา 3,500 บาท อยู่ได้ 6 คนค่ะ











เดินต่อไป เป็นบังกะโลแบบ 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ
ห้องน้ำชั้นบนจะเป็นลักษณะแบบต่อเชื่อมตรงกลางบ้าน
ห้องน้ำชั้นล่างจะมีอยู่ในห้องนอนชั้นล่างอีกห้อง
ราคาคืนละ 3,000 บาท อยู่ได้ 7-8 คน















ต่อไปเป็นบังกะโลแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ
ราคา 2,500 บาท อยู่ได้เต็มที่ 6 คน
บางห้องนอนถ่ายมายังไม่ได้ทำความสะอาด เลยไม่เรียบร้อย ขออภัย



เดินขี้นบันไดมีชั้นลอย เดินขึ้นไปอีกไม่กี่ขั้นบันไดก็เจอะตู้เย็น เหมือนกับบังกะโลอื่นๆที่กล่าวมา









เดินไปอีกสุดทางของที่พัก ห้องพักเป็นแบบห้องสตูดิโอ คืนละ 500 บาท
ห้องเต็มเลยไม่ได้ถ่ายภายใน ได้แต่ถ่ายข้างนอก ลักษณะเหมือนโรงแรมม่านรูด
น้องที่แนะนำห้องพักบอก ภายในไม่สวยค่ะ เพราะยังไม่ได้ปรับปรุง
ราคาเลยถูก



แล้วยังมีที่ยังไม่ได้ปรับปรุงอีก ราคาคืนละ 1,800 บาท

เผื่อใครมาอ่านสนใจไปพักที่หาดชะอำ ก็ไปลองใช้บริการดูนะคะ




 

Create Date : 26 ตุลาคม 2554    
Last Update : 27 ตุลาคม 2558 16:16:21 น.
Counter : 41554 Pageviews.  

เช้าไปเย็นกลับกรุงเทพฯ-เขาใหญ่ ดื่มไวน์ที่ภูภัทรา & ดื่มนมและสเต็กค์โชคชัยเฮ้าท์(24.Sep.2011)

วันเสาร์ที่ 24 กันยายน 2011 วันนี้มีนัดกับบริษัทพ่อบ้าน
บริษัทพาไปเที่ยวเขาใหญ่กันหลายครอบครัว
จำนวนคนเกือบร้อยคน ต้องใช้รถนำเที่ยว 2 คัน
รถได้เวลา9:00 น.พาเราไปเที่ยวที่เขาใหญ่ เป้าหมายแรกคือ ดื่มไวน์และรู้วิธีการผลิตไวน์ที่ภูภัทรา





ถึงภูภัทราตอนเที่ยงวัน มีรถพาคณะเราท่องเที่ยวภายในฟาร์มองุ่น
แต่ช่วงนี้มีแต่ช่อหรือเถาว์องุ่น ผลองุ่นจะออกช่วงเดือนธันวาคม















พนักงานพาเข้าไปดูวิธีการทำไวน์ถึงที่ โซนที่มีรูปถังเรียงซ้อนกัน
กลิ่นเหล้าองุ่นแรง เล่นเอาเด็กๆที่ไปกับทริปด้วย มึนๆต่างพากันปิดจมูก



เครื่องคัดผลองุ่นและก้าน แยกออกจากกัน




โรงบ่มน้ำองุ่น ซึ่งใช้เวลาบ่มอย่างน้อย 12-18 เดือน อย่างมากของเขาคือ 3 ปี





ขั้นตอนการทำนำขวดและปิดฉลาก







ดูเสร็จมีการทดสอบดื่ม ป้าซิ่งไม่ได้ดื่ม
รู้ว่ายี่ห้อนี้ไม่อร่อย มาดื่มน้ำองุ่นของเด็กดีกว่า









ลูกก็แอ๊คชั่นไป ส่วนแม่ก็ดูต้นไม้ ดอกไม้แถวบริเวณนั้น
เพราะเราออกมาก่อนต้องรอพวกผู้ใหญ่เขาชิมไวน์





หมากอ่อน กับ หมากแก่





ลำต้นลีลาวดี

ได้เวลากลับไปทางอาหารมื้อกลางวันกันแล้ว เป็นบุฟเฟ่ย์
ใครอยากสั่งเพิ่มเป็นพิซซ่า, ไอศครีม ,กาแฟ ก็ได้อีก







ชอบการตกแต่งตรงเพดานจัง น่าระ อะ














มีอะไรบ้างนะ









ชอบอาหารเมนูนี้มีองุ่นม่วงกับองุ่นเขียว รวมอยู่ด้วย



แกงนี้ก็เหมือนกันมีผลองุ่นรวมอยูด้วยนะ



พิซซ่า





อิ่มแล้วได้เวลาเดินเล่นชิลล์ๆตามสไตส์ของเรา
เดี๋ยวเราจะไปที่มียอดโดมสีขาว เป็นบ้านพัก ก็ได้แต่มองไปรอบๆเท่านั่นค่ะ



















แตงไทย น่าขโมยกลับบ้านจัง



เข้าร้านซื้อของฝากกลับบ้าน














พายองุ่น



กะหรี่พั้ฟ



ก่อนออกจากภูภัทราไปฟาร์มโชคชัย ขอเข้าห้องน้ำก่อน



หัวก๊อกน้ำ น่าระ อีกแร๊ะอะ



ออกจากภูภัทราประมาณ บ่ายสามโมง
มาถึงฟาร์มโชคชัยประมาณเกือบสี่โมง





พนักงานบริษัทเตรียมบัตรค่าผ่านประตูและบัตรเกมส์เล่นหรือกิจกรรมต่างๆภายในไว้ให้เรียบร้อยแล้ว



พาไปดูการผลิตนมจากวัว









ตัวอย่างไอศครีมนมสด มีให้ทดลองชิม



เนื้อที่ใหม่ๆที่จะมีอะไรให้ชมในไม่ช้าค่ะ



กลุ่มทัวร์จะแบ่งแยกกันในแต่ละสี กรุ๊ปของเราได้สีม่วง ก็มีกระเป๋าคล้องคอเพื่อให้เป็นที่สังเกตุได้ง่าย
กรุ๊ปอื่นๆที่นั่งรถเกวียนมา ก็จะมีอีกสีอื่น เพื่อง่ายต่อการเรียกสีจากพนักงานของฟาร์มโชคชัยค่ะ



นั่งรถเกวียนกันไปเล่นกิจกรรม



วัวที่ฟาร์มโชคชัยมีอยู่ด้วยกันเกือบ 3,000 ตัว





ภายในฟาร์มก็มีกิจกรรมให้เล่นพอสมควร
มียิงปืน ,ปาเป้า, ขี่ม้า, นั่งเกวียนมีม้าลากไป นั่งได้ 4 คน, รถATV
กิจกรรม สามอย่างหลัง เจอะยกเลิกไปเพราะอยู่ในที่แจ้ง พอดีฝนตกเลยอดเล่นเลย









มีโชว์ให้ดูด้วย อันนี้โชว์การล่าวัว และ ใช้เหล็กไฟจี้ที่ตัวถือการครอบครองเป็นกรรมสิทธิ์
แต่เขาไม่จี้เหล็กไฟลงบนตัววัวจริงๆให้ดู ไปจี้ที่บนไม้แทน ควันขึ้นโขมงเชียวเวลาจี้
คิดถึงวัวถ้าโดนจริงๆมันจะร้องขนาดไหน





มีการแสดงควงปืนแบบว่องไว, การสบัดแส้
ป้าซิ่งชอบแส้ เอ๊ย.....
ชอบดูเขาสบัดแส้ มันมีเสียงดัง เปรี๊ยะๆๆ น่ากลัวค่ะ
ซาดิสไง ไม่รุ๊

ต่อจากนั้นก็นั่งรถเกวียนไปให้อาหารสัตว์ และ ดูโชว์ความน่ารักของสัตว์










ได้เวลาทานอาหารมื้อเย็นตอน หกโมงเย็น
กว่าจะได้กินสเต็กค์นานมากๆเพราะจัดสเต็กค์ให้มาเป็นเกือบร้อยถาดไม่ได้หรอก
ไม่งั้นเนื้อวัว, เนื้อหมู, เนื้อไก่ ร้อนๆ มันจะเย็นไม่อร่อย เพราะฉะนั้นก็ต้องนั่งรอกันไป
เพื่อการเสริฟอาหารจานร้อนมาแบบ เห็นว่าร้อนกันจริงๆ
นี่ขนาดเขาเตรียมให้สั่งเมนูกันมาก่อนห้าวันก่อนมาเที่ยวแล้วนะ





กว่าจะมาถึงป้าซิ่งก็อิ่มในขณะรอๆๆๆแล้วค่ะ
คราวหน้ามีทริปแบบนี้อีก จัดอาหารสเต็กค์มา จะเตรียมสั่งแฮมเบอร์เกอร์ดีกว่า

เอ้า เอา ของฟรีแบบนี้ รอแค่ไหนก็รอได้ อิๆ

ไว้เตรียมดูบล๊อคไปเที่ยวหัวหิน( อีกแร๊ะ )กับป้าซิ่งกันต่อนะคะ
ไป 4 วัน 3 คืน ค้างที่...ไม่บอกดีกว่า ไว้เจอะกันปลายเดือนหน้านะจ๊ะ





 

Create Date : 26 กันยายน 2554    
Last Update : 26 กันยายน 2554 11:16:01 น.
Counter : 9545 Pageviews.  

เยี่ยมทำเนียบเอกอัครราชฑูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย(18,Sep.2011)

เมื่อวานไปเที่ยวชมทำเนียบเอกอัครราชฑูตฝรั่งเศส ประจำประเทศไทย มา

ปีนี้ทำเนียบอายุครบ 152 ปี ตัวบ้านกำลังจะรื้อ แล้วสร้างใหม่
แต่อาคารเก่าๆที่อยู่รอบนอกยังเก็บไว้เป็นมรดกเหมือนเดิม

ไหนๆทางราชการเขาจะรื้อแล้ว เขาเลือกเปิดให้ประชาชนเดินมาเข้าชมทำเนียบ ซึ่งเมื่อวาน(18,Sep.2022)เป็นวันสุดท้ายค่ะ

มาเปิดประตูเข้าทำเนียบกันค่ะ










ทำเนียบเอกอัครราชฑูตฝรั่งเศส

ฝรั่งเศสคืนสู่สยาม

"โรงภาษีเก่า"สร้างเมื่อต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 โดยได้รับอิทธิพลจากอาคารทรงยุโรปในยุคนั้น
หลังการลงนามในสนธิสัญญามิตรภาพและการค้าระหว่างสยามกับฝรั่งเศสใน ค.ศ.1855
ตรงกับรัชสมัยพระเจ้านโปเลียนที่ 3
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ Comte de Castelnau ผู้แทนฝรั่งเศส
ใช้อาคารโรงภาษีเก่าแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่บนฝั่งซ้ายของแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นที่ทำการชั่วคราว
จวบจนวันที่ 10 มิถุนายน ค.ศ. 1875

เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานตัวอาคารพร้อมที่ดินให้กับประเทศฝรั่งเศส
อาคารโรงภาษีเก่าจึงเป็นทำเนียบถาวรของผู้แทน ฝรั่งเศสนับแต่นั้นมา และ ในค.ศ.1925
ทางการไทยได้จัดทำโฉนดที่ดินเพื่อยืนยันกรรมสิทธิ์ ของรัฐบาลฝรั่งเศส
บนพีื้นที่ 4 ไร่ 2 งาน 86 วา หรือ 7544 ตารางเมตร


















สระว่ายน้ำ





ห้องรับประทานอาหาร





ห้าสิบปีแห่งความพยายามบำรุงรักษา

ถึงแม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมอันงดงามและทรงเกียรติ หากแต่ทำเนียบผู้แทนฝรั่งเศสกลับต้องเผชิญ
กับปัญหาหนักที่แก้ไม่ตก อันได้แก่ความชื้นซึ่งเป็นตัวเร่งให้ไม้ผุ ปูนฉาบและสีทาผนังด้านนอกตัวอาคารเสื่อมสภาพ
มีการรายงานในหนังสือทางการฑูตอยู่เป็นประจำถึงความยากลำบากในการดูแลรักษา
ตัวอาคารทำเนียบซึ่งอยู่ในสภาพหลังคาผุกร่อนเป็นสนิมห้องต่างๆร้อนอบอ้าว
อีกทั้งยังถูกน้ำท่วมอยู่เป็นเนืองๆจนในปี ค.ศ.1908 รัฐมนตรี Pierre de Margerie
ถึงกับคิดเตรียมละทิ้งทำเนียบแห่งนี้ไป
แต่ในที่สุดก็ต้องเปลี่ยนใจด้วยประจักษ์ในความงดงามของสถาปัตยกรรมตัวอาคารและทิวทัศน์กรุงเทพฯที่รายล้อมทำเนียบ




















ฟื้นฟูสู่ความสง่างาม

ทำเนียบได้รับการซ่อมแซมหลายครั้ง เพื่อฟื้นฟูให้กลับมาทรงคุณค่าดังเดิม
ตัวอาคารเป็นทรงคลาสสิก ส่วนด้านหน้าทีความสมมาตรกันอย่างลงตัว
ผสมผสานกลมกลืนกับหลังคามุงกระเบื้องสีเคลือบเงาและไม้ฉลุปิดเชิงชายแบบสถาปัตยกรรมไทย
การตกแต่งภายในเป็นแบบตะวันออกผสมตะวันตก
ปัจจุบันทำเนียบเอกอัครราชฑูตฝรั่งเศสได้เผยโฉมอันสง่างามและได้
ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกแห่งชาติทางประวัติศาสตร์ของประเทศไทย

**********


La Residence de Ambassade de France

le retour de la France au Siam

Construit au de'but du XIXe'me sie'cle, le<> s 'inspire des e'difices
de caracte're europeen batis a' l'epoque.En de'cembre 1858,le Roi Mongkut
installe provisoirement sur la rive gauche du fleure le repre'sentant de la France, le Comte de Castelnau,
suite au Traite' d' amitie' et de commerce signe' en 1855 avec Napole'on III.
La re'sidence de la mission francaise devient pe'renne le 10 juin 1875
lorsque Sa Majeste' le Roi Chulalong korn fait don a' la France de la maison et du terrain.
Un acte de proprie'te' est e'tabli par le cadastre thai au nom du gouvenement francais en 1925,pour <<4 rais,2 ngans,86 was>> soit 7544m.

Un de'bat de cinquante ans au sujet de entretien de la demeure

Si l'environnement de la re'sidence de France est prestigieux, un combat sans merci est
livre' contre l'humidite' tropicale, qui accelere le pourrissement du bois et alte're les enduits et les peintures exte'rieures.
Lacorrespondance diplomatique fait re'gulierement
e'tat des difficulte's pour l'entretien de l'edifice dont les toits sont ronge's par la rouille,
les pie'ces surchauffe'es et perriodiquement inonde'es. En 1908,
le ministre Pierre de Margeries envisage l'abandon des locaux,
mais la beaute' de l'architecture et la vue magnifique de Bangkok l'emporteront.


De la re'habilitation aux lettres de noblesse

Plusieurs campagnes de re'habilitation seront mises en oeuvre pour que la re'sidence retrouve toute sa valeur.
Le classicisme et la parfaite syme'trie de sa facade sont meles aux toits en tuiles vernisse'es et colore'es,
aux guipures des bordures et aux beaux de'cors en bois coupe's inspire's de l'architecture siamoise.
La de'coration inte'rieure marie habilement l' Orient et l' Occident.
La re'sidence a gagne' ses lettres de noblesse pour s'inscrire
aujourd'hui sur la liste des Monuments historiques nationaux de Thailande.


**********





 

Create Date : 19 กันยายน 2554    
Last Update : 19 กันยายน 2554 9:12:53 น.
Counter : 2065 Pageviews.  

Garden Cliff Resort & Spa/Pattaya(การ์เด้น คลิฟ รีสอร์ท & สปา )พัทยา ( 12-14 Aug.2011)

ไปเที่ยวพัทยากันในวันแม่ ไปกันทั้งหมด 5 คน แยกเป็น 2 ห้อง
แต่ประตูภายในระหว่างห้องเชื่อมติดกัน

พวกเรามาพักกันที่ Garden Cliff Resort & Spa /Pattaya ที่ตั้งอยู่ที่นาเกลือ ซอย 16

คลิ๊กดูเว็ปได้ที่นี่
//www.gardencliffpattaya.com

ทริปนี้ไม่พร่ำอะไรเยอะ เพราะไปเที่ยวซ้ำๆในเมืองพัทยา
มีแต่รูปห้องและบรรยากาศ เท่านั้นค่ะ
ว่าแล้วก็เริ่มบรรเลง โพสรูปตามระเบียบ



โรงแรมอยู่ติดกับทะเล มองเห็นได้ไกลๆ ป้าซิ่งกับพรรคพวกพักอยู่ชั้นที่ 7











ชวนให้คิดถึงพระอภัยมณี ตอน สุดสาครกับม้านิลมังกร













ลงไปใกล้ทะเลอีกหน่อย ก็จะมีสระว่ายน้ำอีกระดับหนึ่ง











พาไปดูบรรยากาศทั้งสองห้องกันดีกว่าค่ะ







อีกห้องทะลุเข้ากันได้ค่ะ





ห้องอาบน้ำ ห้องน้ำ มีอ่างอาบน้ำ โดยรวมก็เหมือนๆกันทั้งสองห้อง











มองจากระเบียงก็มองเห็นทะเล





พาไปทานอาหารเช้ากันค่ะ



















อาหารจำพวกซุป โจ๊ก ข้าวต้ม อร่อยดี ส่วนเครื่องดื่มคือน้ำส้มคั้น ก็หอมอร่อย









ตบท้ายด้วยภาพพระอาทิตย์ตกดินซัก 3 รูป







ขอบคุณที่ติดตามชมนะคะ




 

Create Date : 16 สิงหาคม 2554    
Last Update : 16 สิงหาคม 2554 9:45:23 น.
Counter : 6255 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  
 
 

ป้าซิ่ง Naomichan
Location :
นนทบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 70 คน [?]




........หลังไมค์ถึงป้าซิ่งค่ะ.........
[Add ป้าซิ่ง Naomichan's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com