 |
|
ฃชุราโห(Khajuraho)17-18 Nov.2006/INDIA
 


โทรหาแท๊กซี่อาบังโพกหัวไว้เมื่อคืนวาน บอกให้มารับที่โรงแรมราหุล ตอน 9:00 เช้า เพื่อบินภายในประเทศไป Khajuraho โดยสายการบิน Indian Airlines ไฟล์ทบิน 11:35 ก็ตามระเบียบนิยามแม่สายบัว กว่าจะระเห็ดออกได้ ก็ปาเข้าไปบ่ายโมง กว่าจะถึงฃชุราโหก็บ่ายสองโมง


 
พอถึงสนามบินก็รีบเดินอยากว่องไว เพราะไม่มีกระเป๋าเช้คอิน มีแต่เป้ติดตัวอยู่แค่หนึ่งใบ ออกมาก็โดนอาบังเข้ามารุมหลายคน ถามไปแท๊กซี่ไหม ไปโรงแรมไหน พร้อมกับมีตารางราคาค่าแท๊กซี่ให้ดูเสร็จด้วย ฉานก็หาคนหน้าตาที่น่าไว้ใจได้ พูดจาดีหน่อย ก็ได้รถมา 1 คันพร้อมคนขับและเพื่อนคนขับอีกหนึ่ง ดีที่เคยเจอะสภาพมีคนขับพร้อมเพื่อนคนขับจากเดลีมาบ้างแล้ว ก็เลยไม่ตกใจว่า จะโดนรุมสองหรือเปล่า  ด้วยราคา 600 รูปีแล้วแต่เราจะไปที่ไหน กลับเวลาไหนก็ได้ตามใจ เราก็ตกลงใจ พอขึ้นรถก็บอกว่า พาฉันไปโรงแรมที่สะอาดและดูดี ราคาไม่แพงหน่อยแล้วกัน เพราะฉันไม่ได้บุ๊คโรงแรมมา เจ้าคนเป็นเพื่อนจะเป็นคนคุยกับอิฉานเป็นส่วนใหญ่ ส่วนคนขับมีหน้าที่ขับอย่างเดียว ขับมาไม่ถึง 10 นาทีก็แวะดูโรงแรมหนึ่งชื่อว่า USHA BUNDELA สอบถามคืนหนึ่งราคาอยู่ที่ 1,950 รูปี เห็นห้องก็สะอาดน่าอยู่ เลยตกลงค้างที่นี่ บอกอาบังที่เป็นเพื่อนคนขับว่า รอ 5 นาทีนะ ฉันจะเอากระเป๋าไปเก็บก่อน อิฉานรับกุญแจห้อง รีบทำธุระส่วนตัวแล้วก็ล๊อคห้อง เพื่อไปวิหารกันทาริยา มหาเทพ ตามใจฝัน
 
 
อาบังบอกว่าเมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆมีถนนที่อำนวยความสะดวกเพียงเท่านี้ และมีวัดอยู่แค่ 3 วัด ส่วนที่อื่นๆก็มีวัดอีก แต่ไม่มีถนนเข้าไป ส่วนใหญ่จะเป็นป่า ที่ยังไม่มีถนนให้รถวิ่งเข้าไปได้ ก็เข้าล๊อคตามที่อิฉานศึกษามาก่อน ที่จะมาฃชุราโหอยู่เหมือนกัน
มองรอบบริเวณมีแต่ฝุ่นดินแดง แม่น้า และ ป้าเขา สักพักก็ถึงวิหารกันทาริยา เสียค่าผ่านประตูคนละ 250 รูปี วันเวลาเปิดและปิดไม่มีกำหนดเวลาเมื่อไหร่ ให้ดูพระอาทิตย์ขึ้น จะเปิดทำการ พระอาทิตย์ตก ก็จะปิดประตู ภายในบริเวณรอบวิหารดูสะอาดตา มีสวนหญ้าอันกว้างใหญ่ ต้นไม้ใหญ่ก็มีอยู่บ้าง ส่วนนักท่องเที่ยวมีเยอะทุกวัน เพราะหมู่วิหารที่เมืองฃชุราโห ได้รับการยกย่องว่า เป็นเลิศในลักษณะเด่น 3 ประการคือ ด้านสถาปัตยกรรม, ด้านประติมากรรม , และภาพแกะสลักกามาวิจิตรรอบวิหาร และได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกของ สหประชาชาิติให้เป็นมรดกโลกคือ ฃชุราโหเป็นที่ตั้งของหมู่วิหารของศาสนาเชนและฮินดู ทีสร้างด้วยหินทรายมีอายุมากกว่า 1,000 ปีเศษ สวยงามเป็นเลิศด้วยสถาปัตยกรรมอินเดียแบบอินโด - อารยัน
 
 
 

 
 
 
ภาพแกะสลักภายนอกวิหารด้านนอก ส่วนใหญ่ จะเป็นภาพอิโรติกที่เรารู้จักกันดีแล้วทั้งนั้น บางคนอาจสงสัยว่า สถานที่สำคัญทางศาสนาเช่นนี้ เหตุใดเขาจึงเอาภาพที่ดูเหมือนจะสร้างกิเลส และตัณหาของมนุษย์เขามาเกี่ยวข้อง เพราะเจตนาที่กษัตริย์ราชวงศ์จันเดลละ สร้างวิหารถวายเทพเจ้าประการแรกคือ เป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะ และเหตุผลที่สร้างภาพประติมากรรม กามสูตรมาประดับรอบวิหาร ก็เป็นหนึ่งเครื่องบวงสรวงเทพเจ้า ที่พวกเขานับถือศรัทธา ตามความเชื่อในยุคสมัยจันเดลละ ซึ่งมีอยู่ 4 ประการคือ ได้กินเนื้อสัตว์ ,ได้กินปลา, ได้ดื่มสุรา, และได้เสพเมถุน เครื่องบวงสรวงจึงประกอบด้วยสิ่งเหล่านี้ ส่วนภาพกิจกรรมต่างๆที่มีภาพการร่วมประเวณีระหว่างคนกับสัตว์ ก็เป็นเรื่องปกติระหว่างสงคราม กองทัพไม่มีผู้หญิง และเมื่อทหารเกิดอารมณ์เพศขึ้นมา จึงหันไปปลดเปลื้องกับสัตว์ที่อยู่ในกองทัพ
 
 
 
 

 
 
ออกจากหมู่วิหาร คนขับรถที่รออยู่แล้ว ก็รับไปเที่ยวอีกวัดของศาสนาเชน ศาสดาของเชนมีชื่อว่า มหาวีระ การปฏิบัติเหมือนศาสนาพุทธคือถือศีลห้าเหมือนกัน เพียงแต่ว่าบางคนเคร่งมากจะไม่นุ่งผ้า ผ้าผ่อนนั้นผลิตมาจากพืช ซึ่งถือว่าเป็นการเบียดเบียน กินผลไม้ก็ต้องรอให้หล่นถึงจะกินได้ เจอะมด ก็ต้องปัดไปห้ามฆ่า
 
 
 

จบจากวัดมหาวีระ อาบังพาไปอีกที่มีลักษณะเหมือนสถูป ดูแล้วคล้ายๆที่เคยดูผ่านมา ก็เลยดูได้นิดหน่อย จากนั้นอาบังก็ขับรถพาไปดูสินค้าที่ลือชื่อของเมืองนี้ เลยได้หินแกะสลักเป็นที่ระลึกของเมืองนี้มาหนึ่งอัน ส่วนสถานที่ซื้อสินค้านี้ ตกเย็นมีการแสดงระบำแขกด้วย เป็นHall เล็กๆที่นั่งเป็นกำมะหยี่สีแดง น่านั่งดูเหมือนกัน แต่ไม่ได้ไปดู เลยกลับเข้าที่พักดีกว่า
 
 

ถึงห้องก็อาบน้าไปด้วย และจุดเทียนในห้องน้าด้วย เผื่อกันไฟดับ จะได้มีเทียนไว้เป็นที่พึ่ง จะได้ไม่กลัว ปรากฏว่้าพออาบเสร็จ ไฟดับไป 2 ครั้ง แต่ก็ไม่กี่นาทีเท่านั้น ดูทีวี หนังอินเดียก็เพลินดีเหมือนกัน พระเอก นางเอก เต้นสนุกดี เพลงเดียว เสื้อผ้าเปลี่ยนไปแล้ว 4 - 5 ชุด แดนเซอร์ชาย หญิง เต้นได้พร้อมเพรียงดีจริงๆค่ะ ดูไปก็กินสปาเก็ตตี้กับชามาซาลา 1 กาไปด้วย สปาเก็ตตี้ก็ลองแบบอินเดีย จานอย่างกับกาละมัง กินไปได้แค่ครึ่งเดียวก็อิ่มแล้ว นอนดีกว่า
วันรุ่งขึ้นวันที่ 18 ไม่มีอะไรทำ ออกไปดูวิหารกันทาริยา อีกรอบ เพราะเวลาบินกลับเข้าเดลีคือเวลาสี่โมงเย็น เจอะนักท่องเที่ยวที่มาคนเดียวเหมือนกันแต่เป็นผู้ชาย มาชวนคุยด้วย เลยคุยกันถูกคอ เลยให้ถ่ายรูปเราให้หน่อย โพสท่าซะรอบวิหารเลย คิดว่าได้รูปเยอะก็คราวนี้แหละค่ะ
*โอกาสหน้าติดตามไปเที่ยวชัยปุระและป้อมปราการแอมเบอร์
เตียงนวดที่โรงแรม USHA BUNDELA /

Create Date : 05 ธันวาคม 2549 |
Last Update : 14 ธันวาคม 2551 7:43:45 น. |
|
0 comments
|
Counter : 6200 Pageviews. |
 |
|
|
|
|
|
|
 |