ไปเที่ยว ไปกินกันนะคะ ขอบคุณสำหรับเพื่อนๆทุกท่านที่แวะชมค่ะ
 

ไปม่อนแจ่ม กับ ฟอร์มูล่าม้ง จังหวัดเชียงใหม่ ( 28/Dec./2016)

ก่อนที่จะนั่งรถมาม่อนแจ่ม ผ่านไร่สตอเบอรี่หลายที่
เลือกลงสักที่หนึ่งค่ะ




เป้าหมายคือถ่ายรูปกับวิวเก๋ๆ แล้วก็ซื้อสตอเบอรี่





อันนี้ที่ผูกผมลูกสตอเบอรี่ เรียงเป็นแนวเลยล่ะค่ะ



อุดหนุนไอศครีมสตอเบอรี่ กับ สตอเบอรี่สดๆสักถุงค่ะ




สบายอก สบายใจแล้วก็ขึ้นรถไป ม่อนแจ่ม ต่อค่ะ
เราตั้งแผลนว่า จะไปกินอาหารมื้อกลางวันบนม่อนแจ่ม เลย
จอดรถแถวนี้ค่ะ มีร้านค้าชองฝากหนึ่งระยะล่ะ





มีแม่ค้าชาวม้งขาย ผลไม้สด และ มีร้านผักจากไร่สดมาก
เสียดายยังอยู่อีกหลายวัน มันน่าซื้อมากินจริงๆ
สดใหม่ และ ราคาถูก





จากจุดนี้ ก็ต้องเดินขึ้นไปข้างบนม่อนกันเอง
มีรถอยู่เหมือนกันนะ หรือว่ารถชาวบ้านแถวนั้นเขานะ



พวกเรามากัน 9 คนค่ะ จ้างรถตู้ขึ้นมา 1,800 บาท
ค่าน้ำมันต่างหาก ไปตามใจเรา เราก็แผลนไปว่า มาเก็บสตอเบอรี่,
ม่อนแจ่ม, ผาช่อ และ พระธาตุดอยคำ จบลงตรงเวลาหกโมงเย็นกลับบ้าน
สุดท้ายจ่ายค่าน้ำมันรถไป 650 บาท เมื่อจบทริป



วันนี้ท้องฟ้าสีฟ้าสดใส มีแดดไม่จ้ามาก ดีมากเลยค่ะ





รูปนี้ครอบครัวเรา มีคุณสามี เจ้าโรบิน ป้าซิ่ง และ หลานสาว



รูปนี้คุณแม่ของเพื่อนที่ลูกๆเราเรียนโรงเรียนเดียวกัน
มารู้จักป้าซิ่ง เลยขอสมัครแชร์ค่ารถตู้มากับป้าซิ่งด้วย
ดีใจจังมีคนมาร่วมเดินทาง ค่าใช้จ่ายได้ถูกลง




ดูไร่ชาขั้นบันไดไป และ ดอกไม้ในไร่ไป ค่ะ
พร้อมกับบรรยากาศดีสุดๆ















มีร้านขายชาร้อน ชาเย็น ชาเขียว และ กาแฟร้อนเย็น
ตรงเนินนี้ เป็นกระท่อมในร่มไม้ น่ารักดี







ฝั่งตรงข้ามร้าน ชาและกาแฟ
ก็จะเป็นร้านอาหาร ที่จะขายพวกส้มตำ และ น้ำเงี้ยว
มีก๋วยเตี๋ยวน้ำ และ ข้าวซอยไก่ด้วย
และพวกเมนูปิ้งย่าง เช่น คอหมูย่าง ไส้ฮั่ว ไส้ย่าง อร่อยดี





ถ้าใครมาแนะนำมากินตรงนี้เลยค่ะ บนสุดเนินนี้แหละ
เนินบนเป็นร้านอาหาร ถ้าได้นั่งริมๆก็จะได้เห็นวิว
ถ้านั่งในๆก็สบายๆค่ะ สำคัญอาหารเขาสะอาดค่ะ



ขนมจีนน้ำเงี้ยวก็มีเครื่องเคียงพร้อม หยิบกันตามใจค่ะ









กินเสร็จก็ยังถ่ายรูปเล่นกันต่อไป
แล้วเดินกลับมาตรงปากทาง เห็นเขากำลังเล่นฟอร์มูล่าม้งกันอยู่
ลุ้นกันน่าดูว่าใครจะคว่ำ? ใครจะล้อหลุด? ใครจะเข้าวิน?
เด็กชายตัวน้อยคนนี้ เก่งสุดเร้ย







ป้าซิ่งไม่ได้เล่นกับเขาหรอกค่ะ แค่มานั่งแอ๊คชั่นเฉยๆจร้า
ชาวบ้านเผ่าม้งกำลังจะลากฟอร์มูล่าม้งต่อยาวเป็นแถวๆขึ้นไป
โดยใช้รถปิคอัฟลากขึ้นเขา
เพื่อให้คนไปใช้บริการตั้งแต่ขับจากเนินเขาด้านบนแล้วลงมาอีกรอบ
ตรงส่วนที่ป้าซิ่งนั่งแอ๊คชั่นนี้คือ
จุดสุดท้ายที่คนมุงดูและช่วยกันลุ้นคือเส้นชัย



จบแล้วค่ะ




 

Create Date : 13 มกราคม 2560    
Last Update : 13 มกราคม 2560 13:32:37 น.
Counter : 6445 Pageviews.  

มหัศจรรย์ " ผาช่อ " เชียงใหม่ ( 28 Dec./2016)

ผาช่อ อยู่ในอุทยานแห่งชาติแม่วาง ดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่

ผาช่อ เป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติที่เกิดจากการกัดเซาะของลมฝน
จนทำให้แผ่นดินที่เชื่อกันว่าเมื่อหลายร้อยปี
หรือพันปีก่อนบริเวณแห่งนี้ เคยเป็นทางเดินของแม่น้ำปิง
ซึ่งสังเกตได้จากก้อนกรวดหินกลมมนกระจัดกระจายอยู่ในเนื้อดินจำนวนมาก
จนกระทั่งแม่น้ำปิงได้เปลี่ยนสายย้ายทิศไหลผ่านไปที่อื่น
บริเวณนี้ก็ได้ถูกยกตัวเป็นเนินเขาสูง
ตะกอนแม่น้ำปิงก่อตัวทับถมกันเป็นชั้นๆ ผ่านกลายเวลาและถูกกัดเซาะ
จนกลายเป็นหน้าผาและเสาดินที่มีรูปร่างแปลกตา
คล้ายกับที่แพะเมืองผีในจังหวัดแพร่ หรือฝั่งต้าในจังหวัดพะเยา
มีลวดลายที่สวยงามและมีขนาดใหญ่มีความสูงราว 30 เมตร
สูง เทียบเรือนยอดไม้ ครอบคลุมพื้นที่อาณาบริเวณกว้าง

การเข้ามาอุทยานผาช่อ เสียค่าบำรุงคนละ 20 บาท



ป้าซิ่งว่าการเดินทางเข้ามา ถ้าเป็นหน้าฝน ต้องแย่แน่ๆ
เพราะมันเป็นดินแดง และเต็มไปด้วยก้อนกรวด
ก่อนมาที่ผาช่อ ควรดูดินฟ้าอากาศ
ควรจะเป็นวันที่ท้องฟ้าโปร่งและแจ่มใส
และเตรียมร่างกายให้พร้อม ข้างบนนั้นมีร้านค้าอยู่ร้านเดียว
แต่จะได้ซื้อก็ตอนก่อนลงไปดูผาช่อ
และกลับขึ้นมาแล้วเท่าไหร่
สิ่งที่ควรติดมือไปด้วยคือ น้ำเปล่า สักขวดค่ะ



สมัยนั้นคงทุลักทุเลมากกว่านี้เป็นท่องแท้
ซึ่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ได้มาพัฒนาให้ผาช่อ
เป็นถิ่นที่เกิดขึ้นเองธรรมชาติ ผู้คนได้มาศึกษากันค่ะ
ที่ทางถนน ตลอดขั้นบันไดที่เดินที่เต็มไปด้วยอุปสรรค
ปัจจุบันมีบันไดให้เดินง่ายขึ้นมากเลย








สภาพบันได ที่สามารถคนได้ขึ้นและลงสวนทางได้





ตอนนี้สภาพบรรยากาศ พอลงมาถึง เราเหมือนตัวเราอยู่ในหุบเขา
ท่ามกลางเถาวัลย์ไม้เลื้อย และ ต้นไม้
ซึ่งทางอุทยานได้บอกชื่อต้นไม้และดอกไม้ป่า
เรี่ยไรไปตามทาง ทำให้เราได้ผ่อนคลายได้บ้าง





รองเท้าที่ใส่เดินควรเป็นรองเท้าสปรอต
เพราะพื้นมันเป็นกรวด หิน ดิน ทราย ทางไม่เสมอกัน
ควรระวังการเดินด้วยนะคะ



ใช้เวลาไม่นานในการเดินให้ถึงผาช่อ ร่วมทั้งไปและกลับประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง
คือเที่ยวลักษณะเราอาจจะเร็วไป แต่บางคนเที่ยวแบบเจาะลึกก็จะนานกว่านี้ค่ะ









จากเดินที่ราบๆมาตะกี้ ต้องขึ้นทางชันขึ้นไปอีก
พอเกือบถึงเป้าหมาย แต่ก็ยังไม่ถึงที่สุด ก็ต้องมาหายใจพักกันก่อนค่ะ
ถ่ายรูปเล่นไป ชื่นชมบรรยากาศ











ทางลงไปก่อนถึงผาช่อ ก็ต้องเดินลงบันไดไป
เราจะเห็นผาเสาโรมันอยู่ทางขวามือเรา











ถ่ายมุมขากลับจากด้านบน เวลากลับอย่างไร
ก็จะมองเห็นเป็นทางเดินได้คนเดียว เป็นทางคดเคี้ยว
แต่ไม่น่ากลัวถ้ามีเพื่อนติดตามมาด้วย

เราเดินมาถึงผาช่อกันแล้วค่ะ
ผู้คนมากระจุกกันอยู่ตรงนี้กันมากมาย
ตอนเดินมาจะรู้สึกเหมือนโดดเดี่ยว วังเวง
แต่พอมาถึงได้เห็นหน้าผาที่งดงามด้วยธรรมชาติแบบนี้
เราเหมือนคนที่ประสพความสำเร็จ ดั่งที่ตั้งใจ









เห็นพี่ทหารซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่อยู่ในภาพมุมซ้ายมือของป้าซิ่ง ไหมคะ?
เขาเป็นผู้ตรวจดูแลนักท่องเที่ยว ดูความเรียบร้อยของบริเวณ
พี่เขามีน้ำใจถ่ายรูปให้ด้วยค่ะ ถ่ายได้สวยมากเลยค่ะ
ต้องขอขอบคุณมา ณ. ที่นี้ด้วยค่ะ





ขากลับออกมา เป็นช่องทางแคบ เดินได้คนเดียว
แต่เราจะรู้ตั้งแต่ พวกเรากำลังจะเดินเข้ามาผาช่อ
เพราะเห็นคนเดินออกมาค่ะ



ทางเดินกลับ ก็เดินทางเดียวกับตอนขามา
พอขึ้นมา มีร้านค้าร้านเดิม
และมีห้องน้ำที่ต้องเดินผ่านลานจอดรถไปอีกหน่อยค่ะ






 

Create Date : 11 มกราคม 2560    
Last Update : 11 มกราคม 2560 10:05:14 น.
Counter : 1527 Pageviews.  

กินและช๊อปฯทั่วไปในโตเกียว (15-22 Dec./2016)

ที่ Kawaguchiko ไปเที่ยววันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม 2016



มาร์คหน้าสุดคุ้มราคามีหลายแผ่นใช้ทั้งปีเลย
กับแก้วน้ำพลาสติกหนาอย่างมีคุณภาพ



ขนมเค้ก รูปทรงภูเขาไฟฟูจิ






กระเป๋าคล้องคอไว้ใส่มือถือและเงินก็ได้ค่ะ สะดวกดี
ลวดลายภูเขาไฟฟูจิและพระอาทิตย์สีแดง



แม๊กเน็ท แม่เหล็กติดตู้เย็น



กระเป๋าลายดอกซากุระ พับเก็บได้ค่ะ



ลูกสนบนกิ่งไม้ ถูกจัง ถุงละ 200 yen



กิ่งใบไม้แห้งและดอกไม้แห้ง ไปบ่อยก็ซื้อกลับมาเรื่อยๆค่ะ
ชอบสีมันออกแนวมีเสน่ห์น่าหลงไหล เราเลยหลวมตัว



ก้อนบาธอะโรม่า และ ครีมทามือกลิ่นมะนาว



ขากลับมาลงที่สถานีรถบัสที่ชินจุกุอยู่แล้ว
อยากได้กระเป๋าที่ใส่แผ่นไลท์ซีดี



ขากลับเข้าร้านอาหาร โจนาธาน ซื้อแหวนพลอยหน้าลูกหมี



วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม เดินเล่นและกินที่Shibuya และ Harajuku

ที่ Shibuya พาเจ๊หมีมาซื้อ Onitsuga Tiger
เจ๊เข้าร้านเขา ดูๆแล้วก็ไม่ซื้อ
ส่วนป้าซิ่งรองเท้าร้านไทเกอร์ ไม่ใช่แนวตัวเองอยู่แล้วค่ะ









ป้าซิ่งเข้าร้าน Loft ซื้อกระเป๋าเป้สะพายหลังสักใบค่ะ
ได้มาแล้วยี่ห้อ MAKAVELIC ราคาคิดเป็นเงินไทยก็เกือบหมื่นบาท







ซื้อกระทะทำไข่ม้วนหวานญี่ปุ่น อีกใบค่ะ



ส่วนเจ๊ลูกหมี ผ่านร้าน ยูนิโคล่
ชีชอบมากเลยร้านนี้ ผ่านทุกที่ ขอแวะๆตลอด
ของเจ็ได้เป็นเสื้อโค๊ตยาวถึงเข่า
ส่วนป้าซิ่ง ก็เอานะเสื้อฮีทแท็ค เก็บไว้ที่บ้านในญี่ปุ่นแล้วกัน
ถ้าหนาวก็มีใช้ล่ะ



ซื้อเสร็จกลับมาที่สถานีชิบูยะ นั่งรถย้อนกลับมาอีกป้าย ก็ถึง Harajuku
เน้นมาถ่ายภาพที่สถานีเก่าด้านออกทางศาลเจ้าจินกุ
เพราะอีกไม่นานจะรื้อแล้ว เสียดายรูปลักษณ์ไม้ของสถานีนี้
ซึ่งทางญี่ปุ่นเขาจะเตรียมพร้อมโอลิมปิคเกมส์ปี 2020
จะเปลี่ยนรูปลักษณ์ออกแนวทันสมัย



นัดเจอะเพี่อนรุ่นน้องชื่อน้องตุ๊กตา บ้านอยู่ที่ ฮาราจุกุ พอดี
เลยนัดออกมากินข้าวประจำเวลาป้าซิ่งมาเที่ยวญี่ปุ่น
ส่วนเจ็ลูกหมีตามป้าซิ่งมาเที่ยวญี่ปุ่น
กินร้าน Anniversary ย่านถนน Omotesando
ร้านนี้นั่งสบายออกแนวยุโรป และ อาหารอิตาเลี่ยนไม่แพงเว่อร์
และเค้กก็อร่อยด้วยนะคะ







ส่วนของหวาน เราออกไปกินที่ร้าน LINDT
เดินขึ้นไปตรงทางแยกโอโมะเตะซันโดะ
ร้านช๊อคโกแล็ตดังของสวิสเซอร์แลนด์
เป้าหมายมาร้านนี้คือ อยากดื่มน้ำช๊อคโกแล๊ตร้อนๆค่ะ





ภาระกิจวันนี้ของป้าซิ่งคือ มาซื้อรองเท้า Adidas กับชุดออกกำลังกายค่ะ







ได้มาแล้วรองเท้าอะดิดัส รุ่น 3 lines ราคาคู่ละเกือบหมื่นบาท เมื่อคิดเงินไทย
ผ้าพิมพ์ตรงส้นเป็นภาษาญี่ปุ่นคะตาคะนะ









กางเกงออกกำลังกาย ลวดลายภาษาญี่ปุ่นอีกตัวค่ะ
ราคาคิดเป็นเงินไทยประมาณ 1,700 บาท



ช่วงนี้ตรงถนนโอโมเตะซันโดะ ตกแต่งไฟกระพริบตามต้นไม้



ผ่านร้าน Kiddyland ไม่ได้อยากได้อะไร
แต่เห็นเจ้าหมี คุมะมอง ก็อดใจไม่อยู่ ควักตังค์ซื้ออีกแล้ว





เข้าร้านเครื่องสำอางค์ วันนี้เป้าหมายเซรั่มใส่ผม
อันละประมาณคิดเป็นเงินไทย 700 บาท



และครีมทาหน้ามีเม็ดคาเวียร์สีชมพู
ใช้มานานแสนนาน ตอนนี้ทำเป็นกระปุกใหญ่แล้ว
เพิ่มราคาอีกนิดแต่ได้ปริมาณมากกว่า



เดินจนฟ้ามืด แค่ห้าโมงเย็นฟ้าก็มืดแล้ว
เจ๊ลูกหมีบอกเข้าร้านเจ้าตัวไลน์กัน






ก่อนกลับบ้านมาแวะอีกที่ ที่ Ikebukuro
แค่พาเจ๊ลูกหมี มาให้ครบสถานที่เท่านั้น
แวะร้าน Matsumoto-kiyoshin



ไม่รู้จะซื้ออะไรติดมือ
เอานี่แล้วกัน แผ่นเช็ดเครื่องสำอางค์
กับแผ่นเช็ดเนื้อตัวให้สบายๆกลิ่นเย็นๆของมิ้นท์



วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม 2016
วันนี้มีไปดูสินค้ามือสองที่สถานี Shinagawa และ
ก็จองบุฟเฟ่ย์ปูไว้ที่โรงแรม ปริ๊นซ์ ก่อนมาญี่ปุ่นนานแล้ว
วางแผลนดูสินค้ามือสองตั้งแต่เช้า พอได้เวลาห้าโมง
ก็เดินข้ามถนนมาอีกฝั่งเพื่อมาโรงแรมนัดตอนสิบเอ็ดโมงครึ่ง







กินเสร็จมีแผลนต่อไปที่ วัดหลวงพ่อโต Kamakura



มาช่วงกลางๆเดือนธันวาคม ใบไม้จากต้นโมมิจิ กำลังร่วง
หลังจากใบไม้เปลี่ยนสี







บอกให้เจ๊ลูกหมี เข้าไปในตัวหลวงพ่อโต ค่าเข้า 20 yen
ส่วนป้าซิ่งไม่ได้เข้า เคยเข้าบ่อยแล้ว
เราหนีไปกินขนมหลังวัด มีของซื้อของฝาก อยู่ตรงนั้น
และใกล้ทางเข้าห้องน้ำค่ะ



เสร็จแล้วก็กลับบ้านกันเร็วหน่อย
เพราะพรุ่งนี้มีไปเที่ยว Takaragawa onsen

วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม 2016
มาเที่ยวลงออนเซนที่ Takaragawa onsen











ซื้อพันคอมีกระดุมติดรอบคอ มีช่องใส่ถุงทรายความร้อนด้วย



โซบะของท้องถิ่น มีอายุนานหน่อย กลับมาเมืองไทยก็ทำกินเอง
แค่ลวกเส้น มีน้ำซอสในแพ็คเรียบร้อย ถุงนี้กินได้ 3 คน



วันอังคารที่ 20 ออกจากออนเซนตอนสิบโมงครึ่งเช้า
รถของโรงแรมมาส่งที่สถานี Jomo-goken
พวกเรานั่งรถไฟชินคังเซนไปลงที่ Ueno
หาไรกินต่อ แล้วช๊อปฯกันต่อเลย
ช่วงนี้เราแยกย้าย กันหาที่ชอบๆ



อยากกินหอยนางรมใหญ่ ที่ตลาดอะเมะโยโกะ
3 ตัว 1,000 yen พร้อมปรุงเรียบร้อย
ป้าซิ่งชอบกินสดๆค่ะ มีแบบทำสุกก็มีนะคะ



ช่วงระหว่างที่รอ ก็สั่งหอยเม่น หรือ อูนิ มากินก่อน






กินเสร็จๆ เดินมาที่จุดนัดเพราะบอกให้เจ๊ลูกหมีช็อปฯแค่หนึ่งชั่วโมง
เจ๊หมีเจอะป้าซิ่ง แบบหน้าละห้อย บอกของน่าซื้อทั้งนั้นเลย
เงินหมดแล้ว ไม่อยากใช้บัตรเครดิต
ป้าซิ่ง บอก งั้นเจ๊ลูกหมี มีบัตรเดบิตจากเมืองไทยพกมาบางรึเปล่า
เจ๊ค้นๆกระเป๋าตังค์มาดู แล้วหัวเราะอมยิ้มน่ารักๆ บอกว่ามี
งั้นไปกัน เด๊ว ป้าซิ่งพาไปกดที่ไปรษณีย์ญี่ปุ่น มีตู้ ATM

ตำแหน่งของไปรษณีย์ญี่ป่น ที่กดเงินออกมาใช้ผ่านบัตรเดบิต
มาตรงฝั่งตรงข้ามของสถานีรถไฟ JR Ueno
จะเห็นห้าง มารุย หรือ Marui ห้างมีสัญญลักษณ์เป็นวงกลมค่ะ
มารุ่ย ภาษาญี่ปุ่นแปลว่า วงกลม







ปากทางซอยใกล้ห้างสรรพสินค้ามารุ่ย มีป้ายบอกทางไป ไปรษณีย์
สัญญลักษณ์ไปรษณีย์ จะเหมือนรูปตัว T แต่มีขีดทาบขนานอีกขีดข้างบน





ที่ตู้เอทีเอ็ม มีปุ่มให้กดอ่านภาษาอังกฤษ ก็ทำการถอนเงินมาช็อปฯต่อเลย
คราวนี้ป้าซิ่งก็ต้องเดินด้วยล่ะ เลยช๊อปฯได้หมวกไหมพรมมา
แห๋ม 700 yen



ได้เสื้อกีฬามาอีกตัว 2,000 yen อ้าวไม่ได้ถ่ายรูปมาค่ะ

ขากลับแวะร้าน Supermarket ร้านตรงฝั่งรถไฟเจอาร์
ไม่ได้ไปตึกม่วงเหมือนคนอื่นเขาหรอกนะคะ
ป้าซิ่งว่าตรงร้าน Supermarket ก็ขายของถูก และก็ดีด้วย
มีทั้งอาหาร ขนม เหล้า ไวน์ เบียร์ ชา กาแฟ ซื้อเอากลับไทยดีมากค่ะ
บางทีไม่มีแต่เฉพาะของญี่ปุ่น ของจากต่างประเทศร้านนี้ก็มีขายค่ะ

กาแฟคั่วบดจาก LAVAZZA แพ็คละประมาณ 200 บาท
ที่เมืองไทยขายเกือบๆ 600 บาท



ทีรามิทสุอัลมอนด์คลุกโกโก้ กับ เชอรี่ช็อคโกเล็ต



ช็อคโกแล็ตกลิ่นส้ม อีกแพ็คช๊อคโกแล็ตกลิ่นสตอเบอรี่



กาแฟสำเร็จรูป และ ชานม



ร้านอยู่ในสถานี Ueno ซื้อเสร็จเราก็กลับบ้านอีก 15 นาที
ถึง Kawaguchi เข้าร้าน 100 yen แถวบ้านกันต่อ

ซื้อตุ๊กตาพลังแสงแดด มา 10 ตัว



ซื้อหมวกคลุมผม กับ ประแจไขแว่นตา



วันพุธที่ 21 ธันวาคม 2016

วันนี้มีโปรแกรมไปดิสนีย์แลนด์
ป้าซิ่งกับดิสนีย์แลนด์ไปมา 30 ครั้งได้แล้ว
ส่วนดิสนีย์ซี 17 ครั้ง
มาคราวนี้เป็นเทศกาลวันคริสต์มาส ข้างในประดับสวยมาก
ป้าซิ่งชอบเทศกาลนี้ ส่วนเจ๊หมียังไม่เคยเข้าเลย
แต่ชีก็ไม่ได้คลั่งไคล้อะไรมากสักเท่าไหร่
ป้าซิ่งก็เลยตามใจ หรือ อยากจะเดินเล่นข้างนอกก็ได้
ก็มีห้าง IKSPIART ไปถ่ายรูปสวยๆมีมุมถ่ายเก๋ๆภายในก็ได้
ซึ่งห้างนี้ป้าซิ่งก็ไม่ได้เดินมานานแล้วเหมือนกันค่ะ

เรานั่งรถไฟจากบ้านเรามาลงสถานีโตเกียว



ช่วงที่เดินกำลังจะไปลงชั้นใต้ดินของสถานีโตเกียวเพื่อไปลงที่ Maihama
ผ่านรูปเสด็จพระองค์ชายจิ๊กมี่ ของภูฐานและพระราชินี
ภาพสวยดีค่ะ



นั่งรถไฟไปถึงสถานี Maihama



พาเจ๊หมี เดินออกมาทางขวามือ เพื่อไปช๊อปฯร้านโตเกียวดิสนีย์แลนด์





เจ๊ลูกหมีซื้อของไปฝากลูกหลาน มากมาย
ส่วนป้าซิ่งซื้อแต่ตุ้มหูมิคกี้และมินนี่จูบกัน พอแร๊ะ

ต่อจากนั้นเดินออกมาตรงห้างฯ IKSPIART















หิวแล้วค่ะ แวะหาอะไรกิน
ก็ได้ร้านสปาเก็ตตี้ สไตร์ญี่ปุ่น ชื่อร้าน Marecucina
กินสปาเก็ตนี้หอยลายใส่ไข่ปลาคาเวียร์หรือ อิคุระ












หาของหวานกินต่อชั้นใต้ดินของร้าน
เจอะร้าน BAKE









bara/picture/1484022589.jpg" target=_blank>



เสร็จจากเที่ยวแถวสถานี ไมฮาม่า เราก็กลับมาโตเกียว

เนื่องจากพรุ่งนี้จะกลับเมืองไทยแล้ว
ป้าซิ่งอยากพาเจ๊ลูกหมีไปเดินต่อค่ะ จะพาเจ๊หมีไปเดินห้างที่ใหญ่ยักษ์ที่สุดของญี่ปุ่น
พาไปเดินดูก็ยังดี เพราะเงินงบที่มาก็หมด แถมกดเงินจ่ายเพิ่ม
แต่ห้ามหยุดค่ะ ลูบๆคลำๆ ไปดูก็ยังดี
ส่วนป้าซิ่งจะไปซื้ออาหาร และ ยาต่อ ขนมอีกหน่อย อาหารสดบ้าง ผลไม้บ้าง
สถานที่มาคือ ห้างอิออน Koshigaya-laketown เนื้อที่ 700,000 ตารางเมตร
ที่ใหญ่ยักษ์กว่าห้างอิออนสาขานาริตะ อีกค่ะ มีเอ๊าท์เล็ทอีกต่างหาก
แต่ไม่แนะนำเอ๊าท์เล็ทในญี่ปุ่น

ซื้อกระเป๋าสะพายเล็กๆใบละพันกว่าบาท
ให้เพื่อนเป็นของขวัญปีใหม่ สัญญาซื้อให้ 2 คน



แป้งหมักชุปไก่ทอด



ก้อนกระหรี่ญี่ปุ่น ชนิดเผ็กกลางๆ



ก้อนแป้งโมจิ ไว้ย่างกินร้อนๆอร่อยดี



ราเมงกระป๋อง



ของขวัญในกระป๋องอะลูมิเนียมสีสวยๆจากร้านขนม Pekochan



ซื้อหนวดปลาหมึกยักษ์ ทาโกะ กลับไทย



ซื้อสตอเบอรี่ลูกใหญ่ๆกลับไทย



ซื้อน้ำราดผักสลัด กับ น้ำมันงาญี่ปุ่นไปคลุกเคล้ากับผักต้มอร่อยดี



วันพฤหัสที่ 22 ธันวาคม เดินทางไปสนามบินนาริตะ นั่งการบินไทย
เครื่องออกที่ Terminal 1
กินที่ร้านนี้ประจำก่อนกลับเมืองไทยค่ะ
ร้านอยู่ในโซน Narita shopping mall
หน้าร้านมีร้าน Sanrio หรือร้านคิตตี้ค่ะ







เจ๊หมีผ่านร้าน ยูนิโคล่ อีกแล้ว ให้ป้าซิ่งยืนรอก่อน
ยืนๆรอ อ้าวเห็นเจ้าสิ่งนี้คือ มันคือหมอนค่ะ
เอามือซุกยามมือหนาวได้ด้วย มีวิธีแสดงทำอยู่ตรงกระดาษ
เลยต้องซื้อเพราะไม่ได้ตั้งใจ




หลังจากผ่านกองตรวจคนเข้าเมือง ก็มีดิวตี้ฟรีอีก
ซื้อมาถุงไม่ใหญ่มากค่ะ มาแกะดูว่ามีอะไรบ้าง



เมื่อรอบก่อน ชอบเม็กมารอนของคิตตี้มากๆ
มันเป็นแป้งที่นุ่มเนียนดีจริง มีไส้ช๊อคโกแล็ตด้วย
ราคาถุงละ 800 yen บรรจุ 80 อัน
เลยซื้อมา 5 ถุงเลย มาแจกเด็กๆ โดยแบ่งไปใส่ถุงย่อยๆให้คนละ 10 อันอิๆ



ขนมแค๊กเกอร์รสชีส 53%
ซื้อมา 1 กล่อง บรรจุ 10 ซองข้างใน
แต่ร้านที่ขาย มีขายแยกเป็นซองๆด้วยนะคะ



กูลิโกะรสเมลอนสีส้ม ภายในมี 15 แท่ง
แต่ละแท่งบรรจุในถุงฟอยส์ต่ออัน น่ารักมาก



ซื้อข้าวปั้น แพ็คหน้าตาสะสวย มาด้วย
เผื่อไว้กินวันรุ่งขึ้น หรือวันต่อไปได้อีกวันค่ะ
ดูวันเดือนปี หมดอายุได้ที่ซองนะคะ



จบค่ะ






 

Create Date : 10 มกราคม 2560    
Last Update : 10 มกราคม 2560 12:10:21 น.
Counter : 2439 Pageviews.  

ไปเจดีย์แดง " Arakurayama sengen Park " ที่ Kawaguchiko ( 16/Dec./2016)

มาญี่ปุ่นเที่ยวนี้ มีโปรแกรมมาเดินเล่นที่ Kawaguchiko อีกแล้ว
วันที่ 16 ธันวาคม 2559 มาเที่ยวกับเจ๊ลูกหมี
ได้จองตั๋วรถบัสขึ้นที่สถานี Shinjuku โดยทำการจองทางเว็ปล่วงหน้าไว้ 1 เดือน
ทั้งขาไปและขากลับ ไปเช้าและกลับบ้านตอนเย็นในวันเดียวกัน
ขาไป ไปตอน 07:45 น. ส่วนขากลับจองเวลา 18:10 น.
ทำการจองไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด
ปริ๊นท์แล้วเก็บไว้ พอถึงวันเดินทางให้มาก่อนเวลาล่วงหน้า 20 นาที
เพื่อมาจ่ายตังค์และรับตั๋วจริงที่เคาน์เตอร์ขายตั๋วชั้น 4
สถานี Shinjuku อาคาร NewOman



มาถึงสถานีรถไฟหกโมงครึ่งท้องฟ้าในฤดูหนาวของญี่ปุ่นยังมืดอยู่









ฆ่าเวลาถ่ายรูปเล่นไปพรางๆก่อนค่ะ
ถ่ายกับเพนกวินสีดำ สัญญลักษณ์การ์ดรถไฟ Suica





ร้านกาแฟหรูหราในสถานีชินจุกุ ยังไม่เปิดทำการค่ะ
เขาเปิดตอน เจ็ดโมงครึ่งเช้า ซึ่งแน่นอน เราก็จวนจะได้เวลารถออกจากอู่แล้ว

การมาเที่ยว Kawaguchiko ป้าซิ่งมากว่า 20 ครั้งแล้ว
ตั้งแต่รถไฮเวย์บัส ขึ้นอีกฝั่งของสถานีชินจุกุย่านเครื่องไฟฟ้า
ย้ายมาที่ชั้น 4 อาคาร NewOman
ได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในยุคภาษีขึ้น 8%
รัฐบาลญี่ปุ่นพยายามไล่ๆปรับปรุงไปได้ทุกสถานี
เพื่อประชาชนได้รับความสะดวกอย่างคุ้มค่าสมกับการจ่าย
ไม่ใช่เสียภาษีแพงแต่ยังจะใช้นโยบายเดิมๆ




ไปรับตั๋วและจ่ายตังค์สำหรับ 2 ที่นั่งทั้งไปและกลับ
คนละ 3,500 yen




หลังจากรับตั๋วรถบัสไปคาวะกุจิโกะ เป็นที่เรียบร้อย
ยังพอมีเวลา ก็หากาแฟ, ขนม, ข้าวปั้น อะไรก็ได้เผื่อไว้กินบนรถ
มีร้านสะดวกซื้อ Family mart อยู่ชั้นเดียวกับซื้อตั๋วรถบัส
จุดสังเกตุอยู่ใกล้โซนล๊อคเกอร์





กาแฟใช้เครื่องจากประเทศเยอรมันนี ยี่ห้อ WMF
จ่ายตังค์แล้วพนักงานจะให้แก้วกระดาษกันความร้อน
สำหรับใส่น้ำกาแฟร้อนๆไปบริการด้วยตนเองค่ะ
มีน้ำตาลทราย ,น้ำเชื่อม, ค๊อฟฟี่เมด ใช้ได้ตามอำเภอใจ






เราดื่มกาแฟ แต่ก็ยังมีน้ำเปล่าพกไว้คนละขวด
เมื่อกินอาหารอะไรเป็นที่เรียบร้อย เมื่อถึงเวลาขึ้นรถ
พวกเราสองคนหลับเลยค่ะ กาแฟทำอะไรเราไม่ได้
เพราะเราเพิ่งมาจากเมืองไทยเมื่อคืนวาน แล้วเที่ยวงานวัดญี่ปุ่น
จนมืดค่ำ กว่าจะหลับก็เที่ยงคืนกว่าแล้ว
วันรุ่งขึ้นเพื่อมาคาวะกุจิโกะ นี่ก็ต้องตื่นเตรียมไว้ตีห้าเลยค่ะ
แน่นอน ขึ้นรถหลับเหมือนปิดสวิตซ์ขั้วเดียวกัน
เพราะใช้เวลาสองชั่วโมงกว่าจะถึง Kawaguchiko

จวนใกล้ถึง Kawaguchiko แล้ว มองท้องฟ้า สว่างสีฟ้าสดใสมาก
ก่อนที่จะถึงต้องผ่านสถานีรถบัส Fuji Q Highlandก่อน




เคยมา Kawaguchiko 20 กว่าครั้ง เพิ่งเห็นฟูจิซังแบบเต็มตา
ไม่มีเมฆหมอก มาบดบัง นับครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ค่ะ
ป้าซิ่งคาดคะเนว่า วันนี้ท้องฟ้าเป็นใจ เราไปขึ้นเจดีย์แดงกันดีกว่า
ได้ถ่ายรูปสวยๆ ฟูจิซังก็งดงามแบบเป็นรูปร่างภูเขาไม่มีอะไรมาบดบัง
ปรกติท้องฟ้าไม่ดีก็จะไปแต่ขึ้นรีโทรบัส ไปตามทะเลสาปทั้งสองแห่ง
หลังๆไปแต่ Red line ส่วน Green line ป้าซิ่งไม่ค่อยชอบ น่าเบื่อ
ป้าซิ่งชอบ Red line เพราะได้นั่งดูฟูจิซังป้ายหมายเลข 21
กินนั่นนี่ไปเรื่อยเปื่อยมองดูภูเขาฟูจิสวยๆอยู่ได้ทั้งวัน
แม้มันจะมีเมฆมาบังก็อดทนดูต่อไปค่ะ
แล้วก็ไปที่อื่นเช่น ป้ายหมายเลข 7
กระเช้าหมายเลข 10
และ Music forest เวลามีฤดูหน้าดอกกุหลาบเท่านั้น ดูรอบนอก
ไม่เคยอยากจ่ายค่าผ่านประตูเข้าไปดูด้านในเลยสักครั้ง
รู้แต่ว่าข้างในมีสวนสวยกว้างใหญ่ และมีปราสาทหลังใหญ่
และก่อนกลับเข้าโตเกียวมักจะไปลงออนเซนที่ Fujiyama
มีเวลาไว้ซักสองชั่วโมงก่อนได้เวลารถบัสออก
นี่คือเส้นทางเดินประจำที่ป้าซิ่งมา Kawaguchiko

แต่วันนี้เจ๊ลูกหมีเพื่อนในพันทิปมาครั้งแรก
โชคดีมากๆๆๆค่ะ ได้เห็นฟูจิเต็มๆสองลูกตาไม่มีอะไรมาบดบัง
พร้อมกับท้องฟ้าที่มีสีฟ้า โอโซนเต็มพิกัดเลยล่ะค่ะ
เลยต้องจัดเต็มพาไปเจดีย์แดง
เตรียมซื้อตั๋วรถไฟไปและกลับ 600 yen
ตั๋วรถไฟใบละ 300 yen ไปลงที่สถานี Shimo Yoshida



ป้ายสถานีทำใหม่ เมื่อก่อนไม่มีภาษาไทยนะคะ ตอนนี้มี



เผลอเข้าห้องน้ำก็ต้องตกกะใจค่ะ
ในห้องน้ำก็มีภาคภาษาไทยด้วย



เดินไปตามเส้นทางกันค่ะ
เป้าหมายของเรา คือ Arakurayama Sengen Park







ใช้เวลาเดินทางด้วยเท้าแค่ 20 นาทีเท่านั้นก็จะถึง
เวลาที่เขาระบุ น่าจะเวลาถึงแค่ตีนเขาเท่านั้น
ยังไม่ได้นับว่าต้องขึ้นบันไดไปอีก 400 ขั้น















การขึ้นบันไดหลายขั้นมันเหนื่อยหอบนะ
ถ้าก็อย่าไปเร่งรีบค่ะ เราเดินไป คุยกันไป พักตามขั้นบันไดไปเรื่อยๆ
หันหลังกลับมาดูฟูจิซังเป็นพักๆ งามนะ ขึ้นไปยิ่งงาม หายเหนื่อยค่ะ

วันนี้มีเพื่อนร่วมทางที่รู้จักกันตอนนั่งรถบัสแล้วแต่ไม่ได้คุย
ก็ต้องมาคุยกันตอนมาเจอะกันที่ Kawaguchiko
ป้าซิ่งได้ยินว่าเขาไม่เคยมาก็เลยแนะนำทาง
และ ก็แนะนำไป Red line ด้วยค่ะ
พอให้เขาถึงจุดหมายเลข 21 แล้วเราค่อยแยกไว้ก็ได้ค่ะ
เขาอาจจะดื่มด่ำกันอีกนานล่ะคู่นี้ ชื่อ น้องโด่ง กับ น้องจอย



และก็มีอีก 2 คน น่าจะเป็นคู่เกย์ ตอนแรกนึกว่าคนอินเดีย
แต่เขาเป็นคนมาจากทางภาคใต้ ได้คุยกันตอนขึ้นไปเจดีย์แดงแล้ว
ไม่ได้ถ่ายกับน้องเขามานะคะ ป้าซิ่งค่อนข้างเกร็งๆ











ขึ้นมาเรื่อยๆก็เจอะน้องรุ่นนิสิตนักศึกษาไทย ประมาณ 5-6 คน
มีแต่คนไทยที่มารึเปล่าเนี่ยเจดีย์แดง
ก็ตั้งแต่ขึ้นมามีแต่คนญี่ปุ่นที่อาศัยแถวนี้ ซึ่งเขาจะมาวิ่งออกกำลังกายกันไม่มาก
นอกนั้นนักท่องเที่ยวไทยทั้งนั้นเลยอ่ะ

ว่าแล้วก็เดินขึ้นบันไดต่อไปอีกเรื่อยๆค่ะ















มาถึงริมรั้วนี้สวยดีเหมือนกันค่ะ





มาถึงลานเจดีย์แดงแล้วค่ะ





มีลานดิน ที่ต้องเดินขึ้นไปอีกหน่อยค่ะ สู้ๆ
อย่าแพ้เด็กอนุบาลกลุ่มนี้นะคะ คุณครูพาขึ้นมาก่อนหน้าเราอีก













นั่งเล่นพักเหนื่อยให้หายหอบ
แล้วก็ภ่ายรูปเล่น กับกลุ่มเพื่อนๆนักท่องเที่ยวไทยของเราไปค่ะ
คุยกันไปคุยกันมา ก็ผลัดเปลี่ยนแก๊งค์กันถ่ายรูป
รู้สึกมีความสุขกันทุกคนเลย เมื่อขึ้นมาบนนี้ได้สำเร็จค่ะ
ก็อยู่แค่ไม่ถึงชั่วโมง แล้วก็ลงเขาเจดีย์แดงค่ะ
เพราะต้องนั่งรถไฟย้อนกลับไปสถานี Kawaguchiko
เพื่อไปนั่งรถรีโทรบัสเที่ยวไปตามจุดสวยๆกันต่อไปค่ะ





===================================

ขี้เกียจทำบล๊อคซ้ำๆที่ไปแล้วค่ะ
เพราะมีสถานที่ไปใน Kawaguchiko ครบหมดแล้วค่ะ
เลยขอฝากรูปทริปเที่ยวกับเจ๊ลูกหมีไว้เป็นที่ระลึกในนี้หน่อย











ตอนที่ไปอากาศอุณหภูมิ 1 องศาค่ะ







ของประดิษฐ์อัฟเดทค่ะ
กระเป๋าใส่เศษสตางค์รูปทรงภูเขาไฟฟูจิ



แก้วพลาสติกชนิดหนาด้วยคุณภาพ
มีลายภูเขาไฟฟูจิ



อย่าลืมค่ะ มาคาวะกุจิโกะ ตรงสถานีรถไฟมีขนมโดราเอมอน
เรียกขนมนี้ว่า โดรายากิ แต่เอกลักษณ์ของที่นี่คือ
มีตราพิมพ์ตรงหน้าขนมเป็นภูเขาไฟฟูจิ
หากินได้ที่โซนเคาน์เตอร์อาหารของสถานีรถไฟและรถบัสที่เดียวกันค่ะ








 

Create Date : 06 มกราคม 2560    
Last Update : 9 มกราคม 2560 8:43:40 น.
Counter : 3113 Pageviews.  

เดินทางไป " Takaragawa Onsen " ( 19-20 Dec.2016) ประเทศญี่ปุ่น

ช่วงเดือนธันวาคม ถือว่าเข้าช่วงฤดูหนาวที่ญี่ปุ่น
มันน่าไปออนเซนจริงๆเลย มาญี่ปุ่นรอบนี้มีเจ๊ลูกหมี เพื่อนในพันทิป
อยากให้ป้าซิ่งแนะนำทางขึ้นรถไฟ ปรกติเจ๊ชอบมากับทัวร์

คราวนี้เจ๊เขาอยากให้ป้าซิ่งแนะนำทาง วิธีขึ้นรถไฟไปในสถานที่ต่างๆ
เจ๊แกหัวไวและฉลาด รับรู้การสอนจากป้าซิ่งได้เร็วมาก
จริงๆป้าซิ่งสอนคนนั่งรถไฟในญี่ปุ่นมาเยอะ เลยรู้จุดว่า
การสอนวิธีขึ้นโดยใช้คำพูดง่ายๆและ แผนผังบนราง
ป้ายบอกต่างๆ มันไปด้วยกันกันได้ และ การทรานซีทเปลี่ยนรถไฟ
และมีสิ่งที่ต้องชี้บอกอยู่ตรงหน้า มันเป็นเรื่องง่ายมากค่ะ





การเที่ยวรอบนี้กับเจ๊หมีในต่างประเทศเป็นครั้งแรก
แต่ในเมืองไทย จะไปกันสมัยเล่นในพันทิปตามต่างจังหวัดมีบ้างค่ะ
เลยรู้นิสัยกัน ป้าซิ่งจะเดินทางไปญี่ปุ่น เจ๊แกเลยขอตามมาด้วย
ตามใจป้าซิ่งว่าจะไปไหน เจ๊ลูกหมีขอตามไปด้วยทุกแห่ง
เพราะเจีมีโปรแกรมชีวิตอยากมาอยู่ญี่ปุ่นแบบวิถีชีวิตคนญี่ปุ่นค่ะ

แถมอยากจะมาเช่าอยู่บ้านป้าซิ่งที่ญี่ปุ่นด้วย
การเข้าประเทศญี่ปุ่นพำนัก 15 วัน เจ๊จะใช้ให้หมดในอนาคต
แต่ตอนนี้ป้าซิ่งมาญี่ปุ่น ก็เอาแค่อาทิตย์เดียวพอนะคะ
เพราะป้าซิ่งชอบเมืองไทยมากกว่า แต่มีบ้านพักที่ญี่ปุน
เลยให้เจ๊ลูกหมีเช่าวันละ 1,500 บาทต่อคืน
ถ้าจ่ายเงินญี่ปุ่นขอ 5,000 yen ต่อคืน
ขอเป็นตัวเลขที่คิดกันง่ายๆลงท้ายด้วยเลข 0 ล่ะกันค่ะ



การมาเที่ยวออนเซน เป็นอะไรที่ป้าซิ่งชอบมากๆค่ะ
ที่ " Takaragawa Onsen " เป็นอะไรที่ป้าซิ่งอยากมาก
แต่ไม่มาออนเซนคนเดียวแล้ว มันไม่สนุก มันเหงา ต้องมีเพื่อนมาด้วยดีกว่า
อย่างน้อยเริ่มตั้งแต่เดินทางด้วยรถไฟ กินข้าวในห้อง ลงแช่ออนเซนก็มีเพื่อนล่ะ
แต่สิ่งที่สำคัญเจ๊ลูกหมีมีตังค์ง่ะ อยากลองออนเซนลงกับป้าซิ่งสักครั้ง
เพราะเคยไปทัวร์เจ๊ไม่กล้าลง เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรเมื่ออยู่ในออนเซน
มีป้าซิ่งสอนให้หมดทุกอย่าง แกเลยหายห่วง
แต่อยากบอกว่าหลังจากที่เจ๊แกได้ลง เจ๊ติดใจและประทับใจมาก

สิ่งแรกอย่าไปตื่นเต้นกับการแก้ผ้ามาก
เราต้องทำใจ สิ่งที่ได้เห็นรูปร่างเป็นเรื่องของธรรมชาติ นะคะ
ส่วนป้าซิ่งก็ต้องออกตังค์เองนะคะ ไม่ได้ขอเจ๊หมี
แค่ดีใจที่ความฝันเป็นจริงแล้วเท่านั้นค่ะ

ค่าที่พัก เราเลือกห้องแบบมีอาหารเย็นเสิร์ฟถึงห้องพัก
มีห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ ภายในห้องพัก ห้องกว้างใหญ่ดี
ราคาอยู่ที่ 33,000 yenต่อคืน เราก็มาหารกันค่ะ
คนละ 16,500 yen
อาหารเช้าเป็นบุฟเฟ่ย์ลงไปกินชั้น 1

มีห้องพักลักษณะแบบไม่มีห้องอาบน้ำ ก็จะได้ราคาถูกลงมาอีกค่ะ
แล้ววันหน้าจะมาพักแบบห้องไม่มีห้องอาบน้ำดีกว่า
คิดแล้วคือ ไปอาบน้ำที่ออนเซนก็ได้
แต่จะไม่มีคนมาเสิร์ฟอาหารมื้อเย็นที่ห้องพัก
ต้องไปกินที่ห้องอาหารชั้นล่างค่ะ
อาหารเช้าเป็นบุฟเฟ่ย์ทานที่เดียวกันค่ะ

การเดินทางเราเริ่มมาขึ้นรถไฟ ชินคังเซน ที่สถานีรถไฟ Ueno
ป้าซิ่งได้ทำการจองซื้อตั๋วเตรียมไว้นานแล้วค่ะ
ค่ารถไฟจริงๆไม่ได้แพงมาก แต่ทำเรื่องจองที่นั่งให้ได้แน่นอน
เลยแพงขึ้นมาค่ะ รถไฟเปลั่ยนวันและเวลาได้ถ้ามีที่นั่งนะคะ



รถไฟชินกังเซนขึ้นที่สถานี Ueno ไปลงที่ Jomo-kogen
ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง เราไปกันวันที่ 19 ธันวาคม 2016
ด้วยรถไฟชื่อ Max Toki 315 นั่งรถไฟชั้นที่ 2 (รถไฟมีสองชั้นค่ะ)
นั่งโบกี้ที่ 5 ที่นั่ง 26 E ออกจากสถานีอุเอะโนเวลา 10:22 น.
ถึงสถานี Jomo-kogen เวลา 11:22 น.





พวกเราเห็นทางไปแล้ว แต่ยังไม่ได้กินอะไรมา แถมดันมาก่อนเป็นชั่วโมง
จะไปซื้อโอเบนโตะกินบนรถไฟ ก็ไม่เอาง่ะ เพราะอีกนานกว่าจะได้นั่งรถไฟ
เลยหาอะไรกินกันก่อนดีกว่า เลยเข้าร้านกาแฟและอาหารเช้า
ตำแหน่งร้านอยู่ไม่ไกลจากทางเข้าที่หยอดตั๋วนั่งชินกังเซนด้วยค่ะ




กินเสร็จยังมีเวลาเหลือเฝือค่ะ นั่งเล่นไวไฟกันต่อไป
รอได้เวลาอีกเป็นครึ่งชั่วโมง แล้วลงไปที่ชั้นล่างสุดของอาคาร
ไปที่ราง 19 เพราะรถไฟแม๊กซ์โตกิ 315 จะมาที่รางนี้ค่ะ



ระหว่างทางเดินและบนรางก็จะมีโอเบนโตะขายอยู่หลายร้าน
พร้อมทั้งร้านสะดวกซื้อเล็กๆบนอาคารและชานชาลา

















ตรงชานชาลามีเลขโบกี้รถไฟบอก



น้ำดื่มช่วงฤดูเทศกาลคริสต์มาส



รถไฟมาแล้ว ก็ขึ้นไปตามที่นั่ง ของเราต้องขึ้นบันไดไปอีกเพราะอยู่ชั้นที่ 2











ถ้าอยากเห็นฟูจิซัง ในระยะไกลหน่อยแต่ก็สามารถเห็นได้
ต้องนั่งฝั่งซ้ายมือค่ะ แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง
ส่วนขากลับอยากเห็นฟูจิซัง ก็ต้องนั่งฝั่งขวามือค่ะ










รถไฟมีจอดระหว่างทาง ก็จะมีเสียงบอก
และ มีตัวหนังสือวิ่งไฟฟ้าบนหน้าจอของรถไฟชินกังเซน






ถึงแล้วค่ะ สถานีรถไฟ Jomo-kogen



เดินออกมาตรง Information
มีแนะนำสถานที่เที่ยวในเมือง มินากามิ เป็นภาคภาษาไทยด้วยนะคะ




เจอะคนไทยมาด้วยกันอีก 2 คนเป็นผู้หญิงเช่นกัน
คุยกันถูกคอ แถมจะไปพักออนเซนเดียวกันด้วย
ต้องนั่งรถตู้บริการฟรีจากโรงแรมเที่ยวบ่ายโมงเหมือนกัน
มีเวลาอีกนานกว่าจะมา เลยไปหามื้อกลางวันกินด้วยกันค่ะ







หน้าสถานีรถไฟ เดินออกมาไม่ไกลมีร้าน โซบะกับอูด้ง
เราเดินไปกินพร้อมกันค่ะ ไม่รู่หรอกว่าร้านไหนอร่อยหรือไม่
แต่มาญี่ปุ่นก็อยากกินอาหารแนวพื้นเมืองของเขาล่ะกันค่ะ







หน้าร้านเขาก็มีผลหมาก ลูกพลับแห้ง และ ลูกแปะก๊วย ขาย
เอาความซื่อสัตย์วางใจ โดยให้ลูกค้าหยอดเหรียญใส่กล่องเมื่อต้องการของ
มีราคาบอกเสร็จสรรพ์ค่ะ





บรรยากาศภายในร้าน เป็นสไตร์ญี่ปุ่น ถูกใจจริงๆเชียวค่ะ
เดินเข้าไปก็ต้องถอดรองเท้าใกล้ๆที่นั่งทานอาหาร แบบขันโตก
บางส่วนเป็นโต๊ะเก้าอี้







ตามด้วย ชาร้อนๆและเมนูอาหารค่ะ





สั่งไปแล้ว รอแป๊บ ก็สักพักใหญ่ล่ะค่ะ
มีคนมาเสิร์ฟอาหารตามที่ต้องการแล้ว
ของป้าซิ่งเป็น อูด้ง คนเดียว
ส่วนอีก 3 คนกินแบบเดียวกันคือ หน้าเทมปุระ








ชำระค่าอาหารราคา 800-1,000 yenต่อชามค่ะ

ได้เวลาตามนัดขึ้นรถตู้ไป " Takaragawa Onsen " แล้วค่ะ
มีรถตู้รับและส่งฟรี เพื่อพาไปยังสถานที่ด้วยระยะเวลา 50 นาที
มาช่วงนี้เผอิญมีหิมะที่ตกไปแล้ว ยังคงเหลือซากหิมะให้เราดูได้บ้าง





รถมาจอดรอรับลูกค้า มีประมาณ 3 คันได้
ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นคนญี่ปุ่น
คนไทย และ คนต่างชาติพวกฝรั่ง เกาหลี ประมาณนั้นค่ะ

เมื่อไปถึงที่ออนเซนก็ทำการเช็คอิน และ
เลือกชุดยูกะตะและชุดคอกระเช้ายาวถึงเข่าสำหรับผู้หญิง
เพราะมีบ่อแร่บ้างส่วนเป็นส่วนรวมคือลงแช่ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง









ส่วนบล๊อคบรรยากาศภายในที่พัก Takaragawa Onsen
ป้าซิ่งขยายบล๊อคให้อีกบล๊อคต่างหากแล้วนะคะ
อยู่บล๊อคล่างถัดไปค่ะ
ส่วนเรื่องอาหารการกินของออนเซนแห่งนี้
รอไปอีกหน่อยนะคะ ขอเวลาย่อรูปก่อนค่ะ

ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะคะ

อ๋อ บอกขากลับ ป้าซิ่งจองตั๋วรถไฟรอบบ่ายโมง
เพราะกลัวสถานการณ์การเดินทางออกจากที่พัก
ถ้ามีหิมะลงจะออกมาช้า เลยจองไปตอนบ่ายโมง
แต่ตอนออกมาถึงไม่มีปัญหาอะไรมาก มาถึงสถานีรถไฟเร็ว
เลยทำการเปลี่ยนตั๋วให้ได้กลับเร็วขึ้นค่ะ
เลยได้รอบรถไฟจาก Jomo-kogen 10:30
ไปถึงสถานี Ueno เวลา 11:54 น.







ด้วยรถไฟสาย Max Tanigawa 408
ขึ้นนั่งที่ชั้นที่ 2 โบกี้ 6 ที่นั่ง 30 B
วันที่ 20 ธันวาคม 2016






 

Create Date : 01 มกราคม 2560    
Last Update : 2 มกราคม 2560 7:17:22 น.
Counter : 4751 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  
 
 

ป้าซิ่ง Naomichan
Location :
นนทบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 70 คน [?]




........หลังไมค์ถึงป้าซิ่งค่ะ.........
[Add ป้าซิ่ง Naomichan's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com