ไปเที่ยว ไปกินกันนะคะ ขอบคุณสำหรับเพื่อนๆทุกท่านที่แวะชมค่ะ
 

ช๊อปอาหารและของฝากที่ญี่ปุ่นกลับไทย(6/Feb./2013) JAPAN

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2013 วันนี้เป็นวันที่ญี่ปุ่นแถบไซตามะและโตเกียวหิมะตก
ป้าซิ่งเลยไม่ได้ออกไปเที่ยวที่ไหนไกลจากบ้าน
เลยนั่งรถไฟไปเดินดูโน้น ดูนี่เล่น Koshigaya-Laketown
ไม่ได้เอากล้องไปด้วย แต่ขากลับมาโพสรูปของข้าวที่ซื้อมาที่บ้านค่ะ

ชุดซับในหรือลองจอนส่วนบนแขนยาวที่ร้าน Uniqlo ตัวละ 700 yen 2 ตัว





เสื้อสนุ๊ปปี้ให้ลูกโรบิน ราคาตัวละ 790 yen





เสื้อผ้าไหมญี่ปุ่นใส่ได้ 2 ด้าน อีกด้านคอวี อีกด้านคอกลม ลด 50%
จากราคา 6,000 กว่าเยน ลดเหลือ 3,000 กว่าเยนนิดๆค่ะ



ขนมเคี้ยวหนึบ โมจิ และ ลูกอม ถุงหนึ่งตกประมาณ 105-120 yen



สตอเบอรี่มัมมาลอน นุ่มเนียนสอดไส้สตอเบอรี่



โมจิสอดไส้รสส้ม



ลูกอมรสนมและลูกอมรสสตอเบอรี่



ลูกอมนมรสสตอเบอรี่และลูกอมรสส้มยุซึญี่ปุ่นผสมน้ำผึ้ง
แก้หวัดและทำให้ลำคอชุ่มชื่้น



ลูกอมเคี้ยวหนึบสีรุ้ง



อัลมอนด์กับปลาแห้งในซอง กับ แอ๊ปเปิ้ลพายกรอบ





อาหารเด็ก มี 22 ซอง น้องกล้วยฝากซื้อให้ลูกสาวกานพลู
ทั้งหมด 2,240 yen



สาหร่ายแห้ง ไปทำสลัดและซุป ได้ตามใจ แต่ต้องนำไปแช่น้ำก่อนค่ะ



คาราอาเคะ มีซองน้ำซอสหมักไก่อยู่ภายใน และ แป้งคลุก ค่ะ
ป้าซิ่งต้องยกให้แบบนี้อร่อยสุด ทำก็ง่ายด้วย



อูด้งชนิดสดใหม่เส้นนิ่ม แบบนี้จะหมดอายุเร็วกว่าอูด้งชนิดที่แพ็คเป็นเส้นแข็ง



ผงซุปปรุงรสทำน้ำซุปอูด้ง



ก้อนซุปแกงกะหรี่และผงครีมชีส



ซอสไข่ปลาทาระโกะ ราดบนสปาเก็ตตี้สุดอร่อย ทำก็ง่าย ซื้อมา 10 ซอง
เป็นของฝากที่ถูกใจใครหลายคนค่ะ



โมโรมิ มิโซะ เป็นมิโซะหมักกับถั่ว
เอาแตงกวาลอกผิวออก หั่นแบ่งครึ่งตามยาวของผลแตงกวา
สำหรับแตงกวาถ้าหาแตงกวาญี่ปุ่นในซุปเปอร์เมืองไทยได้ยิ่งดีค่ะ
เพราะเวลากินจะกรอบหวาน อร่อย
จากนั้นคว้านเมล็ดออก หั่นแตงกวาให้ได้พอคำ
แล้วนำโมโรมิ มิโซะ ตักใส่ส่วนช่องว่างที่เราคว้านเมล็ดออกไป
แค่หนึ่งช้อนชา



นมหลอด ทั้งรสนม และ รสช๊อคโกแล๊ต
ไปราดบนสตอเบอรี่สด หวานอร่อยดีค่ะ



แพ็คซองน้ำแกงกะหรี่ญี่ปุ่น 1 แพ็คบรรจุ 4 ซอง
เพียงนำซองแกงกะหรี่ไปใส่ในน้ำร้อนที่ต้มเดือด



ผงซุปไดชิ นำไปปรุงรสหรือใส่ในน้ำแกง



ผงโรยขนมปัง โรยแล้วกินได้ทันที รสวานิลลา และ ซินนามอล



ถุงเท้า 3 คู่ 1,050 yen







 

Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2556    
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2556 7:35:57 น.
Counter : 12240 Pageviews.  

ไปค้างคืนคนเดียวที่ฮาโกเน่(Musashiya Hotel)(7/Feb./2013)JAPAN

ป้าซิ่งไปเที่ยวไม่มีแบบแผนว่าจะไปวันไหน? เมื่อไหร่?
แต่ขอให้ในวันนั้นมีแดด ไม่มีฝนตก ไม่มีหิมะ โอเคแล้วค่ะ
จริงๆอยากไปวันที่ 6 กุมภาพันธ์เพราะว่าว่าง แต่ดันฝนตกแถมหิมะก็ตก

เพราะช่วงเดือนกุมภาพันธ์มีทั้งหิมะและฝน บางครั้งมีพายุ เราเลยไม่จองที่พัก
เรียกว่าวันไหนอากาศดีก็ไป แต่ต้องไปในวันธรรมดา เราจะได้ที่พักค่ะ
พยากรณ์อากาศในหน้าหนังสือพิมพ์ญี่ปุ่น ที่แม่นยำมากๆ



ป้าซิ่งออกจากบ้านแถวคาวากุจิ เดินทางไปลงที่สถานีชินจุกุ
แล้วเดินหาเส้นทางเดินรถไฟของ Odakyu-line












จากสถานีชินจุกุไปฮาโกเน่ ต้องเปลี่ยนสถานีที่ Odawara
ซื้อตั๋ว 850 yen ใช้เวลานั่งไปถึงจุดหมาย หนึ่งชั่วโมงครึ่งค่ะ





ที่สถานีรถไฟของ Odakyu-line วันนั้นตามตารางเวลารถไฟ
ขึ้นรางที่ 5 ออกจากสถานีชินจุกุ ออกเวลา 10:01 น.
ถึงโอดาวาราประมาณ 11:30 น. เปลี่ยนสายที่โอดาวาร่า(Odawara)
ต่อจากนั้นไปลงที่ ฮาโกเน่ - ยูโมโตะ( Hakone-Yumoto)
ไปจ่ายเพิ่มเมื่อถึงสถานีก็ได้ค่ะ จ่ายเพิ่มไปอีก 300 yen เป็นรถไฟสีแสด









ถึงแล้วสถานีโอดาวาร่า ตรงพื้นรางรถไฟมีสัญญลักษณ์เป็นรูปโคมไฟ





ป้าซิ่งตั้งใจที่มาลงฮาโกเน่ -ยูโมโตะก่อน
เพราะที่มีเรียวกังหรือโฮมสเตย์เยอะค่ะ แล้วมีออนเซนให้เลือกหลายที่
ที่ยูโมโตะเป็นสถานีใหญ่ มีจุด Information บริการติดต่อที่พักให้ด้วย

เปลี่ยนสายที่โอดาวาร่า ต่อไปที่ Hakone - Yumoto ที่รางที่ 11











ถึงแล้วค่ะสถานี Hakone - Yumoto







ถึงสถานีขึ้นบันไดไปจ่ายเพิ่ม 300 yen แล้วออกทางซ้ายมือมีบันไดเลื่อน
แล้วมองหา information ที่อยู่แถวบริเวณปลายบันไดเลื่อนพอดี
มีจุดแท๊กซี่และรถขึ้นเขาไปตามสถานที่ต่างของฮาโกเน่





คราวนี้ก็ต้องเข้าไปพูดคุย ว่าเราต้องการที่พักซักคืน ว่าให้ช่วยแนะนำให้หน่อย
เอาแบบที่พักมีเสื่อตาตะมิ เห็นวิว สำคัญเห็นวิวสวยๆ มีออนเซนด้วยค่ะ

พนักงานอธิบายว่า ถ้าต้องการออนเซนแถวยูโมโตะก็จะง่ายแต่ไม่มีวิวสวย
พนักงานเลยไปหยิบโบชัวร์ที่พักโรงแรมมา 2 อันตามที่เราอธิบายอยากพักแนวที่กล่าวมา
ที่พักวิวสวยต้องไปแถว Lake Ashi อยู่ที่ โมโตะฮาโกเน่ (Motohakone)
ต้องนั่งรถบัสขึ้นไปอีก นั่งรถไปเสียค่าใช้จ่ายบนรถเอง 930 yen
โบชัวร์อีกอันที่พักเป็นเตียง ไม่เห็นวิว เราไม่ชอบ

ชอบโบชัวร์โรงแรม "Musashiya Hotel "
พนักงานบอกว่าสามารถมองเห็นวิวทะเลสาป และ เรือไวกิ้ง
มีออนเซน มีเสื่อตาตะมิ มีอาหารเย็นวันนี้ และ อาหารเช้าของวันพรุ่งนี้
รวมอยู่ในราคาทั้งหมด 15,900 yenต่อคน





แผนที่เดินทางไปโรงแรม โดยนั่งรถบัสไปลงย่านที่มีโรงแรมแถวทะเลสาป
โดยเริ่มนั่งที่รถบัสฮาโกเน่ยูโมโตะไปประมาณ 45 นาที ขึ้นรถที่ช่อง 2
มีเวลารถออกเสร็จสรรพ์
ป้าซิ่งเห็นมีตารางเวลารถอยู่เยอะ อีกทั้งยังโรงแรมต้องเช็คอินตอนบ่ายสองโมง
นี่แค่บ่ายโมงเลยหาอะไรกินก่อนไปถึงโรงแรมดีกว่า



เห็นปริ๊นท์ ราคาชื่อเราเสร็จเรียบร้อย นึกว่าจ่ายที่เคาเตอร์ Information
พนักงานบอกที่นี่มีแต่แนะนำเท่านั้นค่ะ
เงินค่าที่พักต้องไปจ่ายที่โรงแรมเอาเองตอนเช็คอิน
เราขอบคุณพนักงานเสร็จ ก็ออกเดินหาอะไรกินตอนมื้อเที่ยงดีกว่า
แถวนี้มีร้านอาหาร และ ตลาดซื้อของฝากเพียบอยู่









ป้าซิ่งเลยเดินโต๊เต๊ไปเรื่อย ได้ที่เหมาะ
ร้านอะไรไม่รู้ แต่รู้ว่าหน้าตาอาหารแบบนี้ ราคาไม่แพง ก็หิวแล้วจ้าาาาา...









ได้กินซะที ว่าแล้วก็ขอให้แรงงานญี่ปุ่นถ่ายรูปให้ป้าซิ่งหน่อยค่ะ




อาหารมื้อเที่ยงของป้าซิ่งคือ อุด้งซีฟู๊ด มีหมด หอย ปู กุ้ง ปลา
อร่อยดีค่ะ







กินเสร็จ จ่ายตังค์ แล้วเดินย้อนกลับไปทางเดิม เพราะรถบัสจอดอยู่
แถวที่เคาน์เตอร์ Information นั่นเองค่ะ
ไปถึงช่องที่ 2 มีคนรอคิวเยอะอยู่เหมือนกันค่ะ











ถึงป้ายรถเมล์ก็เดินหาโรงแรม โรงแรมมูชาชิยะ (Musashiya hotel)
ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามแค่นี้เองหาไม่ยากค่ะ













ที่พักเป็นโรงแรมพื้นเสื่อตาตะมิ มีอยู่ 5 ชั้น ชั้นบนสุดคือชั้นที่ 5
เป็นห้องออนเซน แช่ไปเห็นวิวทะเลสาปไป เป็นรูปพาโนราม่า งดงามค่ะ
ส่วนห้องที่ป้าซิ่งพักอยู่ชั้นที่ 4 เป็นห้องที่เห็นวิวทะเลสาป Lake ashi
และเรือไวกิ้ง ทั้งเย็นและเช้าเป็นพระอาทิตย์ตกในตอนเย็นและขึ้นในตอนเช้า















โต๊ะเครื่องแป้งแบบญี่ปุ่น







ตู้เสื้อผ้า ก็มีชุดยูกะตะ เปลี่ยนไปออนเซนพับเรียบร้อยรออยู่
มีตู้เชฟใบเล็กๆเก็บของมีค่าอยู่ด้านล่าง




ห้องน้ำจะเป็นห้องน้ำรวมทั้งเปียกและแห้งอยู่ห้องเดียวกัน




คุณป้าผู้หญิงคนนี้เรียกว่า " Nakai san "
เป็นผู้หญิงที่มาบริการตั้งแต่ป้าซิ่งเข้าห้อง รินน้ำชาเขียวอุ่นๆ
เสริฟอาหารมื้อเย็น และ ปูที่นอน ยันตอนเช้าของมื้ออาหารมื้อเช้าค่ะ








ตรงนี้ชอบจังค่ะ เห็นวิวเรือไวกิ้งด้วย ดูเพลินเลย









ถ่ายรูปด้วยระบบออโต้คนเดียว เหงาจังวุ้ย!!




มีเครื่องนวดด้วย แต่ไม่ได้ใช้



ไปเลียบๆเคียงๆขึ้นไปชั้น 5 ดูลาดราวห้องออนเซนก่อนดีกว่า
เพราะวันนี้เป็นวันธรรมดาคนไม่มีในช่วงบ่าย เป็นวันที่พายุแรงด้วยม้าง?
ในห้องออนเซนไม่มีคน เลยได้เอากล้องไปถ่ายรูปมาได้ด้วยค่ะ
ปรกติเขาจะไม่ให้ถ่ายนะคะ หากมีคนมาใช้บริการอยู่ในออนเซน

ไปถึงชั้น 5 มีห้องแบ่งฝั่งชายและฝั่งผู้หญิง



ป้าซิ่งเป็นหญิงก็ต้องเข้าออนเซนฝั่งผู้หญิง
เดินเข้าไปเห็นทางซ้ายมือมีตะกร้าใส่เสื้อผ้าของใครของมัน
ทางด้านขวามือซึ่งมีทางเดินตรงกลาง ก็จะเป็นโต๊ะเครื่องแป้งไว้บริการค่ะ







แอบเข้าไปดูห้องออนเซนกันดีกว่า บรรยากาศสุดยอดเพราะเห็นวิวทะเลสาป
มีโซนออกไปแช่น้ำร้อนข้างนอกด้วย
มีแชมพู ,ครีมหมักผม และ ครีมอาบน้ำ ของ DHC ให้ใช้บริการฟรี























แอบดูเสร็จ ก็ออกไปเดินเล่นข้างนอกดีกว่า ว่ามีอะไรอยู่รอบๆโรงแรมบ้าง
ไปท่าเรือไวกิ้ง เสียค่าบริการ 1,000 yen แต่วันนั้นงดบริการเดินเรือ
เพราะพายุแรง และ คลื่นแรง ทั้งเรือเล็ก เรือใหญ่ หยุดกันหมด
บรรยากาศดูเงียบเหงามากเลย





















ท่าเรือ อยู่ที่เดียวกันกับท่ารถบัส และ มีร้าน seven-eleven อยู่ฝั่งตรงข้าม
ทั้งหมดนี้อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมพัก เดินไปแค่เพียง 5 นาทีค่ะ















ซื้อของใช้ กาแฟสำเร็จรูป และ ของหวาน และ ขนมขบเคี้ยว แล้วน้ำดื่ม





กินถั่วแระญี่ปุ่น ดูวิวไป แทะไป เพลินดีค่ะ








นอนเล่นดูทีวีไปซักพัก ก็ไปแช่ออนเซนดีกว่า
เพราะนัดทานมื้อเย็นตอน 18:30 น.
เพราะคุณป้า Nakai san ( พนักงานบริการ) จะต้องยกอาหารเย็นมาที่ห้อง





ได้เวลาอาหารมื้อเย็นแล้ว อาหารมีเพียบ กินคนเดียวอิ่มมากๆเลยค่ะ
ภาพแบบนี้สไตร์ญี่ปุ่นที่ป้าซิ่งต้องการมากๆ ประทับใจมากด้วย














กินซะท้องแทบแตก บรรจุในกระเพาะไว้ไม่หมด เสียดาย อร่อยๆทั้งนั้นค่ะ

ซาชิมิ



ปลาแซมมอลย่าง ถูกพาดด้วยขิงดอง



ปลาหมึกหิ่งห้อย หรือ Hotaru ika




เต้าหู้นึ่งราดซอส



หอยเซลล์นึ่ง



เนื้อวัวย่างแบบมีเดียม



เทมปุระ



ชาบู ชาบู



ผักดอง



ข้าวสวยญี่ปุ่นใส่โถเสริฟ ตักกินได้ตามใจค่ะ



ตบท้ายด้วยของหวาน คือ โมจิที่อยู่ในถั่วแดงกวน



คืนนี้เราอิ่ม นอนสบาย อยู่คนเดียว โอยา สุมิ นาไซ ค่ะ






อาหารเช้าในวันรุ่งขึ้น ดูที่บล๊อคด้านล่างนะคะ
ขอบคุณค่ะ




 

Create Date : 20 กุมภาพันธ์ 2556    
Last Update : 20 กุมภาพันธ์ 2556 9:19:04 น.
Counter : 8943 Pageviews.  

ไปดูปิกัสโซ(Picasso)ที่ฮาโกเน่(HAKONE)at JAPAN (8/Feb./2013)

วันนี้เรายังอยู่ที่โมโตะฮาโกเน่(Moto Hakone)Musashiya Hotel
ตื่นขึ้นมาแต่เช้ามองดูวิวเรือไวกิ้งยังจอดอยู่ที่ท่าเหมือนเดิม
ขึ้นไปชั้นที่ 5 ไปแช่ออนเซนให้สะใจ เรียกว่าไม่อาบน้ำในห้องพัก
เรามาเพื่อลงออนเซนโดนเฉพาะ
ร่างกายเราผ่อนคลายกล้ามเนื้อดี สบายๆ ค่ะ







หลังจากนั้นเราก็เตรียมตัวแต่งตัวไปทานอาหารเช้าของโรงแรมซึ่งอยู่ชั้น 2
พนักงานถามชื่อเราเสร็จก็พาไปที่นั่ง
ที่มีป้ายชื่อเราไว้ที่โต๊ะรับประทานอาหาร ไปคนเดียวก็นั่งคนเดียวนั่นแหละ






















ของหวานและชาเขียวร้อนในกา รินได้ตามใจ




กินเสร็จกลับเข้าห้อง แล้วไปเช็คเอ๊าท์ออกจากโรงแรมเพื่อไปท่ารถ
ที่อยู่ไม่ไกลเดินไปแค่ 5 นาที เพื่อขึ้นรถช่องที่ 1
ไปลงที่ Kowakidani ประมาณ 20 นาที จ่ายไป 560 เยน
ตั้งใจไปดู " The Hakone open-air museum "
ซึ่งอยู่ที่สถานีรถไฟ Chokoku no Mori





ลงจากรถบัส ก็เดินมาที่ป้ายรถไฟที่สถานี Kowakidani
เพื่อนั่งไปลงป้าย Chokokunomori อีกป้ายเดียว ซื้อตั๋วรถไฟ 130 เยน












เดินไปอีกนิดออกทางซ้ายมือของสถานีก็ถึง The Hakone open-air แล้ว
มีสัมภาระก็ฝากไว้ในล๊อคเกอร์ ค่าเก็บหยอดไปแค่ 100 เยน
แล้วก็ไปซื้อตั๋วผ่านประตูราคาสำหรับเราที่เป็นผู้ใหญ่ 1,600 เยน







ตู้ล๊อคเกอร์ใสเห็นสัมภาระที่จุอยู่ภายในเลยค่ะ





ซื้อตั๋วเข้าภายในพร้อมตราประทับปิกัสโซ
พร้อมโบชัวร์และแผนที่ พนักงานจะถามว่าต้องการภาษาใด
เพราะมีอยู่ 4 ภาษา คือ ภาษาญี่ปุ่น, อังกฤษ, จีน และ เกาหลี







ส่วนตัวนับว่าคุ้มกับการเข้าชมศิลปะสุดยอด ไม่ได้มีแต่เฉพาะปิกัสโซ
มีทั้งศิลปินคนญี่ปุ่น และ ทั่วประเทศนำรูปปั้น
และสิ่งประดิษฐ์มาลงในสถานที่กลางแจ้ง ได้ดู ได้ชม
พร้อมกันนั้นบางครอบครัวมีลูกมีเด็กมา
ก็สถานที่เล่นของเด็กเล่นโดยเฉพาะอีกต่างหากค่ะ

ทางผ่านประตูต้องลงบันไดเลื่อนซึ่งยาวลงไป
สถานที่มิวเซียมนี้ อยู่ระดับพื้นดินตอนล่างหรือนี่?















ไปคนเดียว เลี้ยวซ้ายแลขวาไม่มีใคร เพราะดันมาแต่เช้า
เลยต้องตั้งโหมดถ่ายอัตโนมัติ ถ่ายไว้เป็นที่ระลึกซะหน่อย ตรงนี้ชอบค่ะ












ในก้อนเพชรนี้เด็กๆสามารถเข้าไปเล่นได้ด้วยนะคะ




บางโซนเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจได้ด้วย
บรรยากาศเหมือนเนื้อที่ป่า สงบเงียบ มีลำธาร มีเสียงน้ำไหลหลาก
มีปลาคราฟ และ สะพานเชือก รอบข้างสะอาดตา






























สถานที่ซุ้มตะข่ายนี้ เด็กๆสามารถเข้าไปโหน เข้าไปปีนป่ายได้ค่ะ
แต่ต้องมีอายุอย่างต่ำ 12 ปีเท่านั้น อายุมากกว่านี้ห้ามเล่นนะคะ
ป้าซิ่งชอบจัง สีตะข่ายสวยถูกใจ ประดิษฐ์ได้เก๋และเท่ห์ดี
















มาถึงโซนของอาคาร 2 ชั้นเป็นเนื้อที่ส่วนของปิกัสโซแล้วค่ะ
ถ่ายได้นิดเดียวด้านนอก พอเข้าด้านในมิวเซียมแล้ว
พนักงานบอกห้ามถ่ายรูป
ก็เลยต้องดูด้วยตาและเก็บความทรงจำไว้นะคะ















อาคารแสดงผลงานบางส่วนของปิกัสโซที่ฮาโกเน่ ประเทศญี่ปุ่น
ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพราะมีสิ่งสำคัญครบรอบอยู่ 3 สิ่งในญี่ปุ่นค่ะ

The Picasso pavilion opened on July 7,1984
It was founded in commemoration of the 50th anniversary
of the Sankei shimbun newpaper,
The 30th anniversary of Nippon Broadcasting System,Inc.,
and The 25th anniversary of Fuji Television Network,Inc.

บรรยากาศภายในอาคารสงบเงียบ เพราะคุณต้องปิดมือถืออีกด้วย
มีรูปถ่ายสมัยที่ปิกัสโซกำลังทำผลงาน
ภาพวาดของภรรยาของปิกัสโซคนที่ 2 ทั้งหมด 18 ภาพที่ดิฉันชอบ
เพราะภาพมันเหมือนกัน
เพียงแต่ลายเส้นและดวงตาที่แสดงอารมณ์จะไม่เหมือนกัน

ป้าซิ่งเดินออกมาจากโซนปิกัสโซแล้วก็ มาที่โซนขายของที่ระลึก
ตรงนั้นมีที่นั่งดื่มกาแฟด้วย เลยได้ซื้อแก้วกาแฟ กับ ช้อน และ ส้อม อิๆ







แก้วเซรามิคพวกนี้ เป็นผลงานของวาดของคนญี่ปุ่น มีหลายคนเลยค่ะ







อย่างแก้วที่มีภาพวาดที่เหมือนกัน แต่สีไม่เหมือนกันก็เป็นของคนนี้ค่ะ





ส่วนป้าซิ่งถูกใจใบนี้ค่ะ สีสวยด้วย มีชื่อ Picasso

















พาไปเดินข้างนอกของคาเฟ่หรือร้านขายของที่ระลึกกันต่อดีกว่า









มีบริการแช่เท้าด้วยน้ำอุ่น นั่งเรียงกันเป็นทางยาว ซื้อผ้าเช็ดเท้าก็ 100 yen





เดินไปดูอาคารทรงกระบอก มีบันไดวน มีแสงสีของแก้วผลึก













เดินลงจากบันไดเสร็จ ก็เดินดูสิ่งประติมากรรมกลางแจ้งกันต่อไปค่ะ
































สิ่งประติมากรรม หุ่นผู้ชายเป็นสีดำ ผู้หญิงเป็นสีส้ม





ภาพรวมกลางแจ้ง










ใกล้ทางเข้าและออกมีสถานที่เด็กเล่นอีกที ต้องถอดรองเท้าเล่น



ถึงทางออกมีบันไดเลื่อนขึ้นไป พอถึงก็เจอะร้านขายของที่ระลึกอีกแร๊ะ



ลากสัมภาระออกจากล๊อคเกอร์เสร็จ ก็เดินกลับไปที่สถานีรถไฟ Chokoku no mori
คราวนี้ลากยาวไปลงที่ Hakone-Yumoto ซึ่งเป็นที่สิ้นสุดของสถานี
เส้นทางธรรมชาติ ป่าเขาลำเนาไพร สวยดีในญี่ปุ่น










มีอุโมงค์รถไฟมืดด้วย ได้บรรยากาศกลัวๆอีกต่างหาก



พอถึงสถานีรถไฟ Hakone-Yumoto
รถไฟโรมานซ์จะไปชินจุกุ
มาจอดเทียบรอผู้โดยสารพอดี เพราะอีก 3 นาทีก็จะออกตอน 12:47 น.
วิ่งหน้าตั้งไปซื้อตั๋ว 870 yen
มีที่นั่งประจำระบุพร้อมในตั๋ว ไปถึงก็หาที่นั่งตามที่ระบุไว้ในตั๋ว








จังหวะพอดีอาหารเที่ยง เลยได้ซื้อปิ่นโตกินบนรถไฟ เขามีขายบนรถไฟ
เลือกกินกล่องน่ารักแบบรถไฟโรมานซ์แล้วกัน ราคากล่องละ 1,000 yen
ตบท้ายด้วยไอศครีมส้มเชอร์เบท บรรจุในลูกส้มของจริง
และน้ำแอปเปิ้ล อ่านหนังสือฆ่าเวลาไปอีก 1 ชั่วโมง กว่าจะถึงสถานีชินจุกุ





มีที่วางของกินเสียบอยู่ด้านข้าง เหมือนนั่งเครื่องบินตอนหน้าค่ะ









ภายในกล่องรถไฟ อาหารก็จะเป็นข้าวผัดซอสมะเขือเทศสไตร์อเมริกัน
มีไส้กรอก และ ไก่ชุปแป้งทอด หรือคาราอาเกะ




เชอร์เบสรสส้มที่อยู่ในลูกส้มญี่ปุ่นยูซึ
คนญี่ปุ่นมักนิยมนำเปลือกส้มมาหั่นแล้วใส่ถุงตะข่าย
มัดปากถุงให้เรียบร้อย แล้วไปโยนในอ่างอาบน้ำในบ้าน
แช่น้ำไป.............กลิ่นส้มจะลอยมาปะทะจมูก
เขาว่า...กันและแก้โรคหวัดได้ชะงักนักค่ะ (โรคหวัดจะมาเยี่ยมตอนหน้าหนาว)
บางทีตามออนเซนต่างๆ ก็อาจจะเจอะลูกส้มลอยตุบป่องในออนเซนกันบ้างค่ะ



บล๊อควันหน้า ป้าซิ่งจะพาไปเที่ยวออนเซนที่ฮาโกเน่ เดินทางมาพักคนเดียว
มาอ่าน มาอยู่เป็นเพื่อนป้าซิ่งด้วยกันนะคะ




 

Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2556    
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2556 10:02:30 น.
Counter : 4316 Pageviews.  

นัดเพื่อนคนไทยที่ญี่ปุ่นแต่งชุดกิโมโนมาทานอาหารมื้อเย็นกับป้าซิ่ง at JAPAN(9/Feb./2013)

เมื่อวันเสาร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นัดกับเพื่อนไม่สาวคนไทย
มาทานอาหารมื้อเย็นที่โตเกียว ที่ร้าน Momiji ใกล้สถานีรถไฟ Ebisu

ร้านอยู่ชั้นที่ 5 กินมื้อนี้ป้าซิ่งอยากได้ที่นั่งแบบสไตร์ญี่ปุ่น
กินแบบญี่ปุ่นและอาหารญี่ปุ่นเท่านั้น เพื่อนคนนี้ก็เลยจัดให้
เธอจัดหาร้าน และ เธอเซอร์ไพซ์ด้วยการแต่งชุดกิโมโนเต็มยศ
ที่เธอไปร่ำไปเรียนมาจากสำนักผูกกิโมโนเก่าแก่มาโดยเฉพาะ
เพื่อเป็นแนวทางในปัจจุบันและอนาคตของเธอเอง

เธอเล่าความว่า คนญี่ปุ่นน้อยคนมากที่จะแต่งชุดกิโมโนเป็น
เพราะถ้าหากไม่มีฐานะที่ต้องแต่งชุดกิโมโนออกสังคมอยู่บ่อยครั้งก็จะไม่ไปเรียน
อีกอย่างพ่อแม่ที่มีฐานะร่ำรวย ยึดติดมารยาทอันดีงามของญี่ปุ่น
ก็จะส่งลูกสาวไปเรียนวิชาแต่งชุดกิโมโนนี้ให้ได้
เพื่อที่จะออกงานไปไหน เธอจะได้แต่งชุดกิโมโนได้ด้วยตัวเอง

แต่สำหรับเพื่อนของป้าซิ่งคนนี้ เธอไปเรียนเพราะเธอเป็นอาจารย์สอน
ภาษาญี่ปุ่นให้กับนักเรียนต่างชาติที่อยากมาเที่ยว
มาเรียนภาษาญี่ปุ่นชนิดแบบกวดวิชา
แต่แบบฉบับของเธอแค่เป็นการ การเที่ยวที่ได้ภาษาไปด้วย
แบบนี้ไม่ได้มีในโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่น
จะไม่มีใบประกาศศนียบัตร

สำหรับคนไทยก็มีให้เธอสอนและเป็นที่ปรึกษาอยู่เหมือนกัน
คนที่มาเรียนเป็นคนไทยที่ทำงานในญี่ปุ่นบ้าง
แม่บ้านที่มีเวลาบ้าง เด็กนักเรียนไทย และ
คนไทยที่ต้องการไปเที่ยวและต้องการเรียนภาษาญี่ปุ่นไปด้วยก็มี
ที่พักก็มีให้ แต่คุณต้องเสียค่าใช้จ่ายที่พักเองแต่ไม่แพงค่ะ
สำคัญพาเที่ยวด้วย
แต่ต้องขอวีซ่าท่องเที่ยวกันมาเองนะคะ ทางโรงเรียนไม่ได้จัดการให้
เรียนแค่วันละ 3 ชั่วโมง สามารถเลือกเรียนภาคเช้าหรือบ่ายก็ได้ค่ะ
เธอไม่ได้สอนคนเดียว มีอาจารย์ท่านอื่นด้วย และ คนชาติอื่นที่อยากเรียนภาษาญี่ปุ่นก็มี ไม่เฉพาะแต่คนไทยเท่านั้น

สำหรับภาพของเธอ ป้าซิ่งได้ขออนุญาติมาโพสลงเรียบร้อยแล้วค่ะ



นัดกันแถวสถานีเอะบิสุ หน้าร้านดอกไม้



แล้วก็ออกหาร้านไปด้วยกัน ที่ตั้งร้านเดินออกจากสถานีรถไฟแค่ 2 นาทีก็ถึง







เห็นหางกิโมโนเข้าลิฟไปไวๆ



ถึงชั้นที่ 5 แล้ว









สาวญี่ปุ่นคนนี้คือพนักงานต้อนรับค่ะ เธอแต่งชุดยูกะตะนะคะ



บรรยากาศของร้านที่นั่งแคบๆ มีการตกแต่งแบบทันสมัยเข้าร่วมด้วยเหมือนกัน





หน้าห้องน้ำก็เป็นภาษาญี่ปุ่น เปิดเข้าไปนึกว่าอาจจะเจอะส้วมหลุม
โชคดีไปเป็นที่นั่งชักโครก มีปุ่มฉีดแบบทันสมัย ไม่เสียชื่อสถานีรถไฟ



ส่วนเมนูเห็นแล้วมีแต่ภาษาญี่ปุ่น ขอโบกมือและส่งไปให้เธอสั่ง
เพราะเธออ่านเก่งอยู่แล้ว ป้าซิ่งบอก เป็นหน้าที่ของเธอแล้วล่ะค่ะ
แล้วมาปรึกษาป้าซิ่งก่อนว่าจะเลือกคอร์สกินไหนดี?





เราเลือกมีเมนูแบบกินได้สองคน คนละ 2,500 yen
เครื่องดื่มสั่งได้คนละ 3 แก้ว เสียเท่าไหร่ไม่รู้ (ลืมแล้วล่ะ)
และขอสั่งซาชิมิเพิ่มอีก 1 จานเป็นการจ่ายเพิ่มอีกต่างหาก
มื้อนี้ทั้งหมด 8,500 yen มื้อนี้ป้าซิ่งขอเลี้ยงเองนะคะคุณเพื่อน
เพื่อนอุตส่าห์แต่งชุดกิโมโนมาเต็มยศแบบนี้
เรียกเซอร์ไพซ์จนป้าซิ่งยิ้มแก้มปลิ วันนั้นเธอก็สดใส มีความสุข
ป้าซิ่งเห็นเพื่อนแล้วดีใจเธออยู่ดีมีสุข เราก็สุขใจไปด้วยเมื่อเห็นกับตา



เครื่องดื่มแก้วแรกมา"คัมปาย"กันค่ะ



ตามด้วยออเดิฟ รสอร่อย
มีเจลลี่มิโซะปู ,เต้าหู้อ่อนราดน้ำซอส และ ปลาย่างกับไซเถ้าต้มสุก



ผักสลัดหั่นฝอย โรยด้วยมันทอดฝอย







เทมปุระผักต่างๆ โรยด้วยผงผักและเกลือ





ตามมาด้วยสุกี้ยากี้ หรือ ชาบู ชาบู





เหลืออีกอย่างในคอร์สแต่ไม่ได้ยกมา คือ ข้าวต้ม
พนักงานเสริฟเข้ามาถามว่า จะครบเวลา 90 นาทีตามกฏของคอร์สแล้ว
จะรับข้าวต้มหรือเปล่าคะ ถ้ารับข้าวต้มเวลาก็จะเลยไปอีก
ต้องเสียอีกคนละ 500 เยน ก็เลยบอกไม่เอาแล้วข้าวต้ม
เท่านี้ก็อิ่มแล้วค่ะ ขอเช็คบิลเลยดีกว่าจ้า






 

Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2556    
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2556 8:35:51 น.
Counter : 3263 Pageviews.  

KAPPA Shushi ( คัปปะ ชูซิ ) ราคา 105 เยนทุกจาน ที่ญี่ปุ่น(10/Feb/2013)

ร้านชูซิคัปปะ สถานที่ตั้ง







ประเทศญี่ปุ่น จังหวัด ไซตามะ
Saitama-Ken , Kawaguchi-Shi, Sakkashita-Cho 4-19-14
Tel. 048-286-5879

มีมานานหลายปีแล้วค่ะ ราคา 105 เยนทุกจาน
อยากสั่งพิเศษมีรถไฟชินกังเซงแล่นมาเสริฟถึงที่นั่ง
ราคาเค้กประมาณ 210 เยน
ราคาซุปไม่ถึง 200 เยน
วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2013 ไปกินกัน 4 คน หมดไป 50 จาน
มีซุปและของหวานเพิ่มจากรายการอีกนิดหน่อย
หมดไป 5,909 เยน อร่อยใช้ได้เลยค่ะ
สำคัญที่นั่งจุลูกค้าผู้คนได้เป็นร้อยค่ะ
ไม่ต้องกังวลว่าไปแล้วต้องรอคิวนาน ยาวเป็นหางว่าว






บรรยากาศภายในร้าน ปากทางเข้าร้านมีเครื่องเล่นหยอดเงินได้ของ



เดินเข้าไปอีกหน่อยจะมีที่นั่ง มีสายพานชูซิ อยู่ด้านหน้า
มีเครื่องดื่มชาเขียวที่ต้องผสมบริการตนเอง
มีซองน้ำโชว์ยู , วาซิบิ,ขิงดอง และซอสต่างๆ












มีจอทีวีกดอาหารหรือของหวานและซุป ตามสั่ง
เสริฟด้วยชินกันเซงถึงที่นั่ง ถ้าเป็นซุปพนักงานจะยกเสริฟมาที่โต๊ะ
ไม่งั้นน้ำซุปกระฉอดหกกระเด็นแน่ๆค่ะ















ชูซิที่อยู่ในสายพาน เราต้องการกินและมีอยู่ก็หยิบมากินได้เลยค่ะ

















อาหารหน้าเทศกาลต่างๆและสั่งชูซิล่วงหน้าราคาไม่แพงด้วยค่ะ






แล้วพบกันใหม่ในบล๊อคถัดไปนะคะ




 

Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2556    
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2556 9:39:04 น.
Counter : 4390 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  
 
 

ป้าซิ่ง Naomichan
Location :
นนทบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 70 คน [?]




........หลังไมค์ถึงป้าซิ่งค่ะ.........
[Add ป้าซิ่ง Naomichan's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com