TOP OF GERMANY ( 7 Aug.2008) วันนี้กินอาหารเช้าที่ โรงแรม Weinbauer ที่เราค้างคืนก่อนเสร็จ เช็คเอาท์คืนห้องไป จากนั้นก็เริ่มออกเดินทางไป Zugspitze สู่เป้าหมาย ไปปีนเขาที่สูงที่สุดในประเทศเยอรมันนี โอ้....... ได้โปรดอย่าเชื่อว่าป้าซิ่งจะไปปีนเขาสุดยอดได้จริงๆนะคะ เขามีเคเบิลคาร์นำตัวอิฉานขึ้นไปอีกทีค่ะ ขาลงนั่งรถไฟลงมาจากยอดเขา สนุกดีนะ ถ้าชอบ แต่ป้าซิ่งหน้ามืดไปช่วงหนึ่ง ดีนะไม่หงายท้องผึ่ง เพราะมีบันไดอยู่ตรงหน้าพอดี เลยนั่งพักซักประเด๋วก็ฟื้นคืนชีพแล้วค่ะ วันนี้เป็นวันที่อากาศท้องฟ้าโปร่งสีฟ้าสวยสดใส โชคดีจัง เอารูปโปสการ์ดมาแชร์ให้ดูความสูงค่ะ อุปกรณ์นำเสื้อผ้า, เสื้อโค๊ท ,รองเท้าบู๊ท เพื่อความอบอุ่นต่อร่างกายไปด้วยนะคะ ถึงแม้ว่าหน้านี้จะอยู่ฤดูร้อนในเดือนสิงหาคม แต่ข้างบนเขาจะหนาว แต่ก็ไม่มาก ถึงเสื้อโค๊ทนำไปด้วย ป้าซิ่งก็ไม่ได้ใส่อ่ะ เพราะพ่อบ้านบอกให้นำขึ้นไปเผื่อไว้ก่อนแล้วกัน และมองคนอื่นๆเขาก็นำขึ้นไปเหมือนกัน พอขึ้นมาข้างบนแล้วจะเป็นลานกว้าง มีโต๊ะและม้านั่งยาวๆ ให้กินอาหารรับแสงแดด อาหารเป็นแบบง่ายๆพอถูๆไถๆ เพราะป้าซิ่งก็ไถเงินมาจากพ่อบ้านเขาอีกทีเช่นกัน ฮ่าๆ อะไรแหลกได้ ก็จะแหลก เพื่อเอาตัวอยู่รอดไว้ก่อน อันที่จริงไม่ค่อยชอบหรอก กินอะไรรองท้องไว้ดีกว่าไม่มีอะไรเลย ผลที่สุดก็หน้ามืดอย่างที่บอก เพราะกินไม่ได้เยอะนั่นเอง กินไปก็มองภูเขาที่อยู่ด้านหน้า เหมาะสมที่ใช้คำว่ามองแล้ว ได้บรรยากาศภาพพาโนราม่าอยู่ตรงหน้าจริงๆซะด้วยสิคะ รูปที่ป้าซิ่งนั่งทับไม่ใช่ลูกเต๋า กุ้ง ปู ปลา นะคะ ลูกบาศก์ที่เห็นคือ ก้อนแบ่งประเทศของเยอรมัน กับ ออสเตรีย ค่ะ เรียกว่าคนที่่อยู่แถบออสเตรียก็สามารถมาเที่ยวเล่นบนเขานี้ได้ เล่นหิมะกับครอบครัวได้ซักพัก ได้เวลากินอีกแล้วค่ะ พ่อบ้านเลยนำพวกเราเข้าห้องอาหารบนเขานี้ ก่อนกลับ ขากลับลงจากยอดเขาต้องผ่านบริเวณนี้ก่อนนั่งรถไฟ รอดอุโมงค์จุดถึงจุดหมายปลายทางเดิม การผจญภัยบนยอดเขาสูงก็เสร็จสิ้นลงไป ไปหาที่พักกันต่อสำหรับวันนี้ที่ สระเล่นน้ำมีทั้งภายนอกและภายใน ภายนอกนั้นน้ำเย็นมาก เข้าห้องพักก็รีบมาเล่นน้ำในสระกัน เล่นเสร็จก็เข้านอนพักผ่อนซักงีบ ตื่นมาออกไปเดินเล่น ซื้อของและนั่งดื่มกาแฟข้างถนนได้ซักพัก กลับเข้าที่พักเพราะเดินจนเมื่อยขา ไม่ได้เอารถออกจากโรงแรม พ่อบ้านบอกใกล้ มันใกล้จนเมื่อยเลยนะเนี่ย เซ็งวุ้ย !! ดินเนอร์เราก็กินที่โรงแรมที่เราพักเช่นเดิม มื้อเช้าวันใหม่ เช็คเอ๊าท์ออกจากโรงแรม ขับรถไปเที่ยวต่อที่ 1. Kloster Ettal 2. Schloss Linderhof จะทำบล๊อคลงต่อในวันพรุ่งนี้ค่ะ วันนี้ขอบคุณสำหรับคนอ่านนะคะ   Create Date : 24 กันยายน 2551     Last Update : 24 กันยายน 2551 7:05:12 น. Counter : 8671 Pageviews.   Share Tweet

Konigsschloss Neuschwanstein ( 6.Aug.2008) การเข้า ปราสาท นอยชวานสไตน์ เสียค่าเข้าชมคนละ 9 ยูโร มีภาษาให้เลือกเป็นเวลากำหนดไว้ค่ะ ครวบครัวเราก็ไม่สนใจภาษาแล้วเพราะไม่มีเวลารอภาษาอยู่หรอกค่ะ เอาอะไรก็ได้ที่มันจะได้เข้าไปชมภายในปราสาทแบบเร็วๆ สิ่งสำคัญมันไม่มีภาษาไทย นอกจากภาษาไทยที่ชัวร์ร้อยเปอร์เซ็นเต็ม ภาษาอื่นก็ไม่ค่อยได้เรื่อง ให้ไกด์ที่รับหน้าที่ภายในปราสาทบรรยายไปเหอะ เราดูภายในเท่านั้นพอ เพราะประวัติศาสตร์ดูมาจากหนังสือแนะนำท่องเที่ยวเยอรมันมาบ้างแล้ว พ่อบ้านเองเป็นคนเยอรมันก็ไม่รอภาษาตัวเอง เช่นกันค่ะ ก็เลยลุยกันดีกว่า อีกปราสาทที่อยู่ใกล้ ( Hohenschwangau )ไม่ได้ไป ก็เป็นว่าขำๆค่ะ พวกเราได้ภาษาอิตาเลี่ยนมา ตามหน้าตั๋ว ได้ตั๋วภาคภาษาอิตาเลี่ยนมาเป็นที่เรียบร้อย พร้อมแผนที่บอก ทางเข้าไปตัวปราสาท กันแล้ว เราก็เลือกเส้นที่เดินขึ้นเขาลาดซีเมนต์ด้วยระยะทาง 30 นาที ใครอยากนั่งม้าก็ไปเสียค่าใช้จ่ายเอาเองอีกต่างหาก มีเวลาอีกตั้งชั่วโมงครึ่งกว่าจะได้เข้าไปเดินเล่นในปราสาท ก็เลยหาอะไรกินใส่ท้องไว้ก่อน และก็มีเวลาเดินซื้อของที่ระลึกได้อีกด้วย ด้วยความไม่รู้ว่าข้างบนก่อนเข้าปราสาทเข้าชมก็มีภัตตาคารให้นั่งกินอาหาร ด้วยเหมือนกัน เราก็เลยนั่งตามร้านอาหารที่อยู่ด้านล่างแถวๆที่ซื้อตั๋วนั่นเอง อาหารประจำท้องถิ่นเมืองนี้คือ อาหารเส้นราดซอสมีเห็ดลม ตามรูปค่ะ ได้เวลาเดินขึ้นเขาเรียงตามลำดับ ดูตามที่ตั๋วจะมีหมายเลขบอกตามลำดับเข้าชม มีไกด์มาดักรอเพื่อบรรยาย ภายในห้ามถ่ายรูป เราก็ได้แต่ถ่ายรูปวิวทิวทัศน์ด้านนอกหน้าต่างไปแล้วกัน แต่ก็ได้หาซื้อภาพที่ไม่ให้ถ่ายได้จากโปสการ์ดแถวนั้น รูปจากโปสการ์ดเทียบได้กับภายในตัวปราสาทนอยชวานสไตน์ ต่อไปเป็นภาพโปสการ์ดทุกฤดูกาลรอบๆบริเวณปราสาท ได้ความรู้สึกที่แตกต่างดีเหลือเกินค่ะ รูปถ่ายรูปไหนเป็นรูปโปสการ์ด หรือ แผ่นวางเม้าท์ ก็ไม่รู้แล้ว เวลาที่ทำบล๊อคห่างกันไปหนึ่งเดือนแล้ว ขออภัยความจำเสื่อมค่ะ หลังจากเที่ยวปราสาทในเทพนิยาย ซินเดอร์เรลล่า เป็นที่เรียบร้อย เราก็ไม่กลับบ้าน หาโรงแรมค้างคืนกันแถวหมู่บ้านใกล้ปราสาทนี้เลย ไปเลือกหากันที่ Information กลางหมู่บ้านจะมีปุ่มเขียว ปุ่มแดงให้สังเกตุ ว่ามีห้องว่างที่ไหน ที่เราสามารถโทรไปจองล่วงหน้าก่อนเข้าเช็คอินท์ได้ เราก็ได้ห้องตามที่ต้องการมาหนึ่งห้อง ที่พักชื่อ Hotel Weinbauer ราคา 90 ยูโร ค่าเงินไทยก็ประมาณ 4,500 บาท แต่สภาพห้องขอโทษ เหมือนโรงแรมเมืองไทยราคา 700 บาทเลย มีอาหารเช้าให้ด้วย มิน่าฝรั่งถึงชอบไปเที่ยวเมืองไทยกันเป็นโขยง มื้อดินเนอร์ เราก็หากินที่โรงแรมนี้ อาหารมื้อเช้าก็จะเป็นแบบบุฟเฟ่ จบแล้วค่ะ พรุ่งนี้ค่อยไปเที่ยวกันต่อที่ TOP of Germany กันนะคะ   Create Date : 23 กันยายน 2551     Last Update : 23 กันยายน 2551 7:31:30 น. Counter : 3100 Pageviews.   Share Tweet

เที่ยวฝรั่งเศสเมืองดอกไม้ COLMAR (Riquewihr,Ribeauville)5Aug.2008 ได้ฤกษ์ออกจากรังน้อยกับลูกชายและพ่อบ้าน วันนี้เขาจะพาเราไปเที่ยวชานเมืองฝรั่งเศส โดยรถยนต์ส่วนตัวออกจากเยอรมันเมือง Stuggart สู่เมือง Colmar ของฝรั่งเศส เที่ยวเสร็จก็กลับบ้านไม่ได้ค้างคืน ยอมเหนื่อยหน่อยค่ะ ขอบคุณที่รักมากๆ เมืองดอกไม้บ้านเขาสวยจังเลย และก็อาหารมื้ออร่อยด้วยค่ะ( เพื่อความระลึกและประทับใจ เขาคงไม่มาดูหรอกเพราะอ่านไม่ออก ฮี่ๆ) เริ่มจากเยอรมัน ภาพจากมือถือเป็นรูปปราสาท Neuschwanstein คืออยู่ในเยอรมัน มือถือที่นำมาจากเมืองไทย จะปรากฏของแต่ละประเทศ เป็นแบบฉบับของซัมซุงแบบนี้น่ะค่ะ พอผ่านพ้นเข้าเมือง Colmar ของประเทศฝรั่งเศส จะปรากฏภาพประตูเมืองปรารีสของฝรั่งเศส ในทันใด พวกเราก็หาแผนที่แถว Information ของเมืองนี้ มากางปีกออก ว่าจะไปเมืองดอกไม้ทั้ง 2 แห่งเท่านั่น .......Riquewihr .........Ribeauville............ เราเข้ามาที่ Riquewihr มองๆดูท่าทางจะเดินชมเมืองนี้กันอีกนาน หาอะไรกินรองท้องกันก่อนดีกว่า ไม่รู้ว่าร้านไหนอร่อย แบบว่าหน้ามืด เลยนั่งร้านใกล้ๆเนี่ยแหละ ไม่อยากเดินต่อไป เพราะ ขืนเดินไปข้างหน้า ก่อนการกิน เราต้องช๊อปปิ้งก่อนกินแน่ๆ ฮา ร้านที่เราเลือกทางเดินเข้าก็ขรุขระ เลือกนั่งกันด้านนอก เพราะอากาศร้อนแบบนี้ที่รักเราชอบ ส่วนตัวป้าซิ่งไม่ค่อยชอบอ่ะ แต่เราต้องตามใจเขาเพราะเราเลือกให้เขาเป็นคนจ่ายนี่เน้อ สังคมคนยุโรปก็แบบนี้ชอบนั่งตากแดดกัน ดีกว่าไปอบตัวให้เป็นผิวแทน ตามร้านรวงที่บริการอบผิวเข้าแคปซูล กินเสร็จเป็นที่เรียบร้อยได้เวลาเที่ยวชมและไม่ลืมช๊อปฯ ชอบดอกไม้ที่มาประดับตามประตูบ้านและหน้าต่าง สวยหน้าชมดีจังเลย มองแล้วเบิกบานหัวใจไปด้วย ไม่รู้เขาดูแลรักษาต้นไม้ดอกพวกนี้กันยังไง บ้านตัวเองที่เมืองไทยลองทำแล้ว มันก็ตายเป็นประจำทุกทีเลยค่ะ ได้แต่ซื้อมาประดับทุกเดือนแล้วก็ทิ้งไปไม่เคยมีเก็บไว้ชื่นชมแบบนานๆซ๊าก กะที แต่ก็ชอบดูดอกไม้สีสวยๆ ร้านขนม 2 รูปบนนี้ กินแล้วรสชาดเหมือนขนมไทยบ้าบิ่นจริงๆเลย ถึงตรงนี้แล้ว ต้องขอบอกว่า จบไปเมืองนึงเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ =========================================== พาไปเที่ยวอีกเมืองที่อยู่ใกล้กันค่ะ คือ Ribeauville โปสการ์ดเป็นที่ระลึก   Create Date : 22 กันยายน 2551     Last Update : 22 กันยายน 2551 15:09:09 น. Counter : 4825 Pageviews.   Share Tweet

LEGOLAND at Deutschland (Germany 4 Aug .2008 ) ดองไว้เป็นเดือนเพิ่งนำมาลงใส่ในบล๊อค แล้วก็จะกระทำแบบรวกๆ เพราะว่าไม่ค่อยมีเวลา แต่ก็จะพยายามมานำเสนออยู่เป็นระยะๆ แล้วกันค่ะ มีอีกหลายที่ ที่หมักหมมเอาไว้ จะทะยอยออกไปเรื่อยๆ ก็จะเรียงลำดับภาพอาศัยคนมีเซ้นท์เอาแล้วกัน เรียกว่าอยากทำแต่ขีเกียจจัง คนแวะมาดูก็ ดูเสร็จไปอย่างรวดเร็ว ก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยจ้าาาา เป็นว่าพ่อบ้านอาสาขับรถให้ แหะๆแน่นอน ขับรถบนถนนที่เยอรมัน ขับกันเร็วปานพายุ ดิฉันขับไม่เป็นหรอกนะคะ ก่อนเดินเล่นในนี้เข้าห้องน้ำก่อนดีกว่า / / ชอบตรงส่วนกลางมากที่สุด เอาตัวเลโก้มาต่อกันเป็นเมืองได้หลายสถานที่สำคัญๆ ทำได้ไม่มีที่ติ ก่อนจบ ต้องช๊อปปิ้งตามปกติ บ๊าย บาย คับผ๊ม โปสการ์ดจากเลโก้แลนด์ด้วยความคิดถึงครับ   Create Date : 19 กันยายน 2551     Last Update : 22 กันยายน 2551 15:05:08 น. Counter : 2769 Pageviews.   Share Tweet

กระแสโอลิมปิค2008ภาพรถเมอร์ซิเดสเบ็นซ์กับสถานที่เที่ยวสวยๆค่ะ The SL-Class in Greece-starting point for the longest Olympic torch relay in history The CLS-Class in Istanbul - the only metropolis that straddles two continents. The A-Class in London - on one of Europe's oldest marketplaces, Leadenhall Market The SLK-Class in Paris - the city shaped by the world's most famous architects. The R-Class in San Francisco - the city with the largest Chinese community outside Asia. The GL-Class in California - in front of the Earth's tallest trees in Redwood National Park. The M-Class in the Serengeti -the wildlife preserve with the grestest number of species in Africa. The S-Class in Rajasthan - in front of one of the biggest maharaja palaces in India. The CL-Class in Tokyo - the capital city of the world's oldest monarchy. The C-Class in Bangkok - a city whose fauna is among the most diverse in all of Asia. The E-Class in Shanghai - the city with the biggest shopping centre in Asia. The CLK-Class Coupe' in Beijing's Forbidden City - the imperial palace with 9,999 rooms.   Create Date : 30 กรกฎาคม 2551     Last Update : 30 กรกฎาคม 2551 11:31:45 น. Counter : 2057 Pageviews.   Share Tweet