โลกสีเขียวของคนชอบอ่านนิยาย และท่องเที่ยวไปตามความฝัน

Group Blog
 
All blogs
 

แม่จอมขวัญ

greenteagreentea



เรื่อง : แม่จอมขวัญ

ผู้เขียน : -

ผู้แปล : เกษวดี

ความสนุก : 4 ดาวครึ่ง



เบรทเทอร์สัน เวสตันเห็นฮันนีย์ คอว์ฟแมนครั้งแรกผ่านทางจอวีดีโอในสำนักงานจัดหาคู่ของแกลดิสผู้เป็นป้า ฮันนีย์ต้องการคู่หมั้นไปแสดงตัวในงานแต่งงานของเพื่อน เพื่อหลีกเลี่ยงการจับคู่แต่งงานกับเวนเดล ฟอสเตอร์ ซึ่งเป็นเพื่อนเศรษฐีของแม่ ผู้ชายที่เธอแสนชิงชัง เพราะเข็ดขยาดกับการเดตครั้งแรกและครั้งเดียวที่เธอยอมไปเนื่องจากทนแม่รบเร้าไม่ได้ เธอรอดพ้นการถูกข่มขืนจากเวนเดลมาได้ เพราะมีคนผ่านมาพอดี แต่แม่กลับไม่พอใจที่เธอไม่ยินยอม เพราะสนใจเงินทองของเวนเดล ทำให้แม่ไม่ยอมวางมือ บวกกับเวนเดลต้องการตัวเธอตั้งแต่ได้เจอกันครั้งแรก ฮันนีย์เลยต้องหลอกแม่และเพื่อนๆ ว่ามีคู่หมั้นแล้ว พร้อมทั้งวาดภาพผู้ชายที่ไม่มีตัวตนให้ทุกคนฟังและบังเอิญว่าไปตรงกับลักษณะของเบรททั้งหมด

ฮันนีย์ขอให้ทางสำนักงานจัดหาคู่ติดต่อบริการเพื่อนเที่ยวจ้าง ผู้ชายสักคนที่เต็มใจจะแสดงตัวเป็นคู่หมั้นชั่วคราวให้เธอแค่บ่ายวันเดียว เมื่อเบรทเห็นภาพเธอเข้าเขาหลงเสน่ห์เธอจนอยากเห็นตัวจริงว่าน่ารักน่าใคร่ เหมือนที่เห็นหรือไม่ เลยสวมรอยเป็นเพื่อนชายให้เช่ากับฮันนีย์โดยไม่ได้บอกให้ผู้เป็นป้ารู้ เบรทพบว่าผู้ชายที่แม่ต้องการจับคู่ให้ฮันนีย์คือเวนเดลคู่ปรับเก่าของตนนั่นเอง ดังนั้นเขาจึงสวมบทบาทได้อย่างดีเยี่ยม พอโดนเวนเดลทักว่าทำไมฮันนีย์ถึงไม่สวมแหวนหมั้น เบรทก็จัดแจงสวมแหวนประจำตระกูลที่เตรียมมาแล้วให้ฮันนีย์

เมื่อพูดถึงค่าจ้างฮันนีย์รีบประกาศว่าเธอจะจ่ายแต่เงินสดเท่านั้น ไม่จ่ายด้วยวิธีอื่นเมื่อเห็นสายตาบอกความนัยจากเบรท ขากลับฮันนีย์ต้องตะลึงเมื่อพบว่าผู้ชายที่เธอคิดว่าเป็นเพื่อนเที่ยวขับเฟอรารี่มา เธอรีบบอกว่าจะไม่ยอมจ่ายค่ารถเช่าคันนี้ เบรทเลยบอกว่ารถนี้ยืมเพื่อนมา จากนั้นเมื่อเบรทจะไปส่งฮันนีย์ เขาต้องเปิดกระเป๋าดูใบขับขี่เพื่อหาที่อยู่ เพราะเธอหลับมาในรถด้วยความเพลียเนื่องจากต้องทำงานหลายงานเพื่อมาใช้จ่าย และเงินสดจำนวนน้อยนิดในกระเป๋า ตลอดจนสภาพบ้านเช่าแถวย่านเสื่อมโทรมในเมืองของเธอทำให้เขาสับสนกับคำพูดของฮันนีย์

วันศุกร์ที่เบรทเห็นวีดิโอภาพหาเพื่อนเที่ยวของฮันนีย์ เจ้าตัวได้ไปสมัครงานที่บริษัทที่เบรทเป็นเจ้าของโดยไม่รู้ แต่เพราะช่วงเรียนมหาวิทยาลัยพ่อของเธอไม่สบายทำให้เธอต้องดรอปเรียนไปดูแล โดยที่ผู้เป็นแม่ไม่ยอมช่วยเหลือเพราะต้องการบีบให้เธอตกลงแต่งงานกับเวนเดล และเมื่อพ่อเสียชีวิตเธอต้องทำงานไปและเรียนไปด้วยทำให้เกรดเฉลี่ยออกมาไม่ดีนัก แม้ว่าจะจบจากสถาบันที่มีชือเสียงที่เดียวกับเบรท แต่หลักเกณฑ์การรับคนเข้าทำงานของบริษัทนี้ดูที่เกรดเฉลี่ยสูงสุด ดังนั้นเบรทจึงปฎิเสธการรับฮันนีย์เข้าทำงาน แต่เมื่อกลับจากไปส่งฮันนีย์ ชื่อจากใบขับขี่ของฮันนีย์ทำให้เบรทนึกถึงชื่อผู้สมัครงานที่คุ้นๆ เช้าวันจันทร์เมื่อเบรทแน่ใจว่าเป็นคนเดียวกันเขาจึงสั่งให้รีบรับเธอเข้าทำงานทันที พร้อมทั้งสั่งจ่ายเงินเดือนล่วงหน้าด้วย เบรทอยากดูสีหน้าของฮันนีย์ว่าเมื่อรู้ว่าเจ้านายคนใหม่ของตัวเองเป็นคน เดียวกับหนุ่มจิ๊กกะโล่ที่เธอว่าจะเป็นยังไง

แม้จะมีเงินเหลือเพียงน้อยนิดฮันนีย์ยืนยันความตั้งใจจะจ่ายเงิน ให้เบรท เมื่อเขาปฎิเสธไม่รับเธอจึงไปฝากเงินจำนวน 17 ดอลลาร์ไว้ที่สำนักงานหาคู่ และปฎิเสธไม่ยอมรับเงินเดือนล่วงหน้า พร้อมทั้งทำงานพนักงานเสริฟกะกลางคืนต่อไปด้วยความใจอ่อนที่เพื่อนมาขอร้องให้ทำแทน เบรทโมโหเรื่องเงินที่เธอจ่ายให้และบังคับให้เธอย้ายไปอยู่ที่อพาทเม้นท์ของ เขา โดยอ้างว่าเป็นของเพื่อนและเขาขอให้ช่วยดูแลแทนระหว่างที่เขาไม่อยู่

ในที่สุดฮันนีย์ก็ยอมรับว่าเธอรักหนุ่มเพื่อนเที่ยวคนนี้แม้เขาจะ มีอาชีพที่ไม่น่าปลื้ม ส่วนเบรทก็ได้แต่คอยรับรู้ว่าไม่ว่าเธอไปอยู่ที่ไหนก็สามารถดึงดูดให้คนของเขาคอยคล้อยตามที่เธอชักจูงด้วยความเต็มใจแม้จะเป็นการเบียดบังเวลางานของบริษัทที่เขาเป็นเจ้าของ และต้องคอยฟังภาพพจน์เสือร้ายที่พนักงานในบริษัทซุบซิบให้ฮันนีย์ฟัง ยิ่งนับวันเขามั่นใจว่าเขาหลงรักสาวน้อยจอมยั่วคนนี้ และตั้งใจจะแต่งงานกับเธอในที่สุด

บันทึกแนบท้าย

เรื่องนี้เทคะแนนให้ถึง 4 ดาวครึ่งเพราะว่าการพบปะระหว่างพระเอกนางเอกจะมีความเข้มข้นตลอดเวลา นางเอกทำให้พระเอกผิดคาดได้อยู่เรื่อย ถึงแม้จะไม่มีฉากเด็ดแบบเรื่องเมอลินเลือกคู่ (ผู้เขียนคนเดียวกัน) แต่ความสนุกในเรื่องจะมีตลอดเวลา ไม่ลดระดับลง

greenteatgreentea




 

Create Date : 07 ตุลาคม 2552    
Last Update : 1 ธันวาคม 2552 17:12:37 น.
Counter : 979 Pageviews.  

เมอลินเลือกคู่

greenteagreentea



เรื่อง : เมอลินเลือกคู่

ผู้เขียน : -

ผู้แปล : เกษวดี

ความสนุก : 4 ดาว



เมอลิน ฟอร์เรส สตีล เป็นบุตรสาวคนเดียวของมหาเศรษฐี จาร์ สตีล ซึ่งเห็นว่าลูกสาวอายุ 26 ปีสมควรมีคู่ได้แล้วจึงได้ยัดเยียดแนะนำชายหนุ่มแปลกหน้าให้ กระทั่งรายล่าสุดที่เมอลินจับได้ว่าเข้ามาตีสนิทถึงขนาดหมั้นหมายกันเพราะ ต้องการร่วมลงทุนทางธุรกิจกับบิดาของเธอมากกว่าสนใจตัวเธอ หลังจากถอนหมั้นผู้เป็นพ่อก็ยังไม่วายจะหาคนใหม่มาให้ ด้วยความเบื่อหน่าย เมอลินเลยพนันกับพ่อว่า ในเวลาหนึ่งเดือนเธอจะใช้ชีวิตอยู่แบบคนจนต้องทำมาหากิน เพื่อพิสูจน์ให้พ่อเห็นว่า ดีกว่าเป็นสาวรวยทรัพย์ที่ผู้ชายเข้ามาเพื่อหวังเงินเท่านั้น

จาร์ สตีลเลยติดต่อให้เมอร์ลินไปเป็นผู้ช่วยค้นข้อมูลทางประวัติศาสตร์ให้กับไลล่า ทอร์ป นักเขียนนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ ซึ่งตรงกับความรู้ที่เมอลินเรียนจบมา หญิงสาวเข้ากันได้ดีกับนายจ้างและอแมนด้าผู้เป็นหลานย่าของไลล่า คืนแรกที่ไปอยู่เธอนอนไม่หลับเลยลุกขึ้นกลางดึกเพื่อไปชงช็อกโกแลตดื่ม และไปชนเข้ากับคาเมรอน ทอร์ป ลูกชายของไลล่า ที่ดูเหมือนจู่ๆ โผล่มาจากพายุฝนฟ้าคะนอง ซึ่งเป็นสาเหตุให้ต่อมาเมอลินจึงล้อเลียนว่าเขาเป็นนายโรเชสเตอร์ และเธอคือ เจน แอย์ นางเอกของเรื่อง คืนนั้นทั้งคู่ปะทะคารมกันอย่างไม่มีใครยอมใคร และมีผลทำให้เมอลินเกลียดขี้หน้าเขาตั้งแต่แรกพบ

คาเมรอน ทอร์ปเป็นพ่อม่าย แม่ของอแมนด้าตายไปแล้ว เขากำลังหมายตาสาวคนใหม่ที่ได้รับมรดกเป็นกองทุนที่เขาสนใจ เพราะการแต่งงานครั้งแรกที่ผิดพลาด ทำให้เขาตั้งใจว่าครั้งต่อไปจะใช้เหตุผลในการแต่งงานมากกว่าอารมณ์หรือความรู้สึก และเพราะบิดาของเขาสร้างหนี้สินไว้มากมายทำให้คาเมรอนต้องทำงานเพื่อใช้หนี้ด้วย ทำให้เขามองหาเจ้าสาวที่อยู่ในโอวาทและร่ำรวย ทั้งคู่ปะทะคารมกันก็จริงแต่ขณะเดียวกันก็ได้เรียนรู้นิสัยใจคอที่แท้จริงกันไปด้วย

ในที่สุดคาเมรอนก็ได้คำตอบว่าเขาต้องการแต่งงานกับใครอย่างแท้จริง แต่กลับหาเมอลินเพื่อปรับความเข้าใจไม่เจอ เพราะเธอคิดว่าเขามีอะไรกับเธอเมื่อรู้ว่าเธอเป็นคนรวย เลยตัดสินใจเลิกทำงานกลับบ้านเร็วกว่ากำหนด จาร์ สตีลเป็นคนติดต่อให้คาเมรอนรู้ความจริงว่าเมอลินเป็นลูกสาวเขาและสนับสนุน ให้คาเมรอนมาง้อขอแต่งงานเพราะเขาเป็นคนวางแผนให้เมอลินไปทำงานกับแม่ของคาเมรอนตั้งแต่แรก

เมอลินเลือกคู่ เกษวดีแปล พิมพ์ครั้งที่ 2 พิมพ์ครั้งแรก ชื่อเรื่อง ไฟรักในหัวใจ รัศริตา แปล

บันทึกแนบท้าย

เรื่องนี้เพิ่งจำได้ว่าเคยอ่านในชื่ออื่นซึ่งน่าจะเป็น ไฟรักในหัวใจ เมื่ออ่านไปถึงฉากหนึ่งในเรื่องแล้วรู้สึกว่าคุ้นๆ สาเหตุที่จำไม่ได้ในตอนแรกเพราะอ่านมานานมากแล้วจนเริ่มเลือนๆ แต่ฉากเด่นในเรื่องทำให้นึกออก เพราะรู้สึกว่าหนังสือหลายเรื่องมีแต่อ่านแล้วผ่านไป ทำให้จำไม่ได้นอกจากฉากเด่นจริงๆ เลยขอบันทึกไว้เพื่อเตือนความจำสัก 2-3 ตอน

คือตอนที่คาเมรอนบังเอิญเห็นร่างเปลีอยของเมอลินโดยไม่ตั้งใจ แล้วเอ่ยถามว่า "คุณเป็นพรหมจารีรึเปล่า" เหตุผลที่เขาให้กับเธอว่าเพราะอะไรถึงตั้งคำถามนั้นคือ "ผู้หญิงที่เคยผ่านผู้ชายมาก่อน จะไม่วิ่งแอบรีบคว้าอะไรมาปิดบังเนื้อตัวทันทีที่มีผู้ชายมาแสดงความสนใจ เนื้อตัวที่เปล่าเปลือยของเธอหรอก"

อีกฉากซึ่งเป็นฉากในความทรงจำคือตอนที่ทั้งคู่ไปอยู่ในตู้เก็บเสื้อโค้ทแล้วมีคนเมาจะมาเปิดตู้ คาเมรอนดึงประตูไว้เพื่อถ่วงเวลาให้เมอลินแต่งตัวให้เรียบร้อย แล้วถามว่า "ต้องการอะไร" คนเมาก็ตอบว่าเสื้อคลุมกันฝนของเขา ตอนนี้ฝนตกหนักมาก เมื่อคาเมรอนหยิบเสื้อคลุมตัวที่ระบุมาให้ได้แล้ว คนเมาก็เข้าใจว่าเป็นตู้รุ่นใหม่รับคำสั่งอัตโมนัติ เลยคุยกับตู้พูดได้ไม่ยอมไป จนคาเมรอนต้องบอกว่าระงับการส่งสัญญาณเสียง คนเมาเลยต่อว่าว่าเครื่องจักรหยายคาย จะฟ้อง แต่กลับไม่รู้จะฟ้องใคร คาเมรอนเลยแนะนำให้ไปฟ้องกับมิสซิสทอร์ป มารดาของเขานั่นเอง คนเมาเห็นดีด้วยจึงยอมผละไป ทำให้ทั้งคู่มีโอกาสย่องออกจากตู้ได้

อีกฉากที่น่ารักคือ ตอนที่คาเมรอนมาง้อขอแต่งงานกับเมอลิน นอกจากดอกไม้เต็มบ้านกับช็อกโกแลตเต็มอ่างอาบน้ำแล้ว กลางคืนก็มีวงออเครสตราซิมโฟนีมาบรรเลงให้ฟังที่สวนหลังบ้านใต้หน้าต่างห้อง นอนของเมอลิน และเล่นไวโอลินด้วยฝีมือที่แสนห่วยของตัวเองให้ฟัง เพื่อให้เธอรับปากแต่งงาน แต่หญิงสาวปฎิเสธจนเพื่อนบ้านทนไม่ไหวต้องตะโกนว่า คาเมรอนหันไปตอบว่าเขาเรียนมาตั้ง 2 ปี และโดนคนเดิมตอบกลับมาว่า จนกระทั่งครูที่สอนฆ่าตัวตายไง คาเมรอนไม่สนใจสีไวโอลินต่อ ทำให้เมอลินขำและเห็นว่าเขาเปลี่ยนแปลงตัวเองจริงๆ และยอมรับปากจะนำเรื่องการแต่งงานไปพิจารณา คาเมรอนถึงเลิกเล่นไวโอลินปล่อยให้ชาวบ้านฟังเสียงเพลงที่แท้จริง แต่สุดท้ายก็มีรถไซเรนมารับไปนอนโรงพักคืนหนึ่งอยู่ดี

ส่วนสำนวนแปลของเกษวดีเล่มนี้มีหลายจุดที่แปลกๆ เช่น "ขณะพบว่า ณ ใต้ล่างแห่งเสื้อที่หล่อนสวม หล่อนหาได้สวมใส่อาภรณ์ชั้นในชนิดอื่นใดไม่"

แต่สรุปว่าเรื่องนี้ไม่พลิกตอนจบ คงความสนุกไว้ได้แม้จะเล่มบางไปสักนิด
และด้วยเหตุผลที่ว่าอ่านแล้วลืมนี่แหละ เลยอยากรีวิวเก็บไว้

greenteatgreentea




 

Create Date : 07 ตุลาคม 2552    
Last Update : 1 ธันวาคม 2552 17:13:41 น.
Counter : 1063 Pageviews.  

ชุดบุปผาในสวนรัก

greenteagreentea



เรื่อง : ชุดบุปผาในสวนรัก

ผู้เขียน : Jayne Castle

ผู้แปล : ญาดา

อมาริลลิส : 3 ดาวครึ่ง

ซินเนีย : 3 ดาวครึ่ง

ออร์คิด : 3 ดาว

ความสนุก : เฉลี่ย 3 ดาวครึ่ง



หนังสือชุดบุปผาใน สวนรัก เป็นแนวเหนือจริงในโลกสมมติชื่อดาวเซนต์เฮเลนส์ ซึ่งเรียกตัวเองว่าเป็นชาวอาณานิคมของดาวโลก ในเรื่องสมมติว่าชาวโลกที่ไปตั้งรกรากบนดาวเซนต์เฮเลนส์หลังจากที่ถูกค้นพบ เมื่อสองร้อยปีก่อนมาจากบริเวณฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือติดมหาสมุทรแปซิฟิก พวกเขาเดินทางผ่านตาข่ายของพลังงานในอวกาศใกล้โลก เรียกว่าม่านพลังงาน หลังจากการลงหลักปักฐานที่ดาวดวงใหม่ ม่านพลังงานก็ปิดลงอย่างกระทันหัน มันไม่เคยเปิดออกอีกเลย ทำให้พวกเขาต้องตกค้างอยู่ที่นั่นนับแต่นั้นมา ดาวเซนต์เฮเลนส์มีพืชพรรณและสัตว์แตกต่างไปจากโลก ทำให้มีชื่อของสัตว์และอาหารแปลกๆ

ในเรื่องทุกคนต่างมีพลังจิตแตกต่างกันไป แต่แยกหลักใหญ่ๆ เป็นสองแบบคือ ปริซึมและผู้มีพลังจิต โดยปริซึมทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยรวมศูนย์พลังให้ผู้มีพลังจิต ในเรื่องนางเอกจะมีพลังจิตแบบปริซึม ส่วนพระเอกก็มีพลังจิตในรูปแบบต่างๆกัน ทั้ง 3 ตอนเป็นแนวสืบสวนสอบสวน โดยที่พระเอกและนางเอกของเรื่องบังเอิญเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมทำให้ ร่วมกันคลี่คลายคดี

อมาริลลิส ลาร์ค รับงานเป็นปริซึมให้กับ ลูคัส เทรนส์ เพื่อตรวจสอบหาคนขายข้อมูลของบริษัท พลังจิตของลูคัสเป็นพลังจิตแบบจับพลังจิตของคนอื่นได้เมื่อเขาใช้พลัง ซึ่งนำให้ทั้งคู่ไปเกี่ยวพันกับการสืบหาฆาตกรที่ฆ่าศาสตราจารย์แลนเดร็ธ ผู้เป็นอาจารย์ที่อมาริลลิสให้ความนับถืออย่างมาก

ซินเนีย สปริง ถูกเรียกว่า สุภาพสตรีสีแดง เพราะเรื่องอื้อฉาวที่เกิดกับเธอ ซินเนียเข้าไปตามหามอร์ริส เฟนวิกลูกค้าซึ่งหายไปของเธอกับนิค แชสเทน เจ้าของคาสิโนผู้สันโดษและลึกลับ เพราะคิดว่าเขามีส่วนในเรื่องนี้ เนื่องจากรู้ว่ามอร์ริสได้ติดต่อขายสมุดบันทึกของแชสเทนให้นิค และได้พบว่าเขามีพลังจิตแบบแมทริกซ์เหมือนลูกค้าที่หายไปของเธอ แต่พลังของเขาสูงกว่ามาก ทั้งคู่พบว่ามอร์ริสตายอยู่ที่ร้านขายหนังสือเก่าของตัวเอง ซึ่งนำไปสู่การร่วมมือกันหาฆาตกร

ออร์คิด อดัม เป็นนักเขียนนิยายแนวแวมไพร์พลังจิต และมีงานเสริมคือเป็นปริซึมให้กับบริษัทไซเนอร์ยี่ เหมือนอมาริลลิสและซินเนีย เธอรับงานเป็นปริซึมให้กับ เรฟ สโตนเบรเกอร์ ผู้มีพลังจิตด้านกลยุทธสูงมากในการค้นหาวัตถุโบราณต่างดาวที่ถูกโจรกรรมไป จากห้องแล็บของมหาวิทยาลัย ออร์คิดพบว่าผู้ต้องสงสัยเป็นเพื่อนร่วมงานเก่าในสถาบันวิจัยพาราซิน ซึ่งเชื่อว่าฆ่าตัวตายเพราะความเครียด ออร์คิดไม่เชื่อเรื่องทั้งหมดและร่วมกันสืบหาความจริง



บันทึกแนบท้าย

ไอเดียของคนเขียนเรื่องของม่านพลังงานน่าสนใจทีเดียว ในเรื่องอธิบายว่า
"ม่าน มีคุณสมบัติหลายอย่างที่แปลกประหลาด ที่น่าสนใจที่สุดซึ่งมันสามารถทำให้โครงสร้างของเวลาและอวกาศ ทฤษฎีที่ทำให้การเดินทางระยะทางไกลในอวกาศเป็นไปได้คือการโค้งงอ ซึ่งสามารถอธิบายได้โดยการสมมติว่าจุดที่เราอยู่ในอวกาศคือจุดหนึ่งบน ขอบกระดาษแผ่นหนึ่งและจุดที่จะเดินทางไปอยู่ที่ขอบกระดาษอีกด้านหนึ่งโดยการ งอแผ่นกระดาษเพื่อให้ขอบทั้งสองด้านมาอยู่ใกล้กันทำให้สามารถย่นระยะทางและ เวลาในการเดินทาง เพราะระยะทางไกลมากๆ จนไม่สามารถเดินทางไปถึงได้ แผ่นกระดาษนี้ก็เปรียบเสมือนระนาบหนึ่งในอวกาศ มันทำหน้าที่เหมือนประตูพลังงานที่เชื่อมไปยังระบบสุริยะอันห่างไกลซึ่งดาว เซนต์เฮเลนส์อยู่ในนั้น"

ในส่วนของจินตนาการให้ 4 ดาวค่ะ แต่ความสนุกของเนื้อเรื่อง ตลอดจนการผูกปมฆาตกรรมนั้น

อมาริลลิส และ ซินเนีย ให้ 3 ดาวครึ่ง

ออร์คิดให้ 3 ดาว เพราะฆาตกรเดาได้ง่ายไปนิด เนื้อเรื่องค่อนข้างเรียบ อาจเป็นเพราะเขียนแนวนี้มา 2 เล่มแล้วพอเล่ม 3 ไม่ค่อยมีอะไรใหม่ และถ้าใครไม่ได้อ่าน 2 เล่มแรกมาก่อน อาจจะงงเล็กน้อยกับโลกสมมติเพราะคนเขียนไม่ค่อยอธิบายเหมือนสองเล่มแรก คงคิดว่าคนอ่านเคยอ่านมาก่อนแล้ว ทั้งๆ ที่มีการเพิ่มแนวปรัชญาใหม่ๆ ของดาวเซนต์เฮเลนให้คนอ่านงงเล่น แต่กลับไม่มีการอธิบายประกอบ

สำนวนแปลในเรื่องซินเนียขาดๆ เกินอยู่บ้าง ไม่ลื่นไหลเท่ากับอีก 2 เล่มแม้จะเป็นคนแปลคนเดียวกัน ส่วนบทบรรยายเรื่องม่านพลังงานยังทำได้ไม่ดีนัก ไม่แน่ใจว่าเป็นที่ต้นฉบับหรือสำนวนแปล เพราะอ่านแล้วเหมือนไม่ต่อเนื่องหรือยังไม่ค่อยปะติดปะต่อดังตัวอย่างที่ยก มา

greenteatgreentea




 

Create Date : 03 ตุลาคม 2552    
Last Update : 1 ธันวาคม 2552 17:14:21 น.
Counter : 657 Pageviews.  

จอมเทพแอชรอน (Acheron)

greenteagreentea




เรื่อง : จอมเทพแอชรอน (Acheron)

ผู้เขียน : Sherrilyn Kenyon

ผู้แปล : จิตอุษา

ความสนุก : 3 ดาว



หนังสือลำดับที่ 12 ในชุดพรานราตรี ซึ่งเป็นนิยายโรมานซ์แนวเหนือจริง เป็นเรื่องเกี่ยวกับกลุ่มนักล่าแวมไพร์ ตามที่สำนักพิมพ์ได้บอกไว้ในคำนำ

หนังสือเล่มนี้แบ่งเป็นสองภาค คือภาคที่แอชรอนเป็นมนุษย์ก่อนจะเป็นเทพเมื่อ 9548 ปีก่อนคริสต์ศักราช และภาคปัจจุบันเมื่อแอชรอนเป็นเทพ ช่วงแรกของหนังสือเล่าความเป็นมาของแอชรอนผ่านสายตาของเจ้าหญิงริสซ่าผู้ เป็นพี่สาวซึ่งจดบันทึกไว้ เรื่องราวเริ่มขึ้นใน เดือนพฤษภาคม 9548 ปีก่อนคริสต์ศักราช เมื่ออาร์คอนเทพผู้สร้างแห่งแอตแลนเตียนสั่งให้สังหารบุตรชายของตนเองกับอโพลิมีเทพีแห่งการทำลาย เนื่องจากคำพูดพล่อยๆ ของเทพีแห่งโชคชะตา 3 นางซึ่งเป็นลูกนอกสมรสของอาร์คอนที่ว่าโอรสองค์นี้จะเป็นผู้ทำลายวงศ์เทพ แห่งแอตแลนเตียนทั้งหมด ทำให้เทพีอโพลิมีต้องปกป้องลูกชายของตน นางได้ผ่าท้องตัวเองแล้วผนึกความเป็นเทพของอโพสโทโลสโอรสของนางเพื่อไม่ให้ เหล่าเทพหาเจอและสังหารเสีย จากนั้นให้นำไปฝากเข้าครรภ์ของราชินีมนุษย์ที่กำลังใกล้คลอด โดยไปบอกผู้พยากรณ์ให้แจ้งกับราชินีว่าชีวิตของเด็กทั้งคู่ผูกติดกัน ถ้าโอรสของนางตาย โอรสของราชินีก็ตายด้วย

สมุนปีศาจและเทพบริวารได้นำทารกไปใส่ไว้ในครรภ์ของราชินีอาร่าแห่ง ดีดูมอสของกรีก เมื่อราชาเห็นโอรสองค์โตมีตาสีเงินก็โทษว่าราชินีนอกใจไปมีสัมพันธ์กับเทพทำ ให้ไม่ยอมรับเป็นลูก พร้อมทั้งคำทำนายจากสตรีผู้รอบรู้ว่าเขาจะเป็นผู้ทำลายล้าง ทำให้องค์ราชาสั่งให้นำไปประหารทันที แต่หญิงชราผู้รอบรู้ห้ามไว้และบอกว่าหากฆ่าทารกนี้ลูกชายของพระราชาก็จะตาย เช่นกัน ส่วนแฝดน้องมีตาสีฟ้าปกติทำให้องค์ราชายอมรับแต่แฝดน้องเท่านั้น

เมื่ออายุได้ 7 ปีแอชรอนแฝดองค์โตก็ถูกส่งไปอยู่ที่แอตแลนติสกับเอสเตสผู้เป็นอา เจ้าหญิงริสซ่าพี่สาวคนโตมีอายุห่างจากคู่แฝด 7 ปี มองเห็นความอยุติธรรมที่แอชรอนได้รับ ทำให้นางรักและคอยเป็นห่วงเมื่อได้รับจดหมายแจ้งข่าวเป็นนัยถึงความลำบากของ เขา ทำให้นางตัดสินใจเดินทางไปแอตแลนติส และได้พบว่าน้องชายที่รักยิ่งของนางถูกผู้เป็นอาขาย และฝึกให้เป็นทาสสวาท ทำให้นางดึงดันช่วยแอชรอนหนีมาจากอาและพากลับเกาะดีดูมอส โดยหลอกแอชรอนว่าพ่อของทั้งคู่ไม่เคยรู้เรื่องนี้และรักเขา ท้ายที่สุดเมื่อองค์ราชาหาเจอก็จับแอชรอนส่งกลับไปให้เอสเตส ทำให้แอชรอนผิดหวังที่โดนริสซ่าหลอก และเสียใจที่ตนไม่เป็นที่ยอมรับของพระบิดา

1 ปีต่อมาเอสเตสเสียชีวิตระหว่างที่มาพักอยู่ที่วังในกรีก ทำให้องค์ราชาต้องเดินทางไปแอตแลนติสริสซ่าขอตามไปด้วยเพราะห่วงน้อง และภาพของแอชรอนที่อยู่บนเตียงกับเจ้าชายแห่งแอตแลนติส ทำให้พระราชาสั่งให้ไล่แอชรอนออกไปจากบ้าน ทันทีโดยไม่มีอะไรติดตัวแม้แต่เสื้อผ้า นอกจากเสื้อคลุมที่ริสซ่าให้ ชีวิตที่ยากลำบากหลังจากเร่ร่อนไปทั่วจนที่สุดก็กลับมายังดีดูมอสเพราะ เยื่อใยที่ผูกพันกับพี่สาว ทำให้แอชรอนกลับไปทำงานเป็นโสเภณีเหมือนเดิม เมื่อข่าวล่วงรู้ไปในพระราชวังว่ามีคนหน้าเหมือนเจ้าชายสติกซซ์มาเป็นโสเภณี พระราชาสั่งให้คนมาจับตัวไปขังไว้และให้อดอาหาร แต่เพราะว่าเมื่อแอชรอนตาย สติกซซ์ก็ตายด้วยทำให้องค์ราชาจำใจต้องช่วยชีวิตของแอชรอนไว้ ส่วนริสซ่าก็ถูกบรรดาวุฒิสมาชิกเสนอให้นำไปถวายตัวแด่เทพอพอลโล วันที่ริสซ่าถูกถวายตัวแอชรอนเดินเข้าไปในวิหารของอาร์ทิมิสเพื่อหาความตาย แต่กลับได้พบและมีความสัมพันธ์กับอาร์ทิมิส

จากนั้นแอชรอนได้เรียนรู้ถึงความเจ็บปวดจากการทรยศ หักหลัง และการไม่เป็นที่ยอมรับอีกหลายครั้งจนหมดอาลัยในชีวิต โดยกระโดดระเบียงห้องพักลงไปแต่กลับไม่เป็นอะไรเพราะมีปีศาจบริวารของเทพี อโพลิมีมาช่วยไว้และบอกให้รู้ว่าที่แท้แล้วตัวเองเป็นเชื้อสายเทพ ไม่ใช่แค่ครึ่งเทพอย่างที่เข้าใจกัน จากนั้นได้ชักนำให้ไปเจอกับแม่ที่แท้จริงและได้รับพลังคืนมา เมื่ออาร์ทิมิสรู้แทนที่จะยินดีกลับกลัวเกรงในอำนาจและวางยาคิดจะฆ่าแอชรอน แต่กลับเป็นเหตุให้แอชรอนช่วยริสซ่าและหลานชาย ลูกของอพอลโลจากการลอบฆาตกรรมจากชาวอพอลไลท์ที่ได้รับการว่าจ้างมาไม่ได้ เมื่ออพอลโลรู้ว่าลูกและเมียโดนฆ่าก็อาละวาดและทำร้ายแอชรอน ๆ เห็นอาร์ทิมิสยืนดูอยู่ในเงามืด ก็ร้องเรียกทำให้อพอลโลโกรธมากถือเป็นการดูหมิ่นเลยสังหารเขา

เมื่อเทพีอโพลิมีหลุดจากที่จองจำ ซึ่งหมายความว่าแอชรอนตาย ทำให้นางเสียใจมาก และเพราะนางเป็นเทพแห่งการทำลายล้าง ทำให้นางไปแก้แค้นกับเทพแห่งแอตแลนเตียน และทำลายเทพทั้งหมด รวมไปถึงเมืองแอตแลนติส จากนั้นก็มุ่งหน้าไปโอลิมปัสเพื่อล้างแค้นอพอลโลและอาร์ทิมิส ระหว่างนั้นเทพีแห่งโชคชะตาที่หลบหนีมาอาศัยอยู่ที่โอลิมปัสก็มาขอความร่วม มือจากอาร์ทิมิสเพื่อยับยั้งอโพลิมี อาร์ทิมิสยอมร่วมมือเพราะรู้ว่าเทพวงศ์โอลิมปัสแม้แต่ซูสก็มีอำนาจห่างไกล กับเทพีอโพลิมี นางแอบไปหลอกให้แอชรอนดื่มเลือดของนางทำให้แอชรอนฟื้นคืนชีพ และเท่ากับเป็นการจองจำอโพลิมีตามคำสาปเหมือนเดิม ยกเว้นแต่แอชรอนจะไปช่วยปลดปล่อย ส่วนแอชรอนกลับต้องผูกติดกับอาร์ทิมิสไปตลอดกาล เพราะถ้าไม่ยอมดื่มเลือดนางก็จะคุมสติไม่อยู่ กลายเป็นอสุรกาย พร้อมจะฆ่าได้ทุกเวลาเมื่อกระหายเลือดขึ้นมา

กว่าครึ่งเล่มเป็นชีวิตของแอชรอนในอดีต เมื่อมาถึงยุคปัจจุบันแอชรอนจำต้องเป็นผู้นำของกองทัพดาร์ค ฮันเตอร์ที่เทพีอาร์ทิมิสได้สร้างขึ้น และได้พบกับโซเทอเรีย กาเฟียรี่ ซึ่งเป็นนักโบราณคดีที่สนใจเรื่องของแอตแลนติสและต้องการทุนไปขุดค้นต่อ แต่แอชรอนไม่ต้องการให้ใครขุดเจอและได้ค้นพบเรื่องราวน่าอับอายในอดีตที่ตน เองเคยเป็นโสเภณีในยุคนั้น เขาได้ทำลายความน่าเชื่อถือในเอกสารและสิ่งของที่ทอรี่นำมาเสนอในที่ประชุม สัมมนา ทำให้ทอรี่โกรธเคืองมาก และเมื่อต้องการหาผู้ชำนาญภาษากรีกในบันทึกเล่มที่ขุดค้นพบก็ได้รับคำแนะนำ จากเพื่อนให้รู้จักกับแอชรอน จากความไม่ประทับใจในการพบกันครั้งแรกทำให้การพบกันครั้งที่ 2 เป็นไปได้ไม่ดีนัก แต่เพราะคำพูดของทอรี่ที่บอกว่าไม่สนใจจะขึ้นเตียงกับแอชรอนทำให้เขากลับ สนใจเธอขึ้นมาเพราะอดีตที่ผ่านมา เขาพบเจอแต่สิ่งตรงกันข้าม ยามเป็นมนุษย์ไม่ว่าใครเห็นยกเว้นแต่เด็ก ทุกคนต่างปราถนาเขา ซึ่งสาเหตุมาจากเทพีแห่งความปราถนาได้แตะตัวเขาตอนเกิด

ทำให้แอชรอนกลับไปหาเธอและอ่านบันทึกให้ฟัง เป็นบันทึกของริสซ่าพี่สาวของเขานั่นเอง จากนั้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็พัฒนาขึ้น และแอชรอนได้พบว่าที่แท้เขาเคยรู้จักทอรี่มาตั้งแต่เด็ก และเขาได้ช่วยชีวิตปู่ของทอรี่มาจากสงครามยุคนาซีและพาข้ามน้ำข้ามทะเลมา อาศัยอยู่ที่อเมริกา หาพ่อแม่บุญธรรมให้ และระหว่างเดินทางเขาเคยเล่าเรื่องแอตแลนติสให้ฟัง ทำให้ครอบครัวนี้เชื่อว่าแอตแลนติสมีจริง ส่วนทอรี่ก็ได้พบว่าที่แท้ตัวเองเป็นผู้หญิงที่เทพีอโพลิมีได้เลือกไว้ให้ ลูกชาย ทำให้ความสัมพันธ์ด้านรักๆ ใคร่ๆ ในอดีตไม่ประสบความสำเร็จสักครั้ง ต้องมีอันเป็นไปทุกที

เมื่ออาร์ทิมิสรู้เรื่องของทอรี่ก็หาวิธีกำจัดด้วยการกักขังให้แอชรอนอยู่ใน ห้องที่ไม่สามารถใช้พลังได้และไม่ยอมให้กินเลือดของตัวเองเพื่อให้ครองสติ ไม่อยู่ จากนั้นก็ส่งทอรี่เข้าไปหา ทำให้แอชรอนกัดและกินเลือดของทอรี่จนตายในที่สุด เทพีอโพลิมีชิงวิญญาณของทอรี่ไปและเล่าเรื่องราวให้ฟังพร้อมทั้งแนะนำว่าให้ ทอรี่ดื่มเลือดของแอชรอนเพื่อฟื้นคืนชีพ และจากนั้นก็ให้แอชรอนดื่มเลือดของทอรี่เพื่อจะได้ไม่ต้องมีการผูกพันกับเท วีอาร์ทิมิสอีก ทอรี่ตกลง และเมื่อฟื้นกลับมาทอรี่ก็ทำตามคำแนะนำของเทพีอโพลิมี จากนั้นก็มีชีวิตนิรันดร์เหมือนแอชรอน



ความเห็น


เรื่องนี้ทีแรกคิดว่าจะให้ 3 ดาวครึ่ง แต่หักออกครึ่งดาว เพราะความสมจริงในเหตุผลของเรื่องยังไม่มากพอใน 2 จุดซึ่งคิดว่าทำให้ความสนุกของเรื่องลดลง แต่ถ้าใครชอบเรื่องเทพเจ้ากรีก ก็อ่านได้สนุกพอใช้ เพราะเรื่องราวยุคปัจจุบันน้อยกว่าครึ่ง

ส่วนใหญ่เป็นเรื่องราวยุคโบราณสมัยแอตแลนติสก่อนเจอกับนางเอก เน้นเรื่องความสัมพันธ์กับอาร์ทีมิสมากกว่า แม้จะเป็นเพราะผู้เขียนต้องการปูพื้นเรื่องให้เห็นว่าเพราะอะไรแอชรอนถึงไม่ ไว้ใจใคร หรือไว้วางใจใครยาก แต่การรู้จักนางเอกและไว้ใจนางเอกก็ไม่ได้ปูพื้นให้เห็นมากสักเท่าไหร่ว่า ทำไมถึงได้ยอมวางใจอีกครั้ง ผ่านการทดสอบน้อยมากหรือแทบจะไม่มีเลยนอกจากด้วยคำพูดและการกระทำเพียงเล็ก น้อย ถ้าเทียบกับอดีตที่โดนกระทำอย่างหนักหนาสาหัส นอกจากที่มาบอกตอนหลังๆ ว่าแม่จับจองไว้ให้ และพระเอกเคยรู้จักตั้งแต่รุ่นปู่

และอีกจุดทีแม่แนะนำให้ทอรี่และแอชรอนดื่มเลือดซึ่งกันและกัน เพื่อให้แอชรอนหลุดจากการผูกพันกับอาร์ทิมิส (ง่ายไป) น่าสงสัยว่าแล้วแต่ละฝ่ายจะหาแหล่งอาหารจากที่ไหนให้ตัวเองเมื่อแต่ละคนต่าง ไม่กินเลือดคนอื่นเลยซึ่งต่างกับอพอลโลและอาร์ทิมิส ที่ยังมีแหล่งอาหารจากที่อื่น

แต่หนังสือก็ให้แง่คิดว่าถ้าเทพแห่งแอตแลนเตียนยอมรับชะตากรรมที่จะถึงกาล พินาศ แอชรอนก็ไม่ต้องมาตกระกำลำบากขนาดนี้ แต่เป็นเพราะทั้งพ่อและแม่ดิ้นรน ทำให้แอชรอนมีชีวิตที่ย่ำแย่ แต่กระนั้นเทพแอตแลนเตียนก็ยังไม่พ้นการดับสูญทั้งวงศ์อยู่ดี แม้ว่าจะเกิดจากผู้เป็นแม่ของแอชรอนแทน

greenteatgreentea




 

Create Date : 03 ตุลาคม 2552    
Last Update : 1 พฤษภาคม 2553 16:38:34 น.
Counter : 1603 Pageviews.  

นิมิตพิศวาส (Dream Man)

greenteagreentea



เรื่อง : นิมิตพิศวาส (Dream Man)

ผู้เขียน : ลินดา โฮเวิร์ด

ผู้แปล : พิชญา

ความสนุก : 3 ดาว



มาร์ลี คีนมีโอกาสได้ใช้ชีวิตปกติแบบชาวบ้านทั่วๆไป แค่ 6 ปี เมื่อเธอพบว่าความสามารถในการเห็นภาพนิมิตของเธอกลับมาอีก หลังจากที่คิดว่ามันจะหายไปจากเธอตลอดกาล

มันเกิดขึ้นในคืนวันศุกร์ระหว่างที่เธอขับรถจากโรงภาพยนตร์กลับบ้าน เธอเหมือนคลื่นรับวิทยุแรงสูงที่สามารถเชื่อมโยงความคิดและความรู้สึกจาก ฆาตกรโรคจิตขณะที่กำลังจัดการกับเหยื่อ ทำให้เธอไม่สามารถขับรถต่อไปได้ จนสายตรวจมาพบและขับตามไปส่งถึงบ้าน เมื่อถึงบ้านเธอหมดสติไปจนกระทั่งบ่ายวันเสาร์

นักสืบเดน ฮอลลิสเตอร์และคู่หู อเลฮานโดร แทรมเมลล์ เป็นผู้รับผิดชอบคดี ตำรวจเจอทางตันเพราะฆาตกรรู้ขั้นตอนทุกอย่างและปิดจุดอ่อนทั้งหมด ไม่ทิ้งร่องรอยให้สืบหา เช้าวันจันทร์มาร์ลีไปเล่าภาพที่เธอเห็นกับตำรวจ แม้เจ้านายของทั้งคู่จะค่อนข้างเชื่อถือเธอ แต่คู่หูทั้งคู่ไม่เชื่อแม้แต่น้อย โดยเฉพาะเดนกลับคิดว่าเธอสมรู้ร่วมคิดกับฆาตกรเพราะสามารถเล่ารายละเอียดได้ ตรงกับหลักฐานที่ทางตำรวจเก็บได้ ทำให้การพบกันครั้งแรกระหว่างมาร์ลีกับเดนค่อนข้างจะไม่เป็นที่ประทับใจนัก แต่เดนกลับรู้สึกสนใจเธอโดยไม่รู้ตัว

เขาตามดูพฤติกรรมของเธอเพราะคิดว่าเธอน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับ ฆาตกร แต่หลังจากได้หลักฐานว่าเธอเป็นคนทรงจริง และเคยช่วยงานตำรวจจากรัฐอื่นก่อนจะย้ายมาเมืองนี้ และคืนเกิดเหตุก็มีสายตรวจคนที่พบเธอระหว่างทางกลับบ้านเป็นพยาน ทำให้เดนโล่งใจพร้อมจะเดินหน้าสานสัมพันธ์ต่อ และตามสืบประวัติของเธอถึงสถาบันญาณศาสตร์ที่เธอเคยอาศัยอยู่ก่อนหน้าจะย้าย มาออร์ลันโด

คืนวันศุกร์มาร์ลีเกิดภาพนิมิตอีกและโทรศัพท์บอกเดน แต่เธอไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เมื่อมีอาการที่ว่าทำให้เดนฉวยโอกาสเข้ามา ดูแลเธอ และเริ่มสานสัมพันธ์นับแต่นั้น หลังจากเกิดการฆาตกรรมครั้งที่ 2 และเดนได้เห็นที่เกิดเหตุเป็นไปตามที่มาร์ลีบรรยายให้ฟัง ทำให้เขาต้องยอมรับว่าเธอเห็นมันจริงๆ และคอยช่วยดูแลเธอ แต่ตำรวจก็ไม่สามารถหาหลักฐานใดๆ ได้เพราะคาร์รอลล์ เจนส์เก่งในการปกปิดร่องรอย แต่เขาก็พลาดเพราะไม่คิดว่าจะมีคนแอบเห็นเขาได้ เมื่อเขาจัดการเหยื่อคนที่สาม และไปยืนหน้ากระจกส่องดูตัวเอง มาร์ลีจึงสามารถบอกรูปพรรณให้ตำรวจสเก๊ตภาพคนร้ายได้เหมือนจนเขาตกใจ แต่ก็มั่นใจการแปลงโฉมปกปิดตัวเอง

เดนใช้อุบายให้มาร์ลีเป็นเหยื่อล่อโดยไม่บอก ทำให้เธอโกรธมากเมื่อโดนทีวีมาสัมภาษณ์เรื่องเป็นคนทรงที่เข้ามาช่วยกรมตำรวจสืบหาคนร้ายโดยไม่รู้ตัว เพราะจับได้ว่าเป็นแผนของเดน เธอจึงแสดงตัวและท้าทายฆาตกรทำให้คาร์รอลล์รู้ว่าตำรวจรู้จักเขาได้อย่างไร เขาจึงตัดสินใจฆ่าเธอเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง เมื่อตามสืบรู้ว่าเธอย้ายไปพักกับเดน ส่วนบ้านของเธอเป็นกับดักจับเขา เขาจึงล่อให้เดนออกจากบ้านเพื่อเข้าไปจัดการกับเธอ โชคดีที่เดนเป็นห่วงมาร์ลีทำให้เขาตัดสินใจทิ้งปืนไว้ให้เธอป้องกันตัวเอง ซึ่งเธอก็สามารถใช้มันช่วยชีวิตตัวเองได้ในที่สุด



บันทึกแนบท้าย


เรื่องนี้ไม่ได้ปกปิดฆาตกรตามแนวนิยายสืบสวนมากนัก เพราะนางเอกเห็นเหตุการณ์ฆาตกรรมทุกครั้ง ในเรื่องบอกเป็นนัยมาตั้งแต่ต้นว่าฆาตกรทำงานที่แผนกบริการลูกค้าในห้างสรรพ สินค้า และเขาเลือกเหยื่อจากลูกค้าที่สร้างปัญหาให้เขา (เนื้อเรื่องไม่ได้เอ่ยถึงแรงจูงใจว่าทำไมเขาถึงมีปัญหาทางจิต) ซึ่งน่าเป็นอุทาหรณ์ให้เราได้เป็นอย่างดีถึงท่าทีในการร้องเรียน อิอิ

เดิมจะให้ 3 ดาวครึ่ง เพราะเป็นแนวเหนือจริงที่เป็นแนวโปรดผสมสืบสวน ทำให้น่าสนใจยิ่งขึ้น เท่ากับอ่านเรื่องเดียวได้ถึง 2 แนว แต่มีจุดหนึ่งที่ค่อนข้างไม่เห็นด้วยมากๆ เพราะคิดถึงเรื่องความปลอดภัย (อิอิ ถ้าได้อ่านคิดว่าจะทราบค่ะว่าหมายถึงจุดไหน) เลยหักคะแนนความชอบออกทำให้เหลือคะแนนความสนุกแค่ 3 ดาว

greenteatgreentea




 

Create Date : 02 ตุลาคม 2552    
Last Update : 1 ธันวาคม 2552 17:15:00 น.
Counter : 1125 Pageviews.  

1  2  3  4  

ชามินต์
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]












เสียดายจัง ต้องหาที่เล่นเพลงใหม่อีกแล้ว




free counters
เริ่มนับเมื่อ 2 ต.ค. 2552





เริ่มนับเมื่อ 12 ธ.ค. 2552



เข้าอ่านรัตนมณีแห่งดวงดาวตอนใหม่ค่ะ

ที่สุด...ของหัวใจ

New Comments
Friends' blogs
[Add ชามินต์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.