Group Blog
 
All Blogs
 
เรียนต่อออสฯ(1)

“ฮาโหล...นินจาหรือ” เสียงเจ้าเม้ง เพื่อนจากเมืองไทยลอดผ่านสายโทรศัพท์

“เออ...ข้าเอง” ผมงัวเงียเต็มที เพราะถูกปลุกให้ลุกมารับโทรศัพท์กลางดึก

“มีอะไรฟ่ะ ถึงโทรมาตอนตีสอง”

“อ้าว...ตีสองแล้วหรือ ทำไมเมืองไทยแค่สี่ทุ่มเอง”

โหย...คุณครับ ดูมันพูดสิ แต่ว่าไปแล้ว คนไทยส่วนใหญ่มักจะไม่รู้หรอกว่าเวลาที่ออสเตรเลียแตกต่างจากเมืองไทย บางทีต่างรัฐกันเวลายังทะลึ่งต่างกันอีก มิหนำซ้ำเมืองเดิมนี่แหละครับ แต่พอเปลี่ยนฤดู เวลาดันมีหด มีเพิ่มอีก เอากับมันสิเออ...

อย่างเมืองซิดนีย์ ออสเตรเลียที่ผมอยู่นี่ ในช่วงเข้าฤดูร้อนอย่างนี้เวลาจะเร็วกว่าไทย 4 ชั่วโมง ทั้งที่เมื่อเดือนสองเดือนก่อนยังเร็วกว่าไทยแค่ 3 ชั่วโมงเอง เพราะฉะนั้น การโดนโทรปลุกยามดึกเช่นนี้ เป็นเรื่องพอให้อภัย...ฮึ่ม...

“ข้ามีเรื่องปรึกษาหน่อย คือตอนนี้น้องสาวข้ากำลังจะเรียนจบตรีอยู่แล้ว มันอยากจะเรียนต่อที่ออสเตรเลีย แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง”

ครับ เพื่อเอาใจน้องเพื่อนที่แสนสวย แหะ...แหะ...รวมถึงคุณๆที่ร่ำๆจะบินมาขุดทอง หาความรู้ในดินแดนดาวน์อันเดอร์แห่งนี้ กระผมขออนุญาตร่ายยาวเรื่องเรียนต่อในถิ่นจิงโจ้เป็นซีรีย์เลยแล้วกันนะครับ

........................................................................................................

พูดถึงการเรียนต่อเมืองนอก แต่ก่อนจำได้ว่าการเป็นนักเรียนนอกมันเป็นเรื่องหรูหรา ใหญ่โต เป็นเรื่องของชนชั้นสูง ตระกูลเศรษฐี ไม่ก็เป็นเรื่องของผู้คงแก่เรียนที่ได้ทุนเล่าเรียนหลวง หรือได้ทุนจากเมืองนอกเมืองนาเชื้อเชิญให้ข้ามฟ้าข้ามทะเลไปร่ำเรียน

พูดง่ายๆคือ เป็นเรื่องของพวกไฮโซ บรรดาเหล่าโลว์โซ หรือมีเดียมโซ อย่างเราๆท่านๆ อย่าได้แหยมเชียวครับ

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมหาวิทยาลัย หรือตรรกะศิลาในประเทศต่างๆ ล้วนเป็นเขตสงวนของชนชั้นปกครองและพันธมิตร

แต่ในช่วงสอง สามทศวรรษที่ผ่านมา การศึกษาเริ่มถูกระบบทุนที่พัฒนามากขึ้นแปรเป็นสินค้า

สินค้าระดับอุตสาหกรรมเชียวละครับทั่น


อย่างออสเตรเลีย เมื่อก่อนไม่ได้สนใจจะเปิดให้คนต่างชาติเข้ามาเรียนมากมายเหมือนตอนนี้หรอกนะครับ การศึกษาโดยเฉพาะในระดับอุดมศึกษาของที่นี่จะสงวนให้คนของเขาเป็นหลัก คนต่างชาติหากจะมาเรียนด้วยส่วนใหญ่จะเป็นพวกเด็กทุน หรือไม่พ่อแม่ต้องร่ำรวยอู้ฟู่

แต่มาในระยะหลัง รัฐบาลออสซี่เริ่มมีนโยบายให้มหาวิทยาลัยแต่ละแห่งหารายได้กันเองให้มากขึ้น พึ่งเงินงบประมาณรัฐให้น้อยลง

เอ...นโยบายนี้คุ้นๆเหมือนของประเทศไหนหว่า ที่บอกว่าให้มหาวิทยาลัยออกนอกระบบน่ะ

ในตอนแรก แต่ละมหาวิทยาลัยจะหาเงินเพิ่มจากการขึ้นค่าเล่าเรียน เพียงติดอยู่ว่าคนออสซี่ประท้วงต่อต้านกันหนัก รัฐบาลและผู้บริหารมหาวิทยาลัยจึงหาทางออกโดยมุ่งเป้าหาเงินจากนักเรียนต่างชาติเป็นหลักก่อน

โดยเปิดให้คนต่างชาติเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยของเขาได้มากขึ้น แต่เก็บค่าเรียนแพงกว่าคนท้องถิ่นหลายเท่าตัว แถมยังขึ้นค่าเล่าเรียนทุกปี

อีกทั้งยังมีเงื่อนไขด้านภาษาอังกฤษ บังคับทางอ้อมให้เด็กต่างชาติต้องมาเรียนภาษาอังกฤษที่นี่อีก เรียกว่าเป็นนโยบายสร้างงาน สร้างเงินให้คนออสซี่จำนวนมาก

ทุกวันนี้ อุตสาหกรรมการศึกษาของออสเตรเลียจึงกลายเป็นอุตสาหกรรมดูดเงินเข้าประเทศเป็นอันดับต้นๆของเขา

คนไทยเราเอง ในระยะหลังนิยมมาเรียนต่อที่แดนจิงโจ้มากขึ้น เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศฝรั่งตาน้ำข้าว ที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักแล้ว ค่าเล่าเรียน ค่าใช้จ่ายที่ออสเตรเลียถูกกว่าอเมริกา และอังกฤษมาก อีกทั้งคุณภาพการศึกษายังไม่แตกต่างกันมากนัก สภาวะอากาศก็ไม่ได้เลวร้ายสาหัสจนเกินไป

ช่วงสิบกว่าปีนี้คนไทยจึงแห่มาเรียนต่อที่ออสเตรเลียกันตรึม...นี่ยังไม่นับพวกมาเที่ยวช็อปปิ้ง หรือพวกมาขุดทอง หารายได้เลี้ยงครอบครัวนะครับ

สำหรับคุณๆที่อยากมาเรียนต่อที่นี่ ก่อนอื่นควรตอบตัวเองก่อนว่า อยากมาเรียนแบบไหน เพราะแต่ละอย่างมีความเฉพาะในการเลือกที่เรียนแตกต่างกันครับ

อย่างเช่น ถ้าคุณอยากมาที่นี่เพราะกำลังตกงาน หรือเรียนจบแล้วแต่ยังหางานทำไม่ได้ เลยอยากผจญภัย ในเมืองนอก แบบเรียนเล่นๆ ก๊อกๆแก๊กๆไป แต่อยากทำงานเก็บเงินเป็นหลักเหมือนเพื่อนหลายคนของผม

หากจัดอยู่ในประเภทนี้เอียงหูมา จะกระซิบให้ครับ...

คุณต้องหาที่เรียนประเภท College เอกชน หลักสูตรสัพเหระอะไรก็ได้ เอาแบบหลักสูตรยาวๆสัก ปี-สองปี ราคาไม่แพงนัก ส่วนคุณภาพการเรียนการสอนนั้น แหะ...แหะ...ตามราคาครับ...อันนี้มีเยอะแยะครับ แล้วจะเล่าวิธีหาที่เรียนแบบนี้ให้ในวันหลังนะครับ อย่าลืมทวงละ

เอ...หรือคุณอยากมาเรียนเป็นหลัก แต่เน้นเรียนแค่ภาษาอังกฤษให้กล้าพูดคุยกับฝรั่ง ไม่สั่นงันงกเป็นผีเข้าเมื่อเจอพวกคนผิวขาว

อย่างนี้ต้องหาสถานที่เรียนภาษามีคุณภาพหน่อย แน่นอนว่าราคาย่อมสูงกว่าพวก College ข้างต้น

หรือคุณอยากจะได้ใบปริญญาจากเมืองนอกเมืองนา เพื่อสร้างคุณค่าของคุณเอง

ถ้าเลือกแบบนี้ เมื่อหลายปีก่อนคุณต้องใช้แต่ผลสอบประเภท IELTS มาเป็นกุญแจไขสู่ประตูระดับมหาวิทยาลัยอย่างเดียว แต่เดี๋ยวนี้แต่ละมหาวิทยาลัยเขาอยากทำเงินกับสถาบันภาษาให้มากขึ้น เลยเปิดหลักสูตร Direct Entry เปิดโอกาสให้คนเรียนต่อในสถาบันภาษาของมหาวิทยาลัยเขา หากเรียนจบหลักสูตรจะสามารถเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยได้โดยไม่ต้องใช้ผล IELTS ก็ได้

ดังนั้นจะให้ดี ผมแนะว่าคุณจะเข้ามหาวิทยาลัยไหน ก็น่าจะเลือกเรียนภาษาในสถาบันภาษาของมหาวิทยาลัยเขาเลย ยกเว้นแต่ว่าคุณอยากประหยัดค่าเรียนภาษาโดยเลือกสอบ IELTS หรือภาษาอังกฤษคุณเฉียบอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องสนใจเรื่องการเรียนภาษาในสถาบันภาษา ใช้ผลสอบ IELTS อย่างเดียวโลด...

ถ้าคุณยังลังเลไม่อาจตัดสินใจ ผมแนะนำให้ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนนะครับ

แหล่งแรกเลย ผมแนะนำให้คลิกอินเทอร์เน็ตไปที่เวบไซต์ยอมนิยม “พันทิพ”

//www.pantip.com/cafe/klaibann/

ตรงนี้จะรวบรวมกระทู้เกี่ยวกับการเรียนต่อ การใช้ชีวิตในต่างแดนมากมาย แต่ถ้าคุณๆอยากให้ชัดเจนลงไปก็ขยับเม้าส์ไปเลือกคลับที่ช่อง

“นักเรียนไทยในออสเตรเลีย”

เวบไซต์นี้เขามีนักเรียนไทยในออสเตรเลียหลายคนช่วยคุณๆตอบข้อข้องใจได้

คนหนึ่งที่ใจดี ขี้เล่น คือคุณดอส แห่งเมือง Brisbane ถ้าคุณๆอยากรู้อะไรเกี่ยวกับเมืองนี้อาจจะลองคลิ้กไปที่เวบไซต์ของเขาได้ที่

//dosday.com/diary/diary.shtml

แต่ถ้าเป็นข้อมูลเมือง Melbourne ลองเปิดเวบไซต์ของ บิลลี่แทน

//www.billytan.net

เวบนี้เมื่อก่อนเป็นเวบประเภทไดอารี่ แต่ระยะหลังเริ่มมีเรื่องราวจิปาถะมากขึ้น รวมถึงขยับทำการค้าหาที่พักให้เด็กนักเรียนไทยด้วย เป็นเวบน่าสนใจสำหรับมือใหม่อยากเป็นเด็กนอกอีกเวบหนึ่งครับ

อีกเวบไซต์หนึ่งที่อยากแนะนำคือเวบออสซี่ทิป

//www.aussietip.com

สำหรับเวบนี้ คนทำจัดรูปแบบคล้ายนิตยสาร มีคอลัมน์หลากหลายพอสมควร แต่ข้อมูลหลักคงเน้นที่เมืองใหญ่อันดับสองของประเทศออสเตรเลีย นั่นคือ Melbourne

ส่วนผู้สนใจ อยากเรียนต่อในเมืองใหญ่ที่สุด คึกคักที่สุดของออสเตรเลีย อย่าง Sydney อันนี้นินจา ราตรีขอแสดงความเสียใจว่า ยังหาเวบที่มีข้อมูลเฉพาะเจาะจง อย่างเวบด้านบนไม่ได้เลยครับ ฮือ...ฮือ... จะมีก็แต่พวกเวบไซต์ของเอเยนต์นักเรียน ซึ่งเราจะว่ากันทีหลัง

เมืองอื่นๆเหมือนกันนะครับ ยังหาเวบไซต์ภาษาไทยดีๆไม่ได้ ใครมีข้อมูลเวบไซต์ดีๆ ที่กระผมตกหล่น เพิ่มเติม แนะนำได้เลยนะครับ

โม้ไปมา ยังไม่ถึงไหนเลย เอาเป็นว่าสัปดาห์หน้า เรามาว่ากันเรื่องการเตรียมตัวว่าต้องติวเข้มภาษาอังกฤษล่วงหน้าก่อนบินปร๋อมาที่นี่มากน้อยแค่ไหนแล้วกันนะครับ

อาทิตย์นี้ ลาก่อน สวัสดีครับ...

........................................................................................................

บทความนี้ผมเขียนลง ตีพิมพ์ครั้งแรกโดยใช้นามปากกา "นินจา ราตรี" ลงในเวบไซด์ //www.manager.co.th ส่วนของ คอลัมนิสต์ออนไลน์ เมื่อวันที่ 24พฤศจิกายน 2546



Create Date : 18 ธันวาคม 2550
Last Update : 18 ธันวาคม 2550 12:05:39 น. 2 comments
Counter : 614 Pageviews.

 
สนใจที่จะไปขุดทองเป็นหลักอ่ะ อิอิ


โดย: bebek วันที่: 21 ธันวาคม 2550 เวลา:13:48:53 น.  

 
สนใจขุดทองด้วย อิ อิ แต่ก็อยากเรียนด้วยนะอิอิ


โดย: friendlymitt IP: 58.147.56.64 วันที่: 18 มกราคม 2551 เวลา:3:45:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สายน้ำกับสายเมฆ
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Locations of visitors to this page

Tracked by Histats.com
Friends' blogs
[Add สายน้ำกับสายเมฆ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.