Group Blog
 
All Blogs
 
คำเตือน...อยู่แดนออสฯใช่ปลอดภัย

จำได้ว่าสมัยผมเดินทางมาถึงดินแดนจิงโจ้...ออสเตรเลียใหม่ๆ ค่อนข้างแปลกตา ตื่นใจกับสภาพบ้านเมืองของเขา

เนื่องด้วยบ้านเรือนของคนออสซี่ส่วนใหญ่จะมีเพียงรั้วเตี้ยๆ สูงประมาณหมาเขย่งก้าวกระโดดก็พ้น

รั้วบ้านสูงเท่านี้คงไม่สามารถกีดขวาง ป้องกันโจรผู้ร้ายใดๆ อย่างมากคงมีไว้เพื่อบ่งชี้อาณาบริเวณบ้านมากกว่า

นี่ช่างแตกต่างจากแผ่นดินไทยที่ผมเพิ่งจากมา บ้านเรือนของเรา โดยเฉพาะในเขตเมืองหลวงดูจะมีปราการป้องกันโจรขโมยจนคล้ายกับอยู่อาศัยในคุกก็ไม่ปาน

ผมเลยเข้าใจไปเองว่า ดินแดนออสเตรเลียคงไม่มีโจรผู้ร้ายชุกชุมเหมือนเมืองไทย อยู่ที่นี่คงมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเป็นแน่แท้

แต่หลายๆปีผ่านไป ผมได้เรียนรู้ว่า สิ่งที่คิดเมื่อแรกนั้น ผิดถนัด !

ออสเตรเลีย ไม่ได้แตกต่างจากเมืองไทย หรือเมืองอื่นๆของโลก สวัสดิภาพ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินยังเป็นปัญหาหลักของประเทศ

วันนี้ กระผม...นายนินจา ราตรี จึงขอประมวลประสบการณ์ทั้งที่พบเจอด้วยตนเอง รวมถึงเรื่องราวที่ได้รับรู้ รับฟังมาเล่าต่อๆให้คุณๆได้รับทราบ

ด้วยหวังจะเป็นอุทาหรณ์ ข้อเตือนใจให้กับผู้ซึ่งเตรียมเดินทางมาท่องเที่ยว หรือมาศึกษาต่อ รวมทั้งพวกที่มาใช้ชีวิตในดินแดนดาวน์อันเดอร์แห่งนี้

เรื่องแรกที่อยากบอกกล่าวคือ

อยู่ที่นี่ คุณๆ ไม่จำเป็นต้องสะสม สวมใส่เครื่องประดับ หรือใช้ของหรูหรา ราคาแพง

ประเภท สายสร้อยทองคำเส้นโต แหวนเพชรเม็ดเขื่อง หรือแม้แต่บรรดานาฬิกายี่ห้อหรู กระเป๋ายี่ห้อแพง

เหล่านี้ควรเก็บไว้ที่เมืองไทยครับ

สังคมออสเตรเลีย ผู้คนเขาไม่สนใจหรอกว่าคุณจะใส่ของแพง หรือใช้ของเบรนเนม ของนอกกายพวกนี้มันไม่ทำให้คุณดูดี หรือมีคุณค่า หรือได้รับการยกย่องมากขึ้นกว่าเดิมหรอกครับ

ดีไม่ดีของสูญหายจะยิ่งเจ็บใจกว่าเดิม

แต่ถ้าคุณจำเป็นต้องมีของมีค่า ราคาแพง การเก็บของให้มิดชิด ปลอดภัย ยังเป็นเรื่องจำเป็น

เพราะบ้านเรือน หรือห้องพักของคนที่นี่ส่วนใหญ่จะอ่อนด้อยเรื่องมาตรการป้องกันความปลอดภัย

ยิ่งถ้าคุณๆมาแชร์บ้านหรือห้องพักร่วมกับคนอื่น ยิ่งต้องระวังให้ดี เพราะห้องพักส่วนตัวของคุณมักจะไม่มีกุญแจล็อค

นั่นหมายถึงการเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเข้าออกได้อย่างเสรี

เพื่อนของผมหลายคนเคยมีประสบการณ์ถูกโจรยกเค้า ค้นห้องพัก หยิบฉวยข้าวของราคาแพงไปครอบครอง

อย่างกรณีของเจ้าแนท เขาแชร์บ้านพักอยู่ร่วมกับคนไทยอีก 4-5 คน ทุกคนต่างทำงานในร้านอาหารไทย แม้ว่าจะเป็นคนละร้าน แต่ทุกเย็น บ้านพักของแนทมักจะไม่มีคนอยู่ เพราะทุกคนต่างออกไปทำงาน

ค่ำคืนหนึ่ง เมื่อทุกคนกลับมาบ้านหลังจากเหน็ดเหนื่อยจากงาน สิ่งที่พบเจอคือ ประตูบ้านถูกงัด ห้องพักทุกห้องถูกค้นกระจุยกระจาย ข้าวของมีค่าถูกยกเค้าเกลี้ยงบ้าน

หรืออย่างกรณีของเจ้าจอม เขาแชร์ห้องพักอยู่ร่วมกับเพื่อนฝรั่งอีกหลายคน วันนั้น เป็นหน้าร้อน จอมเปิดประตูห้องทิ้งเอาไว้ แล้วนอนเล่นอยู่ตรงห้องโถงรับลมเย็นที่โชยผ่านประตู

จอมเล่าว่า ขณะเคลิ้มหลับ ได้ยินเสียงดังกุกกัก จึงลืมตาตื่น ลุกขึ้นมาเห็นฝรั่งวัยรุ่นคนหนึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาอยู่ตรงแล็บท็อปคอมพิวเตอร์ ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะทานอาหารกลางห้อง

ตอนแรกเขาเข้าใจว่าฝรั่งคนนี้คงเป็นเพื่อนของคนในบ้าน จึงพูดทักทายไปตามปกติ แต่วัยรุ่นคนนั้นกลับตกใจวิ่งหนีออกประตูไปทันที

ครับ คราวนี้ยังโชคดีที่ไม่สูญของ แต่ใครจะรับประกันละครับว่าครั้งต่อไปจะโชคดีเช่นนี้อีก

ทางที่พอจะป้องกันได้สำหรับการถูกโจรกรรม ยกเค้า นอกจากความไม่ประมาทแล้ว คือพยายามหลีกเลี่ยงการพักอาศัยในแหล่งอาชญากรรม ซึ่งคุณๆสามารถสอบถามได้จากเพื่อนฝูงซึ่งเคยอาศัยอยู่ในย่านนั้นๆ

นอกจากบ้านพักอาศัยจะเป็นแหล่งที่อาจจะถูกโจรกรรมแล้ว ร้านค้าต่างๆก็เป็นอีกเป้าหมายหนึ่งของโจรออสซี่ ซึ่งนับวันจะยิ่งชุกชุมมากขึ้น

ร้านอาหารไทยแทบทุกแห่งล้วนมีประสบการณ์ถูกงัดแงะประตูขโมยของมาแล้ว หลายแห่งถึงขนาดต้องวางลิ้นชักแคชเชียร์เงินที่ว่างเปล่า โชว์ไว้หน้าร้าน ให้โจรเห็นชัดๆว่า “อย่างัดเข้ามาเลย ป่วยการเปล่าๆ” บางร้านถึงขนาดเขียนป้ายประกาศให้เห็นกันชัดเจนว่า “No Cash”

คุณๆที่ทำงานในร้านอาหารไทยก็ต้องระวังนะครับ อย่าเผลอแขวน หรือวางกระเป๋าไว้ให้เตะตามากนัก เคยมีหลายครั้งที่โจรแฝงตัวเป็นลูกค้าเดินตรงเข้ามาถึงที่เก็บของหยิบฉวยกระเป๋าเงินไปหน้าตาเฉย

ส่วนคุณๆที่เป็นนักเรียน นักศึกษา เข้าห้องสมุด หรือในชั้นเรียนก็อย่าเผลอเรอวางกระเป๋าทิ้งเอาไว้ เพราะสถานที่เหล่านี้ เป็นอีกแหล่งหนึ่งที่โจรนิยมลักขโมยของ

เช่นเดียวกันครับ ตามร้านอาหาร ร้านกาแฟ หากคุณมีกระเป๋า โทรศัพท์มือถือ กระเป๋ากล้อง อย่าประมาทวางไว้โดยไม่สนใจ เดี๋ยวข้าวของจะเปลี่ยนเจ้าของโดยไม่รู้ตัว

สิ่งที่ควรระวังต่อไปคือ พยายามอย่าสัญจรในที่เปลี่ยว ยามวิกาล

คนไทยหลายคนเคยถูกจี้ ถูกขู่กรรโชกเงินทอง รวมทั้งถูกทำร้ายร่างกาย

อย่างกรณีของเจ้าเตย เขาอุตส่าห์เก็บเนื้อถนอมตัวอยู่รอดปลอดภัยมาจนถึงวันสุดท้าย ก่อนกลับเมืองไทยพร้อมใบปริญญา คืนนั้นเขาเข้าเมืองไปฉลองอำลากับเพื่อนๆ จนถึงตีสองเศษ หลังจากแยกจากเพื่อนฝูง เตยเมามาก เขาบอกว่าเดินอยู่ดีๆก็หมดสติ ตื่นมาตอนเช้ามีตำรวจมาปลุก ถึงรู้ว่าถูกตีหัวลอกคราบเสียเกลี้ยงกระเป๋า

โชคดีว่าวันนั้นเตยไม่ได้พกพาสปอร์ต และไม่ได้เอาตั๋วเครื่องบินติดตัวไป ไม่เช่นนั้นคงไม่ได้กลับเมืองไทยตามกำหนดแน่

หรืออย่างกรณีของแจ็ค ขณะเดินเล่นกับแฟนยามค่ำคืน มีฝรั่งร่างยักษ์สามสี่คนเดินตรงเข้ามากอดคอเขาพร้อมเอาขวดเบียร์ซึ่งตีแตกเป็นปากฉลามมาขู่ให้แจ็คส่งกระเป๋าเงินให้แต่โดยดี

แต่ไม่ใช่เพียงแค่ยามวิกาลนะครับที่ควรระมัดวัง ยามปกติคุณๆก็ไม่ควรเผลอเรอ โดยเฉพาะคุณผู้หญิง กระเป๋าถือประเภทห้อยแขนยิ่งต้องระมัดระวัง เพราะมีหลายคนถูกกระชากกระเป๋าวิ่งหนีตอนกลางวันแสกๆนี่แหละ

ครับ พูดถึงภัยของคุณผู้หญิง อดจะกล่าวเตือนเรื่องภัยข่มขืน หรือเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศไม่ได้

ถึงแม้ภัยข่มขืนในออสเตรเลียจะไม่มีมากเท่าเมืองไทย แต่ไม่ควรประมาทนะครับ โดยเฉพาะกับเพื่อนฝูง คนใกล้ชิด และที่สำคัญเจ้าของร้านอาหารไทยที่คุณๆทำงานกันนี่แหละ ตัวสำคัญนัก

มีเรื่องราวเล่าขานกันมาก เรื่องนักศึกษาสาวไทยบางคนที่ถูกเจ้าของร้านใจโฉด หลอกล่อให้ใจอ่อน ตกเป็นภรรยาน้อย บางคนโชคร้ายถูกข่มขืน ถูกลงแขก มิหน่ำซ้ำยังถูกป่าวประกาศประจานให้เสียอีก

ภัยอาชญากรรมที่กระผมเล่าในวันนี้ แม้ว่าจะมีสถิติ และความรุนแรงน้อยกว่าเมืองไทย หรืออีกหลายแห่งในโลก แต่คุณๆคงไม่อยากให้เกิดขึ้นกับตัวเอง หรือคนในครอบครัวไม่ใช่หรือครับ

อ๋อ...สำหรับตำรวจหรือครับ

อึม...อยากจะบอกตรงๆว่า อย่าหวังพึ่งเลย

เพราะตำรวจทุกแห่งในโลก ล้วนมีคุณภาพเดียวกัน

คุณภาพแบบตำรวจไทย !?!

ดังนั้น กรุณาช่วยตัวเอง อย่าอยู่ในความประมาท และพึงหลีกเลี่ยงแหล่งอโคจรทั้งหลาย

ขอให้ทุกท่าน อยู่รอด ปลอดภัย ในดินแดนจิงโจ้แห่งนี้นะครับ


.......................................................................................................

บทความนี้ผมเขียนลง ตีพิมพ์ครั้งแรกโดยใช้นามปากกา "นินจา ราตรี" ลงในเวบไซด์ //www.manager.co.th ส่วนของ คอลัมนิสต์ออนไลน์ เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2547




Create Date : 22 มกราคม 2551
Last Update : 22 มกราคม 2551 9:23:27 น. 4 comments
Counter : 664 Pageviews.

 
น่าสนใจมากค่ะ
วางแผนอยากไปเรียนที่ออสเตรเลียอยู่เหมือนกัน
ที่ไหน ๆ ก็ไม่ปลอดภัยทั้งนั้นเนอะ...


โดย: Almondblist วันที่: 22 มกราคม 2551 เวลา:11:35:02 น.  

 
ขอบคุณค่ะที่นำมาบอก
คงต้องระวังกันมากค่ะขึ้นค่ะ ...


โดย: Herzspezialist วันที่: 22 มกราคม 2551 เวลา:15:17:48 น.  

 
ทุกแห่งในโลกนี้เหมือนกันหมดค่ะ ที่ไอร์แลนด์ ทุกบ้านเขาจะมีสัญญากันขโมยค่ะ ก็เชฟได้น่ะค่ะ ป้องกันไว้ก่อนดีกว่า


โดย: คุณนายก้อ วันที่: 22 มกราคม 2551 เวลา:18:23:10 น.  

 
อืม เราก็หวาดๆอยู่เหมือนกัน ยิ่งช่วงนี้อยู่บ้านคนเดียวด้วย ตอนอยู่เมืองไทยจะกลัวผี แต่อยู่ที่นี่ผีไม่กลัวค่ะ กลัวคนมากกว่าค่ะ




โดย: BeachBum วันที่: 22 มกราคม 2551 เวลา:18:30:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สายน้ำกับสายเมฆ
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Locations of visitors to this page

Tracked by Histats.com
Friends' blogs
[Add สายน้ำกับสายเมฆ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.