Group Blog
 
All Blogs
 
เรียนต่อออสฯ(5)

เมื่อวาน ผมได้รับอี-เมล์ จากเจ้าเผือก เพื่อนซี้เก๋ากึ๊กดึกดำบรรพ์ ตั้งแต่สมัยนุ่งขาสั้น วิ่งเล่นเตะบอลอยู่กลางสนามทรายในโรงเรียน มันเขียนมาถามว่า

“เฮ้ย...นินจา ถามจริงๆเหอะ ถ้าจะไปเรียนต่อที่ออสเตรเลียสักปีหนึ่ง ต้องใช้เงินถึงล้านไหม...”

เออ...จริงสิ ผมจำได้ว่า สิ่งหนึ่งที่กระผมกังวลใจมากตอนจะมาเรียนต่อในแดนจิงโจ้ นอกจากเรื่อง ภาษา และความแปลกใหม่ของสภาพแวดล้อมแล้ว

สิ่งนั้นคือ เรื่องเงิน..เงิน...เงิน

โธ่...ไอ้เรา มันไม่ได้เกิดมามี พานทองแท้รองรับตัวตอนอุแว้...อุแว้...นี่ขอรับ

พูดถึงค่าใช้จ่ายในการเรียนต่อที่นี่ คงต้องแยกออกเป็น 3 ส่วนนะครับ

ค่าเล่าเรียน ค่าใช้จ่ายส่วนตัว และค่าใช้จ่ายพิเศษ

ค่าใช้จ่ายพิเศษนี้ กระผมหมายถึง ค่าเครื่องบิน ค่าทำวีซ่า ค่าตรวจสุขภาพ ค่าประกันสุขภาพ ค่าใช้จ่ายตรงนี้ค่อนข้างชัดเจน ถ้าคุณๆไม่ขี้เหงา บินกลับเมืองไทยบ่อยๆ คงไม่เปลืองเพิ่มขึ้น

ค่าใช้จ่ายที่ชัดเจนอีกอย่างคือ ค่าเล่าเรียน

ปกติ ถ้าคุณมาเรียนภาษาที่ออสเตรเลีย ระยะเวลา 40 สัปดาห์ หรือ 1 ปี ค่าเรียนจะตกประมาณ 8,000 ถึง 12,000 เหรียญ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณภาพของแต่ละสถาบัน

หากมาเรียนระดับมัธยม ค่าเล่าเรียนอยู่ที่ 6,000 ถึง 8,000 เหรียญ

เรียนวิทยาลัยเทคนิค หรือที่นี่จะเรียกกันว่าเรียน TAFE ค่าเรียนจะประมาณ 6,000 ถึง 8,000 เหรียญ

ถ้าเรียนปริญญาตรี ค่าเล่าเรียนจะตก 8,000 ถึง 14,000 เหรียญ

ส่วนระดับปริญญาโท และปริญญาเอก ค่าเล่าเรียนจะอยู่ที่ 9,500 เหรียญ ถึง 15,000 เหรียญ

ค่าเล่าเรียนพวกนี้ ต้องระวังนะครับ ออสซี่เจ้าของประเทศมันปรับราคาแทบทุกปี ฟันเงินนักเรียนต่างชาติเข้ากระเป๋าเพิ่มขึ้นปีละหลายตังค์ทีเดียวครับ

สำหรับค่าใช้จ่ายส่วนตัว เท่าที่ตรวจเช็คยอดรายจ่ายของตัวกระผมเอง รวมทั้งตรวจทานกับผองเพื่อน สรุปได้ว่าค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะตกประมาณคนละ 800 ถึง 1,200 เหรียญต่อเดือน

เงินก้อนนี้ค่าใช้จ่ายมากที่สุดคือ ค่าที่พัก ถ้าคุณๆมีญาติ มิตร ผู้เอื้ออารีให้พักฟรี ย่อมประหยัดเงินไปโข

แต่ถ้าคุณตัดสินใจเลือกที่พักแบบ Home Stay หรือที่พูดง่ายๆว่า ไปพักอาศัยกับครอบครัวคนออสซี่ ค่าใช้จ่ายตรงนี้อาจจะสูงเสียหน่อยตกประมาณ 120 – 280 เหรียญต่อสัปดาห์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของเมืองที่คุณอยู่ว่าอยู่เมืองที่มีค่าใช้จ่ายสูงมากน้อยแค่ไหน และยังรวมถึงเงื่อนไขของอาหารที่เขาเตรียมให้ในแต่ละสัปดาห์ว่าจะมีมากน้อยแค่ไหนด้วย

ถ้าคุณๆที่ตัดสินใจเลือกอยู่แบบ Home Stay ค่าใช้จ่ายส่วนตัวในแต่ละเดือนย่อมสูงขึ้นเกิน 1,000 เหรียญ เพราะคำนวณคร่าวๆ แค่ค่าที่พักดันทะลุเข้าไปกว่า 800 เหรียญแล้วนี่ครับ

ไหนๆพูดถึง Home Stay นินจา ราตรี ขอเลี้ยวขวาออกนอกประเด็นไปสักนิดนะครับ หากคุณๆคิดหวังว่ามาอยู่ Home Stay แล้วจะได้เรียนรู้วัฒนธรรมและการดำเนินชีวิตแบบออสซี่แท้ๆ อันนี้ต้องบอกว่า ขึ้นอยู่กับดวงของแต่ละคนครับ

ใครได้อยู่กับ Home Stay ฝรั่งชาวออสซี่ ผู้เอื้ออารี คอยชวนพูด ชวนคุย พาไปโน่น มานี่ ถือว่าคุณโชคดีอย่างยิ่ง เพราะคุณจะได้พัฒนาภาษาอังกฤษจากเจ้าของภาษาอย่างแท้จริง

แต่เท่าที่ทราบ เด็กไทยที่มาอยู่ Home Stay ไม่รู้ทำไม มักโชคร้าย บางคนถึงขั้นซวยสุดๆ เลย

อย่างน้องเอิน พ่อแม่ของเธอต้องการให้เธอมาพัก Home Stay เธอระบุไปกับทางเอเยนต์นักเรียนตั้งแต่ตอนสมัครเรียนว่า ไม่ต้องการอยู่ในบ้านที่สูบบุหรี่และเลี้ยงสัตว์ เพราะเธอเป็นโรคภูมิแพ้ ทางเอเยนต์ตัวดีรับปากขันแข็ง อ้างอิงว่า Home Stay ที่เลือกให้เป็นครอบครัวฝรั่งชั้นดี สารพัดจะคุยโว

แต่พอบินมาถึงที่นี่ แรกเข้าประตูเธอก็ช็อกแล้วครับทั่น

หมาตัวยักษ์โถมเข้ามาทักทาย พร้อมสาวเอเซียร่างยักษ์ที่กำลังสูบบุหรี่ พ่นควันป๋อยๆ น้องเอินมารู้ภายหลังว่า ครอบครัวนี้เป็นครอบครัวชาวอินโดนีเซียที่แปลงสัญชาติเป็นคนออสเตรเลียแล้ว ครอบครัวนี้เปิดบ้านให้นักเรียนต่างชาติอยู่หลายคน เรียกว่า ทำกันเป็นอาชีพหลักเลยทีเดียว

น้องเอินเล่าว่า บ้านนี้นอกจากจะสกปรก ถึงขั้นโสโครกแล้ว อาหารที่บอกว่าจะมีเตรียมไว้ให้ในตอนเช้าและมื้อเย็นนั้น บางวันก็ไม่เป็นไปตามข้อตกลง

และที่สำคัญคือ บ้านนี้ห้องน้ำ และห้องนอนไม่มีกุญแจล็อก ซึ่งจะว่าไปก็เหมือนกับบ้านทั่วๆไปของออสเตรเลียนี่แหละครับ แต่รายน้องเอินเธอซวยหน่อย

เพราะมีอยู่คืนหนึ่ง ตาเจ้าของบ้านผู้ชาย ไม่รู้ว่าอารมณ์เปลี่ยวหื่นมาจากไหน อาจจะเป็นเพราะแม่บ้านไม่อยู่ละมั้ง ตานี่เลยถือวิสาสะ เปิดประตูห้องนอนพรวดเข้ามาหาน้องเอินในยามดึก ถามว่า “เหงาไหม จะอยู่เป็นเพื่อน”

โอ้แม่เจ้า...กว่าน้องเอินจะร้องไล่ให้ออกไปได้ เล่นเอาเธอแทบบ้า คืนนั้นเธอต้องขนสัมภาระต่างๆมากองขวางประตูไว้ทั้งคืน

วันรุ่งขึ้นเธอไปแจ้งที่โรงเรียนสอนภาษาให้เปลี่ยน Home Stay แต่ได้รับคำตอบว่า ต้องรอคิวไปก่อน ตอนนี้ Home Stay เต็ม พอเล่าเรื่องให้เจ้าหน้าที่ฟัง เจ้าหน้าที่กลับบอกว่า น้องเอินคิดมากไปเอง ตาเจ้าของบ้านเขาอาจจะเข้ามาถามไถ่ด้วยความห่วงใยเท่านั้น

ครับ นี่เป็นแค่ตัวอย่างเล็กๆเท่านั้น หากใครจะมาอยู่แบบ Home Stay ต้องทำใจไว้บ้างนะครับ อย่าหวังสูงนัก...

ย้อนกลับมาพูดเรื่องค่าใช้จ่ายดีกว่า หากคุณๆเลือกพักแบบแชร์ร่วมกับคนอื่น แบบที่เรียกว่า Share Mateไม่ว่าจะเป็นคนไทย หรือต่างชาติ ค่าที่พักจะประหยัดลงมาก ตกอยู่ประมาณ 60 – 150 เหรียญ ขึ้นอยู่ว่าคุณจะแชร์อยู่กันกี่คน รวมทั้งที่พักในเมืองย่อมแพงกว่านอกเมืองเป็นธรรมดา

นอกจากนี้ยังมีที่พักแบบ หอพักในมหาวิทยาลัย หรือสถานศึกษา อันนี้ราคาแพงพอๆหรือบางทีมากกว่าแบบ Home Stay ด้วยซ้ำไป แต่มีข้อดีคือ คุณๆจะได้เจอเพื่อนนักศึกษาต่างชาติมากมาย ให้พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน

ค่าใช้จ่ายหลักที่สามารถประหยัดได้อีกอย่าง สำหรับคนที่อยู่แบบแชร์ร่วมกับคนอื่นคือ ค่าอาหาร หากคุณๆสามารถทำอาหารทานเองได้ แน่นอนครับ ย่อมถูก ประหยัด และถูกปากมากกว่าไปซื้อกินข้างนอก

ค่าใช้จ่ายหลักอีกอย่างคือค่าเดินทาง หากจะประหยัดค่าเดินทาง กระผมแนะให้เลือกหาที่พักแถวที่คุณเรียน หรือใกล้แหล่งทำงานหาเงินของคุณก็ได้ครับ

สรุป เปิดบัญชีค่าใช้จ่ายส่วนตัวของผมถัวเฉลี่ยอยู่ที่ 800 เหรียญ เป็น ค่าอาหาร 200 เหรียญ ค่าที่พัก 400 เหรียญ ค่าเดินทาง 50 เหรียญ ค่าจิปาถะ 150 เหรียญ

ครับ คิดคำนวนเป็นเงินไทยแล้วเดือนหนึ่งๆ ใช้จ่ายโขอยู่

คุณๆที่ขอเงินพ่อแม่มาเรียน ยังไงอย่าไปเพิ่มค่าใช้จ่ายด้วยการพนันอีกละ

ไม่เช่นนั้นเงินมากไม่ไหร่ก็ไม่พอให้คุณผลาญ


........................................................................................................

บทความนี้ผมเขียนลง ตีพิมพ์ครั้งแรกโดยใช้นามปากกา "นินจา ราตรี" ลงในเวบไซด์ //www.manager.co.th ส่วนของ คอลัมนิสต์ออนไลน์ เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2546



Create Date : 27 ธันวาคม 2550
Last Update : 27 ธันวาคม 2550 9:24:27 น. 0 comments
Counter : 1154 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สายน้ำกับสายเมฆ
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Locations of visitors to this page

Tracked by Histats.com
Friends' blogs
[Add สายน้ำกับสายเมฆ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.