พลัดถิ่น กิน เที่ยว ช้อปฯ ไปกับรักครั้งสุดท้าย
Group Blog
 
All blogs
 
♥ ♥ ♥ ยังไม่ได้ช็อปฯ ขอชิมก่อนก็ยังดี ^ ^ ♥ ♥ ♥

มาอยู่เสิ่นหยางได้ 3-4 วันแล้ว จะไม่เขียนถึงอาหารที่นี่เลยก็กระไรอยู่ จริงมั้ยคะ

มื้อเย็นวันแรก เริ่มเลยคุณสามีอยากทานร้านไต้หวันที่เคยมีเห็ด 5 อย่าง ไก่ทอดพริก ฟองเต้าหู้ยัดไส้ชุบไข่ทอด แต่พอเราเดินไปกลับพบว่าร้านปิดไปซะแล้วค่ะ เลยต้องไปอีกร้านนึงซึ่งเป็นร้านประจำเหมือนกัน เพราะอาหารจีนที่นั่นรสชาติดี พนักงานพูดอังกฤษไม่ได้เลย แต่พยายามช่วยเรามากๆ ....

ไปถึงก็สั่งเมนูเดิมๆ ค่ะ เลือดเป็ดผัดน้ำมันพริก (เผ็ดมากกกกก ที่เห็นมาเป็นกาละมัง ไม่ได้เยอะมากมายอะไรนะคะ ข้างล่างเป็นถั่วงอกค่ะ)
แล้วก็ปากเป็ดทอด ซึ่งเป็นจานที่เรายังไม่เคยทานเมื่อคราวที่แล้วที่มาเสิ่นหยาง ทอดไม่กรอบกร๊วบบบ เหมือนบ้านเรา แต่กรอบนอกนุ่มในค่ะ ไม่ต้องจิ้มกับอะไรเลย อร่อยค่ะ จานที่ 3 นี่ พยายามอยู่นานกว่าจะมั่วได้ เพราะไม่รู้จักคำว่าเอ็นข้อไก่ กับ ข้าวตัง ในภาษาจีน สุดท้ายก็ตัดใจสั่งมั่วๆ ไป ปรากฏว่ากลับเป็นเมนูที่เราอยากทานพอดีค่ะ จะเป็นเอ็นข้อไก่ผัดพริกแล้วใส่ข้าวตังทอดกรอบให้ด้วย ทานเพลินเลยค่ะ ชื่อในภาษาจีน คือ Jiang1 la4 ji1 cui4 gu3



ทานกันแบบถนอมเนื้อที่กระเพาะมากมื้อนี้ เพราะเรามีที่หมายต่อไป คือ Kao3 yang2 rou4 (เนื้อแกะเสียบไม้ย่าง) ค่ะ เดินออกจากร้านไปหน่อยก็จะถึงส่วนที่เป็นถนนคนเดิน ตั้งใจจะไปซื้อร้านเดิม ปรากฏว่า ตลอดแนวร้านอาหารที่เคยเดินซื้อนั้นได้หายไปกลายเป็นห้างอิเซตัน และตึกที่กำลังสร้างใหม่ไปซะแร้ววววววววว .....

แต่ยังดีที่อิชั้นเกิดปีจอ ทำให้ได้กลิ่นเจ้าแกะย่างนี่อยู่ไม่ไกลค่ะ ดมๆ แล้วเดินตามไปก็เจอร้านนี้เลยค่ะ กำลังย่างกันร้อนๆ เลยเชียว มีคนมุงๆ อยู่แต่ไม่เยอะเหมือนร้านที่เคยซื้อ อาจจะเพราะใกล้สองทุ่มแล้ว ร้านจะอยู่ในซอยที่มีร้าน Yoshinoya อยู่หัวมุมค่ะ หาไม่ยาก แถมถนนที่หน้าร้านนี่ตั้งอยู่ก็มีร้านขายปลาหมึกเสียบไม้ย่างแบบเดียวกัน กับ ร้านพุทราเชื่อมอยู่ขวางถนนเลยค่ะ (เส้นใหญ่เจงๆ) ร้านนี้มีพวกลูกชิ้นเสียบไม้ ผัก ให้เลือกต้มเป็นชามๆ ทานด้วย (ในเซี่ยงไฮ้ก็มีเยอะค่ะ แต่ยังไม่เคยลองซะที) แล้วก็มีขนมหวานคล้ายไข่หงส์บ้านเรา แต่เค้าบอกว่ามีไส้น้ำตาลข้างใน คนไปรุมซื้อกันตอนเพิ่งขึ้นจากกระทะเลยค่ะ หน้าตาน่าทานมากๆ อยากชิมแต่โดนสามียั้งไว้เพราะเค้าอิ่มมาก (เกี่ยวไรด้วยล่ะนี่...เค้าบอกว่า ปกติขนมที่เป็นแป้งๆ มีไส้พวกนี้ อิชั้นเห็นคนจีนทานน่าอร่อยมาก แต่พอซื้อมาทีไร กัดคำเดียววางเลย คนรับเหมาอย่างเค้าเดือดร้อนทุกทีค่ะ....) แต่ยังไงก่อนออกจากเสิ่นหยางก็ต้องขอชิมซักครั้งค่ะ



ของโปรดค่ะ มาซื้อทุกวันทีละ 10 ไม้ (บางวัน 2 รอบ) ขณะที่คนจีนเค้าซื้อกันทีละ 3-4 ไม้อย่างมาก คนขายแถวนี้จำหน้าได้หมดแล้วค่ะ เจอหน้าปั๊บก็ถามเลยว่า 10 ไม้ใช่มั้ย



พอวันจันทร์คุณสามีไปทำงานแล้ว ความที่วันก่อนเดินทางอิชั้นอดหลับอดนอนมาพอสมควร ประกอบกับอายุอานามก็อยู่ในวัยที่ใช้ร่างกายสมบุกสมบันไม่ค่อยได้แล้วค่ะ เลยต้องนั่งๆ นอนๆ อยู่โรงแรมช่วงกลางวันไปก่อน เดี๋ยวไปเป็นลมหน้ามืดที่ไหน จะเดือดร้อนคนจีนต้องหามหมูส่งโรงพยาบาลอีก

เลยสั่งอาหารทานที่ห้อง เป็น Brunch ค่ะ เพราะตอนนี้อิชั้นกำลังอยู่ในช่วงทำ Fast5 ทานอาหารได้แค่ 5 ชั่วโมงต่อวัน (หวังว่าชาตินี้จะผอมลงกะเค้าได้บ้าง เตรียมชุดว่ายน้ำ ชุดออกกำลังมาหลายชุดเชียวค่ะ แต่ตอนนี้มันก็ยังนอนนิ่งๆ อยู่ในกระเป๋า....) ว่ากันเรื่องอาหารต่อดีกว่าเนาะ ที่สั่งมาเป็น Triple decker club sandwich หน้าตาแบบนี้ค่ะ ส่วนรสชาติ...เอาเป็นว่าในรูปนั่น น้ำส้มคั้นอร่อยที่สุดค่ะ รสชาติเหมือนเอาส้มเช้งกับซันคิสมาคั้นรวมกันค่ะ ชื่นใจมากๆ



ตกเย็นก็ไปทานกันอาหารจีนกันอีกที่ร้านเดิมค่ะ แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะลืมกล้อง ได้เมนูใหม่มาลอง คือ ปลาห่อด้วยก้อนขนมปังสี่เหลี่ยมทอด (หน้าตาเหมือนกุ้งระเบิดบ้านเราค่ะ แต่เป็นเนื้อปลา) อีก 2 รายการ เป็น ซุปเห็ด กับ เอ็นข้อไก่ และข้าวผัด (ซึ่งจืดมากกกก)

วันรุ่งขึ้นก็ยังขี้เกียจเหมือนเดิม กะว่าจะไปเดินหาอะไรทานข้างนอกก็ปรากฏว่า ร้านที่อยู่ในละแวกที่จะเดินถึงได้ ก็เป็นแถวที่ไปตอนเย็นทุกทีอยู่แล้ว ฉะนั้นสั่งอาหารขึ้นมาทานที่ห้องดีกว่า คราวนี้เป็น ข้าวมันไก่ไห่นาน ค่ะ อร่อยเหมือนเคย เสิร์ฟพร้อมซุปไก่ใส่เศษผัก



พยายามจะถ่ายให้เห็นไก่ชัดๆ แต่ทำได้ดีแค่นี้เองค่ะ น้ำจิ้มเค้ามี 3 อย่างนะคะ มีซีอิ๊ว ซ้อสพริก และขิงสับผัดน้ำมัน (อย่างหลังนี่ถ้าคนชอบขิงคงจะอร่อยมากแน่ๆ ค่ะ แต่อิชั้นขอบาย)



มื้อเย็นเราไปทานอาหารเกาหลีกัน ไม่ใช่อะไรนะคะ เสิ่นหยางนี่ห่างเกาหลีนิดเดียวเอง คราวที่แล้วมาทานอาหารราคาถูกมาก ทานอิ่มแทบคลานยังไม่ถึงพันบาทไทยเลยค่ะ แถมอร่อยด้วย เครื่องเคียงเพียบบบบ เสียดายที่คราวที่แล้วไม่ได้ทำบล็อกไว้เพราะลืมถ่ายรูปมา ทำให้คราวนี้เราไปตามหาผิดร้านค่ะ ดันไปร้านที่อยู่ใน leaflet แนะนำของโรงแรม ซึ่งคราวที่แล้วที่ไปก็พนักงานโรงแรมนี่ล่ะค่ะแนะนำ แต่คนไหนก็จำไม่ได้ซะด้วย (แหะๆ ถึงจำได้เค้าก็คงไม่อยู่มาจนป่านนี้หรอกนะคะ)

ร้านนี้ชื่อ Bai di yuan Korean restaurant อยู่ในเวิ้งคนเกาหลีเลยตรงส่วนที่เรียกว่า Xi ta หรือ West tower ตอนไปถึงร้านคุณสามีก็ยืนยันว่า ใช่ร้านนี้แหละที่เรามาคราวที่แล้ว แต่พอเปิดเมนู อ้าว...มีหมูสำหรับย่างแค่รายการเดียวเนี่ยนะ!!! นอกนั้นเป็นเนื้อวัวล้วนๆ ค่ะ ไก่หรือแกะก็ไม่มีด้วย มั่นใจแล้วว่าคนละร้านค่ะ (โทษฐานที่ชอบลืมกล้องเลยไม่ได้ทำบล็อกเก็บไว้เตือนความจำ) แต่ก็ดี ถือว่าได้ลองร้านใหม่ไปซะเลย



ดูอุปกรณ์กันเลยดีกว่าค่ะ อีกอย่างที่ทำให้มั่นใจว่าเป็นคนละร้าน เพราะร้านนี้ใช้ช้อนไม่ค่อยดีค่ะ และที่สำคัญตะเกียบเป็นพลาสติค!!! แต่เตาเก๋กว่าร้านเดิมเยอะเลยค่ะ สะอาดสะอ้านมาก เพราะเอาแผ่นกระจกมาปิดไว้ สามารถวางอาหารได้หากเราไม่ทานบาร์บีคิวกัน



มาแล้วค่ะเครื่องเคียง น้อยกว่าเมืองไทยอีกนะเนี่ย



หมูที่สั่งไปค่ะ บอกไปก็ไม่มีใครเชื่อว่าลดความอ้วนอยู่ค่ะ ... ไม่ได้อยากสั่งเลยจริงๆ น้า แต่มันมีให้เลือกรายการเดียวค่ะ



ว่าแล้วก็เอาลงไปย่างซะ



อาหารคั่นเวลาระหว่างรอหมูสุกค่ะ ขาหมู ก็รูปที่เห็นในเมนูมันหน้าตาดีดี๊ค่ะ เลยอยากเห็นของจริง ไม่ได้อยากทานเลยจริงๆ น้า...



ขาดไม่ได้ คือ ข้าวยำ Bibimbap หน้าตาตอนก่อนที่พนักงานจะลงมือยำนะคะ (พนักงานเค้าน่ารักค่ะ เห็นจะถ่ายรูปเลยรีบหยิบเจ้าโคชูจังมาให้ถ่ายด้วย กลัวลืม) เสิร์ฟพร้อมซุปที่รสชาติเหมือนจับฉ่ายมาก ขอบายค่ะ เหม็นเขียวววว



เอ้า....ยำซะเละเลยแม่คู้ณณณณ



และ แกงกิมจิ Kimchijigae



รายการสุดท้ายเป็นอาหารโปรดอิชั้นค่า เอ็นข้อไก่กรอบอีกแล้ว ตอนแรกดูในรูปนึกว่าจะเหมือนไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์บ้านเรา แต่พอยกมามันก็คือ เจ้าเอ็นไก่ผัดแบบร้านข้างบนนั่นล่ะค่ะ แต่เพิ่มคุณค่าด้วยการใส่วอลนัทแทนเม็ดมะม่วงซะงั้น (คงหาเม็ดมะม่วงไม่ได้ล่ะซี้ ) แล้วก็มีถั่วผัดน้ำมันมาเคียง ซึ่งเค้าผัดมาถั่วหวานมาก และที่สำคัญไม่เหม็นเขียวเลยค่ะ (คนไม่ทานผักอย่างอิชั้นยังทานไปค่อนจานเลยนะคะ) จานนี้อร่อยกว่าที่ร้านแถวโรงแรมค่ะ แต่ราคาไม่ค่อยเป็นมิตรเลย (68 RMB) ปริมาณน้อยกว่าในราคาแพงกว่า 2 เท่า จะว่าเป็นที่ทำเลก็ไม่น่าจะใช่นะคะ เพราะคราวที่ไปอีกร้านนึงแถวๆ นี้ ราคาก็ถูกกว่านี้ค่ะ แต่บรรยากาศก็ไม่ดีเท่านี้



มื้อเย็นต่อมาเราไปทานเกี๊ยวที่ร้านดังของเสิ่นหยางค่ะ ชื่อร้าน Lao3 bian1 jiao3 zi guan3 แต่ทำไมที่ใบปลิวเค้าเขียนว่า Laobian fengcai ก็ไม่ทราบนะคะ ภาพหน้าร้านไม่ได้ถ่ายอีกตามเคย สมองลิงจริงๆ เรา



มีรายการอาหารน่าสนใจหลายอย่างทีเดียวค่ะ คราวหน้าจะตามมาเก็บ แต่เมนูที่หน้าตาเหมือนอุ้งบาทาหมีนี่ เห็นทีจะขอผ่านนะคะ



อุปกรณ์การรับประทานมื้อนี้



กาน้ำชาค่ะ



รายการอาหารที่สั่งวันนี้ มี เกี๊ยวทอดค่ะ ทอดมาหน้าตาสวยเชียว รสชาติก็ประมาณเกี๊ยวซ่าบ้านเราเลยค่ะ แต่ไม่ชุ่มน้ำมันเท่า กรอบเบาๆ ไม่มีส่วนไหนแข็งเลย อร่อยใช้ได้เลยค่ะ



ต่อไปเป็นซุปเห็ด (Mor2 gu1 tang1) เห็นพนักงานยุจังเลย บอกว่า อร่อยมากๆ เลยนะ ต้องลองนะ ความที่อ่านภาษาจีนไม่ได้ ก็เลยสั่งมา พอตักชิมเท่านั้นล่ะค่ะ เข้าใจเลยว่าทำไมมันถึง 88 หยวน ทั้งๆ ที่ร้านประจำเราขายแค่ 38 หยวนเอง ไม่ใช่ว่าอร่อยมากนะคะ แต่เค้าใส่ไก่ดำด้วยค่ะ แล้วเรียกว่า ซุปเห็ดเนี่ยนะ



และเมนูที่ต้องชิมให้ได้ คือ เกี๊ยวนึ่ง ค่ะ มีหลายไส้มากๆ ทั้งเนื้อวัว หมู กุ้ง ฯลฯ เราก็อ่านจีนไม่รู้เรื่อง เลยเอาชัวร์ไว้ก่อน สั่งไส้หมูกับผัก และหมูกับกุ้งมาค่ะ รสชาติเหรอคะ อืม...ก็ยังสงสัยอยู่ว่า ดังได้ไงเนี่ย .... (สงสัยไม่ถูกจริตอิชั้นกับสามีเองค่ะ เพราะเห็นคนจีนบางคนเค้ามานั่งคนเดียว ซัดไปซะ 4 เข่ง!!!)



ต้องใส่เครื่องปรุงเองนะคะ มีทั้งน้ำส้มสายชูล้วนๆ จิ๊กโฉ่ว ซีอิ๊ว พริกแห้งตำผัดน้ำมัน และกระเทียมผัดน้ำมันค่ะ



กว่าจะทำบล็อกเสร็จนี่ก็เที่ยงพอดี ขอไปว่ายน้ำ (ในฝัน) ก่อนนะคะ

ขอบคุณที่แวะมาค่ะ


Create Date : 10 เมษายน 2551
Last Update : 27 มกราคม 2553 9:14:21 น. 14 comments
Counter : 2027 Pageviews.

 
เห็นแล้วหิว หิว หิว


โดย: ถั่วงอกน้อยค่ะ วันที่: 10 เมษายน 2551 เวลา:11:09:23 น.  

 
เข้ามาบล๊อกนี้แล้วน้ำลายไหลเลยค่ะ น่าทานไปทุกอย่างเลย


โดย: วิสกี้โซดา วันที่: 10 เมษายน 2551 เวลา:11:33:32 น.  

 
โห น่ากินทุกอย่างเลยคะ น้ำยายไหยเลยคะ อิอิ


โดย: sai (ck2sugar ) วันที่: 10 เมษายน 2551 เวลา:11:59:32 น.  

 
โห น่ากินทุกอย่างเลยคะ น้ำยายไหยเลยคะ อิอิ


โดย: sai (ck2sugar ) วันที่: 10 เมษายน 2551 เวลา:11:59:33 น.  

 
ขอบคุณที่พาไปชิม ดูไปกลืนน้ำลายไป


โดย: Tippy IP: 61.91.184.26 วันที่: 10 เมษายน 2551 เวลา:13:58:37 น.  

 
น่าทานทุกอย่างเลยคะ หมูนั่นนะของชอบเลย
ย่างมันหยดติ๋งๆ


โดย: uncha วันที่: 10 เมษายน 2551 เวลา:15:46:30 น.  

 
เจ๊หลีอยากบอกว่า มันน่าทานซะทุกอย่างเลยนะคะนั่น โดยเฉพาะ ชุดข้าวมันไก่ กะ เกี๊ยวนึ่ง อยากลองจังเลยค่ะ


โดย: กิน ๆ เที่ยว ๆ วันที่: 10 เมษายน 2551 เวลา:20:41:24 น.  

 
คุณปารี แอ๊กเข้ามาสามรอบถึงจะได้ดูรูปค่ะ ไม่รู้ว่าเนทวันนี้เป็นอะไร

โห....แต่ละจานนี้ถึงกับอึ้งพูดไม่ออกด้วยความอาลัยหา คิดถึงอาหารจีนอร่อยๆจริงๆเลยค่ะ
เห็นเครื่องเคียงอาหารเกาหลีนับได้ 5 อย่าง เท่ากับที่มิลานเป๊ะเลยค่ะ
แต่ที่เมืองไทยเสริฟกันทีเป็นสิบได้มั้ง อ้อ....ที่เซี่ยงไฮ้ก็เยอะนะคะ อร่อยด้วย
คุณปารีคงเคยไปแล้วละ ร้านที่อยู่ในห้างแถวๆหอไข่มุกอ่ะค่ะ (เรื่องทานในเซี่ยงไฮ้นี่ คงไม่มี
ร้านไหนที่คุณปารีไม่เคยไป....ฮ่า ฮ่า)

ส่วนเกี๊ยวทอดนั่น เค้ากลับหัวกลับหางมาให้หรือว่ายังไงคะ เหมือนมีแผ่นบางๆของแป้งหรือว่าอะไร
เห็นอย่างนี้แล้วอยากลองชิมจริงๆ

ส่วนที่สงสัยที่สุด กาน้ำชาค่ะ แล้วรินกันยังไงคะคุณปารี ปากเป็ดยาวซะขนาดนั้น
คนรินต้องยื่นห่างโต๊ะหนึ่งเมตรใช่มั้ยคะ

แอ๊กจะไปวัดไทยที่กรุงโรมวันพรุ่งนี้นะคะ กลับมาคืนวันอาทิตย์ วันจันทร์แอ๊กจะแวะเข้าใหม่นะคะ

อ้อ....ลืมบอกไปว่ามิลานยังหนาวมากๆอยู่เลยค่ะ วันนี้อุณภูมิสูงสุดแค่ 11 องศาค่ะ หนาวมาก


โดย: ปลาทอง9 วันที่: 11 เมษายน 2551 เวลา:1:12:41 น.  

 

โอ้ววววว....ตามกลิ่นมาไกลเลยนะคะเนี่ย
อยากลิ้มรสชาติของเนื้อแกะย่างบ้างจังเลยค่ะ
อิอิ พอดีเกิดปีจอเหมือนกัน เลยได้กลิ่นหอมๆมาแต่ไกลด้วยค่ะ

ส่วนถ้วยแรกที่เห็นพริกเยอะแยะนั่น ขอบายอ่ะค่ะ

ท่าทางจะเผ็ดเอาเรื่องเลย ....

ตอนนี้คุณปารีคงยังอยู่ที่จีน ดีเหมือนกันนะคะ
อยู่เมืองไทยคงจะร้อนมากๆเลย
ได้ข่าวว่าคนออกต่างจังหวัดเยอะเหมือนกัน
รถติดกันแถวๆนอกเมืองระนาวเลยล่ะค่ะ

รักษาสุขภาพเยอะๆนะคะ ช่วงนี้พี่แฝดคงไม่ได้ใช้เน็ตฯทุกวัน
เพราะคอร์ส 2 ที่เรียนเริ่มยากมากขึ้นแล้วอ่ะค่ะ ....
การบ้านก็เยอะมากด้วย ไม่ค่อยมีเวลาเที่ยวเล่นเหมือนแต่ก่อนเลยค่ะ

คิดถึงเหมือนเดิมด้วยค่า


โดย: พี่แฝดค่า IP: 80.223.212.214 วันที่: 13 เมษายน 2551 เวลา:14:43:31 น.  

 
Dearest K.Pari ka,
Pity me again, my computer was broken ka...
I can't type thai again!!!
Just come to say hello and always miss you kha.
By the way, I envy you that you get new swimming suit ......55555
In Finland it's still cold mak mak now.(+1c today)
I'm not see sunshine long times ago ka...
I hope that summer will coming soon also.

Take care too naka....
Talk to you later kha.


โดย: FinnGirL IP: 80.223.212.214 วันที่: 17 เมษายน 2551 เวลา:14:20:46 น.  

 
น่าทานจังค่ะ แอนยังไม่ได้ทานข้าวเช้าเลย ท้องร้องเชียวค่ะ หิวแล้ว แต่ละอย่างน่าทานไปโม้ดเลย อิ อิ


โดย: ann_269 วันที่: 18 เมษายน 2551 เวลา:10:32:58 น.  

 
คุณปารีครับ
1.เอ็นข้อไก่ผัดพริกใส่ข้าวตังทอดกรอบ (Jiang1 la4 ji1 shui4 gu3) น่าจะเป็นcui4 gu3 มากกว่า shui4 gu3
ชุ่ย แปลว่า กรอบ ส่วน ซุ่ย(sui4)นั้น แปลว่า แตกหรือละเอียด
2.ซุปเห็ด (Mer2 gu1 tang1) เห็ด คือ Mor2 gu1 ครับ
ผลไม้หน้าร้อน "หยางเหมย"(ในบล๊อกซ่างไห่)ที่คุณปารีว่า คือ waxberry นั้น ผมเช็คดิก2-3 เล่มยังไม่แน่ใจว่า เป็น raspberry หรือ waxberry กันแน่ ?


โดย: เหนียว-อวี่ IP: 202.90.6.36 วันที่: 25 มิถุนายน 2551 เวลา:15:45:20 น.  

 
ไม่ได้เข้ามาบล็อกนี้ซะนานเลย

เข้าไปแก้ตัวสะกดเรียบร้อยแล้วนะคะคุณเหนียว-อวี่ ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ ที่ช่วยแก้ให้

ถ้ามีเวลาอีก คงต้องรบกวนให้มาอ่านบล็อกเรื่อยๆ นะคะ เผื่อจะได้ช่วยแก้ที่ผิดให้ถูกต้อง

ส่วน Waxberry นั้นยืนยันว่าเป็น หยังเหม่ย ค่ะ เพราะ Raspberry นั้น หน้าตาจะเป็นผลไม้ที่มีผิวขรุขระและรอยไม่ติดเมล็ดในแบบหยังเหม่ยนะคะ เจ้าหยังเหม่ยนี่มีขายแบบที่แปรรูปแล้วตามซุปเปอร์มาร์เก็ตในจีนทั่วไปค่ะ

ในรูปนี้เป็นซ้อสที่ใช้ Raspberry ค่ะ


ส่วนนี่คือหน้าตาของ Raspberry ก่อนถูกนำมาปรุงนะคะ เอามาจาก Wikipedia ค่ะ


ส่วนนี่จะเป็น Waxberry หาจากการเสิร์ชคำว่า Waxberry Yangmei ใน Yahoo ค่ะ


โดย: L@st love วันที่: 7 กันยายน 2551 เวลา:0:40:01 น.  

 
มือไวกดส่งเร็วไปหน่อยค่ะ

ในความเห็นส่วนตัว หยังเหม่ย อร่อยกว่า Raspberry เพราะมีความหวานอมเปรี้ยวแค่นิดหน่อยเท่านั้นค่ะ ยิ่งได้ทานในฤดูร้อนแบบไส้แทบสุกนี่ ได้หยังเหม่ยแช่เย็นเข้าไปช่วยลดอุณหภูมิร่างกายได้ดีเลยจริงๆ ค่ะ แต่แบบที่แปรรูปแล้ว รสชาติจะออกไปทางบ๊วยหวานมากกว่านะคะ ไม่เหลือความชุ่มฉ่ำแบบหยังเหม่ยเลย

เขียนถึงแล้วก็น้ำลายไหน ปีนี้ทานไปยังไม่ถึงกิโลนึงเลยค่ะ


โดย: L@st love วันที่: 7 กันยายน 2551 เวลา:1:07:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

L@st love
Location :
Shenyang China

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




ที่ว่า พลัดถิ่น กิน เที่ยว ช้อปฯ ไปกับรักครั้งสุดท้าย เพราะรักครั้งนี้พาระหกระเหินไปโน่นมานี่ อยู่ตรงโน้นนิด ตรงนี้หน่อยไปเรื่อยเปื่อยค่ะ

จึงพอจะเข้าใจความรู้สึกของคนที่ต้องพลัดจากบ้านไปอยู่ถิ่นที่ไม่คุ้นเคย อาหารที่ชอบก็หาไม่ค่อยได้ ของที่เคยใช้ก็ไม่ค่อยอยากจะมีให้ซื้อ ฯลฯ

บล็อกนี้เลยถือกำเนิดขึ้นมาเมื่อวันที่ 13 ต.ค. 2549 เพราะคิดว่าอาจจะเป็นประโยชน์กับคนที่ตกอยู่ในสภาพเดียวกันบ้างไม่มากก็น้อยนะคะ ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องทางจีนๆ ก็แหม...ทางตะวันตกน่ะ หาอะไรก็ง่ายอยู่แล้วนี่คะ รู้ภาษาอังกฤษซะอย่างไปไหนก็เอาตัวรอดได้

หลังจากแว่บไปเก็บความรู้ตามบล็อกตกแต่งต่างๆ แล้ว ปริมาณเทคโนโลยีในสายเลือดก็ค่อยเพิ่มขึ้นมาในระดับหนึ่ง ตอนนี้จึงมีบล็อกที่ทำสำเร็จหลายบล็อกเลยค่ะ (ขอบคุณป้ามดและอีกหลายท่านค่ะ)

ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามา เชิญไปเที่ยว ชม ช้อปฯ และชิมด้วยกันเลยค่ะ มีคำแนะนำ ติ ชมอย่างไร ฝากข้อความมาได้เลยนะคะ ยินดีที่ได้รู้จักและรับทุกความเห็นค่ะ





สงวนลิขสิทธิ์ ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537

ภาพและบทความบนเวบไซต์แห่งนี้ จัดทำเพื่อเผยแพร่บนเวบ bloggang.com และ pantip.com เท่านั้น

"ห้ามนำภาพ ข้อความ หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของภาพ และ/หรือ ข้อความในเวบไซต์แห่งนี้ไปใช้ก่อนได้รับอนุญาต หากละเมิดจะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด"
Friends' blogs
[Add L@st love's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.