ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

สกู๊ป : “8 โคตรดาวเตะดันเกิดผิดยุค”

สกู๊ป : “8 โคตรดาวเตะดันเกิดผิดยุค”

ถือว่าเป็นบุญและวาสนาอย่างยิ่ง ที่ได้มีโอกาสเปิดมาดู ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสติอาโน่ โรนัลโด้ พร้อมๆ กัน โดยต่างฝ่ายต่างไล่ทำสถิติ จนนักเตะอื่นๆ เทียบกันไม่ติด

ลองดูซิครับว่า ใครกันบ้างที่หากไปเกิดยุคอืน ป่านนี้ซิว บัลลง ดอร์ ไม่รู้กี่สมัยไปแล้ว รวมถึงน่าจะโด่งดังมากกว่าที่เป็นอยู่ หากไม่ลืมตามาในยุค  “เจ๊ทโด้” และ “เมสซี่”

1. เซร์คิโอ อเกวโร่

นับตั้งแต่สมัยวัยกระเตาะกับ นีเวลส์ โอลด์ บอย เขาถูกเปรียบเทียบกับเมสซี่มาตลอด ทั้งสัดส่วน และ ตำแหน่งการเล่น แถมยังมีความเร็วและทักษะที่ไม่เป็นสองรองใคร

บ่อยครั้งที่เห็น เขาลากบอลหลบผู้เล่นสามสี่คนเข้าไปยิงประตู จนได้ย้ายมาอยู่ในยุโรป ทั้งกับ แอตเลติโก มาดริด และ แมนฯซิตี้

หากเกิดช้าหรือเร็วกว่านี้บวกลบสัก 10 ปี “กุน” น่าจะได้รางวัลเกียรติยศส่วนตัวบ้าง

2. ฟรองค์ ริเบรี่

เคยเข้าชิง บัลลง ดอร์ มาแล้วหนึ่งครั้งในปี 2013 ซึ่งปีดังกล่าว เขาพา บาเยิร์น มิวนิค คว้าถ้วยบิ๊กเอียร์ ได้สำเร็จ แต่ไฉนเลย ทั้งบาร์ซ่า และ ราชันชุดขาวที่แห้วแชมป์นี้ กับมีนักเตะที่ได้เกียรติยศส่วนตัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก และรางวัลรองอีกคน ส่วนพี่บาก ได้เพียงที่สามเท่านั้น

ในวัย 32 ปีของเขา น่าจะค่อยหมดยุคไปทีละนิด ทีละนิด จนเงียบหายไปในที่สุด หากไม่มี โรนัลโด้ หรือ เมสซี่ เขาคงได้จารึกชื่อในหอเกียรติยศ และเป็นที่น่าจดจำมากกว่านี้

3. อันเดรส อินิเอสต้า

ไม่ใช่ว่าเขาจะด้อยกว่า โรนัลโด้ หรือ เมสซี่ เพื่อนร่วมทีมแต่อย่างใด เพียงแต่ว่า ตำแหน่งการเล่นของเขามันไม่ได้ทำแฟนบอลติดตาตรึงเขาในฐานะผู้ทำประตูเท่าไหร่นัก

มียอดดาวเตะหลายคนมองว่า เพลย์เมคเกอร์รายนี้ เก่งกว่าอีกด้วยซ้ำ อาทิ ฮวน ริเกลเม่ ผู้ซึ่งเคยเล่นกับเมสซี่ และอินิเอสต้าเอง

โดยเขาบอกว่า “อินิเอสต้า ใช้งานสมอง เขารู้วิธีจะทำให้บอลหนีการสกัดของคู่แข่ง แต่ขณะที่เมสซี่ไม่ต้องหนีการสกัด เพราะมีพรสวรรค์ที่คู่แข่งสกัดไม่ได้อยู่แล้ว อินิเอสต้าจึงยอดเยี่ยมกว่า”

4. เนย์มาร์

หากตอนนี้เขาอายุ 15-16 เชื่อได้ว่าอีก 5-10 ปี ดาวเตะชาวบราซิเลี่ยนรายนี้ จะกลายเป็นแข้งเบอร์หนึ่งของโลกอย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยลีลาอันน่าตื่นตาตื่นใจ รวมทั้งคุณภาพที่ได้มาด้วย

แม้กระนั้นการย้ายมาอยู่บาร์ซ่า อาจทำให้เขาถูกรัศมีของ เมสซี่ กลบไปบ้าง แต่บางครั้งก็เล่นเอาแฟนบอล ต้องยืนขึ้นปรบมือให้ รวมถึงบางนัดที่เล่นได้เด่นกว่า

โดยเฉพาะเกมกับบีญาร์เรอัล เมื่อต้นฤดูกาล ที่มีลูกยิงติดโผลประตูยอดเยี่ยมแห่งปีด้วย

5. เวย์น รูนี่ย์

ในยุคเฟื่องฟูสุดท้ายของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่พาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ทั้งแชมป์ลีก และแชมป์ยุโรป “รูนนัลโด้” คือกลไกลสำคัญที่พาขับเคลื่อนที่จนบรรลุเป้าหมาย

ทักษะของเขาอาจจะไม่ดีในแบบนักเตะละติน แต่ด้วยจิตใจที่ห้าวหาญ บวกกับพละกำลังที่เล่นไม่มีวันหมด หากปี 2008 โรนัลโด้ หรือ เมสซี่ ยังไม่เกิด ก็พี่หมูหัวเถิกเนี่ยละ ที่ควรค่า แก่บัลลงดอร์ ที่สุด

6. ชาบี เอร์นานเดซ

บาร์ซ่าคว้าแชมป์ถ้วยใหญ่ที่สุดในยุโรปมา  4 หน คือ 2006, 09, 11 และ 15 มีเพียงสองคนที่อยู่ในชุดดังกล่าวมาตลอด คือ อินิเอสต้า และ ชาบี แต่รายหลังพ่วงกัปตันทีมในปีล่าสุดด้วย

แถมยังพ่วงตำแหน่ง แชมป์โลก และแชมป์ยุโรป ในเวทีนานาชาติอีก นี่ถ้าไม่ลำเอียงไปทาง สองเอเลี่ยนดังกล่าว ชาบี ควรจะได้บัลลง ดอร์บ้าง ที่เป็นส่วนสำคัญในการคว้าแชมป์เท่าที่นักฟุตบอลคนหนึ่งจะทำได้ทั้งหมด

7. โรนัลดินโญ่

อย่างน้อยเขาควรจะได้ต่อยอดความโด่งดังเรื่อยมา แม้จะย้ายออกมาจากบาร์เซโลน่าแล้วก็ตาม เพียงแต่ว่า พอไม่มีเขา เมสซี่ ก็กลายเป็นผลุ ที่ทั้งดังกว่าและสูงกว่า “เหยินน้อย” ไปโดยปริยาย

แม้จะได้บัลลง ดอร์ มาแล้วหนึ่งครั้งในอาชีพค้าแข้ง แต่ความสามารถเจ้าตัวควรจะได้มากกว่านี้ หรือหากปัจจุบันอายุสัก 7-8 ขวบ

อย่างน้อยๆ เขาน่าจะติดลมบน ในวัย 22-30 ปีสบายๆ ไม่ใช่เป็นอย่างที่ออกมาคือ อยู่จุดสุดยอดแค่เพียง 2004-2006 แล้วค่อยๆ ดับไป

8. ซลาตัน อิบราฮิโมวิช

มีทุกอย่างที่โคตรดาวเตะคนหนึ่งพึงจะมีได้ ทั้งพรสวรรค์ สภาพร่างกาย และความสามารถ แต่ดันไม่มีความสำเร็จ

จากนักเตะที่เอ่ยมาทั้งหมด มีเพียงเขากับกุนเท่านั้น ที่ยังไม่เคยได้ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก สักครั้ง เพราะย้ายไปย้ายมาหลบแชมป์อยู่อย่างนี้ ทั้งกับบาร์ซ่า และ อินเตอร์ มิลาน

หากไม่มีอคติกับความอาร์ตของเขาจนเกินไปนัก ก็น่าจะยกย่องเขาให้อยู่ในระดับเดียวกับ โรนัลโด้ และ เมสซี่ ได้เช่นกัน


//sport.sanook.com/211009/




 

Create Date : 09 มีนาคม 2559    
Last Update : 9 มีนาคม 2559 20:54:56 น.
Counter : 856 Pageviews.  

หงส์นำโด่ง ไม่ใช่ผีนะ... (ได้จุดโทษเยอะสุด)

หงส์นำโด่ง ไม่ใช่ผีนะ... (ได้จุดโทษเยอะสุด)

ส่วนใหญ่แฟนบอลจะคิดว่า แมนฯ ยูไนเต็ดคือทีมที่ได้รับอานิสงส์ จากกรรมการมากที่สุดในศึกพรีเมียร ลีก

โดยเฉพาะการได้ลูกจุดโทษ เพราะเชื่อว่าเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน มีอิทธิพลอย่างมากชอบกดดันจนทำให้เหล่าเชิ้ตดำต้องยำเกรง

แต่ความเป็นจริง "ปีศาจแดง" กลับไม่ใช่ทีมที่ได้โอกาสดวลลูกโทษกับผู้รักษาประตูแบบตัวต่อตัวมากที่สุด

เมื่อดูจากสถิตินับตั้งแต่ก่อตั้งพรีเมียร์ ลีกปี 1992 ทีมที่เข้าวินได้ลูกโทษมากที่สุดนั่นก็คือ "ลิเวอร์พูล" ต่างหาก

นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งพรีเมียร์ ลีก จนถึงเกมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา กับจังหวะที่ เบนเตเก้ พุ่งล้มและยังเถียงกันไม่จบนั้น "หงส์แดง" ได้จุดโทษนับรวมแล้ว 136 ครั้ง

โดยอันดับสองที่ตามมา ก็ยังไม่ใช่ "ผีแดง" อีกแต่กลับเป็น อาร์เซน่อล ได้ไป 127 ครั้ง

ขณะที่ "ปีศาจแดง" ซึ่งหลายคนต่างมองว่าต้องได้เยอะที่สุดแน่ ตามมาอันดับสาม 122 ครั้ง

ทีมที่ได้ลูกโทษเยอะสุดของพรีเมียร์ลีก
1. ลิเวอร์พูล 136 ลูก
2. อาร์เซน่อล127 ลูก
3. แมนฯ ยูไนเต็ด 122 ลูก
4. เชลซี 118 ลูก
5. นิวคาสเซิ่ล 112 ลูก
6. เอฟเวอร์ตัน 106 ลูก
7. สเปอร์ส 102 ลูก


//sport.sanook.com/210817/




 

Create Date : 08 มีนาคม 2559    
Last Update : 8 มีนาคม 2559 22:10:14 น.
Counter : 680 Pageviews.  

สกู๊ป : “10 นัดชี้ชะตา”

สกู๊ป : “10 นัดชี้ชะตา”

ช่วงโค้งสุดท้าย 10 นัดก่อนจะเข้า “เส้นชัย” พรีเมียร์ลีก อารมณ์มันจะไม่ต่างจากการวิ่งมาราธอนที่เริ่มเห็น “เส้นชัย” ชัดเจนขึ้น และชัดเจนขึ้นนะครับ

ประเด็นมันอยู่ที่ว่า ไม่ว่าคุณจะทำดีเลิศมาขนาดไหน แต่หาก “ขาอ่อน” หรือใจไม่แข็งพอ โอกาสพลาดโดนแซงเข้าป้ายมีความเป็นไปได้สูง

เลสเตอร์ ซิตี้ ก็ไม่ต่างกันครับ เพราะหลังจากเล่นได้แค่ระดับ “กล้อมแกล้ม” และเฉือนหวิวนอริช 1-0 ในช่วงก่อนหมดเวลา 1 นาทีพร้อมรักษาตำแหน่ง “จ่าฝูง” กับช่องว่าง 2 คะแนนจาก สเปอร์ส ได้สำเร็จขณะที่เหลืออีก 11 นัดจะหมดฤดูกาล

ลูกทีม เคลาดิโอ รานิเอรี่ เจองานเหมือนจะหมูใน คิงส์ เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ที่ไม่สามารถเอาชนะเวสต์บรอมฯได้ก่อนต้องยอมรับผลเจ๊า 2-2

2 นัด 4 คะแนนฟังดูดี แต่ที่สุดแล้วจะ “ดีพอ” หรือไม่?

งานนี้กุนซืออิตาเลียน ยังแอบมั่นใจโอกาสลุ้นแชมป์ แม้ว่าทีมไก่เดือยทองจะมีสิทธิ์แซงขึ้นจ่าฝูงหากสามารถปราบเวสต์แฮมในเกมเยือน 1 วันให้หลังได้

ทว่า ไม่ว่าผลการแข่งขันจะเป็นเช่นไรในถิ่นอัพตัน ปาร์ค



การลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก 2015/16 กำลังเดินทางเข้าสู่ช่วงเวลาที่ “เข้มข้น” และตื่นเต้นที่สุดแล้วล่ะครับ

ทั้งนี้ไม่ใช่เฉพาะทีมจิ้งจอกสยาม แต่เป็นทุกทีมในตำแหน่งสูงสุดของตาราง ณ ช่วงนี้ เวลานี้ของปี หรือเข้าสู่เดือนมีนาคมที่ความ “กดดัน” จะเริ่มหนักขึ้น

ลิเวอร์พูล, แมนฯยูไนเต็ด, อาร์เซนอล, เชลซี, แมนฯซิตี้ ฯลฯ ล้วน “ต้องผ่าน” ช่วงเวลาแบบนี้นะครับ

เลสเตอร์ แม้จะเจอคู่แข่งหัวตารางเกรด “ท็อป 10” น้อยกว่า สเปอร์ส, อาร์เซนอล และแมนฯซิตี้ หรือแค่ 3 ทีมท็อป ๆ เท่านั้น แต่หากต้องเล่นกับทีมหนีตาย หรือกลุ่มล่างของตารางแล้วเจอการวางแผนเหมือนนอริช

รานิเอรี่ จะทำอย่างไร?

ในเกมนัดก่อนกับทีมนกขมิ้นเหลืองอ่อน สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยก็คือ การวางหมากมาเล่นเกมรับอย่างยอดเยี่ยมของ อเล็กซ์ นีล ที่สั่งเด็ก ๆ “รับต่ำ”

การตั้งรับต่ำ ทำให้ผู้เล่นที่มีความเร็ว และมีจุดแข็งในการทำลายล้าง “หลังไลน์” อย่าง ริยาด มาห์เรซ และเจมี่ วาร์ดี้ ไม่มีพื้นที่อันตรายให้เข้าทำ

กว่ายอดทีมสัญชาติไทยจะได้โอกาสยิงเข้ากรอบหนแรกก็กินเวลาจะถึง 1 ชั่วโมงแรกของเกมแล้วในแมตช์ที่กล่าวได้ว่าเป็นเพียงไม่กี่เกมในฤดูกาลนี้ที่เลสเตอร์ ครองบอลได้มากกว่าฝ่ายตรงข้าม

ที่เป็นเช่นนั้นเพราะนอริชมาเล่นตาม “หน้าเสื่อ” คือ รับแล้วโต้ ตามประสาทีมรองโดยไม่เปิดช่องให้เลสเตอร์ได้เล่นตามบทถนัดของทีมจอมเซอร์ไพรซ์



ซึ่งอีก 7 ใน 10 ทีม 10 นัด นับจากนี้จะไม่สามารถเล่นแบบนอริชได้เลยหรือ?

ฉะนั้น เลสเตอร์ที่แม้ตามหน้ากระดาษจะมีโปรแกรมการแข่งขันที่ง่ายที่สุดอาจจะไม่ได้เจอ “งานหมู ๆ” อย่างที่คิด

“โชคชะตา” โดยเฉพาะเรื่องผู้เล่นอาจไม่เข้าข้างเหมือนเกือบ 30 นัดที่ผ่านมาที่แทบไม่ประสบปัญหาอาการบาดเจ็บ หรือติดโทษแบนของผู้เล่นมากนัก

แม้เกมนี้ แอนดี้ คิง ต้องลงมาแทน เอ็นโกโล กานเต้ ที่ได้รับบาดเจ็บไม่สามารถลงตัดเกม และแย่งบอลแดนกลางได้

ผลกระทบนั้นมีแน่นอน ณ ช่วงที่รานิเอรี่ ไม่สามารถพลาดเสียใครได้ โดยเฉพาะในแดนหน้าที่มี วาร์ดี้, ชินจิ โอกาซากิ และเลโอนาโด้ อูลลัว

ถึงจุดนี้ในเวลาที่ทีมเช่น อาร์เซนอล ทำท่าจะโดน “กำจัด” อาจจะเพราะแพ้ภัยตัวเอง หรืออะไรก็แล้ว

เลสเตอร์ และเคลาดิโอ รานิเอรี่ ต้อง “เชื่อมั่น” ในแก่นของทีมนี้ที่ไม่ว่าจะชนะ เสมอ หรือแพ้ ทีมชุดนี้จะเล่นฟุตบอลด้วย “สปิริต” และพร้อมจะเก็บผลการแข่งขันที่ดีที่สุด

บางทีเหมือนไม่สมควรชนะแต่ทำได้เช่นปราบนอริช หรือน่าจะมีแต้มแต่แพ้เช่นแมตช์กับอาร์เซนอลที่นำ 1-0 ทว่าแพ้ 1-2

ทว่าพวกเค้ามีเกมที่ปราบลิเวอร์พูล 2-0 และชนะแมนฯซิตี้ 3-1 อะไรทำนองนั้นที่ “โดดเด่น” เป็นเครื่องหมายการค้าประจำฤดูกาลนี้

เรียกได้ว่า จิ้งจอกสยามต้องเล่นให้ได้ตามมาตรฐานในซีซั่นนี้ให้บ่อยที่สุด ขณะที่ทีมอื่น ๆ เช่น สเปอร์ส แม้จะแรงต่อเนื่อง ทว่าก็ปฏิเสธไม่ได้ครับว่า ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน

นั่นคือ 10 นัดสุดท้ายชี้ชะตาที่ใครใจไม่ด้านพอคงต้องถอยไปครับ


//sport.sanook.com/209405/




 

Create Date : 04 มีนาคม 2559    
Last Update : 4 มีนาคม 2559 8:36:33 น.
Counter : 763 Pageviews.  

ช่วยกันเลือกหน่อย! “คล็อปป์” เล็ง “1 ใน 3 มือกาวบุนเดสฯ” เฝ้าเสา “หงส์แดง”

ช่วยกันเลือกหน่อย! “คล็อปป์” เล็ง “1 ใน 3 มือกาวบุนเดสฯ” เฝ้าเสา “หงส์แดง”

มาร์วิน ฮิตซ์ ของเอาก์สบวร์ก, "แบรนด์ เลโน่" จากไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น และ ราล์ฟ ฟาห์รมันน์ ของชาลเก้ 04 ตกเป็นเป้าหมายของ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือลิเวอร์พูล ในการดึงตัวมาเฝ้าเสาให้ทีมในซีซั่นหน้า

ช่วงสิ้นสุดฤดูกาลนี้ อดัม บ็อกดาน นายทวารตัวสำรองของ "หงส์แดง" จะหมดสัญญาและออกจากทีมไป ทำให้ลิเวอร์พูลต้องการผู้รักษาประตูคนใหม่เข้ามา เพื่อท้าชิงตำแหน่งกับ ซิมง มินโญเล่ต์ มือกาวทีมชาติเบลเยียมที่ฟอร์มยังผีเข้าผีออก

ล่าสุด เดลี่ มิร์เรอร์ สื่อดังอังกฤษเผยว่า ฮิตซ์ วัย 28 ปี, เลโน่ วัย 23 ปี, ฟาห์รมันน์ วัย 27 ปี นายทวารมือหนึ่งของเอาก์สบวร์ก, เลเวอร์คูเซ่น และ ชาลเก้ ตามลำดับ ต่างตกเป็นเป้าหมายของคล็อปป์ กุนซือเพื่อนร่วมชาติ

เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา มินโญเล่ต์ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากฟอร์มการเล่นที่ผิดพลาดบ่อยครั้ง จนมีกระแสว่า "เดอะ ค็อป" ต่างอยากให้ผู้รักษาประตูชั้นนำรายอื่นมาทำหน้าที่แทนเต็มที

ทั้งนี้ ฮิตซ์, เลโน่ และ ฟาห์รมันน์ ต่างเป็นนายทวารรุ่นใหม่ที่ได้รับการยกย่องยอมรับในวงการฟุตบอลเยอรมัน ด้วยฟอร์มการเล่นที่ดีต่อเนื่องมาหลายปีของทั้ง 3 คนนั่นเอง




 

Create Date : 02 มีนาคม 2559    
Last Update : 2 มีนาคม 2559 23:22:27 น.
Counter : 805 Pageviews.  

อดีตโค้ชเชื่อ “แรชฟอร์ด” ไปได้ไกลกว่า “เวลเบ็ค”

อดีตโค้ชเชื่อ “แรชฟอร์ด” ไปได้ไกลกว่า “เวลเบ็ค”

เดวิด ฮอร์ร็อกส์ อดีตโค้ชผู้เคยดูแล ทั้ง มาร์คัส แรชฟอร์ด และ แดนนี่ เวลเบ็ค เอ่ยปากชมดาวรุ่งของทัพ ”ปีศาจแดง” ว่าจะไปได้ไกลกว่าแข้งรุ่นพี่ที่ย้ายไปอยู่ปืนใหญ่

มาร์คัส แรชฟอร์ด แจ้งเกิดได้อย่างเต็มตัวหลังยิงได้ 2 ประตูในเกมล่าสุด มีส่วนสำคัญพาทีมเปิดบ้านเฉือนเอาชนะอาร์เซน่อลมาได้ 3-2 เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าตัวก็กลายเป็นดาวรุ่งที่ยิงได้สองประตูในเกมเดียวเทียบสถิติของแข้งรุ่นพี่อย่าง รูนี่ย์

ล่าสุด เดวิด ฮอร์ร็อกส์ โค้ชผู้ฝึกสอนของเฟล็ทเชอร์ มอสส์ อคาเดมี ศูนย์ฝึกฟุตบอลสำหรับเยาวชนในเมืองแมนเชสเตอร์ที่เคยดูแลทั้ง มาร์คัส แรชฟอร์ด และแดนนี่ เวลเบ็ค ให้ความเห็นว่าเจ้าหนูวัย 18 ปีที่มีดีกว่าแข้งรุ่นพี่แน่นอน และจะไปได้ไกลกว่าในอาชีพค้าแข้ง


//sport.sanook.com/208897/




 

Create Date : 01 มีนาคม 2559    
Last Update : 1 มีนาคม 2559 21:41:55 น.
Counter : 930 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  148  149  150  151  152  153  154  155  156  157  158  159  160  161  162  163  164  165  166  167  168  169  170  171  172  173  174  175  176  177  178  179  180  181  182  183  184  185  186  187  188  189  190  191  192  193  194  195  196  197  198  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.