วิเคราะห์ฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ เรดดิ้ง อาร์เซนอล
วิเคราะห์ฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศเรดดิ้ง อาร์เซนอลวัน: เสาร์ที่ 18 เมษายน 2558 เวลา: 23.30 น.สนาม: เวมบลีย์ผู้ตัดสิน: มาร์ติน แอตกินสันสภาพอากาศ: 13 °C, ฟ้าโปร่งถ่ายทอดสด: Bugaboo.TV
ผลการพบกัน 2 นัดหลังสุด30/3/13 พรีเมียร์ลีก อาร์เซนอล 4-1 เรดดิ้ง17/12/12 พรีเมียร์ลีก เรดดิ้ง 2-5 อาร์เซนอลผลงาน 5 นัดหลังสุดเรดดิ้ง14/4/15 แพ้ บอร์นมัธ 0-1 (เหย้า)11/4/15 เสมอ แบล็คเบิร์น 0-0 (เหย้า)7/4/15 เสมอ แบล็คพูล 1-1 (เยือน)4/4/15 เสมอ คาร์ดิฟฟ์ 1-1 (เหย้า)21/3/15 แพ้ ชาร์ลตัน 2-3 (เยือน)อาร์เซนอล11/4/15 ชนะ เบิร์นลีย์ 1-0 (เยือน)4/4/15 ชนะ ลิเวอร์พูล 4-1 (เหย้า)21/3/15 ชนะ นิวคาสเซิล 2-1 (เยือน)17/3/15 ชนะ โมนาโก 2-0 (เยือน)14/3/15 ชนะ เวสต์แฮม 3-0 (เหย้า)ผลงานในรอบที่ผ่านมาเรดดิ้งรอบ 3 ชนะ ฮัดเดอร์สฟิลด์ 1-0 (เยือน)รอบ 4 ชนะ คาร์ดิฟฟ์ 2-1 (เยือน)รอบ 5 ชนะ ดาร์บี้ 2-1 (เยือน)รอบ 8 ทีม เสมอ แบรดฟอร์ด 0-0 (เยือน)รอบ 8 ทีมรีเพลย์ ชนะ แบรดฟอร์ด 3-0 (เหย้า)อาร์เซนอลรอบ 3 ชนะ ฮัลล์ 2-0 (เหย้า)รอบ 4 ชนะ ไบรจ์ตัน 3-2 (เยือน)รอบ 5 ชนะ มิดเดิลสโบรช์ 2-0 (เหย้า)รอบ 8 ทีม ชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 2-1 (เยือน)ความพร้อม-สภาพทีมเรดดิ้งพาเวล โปเกร็บเนียคน่าจะฟิตกลับมาลงเล่นในแนวรุกได้ หลังเจ็บเล็กน้อยจนถูกพักไว้ในเกมล่าสุด โดยไซม่อน ค็อกซ์อาจเบียดเจมี่ แม็คกี้ลงเล่นคู่ด้วย เนธาน อาเก้ลงเล่นในแดนกลางไม่ได้เพราะติดคัพไท เจม คาราชานที่เพิ่งคัมแบ็กจากากรพักยาวมาไม่นาน อาจถูกดร็อปไปเป็นสำรอง โดยโอลิเวอร์ นอร์วู้ดอาจได้ลงเล่นแทนอาร์เซนอลแจ๊ค วิลลเชียร์มีลุ้นกลับมาเป็นตัวเลือกในแดนกลางได้อีกครั้ง แต่อาจต้องนั่งสำรองไปก่อน มาติเยอ เดอบูชี่กลับมามีชื่ออยู่ในทีมได้เช่นกัน แต่ต้องลุ้นว่าจะเบียดลงยืนแบ็กขวาได้หรือไม่ วอยเชียค เซชนี่คงจะรับหน้าที่เฝ้าเสาในถ้วยนี้เช่นเคย โอลิวิเยร์ ชิรูด์น่าจะได้ยืนเป็นศูนย์หน้าต่อไปวิเคราะห์รูปเกมเรดดิ้งยังไม่เจอบททดสอบหนัก ๆ เลยในรอบที่ผ่านมา และต้องมาเจอกับของแข็งในนัดนี้ เมื่อต้องเจออาร์เซนอลที่ฟอร์มกำลังฮอต และหวังเข้าไปป้องกันแชมป์ให้ได้ นัดนี้เตะที่เวมบลีย์ที่ปืนใหญ่คุ้นเคยกว่า ทำให้เดอะรอยัลส์เป็นรองทุกด้าน และไม่น่าจะต้านทานเกมบุกที่ครบเครื่องกว่าของแชมป์เก่าได้ผู้เล่น 11 คนแรกที่คาดเรดดิ้ง (4-4-2): 1.อดัม ฟเดริชี่; 2.คริส กันเตอร์, 5.อเล็กซ์ เพียร์ซ, 15.ไมเคิ่ล เฮคเตอร์, 11.จอร์แดน โอบิต้า; 12.การัธ แม็คเคลียรี่, 6.โอลิเวอร์ นอร์วู้ด, 23.แดเนี่ยล วิลเลี่ยมส์, 9.ฮัล ร็อบสัน-คานู; 10.ไซม่อน ค็อกซ์, 7.พาเวล โปเกร็บเนียคผู้จัดการทีม: สตีฟ คลาร์กอาร์เซนอล (4-2-3-1): 1.วอยเชียค เซชนี่ 39.เอ๊คตอร์ เบเญริน 6.โลร็องต์ กอสเซียลนี่ 4.แพร์ แมร์เตซัคเคอร์ 3.คีแรน กิ๊บส์; 34.ฟรานซิส โกเกอแล็ง 19.ซานติ กาซอร์ล่า; 16.อารอน แรมซี่ย์ 11.เมซุท โอซิล 17.อเล็กซิส ซานเชซ; 12.โอลิวิเยร์ ชิรูด์ผู้จัดการทีม: อาร์แซน เวนเกอร์ฮอตสกอร์: อาร์เซนอลชนะ 2-1เกร็ดที่น่าสนใจ*เรดดิ้งแพ้แค่ 3 จาก 8 ครั้งหลังสุดที่ลงเตะเอฟเอคัพกับทีมจากดิวิชั่นสูงกว่า (ชนะ 4 เสมอ 1 แพ้ 3) แต่ยังไม่พบทีมจากพรีเมียร์ลีกเลยในฤดูกาลนี้*อาร์เซนอลมีสถิติชนะ 100% ในการพบกับเรดดิ้ง 12 นัด (พรีเมียร์ลีก 6, เอฟเอคัพ 3, ลีกคัพ 3)
ที่มา //sport.sanook.com/145069/
วิเคราะห์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก เชลซี - แมนฯ ยูไนเต็ด
วิเคราะห์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกเชลซี แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดวัน: เสาร์ที่ 18 เมษายน 2558 เวลา: 23.30 น.สนาม: สแตมฟอร์ด บริดจ์ผู้ตัดสิน: ไมค์ ดีนสภาพอากาศ: 13 °C, ฟ้าโปร่งถ่ายทอดสด: CTH Stadium 4
ผลการพบกัน 2 นัดหลังสุด26/10/14 พรีเมียร์ลีก แมนฯ ยูไนเต็ด 1-1 เชลซี19/1/14 พรีเมียร์ลีก เชลซี 3-1 แมนฯ ยูไนเต็ดผลงาน 5 นัดหลังสุดเชลซี12/4/15 ชนะ ควีนส์ปาร์ค 1-0 (เยือน)4/4/15 ชนะ สโต๊ค 2-1 (เหย้า)22/3/15 ชนะ ฮัลล์ 3-2 (เยือน)15/3/15 เสมอ เซาธ์แฮมป์ตัน 1-1 (เหย้า)11/3/15 เสมอ ปารีส 1-1 (เหย้า)แมนฯ ยูไนเต็ด12/4/15 ชนะ แมนฯ ซิตี้ 4-2 (เหย้า)4/4/15 ชนะ วิลล่า 3-1 (เหย้า)22/3/15 ชนะ ลิเวอร์พูล 2-1 (เยือน)15/3/15 ชนะ สเปอร์ส 3-0 (เหย้า)9/3/15 แพ้ อาร์เซนอล 1-2 (เหย้า)ความพร้อม-สภาพทีมเชลซีโลอิก เรมี่มีลุ้นฟิตกลับมาเป็นตัวเลือกในแนวรุกนัดนี้แทนดิเอโก้ คอสต้าที่เจ็บอยู่ได้ หลังจากดิดิเยร์ ดร็อกบาได้ลงเล่นในนัดล่าสุด นอกนั้นสิงห์ครามพร้อมจัดตัวหลักลงเล่นได้อย่างพร้อมหน้าอีกครั้ง เชส ฟาเบรกาสน่าจะยืนสูงเป็นเพลย์เมกเกอร์ต่อไป โดยมีรามิเรสจับคู่กับเนมันย่า มาทิชตรงกลางสนามแมนฯ ยูไนเต็ดไมเคิ่ล คาร์ริคอดลงเล่นในแดนกลางเพราะเจ็บจากเกมที่แล้ว ดาลี่ย์ บลินด์, ฟิล โจนส์ และมาร์กอส โรโฮเจ็บจากการลงเล่นในแนวรับนัดเดียวกันจนชวดบู๊นัดนี้ด้วย ส่วนจอนนี่ อีแวนส์ยังติดโทษแบนอยู่ แพ็ดดี้ แม็คแนร์กับลุค ชอว์คงได้ลงมาเติมแผงหลัง อังเคล ดิ มาเรียมีลุ้นได้ลงเล่นในแดนกลางด้วยนักเตะโดนแบน: จอนนี่ อีแวนส์วิเคราะห์รูปเกมเชลซีต้องผ่านบททดสอบยาก ๆ ในช่วงโค้งสุดท้ายของซีซั่นให้ได้เพื่อเดินหน้าเข้าป้ายแชมป์ แม้ฟอร์มจะไม่วูบวาบแต่สิงห์ครามก็ทำผลงานได้แน่นอน และเก็บชัยชนะที่ต้องการได้อย่างต่อเนื่อง เกมนี้แม้จะรับการมาเยือนของแมนฯ ยูไนเต็ดที่ฟอร์มกำลังพุ่ง แต่ผีแดงก็สภาพทีมยวบไปพอดี และมีสิทธิ์เสียท่าที่สแตมฟอร์ด บริดจ์อีกครั้งผู้เล่น 11 คนแรกที่คาดเชลซี (4-2-3-1): 13.ติโบต์ กูร์กตัวส์ ; 2.บรานิสลาฟ อิวาโนวิช 24.แกรี่ เคฮิลล์ 26.จอห์น เทอร์รี่ 28.เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า; 21.เนมันย่า มาทิช 7.รามิเรส ; 22.วิลลเลี่ยน 4.เชส ฟาแบรกาส 10.เอแดน อาซาร์; 18.โลอิก เรมี่ผู้จัดการทีม: โจเซ่ มูรินโญ่แมนฯ ยูไนเต็ด (4-2-3-1): 1.ดาวิด เด เคอา ; 25.อันโตนิโอ วาเลนเซีย 33.แพ็ดดี้ แม็คแนร์ 12.คริส สมอลลิ่ง 3.ลุค ชอว์; 21.อันเดอร์ เอร์เรร่า 31.มารูยาน เฟลไลนี่; 7.อังเคล ดิ มาเรีย 8.ฆวน มาตา 18.แอชลี่ย์ ยัง; 10.เวย์น รูนี่ย์ผู้จัดการทีม: หลุยส์ ฟาน ฮัลฮอตสกอร์: เชลซีชนะ 2-1เกร็ดที่น่าสนใจ*เชลซีไม่แพ้เลยใน 4 นัดหลังสุดที่พบกับแมนฯ ยูไนเต็ดในพรีเมียร์ลีก (ชนะ 2 เสมอ 2) และเสียแค่ 2 ประตูเท่านั้น*แมนฯ ยูไนเต็ดชนะเกมพรีเมียร์ลีกที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ แค่ครั้งเดียวใน 12 นัดหลังสุด นั่นคือเมื่อฤดูกาล 2012/13 ที่ผีแดงเป็นแชมป์
ที่มา //sport.sanook.com/145059/
คลิป HD นาโปลี4-1โวล์ฟสบวร์ก/ฟิออ1-1/เซบีย่า2-1/คู่อื่นๆ
คลิปไฮไลท์ HD มาดริด3-0/อาร์เซนอล1-0/ซันเดอร์แลนด์1-4/สเปอร์0-1/สวอนซี ซิตี้1-1/คู่อิ่นๆ
ผี-เรือว่าไง? แคลทเท่นเบิร์ก เป่าดาร์บี้แมตช์อาทิตย์นี้
มาร์ค แคลทเท่นเบิร์ก เชิ้ตดำชื่อดังประจำพรีเมียร์ลีก ได้ถูกมอบหมายให้ทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสินในศึก แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ แมตช์ ในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้แคลทเท่นเบิร์ก เคยลงทำหน้าที่ในเกมที่ ปีศาจแดง พ่ายให้กับ เรือใบสีฟ้า 1-6 เมื่อปี 2011 มาแล้ว ซึ่งในเกมนั้นเขาได้ควักใบแดงไล่ จอนนี่ อีแวนส์ ออกจากสนามด้วยสำหรับในซีซั่นนี้ เขาเคยแจกใบแดงให้กับแข้งผีแดงอย่าง ไทเลอร์ แบล็คเก็ตต์ (แพ้ เลสเตอร์ ซิตี้ 3-5) และ ลุค ชอว์ (เสมอ เวสต์แฮม 1-1) อีกทั้งยังแจกใบเหลืองไปแล้วทั้งสิ้น 78 ครั้ง มากที่สุดเป็นอันดับ 8 อีกด้วยทั้งนี้ แวงซ็องต์ กอมปานี กัปตันแมนฯ ซิตี้ เพิ่งเป็นเหยื่อรายล่าสุดที่โดนท่านเปารายนี้ไล่ออกจากสนามในนัดที่ ทีมชาติเบลเยียม บุกไปเอาชนะ ทีมชาติอิสราเอล 1-0 ในการแข่งขันยูโร 2016 รอบคัดเลือกเมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ที่มา //sport.sanook.com/143861/