ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

กระหึ่มโซเชี่ยล! “คอร์บิ้น” แข้งลูกครึ่งไทย-อังกฤษจ่อเซ็นเข้าอคาเดมี่ “ผีแดง”

กระหึ่มโซเชี่ยล! “คอร์บิ้น” แข้งลูกครึ่งไทย-อังกฤษจ่อเซ็นเข้าอคาเดมี่ “ผีแดง”

คอร์บิ้น เมอร์เรย์ นักเตะลูกครึ่งที่มีพ่อเป็นชาวอังกฤษและแม่เป็นคนไทย ซึ่งตอนนี้อายุ 8 ขวบ และได้รับความสนใจจากหลายสโมสรในอังกฤษ เตรียมเซ็นสัญญาเป็นนักเตะเยาวชนในอคาเดมี่ของ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากเคยร่วมฝึกซ้อมกับทีมในระยะหนึ่ง

โดย คุณแม่เก๋ แม่ของคอร์บิ้นซึ่งเป็นชาวไทยได้เปิดเผยผ่านอินสตาแกรม kiana_corbyn ว่า ลูกชายซึ่งเป็นแฟนลิเวอร์พูลเต็มตัว เริ่มเล่นฟุตบอลและใส่ชุดแข่งของลิเวอร์พูลเป็นทีมแรก แต่ต้องเลือกเซ็นสัญญากับแมนฯ ยูฯ เนื่องจากครอบครัวอาศัยอยู่ที่เมืองแมนเชสเตอร์ และไม่เหมาะที่จะเดินทางไปฝึกซ้อมที่เมืองลิเวอร์พูลได้ทุกวัน เพราะยังต้องเรียนหนังสือ ทั้งๆที่ได้รับความสนใจในการเซ็นสัญญากับทีมหงส์แดงเช่นกัน โดยจะมีการเซ็นสัญญากับทีมปีศาจแดงในเร็วๆ นี้

“จะว่าไป จริงแล้วๆเราเองก็รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ Manchester United ซึ่งเป็นทีมที่ใหญ่และมีชื่อเสียงมากๆต้องการน้องไปอยู่ด้วย เราไม่ใช่ไม่ชอบทีมนี้ เพียงแต่เราเป็น Liverpool Supporter กันมาตลอด สถานที่ฝึกซ้อมก็ห่างจากบ้านเราแค่ 15 นาที

และที่สำคัญที่สุด คือ คอร์บิ้นไม่มีปัญหาใดๆเลย ตอนนี้ทาง Liverpool เองก็ยังโทรมาถามคุณพ่อน้องแทบทุกวันว่า สรุปว่าคอร์บิ้นจะไปเซ็นสัญญากับเค้ามั้ย เค้าถึงขนาดจะขับรถมาแมนเชสเตอร์เพื่อมาคุย (และโน้มน้าว) เก๋ เพราะเก๋เป็นคนยกประเด็นเรื่องการศึกษาขึ้นมา ซึ่งเป็นเหตุผลหลักในการตัดสินใจในครั้งนี้

และคืนนี้ก็เป็นอีกครั้งที่โทรมาอีก เราจึงบอก final answer เค้าไปแล้วว่าเราคงไม่ไปแล้ว สิ่งที่ปลายสายตอบกลับมาคือ “We wish Corbyn all the best. And in 12 months time, if things don’t work out there, we’ll be more than happy to see Corbyn again. Tell him, he’ll never walk alone” เก๋ฟังคุณพ่อน้องเล่าให้ฟังจบแค่ประโยคนั้น เก๋น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้มีแค่ 2 ประโยคสั้นๆที่อยากจะบอกกลับไปคือ “Thank you Liverpool. You’ll always be with us”

ทั้งนี้ คอร์บิ้นเริ่มมีชื่อเสียงในวงการฟุตบอลระดับเยาวชนในอังกฤษและได้รับฉายาว่า “นิว เบ๊คแฮม” ตั้งแต่อายุไม่ถึง 7 ขวบ ได้รับความสนใจจากอคาเดมี่หลายสโมสรทั้งแมนฯ ยูฯ, ลิเวอร์พูล, แมนชสเตอร์ ซิตี้, เอฟเวอร์ตัน, บิวรี่ และมีความฝันว่าอยากจะเล่นฟุตบอลให้กับทีมชาติไทย

//sport.sanook.com/213805/




 

Create Date : 18 มีนาคม 2559    
Last Update : 18 มีนาคม 2559 8:23:30 น.
Counter : 1403 Pageviews.  

สกู๊ป : ขอ “เหมือนเดิม” อีก 8 นัด

สกู๊ป : ขอ “เหมือนเดิม” อีก 8 นัด

แอบหวั่นกับวลี “บอลเปลี่ยนโค้ช” อยู่เหมือนกัน เฉพาะอย่างยิ่ง ราฟาเอล เบนิเตซ กับผลงานช่วงแรกของการรับงานสโมสรใหม่มักจะทำได้ดี

อย่างไรก็ตามครับ ทุกอย่างเป็น “ตามคาด” แบบที่ “กระแส” แฟนบอลทั่วโลกแอบหวัง โดยเลสเตอร์ ซิตี้ สามารถเอาชนะเกมนี้ไปได้ 1-0

สกอร์ไลน์แม้จะทำให้กองเชียร์บ้านเรา “เหนื่อยฟรี” เพราะยิงไม่น้อยไม่มากไป ทว่าก็คาดเดาได้นะครับว่า เกมลักษณะนี้ “ไม่ง่าย”

ชนะก็ดีแล้ว จากเกมที่ได้เห็นอะไร “โพสิทีฟ” จากทั้ง 2 ฝ่ายมากมายเพียงพอจะเห็นแสง “เส้นชัย” ที่ทั้งเลสเตอร์ และนิวคาสเซิล วาดหวัง

แน่นอนครับ “โจทย์” ของเลสเตอร์ ถูกกดดันด้วยชัยชนะของสเปอร์ส ในศึกซูเปอร์ซันเดย์ เหนือแอสตัน วิลล่า 2-0 จนแต้มขยับใกล้เข้ามาเหลือเพียง 2 คะแนน

โดยชั่วโมงนี้ให้ลืม อาร์เซนอล และแมนฯซิตี้ ที่ “พลาด” มากกว่าไปได้เลย


ขณะที่ นิวคาสเซิล กับตัวผู้เล่นดี ๆ โดยเฉพาะแนวรุก มีงานต้องหนีตาย และดีแล้วเช่นกันที่เรียกใช้บริการกุนซือประสบการณ์สูงอย่าง ราฟาเอล เบนิเตซ แทนที่ สตีฟ แม็คคลาเรน ใน 10 นัดสุดท้าย

ผมเอง ยังไม่ได้ยินจริง ๆ ว่า มีใครไม่ต้อนรับ “ราฟา” กับงานในเกาะอังกฤษรอบที่ 3 ถัดจากเต็มเวลากับลิเวอร์พูล และชั่วคราวกับ เชลซี

งานนี้วัดอุณหภูมิแล้วเหมือนกับกุนซือสแปนิช “ลดตัว” ลงมาด้วยซ้ำกับทีมใหญ่ที่กำลัง “นอนหลับ” รอบที่เท่าไหร่ก็ไม่ทราบได้

เพราะเดี๋ยวหลับเดี๋ยวตื่น ทำให้ “เดอะ แม็คไพน์” อยู่ในอาการสลึมสลือตลอดเวลา

ฉะนั้นไม่มากก็น้อย มันจึงมี 2 ปัจจัยครับ นั่นคือ 1.แม็คก้า ทำทีมไว้แย่เกิน กับ 2.คุณสมบัติที่ดีมากพอของ “ราฟา” ที่ทำให้บรรยากาศในทีมตอนนี้ดีขึ้น

และน่าจะดีพอพาทีมรอดตายได้ หากพิจารณาผลงาน และประสบการณ์ของเบนิเตซ รวมกับเข้าฟอร์มที่แพ้ในการคุมทัพนัดแรกให้กับ “จ่าฝูง” จิ้งจอกสยาม


ประเด็นของนิวคาสเซิลตอนนี้ ผมมองว่า “ราฟา” อาจต้องยอมขยับสไตล์ถนัดของตัวเองเล็กน้อยเพื่อปรับให้เข้ากับทรัพยากรในทีมที่มี

กล่าวคือ กุนซือสแปนิช เป็นบอลวินัยดี รับเก่ง เหนียวแน่น และรุกคม แต่ก็ไม่ใช่แนวบอล “คอนโทรล” ครองบอลเยอะ และบุกแบบช่วงชิงความได้เปรียบก่อน

ทว่าเป็นบอลเหมือนมวย “จังหวะสอง” มากกว่า

แต่นักเตะนิวคาสเซิลตอนนี้ไม่ใช่แบบนั้น เฉพาะอย่างยิ่ง “เกมรับ” ที่มีของน้อย และไม่ดีนักหากเทียบกับ “เกมรุก” ในคลังแสงที่มี

สตีเฟ่น เทย์เลอร์ ยืนเป็นหลักเกมรับ, ดาริล ยานมาร์ต, แจ็ค โคลแบ็ค (จากมิดฟิลด์มายืนแบ็คซ้าย), ฟาบิโอ โคลอชชี่ (เจ็บนัดนี้) ฯลฯ ซึ่งเทียบแนวรุกไม่ได้เลย

อเล็กซานดร้า มิโตรวิช, อโยเซ่ เปเรซ, ปาปิส ซิสเซ่, เซย์ดู ดูมเบีย, แอนดรอส ทาวน์เซนด์, จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม, อองรี ซาอิเวต์ ฯลฯ ดูวูบวาบ

โดยมี จอนโจ เชลวี่ ขับเคลื่อนทัพ

ครับ ทีมชุดนี้ดีเกินพอหากปรับจูนดี ๆ โดยเฉพาะการทำประตู เพราะตัวอย่างที่ได้เห็นจากเกมนี้ เลสเตอร์ เองก็มีโอกาสจะโดนหลายจังหวะเหมือนกัน


จุดนี้ เป็น “งานหลัก” ของ “ราฟา” ตามด้วยเกมรับ “งานถนัด” เพื่อเก็บแต้มให้ได้เป็นกอบเป็นกำที่สุดในอีก 9 นัดที่เหลือ

สำหรับคะแนน “มาตรฐาน” หนีตาย 40 แต้มซึ่งนิวคาสเซิลยังขาดอยู่ 16 คะแนน ผมมองว่า หากทำได้ “10 บวก ๆ” แต้ม หรือชนะสัก 3-4 นัด เสมอ 2-3 นัด และแพ้อีก 2-3 นัด ประมาณนั้นก็จะมีลุ้นทันที

ก็ต้องดูกันครับว่า ราฟาเอล เบนิเตซ จะตีโจทย์ได้แตกหรือไม่?

ข้างฝ่าย เลสเตอร์ ต้องถือว่า เล่นได้มาตรฐานในเกรดที่ผมต้องบอกว่า “พอใจ” ยกเว้นต้น ๆ เกมที่สมาธิมีเผลอไผลไปบ้าง

แต่หลังจากนั้นกระทั่งได้ประตูจาก ชินจิ โอกาซากิ นาทีที่ 25 จนจบครึ่งแรก เลสเตอร์ เหนือกว่า และคุมสถานการณ์ได้เยี่ยม

ความน่าสนใจยังอยู่ที่ ลูกจักรยานอากาศของดาวเตะญี่ปุ่น คือ ประตูแรกของเค้าใน คิงส์ พาวเวอร์ สเตเดี้ยม อันแสดงว่า เลสเตอร์ มีมากกว่า ริยาด มาห์เรซ และเจมี่ วาร์ดี้ หรือเลโอนาร์โด้ อูลลัว ในการทำประตู

ครึ่งหลัง เลสเตอร์ โชว์สปิริตการต่อสู้ และรักษาสกอร์ไว้ได้ ก่อนชนะ 1-0 และยืดช่องว่างจากสเปอร์สกลับไปเป็น 5 แต้มแต่เหลือเพียง 8 นัดสุดท้ายเท่านั้น

เอนโลโก้ กองเต้ ครองตำแหน่งแมน ออฟ เดอะ แมตช์, โรเบิร์ต ฮูธ โดดเด่นในเกมรับ

ทุกอย่างยังเป็นเหมือนเดิมกับ 29 นัดที่ผ่านมาที่หวังว่าจะเป็น “เหมือนเดิม” อีก 8 เกมจนถึงนัดที่ 38 ครับ


//sport.sanook.com/212505/




 

Create Date : 17 มีนาคม 2559    
Last Update : 17 มีนาคม 2559 8:31:18 น.
Counter : 863 Pageviews.  

สกู๊ป : “บทเรียนที่ไม่เคยจำ” โดย “มาสเตอร์ ริท”

สกู๊ป : “บทเรียนที่ไม่เคยจำ” โดย “มาสเตอร์ ริท”

ราวกับวนลูปเดิมพร้อมอย่างไม่มีสิ้นสุด เข้าสู่กลางเดือนมีนาฯแล้ว วัฏจักร “ปืนโต” ก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ถ้วยเอฟเอ คัพ ที่ทำท่าจะเป็นขนมหวานถึงตรงนี้ทุกอย่างกลายเป็นแค่อดีต

จากที่คว้าแชมป์มา 2 สมัยซ้อน ทันทีที่เริ่มต้นวีคใหม่ อาร์เซน่อลแปรเปลี่ยนสถานะเป็นแค่ “แชมป์เก่า” ไปแล้วเรียบร้อย

นับเป็นเรื่องตลกร้ายที่สาวก “กูนเนอร์ส” น่าจะขำไม่ออก เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ที่พวกเขาต้องเจ็บซ้ำ-เจ็บซ้อนไปกับโชคชะตาอันเจ็บปวด  ภาพเดิมๆที่เราเห็นจนชินตาในทุกฤดูกาลเตรียมย้อนกลับมาฉายซ้ำอีกครั้ง

ความพ่ายแพ้ต่อวัตฟอร์ด 1-2 เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมาทำให้แฟนปืนใหญ่ต้องตกอยู่ในสภาวะ “เซ็งเป็ด” เปล่าเลยครับพวกเขาไม่ได้อารมณ์บ่จอยไปกับการร่วงตกรอบถ้วยอันศักดิ์สิทธิ์ตรานี้  หากแต่เบื่อหน่ายไปกับ “ความใจมด” ของขุนพลในทีมมากกว่า

ทั้งๆที่นี่คือขุมกำลังชุดจริง  ทั้งๆที่นี่คือรัง ‘เอมิเรตย์ สเตเดี้ยม’ สังเวียนเหย้าอันศักดิ์สิทธิ์ที่ใครต่อใครต้องหวาดผวา  ทว่ากับปัจจุบันทีม “เดอะ กันเนอร์ส” ไม่ต่างกับนักบุญที่พร้อมแจกแต้ม และ มอบชัยชนะให้กับทุกอาคันตุกะที่เข้ามา


จาก 7 เกมหลังสุดที่เล่นในบ้านอาร์เซน่อลกำชัยได้แค่หนเดียว ตลกร้ายกว่านั้นคือ 3 เกมหลังจากทุกรายการพวกเขาจบด้วยความพ่ายแพ้ทุกครา

นี่คือสถิติในรังที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2002 เป็นต้นมา

กับแมตช์ล่าสุดที่เพิ่งผ่านพ้นไป แม้จะครองบอลเป็นส่วนใหญ่แต่นั่นก็จบลงด้วยการถ่ายบอลไป-มา  ส่วนกับฟอร์มการเล่นน่ะหรือ !?  

ชิรูด์ยังคงเป็น “เสาไฟฟ้า” ที่ได้แค่ยืนโยกเยกพลางทำหน้าตาหล่อเหลา , อเล็กซิส กับฟอร์มการเล่นที่ดิ่งเหวอย่างน่าใจหาย  กระทั่งในวันที่วัตฟอร์ดลงไปแพ็คเกมรับทั้ง 11 คนในโซนตนเอง  โอกาสมากองอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆ..

แต่ก็เป็นอีกครั้งที่ “เดอะ กันเนอร์ส” ทำไม่ได้


แม้ดาวเตะที่ลงสู่สังเวียนรบจะเพียบพร้อมไปด้วยระดับ “พี่เบิ้ม” ของทีมทว่าก็มิอาจช่วยให้อาร์เซน่อลพ้นเงื้อมมือมัจจุราช  ประสบการณ์ที่ผ่านมาของ แพร์ แมร์เตซัคเกอร์ ไม่ได้ช่วยให้แผงแบ็คโฟร์เหนียวแน่นขึ้นมิหนำซ้ำเป็นเจ้าตัวเสียด้วยซ้ำที่ไม่ต่างกับ ‘บ่อน้ำมัน’ ชั้นดี

นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ  กลายเป็นคาเรคเตอร์ของอาร์เซน่อลไปแล้วที่ในวันที่หน้าสิ่ว-หน้าขวาน  พลพรรค “ปืนใหญ่” จะแสดงความใจเสาะให้เราได้เห็น ไร้ซึ่งความมุ่งมั่น, ไร้ซึ่งความกระหาย .. ไม่มีแม้แต่ความทะเยอทะยาน

โดยส่วนตัวผมเชื่อว่า จุดเปลี่ยนที่ทำให้พายุมหึมาปกคลุมเนิ่นฟ้า เอมิเรตย์ สเตเดี้ยม คือแมตช์ที่พ่ายกับบาร์ซ่า  ส่วนเกมที่พ่าย “ปีศาจแดง” แบบเสียเชิงคือจุดสิ้นสุด ในวันที่โมเมนตัมกำลังเริ่มมา ความเชื่อที่ถูกปลุกระดมเมื่อตอนคว่ำเลสเตอร์กลับถูกพังทลายภายในเสี้ยวพริบตา

โบราณว่าเอาไว้ครับว่า  “ ดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ ” ก็คงเฉกเช่นเดียวกับโลกฟุตบอล
 หากจะดูกำลังพลแล้วก็ต้องแอบเหล่มอง “ดูแม่ทัพ ”

ขุนศึกเป็นเช่นไร แม่ทัพก็เป็นเช่นนั้น .. กับคำให้สัมภาษณ์ล่าสุดของเวนเกอร์  ต่อให้จะตกรอบแบบงามหน้าทว่านายใหญ่มาดละเอียดก็ยังมั่นใจครับว่า  ทีมชุดนี้ยังคงเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ


และแม้ว่าจะพ่ายแพ้ต่อวัตฟอร์ดมาหมาดๆ แต่กับเกมที่ คัมป์ นู ในคืนวันพุธนี้

“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้”

บางคนอาจฟังแล้วเริ่มมีความหวัง ทว่ากับสาวกที่ต่างก็ชินชากับความเจ็บปวด หากไม่โกหกตัวเองไปซะก่อนย่อมรู้ซึ้งกันดีว่า

ทุกอย่าง “จบสิ้น” แล้ว

ผืนผ้าที่บอกว่า “ Arsene, It’s Time to Say Goodbye” บ่งบอกทุกสิ่งเป็นอย่างดี  “กูนเนอร์ส” ในเวลานี้ต่างกำลังเดือดดาลกับสิ่งที่อดีตฮีโร่ได้ทำ และ นับวันมีแต่หนักข้อขึ้นเรื่อยๆ

 ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ขุนพล “ปืนโต” และ เวนเกอร์ ต้องพิสูจน์ให้แฟนบอลได้เห็นว่า...พวกเขาคือ ‘ของจริง’

กับบทสัมภาษณ์ครั้งล่าสุด  แม้เวนเกอร์จะพรรณนาถึงคำพูดสวยหรู  แต่นั่นก็มิอาจกลบความจริงในอดีตได้ ที่ผ่านมาแฟนบอลบอบช้ำมามากพอแล้ว มันช่างง่ายที่จะใช้จิตวิทยาพูดโน้มนาวราวกับปลุกพลังความเชื่อด้วยความหวัง   

ทว่าณ เวลานี้ สิ่งที่แฟนบอลต้องการ ไม่ใช่เพียงแค่ลมปาก หากแต่เป็น ‘การกระทำ’

ดังนั้นเป้าหมายเดียวที่ทีมดังจากลอนดอนต้องพิชิตให้สำเร็จหากต้องการลดเสียงด่าทอคือแชมป์ “บาร์คเลย์ พรีเมียร์ ลีก”  ที่รอคอยมานานกว่า 12 ปี

แต่จากแนวโน้มที่เป็นอยู่ เชื่อผมได้เลยครับว่า บทสรุปสุดท้ายก็คงไม่ต่างกับภาพเดิมๆที่ฉายซ้ำแล้ว-ซ้ำเล่าเมื่อครั้งอดีต  ฉากเก่าๆที่ทีมพร้อมใจกันร่วงเอฟเอ คัพ, ตกรอบ ชปล. ต่อด้วยพรีเมียร์ฯ ในเวลาไล่เลี่ยกันเปรียบดั่งฝันร้ายเสมือนกับ “บทเรียนที่ไม่เคยจำ”


เวนเกอร์ และ ลูกทีมไม่เคยฉกฉวยความผิดพลาดจากอดีตมาเป็นครูสอนใจเลยแม้แต่น้อย  เป็นครั้งที่เท่าไหร่กันแล้วที่แฟนบอลปืนใหญ่ต้องพบกับชะตากรรมอันเศร้าสลดในวงเวียนเดิมๆดั่งไม่รู้จบ 

ผมเชื่อว่า ตัวนักเตะเองก็มีส่วน ความพลาดพลั้งในอดีตไม่เคยช่วยให้พวกเขาเติบโตขึ้นเลย ทว่าบางทีการที่ “บทเรียนที่ไม่เคยจำ” นี้เวียนว่ายราวกับวัฎจักรมันคงมิใช่เพราะ นักเตะอย่างเดียว 

เป็นตัว “แม่ทัพ” เองนั่นแหละที่ไม่เคยใส่ใจกับการทบทวนบทเรียน

และมีทีท่าว่าจะ “สอบตก” ไปเรื่อยๆ

"ตราบใดที่ยังยึดถือกับอีโก้ตนเอง"



เรื่องโดย : มาสเตอร์ ริท

//sport.sanook.com/212389/




 

Create Date : 15 มีนาคม 2559    
Last Update : 15 มีนาคม 2559 21:40:55 น.
Counter : 765 Pageviews.  

สกู๊ป : “ราฟา” คนที่ทูนอาร์มี่ต้องกด Like

สกู๊ป : “ราฟา” คนที่ทูนอาร์มี่ต้องกด Like

เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว “ไมค์ แอชลีย์” และบอร์ดบริหารของทีมสาลิกาดง “นิวคาสเซิล” ได้ตัดสินใจประกาศปลด “สตีฟ แม็คคลาเรน” ออกจากตำแหน่ง พร้อมทั้งแต่งตั้ง เอลบอส “ราฟาเอล เบนิเตซ” ขึ้นเป็นนายใหญ่ของทีม หลังจากทีมแพ้ในลีกมาแล้ว 3 นัดติดต่อกัน เสียรวมไปถึง 9 ประตู

ตอนนี้อยู่อันดับ 19 ของตาราง โอกาสที่จะตกชั้นลงไปเล่นในลีก “แชมเปี้ยนชิพ” มีสูงมาก ถ้าอีก 10 นัดที่เหลือผลงานยังไม่ดีขึ้น ซึ่งตลอดทั้งฤดูกาลนี้ทีมดังจากภาคอีสานเหนือของอังกฤษก็ยังวนเวียนอยู่ในโซนตกชั้นมาตลอด ทั้งๆ ที่ก่อนเปิดฤดูกาลเฮียตือ เจ้าของสโมสรให้เงิน “บิ๊กแม็ค” ซื้อผู้เล่นกว่า 80 ล้านปอนด์

ทั้ง “ชานเซล เอ็มเบ็มบ้า” (8.5 ล้านปอนด์) “จิออร์จินาโด ไวนัลดุม” (14.5 ล้านปอนด์) “แอนดรอส ทาวน์เซ่น” (12.5 ล้านปอนด์) “จอนโจ้ เชลวี่” (12 ล้านปอนด์) “ฟลอเรียน ทัวร์วิน” (12 ล้านปอนด์) และ “อเล็กซานเดอร์ มิโตวิช”   (13 ล้านปอนด์) ถือว่าเป็นราคาที่แพงมากที่ซื้อนักเตะเหล่านี้เกิน 10 ล้านปอนด์

แต่ยุคนี้ต้องยอมรับว่า “บิ๊กแม็ค” อดีตผู้ช่วยของ “เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน” สมัยที่คุมทีมอยู่และดีกรีอดีตกุนซือทีมชาติอังกฤษที่พาทีม “ตกรอบคัดเลือก” ฟุตบอลยูโร 2008 เป็นกุนซือหมดยุคหมดสมัยไปเรียบร้อยแล้ว

ส่วนตัวมองว่าการตัดสินใจของเฮียตือ “ถูกต้อง” เพราะถ้า “บิ๊กแม็ค” ยังอยู่ ผลงานไม่ดีไปกว่านี้ โดยสถิติการคุมทัพทูน อาร์มี่ 28 นัด ชนะ 6 เสมอ 6 และแพ้ไปถึง 16 นัด และคงจะต้องตกชั้นอย่างแน่นอน

การมาของกุนซือใหม่อย่าง “ราฟาเอล เบนิเตซ” ถึงแม้ว่าจะยังไม่เคยคุมทีมลงแข่งซักนัด แต่เชื่อว่าผลงานของทีมต้องดีขึ้น แม้จะไม่ใช่ชาวอังกฤษ แต่ก็รู้จักฟุตบอลเมืองผู้ดีเป็นอย่างดี


เคยคุมทีมใหญ่อย่าง “ลิเวอร์พูล” กับ “เชลซี” ประสบความสำเร็จได้แชมป์มาแล้ว ถึงจะเป็นบอลถ้วย จนถูกเรียกว่าเจ้าพ่อบอลถ้วยก็ตาม

เกมที่เหลือของทีมก็ต้องเล่นให้ไม่ต่างจากการเล่นบอลถ้วยที่จะ “แพ้” ไม่ได้เป็นอันขาด ที่สำคัญตัวของ “เบนิเตซ” เองก็อยากทำงานในอังกฤษอยู่แล้ว และเซ็นสัญญารวดเดียว 3 ปี

ดังนั้นการมาครั้งนี้ของ “เอล ราฟา” ไม่ไช่เพื่อแค่พาทีมอยู่รอดปลอดภัยเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่หวังจะให้อยู่สร้างทีมใหม่ตั้งแต่ระบบเยาวชนกันเลยทีเดียว

ซึ่งเจ้าตัวก็เป็นกุนซือที่ให้โอกาสนักเตะเยาวชนขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่อยู่เรื่อยๆ

นอกจากนั้นกุนซือชาวกระทิงดุผู้นี้มี “ประสบการณ์” ในการทำฟุตบอลอยู่เต็มสมอง ถึงแม้จะชอบโรเตชั่นนักเตะในบางครั้งก็ตาม


แต่การมาอยู่กับ “นิวคาสเซิล” น่าจะเป็นงานที่ถนัดอยู่ในแล้วในการคุมทีมประเภท Underdog เพราะครั้งหนึ่งเคยพาทีมอย่าง “บาเลนเซีย” ยิ่งใหญ่กว่า “เรอัล มาดริด” กับ “บาร์เซโลน่า” ในลาลีกา ของสเปนมาแล้ว

สำหรับแฟนบอลของทีมนี้น่าจะเป็นข่าวดีที่สุดในฤดูกาลนี้เลยทีเดียว เพราะ “เอล ราฟา” มาทำทีมยังดูดีกว่ากุนซือคนก่อน

ถ้าปรับจูนทีมได้ลงตัวเร็วเท่าไหร่ ก็เชื่อว่าทีมน่าจะผลงานดีขึ้นเร็วเท่านั้น ซึ่งโชคดีของแฟนบอลที่เจ้าตัวเป็นกุนซือที่ถนัดเกมรับมากกว่าเกมรุก ขออย่างน้อยก็ไม่แพ้ไว้ก่อน

สุดท้ายพลพรรคทูน อาร์มี่ ที่กด Like ไปแล้วในการเปลี่ยนแปลงทีมครั้งนี้จะได้มีความสุขกันจริงๆ ซักที เพราะคืนนี้ได้ลองของในการเจอกับจ่าฝูงจอมเซอร์ไพรส์อย่าง “เลสเตอร์ ซิตี้” เลยครับ

//sport.sanook.com/212277/




 

Create Date : 14 มีนาคม 2559    
Last Update : 14 มีนาคม 2559 21:04:10 น.
Counter : 883 Pageviews.  

ปรัชญาเสียสถิติแดงเดือด! หงส์เปิดรังฝังผี 2-0 เฮยกแรกยูโรป้า

ปรัชญาเสียสถิติแดงเดือด! หงส์เปิดรังฝังผี 2-0 เฮยกแรกยูโรป้า

ฟุตบอลยูโรปา ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก
วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม 2559
ลิเวอร์พูล (อังกฤษ) 2-0 แมนฯ ยูไนเต็ด (อังกฤษ)

สนาม : แอนฟิลด์
ผู้ตัดสิน : คาร์ลอส เบลาสโก้

เริ่มเกมมาถึง นาที 19 หงส์แดง ได้ลูกจุดโทษ จากจังหวะ เมมฟิส เดอปาย ไปทำฟาวล์ เนธาเนียล ไคลน์ ในกรอบเขตโทษ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ รับหน้าที่สังหารไม่พลาด เจ้าบ้านขึ้นนำ 1-0

เป็นเจ้าบ้านที่เป็นฝ่ายเดินหน้าบุกกดดันอยู่ฝ่ายเดียว แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่ยิงไม่ผ่านมือ ดาบิด เด เคอา ที่โชว์ซุปเปอร์เซฟไว้ได้ทั้งหมด จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล นำ แมนฯ ยูไนเต็ด 1-0

กลับมาต่อครึ่งหลัง นาที 55 ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ได้โอกาสด้วยขวาทางฝั่งซ้าย แต่ก็ยังไปติดมือ ดาบิด เด เคอา ลอยตัวปัดข้ามคานออกไป

นาที 70 เป็นโอกาสของ หงส์แดง อีกครั้ง อดัม ลัลลาน่า พาบอลไปถึงเส้นหลังฝั่งซ้ายก่อนจะเปิดเรียดเข้าในบริเวณจุดโทษถึง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน แปหลุดเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย

และแล้วเจ้าบ้านก็มาได้ประตูที่สองจนได้ นาที 73 จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมพาบอลไปฝั่งขวาถึงเส้นหลังยัดเข้ากลาง ไมเคิ่ล คาร์ริค แปะบอลจะให้ มาร์กอส โรโฮ เล่นต่อแต่ไปเข้าทาง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ เลี้ยงมาซัดเสาแรกเข้าไป ลิเวอร์พูล นำห่าง 2-0

ท้ายเกมเจ้าถิ่นหวังจะซัดประตูเพิ่มเพื่อกุมความได้เปรียบในนัดต่อไป แต่ก็ยังไม่ผ่านมือ ดาบิด เด เคอา จบเกม ลิเวอร์พูล เปิดบ้านไล่ยำ แมนฯ ยูไนเต็ด 2-0 ไปลุ้นกันต่อนัดสองที่ โอลด์แทรฟฟอร์ด วันที่ 17 มี.ค.นี้

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล : ซิมง มิโญเล่ต์ (ผู้รักษาประตู) : เนธานเนียล ไคลน์, มามาดู ซาโก้, เดยัน ลอฟเรน, อัลเบร์โต้ โมเรโน่, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เอ็มเร่ ชาน, อดัม ลัลลาน่า ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, โรเบร์โต้ ฟีร์มิโน่, แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์

แมนฯ ยูไนเต็ด : ดาบิด เด เคอา (ผู้รักษาประตู) : กีเยร์โม่ บาเรล่า, คริส สมอลลิ่ง, ดาเล่ย์ บลินด์, มาร์กอส โรโฮ, มอร์กกาน ชไนเดอร์ลิน, มารูยาน เฟลไลนี่, ฆวน มานูเอล มาต้า, เมมฟิส เดอปาย, อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล, มาร์คัส แรชฟอร์ด

ผลคู่อื่น
ดอร์ทมุนด์ ชนะ สเปอร์ส 3-0
บาเซิ่ล เสมอ เซบีย่า 0-0
เฟเนร์บาห์เช่ ชนะ บราก้า 1-0
ชัคเตอร์ โดเนทส์ค ชนะ อันเดอร์เลชท์ 3-1
บียาร์เรอัล ชนะ เลเวอร์คูเซ่น 2-0
แอธ.บิลเบา ชนะ บาเลนเซีย 1-0
สปาร์ต้า ปราก เสมอ ลาซิโอ 1-1


//sport.sanook.com/211533/




 

Create Date : 11 มีนาคม 2559    
Last Update : 11 มีนาคม 2559 8:24:25 น.
Counter : 746 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  148  149  150  151  152  153  154  155  156  157  158  159  160  161  162  163  164  165  166  167  168  169  170  171  172  173  174  175  176  177  178  179  180  181  182  183  184  185  186  187  188  189  190  191  192  193  194  195  196  197  198  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.