ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

สกู๊ป : เหตุผลที่ "ฟาน กัล" ต้องไป..



สกู๊ป : เหตุผลที่

สกู๊ป : เหตุผลที่ "ฟาน กัล" ต้องไป..

Hot Score

สนับสนุนเนื้อหา

ไม่มีการจากลาครั้งใดที่เกิดขึ้นโดยไม่มีความเศร้า

แม้กระทั่งกับคนที่แฟนบอลก่นด่าตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมาอย่าง หลุยส์ ฟาน กัล เมื่อถึงวันที่ต้องจำจากกันจริงๆก็มีมุมที่อด “เห็นใจ” ด้วยไม่ได้ครับ

ลำพังการ “ปูด” ข่าวออกในระยะเวลาที่แทบจะทันทีหลังจากที่กุนซือชาวดัตช์สามารถพาลูกทีมคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ด้วยการพลิกกลับมาล้ม คริสตัล พาเลซ ได้ 2-1 ในช่วงของการต่อเวลาพิเศษโดยที่เหลือผู้เล่นแค่ 10 คน ก็เป็นเรื่องที่โหดร้ายพอดูอยู่แล้ว

ยิ่งรู้ว่า ฟาน กัล ได้เป็นคนท้ายๆที่ได้รู้เรื่องนี้ ภาพของคุณลุงผู้น่าสงสารก็ปรากฏขึ้นมาในมโนสำนึกทันที

ระยะเวลาไม่ถึง 36 ชั่วโมง อาจไม่ใช่ระยะเวลาที่ยาวนาน แต่สำหรับคนคนหนึ่งที่ตั้งใจทำงานในแบบของตัวเอง แต่โชคร้ายที่ความตั้งใจของเขาไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นต้องการ บวกกับ “ตัวตน” ที่เป็นคนนิ่งๆแอบหยิ่งผยองพอสมควรในความสามารถของตัวเองที่ได้รับการยกย่องในฐานะ “ปราชญ์ลูกหนัง" คนหนึ่งของวงการ ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา

36 ชั่วโมงโดยประมาณนั้นจึงเป็นช่วงเวลาที่ “ทรมาน” อยู่พอควร กับการที่ถูกคนอื่นตัดสินอนาคตให้ตัวเองเรียบร้อย โดยที่ตัวเองยังไม่รู้แน่ชัดเลยว่าบทสรุปสุดท้ายจะเป็นอย่างไร และสุดท้ายบทสรุปก็เป็นอย่างที่มีการช่วยกันเขียนบทไว้

เอ็ด วู้ดเวิร์ด เป็นผู้เชิญข่าวร้ายมาแจ้งต่อกุนซือชาวดัตช์ที่สนามซ้อมแคร์ริงตัน ในช่วงเช้าวันอังคารว่าเขาจะไม่ได้ทำทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกต่อไป

ห้วงหนึ่งของความรู้สึกนั้นเห็นใจครับ แต่มันไม่อาจหลีกเลี่ยงเหตุผลของการกระทำได้ว่า ฟาน กัล เองก็ไม่เหมาะสมที่จะเป็นนายใหญ่ของโอลด์ แทรฟฟอร์ดอีกต่อไป

หากตระเวนอ่านตามสำนักข่าวต่างประเทศ จะพบบทวิเคราะห์มากมายครับว่า “ทำไม"

Daily Telegraph ระบุเหตุผลเอาไว้มากมายถึง 33 ข้อ โดยมีการแยกออกเป็นหมวดๆ เช่น ในภาพรวม, สถิติ, แท็คติกส์, การซื้อขายผู้เล่น, ตัวนักเตะในทีม และผลงาน ซึ่งก็มีเหตุผลต่างๆมากมายที่ล้วน “ฟังขึ้น” เกือบทั้งหมด รวมถึงเบื้องหลังที่น่าสนใจ เช่น นักเตะในทีมเองไม่ตอบสนองต่อสิ่งที่ ฟาน กัล พยายามสอนด้วยวิธีแบบของเขาเอง (ส่งวีดีโอข้อมูลแท็คติกส์ให้ แต่ไม่มีการเปิดอ่าน ฯลฯ)

ขณะที่ BBC ฟิล แม็คนัลตี้ บรรณาธิการข่าวกีฬาลงรายละเอียดที่ลึกซึ้งว่าเหตุใดกุนซือที่มีมันสมองปราดเปรื่องที่สุดคนหนึ่งจึงล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง

ถ้าอ่านทั้งหมดจะเข้าใจมากขึ้นครับ

แต่ถึงจะไม่อ่านทั้งหมด ผมคิดว่าทุกคนมองเหตุผล 3 ข้อง่ายๆที่ ฟาน กัล จำเป็นต้องไป

1. ทีมล้มเหลวต่อเนื่อง
2. ทั้งที่ใช้เงินมหาศาล
และ 3. ทำทีมสไตล์ที่แฟนบอลไม่ต้องการ

แค่นี้ก็พอสำหรับการเอื้อนเอ่ยคำว่า “ขอบคุณ” และ “ลาก่อน” หลุยส์ ฟาน กัล ปราชญ์ลูกหนังที่เข้าใจทุกอย่างในเกม แต่ไม่เข้าใจอะไรเลยเกี่ยวกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ซอยสามัคคี by ลูกแม่กิ่ง (lookmaeking@hotmail.com)




 

Create Date : 25 พฤษภาคม 2559    
Last Update : 25 พฤษภาคม 2559 8:34:16 น.
Counter : 757 Pageviews.  

บ๊ายบายยูโร! "ลินการ์ด" ลุ้นเสียบแทน "เวลเบ็ค" หลังเข่าพังพัก 9 เดือน



บ๊ายบายยูโร!

บ๊ายบายยูโร! "ลินการ์ด" ลุ้นเสียบแทน "เวลเบ็ค" หลังเข่าพังพัก 9 เดือน

Rakball

สนับสนุนเนื้อหา

แดนนี่ เวลเบ็ค หมดสิทธิ์ช่วย ”สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ ลุยยูโร 2016 หลังอาการบาดเจ็บที่เข่าหนักกว่าที่คิด ถึงขั้นขึ้นเขียงผ่าตัดรักษาและต้องพักรักษาตัวนานถึง 9 เดือน ด้าน เจสซี่ ลินการ์ด ปีกแมนฯยูไนเต็ด มีลุ้นเสียบแทนติดธงไปฝรั่งเศส

ความเคลื่อนไหวอาการบาดเจ็บของ แดนนี่ เวลเบ็ค กองหน้า ”ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล ตรงบริเวณหัวเข่าข้างขวา จากเกมที่บุกเสมอ ”เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-2 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (8 พ.ค.) ล่าสุดดาวเตะวัย 25 ปีเจ็บหนักกว่าที่คิด ถึงขั้นต้องพึ่งมีดหมอทำการผ่าตัดรักษาเลยทีเดียว

และอดีตศูนย์หน้าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะต้องใช้เวลาพักรักษาตัว ร้างสนามนานถึง 9 เดือน พร้อมกับหมดสิทธิ์ลงเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษ ชุดสู้ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปหรือยูโร 2016 กลางเดือนมิถุนายนนี้ ที่ประเทศฝรั่งเศส และเกมนัดเปิดฤดูกาล 2016-17

ขณะที่สื่อเมืองผู้ดี ยก เจสซี่ ลินการ์ด ปีกวัย 23 ปีของทีมแมนฯ ยูไนเต็ด เป็นตัวเต็งที่น่าจะได้รับโอกาสติดธง ”สิงโตคำราม” ภายใต้การคุมทีมของ รอย ฮอดจ์สัน เป็น 1 ใน 23 คน ไปลุยยูโร เสียบแทน เวลเบ็ค




 

Create Date : 13 พฤษภาคม 2559    
Last Update : 13 พฤษภาคม 2559 8:15:05 น.
Counter : 652 Pageviews.  

สกู๊ป : หงส์บันทึกประวัติศาสตร์



สกู๊ป : หงส์บันทึกประวัติศาสตร์

สกู๊ป : หงส์บันทึกประวัติศาสตร์

Hot Score

สนับสนุนเนื้อหา

นับนิ้วเมื่อถึงตรงนี้ก็เหลือแค่สัปดาห์เดียว ก็วันพุธหน้าแล้วสินะ

นี่คือเกมแห่งซีซั่น เกมที่สำคัญที่สุดของ ''หงส์แดง'' ลิเวอร์พูล จะมาถึงคืนวันพุธที่ 18 พ.ค. ที่เซนต์ จาค็อบ ปาร์ค แห่งบาเซิ่ล ในสวิตเซอร์แลนด์

กับการชิงตั๋วไป ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีก ปีหน้าแบบออกแรงเต็มเหยียด 90 นาทีหรือจะต่อเวลา หรือจะดวลจุดโทษอะไรก็แล้วแต่ เพื่อเป็นผู้ชนะและได้รับรางวัลเป็นตั๋วใบสำคัญล้ำค่าได้ลงเตะในแชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นหน้า จะล้ำค่ากว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

ล้ำค่ายิ่งกว่าโฟร์เอส สร้างสรรค์ผลงานดี ๆ อีกแล้วครับท่าน (กรุณาใส่แว่นตาดำด้วยเพื่อความสมจริง)

จะว่าไปแล้ว แน่นอนว่าใช่แค่ลิเวอร์พูลต้องการฝ่ายเดียวอีกฝั่งหนึ่งของสนามก็คือเซบีย่า ก็ต้องการแบบนั้นเช่นกันเนื่องจากทั้งคู่ไม่ได้อันดับ 4 ในลีกอย่างแน่นอนแล้ว ดังนั้นจึงต้องหวดแข้งกันไฟแล่บ แปล้บ ๆ เพื่อแชมป์รายการนี้


เราผ่านช่วงกลางสัปดาห์ที่แล้วที่ได้เห็นทีมจากสเปนแข็งแกร่งเหลือเกินครับท่าน เมื่อ แอตฯ มาดริด กับ เรอัล มาดริด ผ่านเข้าไปชิงถ้วยใหญ่ แชมเปี้ยนส์ ลีก เจอกันอีกครั้งเป็นหนที่ 2 ในรอบ 3 ปี ไม่อยากเลยว่าเบื่อมาก แต่ก็จำเป็นต้องทนดู

ดูแล้ว เผลอ ๆ ยูโรป้า ลีก ที่มีเดิมพันสูงไม่แพ้กันก็ยังมันเสียกว่า เมื่อไม่ใช่ทีมจากสเปนชิงกันเอง อย่างน้อยก็มีลิเวอร์พูล ยอดทีมจากอังกฤษผ่านมาถึงตรงนี้ได้ ทำให้ทุกอย่างไม่น่าเบื่อจนเกินไปในการผ่านเข้าขิงกับเซบีย่า ที่สร้างปรากฏการณ์จะเอาแต่แชมป์นี้ เข้ามาชิงชนะเลิศ 3 ปีติดต่อกัน

หากคว้าแชมป์ได้อีกก็จะสร้างประวัติศาสตร์เป็น แชมป์ ยูโรป้า ลีก 3 ปีติด(บ้าไปแล้ว)  มีหรือที่หงส์แดงจะยอมให้บันทึกเรื่องอะไรแบบนั้น เดิมพันหนนี้ก็คือ ยอมถวายหัวเพื่อคว้าแชมป์เดียวในซีซั่นนี้เช่นกัน ในยุคของเจอร์เก้น คล็อปป์ครองเมืองเรืองอำนาจ รื่นเริงบันเทิงใจ


จะว่ากันไปแล้ว ลิเวอร์พูลในซีซั่นนี้ก็ล้มเหลวจากเกมในประเทศ ผลงานในลีกก็ไม่ดี เข้าชิงแคปิตอล วันคัพมาถ้วยแล้วก็แพ้แมนฯซิตี้ นัดชิงชนะเลิศเข้าไปอีก แบบน่าเสียดายที่สุด ได้แค่รองแชมป์

แต่มาพลิกหน้าเสื่อ ทำได้ดีเหลือเชื่อเอารายการนี้ ผ่านรอบแบ่งกลุ่มมาแบบทุลักทุเลเล็กน้อย ก่อนผ่านเอาก์สบวร์ก,แมนฯยูฯ,ดอร์ทมุนด์ และบีญาร์เรอัลมาจนได้แบบสวยบ้างไม่สวยบ้างก็น่าภูมิใจไม่น้อย เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?

สำหรับนัดชิงชนะเลิศยูโรป้า ลีก ต้องบอกว่าเดิมพันสูงอย่างไม่น่าเชื่อว่ากันว่าอาจถึง 100 ล้านปอนด์ด้วยซ้ำ หากรวมค่าภาพลักษณ์เข้าไปด้วย ต้องบอกว่ามันประเมินค่าไม่ได้เลย เมื่อไปถึงการต่อสู้ครั้งใหม่ในซีซั่นหน้า

จะว่ากันแล้วซีซั่นนี้ขอแบ่งถ้วยทีมจากสเปนมาสักถ้วยจะได้หรือไม่? ผมเชื่อว่าแฟนหงส์ต้องคิดแบบนั้น ทำไมจะผูกขาดกันมาตลอด 2 ปีหลัง ปี 2014 เรอัล มาดริด กับ เซบีญ่า ปี2015 บาร์เซโลน่า- เซบีย่า มาถึงปีนี้ 2016 ขอเป็นหนึ่งจากมาดริด กับ ลิเวอร์พูลได้หรือเปล่า? ขอสักถ้วยเน้อ! (ขอเสียงตอบหน่อย - เออ!)


ในลีกก็คงช่างมันในสองนัดสุดท้าย แต่เมื่อถึงวันนี้ผมคิดว่าคงมีเหล่าเดอะค็อปบางคนมโนไปไกลอยากวางแผนเดินทางไปเชียร์ทีมรักที่บาเซิ่ล เพื่อแชมป์แรกร่วมกับ เจอร์เก้น คล็อปป์ จากนั้นได้ท่องเที่ยวดินแดนในฝัน "วิมานบนดิน"

ถึงอยากไป และไปได้จริง ๆ แต่ตั๋วนัดชิงยูโรป้า ลีก นี่แหละปัญหาที่อาจจะหาไม่ได้ และไปลุ้นหน้าสนามหาตั๋วผี ก็อาจจะได้ไม่คุ้มเสีย อย่าเสี่ยงดีกว่า

ผมว่าต้องตัดใจถึงไม่ได้ไปบ้านเราก็มีการถ่ายทอดสดให้ชมกันอยู่แล้ว ชมชัด ๆ นอสบาย ๆ ดูเกมแบบลุ้นสุด ๆ ลุ้นกันแบบสุดตื่นเต้นเร้าใจกับเพื่อน ๆ

มารอติดตามดูภาพแห่งความทรงจำที่สวยงามเหล่านั้นกัน...คัมมิ่งซูน


//sport.sanook.com/238805/




 

Create Date : 12 พฤษภาคม 2559    
Last Update : 12 พฤษภาคม 2559 8:35:13 น.
Counter : 705 Pageviews.  

"ขุนค้อน" สุดแสบเปิดบ้านทุบ "ปีศาจแดง" ท้ายเกม 3-2



"ขุนค้อน" สุดแสบเปิดบ้านทุบ "ปีศาจแดง" ท้ายเกม 3-2

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม 2559
เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 3-2 แมนฯ ยูไนเต็ด
สนาม: โบลีน กราวนด์, ลอนดอน


เกมการแข่งขันต้องล่าช้าออกไปจากกำหนดเดิม 45 นาที หลังแฟนบอล เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ได้ขว้างปาทั้งกระป๋องเบียร์, ขวด และก้อนหินใส่รถบัสของผู้เล่น แมนฯ ยูไนเต็ด จนกระจกแตกทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้าควบคุมสถานการณ์

เริ่มเกมมาแค่เพียง 10 นาที เจ้าถิ่นขึ้นนำก่อนอย่างรวดเร็ว อารอน เครสส์เวลล์ จ่ายเข้ากรอบเขตโทษด้านซ้ายให้ มานูเอล ลันซินี่ สอดมาตบกลับเข้ากลางให้ ดิอาฟร่า ซาโก้ ตวัดยิงด้วยซ้ายจากหน้ากรอบเขตโทษบอลแฉลบขาของ ดาเล่ย์ บลินด์ กองหลังแมนฯ ยูไนเต็ด เสียบเสาเข้าไป เวสต์แฮม ออกนำ 1-0

นาทีที่ 18 เจ้าบ้านมีโอกาสอีกครั้ง แอนดี้ แคร์โรลล์ เปิดบอลให้กับ ดิมิทรี ปาเยต ซัดด้วยขวาจากนอกเขตโทษระยะ 20 หลา บอลพุ่งเต็มแรง แต่ไม่ผ่านมือของ ดาบิด เด เคอา นายทวารปีศาจแดง

สองนาทีต่อมา ขุนค้อน เกือบได้ประตูหนีห่าง มานูเอล ลันซินี่ จ่ายทะลุช่องให้ แอนดี้ แคร์โรลล์ ได้กระชากหลุดเดี่ยวไปยิงด้วยซ้าย บอลไปติดขาของ ดาบิด เด เคอา อย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 23 ทีมเยือนได้โอกาสลุ้นครั้งแรก มาร์กอส โรโฮ เปิดบอลให้กับ เวย์น รูนี่ย์ ซัดด้วยขวาจากนอกเขตโทษ แต่บอลหลุดกรอบออกไป พร้อมกับหมดครึ่งแรก เวสต์แฮม เป็นฝ่ายออกนำก่อน 1-0

กลับมาเล่นต่อครึ่งหลัง นาทีที่ 51 ดาบิด เด เคอา เตะเปิดบอลยาวขึ้นหน้ามาถึง มาร์คัส แรชฟอร์ด จ่ายต่อให้ ฆวน มาต้า ลากบอลหลบผู้เล่นของ เวสต์แฮม ไปทางกรอบเขตโทษด้านขวาแล้วหักกลับเข้ากลางให้ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล แปด้วยขวาเข้าไปง่ายๆ แมนฯ ยูไนเต็ด ตามตีเสมอเป็น 1-1 ได้สำเร็จ

นาทีที่ 56 เจ้าถิ่น เกือบได้ประตูที่สองจากลูกฟรีคิกริมเส้นด้านขวา ดิมิทรี ปาเยต บรรจงวางบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษ บอลตกพื้นหนึ่งครั้ง ดิอาฟร่า ซาโก้ ก้มโหม่งจ่อๆ ที่เสาสองข้ามคานออกไปอย่างเหลือเชื่อ

นาทีที่ 72 กลายเป็น ปีศาจแดง ที่บุกได้น้อยกว่ามาได้ประตูออกนำ มาร์คัส แรชฟอร์ด เปิดออกทางกราบซ้ายให้กับ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล หลุดเข้าไปกึ่งยิงกึ่งเปิดบอลเสียบเสาแรกเข้าไปให้ แมนฯ ยูไนเต็ด แซงนำ 2-1

นาทีที่ 76 จากจังหวะฟรีคิกสั้นทางด้านซ้าย ดิมิทรี ปาเยต ได้ซัดด้วยขวาไปติดกำแพง บอลกระเด้งมาเข้าาทางอีกครั้ง ก่อนเจ้าตัวจะตัดสินใจโยนขึ้นหน้าให้กับ มิเชล อันโตนิโอ เทกตัวโขกในกรอบเขตโทษบอลเสียบใต้คานเข้าไปอย่างสุดสวย เวสต์แฮม ตีเสมอทันควัน 2-2

ช่วงท้ายเกมนาทีที่ 81 เจ้าถิ่นมาได้ฟรีคิกริมเส้นฝั่งซ้ายอีกครั้ง ดิมิทรี ปาเยต โยนเข้าไปหน้าประตู วินสตัน รีด โหม่งเต็มหัว ดาบิด เด เคอา นายทวารแมนฯ ยูไนเต็ด พยายามพุ่งปัด แต่ด้วยความแรงทำให้บอลผ่านเข้าประตูไป เวสต์แฮม พลิกแซงนำ 3-2


เวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้อีก ครบ 90 นาที เวสต์แฮม เปิดบ้านเอาชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด ไปได้สนุก 3-2 เก็บสามแต้มส่งท้ายการใช้สนามโบลีน กราวนด์ได้สำเร็จ ส่วน แมนฯ ยูไนเต็ด รั้งอันดับที่ 5 ตามเดิม โดยมีแต้มตาม แมนฯ ซิตี้ อยู่ 2 คะแนน ทำให้สถานการณ์เกมหน้า "เรือใบ" จะเป็นฝ่ายได้เปรียบเพราะขอแค่เสมอจะได้โควตาไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกซีซั่นหน้าทันที

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
เวสต์แฮม : ดาร์เรน แรนดอล์ฟ, มิชาอิล อันโตนิโอ, อันเจโล่ อ็อกบอนน่า, วินสตัน รีด, อารอน เครสส์เวลล์, มานูเอล ลันซินี่ (เปโดร โอเบียง น.83), มาร์ค โนเบิล, ชีกู กูยาเต้, ดิมิทรี ปาเยต (เอ็นเนร์ วาเลนเซีย น.90+1), ดิอาฟร่า ซาโก้ (เจมส์ ทอมกิ้นส์ น.84), แอนดรูว์ แคร์โรลล์
แมนฯ ยูไนเต็ด : ดาบิด เด เคอา, อันโตนิโอ วาเลนเซีย (อั๊ดนาน ยานาไซ น.86), คริส สมอลลิ่ง, ดาเล่ย์ บลินด์, มาร์กอส โรโฮ, มอร์กกาน ชไนเดอร์ลิน (ไมเคิ่ล คาร์ริค น.45), ฆวน มาต้า, อันเดร เอร์เรร่า (เจสซี่ ลินการ์ด น.82), เวย์น รูนี่ย์, อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล, มาร์คัส แรชฟอร์ด
ผู้ตัดสิน: ไมค์ ดีน




 

Create Date : 11 พฤษภาคม 2559    
Last Update : 11 พฤษภาคม 2559 8:24:44 น.
Counter : 657 Pageviews.  

สกู๊ป : สิ่งที่รออยู่ของ "แชมป์พรีเมียร์ลีก"



สกู๊ป : สิ่งที่รออยู่ของ

สกู๊ป : สิ่งที่รออยู่ของ "แชมป์พรีเมียร์ลีก"

Hot Score

สนับสนุนเนื้อหา

ในความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของ เลสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาลนี้ สิ่งที่หลายคนพูดตรงกันหมดโดยไม่ได้นัดหมายคือมันจะเป็นแค่ “ครั้งแรก” และ “ครั้งเดียว” ในประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นในบันทึกของเลสเตอร์เอง หรือในบันทึกของวงการลูกหนังก็ตาม

เพราะแชมป์ในครั้งนี้เป็นแชมป์ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวที่พิเศษและน่ามหัศจรรย์

เคลาดิโอ รานิเอรี่ พูดถึงความสำเร็จของเหล่า “จิ้งจอก” ว่าเหมือนกับพวกเขาหลับฝันไป แล้วได้ยินเสียงกระดิ่งแว่วๆ Dilly ding, dilly dong จากนั้นพวกเขาก็ตื่นมาพบกับความจริงว่า เลสเตอร์ กลายเป็นแชมป์ในฤดูกาลนี้

อย่างไรก็ดี ไม่ได้หมายความว่าในฤดูกาลหน้า พวกเขาจะไม่มีสิทธิ์ “ฝัน” หรือสร้างเรื่องมหัศจรรย์ครั้งต่อไปได้อีก

แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องยากครับ เพราะการแข่งขันในพรีเมียร์ลีกนั้นสูงมาก ตัวอย่างจากความตกต่ำในชั่วข้ามคืนของ เชลซี ที่เปลี่ยนจากแชมป์มาเป็นทีมระดับกลางตารางทั้งที่มีซูเปอร์สตาร์เต็มทีมเป็นกระจกสะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงของพรีเมียร์ลีกในยุคใหม่ล่าสุดได้เป็นอย่างดี

เลสเตอร์ ในฐานะแชมป์เองก็ไม่จำเป็นที่จะต้องหยุดทุกอย่างไว้แค่ความทรงจำที่สวยงามนี้

พวกเขามีโอกาสจะไปต่อครับ และนั่นคือเป้าหมายระยะยาวที่ผมเชื่อว่าเหล่าผู้บริหารของทีมจิ้งจอกเองย่อมคิดเตรียมการไว้เรียบร้อย

แม้จะมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียสตาร์เอกของทีมอย่าง เจมี่ วาร์ดี้, ริยาด มาห์เรซ, เอ็นโกโล่ ก็องเต้ หรือแม้แต่ แดนนี่ ดริงค์วอเตอร์ ที่หลังจากนี้จะมีกระแสข่าวการย้ายทีมเกิดขึ้นรายวัน เพราะผลงานเป็นที่ต้องตาของทีมใหญ่เหลือเกิน

แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่มีสิทธิ์ในการหาสตาร์หน้าใหม่เข้ามาเสริม

โมเดลการทำทีมแบบ เซาแธมป์ตัน เป็นสิ่งที่เลสเตอร์ สามารถเดินตามได้ไม่ยากครับ เสียคนหนึ่งไปหาคนใหม่มา ปั้นใหม่ใช้เวลาบ้างแต่หากยังสามารถรักษา “แกน” ของทีมเอาไว้ได้อย่างน้อย 60-70% และต้องรักษาสตาร์ประจำทีมเอาไว้ให้ได้ 1-2 รายเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ทีมก็มีโอกาสจะยืนระยะได้

หากปีหน้าจะไม่ได้แชมป์ อย่างน้อยเลสเตอร์ ควรคาดหวังถึงการจบ Top 6 ที่ต้องเป็นเป้าหมายที่จับต้องได้ ไม่นับการทำผลงานให้ดีที่สุดในแชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งเป็นการหวนคืนสังเวียนยุโรปอีกครั้งในรอบนับสิบปี หลังจากที่ครั้งสุดท้ายได้ไปในช่วงการคุมทีมของ มาร์ติน โอนีล ในยุค 90

ด้วยขนาดทีมและเงินทุน เลสเตอร์ ยังห่างไกลจากการเป็นมหาอำนาจของวงการฟุตบอลอังกฤษ แต่การจะยืนระยะเป็นทีม “ประจำ” ในพรีเมียร์ลีกนั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ครับ

และหากทำได้ ด้วยเม็ดเงินสนับสนุนปีละมากกว่า 100 ล้านปอนด์ - ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากกว่าที่สโมสรระดับท็อปของยุโรปในลีกอื่นได้รับ และมากกว่าแชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยซ้ำไป - จะค่อยๆทำให้พวกเขาพัฒนาขึ้นเรื่อยๆอย่างต่อเนื่องและยาวนาน

อย่าให้ทุกสิ่งที่สร้างมาเป็นเพียงแค่ความสำเร็จชั่วคราว

โปรดทำให้มันยั่งยืน

ซอยสามัคคี by ลูกแม่กิ่ง (lookmaeking@hotmail.com)




 

Create Date : 10 พฤษภาคม 2559    
Last Update : 10 พฤษภาคม 2559 8:30:52 น.
Counter : 604 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  148  149  150  151  152  153  154  155  156  157  158  159  160  161  162  163  164  165  166  167  168  169  170  171  172  173  174  175  176  177  178  179  180  181  182  183  184  185  186  187  188  189  190  191  192  193  194  195  196  197  198  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.