ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

คลิปไฮไลท์ Eibar 0 - 4 Real Madrid




 

Create Date : 23 พฤศจิกายน 2557    
Last Update : 23 พฤศจิกายน 2557 8:00:32 น.
Counter : 947 Pageviews.  

คลิปไฮไลท์ Barcelona 5 - 1 Sevilla




 

Create Date : 23 พฤศจิกายน 2557    
Last Update : 23 พฤศจิกายน 2557 7:58:44 น.
Counter : 895 Pageviews.  

“ปืนปะทะผี” : แมตช์ (เคย) ยิ่งใหญ่

“ปืนปะทะผี” : แมตช์ (เคย) ยิ่งใหญ่

ทุกครั้งหลัง “ฟีฟ่า เดย์” ผมจะอารมณ์นี้ตลอดว่า “คิดถึง” ลีกยุโรปโดยเฉพาะ “พรีเมียร์ลีก” ที่สุดสัปดาห์นี้มีโปรแกรม “บิ๊กแมตช์” รออยู่

เป็นเกมที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ระหว่าง อาร์เซน่อล-แมนฯยูไนเต็ด คู่ “เวลาน้ำชา” บ่ายแก่ๆ ที่อังกฤษ หรือเที่ยงคืนครึ่งบ้านเรา

เบื้องต้น ผมเชื่อว่า คอบอลจะนึกถึง “ปริมาณ” นักเตะบาดเจ็บของ หลุยส์ ฟาน ฮัล ที่ไปๆ มาๆ ผมเริ่ม “ไม่เชื่อ” แล้วล่ะครับว่า จะเยอะจริงอย่างที่ประโคมข่าวกันปาวๆ หรือไม่

หลังจบเกมนัดที่ 4 “ยูโร 2016” รอบคัดเลือกช่วงสุดสัปดาห์ ตัวเลขนักเตะปิศาจแดงบาดเจ็บมีจำนวน 10 คน และเพิ่มเป็น 12 คนหลัง อังเคล ดิ มาเรีย และ ลุค ชอว์ เจ็บในเกมกระชับมิตรวันอังคาร

“เดอะ เทเลกราฟ” ระบุยอดรวมว่า ฤดูกาลนี้ นักเตะปิศาจแดง บาดเจ็บไปแล้วทั้งสิ้น 18 คน ขณะที่ฟาน ฮัล ใช้ผู้เล่นไปแล้วถึง 36 คน นับจากเปิดซีซั่นเป็นต้นมา

หรือ 3 เดือน กุนซือดัตช์โดน “รับน้อง” เต็มๆ และต้องแสดงความสามารถในการบริหารจัดการผู้เล่น

สถานการณ์แบบนี้จะ “ทดสอบ” ประสิทธิภาพในเชิงลึกของผู้เล่นปิศาจแดงว่ามี strength in depth กล้าแกร่งเพียงใด

ตรงกันข้าม “คู่แข่ง” เช่น อาร์เซน่อล เสาร์นี้ น่าจะ “ลูบปาก” หรือแอบคิดว่า นี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเจอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

นอกจากประเด็นนี้แล้ว “ประวัติศาสตร์” การปะทะกันของทั้งคู่ในยุค “พรีเมียร์ลีก” คือ สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า นี่คือ 2 ทีมที่ประสบความสำเร็จสูงสุดนับจากเปลี่ยน “ดิวิชั่น 1” มาเป็น “พรีเมียร์ลีก” ในปี 1992

ที่ผ่านมา อย่างน้อยๆ ทีมใดทีมหนึ่งจะต้อง “ลุ้นแชมป์” ณ เวลาที่เจอกัน หรือก็ทั้ง 2 ทีมนั่นแหละที่กำลังถูกมองว่า “คั่วแชมป์”

ทว่า ค.ศ.นี้ “ทุกอย่าง” เปลี่ยนไป และไม่มีใครทราบว่า จะมีวันกลับมาเหมือนเดิมอีกหรือไม่ เพราะวันนี้ อาร์เซน่อล อยู่อันดับ 6, แมนฯยูฯ อันดับ 7

หรือพูดให้ชีช้ำกะหล่ำปลีเล่นก็คือ แมตช์นี้จะเป็นเกมชิง “ท็อปโฟร์” ลุ้นไปเตะยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นหน้าเท่านั้น

ซีซั่นนี้ อาร์เซนอล “เกือบพลาด” ไปเตะฟุตบอลถ้วยหูยักษ์ ขณะที่แมนฯยูฯพลาด และเพิ่งมีรายงานว่า “สูญเสีย” รายรับมากมาย หรือ 30-40 ล้านปอนด์ จากการไม่ได้เตะ UCL

การเจอกันวันเสาร์นี้ ยังเป็นครั้งแรกนับจากปี 1998 ที่ทั้งคู่เจอกันขณะที่อันดับอยู่นอกโซน “ท็อปโฟร์”

หนนี้ยังเป็นช่วงเวลาที่เก้าอี้ อาร์แซน เวนเกอร์ “สั่นคลอน” ที่สุด หากไม่นับว่า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน รีไทร์ไปแล้วเป็นปีที่ 2 ทั้งที่ในอดีต “โปรแกรมนี้” คือ เกมประชันความสามารถกันระหว่าง เวนเกอร์ vs เฟอร์กี้

ครับ ยิ่งเขียน ยิ่ง “ใจหาย” และยิ่งจะกลายเป็นเหมือนศึก “แดงเดือด” แมนฯยูฯ – ลิเวอร์พูล ที่ “หงส์แดง” ค่อยๆ ตกต่ำหลังพ้นยุค 1980s และต้องใช้ชื่อเสียงเก่าๆ มาช่วยเข้าไปทุกขณะ

โดยวันนี้ พรุ่งนี้ ใน “ฮอตสกอร์” ของเรา หรือสื่อทั่วโลก ผมคาดว่า จะมีการพูดถึงแมตช์แห่งความทรงจำของทั้ง 2 ทีมกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา

ส่วนตัวก็มีกับเค้า 2-3 แมตช์ เช่น 21 ก.ย.2003 ที่เสมอ 0-0 ในโอลด์ แทรฟฟอร์ด โดย รุด ฟาน นิสเตลรอย พลาดจุดโทษช่วงทดเวลาเจ็บ

งานนั้น หากรุด ไม่ยิงไปชนเสา อาร์เซนอลคงหยุดสถิติไม่แพ้ใครแค่นัดที่ 8 ของฤดูกาลหาใช่ “วิ่งยาว” invincible ไปจนจบซีซั่น แมตช์ถัดมา คือ 24 ต.ค. 2004 ซึ่งแมนฯยูฯ เปิดบ้านชนะ 2-0 และหยุดสถิติไม่แพ้ใครของอาร์เซน่อลในลีกไว้ที่ 49 แมตช์

หรือที่สุดๆ แต่เป็น “เอฟเอ คัพ” ก็คือ เกมรอบตัดเชือกปี 1999 ซึ่ง เดนนิส เบิร์กแคมป์ พลาดจุดโทษให้ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล เซฟได้ตอนก่อนหมดเวลา

จากนั้นช่วงต่อเวลาพิเศษ ชาวโลกก็ได้เห็น ไรอัน กิ๊กส์ ตัดบอลกลางสนามแล้วโซโล่ไปยิงประตูชัย

นี่คือ “เบาะๆ” แค่ 3 เกม “น้ำจิ้ม” ตัวอย่างนะครับ เพราะจริงๆ แล้วยังมีอีกมากมายเป็น “คดีความ” ระหว่าง 2 ยอดทีมนี้

ที่ผมไม่แน่ใจว่า “ผี vs ปืน” จะเหลือเป็นแค่ “อดีต” โปรแกรมแห่งความทรงจำเท่านั้น!?

ไข่มุกดำ

เนื้อหาโดย Hot Score

hot-score




 

Create Date : 22 พฤศจิกายน 2557    
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2557 9:03:31 น.
Counter : 984 Pageviews.  

สื่อดังผู้ดีจัดให้! 50 อันดับสุดยอดกองหน้า “พรีเมียร์ลีก”

สื่อดังผู้ดีจัดให้! 50 อันดับสุดยอดกองหน้า “พรีเมียร์ลีก”

ลีกยอดนิยมในใจของใครหลายคน โดยเฉพาะแฟนฟุตบอลชาวไทย เดินทางมาถึงฤดูกาลที่ 23 แล้ว นับตั้งแต่เปลี่ยนชื่อจาก "ดิวิชั่น 1" มาเป็น "พรีเมียร์ลีก" ได้ผลิตยอดนักเตะออกมาประดับวงการมากมาย

โดยเฉพาะตำแหน่งที่เรียกได้ว่าสำคัญและเป็นพระเอกในสนามมากที่สุดนั่นคือ "ศูนย์หน้า" หรือหัวหอกถล่มประตูนั่นเอง

ล่าสุด "เดลี่เมล์" สื่อชื่อดังแห่งเกาะอังกฤษ ได้จัด "50 อันดับกองหน้ายอดเยี่ยมตลอดกาลพรีเมียร์ลีก" มาเพื่อให้แฟนบอลได้รำลึกความหลังกัน เชื่อว่าแฟนบอลที่อายุ 30 ปีขึ้นไป น่าจะทันได้ยลฝีเท้าของแข้งดังเหล่านี้ทั้งหมด

ตรงใจผู้อ่านกันบ้างหรือไม่? เชิญติดตามครับ

อันดับ 10 ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ (ลิเวอร์พูล, ลีดส์ ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส)

เจ้าของฉายา "ก็อด" ของสาวก "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เติบโตมาในฐานะนักเตะเยาวชนของทีม ก่อนได้ประเดิมสนามตั้งแต่อายุ 18 ปี ทะลวงตาข่ายกระจุย 25 ลูกในปี 1994-95

ก่อนซัดอีก 28 ประตูในซีซั่นถัดมา สร้างชื่อสุดๆด้วยการซัดแฮตทริกใส่ อาร์เซน่อล ด้วยเวลาเพียง 4 นาที 33 วินาทีเท่านั้น!

อันดับ 9 เอียน ไรท์ (อาร์เซน่อล, เวสต์แฮม ยูไนเต็ด)


"ไร้ท์ซ่า" ตำนานอีกคนนึงของ "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล เจ้าของ 128 ประตู จาก 221 นัดในลีก

หลังจากคว้าตัวมาจาก คริสตัล พาเลซ ในปี 1991 ด้วยค่าตัว 2.5 ล้านปอนด์ และเป็นสถิติสโมสรในขณะนั้น ความทุ่มเทเต็มร้อย ยิงประตูเฉียบขาด ไม่แปลกใจเลยที่แฟนปืนใหญ่จะรักกองหน้าผิวหมึกผู้นี้เหลือเกิน

อันดับ 8 ไมเคิ่ล โอเว่น (ลิเวอร์พูล, นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด, แมนฯ ยูไนเต็ด, สโต๊ก ซิตี้)

"เบบี้โกล์" แจ้งเกิดตั้งแต่อายุ 17 เมื่อลงสนามมาแล้วยิงได้ทันทีในเกมพบ วิมเบิลดัน เมื่อปี 1997 ยิงไป 118 ให้หงส์แดงในลีก

ตลอด 8 ปีที่อยู่กับทีมก่อนย้ายไปอยู่ยักษ์ใหญ่ของสเปนอย่าง เรอัล มาดริด ก่อนฟอร์มตกฮวบหลังจากได้รับบาดเจ็บบ่อยครั้ง

จนต้องระหกระเหินกลับมาอังกฤษด้วยการเซ็นสัญญากับ นิวคาสเซิ่ล, แมนฯ ยูไนเต็ด(ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกด้วย แฟนหงส์บอกว่ามันเจ็บตรงนี้แหละ!) และ สโต๊ก ซิตี้

อันดับ 7 ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา (เชลซี)

"แข็งแกร่ง, เฉียบคม, ทรงพลัง" คือคำนิยามของหัวหอกไอวอรี่ โคสต์ผู้นี้ เป็นหัวหอกตัวหลักของทีมตลอด 8 ปี กวาดแชมป์ร่วมกับ "สิงโตน้ำเงินคราม" มากมาย เป็น 1 ในศูนย์หน้าที่กองหลังฝ่ายตรงข้ามต่างเทคะแนนให้ว่า "ไม่อยากรับมือ" ด้วยที่สุดคนนึงในลีก ปัจจุบันย้ายกลับมาจาก กาลาตาซาราย และรับบทกองหน้าหมายเลข 3 ของทีมคอยพยุงน้องๆ

อันดับ 6 แอนดี้ โคล (นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด, แมนฯ ยูไนเต็ด, แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส, ฟูแล่ม, แมนฯ ซิตี้, พอร์ทสมัธ)

เจ้าของสถิติยิงประตูมากที่สุดอันดับ 2 ของพรีเมียร์ลีก ด้วยจำนวน 187 ประตู แม้บางช่วงของอาชีพจะถูกค่อนขอดว่าใช้โอกาสเปลืองไปบ้างเวลาอยู่หน้าปากประตู แต่ก็ต้องถือว่า "คิงโคล" ถือเป็นหนึ่งในกองหน้าหัวแถวของลีกอยู่ดีเมื่อดูจาก การคว้าแชมป์แบบนับไม่ถ้วนกับ "ผีแดง" และตัวเลขสกอร์ที่เขาทำได้

อันดับ 5 เวย์น รูนี่ย์ (เอฟเวอร์ตัน, แมนฯ ยูไนเต็ด)

แจ้งเกิดตั้งแต่อายุ 16 ขวบ เมื่อลงสนามมาซัดอย่างสุดสวยใส่ อาร์เซน่อล ในปี 2002 ก่อนลุยศึกยูโร 2004 ด้วยอายุ 18 ปี ก่อนย้ายมาร่วมทีม "ปีศาจแดง" ด้วยค่าตัวมหึมา 25 ล้านปอนด์ จนถึงตอนนี้ยิงไปแล้ว 161 ประตูจาก 313 เกมในลีก ปัจจุบันรับตำแหน่ง "กัปตันทีม" ทั้งในนามสโมสรและทีมชาติอังกฤษ

อันดับ 4 เดนนิส เบิร์กแค้มป์ (อาร์เซน่อล)

"คลาสสิก" นึกถึงสไตล์ เบิร์กแค้มป์ ต้องใช้คำนี้เลย เป็นกองหน้าที่ไม่ค่อยมีความเร็วมากนัก รูปร่างก็ไม่ได้แข็งแกร่งบึกบึน แต่เทคนิคการยิงประตูและลีลาการจ่ายบอล แพรวพราวมีระดับเหลือเกิน

คำถามคือ? จะมีใครจะลืมประตูสุดสวยที่ยิงใส่ นิวคาสเซิ่ล ในปี 2002 และ ในนามทีมชาติฮอลแลนด์ ที่ยิงใส่ อาร์เจนติน่า ในฟุตบอลโลก 1998 ได้ลงกันล่ะ?

อันดับ 3 เอริค คันโตน่า (แมนฯ ยูไนเต็ด)

"เอริค เดอะ คิง" เล่นให้ทีมปีศาจแดงแค่ 5 ปี แต่กลายเป็นสัญลักษณ์ของสโมสรคนนึงไปเรียบร้อย!

ด้วยฝีเท้าที่เอกอุ และบุคลิกในสนามที่โดดเด่น สร้างความยำเกรงให้คู่แข่ง และความเชื่อใจให้เพื่อนร่วมทีมได้เสมอ

ก็องโต้ไม่ใช่กองหน้าประเภทถล่มประตูเป็นกอบเป็นกำ แต่เป็นเหมือนจุดศูนย์กลางของทีมในเกมรุกมากกว่า ห้าวหาญดุดัน ฉลาดปราดเปรื่อง แต่น่าเสียดายที่อารมณ์ศิลปินมากเกินไป ติสต์แตก ตัดสินใจแขวนสตั๊ดขณะที่อายุเพียง 31 ปีเท่านั้น

อันดับ 2 อลัน เชียเรอร์ (เซาธ์แฮมป์ตัน, แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส, นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด)

เจ้าของสถิติยิงประตูในพรีเมียร์ลีกมากที่สุดตลอดกาลด้วยจำนวน 260 ประตู "ฮอตชอต" ซัดให้ แบล็คเบิร์น ไป 112 ลูก และกับทีมในดวงใจตั้งแต่เด็ก นิวคาสเซิ่ล อีก 148 ตุง หลังย้ายมาร่วมทีมในปี 1996 ด้วยค่าตัวสถิติโลกตอนนั้น 15 ล้านปอนด์

แม้จะไม่ประสบความสำเร็จด้านถ้วยรางวัล เพราะได้เพียงแค่แชมป์ลีกกับ "กุหลาบไฟ" ในซีซั่น 1994-95 เท่านั้น

แต่ในแง่ส่วนตัวถือว่าสุดยอด เมื่อดูจากประตูที่ยิงได้ และตำแหน่งกัปตันทีมชาติอังกฤษอีกหลายปี

อันดับ 1 เธียร์รี่ อองรี (อาร์เซน่อล)

ถึงแม้จะด้อยกว่า เชียเรอร์, โคล หรือแม้แต่ รูนี่ย์ ถ้าวัดในแง่จำนวนประตู แต่ "ติตี้" คือสุดยอดกองหน้าของพรีเมียร์ลีกอย่างแท้จริง ด้วยเทคนิคแพรวพราวหาตัวจับยาก, ความเร็วที่กองหลังเลิกฝันเลยว่าจะไล่ทันเมื่อเขาได้ควบบอล, การจ่ายบอลให้เพื่อนทำประตูที่เฉียบขาด และการจบสกอร์ที่เหนือชั้น

อองรีได้แชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย (โดยครั้งล่าสุดเมื่อปี 2003-04 ทำสถิติไม่แพ้ใครทั้งซีซั่นด้วย), 3 แชมป์ เอฟเอ คัพ, นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมนักเตะอาชีพ 2 ครั้ง, นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมผู้สื่อข่าวอีก 3 ครั้ง และโกลเด้นบู๊ทอีก 4 ครั้ง

แบบนี้ไม่ว่าจะมองมุมไหน อองรี ก็คู่ควรกับตำแหน่ง "อันดับ 1" แบบไร้ข้อโต้แย้งอย่างที่สุด

กองหน้ายอดเยี่ยมตลอดกาลพรีเมียร์ลีกอันดับที่ 11-50
11. เลส เฟอร์ดินานด์ (ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส, นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด, ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์, เวสต์แฮม ยูไนเต็ด, เลสเตอร์ ซิตี้, โบลตัน วันเดอเรอร์ส)
12. รุด ฟาน นิสเตลรอย (แมนฯ ยูไนเต็ด)
13. เท็ดดี้ เชอริงแฮม (น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์, ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์, แมนฯ ยูไนเต็ด, พอร์ทสมัธ, เวสต์แฮม ยูไนเต็ด)
14. จิอันฟรังโก้ โซล่า (เชลซี)
15. ดไวท์ ยอร์ค (แอสตัน วิลล่า, แมนฯ ยูไนเต็ด, แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส, เบอร์มิงแฮม ซิตี้, ซันเดอร์แลนด์)
16. แม็ทธิว เลอ ทิสซิเอร์ (เซาธ์แฮมป์ตัน)
17. สแตน คอลลีมอร์ (น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์, ลิเวอร์พูล, แอสตัน วิลล่า, เลสเตอร์ ซิตี้, แบร็ดฟอร์ด ซิตี้)
18. หลุยส์ ซัวเรซ (ลิเวอร์พูล)
19. คาร์ลอส เตเบซ (เวสต์แฮม ยูไนเต็ด, แมนฯ ยูไนเต็ด, แมนฯ ซิตี้)
20. เซร์คิโอ อเกวโร่ (แมนฯ ซิตี้)
21. นิโกล่าส์ อเนลก้า (อาร์เซน่อล, ลิเวอร์พูล, แมนฯ ซิตี้, โบลตัน วันเดอเรอร์ส, เชลซี, เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน)
22. โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ (อาร์เซน่อล, แมนฯ ยูไนเต็ด)
23. จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลเบงค์ (ลีดส์ ยูไนเต็ด, เชลซี, มิดเดิ้ลสโบรช์, ชาร์ลตัน แอธเลติก)
24. เปาโล ดิ คานิโอ (เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์, เวสต์แฮม ยูไนเต็ด, ชาร์ลตัน แอธเลติก)
25. เฟอร์นันโด ตอร์เรส (ลิเวอร์พูล, เชลซี)
26. เจอร์เก้น คลิ้นส์มันน์ (ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์)
27. คริส ซัตตัน (นอริช ซิตี้, แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส, เชลซี, เบอร์มิงแฮม ซิตี้, แอสตัน วิลล่า)
28. เควิน ฟิลลิปส์ (ซันเดอร์แลนด์, เซาธ์แฮมป์ตัน, แอสตัน วิลล่า, เบอร์มิงแฮม ซิตี้, คริสตัล พาเลซ)
29. ร็อบบี้ คีน (โคเวนทรี ซิตี้, ลีดส์ ยูไนเต็ด, ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์, ลิเวอร์พูล, เวสต์แฮม ยูไนเต็ด, แอสตัน วิลล่า)
30. เอมิล เฮสกี้ย์ (เลสเตอร์ ซิตี้, ลิเวอร์พูล, เบอร์มิงแฮม ซิตี้, วีแกน แอธเลติก, แอสตัน วิลล่า)
31. ดิออน ดับลิน (แมนฯ ยูไนเต็ด, โคเวนทรี ซิตี้, แอสตัน วิลล่า)
32. เจอร์เมน เดโฟ (เวสต์แฮม ยูไนเต็ด, ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์, พอร์ทสมัธ)
33. มาร์ค ฮิวจ์ส (แมนฯ ยูไนเต็ด, เชลซี, เซาธ์แฮมป์ตัน, เอฟเวอร์ตัน, แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส)
34. ดันแคน เฟอร์กูสัน (เอฟเวอร์ตัน, นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด)
35. โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ (แมนฯ ยูไนเต็ด)
36. เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ (อาร์เซน่อล, แมนฯ ซิตี้, ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์)
37. เคร็ก เบลลามี่ (โคเวนทรี ซิตี้, นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด, แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส, ลิเวอร์พูล, เวสต์แฮม ยูไนเต็ด, แมนฯ ซิตี้, คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้)
38. ไนออล ควินน์ (แมนฯ ซิตี้, ซันเดอร์แลนด์)
39. ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น (เชลซี, ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์, สโต๊ก ซิตี้, ฟูแล่ม)
40. ดาร์เรน เบนท์ (อิปสวิช ทาวน์, ชาร์ลตัน แอธเลติก, ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์, ซันเดอร์แลนด์, แอสตัน วิลล่า, ฟูแล่ม)
41. ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ (ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์, แมนฯ ยูไนเต็ด, ฟูแล่ม)
42. ปีเตอร์ เคร้าช์ (แอสตัน วิลล่า, เซาธ์แฮมป์ตัน, ลิเวอร์พูล, ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์, สโต๊ก ซิตี้)
43. มิคกี้ ควินน์ (โคเวนทรี ซิตี้)
44. หลุยส์ ซาฮา (นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด, ฟูแล่ม, แมนฯ ยูไนเต็ด, เอฟเวอร์ตัน, ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์, ซันเดอร์แลนด์)
45. ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ (แมนฯ ซิตี้, เชลซี, ลิเวอร์พูล)
46. ยาคูบู (พอร์ทสมัธ, มิดเดิ้ลสโบรช์, เอฟเวอร์ตัน, แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส)
47. เจมส์ บีทตี้ (แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส, เซาธ์แฮมป์ตัน, เอฟเวอร์ตัน, สโต๊ก ซิตี้, แบล็คพูล)
48. เควิน เดวี่ส์ (เซาธ์แฮมป์ตัน, แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส, โบลตัน วันเดอเรอร์ส)
49. โทนี่ เยบัวห์ (ลีดส์ ยูไนเต็ด)
50. อลัน สมิธ (ลีดส์ ยูไนเต็ด, แมนฯ ยูไนเต็ด, นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด)

เรื่องโดย : "น้องเพชร"




 

Create Date : 18 พฤศจิกายน 2557    
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2557 22:46:00 น.
Counter : 1329 Pageviews.  

แฟนผีขอบ่น! จะเจ็บอะไรกันนักหนา

แฟนผีขอบ่น! จะเจ็บอะไรกันนักหนา

บอกตามตรงว่าปกติก็เบื่อเวลามีโปรแกรมทีมชาติ มาคั่นเกมสโมสรจะตายอยู่ละ แต่ในฐานะคนทำข่าวก็ต้องอดหลับอดนอนฝืนดูต่อไป แค่นั้นยังไม่พอนักเตะตัวหลักของทีมรักดันมาเจ็บอีก พูดได้คำเดียวครับว่า "โคตรเซ็ง"

เท่าที่ผมได้พูดคุยกับพี่ๆ ในที่ทำงานที่น่ารัก รวมถึงเพื่อนๆ ที่คลั่งไคล้และหลงไหลในกีฬาลูกหนังหลายๆ คน 100 ละ 90 ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เกมทีมชาติไม่มีความสนุก, ตื่นเต้น แถมน่าเบื่อด้วยซ้ำ อยากดูบอลสโมสรมากกว่า ซึ่งผมก็เป็นคนส่วนใหญ่จำพวกนั้นด้วยเช่นเดียวกันครับ

ออกตัวก่อนเลยว่า เนื่องด้วยสัปดาห์ที่ผ่านมา มันเป็นเกมทีมชาติ ฉะนั้นการคิดหัวข้อที่จะเขียนให้มันเข้ากับบรรยากาศทีมชาตินี่มันลำบากเสียเหลือเกิน อีกอย่างผมก็เชื่อว่าท่านผู้อ่านก็คงไม่ค่อยได้สนใจสักเท่าไหร่นักเช่นเดียวกัน ฉะนั้นวันนี้ ผมก็เลยขอใช้พื้นที่นี้เพื่อ "บ่น" ซะหน่อย. ..

ว่าแล้วก็เริ่มเลยละกัน! ไม่รู้ว่ามันจะเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ไปถึงไหนสำหรับสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งก่อนหน้าที่จะหยุดพบกับโปรแกรมทีมชาติ ก็มีตัวเจ็บ ตัวแบน บานตะไท ลิสต์ไล่ยาวเป็นหางว่าวอยู่แล้ว แต่หลังจากผ่านสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา "ปีศาจแดง" ต้องเสียผู้เล่นตัวหลักไปอีก 3 ราย!!!

เริ่มที่คนแรก ไมเคิ่ล คาร์ริค กองกลางตัวเก๋า ที่อุตส่าห์ถูกเรียกไปติดทีมชาติอังกฤษ อีกครั้งนึง แต่แล้วก็ต้องมาดวงแตก ได้รับบาดเจ็บบริเวณขาหนีบระหว่างลงฝึกซ้อมกับทัพ "ทรี ไลอ้อนส์" หลังลงไปวอร์มร่างกายสัมผัสพื้นหญ้าได้แค่ 20 นาทีเท่านั้น จนต้องขอถอนตัวจากการรับใช้บ้านเกิด และเข้ารับการตรวจอย่างละเอียดอีกครั้งนึงว่าจะต้องพักนานแค่ไหน

 กลับมาฟิตสมบูรณ์หวังจะให้ใช้ประสบการณ์ประคองน้องๆ ดันมาเจ็บอีกแล้ว..เครียด..เครียด
ถึงตรงนี้สาวก "เร้ด อาร์มี่" หลายคนอาจจะแย้งว่า "เฮียกระเทียม" นี่ถือว่าเป็นตัวหลักของทีมหรอ?

ณ สภาพทีมตอนนี้ ผมก็คงต้องบอกว่าใช่แน่นอนครับ โปรดอย่าลืมว่า ตอนนี้กองหลังในทัพ "ปีศาจแดง" เนี่ย แทบไม่เหลือให้ใช้งาน เพราะโดนโรคเดี้ยงรุมเร้ากันเป็นแถบ

และมิดฟิลด์วัย 33 ปีรายนี้ ก็น่าจะเป็นตัวเลือกในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟที่ดีที่สุดแล้ว

หรือคุณคิดว่า ไทเลอร์ แบล็คเก็ตต์ เหมาะสมกว่าเอ่ย?

รายแรกผ่านไป ถัดจากนั้นไม่นาน ดาบิด เด เคอา นายด่านผู้ช่วยเซฟแต้มสำคัญให้กับยูไนเต็ด ได้หลายต่อหลายครั้ง ในฤดูกาลนี้ ก็ดันไปเจ็บตอนเข้าแคมป์ฝึกซ้อมกับทีมชาติสเปน

แถมส่วนที่เจ็บก็คืออวัยวะที่ใช้ในการหากินของผู้รักษาประตูโดยตรงเลย ก็คือ นิ้ว!!

โดยเบื้องต้นคาดว่าจะต้องพักราว 4 สัปดาห์เลยทีเดียว ซึ่งหากเป็นจริง "อสูรแดง" จะไม่มีน้องลามะเฝ้าเสาในเกมที่ต้องบุกไปเยือน อาร์เซน่อล (เสาร์ 22 พ.ย.) เปิดบ้านพบ ฮัลล์ ซิตี้ และ สโต๊ค ซิตี้ (29 พ.ย. , 2 ธ.ค.)

รวมถึงอาจจะเลยเถิดไปถึงเกมที่ต้องบุกไปเยือนทีมฟอร์มแรงซึ่งเป็นรองจ่าฝูงอยู่ในขณะนี้อย่าง เซาธ์แฮมป์ตัน อีกด้วย
จับนิ้วแบบนี้ไม่ได้จะสวมแหวนนะ แต่เป็นผู้รักษาประตูมือเจ็บนี้คือสาหัสเลยนะ
แผงหลังที่มีก็เจ็บระนาว ยังไม่พอจอมหนึบตัวหลักก็เดี้ยงอีก แต่เดี๋ยวก่อน สำหรับแฟน "ปีศาจแดง" หากคุณคิดว่านี่แย่แล้ว เรามีโปรโมชั่นพิเศษมอบให้คุณอีกครับ

ล่าสุด สดๆ ร้อนๆ ก่อนที่ผมจะเริ่มบรรเลงสกู๊ปนี้เลย ทีมชาติฮอลแลนด์ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการเปิดบ้านยำสมันน้อยอย่าง ทีมชาติลัตเวีย ไปเบาะ 6-0 ประตู

แน่นอนว่าแฟนบอลชาวดัตซ์ รวมถึงแฟนบอลนักแทง ในบ้านเราก็คงจะพึงพอใจกับผลการแข่งขันดังกล่าว แต่หาใช่กับสาวก "ปีศาจแดง" ไม่

เพราะ ดาลี่ย์ บลินด์ ดาวเตะสารพัดประโยชน์ที่เล่นได้ทั้งตำแหน่งกองกลาง, กองหลัง และ แบ็กซ้าย ดันมาเข่าพัง ต้องพักราว 4-6 สัปดาห์เลยทีเดียว!! "มันจะซวยอะไรขนาดนี้วะเนี่ย"
รายนี้หัวเข่าแถมไม่ได้เจ็บสิวๆ แต่มัน 4-6 สัปดาห์ หรือเกือบ 2 เดือนเลยนะเฟ้ย
ตัวเจ็บบานเบอะขนาดนี้ บอกเลยว่าเครียดแทนการจัดทัพของ หลุยส์ ฟาน กัล กุนซือที่มาดนิ่งที่สุดในแกแลคซี่นี้

แต่ก่อนที่จะคิดแทน เฮีย LVG เรามาทบทวนกันอีกรอบดีไหมเด็กๆ ว่าทีม "ปีศาจแดง" ของเรามีใครเข้าโรงหมออยู่บ้าง ก่อนอื่นเอา 3 คนด้านบน ทดไว้ในใจก่อนนะครับ. ..เอ้า เริ่ม
ลิสต์รายชื่อแข้งเดี้ยงของ ยูไนเต็ด ก่อนโปรแกรมทีมชาติ (ชื่อ - ส่วนที่เจ็บ - วันที่น่าจะกลับมาลงฝึกซ้อมได้)

1. มาร์กอส โรโฮ - ใหล่ - 8 ธันวาคม 2014
2. ราฟาเอล ดา ซิลวา - กล้ามเนื้อ - 22 พฤศจิกายน 2014
3. แอชลี่ย์ ยัง - ขาหนีบ/สะโพก - ไม่สามารถระบุได้ (แต่เจ็บไปยาวๆ เลยก็ได้นะ คนนี้ยกให้)
4. ฟิล โจนส์ - น่อง - 22 พฤศจิกายน 2014
5. ราดาเมล ฟัลเกา - น่อง - 22 พฤศจิกายน 2014
6. จอห์นนี่ อีแวนส์ - ข้อเท้า - 22 พฤศจิกายน 2014
7. เจสซี่ ลินการ์ด -เข่า - 29 พฤศจิกายน 2014

สรุปมีทั้งสิ้น 7 คน บวกอีก 3 คน ด้านบนนู้นน ที่เพิ่งจะลากกระเป๋าเข้าโรงพยาบาลแห่งความฝัน รวมเป็น 10 ราย เกือบจะจัดได้ทีมนึงเลยนะเนี่ย

ไหนๆ ฟ้าก็กลั่นแกล้งขนาดนี้แล้ว ผมขอท้าให้เอา อัดนาน ยานาไซ ไปอยู่ที่โรงหมอด้วยอีกรายเลยได้มั้ย จะได้ครบ 11 คน!

สุดท้ายนี้ โปรดอย่าลืมด้วยนะครับว่า โปรแกรมทีมชาติยังมีกลางสัปดาห์นี้ด้วยเห้อออ

ตอนนี้ผมว่าต้องยกมือไหว้ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วละครับว่า อย่าได้ให้ใครเจ็บเพิ่มเติมอีกเลย ที่มีอยู่นี่ก็จะไม่เหลือลายแชมป์ลีก 20 สมัยอยู่แล้ว สาธุ!
ชิน ชินพัฒน์




 

Create Date : 17 พฤศจิกายน 2557    
Last Update : 17 พฤศจิกายน 2557 21:23:24 น.
Counter : 990 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  148  149  150  151  152  153  154  155  156  157  158  159  160  161  162  163  164  165  166  167  168  169  170  171  172  173  174  175  176  177  178  179  180  181  182  183  184  185  186  187  188  189  190  191  192  193  194  195  196  197  198  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.