|
แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก 19
แนะนำ สำหรับคนที่เพิ่งได้อ่านนิยายเรื่องนี้เป็นครั้งแรก ขออธิบายล่วงหน้าว่าเรื่องนี้จะเน้นที่ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเอกสองคนซึ่งเป็นชายทั้งคู่ และอาจมีเนื้อหาบางส่วนไม่เหมาะสมสำหรับเยาวชน หรือคนที่ไม่นิยมเรื่องแนว Boy's Love ดังนั้นหากไม่ชอบอ่านนิยายแนวที่ไม่มีนางเอก ขอแนะนำว่าให้คลิกไปอ่านหน้า About me , เท้าพาไป หรือ พร่ำ(เพ้อ)รายสะดวก ซึ่งเนื้อหาจะเกี่ยวกับเรื่องทั่วไปค่ะ เราเตือนคุณแล้วนะคะ
++------++
ตอนที่ 19.
นี่กี่โมงแล้วนะ...
ภัทรรู้สึกเหมือนตัวเองเผลอสัปหงกไป แต่ทันทีที่รู้ตัวก็รีบสะบัดหน้าแล้วยืดตัวตรง ที่ที่เขานั่งอยู่ยังคงเป็นเก้าอี้ข้างเตียงผู้ป่วยเช่นเดียวกับเมื่อหัวค่ำ นัยน์ตาเรียวเพ่งมองคนที่นอนหลับภายใต้แสงสลัวสีเหลืองส้มจากหน้าประตู เสียงหายใจสม่ำเสมอที่ได้ยินช่วยบรรเทาความกระวนกระวายให้ลดลง กระนั้นความจริงที่ว่าเชษฐ์ยังไม่ฟื้นก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนในอกเว้าแหว่งราวกับโดนมีดกรีด
ประตูห้องที่ถูกเปิดแง้มวูบหนึ่งทำให้ภัทรต้องหยีตากับแสงไฟนีออนจากด้านนอก ก่อนที่นางพยาบาลสาวคุ้นหน้าจะเดินเข้ามาข้างเตียง เธอพยักหน้าทักทายเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าภัทรยังไม่หลับ
ความอ่อนล้าทำให้ภัทรเพียงแต่นั่งนิ่งอยู่กับที่ขณะอีกฝ่ายวัดความดันและอุณหภูมิให้คนไข้ พอเธอเก็บอุปกรณ์หลังทำทุกอย่างเสร็จแล้วก็หันมาถามเขา
"คนไข้รู้สึกตัวบ้างหรือยังคะ?"
คำถามนั้นทำให้ภัทรเบนสายตาไปยังคนบนเตียงอีกครั้ง ก่อนจะเม้มปากเบาๆ และส่ายหน้า "ยังครับ"
"เหรอคะ เอ ถ้างั้นญาติไปนอนพักที่เตียงก่อนก็ได้นะคะ จะได้ไม่ปวดหลัง"
นางพยาบาลเอ่ยแนะนำอย่างใส่ใจ เพราะตลอดทั้งวันเธอเดินเข้ามาวัดไข้ให้คนป่วยไปหลายครั้งแล้ว และพบว่ามากี่ครั้งก็ยังเห็นภัทรนั่งอยู่ที่เดิม
"ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมาก"
ภัทรปฏิเสธพร้อมรอยยิ้มที่แฝงความอิดโรย ทว่านางพยาบาลก็ไม่ได้จู้จี้อีก เธอเพียงพยักหน้าและเดินออกจากห้องไป
ทิ้งให้ภายในห้องพักผู้ป่วยถูกคลี่คลุมด้วยความเงียบงันเช่นเดิม
ภัทรยกมือขึ้นขยี้ตาที่อ่อนล้าเต็มที ร่างกายเขาเรียกร้องการพักผ่อน แต่สมองกลับพยายามขัดขืน เขาไม่อยากเอนตัวลงนอนเพราะกลัวจะเผลอหลับลึกจนไม่ได้ยินเสียงหากคุณเชษฐ์ตื่นขึ้นและต้องการความช่วยเหลือ จึงได้แต่พยายามฝืนร่างกายเอาไว้อย่างสุดความสามารถ
ชายหนุ่มประคองมือใหญ่มากุมไว้ในอุ้งมือทั้งสองข้างอีกครั้ง มีเพียงไออุ่นที่ถ่ายทอดมาเท่านั้นที่จะทำให้วางใจได้ว่าคุณเชษฐ์ยังอยู่กับเขา และเพียงแต่รอเวลาที่ร่างกายหายอ่อนล้า ก็จะลืมตาขึ้นมาส่งยิ้มและเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเช่นเคย เพียงแต่นี่ยังไม่ถึงเวลา
สิ่งที่ภัทรพอจะทำได้ในระหว่างนี้ จึงเป็นการรออย่างมีความหวังโดยไม่ท้อแท้ไปก่อนเท่านั้นเอง....
++------++
เสียง 'ตุ้บ' เบาๆ ทำให้ภัทรสะดุ้งตื่น เขากะพริบตาปริบๆ เมื่อรู้สึกตัวว่าครั้งนี้เผลอหลับไปจริงๆ ชายหนุ่มยกศีรษะขึ้นและใช้ข้อนิ้วพยายามนวดขมับเพื่อคลายอาการปวดมึนเนื่องจากการนอนไม่พอ นัยน์ตาเรียวค่อยปรือขึ้นช้าๆ ขณะมองไปทางหัวเตียงว่าคุณเชษฐ์รู้สึกตัวตื่นหรือยัง
ทว่าความว่างเปล่าที่เห็นก็ทำให้หัวใจแทบหยุดเต้น
"คุณเชษฐ์!?"
ภัทรตาสว่างทันควัน เขาลุกพรวดจากเก้าอี้แล้วก็ต้องรีบคว้าขอบเตียงเอาไว้เพราะหน้ามืด ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึกจนกระทั่งพื้นห้องหยุดหมุน จากนั้นก็รีบเดินหาทั่วห้องพักผู้ป่วย
"คุณเชษฐ์ อยู่ไหนครับ อยู่ในห้องน้ำหรือเปล่า?"
ร่างผอมเพรียวเดินไปเปิดประตูห้องน้ำก็ไม่พบใคร เขาจึงเปิดไฟทุกดวงในห้องเพื่อจะได้เห็นได้ถนัด ทว่าไม่ว่าจะเดินไปมุมใดก็ไม่เจอร่างสูงใหญ่อันคุ้นตาเลย
คุณเชษฐ์ไปไหน...
ความวิตกกังวลแผ่พุ่งจนภัทรแน่นหน้าอก เขารีบเปิดประตูออกไปนอกห้องพักผู้ป่วยทันที แสงสว่างจ้าที่ส่องผ่านระเบียงเข้ามาทำให้รู้ว่าเป็นเวลาเช้าแล้ว
"ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าเห็นผู้ป่วยห้อง 842 เดินออกมาหรือเปล่าครับ?"
นางพยาบาลที่ถูกถามหันไปมองเพื่อนซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ กันที่วอร์ดแล้วก็ส่ายหน้า คำตอบที่ได้ทำให้ภัทรสูดหายใจแรง ในอกร้อนรนจนต้องรีบวิ่งออกจากบริเวณนั้นเพื่อไปตามหาคนที่หาย
คุณเชษฐ์อยู่ไหน อาการคุณเชษฐ์ยังไม่พร้อมจะออกมาเดินข้างนอกตอนนี้สักหน่อย...
ภัทรคิดขณะวิ่งลงบันไดจนเกือบชนคนไข้สูงอายุที่มีญาติพยุงขึ้นมา เขารีบก้มหัวขอโทษแล้ววิ่งลงจากอาคารต่อ ทุกคนที่เห็นเขาต่างก็หันมามองด้วยแววตาตำหนิเพราะในโรงพยาบาลห้ามวิ่งหรือส่งเสียงดัง ทว่าภัทรไม่สนใจเพราะตอนนี้ใจเขาจดจ่ออยู่แต่การมองหาร่างสูงใหญ่ที่มีผ้าพันศีรษะเท่านั้น
"คุณเชษฐ์....อยู่ไหนครับ..."
ภัทรหอบหายใจแรงเมื่อวิ่งไปแทบทั่วโรงพยาบาลก็ไม่เจอคนที่ตามหา เขาถามนางพยาบาลหรือพนักงานรักษาความปลอดภัยก็ไม่มีใครตอบได้ ชายหนุ่มใช้แขนเสื้อเช็ดเหงื่อที่ซึมบนหน้าผากพลางเอามือหนึ่งกุมสีข้างเนื่องจากวิ่งไปมาจนจุก
ไม่เอานะ...ความรู้สึกแบบนี้...ไม่อยากสัมผัสความรู้สึกเหมือนกำลังจะเสียคุณเชษฐ์ไปแบบนี้อีกแล้ว...
ภาพเหตุการณ์ในคืนอันโหดร้ายก่อนที่พวกเขาจะมาโรงพยาบาลย้อนกลับเข้ามาในความทรงจำอีกครั้ง ภัทรรู้สึกว่าเหงื่อเย็นๆ ไหลโซมกายมากขึ้นจนเสื้อแนบกับแผ่นหลัง แล้วก็ได้แต่สะบัดหน้าและลองย้อนไปตามทางที่คิดว่าตนยังไม่ได้ผ่านอีกครั้ง
ขอร้องล่ะ...คุณอยู่ไหน...
ภัทรรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านหลัง เมื่อหันกลับไปก็เห็นเงาผู้ชายในชุดคนไข้กำลังเดินเลี้ยวเข้าไปในทางเชื่อมระหว่างอาคาร เขาจึงรีบออกวิ่งไปทางนั้นเพราะรู้สึกว่ารูปร่างของอีกฝ่ายคุ้นตาเหลือเกิน
ทางเดินในโรงพยาบาลวกวนกว่าที่คิด เมื่อภัทรคิดว่าจะตามทันและเห็นแผ่นหลังของผู้ชายคนนั้นแวบๆ อีกฝ่ายกลับเดินเลี้ยวไปตามทางเดินแคบๆ ที่เมื่อเขาเดินตามไปก็คลาดกันอีก พอได้ยินเสียงฝีเท้าที่คิดว่าน่าจะใช่จากอีกด้าน ภัทรก็ข่มความเหนื่อยอ่อนและรีบวิ่งตามไปทางนั้นอีกครั้ง
ทว่าไม่ว่าจะพยายามมากเท่าไหร่ เขากลับยิ่งรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในเขาวงกตของอาคารร้างที่ไร้ผู้คนเข้าไปทุกที ไม่มีหมอ นางพยาบาล หรือคนไข้เดินผ่านมาให้เห็นเลยสักคน
"คุณเชษฐ์...ขอร้องล่ะ ถ้าได้ยินเสียงผมก็กลับมาหาผมสิ จะทิ้งผมไปแบบนี้ไม่ได้นะ..."
ภัทรไม่อยากยอมแพ้ แต่ความเคว้งคว้างในอกก็ราวจะเป็นลางบอกเหตุว่าเขากำลังจะเสียคนที่รักที่สุดไป เพราะไม่ว่าพยายามจะไขว่คว้า วิ่งตามหาเท่าไหร่ อีกฝ่ายก็ไม่ยอมหยุดรอเลยสักนิด
ชายหนุ่มรู้สึกว่าเท้าทั้งสองข้างหนักจนไม่สามารถจะก้าวต่อได้อีกแม้เพียงก้าวเดียว เสียงฝีเท้าแผ่วๆ ที่ได้ยินอยู่ข้างหน้าเงียบหายไปแล้ว รอบตัวมีเพียงความเงียบงันราวกับทั้งตึกคืออาณาจักรที่ไร้สิ่งมีชีวิต
ไม่ว่าภัทรจะพยายามฝืนก้าวไปข้างหน้าสักเท่าไหร่ ทางเดินสีขาวอันเวิ้งว้างกลับยิ่งทอดยาวไม่สิ้นสุดเท่านั้น
คุณเชษฐ์...อย่าทิ้งผมไปแบบนี้...ผมไม่ยอม...
ความรู้สึกสิ้นหวังเอ่อล้นท่วมอกจนทำให้เขารู้สึกเหมือนคนกำลังจมน้ำ ภัทรกรีดร้องสุดเสียงด้วยความเศร้าโศกราวกับความมืดสีขาวได้กระชากหัวใจของเขาไปด้วย
"อ๊ะ!!"
ภัทรผวาตื่นจากความฝันอันน่ากลัวที่ราวจะสูบพลังชีวิตให้หมดไป ความหวาดหวั่นที่ตกค้างทำให้หัวไหล่สั่นสะท้าน อกกระเพื่อมแรงจนเหมือนหัวใจจะเต้นกระดอนออกมาข้างนอก ราวกับความเหน็ดเหนื่อยที่เกิดจากการวิ่งไล่ตามคุณเชษฐ์ในความฝันนั้นเกิดขึ้นจริงๆ
ไม่เอา...ความฝันแบบนี้...เขาไม่ต้องการ...
น้ำตาเอ่อขึ้นบนขอบตาเมื่อภัทรเบนสายตาไปทางหัวเตียงและพบว่าคุณเชษฐ์ยังอยู่ แต่ว่าก็ยังคงนอนนิ่งไม่รู้สึกตัวเช่นเดิม ความเหนื่อยล้าทำให้เขาฟุบหน้าลงบนท่อนแขนที่ประสานกันบนขอบเตียง ความอ้างว้างอย่างรุนแรงไหลบ่าจนเจ็บหน่วงไปทั้งอก
"ฮึก..."
ภัทรสะอื้นฮักจนแขนเสื้อเปียกไปด้วยน้ำตา ความเปล่าเปลี่ยวและเหนื่อยล้าถาโถมเข้ากระหน่ำจิตใจจนเหมือนกับว่าเขาสูญเสียหัวใจทั้งดวงไปแล้ว...สูญเสียคนที่สำคัญที่สุดจนไม่สามารถจะเรียกให้ฟื้นคืนกลับมาได้แล้วจริงๆ
ขอร้องล่ะ....ฟื้นขึ้นมาสิ...เขาต้องทำยังไง...ต้องใช้วิธีไหนคุณเชษฐ์ถึงจะรู้สึกตัวเสียที...
"ผมขอร้องล่ะ ฟื้นขึ้นมาเถอะ ต่อไปนี้ผมจะไม่ขัดใจอีกแล้วไม่ว่าคุณเชษฐ์จะขออะไร ถ้าอยากได้ยินคำว่ารักผมก็จะพูดให้ฟังทุกวัน จะไม่ดื้ออีกแล้วด้วย เพราะฉะนั้น...เพราะฉะนั้น..."
...อย่าทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังตกนรกทั้งเป็นเพราะทำให้คนที่รักกลายเป็นแบบนี้อีกเลย...
ชายหนุ่มสะอื้นอย่างรุนแรงจนเกือบหายใจไม่ออก มือที่ยังเป็นแผลทั้งสองข้างกำผ้าปูเตียงแน่นจนแทบจะจิกเล็บลงในแผลที่เริ่มสมานตัว ทว่าความเจ็บนั้นเทียบไม่ได้แม้แต่น้อยกับความเจ็บร้าวในอกเพราะความรู้สึกเสียใจในยามนี้
สู้ให้เขาเป็นคนที่ถูกฟาดหัวจนบาดเจ็บ ยังดีกว่าต้องมานั่งดูคุณเชษฐ์เป็นแบบนี้เพราะปกป้องตัวเองไว้...
++------++
"...."
ปลายนิ้วใหญ่กระตุกโดยที่ภัทรไม่ทันสังเกต การหลั่งน้ำตาสะอึกสะอื้นทำให้เขารับรู้ได้แต่แรงสั่นจากร่างกายของตัวเอง จึงไม่ได้สังเกตเลยว่านัยน์ตาคมเข้มคู่หนึ่งค่อยๆ ปรือขึ้น และกำลังกลอกตามองไปรอบห้องอย่างเชื่องช้า
เสียงนกกระจอกดังแว่วมาจากด้านนอก แต่หน้าต่างที่ถูกรูดม่านหนาทึบทำให้ในห้องสลัวจนยากจะแยกแยะว่าเป็นกลางวันหรือกลางคืน นัยน์ตาที่เฉียบคมเสมอจึงต้องใช้เวลาครู่ใหญ่กว่าจะทำความเข้าใจว่าตนอยู่ที่ไหน หลายนาทีผ่านไปก่อนที่แววตาคู่นั้นจะเลื่อนมาหยุดลงบนร่างที่กำลังฟุบหน้าร้องไห้จนปิ่มจะขาดใจอยู่ข้างเตียง
ในชั่ววูบแรก ใบหน้าคมคายขมวดคิ้วด้วยยังไม่เข้าใจว่าคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นเป็นใคร ความอ่อนเพลียทำให้เชษฐ์รู้สึกกึ่งหลับกึ่งตื่น รู้แต่เพียงว่าก่อนที่จะไม่ได้สติ เขามีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะปกป้องใครบางคนให้พ้นจากอันตราย แม้แต่ช่วงที่ไม่รู้สึกตัวตลอดไม่กี่วันที่ผ่านมา ในฝันก็ยังได้ยินเสียงกรีดร้องที่ชวนให้เจ็บปวดหัวใจจนอยากจะเข้าไปปลอบ ทว่ากลับไขว่คว้าตัวเจ้าของเสียงไม่ได้ไม่ว่าจะยื่นมือไปหาสักเท่าไหร่
ใครนะ? ชื่ออะไร...ทำไมจู่ๆ เขาถึงนึกเรื่องสำคัญแบบนี้ไม่ออก...
"อือ..."
เสียงที่ดังมาจากหัวเตียงนั้นแผ่วและแหบพร่า ทว่าก็ส่งผลให้เสียงสะอื้นไห้ของภัทรสะดุดลงทันใด ชายหนุ่มกลืนน้ำลายอันเหนียวหนึบขณะที่เงยหน้าขึ้นด้วยใจระทึก และพบว่าเชษฐ์กำลังหลับตาขมวดคิ้วพลางใช้มือกดหน้าผากเหมือนเจ็บปวด
"คุณเชษฐ์! เป็นอะไรครับ!? เจ็บแผลเหรอ?"
ภาพที่เห็นกระตุ้นความเป็นห่วงให้กลบทับความยินดีที่คนเจ็บรู้สึกตัว ภัทรละล้าละลังขณะพยายามยื้อมือใหญ่ด้วยกลัวว่าเจ้าตัวจะดึงผ้าพันแผลออก เขาเคยได้ยินคุณหมอเตือนไว้ก่อนแล้วว่าคนไข้ที่เพิ่งรู้สึกตัวมีแนวโน้มจะอาละวาดหรือกระชากสายน้ำเกลือได้ แต่ก็ไม่ได้เตรียมรับสถานการณ์เพราะมัวแต่พะวงเรื่องที่คุณเชษฐ์ยังไม่ฟื้นท่าเดียว
"อืม...!"
"คุณเชษฐ์! อย่าแกะผ้านะครับ! เดี๋ยวแผลเปิดนะ!"
แม้อาการของคนบนเตียงจะไม่อาจเรียกว่าเข้าขั้นอาละวาด แต่สีหน้าที่แสดงอาการเจ็บปวด หงุดหงิดและสับสนก็ทำให้ภัทรถึงกับทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน นัยน์ตาที่จ้องมายังเขาดูไม่ต่างจากแววตาที่ใช้ยามจ้องคนแปลกหน้า และนั่นทำให้ชายหนุ่มหนาวเยือกไปถึงหัวใจ
หรือว่า...ไม่จริง...คุณเชษฐ์จำเขาไม่ได้งั้นหรือ...
'อาการข้างเคียงจากการบาดเจ็บทางสมองมีหลายรูปแบบครับ บางทีสมองอาจกระทบกระเทือนจนทำให้เป็นอัมพฤกษ์ บางเคสเจ้าตัวก็อาจนิสัยเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน เคสที่ความจำเสื่อมก็มี แต่ระยะสั้นหรือยาวก็ต่างกันไปในแต่ละคน แต่ก็บอกยากว่าคนไข้จะมีอาการพวกนี้หรือไม่ตราบใดที่ยังไม่รู้สึกตัว'
นั่นเป็นคำอธิบายจากหมอตอนที่พี่สาวของเขาถามเมื่อวานนี้ แต่ภัทรพยายามไม่คิดถึงความเป็นไปได้เหล่านั้น เพราะเขาเพียงต้องการให้คุณเชษฐ์ฟื้นขึ้นมาก็พอแล้ว
"คุณเชษฐ์...จำผมไม่ได้เหรอครับ?"
ภัทรถามอย่างหวาดหวั่น แต่แววตาที่ขมวดคิ้วจ้องเขากลับมาก็แทนคำตอบโดยไม่ต้องออกเสียง
มือที่พยายามยื้อมือใหญ่ให้ห่างแผลบนศีรษะอ่อนแรงลงในทันที น้ำตาที่เหือดแห้งเพราะความตกใจเมื่อครู่ไหลเอ่อขึ้นบนขอบตาอีกครั้ง นัยน์ตาสองคู่ประสานกันแน่วนิ่ง ทว่าเรียวคิ้วของคนเจ็บยังคงขมวดมุ่นเช่นเดิม ไม่มีประกายที่บ่งบอกว่าคุ้นเคยกับใบหน้าหรือน้ำเสียงของเขาแม้สักกระผีกริ้น
ไม่จริง...
ภัทรพูดอะไรไม่ออกอีก ได้แต่ปล่อยให้น้ำตาหลั่งลงบนหน้าด้วยความปวดร้าว ทำไมกัน...เขาเคยทำบาปอะไรไว้หรือถึงต้องโดนลงโทษเช่นนี้ นี่เป็นเพราะเขาเป็นสาเหตุให้คุณเชษฐ์ต้องบาดเจ็บใช่ไหม
"ฮึก..."
ชายหนุ่มปล่อยมือใหญ่ทั้งสองข้างแล้วโน้มตัวลงกอดร่างท่อนบนของคนเจ็บเอาไว้ ความหนึบหน่วงในอกทำให้ภัทรรู้สึกเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นกำลังบดขยี้หัวใจ ทั้งที่คิดถึง อยากได้ยินเสียง พร้อมแล้วที่จะมอบความรักและหัวใจทั้งดวงให้ แต่สิ่งที่ได้รับคือการถูกลืมเลือนเช่นนี้อย่างนั้นหรือ
"คุณเชษฐ์...คุณเชษฐ์...คุณเชษฐ์"
เสียงสั่นเครือที่ดังข้างหูทำให้อาการฮึดฮัดของร่างสูงใหญ่สงบลง ลมหายใจซึ่งหอบถี่เมื่อครู่ค่อยๆ ชะลอลงเป็นจังหวะปกติ เขารับรู้ได้ถึงน้ำตาที่หยดอยู่ข้างแก้ม เช่นเดียวกับความอบอุ่นจากร่างที่คร่อมทับซึ่งสั่นสะท้านเพราะแรงสะอื้น
ร้องไห้ทำไมกัน...แล้ว...นี่ผอมไปขนาดนี้เชียวหรือ...
ความคิดที่วาบขึ้นทำให้ความปวดแปลบแล่นจี๊ดขึ้นในหัว เชษฐ์หลับตาและยกมือหนึ่งขึ้นกุมหน้าผาก เขารู้สึกเหมือนตัวเองเกือบจะนึกถึงอะไรบางอย่างออก แต่ก็ถูกความเจ็บยับยั้งเอาไว้จนนึกได้ไม่ตลอด แต่ที่แน่ๆ มันเป็นสิ่งที่เขาไม่ได้เต็มใจจะลืมแม้แต่นิด
อะไรกันนะ...ความรู้สึกเหมือนจำเป็นต้องปกป้อง ปล่อยให้อยู่คนเดียวไม่ได้ ต้องรีบกลับมาหาแบบนี้...
ไออุ่นจากร่างที่สั่นสะท้านเรียกความรู้สึกในจิตใต้สำนึกให้ปะทุขึ้น พร้อมๆ กับความสับสนและขัดใจที่นึกเรื่องสำคัญไม่ออก ในความฝันก่อนที่จะรู้สึกตัวตื่น เขาจำได้เลาๆ ว่าเห็นใบหน้าของใครคนหนึ่งอย่างรางเลือน ใบหน้านั้นก็นองด้วยน้ำตาเหมือนคนในอ้อมแขนคนนี้ แม้แต่เสียงที่เรียกชื่อก็ยังคุ้นเคย แต่ว่า...คนในฝันนั่นคือใครกัน...จะใช่คนเดียวกับคนที่อยู่ตรงนี้หรือเปล่า...
ชายหนุ่มพยายามระบายลมหายใจยาวเพื่อหยุดความคิดอันสับสน มือใหญ่ค่อยๆ ทาบลงบนแผ่นหลังของคนที่นอนคร่อมทับ ถึงแม้เขาจะเพิ่งรู้สึกตัวได้ไม่นาน กระนั้นก็ยังรับรู้ได้ถึงความผอมบางอันไม่คุ้นเคยจากสัมผัสใต้ฝ่ามือ สัมผัสนั้นบ่งบอกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง เช่นเดียวกับปลุกความทรงจำบางส่วนจากการหลับใหล กลิ่นกายอ่อนจางที่ลอยมากระทบปลายจมูกกระตุ้นสัญชาตญาณให้คืนมาอย่างช้าๆ
...นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาโอบกอดร่างนี้ในวงแขน
"...อย่าร้องไห้"
เสียงนั้นหลุดจากริมฝีปากก่อนจะทันได้คิด มือข้างหนึ่งถูกยกขึ้นเสยผมที่ปรกหน้าผากให้คนที่ร้องไห้จนใบหน้าเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อและน้ำตา เมื่อนัยน์ตาเรียวเปิดขึ้นสบตากับเขา ประกายตัดพ้อในแววตาคู่นั้นก็ยังความปวดแปลบมาให้ราวกับแผลนั้นอยู่บนอกแทนที่จะเป็นศีรษะ
ความโหยหา อยากปลอบโยน ไม่อยากเห็นน้ำตาจากดวงหน้านี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกเหมือนกัน...
ดุจริ้วหมอกที่ยังอ้อยอิ่งเหนือยอดหญ้าในยามเช้า เชษฐ์รู้สึกราวกำลังเข้าใกล้บางสิ่งที่เห็นเพียงรางเลือนเพราะถูกปุยหมอกบดบัง กระนั้นสิ่งที่ค้นหาก็อยู่ตรงหน้า รอให้เขายื่นมือไปคว้าจับดั่งแสงอาทิตย์ที่จะแผดเผาเมฆหมอกให้สลาย
"คุณเชษฐ์...?"
ภัทรส่งเสียงเครือเมื่อนัยน์ตาคมยังบ่งบอกว่าสับสนเมื่อเห็นเขา ทั้งๆ ที่อ้อมแขนอุ่นโอบรัดอยู่รอบตัวอย่างคุ้นเคยไม่ต่างจากเมื่อก่อน นัยน์ตาเรียวกะพริบถี่เมื่ออีกฝ่ายใช้ปลายนิ้วกรีดหยาดน้ำตาออกให้ทั้งที่ใบหน้ายังขมวดคิ้วมุ่น และแล้วโดยไม่ทันได้ตั้งตัว มือข้างนั้นก็วางลงบนท้ายทอยแล้วโน้มคอให้ก้มลงหา
"อืม..."
เสียงครางแผ่วเบาดังขึ้นในห้องสลัวทันทีที่ริมฝีปากแตะต้องกัน ภัทรไม่แน่ใจว่าเสียงที่ได้ยินนั้นมาจากตัวเองหรือพวกเขาทั้งคู่ รู้แต่ว่าโหยหาสัมผัสที่กำลังแนบประทับเหนือกลีบปากตัวเองในเวลานี้เหลือเกิน
ลมหายใจอุ่นเป่ารดเหนือริมฝีปากของกันและกันผะแผ่ว นิ้วมือใหญ่ที่ลูบไล้บนต้นคออย่างอ่อนโยนยิ่งปลุกความทรงจำของความอ่อนหวานที่เคยได้รับก่อนทั้งสองจะห่างกันไปเป็นเดือนให้แจ่มชัดมากยิ่งขึ้น
ฝ่ามือใหญ่อีกข้างค่อยๆ เลื่อนลงวางบนแผ่นหลังผอมบาง จากนั้นก็ลูบขึ้นลงอย่างเชื่องช้าราวกำลังสร้างความคุ้นเคยกับสิ่งที่รู้จักดี ภัทรหลุดเสียงครางเมื่อกลีบปากล่างถูกขบเม้ม ส่วนผมที่ลงมาแนบหน้าผากกับแก้มเพราะน้ำตาก็ถูกเกลี่ยให้จนออกไปพ้นวงหน้า
ทั้งที่มอบสัมผัสอันอ่อนโยนถึงขนาดนี้ได้ แต่คุณเชษฐ์ก็ยังลืมเขาอยู่อีกงั้นหรือ...
ภัทรรู้สึกเหมือนถูกมอมเมาด้วยรสสัมผัสอันปลอบประโลมจนสับสนเสียเอง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายจึงทำแบบนี้ทั้งที่ยังจำเขาไม่ได้ ทว่าก็ไม่มีความต้องการจะปฏิเสธสิ่งที่กำลังได้รับในนาทีนี้แม้แต่น้อย
ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากเมื่อสัมผัสอันอ่อนหวานผละจากไปอย่างอ้อยอิ่งในที่สุด นัยน์ตาเรียวหลุบลงด้วยละอายใจที่ยังอยากได้รับความอ่อนโยนเช่นนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีก ทั้งๆ ที่คนตรงหน้าอาจเผลอทำไปโดยไม่ตั้งใจเลยแท้ๆ
ความคิดเช่นนั้นทำให้ในอกปวดเกร็งขึ้นมาอีกจนแทบจะหลั่งน้ำตา ภัทรกำเสื้อของคนเจ็บแน่นโดยไม่รู้ตัว
ไหล่ผอมสั่นเล็กน้อยเมื่อปลายนิ้วใหญ่ยื่นมาจับคางเบาๆ ภัทรลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะยอมเงยหน้าพร้อมกับขอบตาที่บวมช้ำ เขากลัวเหลือเกินว่าหากคราวนี้ต้องมองเข้าไปในแววตาของคนไม่รู้จักอีก เขาคงไม่อาจทนมองหน้าคุณเชษฐ์ต่อไปได้แน่ๆ
"ภัทร..."
แต่เสียงเรียกและแววตาอบอุ่นที่ทอดมองมาก็ทำให้หัวใจของภัทรแทบจะหยุดเต้น
"คุณเชษฐ์...จำผมได้แล้ว...?"
ราวกับเมฆหมอกรอบกายสลาย ความกดดันที่บีบคั้นในอกค่อยคลายตัวออกอย่างแช่มช้า ภัทรกะพริบตาอย่างไม่อยากเชื่อหู เมื่อไม่กี่นาทีก่อนเขายังรู้สึกเหมือนหัวใจจะแตกเป็นเสี่ยงเพราะคุณเชษฐ์ฟื้นขึ้นมาแล้วจำเขาไม่ได้ แต่ตอนนี้เพียงแค่ถูกเรียกชื่อ ในอกก็อาบล้นไปด้วยความสุขจนเหมือนจะยืนไม่อยู่
เชษฐ์พยักหน้าช้าๆ ก่อนจะยกมือหนึ่งขึ้นกุมหน้าผาก เรียวคิ้วดกหนาขมวดเข้าหากันน้อยๆ ภัทรจึงรีบดันตัวขึ้นและลุกไปหยิบขวดน้ำจากบนโต๊ะมาใส่หลอดให้
"ดื่มน้ำก่อนนะครับ"
ภัทรเอ่ยพลางประคองหลังอีกฝ่ายให้สูงขึ้น เชษฐ์จิบน้ำไปนิดหนึ่งก็เอนตัวลงแล้วมองเขาเหมือนเดิม ปลายนิ้วแข็งแรงยกขึ้นซับคราบน้ำตาที่ยังเหลือบนหางตาให้ ภัทรจึงถือโอกาสกุมมือข้างนั้นเอาไว้
"...ทำไมไม่ไปนอนที่เตียงล่ะ พยาบาลก็บอกไม่ใช่เหรอว่าเดี๋ยวจะปวดหลัง"
"คุณเชษฐ์...ได้ยินที่พยาบาลพูดกับผมด้วย?"
ภัทรถามอย่างประหลาดใจ เชษฐ์จึงส่ายหน้าช้าๆ แล้วหลับตาลงราวกำลังพยายามรวบรวมความทรงจำอันสับสน
"ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจหรอก... หูเหมือนได้ยินเสียงคนรอบตัวแต่ก็ขาดๆ หายๆ ...ไม่รู้ว่ากำลังฝันหรือตื่นกันแน่ พอจะขยับตัวหรือลืมตาก็ทำไม่ได้ แต่ที่มั่นใจก็คือได้ยินเสียงคนร้องไห้... นั่นเสียงของเธอสินะ..."
อาจเพราะเพิ่งฟื้นจากอาการบาดเจ็บ น้ำเสียงของคนป่วยจึงยังอ่อนแรงและยังพูดได้เพียงช้าๆ แต่เมื่อถึงประโยคสุดท้าย ภัทรที่กำลังจ้องทุกอากัปกิริยาของอีกฝ่ายอยู่ก็น้ำตาไหลลงมาอีกครั้ง
"ผมขอโทษ ผมกลัวไปหมด ผมกลัวว่าคุณเชษฐ์จะเป็นอะไรเพราะผม ผมกลัวว่าถ้าคุณเชษฐ์ไม่ฟื้นขึ้นมาอีกผมจะเป็นยังไง ผมขอโทษที่ผมคิดอะไรเห็นแก่ตัวแบบนี้ แต่ว่า ... ผมไม่อยากให้คุณเชษฐ์ทิ้งผมไป ผมไม่อยากอยู่คนเดียวอีกแล้ว ฮึก..."
ภัทรรู้สึกราวได้ย้อนกลับไปเป็นเด็กหนุ่มที่ซื่อตรงกับหัวใจของตัวเองอีกครั้ง เหมือนวันคืนที่ยังไม่รู้ประสาว่าความรักคืออะไร แต่ก็อยากทำความเข้าใจและได้สัมผัสสิ่งนั้นจนไม่อาจเก็บความในใจไว้คนเดียวอีก
"อย่าร้อง..."
ถึงแม้จะถูกห้ามก็ไม่เป็นผล เวลานี้ไม่มีภัทรกรที่ชอบสงวนท่าทีและปากหนักอีกแล้ว ความรู้สึกเจ็บปวดราวกับจะสูญเสียคนที่รักซึ่งนึกขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ยังทำให้ในอกหวิวโหวงทำให้ภัทรอ่อนไหวจนควบคุมตัวเองไม่ได้
"ผมรักคุณเชษฐ์ ผมรักคุณเชษฐ์ ผมรักคุณเชษฐ์"
เชษฐ์เลื่อนมือที่ลูบบนเรือนผมซึ่งยุ่งนิดๆ ลงและพยายามใช้ปลายนิ้วกรีดหยาดน้ำตาให้คนที่สะอึกสะอื้นจนพูดแทบไม่เป็นคำ กระนั้นก็รู้ดีว่าตอนนี้เขาได้รับหัวใจทั้งดวงของคนตรงหน้ามาครองอย่างไร้เงื่อนไขแล้ว ถึงแม้ว่าจะต้องใช้เวลา ต้องอดทนรอและถึงกับบาดเจ็บสาหัส แต่มันก็คุ้มค่า
ภัทรไม่ใช่ของเหลืออย่างที่ธราธรเคยปรามาศไว้ หากแต่เป็นแก้วเจียระไนที่ถูกมองข้ามโดยคนที่ไม่รู้ค่าต่างหาก
"เด็กดี...หยุดร้องได้แล้ว...."
แม้ว่าร่างกายจะยังอ่อนเพลีย แต่ร่างสูงใหญ่ก็พยายามยกแขนทั้งสองข้างขึ้นดึงไหล่ภัทรเข้าหาตัว ร่างเพรียวกะพริบตาปริบด้วยไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร แต่ก็ยอมเอนตัวเข้าหาแต่โดยดี
"...ถอดรองเท้าออกสิ จะได้ขึ้นมานอนบนเตียงด้วยกัน"
"เอ๋? แต่ว่า..."
อาการหอบจนตัวโยนเพราะแรงสะอื้นของภัทรลดลงแล้ว เพียงแต่บนใบหน้ายังมีคราบน้ำตาและน้ำมูก และเชษฐ์ก็แสดงสีหน้าสบายใจขึ้นที่เห็นเขาหยุดร้องไห้เสียที
"บอกให้ถอดรองเท้าแล้วขึ้นมานอนด้วยกันไง... ดูสิ ตาโหลไปหมดแล้ว... ฉันไม่ยอมให้คนที่มานอนเฝ้าไข้ให้ต้องเสียสุขภาพเพราะอดนอนหรอกนะ"
น้ำเสียงและแววตาอ่อนโยนทำให้ภัทรอบอุ่นในอกจนผิวหน้าก็พานอุ่นไปด้วย เขาพยักหน้าก่อนจะถอดรองเท้าแล้วขยับตัวขึ้นมาบนเตียงแต่โดยดี โชคดีว่าขนาดของเตียงคนไข้ที่โรงพยาบาลนี้ค่อนข้างใหญ่ กระนั้นคนเจ็บก็ยังอุตส่าห์ช่วยขยับที่เพื่อให้ภัทรนอนสบายขึ้น
ร่างผอมเพรียวตะแคงตัวแล้วซุกหน้าเข้ากับไหล่หนา มือข้างหนึ่งวางทาบบนแผ่นอกกว้างเพื่อรับรู้ถึงแรงเต้นของหัวใจที่ส่งผ่านมา ชายหนุ่มระบายลมหายใจยาวเมื่อได้สัมผัสไออุ่นที่ยืนยันว่าคุณเชษฐ์สบายดีและจะไม่ทิ้งเขาไปไหนในระยะใกล้ชิดเช่นนี้
"...นอนพักเถอะ เธอเหนื่อยมามากแล้วล่ะ"
ผู้สูงวัยกว่าใช้อุ้งนิ้วโป้งซับคราบชื้นที่ยังหลงเหลือบนหางตาให้ภัทร จากนั้นก็แนบริมฝีปากลงบนหน้าผาก น้ำเสียงและสัมผัสอันนุ่มนวลนั้นราวกับมีฤทธิ์ขับกล่อมให้เขาอยากหลับไหล ทั้งที่เมื่ออึดใจก่อนไม่รู้สึกง่วงแม้แต่นิดเดียว
คุณเชษฐ์เจ็บแผลหรือเปล่าครับ ที่โดน...ตอนนั้น...
ภัทรไม่อาจเอ่ยคำออกมาให้เต็มประโยค เพราะเพียงแค่เอ่ยถึงก็ราวกับเรียกภาพในคืนนั้นให้กลับมาหลอกหลอน เชษฐ์จึงใช้มือลูบไหล่ที่สั่นขึ้นเพื่อให้อีกฝ่ายสงบลง
มันยังชาๆ อยู่มากกว่า... ไม่ต้องคิดถึงมันอีกแล้ว... ตอนนี้ฉันฟื้นแล้วนี่ จริงมั้ย?
แววตาสองคู่สบประสาน และแม้ภัทรจะรู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตาอย่างไรก็ต้องพยายามกะพริบตาเพื่อบังคับหยาดน้ำให้ไหลกลับลงไป
...ครับ
จริงสิ ตอนนี้คุณเชษฐ์ฟื้นแล้ว คุณเชษฐ์ไม่เป็นอะไรแล้ว เขาก็ไม่ควรนึกถึงเรื่องในคืนนั้นแล้วเอามาพูดให้คนเจ็บอารมณ์ขุ่นถึงจะถูก
"คุณเชษฐ์...พอผมตื่นมาอีกครั้ง คุณเชษฐ์จะไม่หลับไปนานๆ อีกใช่ไหมครับ?"
แม้จะโล่งอกแล้วว่าชั่วขณะนี้คุณเชษฐ์ไม่เป็นอะไร กระนั้นความหวาดหวั่นที่สั่งสมมาตลอดสี่วันก็ทำให้ภัทรไม่อาจวางใจได้โดยง่าย
"ไม่หรอก...ฉันถึงให้เธอขึ้นมานอนด้วยเพื่อจะได้วางใจว่าฉันจะตื่นแน่ๆ ไง"
ร่างสูงใหญ่เอ่ยพลางยกมือขึ้นวางทับมือของภัทรที่ทาบอยู่บนหน้าอก ภัทรจึงเหลือบตาขึ้นมองคนข้างตัวอีกครั้ง และได้พบกับแววตาที่แม้จะยังอิดโรย แต่ก็เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกอันหนักแน่นที่มีให้กับเขา น้ำหนักของความเชื่อมั่นทำให้ภัทรค่อยๆ พยักหน้าก่อนจะซุกตัวเข้าหาไหล่อีกฝ่ายมากขึ้น จากนั้นเปลือกตาอันหนักอึ้งก็หรี่ปรือและค่อยปิดสนิทลงในเวลาไม่นาน
เสียงหายใจสม่ำเสมอและชีพจรที่ได้สัมผัส เช่นเดียวกับความอบอุ่นจากฝ่ามือที่กุมทับมือของเขาอยู่ทำให้ภัทรพรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งใจ ความรู้สึกตัวเบาเพราะได้ปลดแอกจากความวิตกกังวลทำให้มุมปากได้รูปยกขึ้นน้อยๆ น้ำตาหยดหนึ่งไหลซึมจากหางตาลงตกต้องบนหมอนโดยไม่รู้ตัว
ความรู้สึกของฟ้าที่ปลอดโปร่งหลังพายุฝนลูกใหญ่พัดผ่าน...เป็นแบบนี้นี่เอง
++---tbc---++
A/N: ตอนนี้คงทำให้หลายๆ คนที่เอาใจช่วยน้องภัทรกับคุณเชษฐ์หายใจหายคอโล่งกันขึ้นเนอะ? ใครอ่านแล้วลงคอมเม้นต์ให้ชื่นใจหน่อยนะคะ >.<
Create Date : 16 ธันวาคม 2555 |
Last Update : 16 ธันวาคม 2555 23:47:50 น. |
|
18 comments
|
Counter : 2862 Pageviews. |
|
|
|
โดย: tonnum IP: 49.49.190.129 วันที่: 17 ธันวาคม 2555 เวลา:9:44:17 น. |
|
|
|
โดย: เอิงเอย IP: 118.172.6.47 วันที่: 17 ธันวาคม 2555 เวลา:9:57:39 น. |
|
|
|
โดย: sunisa131 IP: 58.137.231.250 วันที่: 17 ธันวาคม 2555 เวลา:10:17:31 น. |
|
|
|
โดย: Joy Supanut Cha IP: 124.122.227.55 วันที่: 17 ธันวาคม 2555 เวลา:11:18:20 น. |
|
|
|
โดย: Niii IP: 110.77.136.84 วันที่: 17 ธันวาคม 2555 เวลา:11:53:16 น. |
|
|
|
โดย: น้ำชา สีเบจ IP: 101.109.31.207 วันที่: 17 ธันวาคม 2555 เวลา:12:11:20 น. |
|
|
|
โดย: ่จุ๋ม IP: 58.11.39.242 วันที่: 17 ธันวาคม 2555 เวลา:12:39:44 น. |
|
|
|
โดย: tamajinme IP: 58.8.240.146 วันที่: 17 ธันวาคม 2555 เวลา:12:40:49 น. |
|
|
|
โดย: zequs IP: 182.232.155.207 วันที่: 17 ธันวาคม 2555 เวลา:13:01:36 น. |
|
|
|
โดย: คำนาง IP: 223.205.12.81 วันที่: 17 ธันวาคม 2555 เวลา:15:21:00 น. |
|
|
|
โดย: JI IP: 124.121.141.120 วันที่: 17 ธันวาคม 2555 เวลา:21:19:26 น. |
|
|
|
โดย: Annko IP: 49.0.76.203 วันที่: 19 ธันวาคม 2555 เวลา:0:27:49 น. |
|
|
|
โดย: SK26 IP: 110.168.174.12 วันที่: 19 ธันวาคม 2555 เวลา:19:21:08 น. |
|
|
|
โดย: ภัทร IP: 124.120.146.202 วันที่: 19 ธันวาคม 2555 เวลา:20:59:37 น. |
|
|
|
โดย: Siwadee IP: 183.89.44.171 วันที่: 20 ธันวาคม 2555 เวลา:13:37:10 น. |
|
|
|
โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 20 ธันวาคม 2555 เวลา:15:31:34 น. |
|
|
|
โดย: Ning kulanit IP: 27.55.135.49 วันที่: 21 ธันวาคม 2555 เวลา:20:59:22 น. |
|
|
|
โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 22 ธันวาคม 2555 เวลา:11:54:27 น. |
|
|
|
| |
|
|
ที่คุณเชษฐ์ฟื้นสักที
และจำหนูภัทรได้
ไม่งั้นสงสารหนูภัทรแย่เลย